Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบหลักสูตรการทอผ้าไหมมัดมี่ลายแคนแก่นคูณ

เอกสารประกอบหลักสูตรการทอผ้าไหมมัดมี่ลายแคนแก่นคูณ

Published by Natchanon078, 2022-01-12 14:05:06

Description: เอกสารประกอบหลักสูตรการทอผ้าไหมมัดมี่ลายแคนแก่นคูณ

Search

Read the Text Version

คำนำ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวตรีนุช เทียนทอง) กาหนดนโยบายการจัด การศกึ ษาและภารกจิ แรง่ ด่วน เพ่ือขับเคลือ่ นการจัดการศึกษาที่มุ่งพัฒนาทักษะทางอาชพี สง่ เสริมการจัดการศึกษา ทเ่ี น้นพฒั นาทักษะอาชีพของผเู้ รียน เพื่อพัฒนาคุณภาพชวี ิต สร้างอาชีพและรายได้ รวมทั้งเพ่ิมขีดความสามารถใน การแข่งขันของประเทศ โดยมอบหมายให้สานักงาน กศน.ดาเนินการส่งเสริมการจัดการศึกษาพัฒนาอาชีพเพ่ือการ มีงานทา re-skill และ up-skill ให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สานักงานกศน.จังหวัดขอนแก่น จึงจัดทาหลักสูตรเพ่ือพัฒนาอาชีพ re-skill และ up-skill ซึ่งในเบ้ืองต้นดาเนินการขับเคล่ือนใน 5 กลุ่มอาชีพ ได้แก่ กลุ่มอาชีพเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชย กรรมและการบริการ ความคิดสร้างสรรค์ และอาชีพเฉพาะทาง รวมจานวนทั้งส้ิน 5 หลักสูตร เพื่อให้สถานศึกษา หรือผู้จัดกิจกรรมนาไปใช้ในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาตามนโยบายดังกล่าว เอกสารประกอบหลักสูตรกลุ่ม อาชีพความคิดสร้างสรรค์เล่มน้ี มีจานวน 1 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรการทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู โดยจัดขน้ึ ขึ้น เพอ่ื อานวยความสะดวกให้แก่ผเู้ รยี น หลักสูตรการจัดการศึกษาเพือ่ พฒั นาอาชีพ re-skill และ up-skill ท่สี อดคล้องกับบรบิ ทเชงิ พ้นื ที่ 1 กศน.ตาบล 1 หลักสูตรอาชีพ ซ่ึงมีรายละเอียดของหลักสูตรท่ีจะทาให้ผู้สอนหรือผู้เรียนเข้าใจถึงความเป็นมา หลกั การ จุดมุ่งหมาย โครงสร้างเนอ้ื หาของหลักสตู ร การจดั การเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผล การจบหลักสตู รและ การเทียบโอน สาหรับเอกสารหลักสูตรเล่มน้ี ได้จัดทาเนื้อหาเกี่ยวกับแผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ จัดทาส่ือการ เรียนรู้ตามแผน ซ่ึงมีทั้งเอกสารใบความรู้ คลิปเสรมิ การเรียนรู้ และใบงาน ที่ผู้สอนหรือผู้เรียนเมื่อได้เรียนรู้และฝึก ปฏบิ ัตติ ามแผน จะสามารถพัฒนาตนเองใหม้ คี วามรู้และทักษะบรรลตุ ามจดุ มุ่งหมายของหลกั สตู ร หลักสูตรอาชีพการทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน โดย กศน.ตาบลกดุ เพียขอม ได้ปรับปรุงจากหลักสูตร อาชีพท่ีสถานศึกษาได้เข้าร่วมการอบรมและพัฒนาเป็นต้นร่างมาก่อนแล้ว เนื้อหารสาระให้ครบวงจรและกาหนด ระยะเวลาในการเรียนให้เหมาะสม โดยได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ท่ีมีความเช่ียวชาญ ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ท้ังด้าน เน้ือหาสาระ ทักษะกระบวนการ และประกอบอาชีพด้านนี้โดยตรง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาหลักสูตร ด้านสื่อ การสอน ด้านวัดและประเมินผลและผู้ท่ีเก่ียวข้อง มาร่วมพิจารณาและตรวจสอบความถูกต้องจึงทาให้การ ดาเนนิ การจัดทาหลักสูตรในครัง้ นเ้ี สร็จสิ้นไปด้วยดี กศน.ตาบลกดุ เพยี ขอม อาเภอชนบท ขอขอบคณุ มา ณ โอกาส น้ี กศน.ตาบลกดุ เพยี ขอม

สำรบัญ หนา้ ก คานา ข สารบัญ ค คาช้แี จง หลกั สูตรการทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู 1 3 แผนการจัดกระบวนการเรยี นรู้ 4 ตารางสรปุ ผลการเรยี นรูป้ ระกอบการจัดกระบวนการเรียนรู้ 71 ส่อื การเรยี นรู้ 72 บรรณานุกรม คณะผูจ้ ดั ทา

คำชี้แจง ในการนาเอกสารประกอบหลักสูตรไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนหรือวิทยากร ตลอดจนผู้เรียน เรยี นรู้ดว้ ยตนเอง จะต้องทาความเขา้ ใจดังต่อไปน้ี 1. การจัดทาหลักสูตรเพื่อพัฒนาอาชีพ re-skill และ up-skill คร้ังน้ีได้ดาเนินการใน 5 กลุ่มอาชีพ ได้แก่ กลุ่มอาชีพเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พานิชยกรรมและบริการ ความคิดสร้างสรรค์ และอาชีพเฉพาะทาง พร้อมทั้งเอกสารประกอบหลักสูตรทุกหลักสูตร มีเน้ือหา สื่อการเรียนรู้ และภาพประกอบจานวนมาก เพ่ือให้ สะดวกและงา่ ยตอ่ การนาไปใช้ 2. เอกสารประกอบหลักสูตรกลุ่มอาชีพความคิดสร้างสรรค์ มีจานวน 1 หลักสูตร คือ หลักสูตรการ ทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน ซ่ึงจะต้องใช้ควบคู่กับหลักสูตรเพ่ือพัฒนาอาชีพ re-skill และ up-skill ซ่ึงมรี ายละเอยี ด ของหลกั สูตรที่จะช่วยให้ผู้สอนหรือผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง มีความเข้าใจถึงเหตุผล ความเป็นมา หลักการ จุดหมาย โครงสรา้ งเนื้อหาของหลกั สูตร ระยะเวลา ตลอดจนการวัดผลและประเมินผล และการจบหลักสตู ร 3. การจัดทาเอกสารประกอบหลกั สตู รกลมุ่ อาชีพความคดิ สร้างสรรค์ในครง้ั นี้ เพ่ือให้สถานศึกษาหรือ ผูจ้ ัดกิจกรรม ในไปใชใ้ นการจดั การเรยี นรู้ตามหลักสูตรดังกลา่ ว ประกอบดว้ ย 3.1 แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ 3.2 ตารางสรุปการส่อื การเรียนรู้ประกอบการจดั กระบวนการเรยี นรู้ 3.3 สื่อและแหล่งเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ที่จัดทาขึ้นเพื่อใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ตาม หลักสูตรต่าง ๆ ได้แก่ ใบงาน ใบความรู้ ส่ือเรียนรู้ออนไลน์ ทั้งน้ี สถานศึกษาหรือผู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้สามารถ ปรับปรุงหรือเพิ่มเติมเน้ือหาหรือสื่อการเรียนรู้ในการจัดการเรียนรู้ เพ่ือให้สอดคล้องกับความพร้อม ความต้องการ ของกลมุ่ เปา้ หมาย รวมถงึ สภาพความแตกต่างของผเู้ รียน โดยใหเ้ ป็นไปตามโครงสร้างของหลกั สูตรท่กี าหนดไว้

1 แผนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ตามหลกั สตู รการทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน ที่ เร่อื ง จุดประสงคก์ าร เนอ้ื หา การจดั กระบวนการ จานวนช่ัวโมง เรยี นรู้ เรยี นรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ 1. ผ้าไหมมัดหม่ี 1. ควำมสำคญั ใน 1. ควำมรู้เกย่ี วกบั ผำ้ ไหมมดั หม่ี - วทิ ยำกรบรรยำย 3 (จำนวน 2 ชั่วโมง) กำรประกอบอำชพี 2. ผ้ำไหมมดั หมอ่ี ำเภอชนบท - ส่อื อินเตอร์เนต็ กำรทอผำ้ ไหม 3. ลำยแคนแก่นคณู - แบบทดสอบก่อนเรียน 4. คุณสมบตั ิอันมีคำ่ ของผำ้ ไหม ไทย 5. คณุ ค่ำของผำ้ ไหมไทย 6. กำรดูแลรกั ษำผำ้ ไหม 2. การทอผ้าไหมมดั หมี่ 2. ทักษะกำร 2.1 พ้นื ฐำนกำรทอผ้ำไหม/ วสั ดุ *วิทยำกรบรรยำย/ สำธิต 39 ลายแคนแกน่ คนู ประกอบอำชีพกำร อปุ กรณ์ - กำรฟอกย้อม (จำนวน 40 ชัว่ โมง) ทอผ้ำไหมลำยแคน 2.2 กำรฟอกย้อม - กำรถกไหม/กำรย้อม แก่นคนู 2.3 กำรถกไหม/กำรย้อม - กำรกวักไหม 2.4 กำรกวักไหม - กำรคน้ ไหม 2.5 กำรค้นไหม - กำรมัดหมลี่ ำยพ้นื ฐำน/ 2.6 กำรมัดหมล่ี ำยพนื้ ฐำน/ลำย แคนแก่นคูน ลำยแคนแกน่ คนู 2.7 กำรโอบหมี่ - กำรโอบหม่ี 2.8 กำรแกห้ ม่ี - กำรแก้หมี่ 2.9 กำรปั่นไหม เขำ้ กระสวย - กำรปน่ั ไหม เขำ้ กระสวย 2.10 กำรทอผ้ำไหมมดั หม่ี - กำรทอผำ้ ไหม 3. การจดั การตลาด 3. กำรบรหิ ำร 3.1 มำตรฐำนผลิตภณั ฑ์ชมุ ชน - วิทยำกรบรรยำย 4 ชม. เบื้องตน้ และการ จัดกำรในกำร 3.2 กำรออกแบบบรรจุภณั ฑ์ 4 ชม. บรรจุภัณฑ์ ประกอบอำชพี กำร 3.3 ช่องทำงกำรจดั จำหนำ่ ย 1. อธิบำยและศกึ ษำจำก (จำนวน 4 ช่วั โมง) ทอผ้ำไหมมัดหมลี่ ำย ใบควำมรู้ในกำรคำนวน แคนแกน่ คนู 1. กำรคำนวนต้นทนุ และกำไร ต้นทนุ และกำไรกำรจดั ให้ 4. การบริหารหนสี้ นิ 1. สำมำรถคำนวน 2. แหลง่ เงินทนุ และกำรเขำ้ ถงึ ผูเ้ รยี นศึกษำเนอื้ หำจำกใบ เบือ้ งตน้ และบญั ชี ตน้ ทนุ และกำไรได้ กำรขอสนิ เช่อื จำกสถำบนั ควำมรแู้ ละค้นคว้ำจำก เบอื้ งต้น 2. รู้จักแหลง่ เงนิ ทนุ กำรเงนิ Google (4 ชัว่ โมง) และกำรเข้ำถงึ กำร 3. กำรบริหำรจัดกำรหนสี้ ินและ 2. จัดเวทเี สวนำและกำร ขอสนิ เชอื่ จำก กำรบรหิ ำรสญั ญำ แนะแนวจำกตวั แทน สถำบันกำรเงินเพ่ือ 4. กำรจัดทำบญั ชคี รวั เรือน สถำบันกำรเงินเรอื่ ง แหล่ง ลงทุนในอำชพี 3. เข้ำใจวิธีกำร บรหิ ำรจดั กำรหน้สี นิ เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพียขอม

2 ท่ี เร่ือง จุดประสงคก์ าร เนอื้ หา การจัดกระบวนการ จานวนชว่ั โมง เรยี นรู้ เรียนรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ และกำรบรหิ ำร เงินทนุ และกำรเข้ำถงึ กำร สญั ญำได้ ขอสนิ เชอื่ จำกสถำบัน 4. ผเู้ รยี นสำมำรถ กำรเงนิ กำรบรหิ ำรจดั กำร จดั ทำบญั ชีครวั เรอื น หน้ีสนิ และกำรบรหิ ำร สัญญำ 3. ผู้เรยี นฝกึ จัดทำบญั ชี ครัวเรอื น แล้วจัดกจิ กรรม กำรสนทนำแลกเปลย่ี น ข้อมลู ควำมคดิ เห็น เพอื่ สรำ้ งแนวคดิ ในกำรดำเนิน กิจกรรมกำรเรยี นรู้ รวม 11 39 รวมท้งั ส้ิน 50 เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

3 ตารางสรปุ ส่อื การเรียนรู้ประกอบการจดั กระบวนการเรียนรู้ ตามหลกั สตู รการทาเครอื่ งดื่มเพือ่ สุขภาพ เร่อื งท่ี เนื้อหา สื่อประกอบการจดั การเรยี นรู้ หน้า 1. 1.1 ควำมรเู้ กี่ยวกับผำ้ ไหมมดั หมี่ - แบบทดสอบก่อนเรยี น 1.2 ผำ้ ไหมมดั หม่อี ำเภอชนบท - กำรบรรยำย (เอกสำร ประกอบ) 1.3 ลำยแคนแก่นคนู - ใบควำมรู้เรอื่ ง ผำ้ ไหมมัดหม/ี่ ลำยแคนแก่น 1.4 คณุ สมบตั อิ นั มีค่ำของผำ้ ไหมไทย คูน/คณุ สมบัตอิ ันมคี ่ำของผำ้ ไหมไทย/คุณค่ำ 1.5 คณุ คำ่ ของผ้ำไหมไทย ของผ้ำไหมไทย/กำรดแู ลรกั ษำผำ้ ไหม 1.6 กำรดแู ลรกั ษำผ้ำไหม - สอื่ อินเตอร์เน็ต - ใบงำน 2. 2.1 พ้ืนฐำนกำรทอผ้ำไหม/วัสดุ อปุ กรณ์ - ใบควำมรู้เรื่องพืน้ ฐำนกำรทอผำ้ ไหมมดั หม/ี่ วสั ดุ 2.2 กำรกรอเสน้ ไหมยนื อปุ กรณ์ 2.3 กำรเตรยี มฟมื ทอผ้ำ - กำรกรอเส้นไหมยืน/กำรเตรียมฟืมทอผำ้ / 2.4 กำรเกบ็ ตะกอ กำรเก็บตะกอ/กำรรอ้ ยฟันหวี/หรอื กำรหวีเสน้ ด้ำย/ 2.4 กำรรอ้ ยฟนั หวี หรอื กำรหวเี สน้ ด้ำย กำรคน้ ไหมเส้นพุ่ง/กำรออกแบบลำยแคนแก่นคูน/ 2.5 กำรค้นไหมเสน้ พงุ่ กำรมดั หมี่ลำยพืน้ ฐำน/กำรมดั หมล่ี ำยแคนแก่นคูน/ 2.6 กำรออกแบบลำยแคนแกน่ คนู กำรย้อมหม/่ี กำรปั่นหลอดหม/่ี กำรทอผ้ำไหมมดั หม่ี 2.7 กำรมดั หมล่ี ำยพื้นฐำน - ใบงำน เรอื่ ง ขนั้ ตอนกำรทอผ้ำไหมมัดหม่ีลำยแคน 2.8 กำรมดั หมลี่ ำยแคนแก่นคูน แก่นคนู 2.9 กำรยอ้ มหม่ี 2.10 กำรป่ันหลอดหม่ี 2.11 กำรทอผ้ำไหมมดั หมี่ 3. 3.1 มำตรฐำนผลติ ภัณฑช์ มุ ชน - ใบควำมรเู้ ร่ืองมำตรฐำนผลิตภณั ฑช์ มุ ชน/กำร 3.2 กำรออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ ออกแบบบรรจภุ ัณฑ์/ช่องทำงกำรจัดจำหนำ่ ย 3.3 ช่องทำงกำรจัดจำหนำ่ ย - สอ่ื อินเทอร์เน็ต - ใบงำนเร่ืองมำตรฐำนผลติ ภัณฑ์ชุมชน/กำร ออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์/ช่องทำงกำรจัดจำหนำ่ ย 4. 4.1 กำรคำนวนต้นทนุ และกำไร - ใบควำมรเู้ รือ่ งกำรคำนวนตน้ ทนุ และกำไร/แหล่ง 4.2 แหลง่ เงนิ ทนุ และกำรเข้ำถึงกำรขอสินเชื่อจำก เงนิ ทนุ และกำรเขำ้ ถงึ กำรขอสินเชอ่ื จำกสถำบัน สถำบันกำรเงนิ กำรเงนิ /กำรบริหำรจัดกำรหนส้ี ินและกำรบริหำร 4.3 กำรบริหำรจดั กำรหนสี้ นิ และกำรบรหิ ำรสญั ญำ สญั ญำ/กำรจัดทำบญั ชีครวั เรอื น 4.4 กำรจัดทำบญั ชคี รัวเรือน - ส่อื อินเทอร์เนต็ - ใบงำนเรอ่ื ง กำรคำนวนต้นทนุ และกำไร/แหล่ง เงินทนุ และกำรเข้ำถงึ กำรขอสนิ เชอื่ จำกสถำบัน กำรเงนิ /กำรบรหิ ำรจัดกำรหนส้ี ินและกำรบริหำร สัญญำ/กำรจดั ทำบญั ชคี รวั เรอื น เอกสารประกอบหลกั สูตร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

4 ใบความรู้ท่ี 1 เรื่องผา้ ไหมมัดหมี่ ผ้าไหมมัดหมี่ เป็นศิลปะกำรทอผ้ำพ้ืนเมืองชนิดหน่ึงนิยมทำมำนำนแล้ว ในภำคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ไทย และบำงท้องท่ีในเขตภำคกลำง เช่น จังหวัดสุพรรณบุรี อุทัยธำนี กำญจนบุรี ลพบุรี และชัยนำท วิธีกำรทำผ้ำ มดั หม่คี ือกำรมดั ดำ้ ยให้เป็นลำยทเ่ี ส้นพุ่งหรอื เส้นยนื ดว้ ยเชือกแล้วนำไปยอ้ มสี เพ่ือให้สแี ละลำยตำมที่กำหนด แลว้ จึง นำมำทอเป็นผ้ำ ผ้ำไหมมัดหมใ่ี นบ้ำนเรำสว่ นใหญ่นิยมทอผ้ำมัดหม่ีเสน้ พุ่ง แตม่ ีบำงจังหวดั ที่มีกำรทำผ้ำมัดหมี่โดยใช้ เส้นยืน ซึ่งได้แก่จังหวัด เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน รำชบุรี เพชรบุรี ส่วนใหญ่เป็นผ้ำชำวเขำซ่ึงเป็นผ้ำซ่ินมัดหมี่ รำชบุรี สุพรรณบุรี ฯลฯ บำงแห่งมีกำรทอผ้ำมัดหม่ีสลับกันกับลำยขิต เพื่อเพิ่มควำมงดงำมให้แก่ผ้ำไหมมำกย่ิงขึ้น ส่วนผ้ำ มัดหม่จี ำกสุรินทร์ มชี ือ่ เสียงทงั้ ในด้ำนควำมสวยงำมของเส้นไหมและลวดลำยซงึ่ ไดร้ บั อทิ ธิพลจำกเขมร การทอผา้ มดั หม่จี ะมีอยู่ทวั่ ไป 2 ลกั ษณะ คอื กำรทอผำ้ มดั หม่ี 2 ตะกรอ เป็นลำยขัดธรรมดำ ผำ้ จะใชไ้ ดเ้ พียงหนำ้ เดยี ว กำรทอผ้ำมัดหม่ี 3 ตะกรอ เป็นกำรทอผ้ำลำยสอง เน้ือผ้ำจะแน่น สำมำรถใช้ผ้ำได้ทั้ง 2 ด้ำน โดย ดำ้ นหน้ำจะใหส้ สี ดใส และลวดลำยชัดกว่ำด้ำนใน ในปัจจุบันมีกำรทอผ้ำมัดหม่ีกับหลำยรูปแบบ มีกำรดัดแปลงลำยพ้ืนบ้ำนผสมกับลำยโบรำณท่ี ถ่ำยทอดสืบต่อมำเร่ือย ๆ อีกท้ังปัจจุบันผ้ำไหมมัดหม่ีได้มีกำรนำมำออกแบบเส้ือผ้ำสตรี-บุรุษได้อย่ำงสวยงำมและ เป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพำะทีโ่ ดดเดน่ มำก ผ้ำไหมมัดหม่ีมีกำรผลิตกันมำก และเป็นที่ต้องกำรของตลำด เช่น ผ้ำไหมมัดหมี่ลำยต่ำง ๆ ทั้ง 2 ตะ กรอ และ 3 ตะกรอ ผ้ำไหมมัดหม่ีหน้ำนำงธรรมดำ ผ้ำมัดหมี่หน้ำนำงประยุกต์ ผ้ำมัดหม่ีหน้ำนำงพิเศษ ซึ่งแต่ละ ชนิดจะมีควำมยำกงำ่ ยในกำรมดั และทอตำ่ งกนั ควำมสวยงำมจะแตกต่ำงกันออกไป ข้นึ อย่กู ับควำมปรำณตี ละเอยี ด ของขบวนกำรมัดหมี่และทอผ้ำ สำหรับลวดลำยต่ำง ๆ ท่ีผู้ทอผ้ำมัดหมี่ได้มีกำรออกแบบลวดลำยนั้น ก็จะนำมำจำก ลวดลำยเก่ำแก่ท่ียังคงอยู่ ผสมกับแนวควำมคิดในกำรผสมลวดลำยต่ำง ๆ กัน เช่น ลำยเครื่องตำลึง ลำยพญำนำคคู่ ลำยลูกศร ลำยมดั หมผ่ี ำ้ ปมู เขมร ลำยขอพระเทพ เป็นต้น ผ้ำมัดหมี่ เป็นกำรทอผ้ำอย่ำงหน่ึงที่มีกำรสร้ำงลวดลำยก่อนที่จะทำกำรย้อมสี กำรทำลำยผ้ำมัดหม่ี เป็นกำรเอำเชอื กมำมัดด้ำยหรือมดั เส้นไหมตำมลวดลำยท่ีได้ออกแบบไว้ กำรมัดและย้อมลำยจะมีกำรทำท้ังเส้นทำง แนวยืน และแนวนอนหรือท่ีเรียกว่ำแนวพุ่ง มีกำรสันนิษฐำนว่ำกำรมัดลำยในแนวยืนน่ำจะมีมำก่อนในแนวพุ่ง และ จำกกำรสืบค้นมีข้อสันนิษฐำนว่ำน่ำจะได้รับแบบอย่ำงมำจำกประเทศอินเดีย โดยในสมัยโบรำณที่มีกำรค้ำขำยกัน และติดมำกบั สนิ คำ้ อืน่ กำรทอผ้ำมัดหมี่โบรำณนิยมกำรย้อมสีด้วยสีธรรมชำติ เช่น สีแดงจำกครั่ง สีน้ำเงินจำกครำม เป็นต้น ส่วนผ้ำไหมมัดหม่ีจะนิยมทำในกลุ่มไท-ลำวในภำคตะวันออกเฉียงเหนือ จำกเส้นทำงกำรรับแบบอย่ำงของผ้ำมัดหม่ี คือจำกอินเดีย ผ่ำนมำทำงอินโดนีเซียและกัมพูชำหรือเขมร ดังท่ีเรำจะเห็นได้ว่ำผ้ำไหมมัดหม่ีของจังหวัดสุรินทร์ และบุรรี มั ย์ จะเป็นวฒั นธรรมทเ่ี ป็นแบบเขมรอย่ำงเห็นไดช้ ดั ปัจจุบันผ้ำมัดหมี่มีกำรทำกันอย่ำงแพร่หลำย สำมำรถทำได้ดีทั้งผ้ำฝ้ำยและผ้ำไหม โดยเฉพำะผ้ำไหม จะมีควำมสวยงำมมำก นอกจำกตัวผ้ำไหมเองแล้ว ลวดลำยและสีสันยังเป็นปัจจัยท่ีช่วยสร้ำงควำมสวยงำมให้มำก เอกสารประกอบหลกั สูตร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพียขอม

5 ย่ิงขึ้น กำรอนุรักษ์ลวดลำยโบรำณ และนำมำประยุกต์ใช้ จึงเป็นส่ิงที่น่ำจะได้รับกำรส่งเสริมพัฒนำเป็นอย่ำงย่ิง ดังน้ัน กำรเก็บรวบรวมองค์ควำมรู้เกี่ยวกับกำรผลิตผ้ำไหมมัดหม่ีสีธรรมชำติเพื่อกำรถ่ำยทอดสู่คนรุ่นต่อไปจึงเป็น เร่อื งทีด่ ีและควรให้กำรสนับสนนุ (ขอ้ มูลทม่ี ำ : https://www.ketysmile.com/2020/11/13/) ผา้ ไหมมดั หมอี่ าเภอชนบท อำเภอชนบท เริ่มมีกำรทอผ้ำมำต้ังแต่เมื่อไร ไม่สำมำรถสืบประวัติได้ แต่มีหลักฐำนสำคัญคือ ผ้ำไหม มัดหม่ีหน้ำนำง หรือผ้ำปูม อำยุ กว่ำ 220 ปี ท่ีเจ้ำเมืองชนบทคนแรกได้รับพระรำชทำนจำกพระบำทสมเด็จพระ พทุ ธยอดฟ้ำจฬุ ำโลก รัชกำลที่ 1 โดยทำยำทของเจ้ำเมืองเป็นผู้เก็บรักษำไว้ ซ่ึงต่อมำ คนชนบทได้นำมำเป็นต้นแบบ ในกำรทอผ้ำไหมมัดหมีห่ น้ำนำง ที่มีชื่อเสียงและเปน็ เอกลักษณ์อย่ำงหน่ึงของผ้ำไหมชนบทในปัจจบุ ัน จงึ สันนิษฐำน ว่ำกำรทอผำ้ ของอำเภอชนบทนำ่ จะมมี ำไม่ตำ่ กว่ำ 100 ปี หรืออำจจะมีมำต้ังแต่เริ่มตั้งเมอื งชนบท คือ ประมำณ 200 กวำ่ ปีทีแ่ ลว้ ผ้ำท่ีทอด้วยมือที่มีช่ือเสียงท่ีสุดของอำเภอชนบท ได้แก่ “ผ้ำไหมมัดหม่ี” โดยมีขั้นตอนเริ่มจำกกำร คัดเลือกเส้นไหม กำรออกแบบลำยหม่ี กำรให้สี กำรทอเป็นผืนผ้ำ ซ่ึงเป็นงำนที่ละเอียดอ่อน ผ้ำไหมชนบทมีจุดเด่น คือ มีควำมสวยงำม ลวดลำยละเอียดแตกตำ่ งจำกทอ่ี น่ื เอกลักษณ์ของผ้ำไหมชนบท คือ “ลำย”และ “เทคนิคกำรทอผ้ำ” ลำยเก่ำแก่ท่ีสืบทอดกันมำและถือ ว่ำเป็นลำยต้นแบบและเป็นลำยเก่ำแก่ของผ้ำเมืองขอนแก่น คือ ลำยหม่ีกง ลำยขันหมำกเบ็ง ลำยขอพระเทพหรือ ลำยเชิงเทียน โดยส่วนใหญเ่ กอื บทัง้ หมดจะเป็นกำรทอผำ้ แบบ 3 ตะกอ ทำใหเ้ นื้อผำ้ แน่น สม่ำเสมอ มลี ักษณะสแี ละ ลวดลำยของผ้ำดำ้ นหนึ่งสีทบึ กว่ำอกี ดำ้ น สีทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณด์ ้ังเดิมคือ สีม่วง สีแดง สีเขยี ว สีเมด็ มะขำม เอกลักษณ์ของกำรทอผ้ำอีกแบบหนึ่งของชำวชนบท คือ ผ้ำปูมหรือผ้ำหน้ำนำง ซ่ึงมีลักษณะแบบโจง กระเบน ประกอบด้วย ลำยมัดหม่บี รเิ วณทอ้ งผ้ำ ลำยมดั หม่หี น้ำนำง และลำยมดั หมีร่ มิ ชำยผำ้ ทงั้ สองด้ำน ผา้ หนา้ นาง หรอื ผ้าปูม ซ่ึงเปน็ ของเจา้ เมืองชนบท อายุกว่า 220 ปี เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พียขอม

6 ลวดลำยผ้ำไหมมัดหม่ีชนบทลวดลำยดงั้ เดิม เป็นลวดลำยที่สืบทอดมำจำกบรรพบุรุษ ใช้วิธีกำรมัดหม่ี และทอแบบดัง้ เดิม อำจเปลี่ยนแปลงสีสนั ได้ตำมควำมต้องกำร ลำยด้ังเดมิ ลำยขนำดเลก็ ได้แก่ ลำยกง ลำยโคม ลำย หมำกจับ ลำยปลำซิว ลำยดอกแก้วน้อย ลำยดั้งเดิมลำยขนำดกลำง ได้แก่ ลำยแมงมุม ลำยกนกเชิงเทียน ลำยขอ พระเทพ ลำยขันหมำกเบง็ ลำยตน้ สน ลำยขำเปยี น้อย ลำยตำลงึ เครือ ลำยด้ังเดิมลำยใหญ่ ไดแ้ ก่ ลำยนำคเกย้ี ว ลำย ขอเกี้ยว ลำยสำเภำหลงเกำะ ลำยตน้ สนใหญ่ ลำยนกยูง เปน็ ตน้ ลายหมากจับวา่ น ลายปลาซิว ลายเชิงเทยี น ลายขอพระเทพ กรรมวิธีกำรทอผ้ำไหมมัดหม่ีชนบท เป็นกำรทอผ้ำมัดหม่ีเส้นพุ่ง คือมีกำรมัดลวดลำยและย้อมสี เฉพำะเส้นพุ่ง ส่วนเสน้ ยืนใชเ้ ส้นไหมย้อมสีตำมท่ีต้องกำรแต่ไม่มีกำรมัดทำลวดลำย ซ่ึงเป็นกระบวนกำรในกำรทอผ้ำ มัดหม่ีส่วนใหญ่ของประเทศไทย ลายเด่น ท่ีขึ้นชอื่ ของกลุ่มผา้ ไหมมดั หม่ีชนบท เอกสารประกอบหลักสูตร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพียขอม

7 ลายผ้าโบราณ ลายผ้าประยุกต์ เอกสารประกอบหลักสูตร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพยี ขอม

8 (ขอ้ มูลทม่ี ำ/ภำพประกอบ : https://qsds.go.th/silkcotton/k_8.php) เอกสารประกอบหลักสูตร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

9 ลายแคนแก่นคูณ นครขอนแก่น ไดร้ บั ฉำยำว่ำ เปน็ “นครแห่งไหม” ในภำคอสี ำน ปี 2561 จึงเปน็ ปปี ระวตั ศิ ำสตร์ ทจ่ี ำรึกว่ำ เมืองนี้ มลี ำย ผำ้ เปน็ เอกลักษณ์ของเมอื งแล้ว เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พียขอม

10 “แคนแกน่ คนู ” มีองค์ประกอบ ของลำยที่แสดงถึง ท่ีมำ แทนควำมหมำยลึกซ้งึ มจี ติ วิญญำณทีส่ ัมผสั ได้ ของคน อสี ำน จำกเสน้ ทำงที่มำของใยไหม นำมำ มัด ย้อมสี ข้นึ ลำย ทอมือ จนเป็นผนื ผ้ำ สะท้อนที่มำ ระหสั ที่ถอดออกมำ จำกภูมิปัญญำของแนวคิดคณะปรำชญ์ ท้ัง 7 ลำยได้แก่ 1 ลายแคน หมำยถึง สญั ลกั ษณ์แทนควำมเจรญิ และสนกุ สนำน เมอื งแหง่ หมอแคน ควำมสุขของชำวเมอื ง ขอนแก่น 2 ดอกคูน หมำยถึง สัญลักษณซ์ ่งึ เปน็ ดอกไม้ประจำจงั หวดั ขอนแกน่ 3 พานบายศรี หมำยถึง ควำมมมี ิตรภำพ ประเพณกี ำรผกู เส่ยี ว และกำรยินดตี อ้ นรับผู้มำเยอื นของประชน ชำวขอนแก่น เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

11 4 ลายขอ หมำยถึง สัญลักษณแ์ ทนควำมกนิ ดีอยู่ดี ควำมอุดมสมบรู ณ์ของประชำชนชำวขอนแก่น 5 ลายโคม หมำยถงึ กำรสบื ทอดภูมิปญั ญำวัฒนธรรมของชำวขอนแกน่ 6 ลายกง หมำยถงึ อำณำเขต บรเิ วณท่ไี ดร้ ับกำรอำรักขำให้เกดิ ควำมมั่นคง ปลอดภัย ทั้งด้ำนร่ำงกำย จิตใจ ตลอดไป เอกสารประกอบหลกั สูตร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พียขอม

12 7 ลายหมากจบั หมำยถึง ควำมรกั ควำมสำมัคคี ควำมเป็นน้ำหน่ึงใจเดียวกนั ของประชำชนชำวขอนแกน่ (ข้อมลู ทีม่ ำ/ภำพประกอบ : https://old.khonkaenlink.info/home/news/7020.html) คณุ สมบัติอันมีคา่ ของผ้าไหมไทย คุณสมบตั อิ ันมคี ำ่ ของผำ้ ไหมไทยที่มีช่อื ขจรขจำยไปสู่ทกุ ภูมภิ ำคของโลก (จำกกำรมอง) มีสองลักษณะคอื 1. กำรมองในลักษณะภำยนอก คือผ้ำไหมไทยน้ัน เมื่อมองแล้วจะมีควำมงำมเป็นประกำย มีควำมตรึงใจ และทำใหห้ ลงใหลในสีสนั อันงดงำม และดภู มู ิฐำนเม่ือใครไดส้ วมใส่ผำ้ ไหมไทยจะแสดงถึงควำมมีรสนยิ มสูง 2. กำรมองในลักษณะของกำรได้สวมใส่หรือสัมผัส เม่ือได้สวมใส่ผ้ำไหมแล้วทำให้เกิดควำมสุขและควำม ภมู ิใจ คณุ สมบตั ทิ ่เี บำตวั ของผำ้ ไหม ทำใหม้ คี วำมรสู้ ึกสบำย ผ้ำไหมไทยได้รับกำรยอมรับว่ำเป็นรำชินีของเส้นใยทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกปัจจุบัน ผ้ำไหมหรือผลิตภัณฑ์จำก ไหมนั้นบอบบำง จึงต้องปฏิบัติรักษำอย่ำงพิถีพิถันอย่ำงน้อยทุกคนก็ทรำบดีอยู่แล้วว่ำ คุณสมบัติต่ำง ๆ ท่ีจะต้อง ปฏิบัติรักษำ เคล่ือนย้ำยอย่ำงระมัดระวัง ควำมสุข ควำมเบำสบำย ควำมภูมิใจ จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้ำเรำจะไม่ทำกำร รักษำคุณภำพอนั ดเี ลิศของผลิตภัณฑ์ จำกไหมทุกชนิดให้อย่ใู นสภำพที่นำ่ หยบิ น่ำเป็นเจ้ำของและน่ำสวมใส่ ผ้ำไหมไทย... คณุ ค่ำสสู่ ำกล ผา้ ไหม ภูมปิ ัญญาไทย กา้ วไกลสูต่ ลาดโลก กำรทอผ้ำไหม เป็นอุตสำหกรรมของคนไทย ภำคอีสำน มำนำนแล้ว สตรีชำวอีสำนเมื่อหมดหน้ำทำนำ จะ มำนั่งล้อมวง สำวไหม ป่ันและย้อมเส้นไหม ทอเป็นผืนเพื่อเก็บไว้ใช้หรือขำย ต่อสร้ำงผลงำนสืบสำนศิลปะไทยและ เสริมสร้ำงสุขภำพให้แข็งแรงไปพร้อมกันมำ ต้ังแต่ครั้งโบรำณ และกว่ำท่ีจะได้ผ้ำไหมผืน สวยๆ ส้ันตัดเย็บต้องผ่ำน ข้ันตอนกำรเล้ียงไหม ตัวไหมคล้ำย หนอนตัวเล็ก ๆ กินใบหม่อนเป็นอำหำรมีอำยุประมำณ 45 วัน จึงเร่ิมชักใย กลำยเป็นรังไหม กำรสำวไหม เม่ือตัวไหมชักใยได้ 2 วัน จึงเร่ิมเก็บรับไหมและต้องสำวไหมให้เสร็จภำยใน 7 วัน เพรำะตัวดักแด้จะกัด รังออกมำทำให้ได้เส้นไหมท่ีไม่สมบูรณ์ เส้นไหมที่ได้มี 3 ชนิด คือ ไหมต้น มีสีออกเหลืองอม แสดเส้น ใหญ่และไม่เรียบ ไหมกลำง เส้นไหมขนำดกลำงเรียบเสมอกันมีปุ่มเล็กน้อยนิยมนำมำตัดเสื้อผ้ำ เพรำะไม่ นิ่มมำกเส้ือผ้ำที่ได้มีรูปทรงสวยงำม เส้น ไหมมีเนื้อละเอียดสีทองดอกบวบ เมื่อนำมำทอจะได้ ผ้ำไหมที่มีเงำสวย เน้ือผ้ำแน่น เม่ือหยดน้ำลงไปจะเกำะเป็นเม็ดอยู่บนเน้ือผ้ำ ไม่สำมำรถซึมเข้ำไปได้ทนั ที จึงมีรำคำแพง กำรย้อมไหม ผำ้ ไหมสมัยก่อนไมค่ ่อยมีคุณภำพ เพรำะสีตก จำกเทคนคิ กำรย้อมที่ลำ้ สมัยที่ล้ำสมยั และใชส้ ีย้อมทไ่ี ด้จำกธรรมชำติ เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พียขอม

13 เช่น เปลือกไม้ต่ำง ๆ แต่ในปัจจุบันมีสีวิทยำศำสตร์ ทำให้สีไม่ตกและมีคุณ ภำพดีขึ้น กำรทอผ้ำไหมปัจจุบันใช้ \"กี่ กระตกุ \" ช่วยให้ทอง่ำยและรวดเร็ว ซึ่งลำยต่ำง ๆ จะเกิดจำกกำร มดั ย้อมเส้นไหม เรยี กว่ำ \"มัดหม\"่ี ให้เป็นลำยก่อน นำมำทอ กำรเรียกช่ือผำ้ ไหมเรียกตำมลำยผ้ำ เชน่ ซ่ิน หมี่ ซิ่นปูม ซน่ิ เชิง ซนิ่ ยก ลำยดอกพิกลุ ฯ ในอดตี ไหมไทยไม่ที่ รู้จักแพร่หลำยในตลำดโลกมำกนัก แม้กระทั่งคนไทยยังไม่นิยมนำผ้ำไหมมำตัด เย็บเสื้อผ้ำ เพรำะผ้ำไหมถูกตีกรอบ ให้เหมำะสมกับกลุ่มผู้ใหญ่เท่ำน้ัน จนหลังสงครำมโลกคร้ังที่ 2 เม่ือจ่ิม ทอมสัน ชำวอเมริกันฟื้นฟูอุตสำหกรรมไหม ไทย ขึ้นมำใหม่ทำให้ผ้ำไหมขึ้นมำใหม่ทำให้ผ้ำไหมไทยเป็น ที่รู้จักของโลกภำยนอกมำกย่ิงข้ึน ประกอบกับท่ีสมเด็จ พระนำงเจ้ำพระบรมรำชินีนำถทรงมีพระรำชดำริ ในกำรก่อตั้งศูนย์ศิลำปำชีพ เพ่ือส่งเสริมงำนฝีมือภูมิปัญญำไทย ผำ้ ไหม \"มัดหมี่\" จึงเป็นศิลปะอกี แขนง หน่งึ ท่ีทรงให้ควำมสำคัญ และไดร้ ับส่งเสริมพฒั นำในทุกข้ันตอนกำรผลิต ทรง ส่งเสริมให้มีผลิตออก มำหลำยๆ รูปแบบทั้งแบบผืนยำวเรียบลำยแถบ ยกดอก ภำพพิมพ์สมเด็จฯท่ำนทรงเป็ น แบบอย่ำงในกำร เผยแพร่ชอื่ เสียงของผ้ำไหมไทยโดยกำรท่ีทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้ำไหมไทย ไม่วำ่ จะอยู่ในประเทศ หรือ เสด็จต่ำงประเทศก็ตำม ผำ้ ไหมมัดหมี่นอกจำกจะมีลวดลำยที่สวยงำม แล้วยังมีควำมทนทำนสำมำรถสวมใส่ได้ หลำยปี หำก รู้จักวิธีกำรรักษำที่ถูกต้อง ปัจจุบันดีไซเนอร์ช้ันนำท้ังชำวไทยและชำวต่ำงประเทศนิยมนำผ้ำไหมท้ัง ผ้ำพืน้ และผำ้ มัดหมีไ่ ปตัดเย็บจดั แสดงแฟช่ันโชวค์ อลเลคชั่นผ้ำไหมใหเ้ ห็นกนั อยู่บอ่ ย ๆ ซง่ึ ผำ้ ไหม 2 เสน้ นิยม ตัดชุด สำหรับสุภำพสตรี ส่วนของผ้ำไหม 4 เส้น นำมำตัดเป็นเส้ือพระรำชทำน สำหรับสุภำพบุรุษหรือตัด ชุดสูทเป็นกำร ออกแบบผสมผสำนควำมงำมของผ้ำไหมไทยกับกำรตัดเย็บอย่ำงประณีตใน รูปแบบสำกล เพ่ือช่วยเสริมให้บุคลิก ของผู้สวมใส่ดูสวยงำมไม่ล้ำสมัย เหมำะสมกับคนทุกวัยและทุกโอกำส จำกกำรเริ่ม ต้นแค่ภูมิปัญญำของชำวชนบท ในภำคอีสำนของไทย เดี๋ยวน้ีผ้ำไหมไทยกลำยเป็นสินค้ำสำคัญของประเทศ และเป็นทต่ี ้องกำรของตลำดโลกไปแล้ว. คุณคา่ ของผา้ ไหมไทย ปัจจุบันกำรจัดลำดับช้ันคุณภำพเส้นไหมพุ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของไหมไทยยังไม่มีระบบที่แน่นอนเน่ืองจำก กำรสำวไหมเส้นพุง่ เป็นอุตสำหกรรมในครอบครัว และใชว้ ิธกี ำรสำวดว้ ยมอื แบบโบรำณ เส้นไหมมจี ำนวนเกลยี วน้อย ขนำดของเส้นไหมไม่แน่นอนข้ึนอยู่กับควำมชำนำญ ประสบกำรณ์และควำมพอใจของแต่ละคนเป็นกำรยำกที่จะ กำหนดให้เกษตรกรแต่ละคนสำวเส้นไหมท่ีมีลักษณะเดียวกัน จะเห็นว่ำคุณภำพของเส้นไหมพุ่งแตกต่ำงกันมำก ทำ ให้มีปัญหำเรื่องตลำดรำคำของเส้นไหมจะขึ้นอยู่กับพ่อค้ำคนกลำง ซ่ึงกำหนดรำคำตำมควำมพอใจ เกษตรกรผู้ผลิต เส้นไหมไม่ได้รบั ควำมเป็นธรรม ผลประโยชน์สว่ นใหญ่ตกอยกู่ ับพ่อค้ำคนกลำง กำรจัดลำดับช้นั คุณภำพเส้นไหมพงุ่ มี ปัญหำมำกมำยและเป็นเรื่องยุ่งยำก เน่ืองจำกเป็นอุตสำหกรรมท่ีทำด้วยมือตำมควำมพอใจของแต่ละคน หรือแต่ละ หมเู่ หล่ำ แนวทำงในกำรแก้ปัญหำคือ จัดให้เกษตรกรรวมกลุ่มโดยมโี รงสำวไหมกลำงทมี่ ีเจำ้ หน้ำที่ของรฐั ควบคมุ ดูแล ให้คำแนะนำอย่ำงใกล้ชิดในระยะแรก เพื่อให้เกษตรกรเห็นควำมสำคัญและผลประโยชน์ท่ีจะได้รับ กำรส่งเสริมให้ เกษตรกรเล้ียงไหมเพื่อขำยรังไหมเป็นอีกวิธีหนึ่งท่ีจะแก้ไขปัญหำกำรจัดลำดับช้ันคุณภำพเส้นไหมพุ่ง ซึ่งต้องทำ ควบคูก่ ันไปกับกำรส่งเสรมิ ให้เอกชนตั้งโรงงำนสำวไหมเสน้ พุ่ง เพื่อรบั ซื้อรังไหมจำกเกษตรกร ควำมจริงกำรจัดลำดับ ช้นั คุณภำพเสน้ ไหมพงุ่ ของไทยนั้นทำสืบทอดกันมำตั้งแตส่ มยั โบรำณ โดยจดั แบ่งเป็น 3 ชนดิ คอื ไหมช้ัน 1 (ไหมยอดหรือไหมน้อย) คือเส้นไหมที่สำวจำกชั้นในของรังไหมชนดิ นี้จะมีขนำดเส้นสม่ำเสมอไม่มี ปุ่มปม สำมำรถจะใช้เป็นเสน้ ยนื ได้ใชท้ อผำ้ ทีม่ คี ุณภำพดี เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พียขอม

14 ไหมช้ัน 2 (ไหมสำวเลย) กำรสำวไหมชนิดน้ีจะไม่มีกำรแยกสำวไหมช้ันนอกและชั้นในของรัง จะสำวรวมกัน ไปตลอด คุณภำพของเส้นไหมท่ีได้จะต่ำกว่ำไหมช้ัน ๑ ขนำดของเส้นไหมอำจจะไม่สม่ำเสมอและมีปุ่มปม แต่สำหรับ ผู้สำวที่มีควำมชำนำญจะสำมำรรถสำวได้เส้นไหมที่สม่ำเสมอดีเท่ำกับไหมชั้น 1 ส่วนมำกไหมชนิดน้ีจะใช้สำหรับผ้ำ มัดหม่ี ไหมชั้น 3 คือเส้นไหมท่ีสำวจำกชั้นนอกของรังก่อนท่ีจะสำวไหมชั้น 1 เส้นไหมจะมีขนำดใหญ่ไม่สม่ำเสมอ มีปมุ่ ปม ใชท้ อผำ้ เนอ้ื หนำ ส่วนใหญ่ใช้ในกำรทำเฟอรน์ ิเจอร์หรือผ้ำห่ม การดแู ลรักษาผา้ ไหม กำรขจัดรอยเปื้อนบนผ้ำไหมที่เกิดจำกสำเหตุต่ำง ๆ เช่น ครำบสีน้ำตำลอ่อนไปจนถึงน้ำตำลแก่ที่เกิดจำก กำรเกบ็ ผำ้ ไว้นำน หำกใช้ผงซักฟอกแล้วยังไม่ดีขึ้น ก็ตอ้ งใชโ้ ซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ หรือไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซต์ จะทำ ใหผ้ ำ้ ไหมไมเ่ สีย – รอยเป้ือนที่เกิดจำกครำบเบียร์ท่ีถูกปล่อยท้ิงไว้นำน ควรใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือ โซเดียมคำ บอเรต – รอยเปอ้ื นท่ีเกิดจำกเลอื ด ใหใ้ ชก้ รดออกซำลิก หรือถำ้ ตอ้ งกำรให้ขำวยง่ิ ขน้ึ ก็ใชไ้ ฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ – รอยเป้ือนท่เี กดิ จำกไอโอดีน ใช้สำรละลำยโซเดียมไธโอซัลเฟตควำมเข้มข้น 10 % ถูหรอื แปรงเบำ ๆ ตรง รอยเปอ้ื นแล้วล้ำงให้สะอำด – รอยเป้ือนจำกครำบสนิม ใช้กรดออกซำลิกเจือจำงท่ีอุ่นหรือสำรท่ีเป็นสำรขจัดสนิม ( ควรล้ำงอย่ำง ระมัดระวัง ) – ส่วนรอยเปอื้ นจำกลิปสติกและแป้งรองพื้นให้แต้มด้วยน้ำยำลบหมึกพิมพ์ และล้ำงด้วยตัวทำลำยที่ระเหย งำ่ ย หรือนำ้ ยำซักแห้ง ถำ้ ยังมคี รำบเหลอื งหลงเหลอื อยู่ ควรใช้สำรละลำยเจือจำงของโพตัสเซียมไดโครเมต แล้วตำม ดว้ ยสำรละลำยโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ทอี่ ุ่น และกรดออกซำลกิ ทอ่ี นุ่ เมื่อรู้จักวธิ ีขจัดรอยเปอื้ นต่ำง ๆ แล้ว ต้องรู้อกี ว่ำทุกครง้ั ควรซักผ้ำไหมนั้นให้สะอำด อยำ่ ไปหวงน้ำ เดีย๋ วจะ ทำให้สำรท่ีตกค้ำงอยู่ไปออกฤทธิ์ทำลำยเส้นไหมให้เสียหำยได้และ ก่อนจะใช้สำรตัวใดกับผ้ำไหมควรทดสอบโดย หยดสำรนั้นลงบนบริเวณตะเขบ็ ดำ้ นในดวู ำ่ ทำให้ผ้ำไหมเปลี่ยนสีหรือไม่ ถ้ำไมม่ อี ะไรเกดิ ขึ้นแสดงว่ำ สำรตวั น้ันใช้ได้ เร่ิมตั้งแต่กำรซัก ควรใช้สบู่หรือสำรซักฟอกท่ีมีสภำพเป็นกลำงหรือมีควำมเป็นด่ำงน้อย ไม่ควรขยี้หรือขัดถู ผำ้ ไหมแรง ๆ แตค่ วรซักด้วยกำรแกว่งหรอื สลัดเบำ ๆ ในน้ำจนสะอำด แลว้ จึงคอ่ ย ๆ บีบเอำน้ำออกจนผ้ำหมำด แต่ อยำ่ บิดผ้ำไหม และอยำ่ ซักโดยใชเ้ ครื่องซักผำ้ เวลำตำกให้ตำกไว้ในท่ีร่ม ไม่ควรแขวนผ้ำไหมไว้กลำงแดดหรือแขวนไว้ใกล้แหล่งกำเนิดรังสี ถ้ำต้องกำรให้ ผ้ำไหมแห้งเร็วก็ให้เป่ำแห้งโดยใชพ้ ัดลม ไม่ควรทำให้แหง้ โดยใช้เคร่ืองป่นั ผ้ำ เพรำะจะทำใหเ้ กิดรอยยับมำก ซ่ึงจะทำ ใหร้ ีดลำบำกและไม่ควรปล่อยให้ผ้ำแห้งเองโดยใช้เวลำนำน ๆ อำจทำใหเ้ กิดรอยดำ่ งเป็นจุด ๆ จำกรอยแห้งของหยด น้ำ สว่ นกำรรดี ก็ควรรดี ขณะผ้ำยังหมำดอยู่ แต่ในกรณีที่ผ้ำแห้งแล้ว ให้พรมน้ำลงบนผำ้ จนผ้ำชืน้ ทวั่ ท้งั ผืน ควร ใช้อุณหภูมิในกำรรีดไม่เกิน 145 องศำเซลเซียส และรีดด้ำนในของผ้ำ หรืออำจจะใช้ผ้ำบำง ๆ ชุบน้ำยำหมำด ๆ ปู ลงด้ำนนอกของผ้ำ หรืออำจจะใช้ผ้ำบำง ๆ ชบุ นำ้ ยำหมำด ๆ ปูลงด้ำนนอกของผ้ำ แลว้ จึงรดี ทบั บนผ้ำบำงนั้น จะทำ เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพียขอม

15 ให้ได้ผ้ำไหมท่ีมีควำมเรียบและสวยงำม แต่ถ้ำรีดผ้ำไหมขณะยังเปียกและใชค้ วำมร้อนสูงเกิน จะทำให้ผ้ำไหมมคี วำม กระด้ำงไมน่ ำ่ สมั ผัส สำหรับผ้ำไหมท่ีซ้ือมำใหม่น้ัน ควรจะนำไปแช่น้ำหรืออบไอน้ำ เพื่อให้เนื้อผ้ำมีควำมอยู่ตัวก่อนที่จะนำไปตัด ซงึ่ ข้นั ตอนสำหรับกำรดแู ลรักษำผ้ำไหม มีอยู่ 3 ข้ันตอน ดังนี้ 1. ขั้นตอนกำรซัก กำรทำควำมสะอำดผ้ำไหมให้ดูใหม่อยู่เสมอ ควรซักด้วยน้ำยำซักแห้งชนิดอ่อน ถ้ำเป็น น้ำยำซักแห้งที่ทำมำสำหรับผ้ำไหมโดยเฉพำะก็จะดีมำก แต่ไม่แนะนำให้ซักผ้ำไหมด้วยเครื่องซักผ้ำ เพรำะจะทำให้ ผ้ำไหมยับมำกและรีดยำก ควรซักผ้ำไหมด้วยมือด้วยควำมนุ่มนวลและไม่ขยี้หรือบิดผ้ำแรง ๆ เพรำะจะทำให้ผ้ำเสีย ทรง หำกนำผำ้ ไหมลงน้ำแลว้ ไมค่ วรแช่ไว้นำน โดยเฉพำะผ้ำสีสด เช่น สมี ่วง สีชมพูสด สีบำนเย็น และโดยเฉพำะผ้ำ โทนสีเข้ม ๆ หลังจำกซักเสร็จแล้วควรสลัดผ้ำไหมให้คลำยตัวและไม่ย่นก่อนนำตำก เมื่อผ้ำแห้งจะทำใหร้ ีดได้ง่ำยขึ้น ซ่ึงจะทำใหผ้ ำ้ ไหมไมเ่ สียทรงและยับงำ่ ย 2. ข้ันตอนกำรตำก ข้ันตอนของกำรตำกน้นั หลงั จำกทำกำรซักเสรจ็ เปน็ ที่เรียบร้อยแล้ว ควรสลัดผ้ำเพื่อให้ ผ้ำคลำยตัวแล้วนำไปตำกในที่ร่ม หรือท่ีท่ีมีแสงแดดอ่อน ๆ ท่ีมีอำกำศถ่ำยเทได้สะดวก ท่ีสำคัญพยำยำมเล่ียงใน บริเวณที่แดดจัด ๆ เพรำะจะทำให้สีผ้ำไหมซดี ได้ 3. ขน้ั ตอนกำรรดี ขั้นตอนในกำรรดี น้ัน กอ่ นรดี ให้ฉดี พรมนำ้ ยำรีดผ้ำไหมให้ทัว่ และรีดดว้ ยควำมระมัดระวัง โดยใช้ควำมร้อนที่เตำรีดแต่ละชนิดกำหนดไว้ แต่สำหรับผำ้ ไหมพิมพ์ลำยให้ลดควำมร้อนลงจำกปกตปิ ระมำณ 1 – 2 ระดับ ถ้ำผ้ำไหมยับมำกก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยำให้ท่ัว แล้วพับใส่ถุงพลำสติก นำไปแช่ในช่องเข็งในตูเย็นประมำณ 10 – 15 นำที แล้วจึงนำออกมำรดี จะทำใหร้ ดี ผ้ำไหมไดง้ ่ำยและเรียบยิ่งขึน้ (ขอ้ มูลทมี่ ำ : https://www.ketysmile.com/2020/11/ http://www.pakpipathaisilk.com/) เอกสารประกอบหลักสูตร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พียขอม

16 ใบความรู้ท่ี 2 เรอ่ื งการทอผา้ ไหมมัดหมี่ ลายแคนแก่นคูน พ้ืนฐานการทอผ้าไหม ขน้ั ตอนท่ี 1 : กำรฟอกยอ้ ม เป็นกำรฟอกไหมเพ่อื เอำโปรตีนไหมออก ทำใหไ้ หมนุ่ม ใชเ้ วลำประมำณ 10 นำที กำรลอกกำวไหมหรือกำรฟอกไหม หมำยถึง กำรทำควำมสะอำดเส้นใยไหมด้วยกำรกำจัดส่วนของ sericin ที่มี ลักษณะเปน็ สำรสีเหลืองทึบหรือมีสีขำว (ไหมดิบมีทัง้ สีเหลือง และสขี ำวข้นึ กบั สำยพนั ธ์) ออกจำกเส้นใยไหมเพอ่ื กำร เตรียมเส้นใยไหมก่อนที่จำนำมำย้อมสีต่ำง ๆ ซึ่งถ้ำหำกไม่มีกำรกำจัดสำรดังกล่ำวออก หำกนำมำย้อมก็จะทำให้เกิด กำรย้อมติดสีต่ำง ๆได้ยำก โดยจะได้เส้นใยไหมที่ผ่ำนกำรลอกกำวจะมีลักษณะสีขำว มันวำว อ่อนนุ่ม สำมำรถย้อม ตดิ สีตำ่ ง ๆ ไดด้ ี การลอกกาวไหมสามารถแบ่งออกเปน็ 2 วธิ ี คอื 1. กำรลอกกำวไหมด้วยด่ำง โดยกำรใชส้ ำรเคมจี ำพวกด่ำง เชน่ โซเดยี มคำร์บอเนต โซเดียมไฮดรอกไซด์ เปน็ ตน้ 2. กำรลอกกำวไหมด้วยกรด โดยกำรใชส้ ำรเคมีจำพวกกรด เช่น กรดซลั ฟูรกิ กรดไฮโดรคลอริก เป็นต้น ซ่งึ ไม่เป็นที่นิยมเพรำะกำรใชก้ รดทำใหเ้ กิดกำรทำลำยเสน้ ไหมมำกกวำ่ กำรลอกกำว ด้วยด่ำง ไหมทผี่ ่านการลอกกาว ไหมดบิ สเี หลอื ง (ข้อมูลภำพประกอบ : http://thaiphamai.blogspot.com/2013/04/blog-post_18.html) เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพียขอม

17 : กำรถกไหม เป็นกำรยดื เส้นไหมเพื่อให้เส้นไหมยำว ไมพ่ ันกนั (ข้อมลู ภำพประกอบ : https://qsds.go.th/newqsissout/) : กำรย้อมไหม เมอื่ นำไหมตำกแหง้ เพ่ือนำมำเก็บสตี ำมทีต่ ้องกำรเพอ่ื จำนไปสู่ขน้ั ตอนต่อไป กำรย้อมสีเส้นไหม คือ กำรทำให้เส้นไหมมีสีสันต่ำง ๆ เพ่ือประโยชน์ในกำรสร้ำงสีสันและลวดลำย ให้กับผ้ำ ซ่ึงมีหลำยวิธีกำร เช่น กำรจุ่มย้อมสี กำรแต้มสี กำรเขียนสี เป็นต้น สีที่ใช้ย้อมมี 2 ประเภทที่ใช้กัน คือ สี ธรรมชำติและสีสังเครำะห์ กำรย้อมสีธรรมชำติ โดยส่วนใหญ่ได้มำจำกส่วนต่ำง ๆ ของพืช เช่น เปลือกไม้ ใบไม้ ผล ลำต้น แก่น ต้นไม้และรำกไม้ ซ่ึงจะมีกรรมวิธีในกำรเตรียมน้ำย้อมสีและวิธีกำรย้อมสีที่แตกต่ำงกัน ข้ึนอยู่กับชนิด ของพืชและส่วนท่ีนำมำใช้ในกำรย้อมสี การยอ้ มสธี รรมชาติ เสน้ ไหมย้อมสีธรรมชำติให้สีอ่อนหวำน คงทน (ข้อมูลและภำพประกอบ : https://qsds.go.th/newqsisnetu/) เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พียขอม

18 การยอ้ มสสี งั เคราะห์ สสี งั เครำะห์หรอื สีเคมี เปน็ สีท่มี คี วำมบริสุทธ์ิของตวั สีมำก สำมำรถนำสเี หล่ำนนั้ มำผสมใหไ้ ดส้ ตี ำมท่ี ตอ้ งกำรและปรบั ระดบั ควำมเขม้ ของสีได้ วิธีกำรย้อมทำไดง้ ่ำยและสะดวก สที ี่ย้อมไดจ้ ะมีควำมสดสวยและมคี วำม ทนทำนของสีดี สสี ังเครำะห์ท่ีนำมำยอ้ มมหี ลำยประเภท แต่ละประเภทจะมคี ุณสมบัติของสียอ้ ม กรรมวธิ ีกำรย้อม คุณภำพสีย้อมทแี่ ตกตำ่ งกนั ดงั น้นั กำรนำมำใชป้ ระโยชนจ์ ะต้องให้เหมำะสม (ขอ้ มลู และภำพประกอบ : http://janyasahay.freevar.com/pern9.html) ข้นั ตอนที่ 2 : กำรกวกั ไหม คือกำรดึงเสน้ ไหมใหย้ ืด เพื่อไม่ใหเ้ ส้นไหมพนั กัน ขั้นตอนนี้เป็นกำรนำเส้นไหมมัดหม่ีที่ย้อมสีได้ตำมท่ีต้องกำรแล้ว คล้องใส่กงแล้วถ่ำยเส้นไหมให้พัน รอบอัก เรียกว่ำ กวักหม่ี กำรกวักหมี่ต้องระมัดระวังอย่ำให้เส้นไหมขำดตอน เพรำะเม่ือนำไปทอแล้วจะไม่ ได้ลำย ตำมต้องกำร (ขอ้ มลู และภำพประกอบ : http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/sompornrat/?page_id=201) เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกุดพียขอม

19 ขัน้ ตอนท่ี 3 : กำรค้นไหม เป็นกำรค้นไหมให้ไดล้ ำหมเ่ี พื่อให้ง่ำยต่อกำรมัดลำยกำหนดลำย วำ่ จะไดค้ วำมยำวของผนื ผำ้ เทำ่ ไหร่ การค้นหัวหมีห่ รือการเตรยี มเสน้ พุง่ เร่ิมด้วยกำรเลือกลำยก่อน แล้วทำกำรวัดควำมยำวของฟันหวีฟืม เช่น ถ้ำใช้ขนำดของฟันหวี 42 นิ้ว ให้ใช้โฮงหม่ีขนำดน้อยกว่ำฟันหวี 1 เซนติเมตร เพื่อให้หัวหม่ีที่มีขนำดสั้นกว่ำควำมยำวของฟันหวี เพรำะในขณะท่ี ทอผ้ำน้ันจะเกิดแรงตึงของเส้นพุ่ง ทำให้หน้ำกว้ำงผืนผ้ำของฟันหวี 42 นิ้ว น้ันมีขนำดเท่ำกับควำมยำวของหัวหมี่ พอดี ส่งผลให้ผ้ำเรียบสม่ำเสมอทั้งผืนและไม่เกิดส่วนเกินของเส้นไหมทำงเส้นพุ่งทร่ี ิมขอบผืนผ้ำทั้งด้ำนซ้ำยและขวำ หรือทเ่ี รียกกันว่ำ ถ่ัวงอก เร่ิมกำรค้นหมี่ จะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่ำ เครื่องค้นหม่ีหรือโฮงค้นหมี่ ซึ่งมีลักษณะเป็นกรอบไม้รูป สี่เหล่ียมผืนผ้ำขนำดกว้ำง 60-80 เซนติเมตร ยำว 1.02 เมตร (ควำมยำวเท่ำกับควำมกว้ำงของผ้ำที่ทอสำเร็จแล้ว) กำรค้นจะจัดแบ่งเส้นไหมออกเป็นลำแต่ละลำจะมีเส้นไหมเท่ำกันยกเว้นลำแรกและลำสุดท้ำยจะมีจำนวนเส้นไหม เทำ่ กับครึ่งหน่ึงของลำอื่น ๆ จำนวนลำหมี่จะขึ้นอยกู่ ับลำยหมี่ อยู่ระหว่ำง 21-65 ลำโดยจำนวนลำจะเป็นเลขคี่เสมอ มัดหมวดหมเู่ ส้นไหมด้วยเชอื กฟำง การค้นหมี่ ด้วยโฮงคน้ หม่ี มอื หนงึ่ หมุนโฮงคน้ หมี่ อกี มอื หน่งึ จับเสน้ ไหมเรยี งเป็นลา กศน.ตาบลกดุ พียขอม เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน

20 เรยี งเสน้ ไหมหลบไปหลบมา ให้เปน็ ลาตามลาดับ กำรผูกสำยแนม หรือกำรสำน หรือกำรไพลำไหม เพ่ือแยกเส้นไหมแต่ละลำออกจำกกันนั้น ถ้ำเรำไพแน่น จะมีผลทำให้กำรฟอกสีหรือย้อมสีเส้นไหมไม่ท่ัวถึง เมื่อนำไปเส้นไหมนั้นไปทอจะได้ผืนผ้ำท่ีไม่เรียบ สีไม่สม่ำเสมอ เน่ืองจำกเสน้ ไหมทย่ี ้อมไดม้ ที ้ังเสน้ ไหมอ่อนและแขง็ ผูกสายแนม สานไจแยกเสน้ ไหมแต่ละลา จำนวนลำ = (ควำมกว้ำงของลวดลำยทต่ี ้องกำร x เสน้ พุ่ง) / จำนวนเส้นตอ่ 1 ลำ ควำมกว้ำงของลวดลำยท่ตี ้องกำร (เซนติเมตร) พิจำรณำจำกแบบรำ่ งท่ีออกแบบไวว้ ่ำตอ้ งกำรใหแ้ ตล่ ะลำยมี ควำมกว้ำงเท่ำใดในผืนผ้ำ ตัวอย่ำงเช่น ผ้ำหน่ึงผืนจะทอให้มีควำมยำว 200 เซนติเมตร ต้องกำรทอดอกไม้ 1 ดอก ใหม้ ขี นำด 30 เซนติเมตร ดงั นน้ั ควำมกว้ำงของลำย คือ 30 เซนตเิ มตร เสน้ พุง่ พจิ ำรณำจำกประเภทของเส้นไหมท่ีจะใช้ทำเส้นพงุ่ ถำ้ เป็นไหมนอ้ ย ให้นำ 24 มำเป็นตวั คูณ ถ้ำเป็น ไหมเปลือกหรือไหมหลืบให้นำ 15 มำเป็นตัวคูณ ไหมน้อยจะมีขนำดเส้นที่เล็กและละเอียดกว่ำไหมเปลือก 1 เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

21 เซนติเมตร ไหมน้อยจะมีจำนวนเส้นเยอะกว่ำไหมเปลือกโดยประมำณ (ไหมน้อยจะทอได้ 24 เส้นต่อ 1 เซนติเมตร สว่ นไหมเปลอื กจะทอได้ 15-16 เสน้ ต่อ 1 เซนติเมตร) จำนวนเส้นต่อ 1 ลำ ใน 1 ลำ จะใช้ไหมเส้นพุ่งตั้งแต่ 2,4,6,8,10 เส้น หรือมำกกว่ำก็ได้ แต่ต้องเป็นจำนวนคู่ ยิ่ง จำนวนเสน้ ตอ่ ลำมีนอ้ ยจะทำใหม้ คี วำมละเอยี ดมำกเทำ่ นนั้ หมายเหตุ : สูตรการคานวณนี้เหมาะกับการสร้างลายผ้าท่ีเป็นลายประยุกต์ท่ีทั้งผืนผ้ามีลายเดียวมากกว่าลาย ดั้งเดิมทีท่ อซ้า ๆ กนั ทั้งผืน เสน้ ไหมไขวก้ ัน เรยี กวา่ “ขนี ” กำรค้นหม่ีเพื่อทำผ้ำไหมลำยด้ังเดิมจะมีจำนวนลำอยู่ท่ี 25-35 ลำ ลำละ 4 เส้น (ลำยจะกว้ำงประมำณ 8 เซนติเมตร) เพรำะต้องกำรควำมละเอียดของลำยมำก สมมุติว่ำมี 31 ลำก็จะนับตั้งแต่1-31 ลำกับหน้ำของหลักค้น หม่ี พอครบ 31 ลำ ก่อนนับย้อนให้นับซ้ำที่ 31 อีกคร้ัง แล้วนับย้อน 30-29-28-27… ลงมำเรอื่ ย ๆ จนสิ้นสุดกำรนับ 1 ทำให้เส้นไหมทั้งขำไปขำกลับทับซ้อนกัน ซึ่งเรียกว่ำขีน 1 ขนี จะทอได้ 2 ลำยท่ีเหมือนกัน ผนื หนึ่งจะใช้ประมำณ 10 ขีน กจ็ ะมี 20 ลำยซ้ำ ๆ กนั ท้งั ผืนผ้ำ (ขอ้ มูลและภำพประกอบ : http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/sompornrat/?page_id=160) ข้นั ตอนท่ี 4 : กำรมัดหมี่ เป็นกำรกำหนดโครงสร้ำงของลำย เปน็ ขน้ั ตอนทส่ี ำคัญมำก กำรมัดหมี่ เป็นกำรทำลวดลำยของผืนผ้ำ โดยกำรใช้วัสดุกันน้ำมัดกลุ่มเส้นฝ้ำยเป็นลวดลำยตำม ต้องกำร ก่อนนำฝ้ำยย้อมน้ำสี เม่ือแก้วัสดุกันน้ำออกจึงเกิดสีแตกต่ำงกัน ถ้ำต้องกำรเพียง 2 สี จะแก้วัสดุมัดฝ้ำย เพียงคร้งั เดยี ว หำกต้องกำรหลำยสจี ะมกี ำรแกม้ ดั วัสดหุ ลำยครั้ง กอ่ นมัดหม่ี ต้องค้นหม่กี ่อน โดยกำรนำเส้นฝำ้ ยพันรอบหลักหมี่ 1 คู่ นับจำนวนเสน้ ฝ้ำยให้สมั พันธ์กับ ลำยหม่ีที่จะมัด จำกน้ันจึงทำกำรมัดหม่ีกลุ่มเส้นฝ้ำยในหลักหมี่ ตำมลวดลำยหมี่ท่ีต้องกำร เม่ือถอดฝ้ำยมัดหมี่ออก เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

22 จำกหลักหม่ี นำไปยอ้ มสี บิดให้หมำดแล้วจึงแก้ปอมัดหม่ีออก ทำให้เกิดลวดลำยตรงที่แกป้ อออก นำฝ้ำยท่ีแกป้ อมัด แล้วนี้ไปพันรอบหลอดไม้ไผ่เรียกว่ำ กำรป่ันหลอด ร้อยหลอดฝ้ำยตำมลำดับก่อน-หลัง เก็บไว้อย่ำงดีระวังไม่ให้ถูก รบกวนจนเชือกร้อยขำด ฝ้ำยมดั หมี่ในหลอดฝ้ำยใชเ้ ป็นเส้นพุ่งในกำรทอ วิธีการมัดหมี่ 1. มัดกล่มุ ฝ้ำยแต่ละลกู หมีด่ ้วยเชือกฟำง จนครบหลกั หม่ี ทำเปน็ เชงิ ผำ้ 2. กำรเริ่มต้นลำยมัดหม่ี อำจมัดจำกด้ำนบนไล่เรียงลงข้ำงล่ำง หรือมัดข้ำงล่ำงก่อนจึงไล่เรียงข้ึน ข้ำงบน บำงคนอำจเรมิ่ มดั จำกตรงกลำงก่อน จึงขยำยออกไปเตม็ หลักหม่ี 3. เรม่ิ มดั ปลำยเชือกด้ำนหน่ึงกับลูกหมกี่ ่อน จึงพนั อีกปลำยหนึ่งซ้อนทบั กันให้แน่นเพื่อไมใ่ หส้ ีย้อมซึม เข้ำข้อหม่ี เมื่อพันทับกันไปจนได้ควำมยำวตำมลำยหม่ีแล้ว มัดปลำยเชือกกับลูกหม่ีให้แน่นเช่นกัน โดยเหลือปลำย เชือกไว้ เมือ่ เวลำแกป้ อมัดจะทำได้ง่ำย 4. เอำเชือกเส้นหน่ึงสอดเข้ำไปในช่องหลักหม่ีข้ำงใดข้ำงหนึ่ง ผูกกลุ่มฝ้ำยไว้เป็นวงไม่ให้หมี่ที่มัด ลวดลำยแลว้ หลดุ ออกจำกกนั และใชเ้ ป็นหูห้ิวสำหรับจบั เวลำยอ้ ม ถอดฝ้ำยมัดหม่ีออกจำกหลักหมี่หลังจำกนัน้ เรำก็ จะนำไป ย้อมครำม เมื่อยอ้ มครำมเสรจ็ ก็จะนำมำแกป้ อมัดหมี่ ปรำชญ์ชำวบ้ำนผ้ำทอมือและทำงจังหวัดได้ร่วมกันพัฒนำ “ลำยแคนแก่นคูน” ข้ึนมำเป็นคร้ังแรกใน รอบ 100 ปี ของกำรก่อต้ังจังหวัด มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับงำนทอผ้ำที่มีเอกลักษณ์และตัวตนของควำมเป็น “ขอนแก่น” มำกขึ้น โดยลำยแคนแก่นคูน 7 ลำย ได้สะท้อนอัตลักษณ์ของเมืองขอนแก่น 7 ประกำร ประกอบไป ด้วยควำมหมำย คือ 1. ลำยแคน หมำยถึง สัญลักษณ์แทนควำมเจริญและสนุกสนำน เมืองแห่งหมอแคน ควำมสุข เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพียขอม

23 ของชำวขอนแก่น 2. ลำยดอกคูน หมำยถึง สัญลักษณ์ซ่ึงเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดขอนแก่น 3. ลำยพำนบำยศรี หมำยถึง ควำมมีมิตรภำพ ประเพณีกำรผูกเส่ียว และกำรยินดีต้อนรับผู้มำเยือนของประชำชนชำวขอนแก่น 4. ลำย ขอ หมำยถึง กำรเป็นสัญลักษณ์แทนควำมอยู่ดีกินดี ควำมอุดมสมบูรณ์ ของประชำชนชำวขอนแก่น 5. ลำยโคม หมำยถึง กำรสืบทอดภูมิปัญญำวัฒนธรรมของชำวขอนแก่น 6. ลำยกง หมำยถึง อำณำเขต บริเวณท่ีได้รับกำร อำรักขำให้เกิดควำมมั่นคง ปลอดภัย ท้ังด้ำนร่ำงกำย จิตใจ ตลอดไป และ 7. ลำยบักจับหรือหมำกจับ หมำยถึง ควำมรัก ควำมสำมัคคี ควำมเป็นน้ำหน่งึ ใจเดียวกนั ของประชำชนชำวขอนแกน่ (ข้อมูลและภำพประกอบ : https://www.mculture.go.th/khonkaen/ewt_news.php?nid=1140&filename=index, https://sites.google.com/site/ranmthimthiy/khan-txn-kar-mad-hmi) ขนั้ ตอนที่ 5 : กำรโอบหม่ี คล้ำยๆ กบั มดั หม่ีแตจ่ ะเป็นกำรเกบ็ สีโอบสที ต่ี อ้ งกำรดว้ ยเชือกฟำง แล้วนำไปย้อมแล้ว ลำ้ งแลว้ ยอ้ มจนได้สตี ำมที่ตอ้ งกำร กำรมดั โอบหม่ี คือ กำรมัดหม่คี รง้ั ที่สองเพ่ือเกบ็ สลี ำยจำกกำรมัดครงั้ ทห่ี น่ึงไว้ หลงั จำกกำรมัด โอบ เสรจ็ แล้วนำหวั หม่ีมำย้อมเป็นคร้ังที่ 2 เพ่ือจะให้หมเ่ี ปน็ ลำยอีกสีหนง่ึ ขน้ั ตอนกำรยอ้ มโอบจะทำอย่หู ลำยคร้งั เมื่อ ตอ้ งกำรลวดลำยหลำกหลำยสีขึ้นอยูก่ ับลำยที่จะนำมำมดั หรือสสี นั ทตี่ อ้ งกำร (ข้อมลู และภำพประกอบ : https://www.facebook.com/MongkolThaiSilkKhonKhan/posts/3654593554559392/) เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพียขอม

24 : กำรแกห้ ม่ี เป็นกำรเลำะเอำเสน้ เชือกฟำงทเ่ี รำโอบไว้ออกให้หมด เรำก็จะเห็นสตี ำมท่เี รำต้องกำร การแก้หม่ี คือ ขน้ั ตอนกำรแกเ้ ชือกฟำงที่ใช้มัดลำหม่ีแต่ละลำออกให้หมดโดยใชม้ ดี บำงเล็ก ๆ หรอื ใบมดี โกนชนดิ มีดำ้ ม กำรแกห้ ม่ีจะต้องทำอย่ำงระมัดระวังอยำ่ ใหม้ ีดถูกเสน้ ไหมขำด หม่ที ี่แกเ้ ชือกฟำงออกหมดแลว้ จะเหน็ ลำยหมท่ี ีส่ วยงำมและชดั เจนมำกขึ้น ขนั้ ตอนท่ี 6 : กำรป่นั ไหม เข้ำกระสวย กำรทอต้องให้เสน้ ไหมเข้ำในหลอดก่อนถึงจะทอได้ ตั้งอักและหมุนอักคลำยเส้นไหมออกจำกอักพันเข้ำหลอดไหมที่เสียบแน่นอยู่กับเหล็กในของหลำ สมัยก่อนหลอดไหมจะทำด้วยต้นปอแห้งที่ลอกเปลือกออก ยำวประมำณ 2–3 นิ้ว ควำมยำวของหลอดจะต้อง สมั พันธก์ นั กบั กระสวยทอผำ้ กลำ่ วคือ หลอดไหมจะต้องสำมำรถเขำ้ ไปอยใู่ นกระสวยได้ เม่อื หมุนกงล้อไมไ้ ผ่ของหลำ เหล็กไนและหลอดจะหมุนเอำเส้นไหมจำกอักพันรอบแกนหลอดไหม ปั่นเส้นไหมเข้ำหลอดจนได้ขนำดที่เหมำะกับ ร่องของกระสวยทอผำ้ ร้อยหลอดไหมท่ีปั่นแล้วตำมลำดับกอ่ นหลัง หำกร้อยผิดลำดับหรือทำเชอื กรอ้ ยหลอดขำด จะ ทำใหล้ ำดับเส้นไหมผดิ ไป ไมส่ ำมำรถทอเป็นลวดลำยตำมต้องกำรได้ เรยี กว่ำ หมขี่ ำด (ข้อมูลและภำพประกอบ : http://thorphamaihahaha.blogspot.com/2013/02/blog-post_3943.html) เอกสารประกอบหลกั สูตร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพยี ขอม

25 ข้นั ตอนท่ี 7 : กำรทอผ้ำไหม จะต้องเรยี งหลอดลำยให้ถกู ต้องและนำหลอดไหมเข้ำไปในกระสวย ตอ้ งใช้ควำม ปรำณตี และสม่ำเสมอของกำรทอ ผ้ำมดั หม่ขี องชนบทจะใช้กำรทอแบบเหยยี บสำมตระกอ ลกั ษณะ จะด้ำนนงึ จะเขม้ ดำ้ นนึงจะสว่ำง ซงึ่ จะเลื่องชื่อมำก วธิ ีการทอผ้า ปัจจุบัน ถึงแม้ว่ำยังไม่มีหลักฐำนที่แน่ชัดบ่งบอกถึงต้นกำเนิดของกำร ทอผ้ำ แต่ก็สำมำรถเทียบเคียงกับ หลักฐำนอื่น ๆ ซึ่งมีควำมคลำ้ ยคลึงกันโดย มีเหตผุ ลหลำยอย่ำงสนับสนุนแนวคิดที่ว่ำ กำรทอผ้ำมีวิวัฒนำกำรมำจำก กำร ทำเชือก ทอเส่ือ และกำรจักสำน โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งลำยเชือกทำบท่ีปรำกฏ ร่องรอยให้เห็นบนภำชนะดินเผำ ซึ่งพบเป็นจำนวนมำกตำมแหล่งโบรำณคดี ก่อนประวัติศำสตร์สมัยหินใหม่ เร่ือยมำจนถึงแหล่งโบรำณคดีสมัย ประวัติศำสตร์ ดว้ ยเหตนุ ีเ้ อง จงึ กลำ่ วไดว้ ่ำกำรทอผำ้ เปน็ งำนหัตถกรรมทเ่ี ก่ำแกท่ สี่ ุดในโลกงำนหนึ่ง หลักของกำรทอผ้ำ ก็คือกำรทำให้เส้นด้ำยสองกลุ่มขัดกัน โดยท้ังสอง พวกต้ังฉำกกัน เส้นด้ำยกลุ่มหนึ่ง เรียกว่ำ ด้ำยยืนและอีกกลุ่มหน่ึงเรียกว่ำ ด้ำยพุ่ง ลักษณะของกำรขัดกันของด้ำยพุ่งและด้ำยยืน จะขัดกันแบบ ธรรมดำที่เรียกว่ำลำยขดั หรอื อำจจะเพ่มิ เทคนคิ พิเศษเพื่อให้ผำ้ มี ลวดลำย สสี นั ทสี่ วยงำมแปลกตำ ข้นั ตอนในการทอผ้า 1. สบื เส้นด้ำยยนื เขำ้ กับแกนม้วนด้ำยยืน และรอ้ ยปลำยด้ำยแตล่ ะเสน้ เขำ้ ในตะ กอแต่ละชดุ และฟันหวี ดงึ ปลำยเสน้ ดำ้ ยยืนท้ังหมดม้วนเข้ำกับแกนมว้ นผ้ำอีกด้ำนหนึ่ง ปรบั ควำมตงึ หย่อนให้พอเหมำะ กรอดำ้ ยเขำ้ กระสวย เพื่อใช้เปน็ ดำ้ ยพงุ่ 2. เรม่ิ กำรทอโดยกดเครื่องแยกหม่ตู ะกอ เส้นดำ้ ยยืนชุดที่ 1 จะถกู แยก ออกและเกิดช่องวำ่ ง สอดกระสวย ดำ้ ยพุ่งผ่ำน สลบั ตะกอชุดที่ 1 ยกตะกอชดุ ที่ 2 สอดกระสวยด้ำยพุ่งกลบั ทำสลบั กนั ไปเร่อื ย ๆ 3. กำรกระทบฟนั หวี ( ฟืม ) เมอ่ื สอดกระสวยด้ำยพ่งุ กลับก็จะกระทบ ฟันหวี เพื่อให้ด้ำยพุ่งแนบตดิ กัน ได้ เนอ้ื ผำ้ ท่ีแนน่ หนำ 4. กำรเกบ็ หรอื ม้วนผำ้ เม่ือทอผ้ำได้พอประมำณแลว้ กจ็ ะม้วนเก็บใน แกนม้วนผ้ำ โดยผ่อนแกนดำ้ ยยืนให้ คลำยออกและปรับควำมตึงหย่อนใหม่ ใ่ ห้พอเหมำะ การทอผา้ พื้น เปน็ กำรใชห้ ลกั กำรทอผ้ำเบ้ืองต้น ท่ีนำเอำด้ำยเสน้ ยนื และดำ้ ยเส้นพงุ่ มำขัดกัน เพ่ือให้เกิดเป็นผืนผ้ำ โดย ด้ำยเสน้ พุง่ และเสน้ ยืนอำจเป็นดำ้ ยสเี ดยี วกนั หรือต่ำงสีกนั หรือนำเอำเสน้ ด้ำยท่ีเป็นด้ินเงนิ หรือดนิ้ ทองมำทอควบ ดำ้ ย เพ่ือใหผ้ ้ำ มีควำมมนั ระยับ สวยงำมยิ่งขึ้น เทคนิคพเิ ศษท่ใี ช้ในการทอผ้า การขิด ขิด หมำยถึง กรรมวิธีในกำรทอผ้ำเพ่ือให้เกิดลวดลำยต่ำง ๆ ขึ้นมำ โดยวิธีกำรเพ่ิมเส้นด้ำยพุ่งพิเศษใน ระหว่ำงกำร ทอ เพื่อให้เกิดลวดลำยที่โดดเด่นกว่ำสีพ้ืน วิธีกำรทำคือ ใช้ไม้เขี่ยหรือสะกิด เพ่ือช้อนเส้นด้ำยยืนขึ้น แลว้ สอดเสน้ ด้ำยพงุ่ ไปตำมแนวทถ่ี กู จัดช้อน จังหวะกำรสอดเสน้ ดำ้ ยพุง่ น่เี อง ทที่ ำให้เกิดเปน็ ลวดลำยต่ำง ๆ เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พียขอม

26 การจก เป็นเทคนิคกำรทอผ้ำเพือ่ ให้เกดิ ลวดลำยตำ่ ง ๆ โดยเพิ่มเส้นดำ้ ยพงุ่ พเิ ศษสอดขน้ึ ลง วธิ กี ำรคือ ใชข้ นเม่น ไม้ หรอื นิ้ว สอดเสน้ ด้ำยยืนข้ึน แล้วสอดเส้นดำ้ ยพงุ่ พเิ ศษเขำ้ ไป ซงึ่ จะทำให้เกิดเป็นลวดลำยเป็นช่วง ๆ สำมำรถทำสลับ สีลวดลำยได้หลำกสี ซ่ึงจะแตกต่ำงจำกกำรขิดตรงที่ขิดท่ีเป็นกำรใช้เส้นด้ำยพุ่งพิเศษเพียงสี เดียว กำรทอผ้ำวธิ ีจกใช้ เวลำนำนมำกมักทำ เปน็ ผนื ผ้ำหน้ำแคบใชต้ อ่ กบั ตวั ซนิ่ เรยี กว่ำ “ ซน่ิ ตีนจก ” การทอมดั หมี่ ผ้ำมัดหม่ีมีกรรมวิธีกำรทอผ้ำท่ีใช้เทคนิคกำรมัดและกำรย้อม เริ่มจำกนำเส้นด้ำยหรือไหมมำย้อมสีแล้วมัด บริเวณที่ ตอ้ งกำรเก็บไว้ เมือ่ นำไปย้อมสีอ่นื จะได้ไม่ตดิ สี เพียงซึมเข้ำมำบำงสว่ น โดยยอ้ มเรียงลำดับจำกสอี ่อนไปหำ สเี ขม้ จนครบ ตำมลวดลำยท่ีกำหนด หลังจำกนั้นจึงนำด้ำยกรอเข้ำหลอดตำมลำดบั แล้วนำไปทอจะเกิดลวดลำยบน ผืนผ้ำที่มีลักษณะคลำดเคลื่อนเหล่ือมล้ำ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพำะของมัดหมี่ กำรทอผ้ำชนิดน้ีจึงต้องอำศัยควำม ชำนำญในกำรมดั ย้อมและทอเป็นอย่ำงมำก ผำ้ มดั หมมี่ อี ยู่หลำยชนิด ได้แก่ 1. มัดหมเี่ ส้นพุ่ง 2. มัดหม่ีเส้นยืน 3. มดั หมี่เส้นพงุ่ และเสน้ ยนื การทอผ้ายก เปน็ กรรมวิธกี ำรทอให้เกดิ ลวดลำยโดยกำรยกตะกอแยกด้ำยเส้นยืน และในบำงครงั้ กำรยกดอกจะมีกำรเพิ่ม ด้ำยเส้น พุ่งจำนวนสองเส้น หรือมำกกว่ำนั้นเข้ำไปในผืนผ้ำ ลวดลำยท่ีทอจะเป็นลำยท่ีเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อม และควำมเชื่อทำงศำสนำ ซ่ึงได้แก่ ลำยปรำสำท ลำนธรรมำสน์ ลำยสัตว์ ลำยพืช ลำยจำกสิ่งของ เคร่ืองใช้ และลำยเรขำคณิต (ขอ้ มูล : https://qsds.go.th/newqssclei/) กศน.ตาบลกุดพยี ขอม เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู

27 วสั ดุ/อปุ กรณ์ (1) เสน้ ไหม ใช้เส้นไหมคุณภำพมำตรฐำน ประกอบด้วยเส้นไหมยนื และเสน้ ไหมพงุ่ เส้นไหมหลืบ หรือไหมเปลอื ก เป็นเส้นไหมท่ีได้จำกรังไหมช้ันนอก รวมทั้งปุยไหม นิยมใช้เป็นเส้นพุ่งในกำรทอผ้ำและพิธีกรรมต่ำง ๆ ลักษณะเส้นไหมจะใหญ่มำก มีปุ่มปม และเน้ือหยำบแข็ง เน่ืองจำกมีกำวไหมเยอะ เม่ือสำวเอำไหมหลืบออกจำกรัง ไหมแล้วจะตักรังไหมออกจำกหม้อต้มมำพักไว้ก่อน จำกนั้นจึงจะนำรังไหมน้ันไปสำวเอำไหมน้อย หรือไหมเครือ ตอ่ ไป เสน้ ไหมสาวเลย หรือเส้นไหมรวด เป็นเส้นไหมท่ีได้จำกกำรสำวควบกันทงั้ ปุยและเส้นใยส่วนนอกของรังไหมไปจนถึงเส้นใยส่วนในของรังไหม ใหเ้ สร็จในครำวเดียวไม่แบ่งชั้นของไหม เส้นไหมที่สำวได้จงึ มีทงั้ ส่วนท่ีเปน็ ไหมหลบื และไหมน้อยรวมอยู่ดว้ ยกัน เส้นไหมจึงไมเ่ รียบ หยำบ และมีขนำดไม่สม่ำเสมอ แต่ถ้ำผู้สำวไหมท่มี ีชำนำญมำกจะสำวได้เส้นไหมท่ีสม่ำเสมอ ดีเกือบเท่ำไหมน้อยเลย ไหมสำวเลยนี้ปัจจุบันไม่เป็นท่ีต้องกำรของตลำด เพรำะเม่ือนำมำทอเป็นผ้ำจะได้ผ้ำ ไหมท่ไี มส่ วยเรยี บเหมอื นไหมน้อย เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกุดพียขอม

28 เสน้ ไหมนอ้ ย หรือไหมเครอื หรอื ไหมยอด เป็นเส้นไหมทไี่ ด้จำกเปลอื กรงั ไหมชัน้ ในหลังจำกสำวเอำไหมหลบื หรือไหมเปลอื กออกไปแลว้ กำรสำวเอำ ไหมน้อยนั้นจะต้องเปล่ียนน้ำต้มก่อนจึงนำรังไหมลงต้ม เส้นไหมท่ีได้จะมีลักษณะเส้นเรียบ ขนำดสม่ำเสมอ สี สมำ่ เสมอ รวมตัวกลม สะอำดไม่มสี ่ิงปลอมปน น่มุ มอื เม่ือสมั ผัส นิยมใช้เป็นเส้นยืนในกำรทอผ้ำ เม่ือทอเป็นผืน ผ้ำแล้วเน้ือผ้ำจะนุ่ม เรยี บ มคี วำมเลื่อมมันของเส้นไหมในระดับดีมำก มีควำมนุ่มนวลดี เส้นไหมมีควำมเหนียว สำมำรถนำมำทำเป็นเส้นยนื และเสน้ พุ่งได้ ระดับควำมสม่ำเสมอของสีเสน้ ไหมดี สเี สน้ ไหมเป็นสเี หลืองทอง (ขอ้ มูลและรปู ภำพ : http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/sompornrat/?page_id=97) (2) หลักเฝือ คือ อุปกรณใ์ นกำรคน้ เสน้ ยืน เพื่อทำกำรเตรียมเสน้ ยืน กอ่ นท่ีจะนำไปติดต้งั กที่ อผำ้ หลักเฝือ หรือ หลกั เฝีย เป็นอปุ กรณท์ ่ีชว่ ยขึงเส้นด้ำยในทจี่ ะนำไปทำเป็นเส้นยืนหรือเส้นแนวตัง้ ในข้ันตอน กำรทอผำ้ ลกั ษณะเป็นกรอบไมส้ ี่เหลี่ยม ด้ำนซ้ำยและขวำจะมีไม้เล็ก ๆ ปกั เป็นหลักหรอื ซ่ีเรียงกนั จำกบนลงล่ำง แต่ ละหลักหำ่ งกันประมำณ 20 เซนติเมตร ปกตจิ ะมีดำ้ นละ 10 หลกั จำนวนเสน้ ดำ้ ยท่ขี งึ บนหลักเฝอื จะถกู กำหนดไว้ให้สัมพนั ธก์ ับรอ่ งฟมื ทใ่ี ช้ในกำรทอผ้ำ ซึ่งจะเรยี กขั้นตอนนี้ ว่ำ กำรค้นหูก เช่น กำรทอผ้ำด้วยฟืม 13 ต้องค้นเส้นด้ำยให้ได้ 13 หลบ (1 หลบ มีเส้นด้ำย 40 เส้น) เป็นต้น กำร เดินเสน้ ยนื จะต้องกำหนดกอ่ นวำ่ จะทอผำ้ กเี่ มตร จะเดินเส้นยืนให้เทำ่ กับควำมยำวของผนื ผำ้ วิธีกำรใช้งำน เร่ิมจำกผูกปลำยเส้นไหมท่ีถ่ำยมำจำกอักหรือโบกกับหลักค้นลูกแรกขวำมือ แล้ววนไป ทำงซ้ำยผ่ำนหลักคน้ ทุกหลักถึงหลักค้นลูกสดุ ท้ำย จงึ นำเส้นไหมไปพันกับหลกั ค้นพเิ ศษ ซ่ึงมีหลักเดียวในเฝือ บริเวณ นเ้ี ส้นไหมจะขัดกัน เรียกตรงทข่ี ัดกันน้ีวำ่ ขำใจ เปน็ บริเวณทีน่ ับจำนวนควำมและจำนวนหลบ (1 ควำม มีเส้นไหม 4 เส้น / 10ควำม เป็น 1 หลบ) เส้นไหมท่ีพันหลักค้นพิเศษแล้วจะถูกพันคล้องหลักค้นลูกต่ำง ๆ ทุกลูกกลับลงมำท่ี จดุ เริ่มต้นแล้ววนขน้ึ ไปอีก เสน้ ไหมทุกเส้นต้องผ่ำนขำไจ ค้นหูกกลับไป-กลบั มำ (ภำษำท้องถ่ินเรยี กว่ำ หลบไป-หลบ มำ ซ่ึงเป็นท่ีมำของกำรนับกลุ่มเส้นไหมเป็นหลบ) จนกระทั่งได้เส้นไหมตำมจำนวนสัมพันธ์กับฟมื ท่ีจะใช้ทอ ใช้เชือก มดั ขำไจไวใ้ หเ้ ส้นไหมขัดกนั อยู่ดังเดิม เสร็จแล้วถอดกลมุ่ ไหมออกจำกเฝอื แล้วตัดเส้นไหมให้ปลำยเปิดทุกเส้น ตรงท่ี คลอ้ งกบั หลกั ค้นลกู แรก กลุม่ เสน้ ไหมท่ไี ด้ เรียกว่ำ ไสห้ ูก เอกสารประกอบหลักสูตร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพียขอม

29 ถ้ำฟันฟืมเบอร์80 ชำวบ้ำนจะเรียกฟันหวี40 หลบ ใน 1 หลบ จะมี 40 ช่อง ใน 1 ช่องจะมีเส้นไหม2 เส้น ซ่ึงก็จะทำให้ 1 หลบ จะมีเส้นไหม 80 เส้น เวลำเดินเส้นยืนจะต้องนับว่ำครบ 80เส้นหรือไม่ ถ้ำครบแล้วก็จะเอำ เชือกมำไพไว้ ทุกครั้งที่พบ 80เส้น จะไพไว้จนครบตำมจำนวนของฟันหวีท่ีใช้ทอ เพรำะ 80 เส้น จะเท่ำกับ 1 หลบ ถำ้ ฟนั หวี 40 หลบก็จะไพ 40 คร้ังเอำไว้ (ขอ้ มูลและรปู ภำพ : http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/localobjects/?p=915) (3) กง คือ อุปกรณส์ ำหรับใส่เส้นไหมเพื่อกำรกรอเสน้ ไหมเขำ้ อัก กง หรือ ระวิง หรือ เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้สำหรับใส่ไจเส้นด้ำย ท้ังไหมและฝ้ำย เพื่อเตรียมกรอเข้ำพักกับอัก หรอื เพือ่ ตรวจสอบควำมเรียบร้อยของเสน้ ด้ำย เช่น เกบ็ สว่ นทเ่ี ป็นขยุ ปมุ่ ปม ต่ำง ๆ กอ่ นนำไปใช้งำน เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกุดพยี ขอม

30 กง ประกอบด้วย 2 ส่วน คอื กง และหลกั ตนี กง กง จะมีแกนท่ีทำด้วยไม้ไผ่เหลำกลม ยำวประมำณ 1-1.5 เมตร ตรงปลำยแกนท้ังสองข้ำงจะมีไม้ไผ่เหลำ แบนปลำยแหลมเสียบไว้ในลักษณะไขว้กันเป็นรูปกำกบำทหรือ 4 แฉก หรือ 6 แฉก ยึดติดกับแกนกลำง มีเชือกผูก โยงระหว่ำงแฉก ส่วนน้ีจะเป็นส่วนรองรับไจด้ำย ปลำยแกนจะย่ืนยำวต่อจำกจดุ มัดแฉกเลก็ น้อยเพ่ือสอดเข้ำกับหลัก ตีนกง หลกั ตนี กง จะทำด้วยไม้ มจี ำนวน 2 ชิ้น มฐี ำนยดึ เพือ่ ใหไ้ ม้ตั้งสงู ไดใ้ นแนวดง่ิ สูงประมำณ 0.8-1 เมตร ที่ ปลำยหลกั จะเจำะรสู ำหรบั สอดแกนกง ทำใหก้ งหมุนได้ กำรวำงหลกั ตนี กงจะวำงใหม้ ีระยะห่ำงพอดีกับกง เพ่ือให้ หมนุ ได้สะดวก (ข้อมูลและรปู ภำพ : http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/localobjects/?p=863) (4) อัก คือ อปุ กรณ์สำหรบั กำรมว้ นเกบ็ เส้นไหมที่ทำกำรกรอจำกกง อัก จะทำดว้ ยไมจ้ รงิ ประกอบด้วยสว่ นตำ่ ง ๆ ดงั น้ี เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกุดพียขอม

31 แขนอัก เป็นไม้ริ้ว 4-6 ร้ิว เหล่ียมขนำดกว้ำงประมำณ 3 เซนติเมตร ยำวประมำณ 40 เซนติเมตร ปลำย สองขำ้ งเรียวเลก็ นอ้ ย หำ่ งจำกปลำยสองข้ำงประมำณขำ้ งละ 5 เซนตเิ มตร เจำะรเู พ่ือสอดใส่กับ “ตีนกำ” ซึ่งถือเป็น แกนกลำงของอัก แต่ละริว้ ห่ำงกันประมำณ 15 เซนติเมตร ตีนกา เป็นไม้ 2 อัน ขนำดกว้ำงอันละประมำณ 3 เซนติเมตร ยำวประมำณอันละ 25 เซนติเมตร ประกบ กันเป็นรูปเหมือนกำกบำท แกนกลำงของตีนกำ เจำะเป็นรูกลม ขนำดเส้นผ่ำนศูนย์กลำงประมำณ 1.5 เซนติเมตร เพ่ือใส่กับ “โคยอกั ” ได้ ปลำยตีนกำแต่ละข้ำงยึดติดกบั “แขนอกั ” แท่นอัก หรือ ไมค้ อนอัก เป็นแท่นไม้ส่ีเหล่ียมผนื ผ้ำ ขนำดกว้ำงประมำณ 20 เซนติเมตร ยำวประมำณ 40 เซนติเมตร หนำประมำณ 5 เซนติเมตร ปลำยข้ำงหน่ึงของแท่นปักเสำไม้ 2 เสำ เพื่อยึด “โคยอัก” (เพลำอัก) สำหรับสอดใสอ่ ักใหแ้ กวง่ หรอื หมุน เม่ือตอ้ งกำรจะคดั ไหมหรอื ด้ำยให้แยกเปน็ ตอน ๆ ตำมต้องกำร คอนอัก (ขอ้ มลู และรูปภำพ : http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/localobjects/?p=171) (5) ไน/หลา เป็นเคร่ืองมอื หนึ่งท่ีใช้ในกระบวนกำรทอผำ้ ท้ังผ้ำฝ้ำยและผำ้ ไหม ลกั ษณะโครงสร้ำงของหลำ ประกอบด้วย กงลอ้ ขนำดใหญ่ มขี ำ มฐี ำนยำวประมำณ 80-100 เซนติเมตร ที่จับสำหรับหมนุ ดว้ ยมือ เรียกว่ำ แขน หลำ เพอื่ ให้กงล้อหมุนรอบตวั เอง กงล้อน้ีมีสำยพำนโยงไปอีกดำ้ นหนงึ่ เรียกวำ่ สำยหลำ ส่วนหวั หลำจะอย่ดู ้ำนซ้ำย ของวงล้อ ท่ีหวั หลำจะมแี กนเหลก็ เล็ก ๆ เรียก เหลก็ ไน ท่วี ำงอยูบ่ นหูหลำ เมื่อหมุนกงล้อ เหลก็ ไนก็จะหมนุ ตำม อย่ำงเร็ว โครงสรำ้ งของหลำจะทำจำกไม้เนอ้ื แขง็ ส่วนวงล้อน้ันประกอบจำกซี่ไม้ไผ่ (ขอ้ มูลและรูปภำพ : https://oer.learn.in.th/search_detail/result/150339) เอกสารประกอบหลักสูตร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกุดพยี ขอม

32 (6) หลอด คือ อุปกรณ์สำหรับกำรมว้ นเกบ็ เส้นไหมเพ่ือนำไปในกระสวยเพื่อกำรพุ่งเสน้ พุ่งในกำรทอผำ้ มัดหมี่ (7) กระสวย คือ อปุ กรณส์ ำหรับใสห่ ลอดม้วนเส้นไหมพุ่งเพอ่ื พุง่ นำหลอดเสน้ พุ่งในกำรทอผำ้ (ข้อมลู และรูปภำพ : https://sites.google.com/site/webkhayphahimmadhmibanprangkh/pha-him-mad- hmi/khan-txn-kar-tha-pha-him) (8) ฟมื หรอื ฟันหวี คือ อุปกรณ์สำหรับกำรจดั เรยี งเส้นไหมยนื ก่อนทีจ่ ะนำไปเส้นยืนไปกลำงต้ังขึ้นบนก่ีทอผ้ำ เป็นกรอบไม้แบ่งเป็นช่องถ่ี ๆ ด้วยลวดซ่ีเล็ก ๆ สำหรับจัดระเบียบเส้นด้ำยยืน ตีกระทบเส้นด้ำยพุ่งเพ่ือให้ผ้ำมีเน้ือ แน่นเป็นผืนผำ้ ฟืม เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้ในกำรจัดเรียงเส้นไหมให้เป็นระเบียบ เป็นเคร่ืองมือที่ใช้สำหรับทอผ้ำ มีตัวฟืมที่ ทำจำกไม้ เน้ือแข็ง เป็นกรอบสี่เหล่ียม มีฟันซ่ีเล็ก ๆ เรียงกันเป็นตับอยู่กลำงและระยะห่ำงของฟันเป็นที่ใช้สำหรับ สอดเส้นไหมผ่ำน ควำมกว้ำงของฟืม ประมำณ 5-6 เซนติเมตร ส่วนควำมยำวของฟืมคือควำมกว้ำงของผืนผ้ำในกำร ใช้ฟืมเน่ืองจำกกำรทอคร้ังต่อไปจะต้องเหลือเส้นไหมที่ทอคร้ังก่อนไว้ เพื่อนำมำผูกกับเส้นไหมท่ีต้องกำรทอคร้ัง ตอ่ ไปโดยไม่ให้เส้นไหมจำกกำรทอคร้ังก่อนหลุดออกจำกฟืม ไม่เช่นน้ันจะต้องนำเส้นไหมมำสอดผ่ำนฟันของใหม่ ซ่ึง จะตอ้ งใช้เวลำนำนมำก เอกสารประกอบหลักสูตร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกุดพยี ขอม

33 (9) กท่ี อผา้ คือ อุปกรณส์ ำหรับกำรทอผำ้ กี่ หรือ หูก เปน็ เครอ่ื งมือสำหรับทอผ้ำ มีหลำยขนำดและชนิด แต่มีหลักกำรพื้นฐำนอยำ่ งเดียวกนั คือ กำร ขัดประสำนระหว่ำงด้ำยเส้นพุ่ง และด้ำยเส้นยืน จนแน่นเป็นเนื้อผ้ำ คล้ำยกับกำรจักสำน แต่มีควำมละเอียดสูงกว่ำ เน่ืองจำกเสน้ ดำ้ ยมขี นำดที่เล็ก และละเอยี ดกวำ่ เอกสารประกอบหลกั สูตร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พียขอม

34 (10) ไม้เหยียบหกู คือ อุปกรณ์ทเ่ี ปน็ ท่อนไม้ที่อย่ดู ำ้ นลำ่ งของกี่ทอผ้ำ มเี ชือดโยงติดกับตะกอฟมื เพ่ือใชเ้ ท้ำ เหยยี บให้เสน้ ยนื สลับขึน้ และลง เพอ่ื กำรสอดเสน้ พงุ่ ในกำรทอผำ้ (รูปภำพ : http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/sompornrat/?page_id=210) (11) แปรงทาแปง้ บนเส้นยนื คือ อุปกรณส์ ำหรบั ใช้ทำนำ้ แปง้ บนเส้นยนื เพ่ือป้องกันเส้นยืนแตกในขณะทีท่ อผำ้ (รูปภาพ : http://202.29.22.168/local_information/plakow/Tool4.html) (12) ไม้คนั ผงั คือ อุปกรณท์ ่ีทำดว้ ยไม้ไผ่ ใชค้ ้ำยนั ขอบริมผ้ำหน้ำกว้ำงท้งั สองด้ำนของหน้ำกวำ้ งผืนผำ้ ให้ตึง และตรงตลอดทงั้ แนวควำมยำว รูปภาพ : https://archive.clib.psu.ac.th/online-exhibition/koyo%20textile/pia2.html เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

35 ใบงาน เรอื่ งการทอผ้าไหมมัดหม่ี ลายแคนแก่นคนู คาชแ้ี จง ทาเครือ่ งหมาย X หน้าขอ้ ที่ถกู ต้องท่สี ดุ เพียงข้อเดยี ว 1. อุปกรณท์ อผำ้ ในภำพต่อไปน้เี รียนกวำ่ อะไร ก. กง ข. กี่ ค. ไน ง. ฟืม 2. อัก คือ อุปกรณ์ในข้อใด ก. ข. ค. ง. 3. สีธรรมชำติท่ยี อ้ มไหมเพื่อให้ได้สแี ดงหรือแดงอมม่วง คือขอ้ ใด ก. ครั่ง ข. ครำม ค. ผลคูน ง. เปลอื กตน้ เพกำ 4. ถำ้ ตอ้ งกำรยอ้ มไหมให้ไดส้ เี ทำ ตอ้ งใช้อะไร ก. ใบฝร่ัง/ใบขำ้ ว ข. ขีเ้ ถ้ำ/โคคลน ค. คนู ง. ขี้เหลก็ 5. ข้อใดกล่ำวถูกต้องในกำรย้อมสธี รรมชำติ ก. เฉดสสี ดใส ข. เฉดสหี วำน ออ่ นละมุน ค. เป็นท่ีนยิ ม ง. สีไมต่ ก ไมซ่ ีด เอกสารประกอบหลกั สูตร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

36 6. ผ้ำไหมมดั หมี่ เป็นศิลปะกำรทอผำ้ พนื้ เมอื งทน่ี ิยมของภูมิภำคใด ก. ภำคใต้ ข. ภำคเหนอื ค. ภำคตะวันออก ง. ภำคตะวันออกเฉียงเหนอื 7. กำรทอผำ้ มัดหมท่ี ว่ั ไปมกี ลี่ ักษณะ ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4 8. เอกลักษณ์ของผำ้ ไหมชนบท คอื ข้อใด ก. ลำยและเทคนิคกำรทอผำ้ ข. กำรมดั หมแ่ี ละกำรย้อมหม่ี ค. กำรยอ้ มหมแี่ ละเทคนิคกำรทอ ง. ถกู ทกุ ขอ้ 9. ลำยตอ่ ไปน้ี เรียกว่ำลำยอะไร? ก. ลำยโคม ข. ลำยกง ค. ลำยหมำกจบั ง. ลำยปลำซิว 10. ลำยขอพระเทพ คือลำยในขอ้ ใด? ก. ข. ค. ง. 11. นครขอนแก่น ได้รับฉำยำวำ่ เป็น “นครแห่งไหม” ในภำคอสี ำน ปี พ.ศ. ใด? ก. พ.ศ. 2559 ข. พ.ศ. 2560 ค. พ.ศ. 2561 ง. พ.ศ. 2562 เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพยี ขอม

37 12. “แคนแก่นคูน” มอี งค์ประกอบ ของลำยกีล่ ำย? ก. 5 ลำย ข. 6 ลำย ค. 7 ลำย ง. 8 ลำย 13. ลำยในขอ้ ใดที่ไม่ใช่ องคป์ ระกอบของลำยแคนแกน่ คูน? ก. ลำยดอกคูน ข. ลำยหมำกเบ็ง ค. ลำยหม่ีโคม ง. ลำยบำยศรี 14. “ลำยแคน” มีควำมหมำยตรงกับข้อใด ก. สญั ลักษณ์ดอกไม้ประจำจังหวัดขอนแกน่ ข. กำรสบื ทอดภูมิปญั ญำวัฒนธรรมของชำวขอนแก่น ค. สญั ลักษณ์แทนควำมกินดอี ยู่ดี ควำมอุดมสมบูรณ์ของประชำชนชำวขอนแกน่ ง. สัญลกั ษณ์แทนควำมเจริญและสนกุ สนำน เมืองแหง่ หมอแคน ควำมสขุ ของชำวเมืองขอนแก่น 15. ขอ้ ใดคอื เอกลักษณเ์ ฉพำะของผ้ำไหมไทยที่แตกตำ่ งจำกผำ้ ไหมทั่วไป? ก. มีแสงแวววำมอย่ใู นเน้ือผำ้ ข. ลวดลำยสวยงำมแปลกตำ ข. เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำดว้ ยมอื ทุกขั้นตอน ง. ถกู ทกุ ขอ้ 16. เพรำะเหตุใดจงึ เรยี กผ้ำไหมชนดิ หนงึ่ ว่ำ \"ผ้ำไหมมัดหมี่\" ก. เพรำะกรรมวธิ ีกำรตม้ เส้นไหมเปน็ กรรมวธิ ีเดยี วกนั กับกำรต้มเสน้ หมี่ ข. เพรำะเส้นไหมทีน่ ำมำทอเลก็ บำง และกลมคล้ำยลักษณะของเส้นหม่ี ค. เพรำะควำมสวยงำมของผ้ำไหมชนิดนีเ้ กดิ จำกเทคนิคกำรมดั ย้อมเสน้ ไหม ง. เพรำะผำ้ ไหมชนดิ นีม้ ตี ้นกำเนิดจำกหมบู่ ำ้ นมัดหมี่ ทำงภำคอีสำนของไทย 17. ผ้ำไหมท่เี ปน็ เอกลักษณ์ของหวดั ขอนแก่น คอื ขอ้ ใด ก. ผ้ำไหมแพรวำ ข. ผ้ำไหมมัดหมี่ ค. ผำ้ ไหมขดิ ง. ผ้ำไหมตนี จก 18. ข้อใดกลำ่ วถกู ต้องในกำรทำควำมสะอำดผำ้ ไหม ก. ขยี้และบิดแรง ๆ ข. นำไปซักในเคร่อื งซักผำ้ ค. ซักดว้ ยน้ำยำซักแหง้ ง. แชผ่ ้ำไหมไว้นำน ๆ 19. ข้อใดกลำ่ วไม่ถกู ต้องเก่ยี วกับกำรตำกผำ้ ไหม ก. ตำกทีแ่ ดดจำ้ ข. ตำกในท่ีร่ม ค. กลบั ด้ำนเส้อื ออก ง. สลดั ผำ้ เบำ ๆ คล่ีออกใส่ไม้แขวน 20. น้ำยำในขอ้ ใดท่ีใช้ซกั ผ้ำไหมได้ ก. สบกู่ ้อน ข. สบู่อำบน้ำเด็ก ค. น้ำยำซักผำ้ ทม่ี ีฤทธเ์ิ ป็นกลำง ง. ถกู ทุกขอ้ เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกุดพยี ขอม

38 ใบความรู้ท่ี 3 เรือ่ งการจัดการตลาดเบื้องตน้ และการบรรจภุ ณั ฑ์ มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชุมชน มำตรฐำนผลิตภัณฑ์ชุมชน คือ ขอ้ กำหนดด้ำนคณุ ภำพท่ีเหมำะสมกบั ผลติ ภัณฑ์ชุมชนให้เปน็ ท่เี ชื่อถือ เป็น ที่ยอมรบั และสรำ้ งควำมมน่ั ใจใหก้ บั ผบู้ ริโภคในกำรเลอื กซื้อผลิตภัณฑ์ โดยม่งุ เนน้ ใหเ้ กิดกำรพฒั นำอยำ่ งยัง่ ยนื เพอื่ ยกระดับคุณภำพของผลติ ภัณฑ์ชุมชนให้เปน็ ไปตำมมำตรฐำนท่ีกำหนด และสอดคล้องกบั นโยบำย OTOP โดยในแต่ ละผลิตภณั ฑ์กจ็ ะมขี อ้ กำหนดท่ีแตกตำ่ งกันออกไป ประโยชน์ท่ีได้รับจำกมำตรฐำนผลิตภณั ฑช์ ุมชน 1. ผู้ผลติ ผลติ ภณั ฑช์ ุมชน มีควำมเข้ำใจ และมคี วำมรู้ในกำรผลติ สินคำ้ ที่มคี ุณภำพ 2. สินคำ้ ทีม่ คี ุณภำพมำกยิ่งขึ้น 3. สินคำ้ เปน็ ทีน่ ำ่ เชอื่ ถือ และเป็นทีต่ อ้ งกำรของตลำด 4. สำมำรถนำผลติ ภัณฑเ์ ข้ำคดั สรร OTOP Product Champion (ระดบั ดำว) 5. ได้รับกำรสนบั สนุนเพอื่ กำรพัฒนำทเ่ี หมำะสมจำกหนว่ ยงำนทเี่ กีย่ วขอ้ ง หลักเกณฑ์และเงือ่ นไขในกำรรบั รองมำตรฐำนชมุ ชน 1. ขอบขำ่ ย 1.1 เอกสำรนี้กำหนดนิยำม คณุ สมบตั ขิ องผู้ยน่ื คำขอ กำรรับรอง กำรตรวจตดิ ตำมผล กำรยกเลกิ กำรรบั รอง และอน่ื ๆ ที่เกีย่ วขอ้ งในกำรรับรองคณุ ภำพผลติ ภณั ฑ์ชุมชน 2. นยิ ำม ควำมหมำยของคำทใี่ ช้ในเอกสำรนี้ มดี ังต่อไปนี้ 2.1 กำรรบั รองคุณภำพผลิตภัณฑ์ชุมชน หมำยถงึ กำรใหก้ ำรรับรองคณุ ภำพผลิตภัณฑ์ชุมชนของ ผู้ผลิตในชุมชนท่ีเกิดกำรรวมกลุ่มกันประกอบกิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึงทั้งท่ีจดทะเบียนอย่ำงเป็นทำงกำรหรือที่ไม่มี กำรจดทะเบียนเป็นกำรวมกลุ่มเองโดยธรรมชำติ หรือชุมชนในโครงกำรหน่ึงตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่ผ่ำนกำร คัดเลือกจำกจังหวัด และ/หรือหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง ตำมมำตรฐำนผลิตภัณฑ์ชุมชนท่ีสำนักงำนมำตรฐำน ผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สำหกรรมได้ประกำศกำหนดไวแ้ ลว้ 2.2 ผู้ย่ืนคำขอ หมำยถึง ผผู้ ลิตทอ่ี ยู่ในชุมชนและ/หรอื จำกโครงกำรหน่งึ ตำบลหน่ึงผลิตภณั ฑ์ทผ่ี ำ่ น กำรคัดเลือกจำกคณะกรรมกำรอำนวยกำร หนึ่งตำบล หนงึ่ ผลิตภัณฑ์ แห่งชำติ (กอ.นตผ.) 2.3 ผู้ไดร้ บั กำรรับรอง หมำยถงึ ผ้ยู ่ืนคำขอที่ผำ่ นกำรตรวจประเมนิ แลว้ และได้รบั กำรรับรองจำก คณะกรรมกำร 3. คุณสมบัตขิ องผู้ยนื่ คำขอ 3.1 ผ้ยู ่ืนคำขอต้องมคี ณุ สมบตั ิในขอ้ หน่งึ ข้อใด ดงั ตอ่ ไปน้ี 3.1.1 เป็นผู้ผลติ ในชมุ ชนของโครงกำร หนึ่งตำบล หน่ึงผลติ ภัณฑ์ ได้รับกำรคัดเลอื กจำก คณะกรรมกำรอำนวยกำรหน่ึงตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชำติ (กอ.นตผ.) เอกสารประกอบหลักสูตร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

39 3.1.2 เป็นกลมุ่ หรอื สมำชิกของกลมุ่ เกษตรกร กล่มุ สหกรณ์ หรือกลุ่มอ่ืน ๆ ตำมกฎหมำย วิสำหกิจชุมชน เชน่ กลุ่มอำชพี กล่มุ อำชีพก้ำวหนำ้ กลมุ่ ธรรมชำติ เป็นตน้ 4. กำรรบั รอง 4.1 กำรรับรองคุณภำพผลติ ภัณฑ์ชุมชน ประกอบด้วยกำรดำเนนิ กำรดงั นี้ 4.1.1 ตรวจสอบสถำนท่ีผลติ และเกบ็ ตวั อยำ่ งจำกสถำนท่ผี ลิตสง่ ตรวจสอบ เพ่อื พจิ ำรณำออก ใบรับรอง 4.1.2 ตรวจตดิ ตำมผลคุณภำพผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชนทีไ่ ดร้ ับกำรรับรอง โดยสมุ่ ซือ้ ตวั อย่ำงที่ไดร้ บั กำรรับรองจำกสถำนท่จี ำหนำ่ ย เพอ่ื ตรวจสอบ 4.2 กำรขอกำรรับรอง ให้ยื่นคำขอต่อสำนักงำนมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรม หรือสำนักงำน อุตสำหกรรมจังหวัด หรือจังหวัด พร้อมหลักฐำนและเอกสำรต่ำง ๆ ตำมแบบท่ีสำนักงำนมำตรฐำน ผลิตภัณฑอ์ ุตสำหกรรมกำหนด 4.3 เมื่อไดร้ บั คำขอตำมขอ้ 4.2 แลว้ สำนกั งำนมำตรฐำนผลติ ภัณฑ์อุตสำหกรรมจะนัดหมำยกำร ตรวจสอบสถำนทผ่ี ลติ เก็บตวั อย่ำงส่งทดสอบ หรอื ทดสอบ ณ สถำนที่ผลติ 4.4 ประเมนิ ผลกำรตรวจสอบว่ำเป็นไปตำมมำตรฐำนผลิตภัณฑ์ชุมชนท่ไี ดก้ ำหนดไว้หรือไม่ 4.5 ใบรบั รองผลติ ภณั ฑ์ มีอำยุ 3 ปี นับตง้ั แต่วันทร่ี ะบใุ นใบรบั รอง 4.6 กำรขอต่ออำยใุ บรับรองหรอื กำรออกใบรบั รองฉบบั ใหม่เม่ือใบรับรองฉบบั เกำ่ สิ้นอำยุ ให้ ดำเนนิ กำรตำมข้อ 4.2 ถงึ 4.4 5. เงอื่ นไขและกำรตรวจติดตำม 5.1 ผู้ไดร้ บั กำรรบั รอง ต้องรักษำไวซ้ ึง่ คณุ ภำพตำมมำตรฐำนผลิตภณั ฑช์ ุมชน ทก่ี ำหนดไว้ ตลอด ระยะเวลำทไ่ี ด้รบั กำรรบั รอง 5.2 กำรประเมินผลกำรตรวจสอบตัวอยำ่ งทสี่ มุ่ ซ้อื เพือ่ ตรวจตดิ ตำมผลต้องเป็นไปตำมมำตรฐำน ผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชนที่กำหนด 5.3 กำรตรวจติดตำมผลทำอย่ำงน้อยปี ละ 1 ครง้ั 6. กำรยกเลิกกำรรับรอง สำนักงำนมำตรฐำนผลติ ภัณฑอ์ ุตสำหกรรม จะยกเลิกใบรับรอง กรณีใดกรณีหน่ึงดังตอ่ ไปนี้ 6.1 ผลิตภณั ฑ์ท่ตี รวจตดิ ตำมผลไมเ่ ปน็ ไปตำมมำตรฐำนผลิตภัณฑ์ชุมชน 2 ครงั้ ตดิ ตอ่ กนั 6.2 ผไู้ ดร้ บั กำรรบั รองขอยกเลกิ ใบรบั รอง 6.3 มีกำรประกำศแกไ้ ขหรือยกเลกิ มำตรฐำนผลิตภณั ฑ์ชุมชนท่ีไดก้ ำหนดไว้ 6.4 เมอื่ ใบรบั รองครบอำยุ 3 ปี นับจำกวนั ทไ่ี ดร้ บั กำรรับรอง 6.5 กรณีมกี ำรกระทำอนั เป็นกำรฝำ่ ฝืนหรอื ไม่ปฏบิ ตั ติ ำมหลักเกณฑ์และเง่ือนไขตำ่ ง ๆ ท่กี ำหนด เช่น กำรอวดอำ้ งเกนิ ควำมเป็นจรงิ โฆษณำกำรได้รับกำรรบั รองครอบคลมุ รวมถึงผลติ ภณั ฑท์ ่ีไม่ได้รับกำรรับรอง เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกุดพียขอม

40 7. อนื่ ๆ 7.1 ในกรณีท่ียกเลิกใบรบั รอง ผู้ได้รบั กำรรบั รองต้องยตุ กิ ำรใช้สิ่งพิมพ์ ส่ือโฆษณำ ท่มี ีกำรอำ้ งองิ ถึงกำรได้รับกำร รับรองทั้งหมด 7.2 สำนักงำนมำตรฐำนผลติ ภณั ฑ์อตุ สำหกรรม ไมร่ บั ผิดชอบในกำรกระทำใด ๆ ของผู้ไดร้ ับกำร รบั รองที่ได้กระทำไป โดยไม่สุจรติ หรอื ไม่ปฏิบัติตำมหรอื ฝ่ำฝนื หลกั เกณฑ์และเง่ือนไขท่ีกำหนด ขัน้ ตอนในการดาเนินงานเพือ่ ขอใบรบั รอง แบบฟอร์มการขอใบรบั รอง (ขอ้ มลู และรปู ภำพ : http://www.agriman.doae.go.th/home/Research/Herb57/5.pdf) เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

41 การออกแบบบรรจุภณั ฑ์ บรรจภุ ัณฑ์มคี ำที่เกยี่ วข้องหลำยตัว ซ่ึงอำจก่อให้เกดิ ควำมสับสนหำกไม่ทำควำมเข้ำใจในควำมหมำย ให้ดี ซ่ึงคำท่เี กยี่ วข้องมีดังนี้ 1. กำรบรรจุภัณฑ์ กำรบรรจุหบี หอ่ กำรหบี ห่อ บรรจภุ ัณฑ์ (Packaging) หมำยถงึ ตวั บรรจุภัณฑ์ที่ สรำ้ งข้นึ เพื่อบรรจุผลิตภัณฑ์ มีกำรออกแบบโครงสร้ำงและกรำฟิกบนบรรจภุ ณั ฑ์ เพือ่ กำรจัดจำหน่ำย เพอื่ กำร ขนส่ง เพอ่ื รักษำคุณภำพของบรรจภุ ัณฑ์ Packaging จะเป็นในลกั ษณะเพ่ือกำรค้ำเพื่ออุตสำหกรรม 2. ภำชนะบรรจุ หีบหอ่ (Package) หมำยถึง ภำชนะบรรจุเพอ่ื ใส่ผลติ ภัณฑ์หรือสินค้ำซ่ึงจะมีกำรผำ่ น หรือไมผ่ ำ่ นกระบวนกำรออกแบบกไ็ ด้ ซ่ึงจะแตกต่ำงจำก Packaging ซ่ึงต้องมีกระบวนกำรออกแบบทง้ั โครงสรำ้ งและออกแบบกรำฟิก Package อำจเปน็ เพียงถุงพลำสตกิ ธรรมดำ เช่น กำรซื้อกระเทียมจำกตลำด แม่ค้ำก็จะใส่ถุงพลำสติกมำให้ ถุงพลำสติกก็จะเป็น Package แตไ่ ม่ใช่ Packaging 3. กำรบรรจุ (Packing) หมำยถึง กำรบรรจผุ ลิตภณั ฑล์ งในบรรจุภัณฑด์ ้วยวธิ ีต่ำง ๆ เพ่ือใหผ้ ลติ ภัณฑ์ ในภำชนะบรรจสุ ำมำรถรวบรวมเปน็ หน่วยเดยี วกันคงอยู่ในบรรจภุ ัณฑ์ในสภำพท่สี มบูรณ์จนถงึ กำรเปดิ ใช้ หรอื เพื่อกำรขนสง่ ซึ่งอำจใช้วสั ดุอน่ื ๆ ชว่ ยในกำรปอ้ งกันควำมเสียหำยตอ่ ผลิตภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design) คือกำรกำหนดรูปแบบและโครงสร้ำงของบรรจุภัณฑ์ให้ เหมำะสมและสมั พันธ์กับตัวสินค้ำ เพื่อป้องกนั ไมใ่ หส้ ินค้ำเสียหำยจำกกำรเคลือ่ นย้ำย เพื่ออำนวยควำมสะดวกให้กับ ระบบขนส่ง และเพ่มิ คณุ คำ่ ด้ำนจิตวิทยำต่อผูบ้ รโิ ภค ซงึ่ ตอ้ งอำศยั ทัง้ ศำสตรแ์ ละศิลปใ์ นกำรสรำ้ งสรรค์ วตั ถุประสงคข์ องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพ่อื นำเอำวสั ดุ เช่น กระดำษ เยือ่ กระดำษ ไม้ พลำสติก แกว้ และโลหะอ่ืน ๆ มำออกแบบเป็นเป็นภำชนะท่ี มคี วำมสวยงำม แข็งแรง ได้สัดส่วนเหมำะสมกับตัวสินค้ำ เช่น กล่องกระดำษ กล่องกระดำษลูกฟูก กล่องพิมพ์ออฟ เซท พำเลทกระดำษ และภำชนะอื่น ๆ สำหรับกำรนำไปใช้ รวมท้ังสร้ำงพจน์ท่ีดี ทำให้แบรนด์สินค้ำได้รับควำมพึง พอใจจำกผซู้ อื้ ประเภทของบรรจภุ ณั ฑ์ ประเภทของบรรจุภัณฑ์สำมำถแบ่งไดโ้ ดยใช้หลำยเกณฑ์ดงั น้ี 1. แบง่ ตามวิธีการบรรจแุ ละวธิ ีการขนถา่ ย บรรจุภัณฑ์เฉพำะหน่วย คือ บรรจุภัณฑ์ท่ีสัมผัสอยู่กับผลิตภัณฑ์ชั้นแรก ถือเป็นบรรจุภัณฑ์ท่ีเอำไว้นับ เฉพำะหนว่ ย บรรจุภณั ฑ์ช้ันใน คือ บรรจภุ ัณฑ์ชั้นที่สอง มีหน้ำทร่ี วบรวมบรรจุภัณฑช์ ั้นแรกเอำไว้ด้วยกัน เป็นชุดที่มีกำร จำหน่ำยรวมกันต้ังแต่ 2-24 ช้นิ ขึ้นไป บรรจุภัณฑช์ ั้นนอกสุด คือ บรรจุภัณฑท์ ่ีเป็นหน่วยรวมขนำดใหญ่ทีใ่ ชใ้ นกำรขนสง่ โดยส่วนใหญ่บรรจภุ ัณฑ์ ประเภทนีจ้ ะเป็นจำพวก ลัง ไม้ กล่องกระดำษ เปน็ ต้น 2.แบ่งตามวตั ถปุ ระสงค์ บรรจุภณั ฑ์เพือ่ กำรขำยปลีก เป็นบรรจภุ ัณฑ์ที่ผบู้ ริโภคซ้ือไปใชซ้ ึ่งจะมีเพียงชิ้นเดียวหรือหลำยชิ้นก็ไดค้ ่ะ ซึ่ง อำจเปน็ Primary Package หรือ Secondary Package กไ็ ด้ เอกสารประกอบหลกั สูตร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกุดพียขอม

42 บรรจุภณั ฑ์เพ่ือกำรขนสง่ เป็นบรรจุภณั ฑ์ทใ่ี ช้รองรับหรอื หอ่ ห้มุ บรรจภุ ัณฑ์สำหรับสนิ คำ้ ท่ีขำยหลำยชิน้ เพื่อ ควำมปลอดภัยและสะดวกในกำรเก็บรักษำและกำรขนส่ง เชน่ กล่องกระดำษลูกฟูกทีใ่ ช้บรรจุยำสฟี ันเปน็ ต้น 3. แบ่งตามความคงรูป บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงแข็งตัว เช่น บรรจุภัณฑ์จำพวกเคร่ืองแก้ว เซรำมิก และประเภทพลำสติกค่ะ โดยส่วนมำกจะเป็นพลำสตกิ แบบฉดี คะ่ บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงกึ่งแข็งตัว บรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ส่วนใหญ่จะทำมำจำกพลำสติกอ่อน กระดำษ แขง็ และอะลมู ิเนียมแบบบำง บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงยืดหยุ่น ทำจำกวัสดุอ่อนตัว มีลักษณะเป็นแผ่นบำง น้ำหนักน้อย สำมำรถดัด โครงสร้ำงได้หลำกหลำย หลักการออกแบบบรรจุบรรจุภัณฑ์ ประกอบด้วยการออกแบบทสี่ าคัญ 2 สว่ นคือ 1. กำรออกแบบโครงสร้ำง – เน้นคุณสมบัติของวัสดุใช้ทำบรรจุภัณฑ์และรูปแบบบรรจุภัณฑ์ กำรกำหนด ลักษณะรูปรำ่ ง รปู ทรง ขนำด ปริมำตร จะต้องคำนึงถึงประเด็นตำ่ ง ๆ ดงั น้ี • งำ่ ยต่อกำรเข้ำใจประเภทสินคำ้ รูปแบบกลมกลืนสอดคลอ้ งกบั สนิ คำ้ • ควำมสะดวกและง่ำยตอ่ กำรจบั /ถือ ขนำดพอดีและสำมำรถรับน้ำหนกั สนิ คำ้ ได้ • ควำมสะดวกตอ่ กำรเปิดใช้งำนผลิตภณั ฑ์ • ควำมสะดวกตอ่ กำรหยบิ สนิ คำ้ ออกจำกบรรจภุ ัณฑ์ • สำมำรถเปดิ /ปิด ถนอมสนิ คำ้ ได้ ชนิดของวัสดุมคี วำมเหมำะสม ปอ้ งกนั สินคำ้ ได้ตลอดอำยุกำร วำงขำย • ปลอดภยั ตอ่ กำรใช้งำน กำรข้ึนรปู กำรบรรจุ เปิด-ปิดสะดวก ไม่ยุ่งยำก 2. กำรออกแบบกรำฟิก – เน้นกำรสื่อควำมหมำยด้วยภำพวำดสญั ลกั ษณต์ ่ำง ๆ ท่ีช่วยสง่ เสริมกำรขำย รูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์จะต้องบ่งบอกถึงตัวตนของสินค้ำ (Brand) บอกวิธีกำรใช้งำน/บริโภค และอื่น ๆ เช่น ควำมรู้ เทคนคิ กรรมวิธีกำรผลติ ที่เป็นจุดขำยของสนิ คำ้ ปัจจัยท่ตี ้องคำนงึ ถึง ไดแ้ ก่ • ข้อมลู บนบรรจภุ ัณฑ์ • งำนพิมพบ์ รรจุภัณฑ์ • สีทใี่ ช้ในบรรจภุ ณั ฑ์ เทคนคิ การออกแบบบรรจุภณั ฑ์ • วิถีกำรดำเนนิ ชวี ิตผบู้ ริโภคสมยั ใหม่ • ขนั้ ตอนกำรออกแบบบรรจุภัณฑ์ ขนั้ ตอนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ 1. กำหนดกลมุ่ เป้ำหมำย 2. กำหนดช่ือตรำสินคำ้ (Brand) 3. กำหนดวสั ดหุ ลักทใี่ ช้ทำบรรจุภณั ฑ์ 4. ออกแบบรูปทรงบรรจุภณั ฑ์ 5. ออกแบบกรำฟิกของบรรจุภัณฑ์ เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พียขอม

43 ความสาคัญของบรรจภุ ณั ฑต์ ่อธุรกิจ SME บรรจุภัณฑ์อำหำรและเครื่องดื่ม รวมท้ังบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้ำอุปโภคบริโภคอ่ืน ๆ มีควำมสำคัญต่อ ธุรกจิ SME ในทุก ๆดำ้ น ดงั น้ี 1. รักษำคุณภำพและปกป้องสินค้ำจำกกำรปนเปื้อน ท้ังจำกฝุ่นละออง แมลง คน ควำมช้ืนควำมร้อน แสงแดด และกำรปลอมปนอืน่ ๆ 2. มีควำมสะดวกต่อกำรจัดเก็บ เช่น กล่องกระดำษ ท่ีมีขนำดใหญ่สำมำรถจัดเก็บสินค้ำรวมไว้ในท่ีเดียว หรืออำนวยควำมสะดวกในกำรขนส่ง ทำใหก้ ำรเคลอื่ นยำ้ ยสนิ คำ้ ทำได้รวดเรว็ 3. ส่งเสรมิ ดำ้ นกำรตลำด ชว่ ยสร้ำงภำพลกั ษณใ์ หส้ นิ คำ้ และแบรนด์เป็นทร่ี ้จู กั มำกข้ึน 4. เปน็ กำรโฆษณำประชำสมั พันธท์ ้ังตวั สินคำ้ และแบรนด์ผลิตภณั ฑ์ใหก้ ับธรกจิ SME โดยกำรออกแบบกท่ีมี กำรสอ่ื สำรและให้ขอ้ มลู สินค้ำลงบนกล่องกระดำษหรือกลอ่ งผลิตภณั ฑ์ 5. สร้ำงอัตลักษณ์ให้กับสินค้ำ ทำให้เป็นท่ีสนใจและจดจำได้ง่ำย กำรเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบให้มี เอกลักษณ์เฉพำะตัว มีควำมสวยงำม และเหมำะสมสัมพันธ์กบั ตัวสินค้ำ มีผลต่อกำรตัดสินใจซ้ือในทนั ทีโดยทีล่ ูกค้ำ ไมไ่ ด้มงุ่ หวังในกำรซ้ือสนิ คำ้ มำก่อน 6. ควำมสวยงำมและคุณภำพของบรรจุภัณฑ์ช่วยสร้ำงมูลค่ำเพิ่มให้แก่สินค้ำ ทำให้กำหนดรำคำขำยได้ง่ำย ข้ึน ประเภทของบรรจุภณั ฑท์ ่นี ยิ มใชใ้ นธุรกิจ SME 1. ถุงกระดำษ เป็นบรรจุภัณฑ์ท่ีมีหลำยรูปแบบและหลำยขนำด ใช้บรรจุสินค้ำได้หลำยประเภท เช่น ถุง กำแฟ ถุงเสื้อผ้ำ ถงุ เครอ่ื งสำอำง ถุงใส่เคร่ืองประดับชิน้ เลก็ ๆ 2. กล่องกระดำษลูกฟูก เป็นกล่องท่ีมีน้ำหนักเบำส่วนใหญ่จะทำหน้ำท่ีในกำรขนส่ง แต่เรำก็สำมำรถ ออกแบบกล่องเพอ่ื นำไปใสส่ นิ ค้ำเพื่อขำยปลีกได้ 3. ถังกระดำษ โดยจะใชส้ ำหรับกำรขนสง่ เป็นหลกั และสินคำ้ ทน่ี ยิ มบรรจคุ อื สำรเคมี เมด็ พลำสตกิ 4. ซองกระดำษหรับกำรบรรจุสินค้ำท่ีมีขนำดเล็กถึงปำนกลำง โดยกำรเลือกใช้ขนำดและชนิดของซอง กระดำษจะข้ึนอย่กู บั ชนิดของสินคำ้ 5. กระปอ๋ งกระดำษ เปน็ บรรจภุ ัณฑ์รูปทรงกระบอก นิยมใชบ้ รรจอุ ำหำรประเภทขนมขบเค้ียว กำรแข่งขันด้ำนกำรตลำดของธุรกิจ SME มีควำมรุนแรงไม่แตกต่ำงจำกธุรกิจขนำดใหญ่ กำรพัฒนำบรรจุ ภัณฑ์จึงเป็นทำงเลือกท่ีน่ำสนใจ กำรออกแบบกล่องกระดำษ และกล่องบรรจุภัณฑ์อ่ืน ๆ โดยเฉพำะบรรจุภัณฑ์ที่ เป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม ไม่สร้ำงมลภำวะและสำมำรถย่อยสลำยได้เองตำมธรรมชำติ คือจุดขำยท่ีสำมำรถใช้สู้กับคู่ แขง่ ขนั ด้ำนกำรตลำดได้ (ข้อมูล : https://www.hongthai.co.th/th/ , https://mis.csit.sci.tsu.ac.th/mallika/UI/DL/Workshop%20- %20repackaging.pdf) เอกสารประกอบหลักสตู ร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคูน กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

44 ใบงาน เร่ืองการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ คาช้แี จง ทาเคร่อื งหมาย X หน้าขอ้ ท่ถี ูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดยี ว 1. ควำมหมำยของ บรรจุภัณฑ์ คือข้อใด ก. กำรหอ่ ผลติ ภณั ฑ์ให้สวยงำม ข. สง่ิ ทที่ ำใหผ้ ลติ ภัณฑ์คงรปู เดิม ค. รูปลกั ษณะภำยนอกทสี่ วยงำม งำ่ ยต่อกำรพกพำ ง. กำรนำผลิตภณั ฑ์มำห่อหุ้ม ปอ้ งกนั ไม่ให้ชำรุด เสยี หำย สะดวกตอ่ กำรขนส่ง 2. ลักษณะของบรรจภุ ณั ฑป์ ระเภทกระดำษข้อใด ก. ทนควำมรอ้ น และควำมชืน้ ข. ขน้ึ รูปโดยกำรหลอ่ หรือหลอมเหลว ค. ตัดและพับได้งำ่ ย รำคำถูกน้ำหนกั เบำ ง. เป็นวสั ดธุ รรมชำติมคี วำมแข็งแรง ใช้เพื่อกำรขนสง่ 3. กลยทุ ธ์ในกำรดงึ ดูดควำมสนใจของผบู้ ริโภคที่สำคัญทีส่ ดุ คือ ก. กำรประชำสัมพนั ธ์ ข. กำรบรรจุภัณฑ์ ค. กำรกำหนดรำคำ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ทก่ี ล่ำวมำ 4. คำวำ่ “บรรจภุ ณั ฑ์” โดยสรุปหมำยถึงอะไร ก. “บรรจุภณั ฑ์” เปน็ เคร่ืองมือท่ีผผู้ ลติ ภัณฑ์อำหำรใชเ้ พอื่ นำผลิตภณั ฑ์อำหำรในสภำพทด่ี ี และถูกต้อง กำร กฎหมำยไปสผู่ ู้บริโภค ข. “บรรจภุ ัณฑ์” เป็นท้ังศำสตรแ์ ละศลิ ป์ที่ใช้ในกำรบรรจสุ นิ คำ้ ในกำรจำหนำ่ ย เพ่ือตอบสนองควำมต้องกำร ของผ้ซู ้ือหรือผบู้ รโิ ภคดว้ ยต้นทนุ ที่เหมำะสม ค. “บรรจุภัณฑ”์ หมำยถึง สง่ิ ทใ่ี ช้หอ่ หมุ้ หรือบรรจุอำหำรไว้ เพ่อื ทำหนำ้ ทปี่ ้องกนั ผลิตภัณฑ์จำกควำมเสียหำย ตำ่ ง ๆ ให้ควำมสะดวกตอ่ กำรขนสง่ รวมท้ังเอื้ออำนวยประโยชนใ์ นกำรคำ้ และกำรบริโภค ง. “บรรจุภัณฑ์” หมำยถึง กจิ กรรมต่ำง ๆ ในกำรออกแบบและผลติ สง่ิ ห่อหุ้มผลิตภัณฑ์ เพ่ือกำรเกบ็ รกั ษำกำร จดั จำหน่ำยและกำรตลำดโดยมีค่ำใชจ้ ่ำยทเี่ หมำะสม โดยกำรใช้ทัง้ ศำสตร์ ศลิ ป์ และเทคโนโลยรี ่วมกนั 5. กำรจัดตกแตง่ บ้ำนและบริเวณบ้ำน ต้องพจิ ำรณำถึงปัจจัยใด ก. บรเิ วณบำ้ น ข. รำยได้ ค. ตัวบ้ำน ง. เครอื่ งเรอื นท่ีใช้อยู่ในบ้ำน 6. “บรรจภุ ณั ฑช์ ั้นที่สำมหรอื ตติยภูมิ (Thertiary Packaging)” มีลักษณะอยำ่ งไร ก. เป็นบรรจุภัณฑ์เพอื่ กำรจำหน่ำยปลกี ข. เป็นบรรจุภณั ฑ์ท่อี ยู่ชนั้ ในสุดตดิ กับตัวสินคำ้ ค. เป็นบรรจุภณั ฑท์ ี่ผู้ซอ้ื จะได้สมั ผสั เวลำท่จี ะบรโิ ภค ง. ป้องกันสนิ คำ้ ระหวำ่ งกำรขนส่ง 7. “บรรจภุ ณั ฑ์ช้ันในหรือปฐมภมู ิ (Primary Packaging)” มีลักษณะอย่ำงไร ก. เปน็ บรรจุภัณฑเ์ พ่อื กำรจำหน่ำยปลกี ข. เปน็ บรรจภุ ัณฑ์ทีอ่ ยู่ชัน้ ในสดุ ตดิ กบั ตัวสนิ คำ้ ค. เป็นบรรจภุ ัณฑท์ ่ีสง่ สินค้ำระหวำ่ งโรงงำน ง. เปน็ บรรจภุ ัณฑ์ที่ตอ้ งวำงแสดง ณ จดุ ขำย เอกสารประกอบหลักสูตร การทอผ้าไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกุดพยี ขอม

45 8. บรรจภุ ณั ฑ์เปรียบเสมือนส่ิงใด ก. ควำมปลอดภยั ข. บ้ำนท่เี รำอยู่ ค. คณุ ภำพ ง. รถยนตส์ ว่ นตวั 9. บรรจุภณั ฑ์อำหำรมีอำยขุ ัตโดยปกตไิ มเ่ กินก่ปี ี ก. 1 ปี ข. 2 ปี ค. 3 ปี ง. 4 ปี 10. เคลด็ ลับของกำรออกแบบ คืออะไร ก. ตอ้ งเป็นคนท่ีมีควำมคิดกวำ้ งไกล ข. ตอ้ งเปน็ คนชำ่ งสังเกต ค. ต้องเป็นคนขยัน ง. ตอ้ งเปน็ คนละเอยี ดรอบคอบ 11. กำรทำผลิตภัณฑ์งำนกำรฝมี ือตำ่ ง ๆ ของแต่ละภำคมีกำรใช้วสั ดุในกำรผลติ แตกตำ่ งกนั ไป รวมทั้งวธิ ีกำรและ รปู แบบด้วย แตส่ ่งิ ท่เี หมือนกันคืออะไร ก. กำรผลิตสงิ่ ของเครื่องใช้ต่ำง ๆ มกั จะทำดว้ ยมือเปน็ ส่วนใหญ่ ตัง้ แตเ่ รม่ิ ต้นจนเสรจ็ สน้ิ เป็นชิน้ งำน ข. กำรผลติ ส่ิงของเคร่ืองใช้ตำ่ ง ๆ ของคนในสมยั กอ่ น ทำข้นึ เพื่อใชส้ ำหรับในครอบครัว ค. กำรผลิตสิ่งของเครื่องใช้ตำ่ ง ๆ ของคนในสมัยกอ่ น ทำขึ้นจำนวนจำกัดเพยี งพอกบั ควำมต้องกำรในชุมชน เลก็ ๆ หรอื พอแลกเปล่ยี นกนั ในวงญำติเฉพำะกล่มุ เทำ่ นนั้ ง. กำรผลิตส่ิงของเครื่องใช้ต่ำง ๆ มีมำกพอกจ็ ะนำไปขำยหรือแบ่งปันเพื่อนบ้ำน 12. เรำสำมำรถเลอื กใช้เทคโนโลยใี ชเ้ หมำะสมกบั สภำพแวดล้อม ควรคำนงึ ถงึ เทคโนโลยีที่มีอยู่ภำยในประเทศ เสียกอ่ นเพื่ออะไร ก. เพื่อทำให้เกดิ แนวคิดออกแบบสรำ้ งสรรค์งำนผลติ ภัณฑต์ ำ่ ง ๆ ได้ตรงเป้ำหมำยท่ีผู้บริโภคต้องกำร ข. เพือ่ เป็นกำรลดคำ่ ใช้จ่ำยและเหมำะสมกับประเทศของเรำ ค. เพือ่ ทำใหเ้ กดิ ควำมสะดวกสบำยข้ึน มีคณุ ภำพมำกขนึ้ ง. เพ่อื เพิ่มมำตรฐำนของผลติ ภัณฑใ์ หม้ คี ุณภำพเทียบเทำ่ กัน 13. นักออกแบบต้องเลอื กใช้วิธีกำรออกแบบผลติ ภณั ฑ์ โดยคำนึงถงึ วัตถุประสงคข์ องส่ิงใด ก. กำรคำนวณตน้ ทุนและกำรตง้ั รำคำขำย ข. ชนดิ ของวธิ กี ำรผลติ ค. กำรใช้งำนท่ีแตกต่ำงกัน ง. คุณลักษณะเฉพำะของกำรออกแบบ 14. บรรจุภณั ฑท์ ีท่ ำลำยสงิ่ แวดล้อม ไม่ควรนำมำใช้ คือข้อใด ก. กระทงใบเตย ข. ตะกร้ำใบลำน ค. กลอ่ งบรรจนุ ม ง. กลอ่ งโฟมแช่อำหำร 15. บรรจุภณั ฑ์ มกี ี่ประเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท เอกสารประกอบหลกั สูตร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกดุ พยี ขอม

46 ช่องทางการจัดจาหนา่ ย ความหมายและความสาคญั ของชอ่ งทางการจัดจาหนา่ ย ช่องทำงกำรจัดจำหน่ำย (Distribution Channel) หมำยถึง ผู้ผลิตจะผลิตสินค้ำคุณภำพดีเพียงใดก็ตำม สนิ ค้ำนั้นคงใช้ประโยชน์ไดใ้ นกลุ่มผูบ้ รโิ ภคจำนวนน้อยเทำ่ นัน้ ถำ้ ผผู้ ลติ ไมท่ รำบวำ่ สินค้ำที่ผลิตข้ึนมำแลว้ จะไปขำยที่ ไหน กำรจัดจำหน่ำยหรือกำรอธิบำยถึง Place เป็นกำรศึกษำถึงกิจกรรมและสถำบันกำรตลำดที่สร้ำง อรรถประโยชน์ทำงด้ำนเวลำ สถำนที่และควำมเป็นเจ้ำของ เพื่อสำมำรถตอบสนองควำมต้องกำรของผู้บริโภคใน ตลำดเป้ำหมำยได้ ชอ่ งทำงกำรขำยเปน็ สว่ นสำคัญอย่ำงมำกในกำรดำเนนิ ธุรกจิ ช่องทำงกำรขำยหรือช่องทำงกำรจัดจำหนำ่ ยมี ควำมหมำยเดียวกันซ่ึงเป็นหน่ึงในสี่ P ของส่วนประสมกำรตลำด (Marketing mix) ที่นักกำรตลำดนิยมนำส่วน ประสมท้ังสี่มำวำงเป็นกลยุทธ์ทำงกำรตลำดและกำรขำยในยุคปัจจุบัน ดังน้ันช่องทำงกำรจัดจำหน่ำย (Marketing channel) จึงถูกเข้ำรวมอยู่ใน P=Place นั่นคือสถำนที่ขำย แหล่งขำย ช่องทำงกำรขำยสินค้ำนั่นเอง สินค้ำแต่ละ ชนิดอำจมีช่องทำงขำยท่ีแตกตำ่ งกนั ไปสนิ ค้ำอปุ โภคมีช่องทำงกำรขำยผ่ำนร้ำนสะดวกซ้ือ อำหำรสดก็มีช่องทำงกำร ขำยหน้ำร้ำนหรือหน้ำบ้ำนของผู้ผลิต อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เส้ือผ้ำสำเรจ็ รูปอำจใช้ช่องทำงกำรขำยได้หลำยช่องทำง เชน่ ขำยทำงออนไลน์ ขำยหน้ำร้ำนตนเอง ขำยในตลำดนัด ขำยในห้ำงสรรพสนิ ค้ำ มี ปจั จุบันไดเ้ ป็นประเภทใหญ่ๆ 2 ประเภทคอื 1. ชอ่ งทำงกำรจำหน่ำยทำงตรง คือผู้ผลิตขำยสินค้ำไปยังผู้ใช้หรอื ผู้บริโภคด้วยตนเอง 2. ชอ่ งทำงกำรจำหน่ำยทำงอ้อม คือผูผ้ ลติ ขำยสนิ คำ้ ผ่ำนตัวกลำง ตวั แทนจำหน่ำยร้ำนค้ำส่งและรำ้ นคำ้ ปลกี เพื่อจำหน่ำยไปยังผู้ใช้หรอื ผ้บู รโิ ภค ชอ่ งทำงกำรจำหนำ่ ยทง้ั สองประเภทน้ยี ังแบง่ เป็นช่องทำงขำยไดอ้ ีกหลำยๆทำงโดยจะกล่ำวถงึ ช่องทำงขำย ทส่ี ำคญั ๆดังต่อไปนี้ ชอ่ งทางจาหนา่ ยทางตรงมีช่องทางขายดังน้ี 1. ขำยผ่ำนหน้ำร้ำนแบบไม่เคลื่อนที่ เป็นกำรขำยผ่ำนหน้ำร้ำน, สำขำทั้งเป็นรำ้ นค้ำของตนเองหรือเช่ำหน้ำ ร้ำนตำมห้ำงสรรพสินค้ำ, Modern trade, เช่ำพ้ืนท่ีขำยในป้ัมน้ำมัน, ขำยออกบูทตำมงำนแสดงสินค้ำ, เช่ำพ้ืนที่ใน อำคำรสำนกั งำนเปน็ ตน้ 2. ขำยผ่ำนหน้ำร้ำนท่ีเคลื่อนที่ไปมำ เช่น ขำยผลไม้ในรถบรรทุกที่ย้ำยไปขำยตำมสถำนท่ีต่ำง ๆ ได้ตำม ควำมต้องกำร, เปิดท้ำยขำยของตำมตลำดนัดต่ำง ๆ หำบเร่, แผงลอย เป็นกำรขำยแบบอิสระ เปลี่ยนเส้นทำงขำย บ้ำง เปลย่ี นสนิ ค้ำขำยบำ้ ง สินค้ำท่ขี ำยอำจเป็นสินค้ำตำมฤดกู ำลหรือเป็นสินคำ้ ทีผ่ ู้ขำยไปหำซื้อไดม้ ำในชว่ งเวลำน้นั 3. ขำยผ่ำนส่ืออิเล็กทรอนิกส์ สื่อออนไลน์ กำรขำยลักษณะ E-commerce นี้จะขำยผ่ำนหน้ำโฮมเพจของ ตนเองโดยมีตะกรำ้ ใหซ้ ือ้ และมีกำรโอนเงินก่อนซอ้ื ซึ่งมีบรษิ ทั ใหญ่ๆหลำยแห่งเพ่ิมช่องทำงกำรขำยทำงอิเล็กทรอนิกส์ จำนวนมำกเชน่ 7-11 ขำยโดยให้ลูกคำ้ เลอื กซ้ือใน 7-Catalogue สำหรับกำรขำยผ่ำน Social media เป็นกำรขำยท่ี นิยมกันในกลุ่มคนที่ยังทำงำนประจำและใช้เวลำว่ำงให้เป็นประโยชน์และกลุ่มอำชีพอิสระท่ีต้องกำรขำยสินค้ำเป็น อำชีพเสริม กำรขำยประเภทนี้จะขำยผำ่ นFacebook, Intragram, Line เอกสารประกอบหลกั สตู ร การทอผา้ ไหมลายแคนแก่นคนู กศน.ตาบลกุดพียขอม