Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิราศภูเขาทอง

นิราศภูเขาทอง

Description: นิราศภูเขาทอง

Search

Read the Text Version

นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๔๘ เนื้อเรื่อง ถอดคำประพนั ธ์ ครน้ั รงุ่ เช้าเข้าเปน็ วนั อุโบสถ วันรงุ่ ขน้ึ จะเปน็ วันพระซง่ึ จะได้ เจริญรสธรรมาบชู าฉลอง บูชาพระธรรม ไดไ้ ปเจดีย์ภเู ขาทอง ไปเจดยี ์ท่ีชื่อภเู ขาทอง ซึ่งดูสงู เสียดฟา้ ดสู ูงล่องลอยฟ้านภาลยั อยูก่ ลางทุ่งดโู ดดเด่นมนี ้าใส อย่กู ลางท่งุ ร่งุ โรจนส์ ันโดษเดน่ อยู่รอบ ๆ ทีฐ่ านพน้ื ทีเ่ ปน็ รูปกลีบ เปน็ ทีเ่ ล่นนาวาคงคาใส บัวถดั จากบันไดมนี า้ ไหลลอ้ มรอบ ท่ีพ้นื ลานฐานบัทมถ์ ดั บนั ได เป็นขอบ คงคาไหลลอ้ มรอบเป็นขอบคัน มีเจดีย์มวี ิหารทลี่ านวัด มเี จดยี ์วหิ ารเป็นลานวดั มกี าแพงกน้ั อยู่ องค์เจดียย์ อ่ ในจังหวัดวงแขวงกาแพงกัน้ เหล่ยี มไม้ ๑๒ มุมอย่างสวยงาม ท่ีองคก์ อ่ ย่อเหลยี่ มสลับกนั มีเป็นสามชัน้ อย่างงดงาม เปน็ สามชั้นเชิงชานตระหงา่ นงาม บันไดมี ๔ ด้าน คณะของ บันไดมสี ีด่ า้ นสาราญรื่น สุนทรภชู่ วนกนั ขนึ้ ไปชัน้ ๓ ต้งั ใจ ตา่ งชมชน่ื ชวนกนั ขึน้ ชั้นสาม เดนิ วนขวา ๓ รอบจนครบก็กราบ ประทักษิณจินตนาพยายาม เจดีย์ ไดเ้ สร็จสามรอบคานบั อภวิ นั ท์

๔๙ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ ๑ เนือ้ เรื่อง ถอดคำประพนั ธ์ มีหอ้ งถ้าสาหรบั จดุ เทยี นถวาย มหี ้องท่เี ป็นถา้ จุดเทยี นเพราะลม ดว้ ยพระพายพัดเวียนดเู หียนหนั จะพดั แรงพาธูปเทยี นดับ ตอนนั้น เปน็ ลมทกั ษิณาวรรตน่าอศั จรรย์ บงั เกดิ ส่ิงอศั จรรยม์ ลี มพัดเวยี นขวา แต่ทกุ วนั นชี้ ราหนกั หนานัก ราวกบั จะเวียนเทียนด้วย ทุกวนั นี้ พระเจดยี เ์ ก่าทรุดโทรมมาก ทัง้ องค์ฐานรานรา้ วถึงเกา้ แฉก เผยอแยกยอดทรดุ ก็หลดุ หัก ทีฐ่ านรา้ วถงึ เกา้ แฉก ทีย่ อดกห็ กั โอ้เจดีย์ท่สี รา้ งยงั รา้ งรกั องค์พระเจดียก์ ็ทรดุ เปน็ เพราะเจดยี ์ เสียดายนักนึกนา่ นา้ ตากระเดน็ ไมม่ ีคนดูแล นกึ แลว้ เสยี ดายจนน่า ร้องไห้ กระน้หี รือชอ่ื เสยี งเกียรติยศ จะมหิ มดลว่ งหนา้ ทันตาเห็น แล้วจะเทยี บอะไรกบั ชื่อเสยี ง เปน็ ผู้ดีมมี ากแลว้ ยากเยน็ เกียรตยิ ศของมนษุ ย์ กค็ งหมดไป คิดก็เป็นอนจิ จงั เสยี ทง้ั น้นั ในไมน่ าน เหมอื นกับเป็นผู้ดีมั่งมี แลว้ ลาบากยากจน คดิ แลว้ ทุก ขอเดชะพระเจดียค์ ริ ีมาศ อยา่ งไม่เทีย่ งแท้ บรรจุธาตทุ ต่ี งั้ นรังสรรค์ ข้าอตุ ส่าหม์ าเคารพอภิวันท์ ขอเดชะแห่งเจดยี ภ์ ูเขาทองซึ่ง เป็นอนนั ตอ์ านิสงส์ดารงกาย บรรจุพระบรมสาริกธาตุ สนุ ทรภู่ ขอใหท้ ไ่ี ด้มากราบในคร้ังนใ้ี หเ้ ปน็ บญุ เพอื่ เป็นอานิสงส์ใหพ้ น้ ภยั ตา่ ง ๆ

นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๕๐ เน้ือเรือ่ ง ถอดคำประพันธ์ จะเกิดชาติใดใดในมนุษย์ ถา้ จะเกิดชาตไิ หน ๆ กข็ อให้ตน ให้บรสิ ุทธิส์ มจติ ทค่ี ดิ หมาย บริสุทธ์ิท้ังกายและใจ ท้ังความทุกข์ ทัง้ ทกุ ขโ์ ศกโรคภัยอยา่ ใกล้กราย ความโศกอยา่ ได้มาใกล้ สบายไป แสนสบายบรบิ รู ณป์ ระยรู วงศ์ ตลอดกาล ทัง้ โลโภโทโสและโมหะ ทั้งความโลภ โกรธ หลง ขอให้ ใหช้ นะใจได้อย่าใหลหลง ตนชนะได้ ขอให้มีสติปัญญาหลัก ขอฟุ้งเฟ่อื งเรืองวิชาปญั ญายง แหลม ใหม้ ศี ลี ธรรมอยใู่ นใจ ทั้งให้ทรงศลี ขนั ธ์ในสันดาน ทั้งผู้หญงิ รา้ ยและผู้ชายชว่ั ก็ขอให้ อีกสองส่ิงหญิงรา้ ยและชายชว่ั อยา่ ไดร้ ้จู ักคบหากัน ขอให้สมดงั หวัง อย่าเมามวั หมายรักสมัครสมาน แม้แต่ชาตหิ นา้ กข็ อใหเ้ ป็นดงั หวงั ขอสมหวงั ตง้ั ประโยชนโ์ พธิญาณ ตราบนิพพานชาตหิ นา้ ใหถ้ าวร พอก้มลงกราบพระพทุ ธรูป เงยขึน้ มากเ็ หน็ ดอกบวั และกเ็ หน็ พอกราบพระปะดอกปทมุ ชาติ พระบรมสารีรกิ ธาตอุ ยูใ่ นเกสร พบพระธาตุสถติ ในเกสร กด็ ีใจมากและชอ้ นประคองลงเรือ สมถวิลยินดีชุลกี ร ประคองชอ้ นเชิญองค์ลงนาวา

๕๑ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ เนือ้ เร่ือง ถอดคำประพนั ธ์ กับหนูพัดมสั การสาเร็จแลว้ พอหนพู ัดกราบไว้เสร็จแลว้ กใ็ สพ่ ระ ใส่ขวดแกว้ วางไวใ้ กล้เกศา บรมสารรี กิ ธาตไุ วใ้ นขวดแกว้ แลว้ ก็วาง มานอนกรงุ รุง่ ข้นึ จะบชู า ไวใ้ กลศ้ ีรษะเมื่อนอน และรงุ่ เชา้ จะ ไม่ปะตาตันอกยิง่ ตกใจ บชู าแตพ่ อต่นื มามองไม่เหน็ กต็ กใจ อย่างมากท้ังท่วี างไว้ใกลศ้ ีรษะ แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคดิ มาน้าตาไหล สนุ ทรภูว่ ่าเป็นเพราะบญุ ตนนอ้ ย โอ้บญุ นอ้ ยลอยลบั ครรไลไกล ทาให้พระธาตุลอยไปไกล เสยี นา้ ใจเจยี นจะด้ินสิน้ ชวี ัน สุนทรภคู่ ดิ ว่าไมส่ ามารถอยูท่ ีเ่ จดีย์ สุดจะอย่ดู อู น่ื ไม่ฝืนโศก ภเู ขาทองตอ่ ไดเ้ พราะจะย่งิ เศรา้ โศก กาเรบิ โรครอ้ นฤทัยเฝ้าใฝ่ฝัน และรอ้ นใจย่งิ ข้นึ พอเช้าตรู่ พอตรูต่ รู่สรุ ิย์ฉายข้นึ พรายพรรณ พระอาทิตย์ขึน้ สอ่ งฉาย ก็ล่องเรอื ถึง ใหล้ อ่ งวนั หนงึ่ มาถึงธานี กรงุ เทพฯโดยใช้เวลาเดนิ ทาง ๑ วัน ประทบั ท่าหนา้ อรณุ อารามหลวง ถึงหนา้ วัดอรุณก็คอ่ ยสรา่ งจาก คอ่ ยสรา่ งทรวงทรงศลี พระชนิ สหี ์ ความเศร้าเพราะไดก้ ราบพระพทุ ธรปู นริ าศเรอื่ งเมืองเกา่ ของเราน้ี นิราศภเู ขาทองของสนุ ทรภูเ่ รื่องนี้ ไวเ้ ป็นท่โี สมนสั ทศั นา ไว้เป็นท่ีอ่านเมื่อเศร้าจะได้มีความสุข

นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๕๒ เนอื้ เรื่อง ถอดคำประพนั ธ์ ด้วยได้ไปเคารพพระพทุ ธรปู เพราะไดไ้ ปกราบไหว้พระพทุ ธรปู ทัง้ สถูปบรมธาตพุ ระศาสนา ท้งั พระบรมสารรี กิ ธาตุ เพราะคนที่ เปน็ นิสัยไว้เหมือนเตอื นศรทั ธา นบั ถือศาสนาพทุ ธเม่อื ไมส่ บายใจกจ็ ะ ตามภาษาไม่สบายพอคลายใจ กราบไหวพ้ ระพทุ ธรูปเพอ่ื ใหส้ บายใจ ใชจ่ ะมีทรี่ กั สมัครมาด ตอนนี้สุนทรภู่ใชว่ ่าจะมีคนรักหรือ แรมนริ าศร้างมติ รพิสมัย พ่งึ จะจากรักมา แต่ท่กี ล่าวถึงผหู้ ญิง ซงึ่ ครวญคร่าทาทีพิรี้พไิ ร กเ็ พราะเปน็ ธรรมเนยี มการแต่งนริ าศ ตามวสิ ัยกาพยก์ ลอนแต่กอ่ นมา แตโ่ บราณ เหมือนแม่ครวั คัว่ แกงพะแนงผัด เหมอื นแมค่ รวั จะปรุงพะแนงจะใส่ สารพดั เพยี ญชนังเครอื่ งมงั สา เครอ่ื งปรงุ และเนอ้ื สัตว์แล้วยังตอ้ งใส่ อนั พรกิ ไทยใบผกั ชีเหมือนสีกา พริกไทยใบผักชแี ละผ้หู ญงิ กเ็ หมอื น ต้องโรยหน้าเสียสกั หนอ่ ยอรอ่ ยใจ พริกไทยใบผกั ชีเพอ่ื ใหน้ ริ าศนนี้ า่ อ่าน จงทราบความตามจริงทกุ สงิ่ ส้ิน ขอให้ทราบความจริงทุก ๆ อย่าง อยา่ นึกนินทาแถลงแหนงไฉน ว่าสนุ ทรภไู่ ม่ไดม้ ีผู้หญงิ เลยขออย่าได้ นกั เลงกลอนนอนเปล่าก็เศรา้ ใจ นินทาให้เสยี หาย เพราะคนทม่ี ี จึงรา่ ไรเร่ืองร้างเล่นบ้างเอย ความสามารถในเชิงกลอนจะตอ้ งแต่ง กลอนเพ่อื คลายเหงาและใหไ้ ด้ผลงาน เป็นท่ีประจักษ์

๕๓ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ คาศัพท์

นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๕๔

๕๕ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑

นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๕๖

๕๗ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ บทวิเคราะห์ นิราศภูเขาทอง เป็นนริ าศเรอื่ งทสี่ ั้นทสี่ ุดของสนุ ทรภู่ โดยมคี วามยาว เพยี ง ๑๗๖ คากลอนแตม่ ีความดีเด่นทง้ั ในดา้ นเนอ้ื หาและวรรณศลิ ป์ จนได้รบั การยกย่องวา่ เปน็ นิราศทม่ี คี วามไพเราะมากที่สดุ ในจานวนนิราศ ทั้ง ๙ เร่ืองของสนุ ทรภู่ ดังจะเห็นได้จากคณุ คา่ ในดา้ นตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑. คณุ ค่าดา้ นเนอ้ื หา เน้ือหาดงั ทีป่ รากฏในนริ าศภเู ขาทอง แสดงใหเ้ ห็นถงึ ความรอบรู้ และความช่างสังเกตของสนุ ทรภ่ไู ด้เป็นอยา่ งดี เนือ่ งจากสุนทรภูไ่ ด้บนั ทกึ เรือ่ งราวและเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ทตี่ นไดพ้ บเห็นตลอดเสน้ ทาง ตงั้ แต่ออกจาก วดั ราชบูรณะจนถึงจังหวัดพระนครศรอี ยุธยา ทาใหน้ ริ าศเร่อื งนี้มคี ุณค่า ในดา้ นเนื้อหา ควรคา่ แกก่ ารศกึ ษา ดงั ตัวอย่างต่อไปนี้ ๑) สะท้อนวิถชี ีวติ และวฒั นธรรม นิราศภูเขาทองมเี นอ้ื หาทแี่ สดง ให้เห็นถงึ สภาพบา้ นเมอื ง สังคม วฒั นธรรม และวิถีชวี ิตของผู้คนโดยเฉพาะ ริมฝั่งแม่นา้ เจ้าพระยาในช่วงสมยั รัตนโกสินทรต์ อนตน้ ไดเ้ ปน็ อย่างดี เช่น

นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๕๘ ๑.๑) การติดตอ่ ค้าขาย สนุ ทรภูม่ กั ถ่ายทอดสภาพสงั คม สองฝั่งแม่นา้ เจา้ พระยาไวใ้ นบทประพันธเ์ รือ่ งต่าง ๆ ทตี่ นเองแตง่ อยเู่ สมอ เช่นเดยี วกบั ในนริ าศภเู ขาทองทส่ี นุ ทรภไู่ ดบ้ รรยายสภาพบา้ นเมอื งและวิถี ชีวติ ของผคู้ น ตลอดจนบรรยากาศของสถานท่ี อาทิ ภาพการค้าขาย ทดี่ าเนินไปอยา่ งคึกคัก มีการนาสินคา้ หลากหลายประเภททีบ่ รรทุกมา กบั เรือสาเภามาวางขายในแพที่จอดเรยี งรายอย่ตู ามรมิ น้า ไปพ้นวัดทัศนาริมทา่ น้า แพประจาจอดรายเขาขายของ มีแพรผา้ สารพัดสีมว่ งตอง ทัง้ ส่งิ ของขาวเหลืองเครอื่ งสาเภา นอกจากน้ี สนุ ทรภยู่ งั กล่าวถึง “ตลาดขวญั ” โดยบรรยายไว้วา่ เม่ือ เดนิ ทางผา่ นตลาดขวัญก็เหน็ ภาพการค้าขาย หรือการจับจา่ ยสนิ คา้ หลากหลายชนิด ทง้ั เส้อื ผ้า และพชื ผลต่าง ๆ อยบู่ นเรอื มากมายหลายลา และตลาดแห่งนี้ยงั เปน็ สถานทที่ ใ่ี ชส้ าหรับพบปะพดู คุยกันของชาวบ้าน อีกด้วย ถงึ แขวงนนทช์ ลมารคตลาดขวญั มพี ว่ งแพแพรพรรณเขาคา้ ขาย ทั้งของสวนล้วนเรืออยู่เรยี งราย พวกหญงิ ชายประชมุ กันทุกวนั คืน

๕๙ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศึกษาปี ที่ ๑ ๑.๒) ชุมชนชาวตา่ งชาติ การตง้ั บ้านเรือนของชาวตา่ งชาติมมี า นานแล้ว จนชาวตา่ งชาติสว่ นใหญ่ได้กลายเปน็ ส่วนหนงึ่ ของสังคมไทยและ ไดซ้ ึมซับขนบธรรมเนยี ม ประเพณีและคติความเชือ่ ตา่ ง ๆ เข้าไปผสมผสาน กบั วัฒนธรรมและวถิ กี ารดาเนนิ ชวี ิตที่ตดิ ตัวมาแต่เดิม ดงั ตอนที่ สนุ ทรภู่ กล่าวถึงหญิงสาวชาวมอญ ซงึ่ อาศยั อยใู่ นย่านปากเกรด็ (เขตจังหวดั นนทบุรี) ในสมยั นน้ั นยิ มแต่งหน้าและแตง่ ผมตามอยา่ งหญิงสาวชาวไทย เช่น การผัดหนา้ ถอนไรจกุ คือ ถอนผมรอบ ๆ ผมจกุ ใหเ้ ป็นแนวเลก็ ๆ จนเปน็ วงกลมรอบผมจุกและจบั เขมา่ ซ่ึงเปน็ วิธกี ารแตง่ ผมเพือ่ ใหผ้ มมี สีดาเป็นมันโดยใช้เขม่าผสมกบั น้ามนั หอม ถึงเกร็ดยา่ นบ้านมอญแตก่ ่อนเก่า ผหู้ ญงิ เกลา้ มวยงามตามภาษา เดย๋ี วนีม้ อญถอนไรจุกเหมือนตกุ๊ ตา ทัง้ ผัดหนา้ จับเขม่าเหมอื นชาวไทย นอกจากนส้ี นุ ทรภ่ยู ังได้กล่าวถงึ การประกอบอาชีพของชาวตา่ งชาติ ในช่วงที่สุนทรภเู่ ดินทางผา่ น บา้ นญวน ซ่ึงแสดงให้เหน็ ว่าชาวญวนในสมัย นั้นเลยี้ งชพี ดว้ ยการทาประมง ถงึ บา้ นญวนลว้ นแต่โรงแลสะพรัง่ มขี อ้ งขงั ก้งุ ปลาไว้ค้าขาย ตรงหนา้ โรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพรอ้ มเพรยี งมาเมียงมอง

นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๖๐ ๑.๓) การละเลน่ และงานมหรสพ สุนทรภไู่ ดก้ ลา่ วถึงการละเลน่ และงานมหรสพพน้ื บา้ น ซึง่ เป็นทีน่ ยิ มกนั ในสมัยน้นั และจดั ข้ึนในช่วง เทศกาลสาคญั ประจาปี เชน่ งานฉลองผ้าป่าท่ีวัดพระเมรุ มีการประดบั ประดาโคมไฟ แลดูสวา่ งไสวไปท่ัวบรเิ วณงาน และยงั มกี ารขบั เสภาและ ร้องเพลงเรือเก้ียวกันระหวา่ งหนุม่ สาวชาวบ้าน มาจอดท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม ริมอารามเรอื เรยี งเคยี งขนาน บา้ งขนึ้ ลอ่ งรอ้ งราเล่นสาราญ ท้ังเพลงการเก้ยี วแกก้ นั แซ่เซง็ บา้ งฉลองผา้ ป่าเสภาขบั ระนาดรับรวั คลา้ ยกับนายเสง็ มโี คมรายแลอรา่ มเหมือนสามเพง็ เมื่อคราวเครง่ ก็มใิ คร่จะได้ดู

๖๑ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๒) ตานานสถานที่ เนอื่ งจากเนื้อหาของนริ าศส่วนใหญ่ ได้แก่ การพรรณนาการเดนิ ทาง ดังนั้น เมอื่ กวีลอ่ งเรอื ผ่านสถานท่ีใด กม็ ักจะ กลา่ วถงึ สถานท่นี น้ั เชน่ เดยี วกับสนุ ทรภู่เมื่อเดนิ ทางผา่ นสถานที่ อาทิ วดั ประโคนปัก สุนทรภู่ไดบ้ อกเล่าเรื่องราวอันเปน็ ท่ีมาของชือ่ วัดแหง่ นี้ ไวว้ า่ เหตุที่วัดมชี อื่ วา่ ประโคนปัก เน่ืองจากมกี ารเล่าสืบตอ่ กันมาวา่ บรเิ วณน้ี เป็นทป่ี กั เสาประโคนเพ่อื ปนั เขตแดน ถงึ อารามนามวัดประโคนปัก ไมเ่ ห็นหลักลอื เลา่ วา่ เสาหิน เปน็ สาคญั ปนั แดนในแผ่นดิน มิรสู้ ิน้ สุดช่อื ทล่ี อื ชา นอกจากน้ี สุนทรภ่ยู งั ไดก้ ลา่ วถงึ สถานท่อี กี แหง่ หนง่ึ ซึ่งเดิมมีชอื่ ว่า สามโคก แต่ตอ่ มาพระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั พระราชทาน เปลี่ยนชอื่ ให้ใหม่เปน็ ปทมุ ธานี เพราะมพี ระราชดารวิ า่ เมอื งนีเ้ ปน็ เมอื ง ทมี่ ดี อกบวั ขนึ้ อย่มู าก (ปทมุ หมายถึง ดอกบวั และ ธานี หมายถงึ เมอื ง) ถงึ สามโคกโศกถวลิ ถึงป่ินเกลา้ พระพุทธเจา้ หลวงบารงุ ซึง่ กรงุ ศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมอื งตรี ช่ือปทมุ ธานีเพราะมีบวั

นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ที่ ๑ ๖๒ ๓) ความเช่อื ของคนไทย สุนทรภู่ไดส้ อดแทรกคตคิ วามเช่อื ของคนไทย ซึง่ สว่ นใหญ่มกั เก่ยี วเน่อื งในพระพทุ ธศาสนา โดยเฉพาะเรือ่ ง นรก-สวรรค์ อาทิ ความเชือ่ ทีว่ า่ หากใครคบชู้ คือ ประพฤติตนผิดศลี ขอ้ ๓ ตามหลกั ศีล ๕ เมอื่ ตายไป ผนู้ ัน้ จะตกนรกและต้องปนี ต้นง้วิ ซ่งึ มหี นามยาว และแหลมคม ง้ิวนรกสบิ หกองคุลแี หลม ดังขวากแซมเสยี้ มแทรกแตกไสว ใครทาช้คู ูท่ ่านครัน้ บรรลัย ก็ต้องไปปนี ตน้ นา่ ขนพอง ๔) แง่คดิ เก่ยี วกับความจริงของชวี ติ บทประพันธข์ องสนุ ทรภู่ มักไดร้ ับการยกยอ่ งอยู่เสมอมาว่ามีเน้ือหาที่สอดแทรกข้อคดิ คตกิ าร ดาเนินชวี ติ และชว่ ยยกระดบั จิตใจของผู้อ่านให้ปฏิบตั ติ นไปตามแนวทาง ทเ่ี หมาะสม ดงั ปรากฏในบทกลอนตอนหนงึ่ ซึ่งมเี นอื้ หากล่าวเก่ียวเนอ่ื ง ถงึ เร่ือง โลกธรรม ๘ ตามหลกั คาสอนทางพระพทุ ธศาสนา โดยสนุ ทรภู่ กล่าววา่ แมเ้ จดียภ์ ูเขาทองท่ีคร้งั หนง่ึ เคยงดงามกย็ งั มีวนั ทรุดโทรม ชื่อเสียงเกยี รติยศก็เชน่ เดยี วกนั เมื่อมีรุ่งเรืองกม็ เี สอ่ื มได้เปน็ ธรรมดา จึงควรมองโลกอยา่ งเขา้ ใจวา่ ทุกสง่ิ ทกุ อย่างล้วนเป็นอนิจจัง

๖๓ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ ทั้งองค์ฐานรานร้าวถงึ เก้าแฉก เผยอแยกยอดทรดุ ก็หลุดหกั โอเ้ จดยี ์ที่สรา้ งยงั รา้ งรัก เสียดายนักนึกน่าน้าตากระเดน็ กระนห้ี รือชือ่ เสยี งเกียรตยิ ศ จะมิหมดล่วงหนา้ ทันตาเห็น เปน็ ผูด้ ีมีมากแล้วยากเย็น คดิ ก็เป็นอนิจจงั เสียทัง้ น้ัน สุนทรภยู่ ังใหแ้ งค่ ิดเรื่องการเลอื กคบคนวา่ ไม่ควรประมาทและไมค่ วร วางใจผใู้ ดงา่ ย ๆ เนอื่ งจากบางคนอาจพูดหรอื ทาให้เราเห็นวา่ เขาเปน็ คนดี แต่แท้ท่จี รงิ เขาอาจเป็นคนทมี่ ีจิตใจไมด่ เี ปรยี บไดก้ ับผลมะเด่อื ทภี่ ายนอก มสี สี นั สวยงาม แต่กลบั เตม็ ไปด้วยหนอนแมลงหว่ีชอนไชอยภู่ ายใน ถึงบางเดือ่ โอ้มะเดอื่ เหลอื ประหลาด บังเกดิ ชาตแิ มลงหว่มี ใี นไส้ เหมือนคนพาลหวานนอกยอ่ มขมใน อปุ ไมยเหมือนมะเดือ่ เหลือระอา

นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๑ ๖๔ นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังได้แทรกคาสอน ซ่งึ สามารถนามาปรับใช้ ในชีวติ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี อาทิ คาสอนเรอื่ งการพูด โดยสอนใหร้ ้จู กั พดู เพอ่ื ป้องกนั ไมใ่ ห้คาพดู ก่อใหเ้ กดิ โทษแกต่ นเอง เนอื่ งจากการพูดดจี ะเปน็ มงคลแกต่ วั และมีแต่คนรักใครเ่ อ็นดู แตถ่ ้าพูดไมด่ ี ยอ่ มมผี ลกระทบ ในด้านลบแกต่ นเอง ถึงบางพดู พูดดีเป็นศรศี ักด์ิ มคี นรกั รสถอ้ ยอรอ่ ยจิต แม้นพูดชว่ั ตวั ตายทาลายมิตร จะชอบผดิ ในมนุษยเ์ พราะพดู จา ๒. คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์ นิราศภูเขาทอง นอกจากจะมีคณุ ค่าด้านเนือ้ หาแลว้ ในดา้ นวรรณศิลป์ ก็ได้รบั การยอมรับว่ามีความงดงามและมคี วามไพเราะ แม้สุนทรภู่จะใช้ ถอ้ ยคาธรรมดาสามญั ในการประพนั ธ์แตท่ ว่ามีความหมายลึกซึง้ สะเทอื น อารมณ์ และสร้างจนิ ตภาพได้อย่างชัดเจน นริ าศภเู ขาทองจงึ มีคณุ ค่าและ ความดีเดน่ ในด้านวรรณศิลป์ ดังต่อไปน้ี

๖๕ นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ที่ ๑ ๑. มสี ัมผัสนอก คอื คาสุดท้ายในวรรคสดับ และวรรครองสง่ สมั ผัส กับคาที่ ๓ ในวรรครับ และวรรคส่งเสมอ สว่ นสัมผสั ในจะมปี รากฎภายใน วรรคทกุ วรรค ทงั้ สัมผสั สระและสัมผสั อกั ษร ทาใหก้ ลอนมีความไพเราะ ยงิ่ ข้นึ เช่น \"ดนู า้ ว่ิงกลง้ิ เชี่ยวเปน็ เกลียวกรอก กลบั กระฉอกฉาดฉัดฉวดั เฉวยี น บา้ งพลุ่งพลุ่งว้งุ วนเหมือนกงเกวยี น ดูเวียนเวียนควา้ งควา้ งเป็นหว่างวน\" สมั ผัสในวรรคเช่น วิ่ง-กลงิ้ , เชี่ยว-เกลยี ว, ฉอก-ฉาด-ฉดั -ฉวัด-เฉวียน ๒. ใชถ้ ้อยคากระทบใจผอู้ า่ น ทาให้ผอู้ ่านอารมณ์สะเทอื นใจร่วมไป กบั กวี เช่น “ถึงหนา้ วังดังหนงึ่ ใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดิศร โอผ้ า่ นเกล้าเจา้ ประคณุ ของสนุ ทร แต่ปางกอ่ นเคยเฝ้าทกุ เชา้ เยน็ พระนพิ พานปานประหนงึ่ ศรี ษะขาด ดว้ ยไรญ้ าติยากแค้นถึงแสนเข็ญ ทั้งโรคซา้ กรรมซดั วิบตั ิเปน็ ไม่เล็งเหน็ ที่ซึ่งจะพง่ึ พา” กล่าวถงึ ชวี ประวตั ขิ องสนุ ทรภู่ ทเี่ คยเฝ้าใกล้ชิดพระยุคลบาท รัชกาลท่ี ๒ เมอื่ สิ้นพระองค์ สุนทรภอู่ ยใู่ นภาวะตกยากซง่ึ ผอู้ ่านรสู้ กึ สะเทือนอารมณเ์ ปน็ ยิ่งนัก

นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ ๑ ๖๖ ๓) การเล่นคา เล่นความ เปน็ กลวิธีใช้คาพ้องรปู พอ้ งเสยี ง พอ้ งความหมาย การซ้าคา ซา้ ความ ทาให้ไดค้ วามหมายที่ลึกซง้ึ กระทบใจ เชน่ ถึงบางพลัดเหมอื นพ่พี ลดั มาขดั เคือง ทัง้ พลัดเมืองพลัดสมรมารอ้ นรน ๔) การกลา่ วเชิงเปรยี บเทยี บ (อปุ มาอปุ ไมย) ไม่กล่าว ตรงไปตรงมา เป็นความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ และความรูส้ กึ ของกวี เช่นการเปรยี บเทยี บดอกบวั กับดาวท่ีพร่างพราว “กระจบั จอกดอกบวั บานผกา ดาษดาดูขาวดังดาวพราย” หรอื ตอนท่ีสุนทรภู่ราพันถงึ รชั กาลท่ี ๒ ดว้ ยความโศกเศร้าว่าเคยเป็น ทโี่ ปรดปราน แต่เม่ือสนิ้ รัชสมัย กต็ ้องตกระกาลาบาก เชน่ \"เคยมอบใกลไ้ ดก้ ลิน่ สุคนธต์ รลบ ละอองอบรสร่ืนชืน่ นาสา ส้ินแผน่ ดินสิน้ รสสุคนธา วาสนาเรากส็ ิ้นเหมือนกลิน่ สคุ นธ์\"

๖๗ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๑ ๕) การใช้คาเพ่อื สร้างจนิ ตภาพ เป็นการพรรณนาความด้วย ถอ้ ยคาที่เรยี บง่ายแต่เหน็ ความชดั เจน ดังเชน่ จนแจ่มแจง้ แสงตะวันเหน็ พนั ธุ์ผกั ดนู า่ รกั บรรจงส่งเกสร เหล่าบวั เผือ่ นแลสลา้ งรมิ ทางจร กา้ มก้งุ ซอ้ นเสยี ดสาหรา่ ยใตค้ งคา

นิราศภเู ขาทอง ชัน้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ ๖๘ ข้อคิดจากนริ าศภเู ขาทอง ๑. สนุ ทรภูเ่ ปรียบชาวมอญทแี่ ต่งตวั ลักษณะคลา้ ยชาวไทย เทยี บว่า จิตใจคนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เหมอื นความรกั ท่ีไม่อาจรักคน เดยี วเสมอไป ในคนเปลยี่ นง่าย “โอ้สามัญผันแปรไมแ่ ทเ้ ท่ยี ง เหมือนอยา่ งเยยี่ งชายหญิงทงิ้ วสิ ัย น่หี รอื จิตคิดหมายมหี ลายใจ ทจี่ ติ ใครจะเป็นหน่ึงอย่างพึงคิด” ๒. สอนเรอ่ื งการพดู วา่ เป็นสิ่งสาคัญ โดยคาพดู นั้นสามารถทาใหค้ นรัก หรือคนชงั กย็ ่อมได้ คนที่พูดดีกจ็ ะมแี ตค่ นรกั คนเอน็ ดู ควรพดู ไม่ดี กจ็ ะมีคนคอยเหยยี บยา่ ซา้ เติม “ถึงบางพดู พูดดเี ป็นศรศี ักด์ิ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจติ แม้นพูดชวั่ ตวั ตายทาลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพดู จา” ๓. เปรียบเทียบคนพาลว่าเหมือนผลมะเด่ือ คอื รปู ลกั ษณภ์ ายนอก นนั้ ดูดี แต่ภายในนั้นเลวทราม อยา่ ตัดสินคนจากแคเ่ ปลือกนอก “ถึงบางเด่อื โอ้มะเด่อื เหลอื ประหลาด บงั เกิดชาติแมลงหว่มี ีในไส้ เหมืนอคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อปุ ไมยเหมอื นมะเดื่อเหลอื ระอา”

๖๙ นิราศภเู ขาทอง ชั้นมัธยมศึกษาปี ท่ี ๑ บรรณานุกรม ดารงราชานภุ าพ, สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยา. ชวี ติ และงาน ของสนุ ทรภ.ู่ พิมพ์คร้งั ท๑ี่ ๙. กรุงเทพฯ : แสงดาว, ๒๕๕๗. พระสนุ ทรโวหาร (ภู่). นิราศสนุ ทรภ.ู่ พิมพค์ รงั้ ท่ี ๔. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๒๐. ฟองจนั ทร์ สุขยิง่ และคณะ. หนังสอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย วรรณคดแี ละวรรณกรรม ม.๑. พิมพ์คร้งั ท่ี ๑. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั ไทยร่มเกลา้ จากดั , ๒๕๖๑. ราชบัณฑติ ยสถาน. พจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๔. พมิ พค์ รั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : นานมีบคุ๊ พับลิเคช่นั ส์, ๒๕๕๖. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน, กระทรวงศึกษาธกิ าร. ตวั ชี้วดั และสารการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย, ๒๕๕๑.

นิราศภเู ขาทอง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๑

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย โรงเรียนเคหะทุง่ สองห้องวิทยา ๑ เขตหลักสี่ กรงุ เทพมหานคร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook