Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

Published by Hong Chalisa, 2020-11-04 07:20:09

Description: น.ส.นนทิชา เทศมณี เลขที่ 5
น.ส.ศลิษา วางใจ เลขที่ 18

Search

Read the Text Version

หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ เรื่อง สวนพฤกษศาสตร์ใน โรงเรียน เลม่ น้ีจดั ทาํ ข้ึนเพอ่ื ใชป้ ระกอบการเรียนวิชา ว 32101 เทคโนโลยี 2 ซ่ึงเน้ือหาประกอบไปดว้ ยขอ้ มูล เกี่ยวกบั ตน้ ไมแ้ ละดอกไมใ้ นโรงเรียนวงั เหนือวทิ ยา ผจู้ ดั ทาํ หวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ จะเป็นประโยชน์ต่อผทู้ ่ีศึกษา ไดเ้ ป็นอยา่ งดี น.ส.นนทิชา เทศมณี น.ส.ศลิษา วางใจ ผจู้ ดั ทาํ

ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Plumeria spp. ตระกลู Apocynaceae ช่ือสามญั Frangipani,Pagoda,Temple ถน่ิ กาเนิด เมก็ ซิโกใตถ้ ึงตอนเหนือทวปี อเมริกา ใต้ ใบ เป็นใบเดี่ยวมีการเรียงตวั สลบั กนั ลกั ษณะทว่ั ไป ลีลาวดี เป็นไมย้ นื ตน้ มีขนาด และหนาแน่นใกลๆ้ ปลายกิ่ง มีต้งั แต่ สีเขียวอ่อนถึงเขียวเขม้ มีเสน้ กลางใบ จากท่ีเป็นพมุ่ เต้ียแคระสูงประมาณ0.6 เมตร แตกสาขาออกไปคลา้ ยขนนก ขนาด จนถึงตน้ ใหญ่มากอาจท่ีสูงได้ ใบแตกต่างกนั ต้งั แต่ 5-20 นิ้ว ถึง 12 เมตร ลาํ ตน้ แผก่ ิ่งกา้ นสาขาและพมุ่ ใบ สวยงาม มีน้าํ ยางขนสีขาวเป็นพนั ธุ์ไมท้ ี่ สลดั ใบในฤดูแลง้ ก่อนท่ีจะผลิดอกผลิใบรุ่น ใหม่ชนิดและพนั ธุท์ ี่มีลกั ษณะดี ตอ้ งมีทรง พุ่มแน่น มีกิ่งกา้ นสาขามาก ใบดกท่ีปลายก่ิง มีช่อดอกใหญ่ กิ่งที่ยงั ไม่แก่มีสีเขียวอ่อนนุ่ม ก่ิงที่แก่มีสีเทามีรอยตะป่ ุมตะป่ํ า ช่อดอก จะถูกผลิตออกมาจาปลายยอดเหนือใบแต่กม็ ี บางชนิดที่ออกช่อดอกระหวา่ งใบหรือออกดอกใตใ้ บ ช่อดอกบางชนิดต้งั ข้ึน บางชนิดหอ้ ยลง ใน 1 ช่อดอก จะมีดอกบานพร้อมกนั 20-30 ดอก บางตน้ สมบูรณ์ เตม็ ท่ีอาจมีดอกมากกวา่ 100ดอก ต่อ 1 ช่อ ดอก โดยทวั่ ไป กลีบดอกมี 5 กลีบ เกสรตวั ผู้ เกสรตวั เมีย อยู่ ลึกเขา้ ไปขา้ งใน ดอกของ ลีลาวดีมีสีสนั หลากหลาย ท้งั ขาว แดง เหลือง ชมพู สม้ ม่วง สีทอง มีกล่ินหอม ต่างๆกนั ไปในแต่ละชนิด ดอกมีขนาด 2 - 6 นิ้ว มีกลิ่น หอม ผล เป็นฝักคู่ รูปยาวรี กวา้ งประมาณ 1.5 - 15 ซม. เม่ือแก่แตกเป็น 2ซีก เมลด็ มีจาํ นวนมาก เมลด็ แบนมีปี ก ลีลาวดีมีช่วงชีวติ ท่ียาวนานนบั 100 ปี

ดอกเฟ่ื องฟ้ า เฟื่ องฟ้ า (ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Bougainvillea) เป็นไมย้ นื ตน้ ประเภทพมุ่ ก่ึงเล้ือย ขนาดต้งั แต่พมุ่ เลก็ ถึงพมุ่ ใหญ่ มี หนามข้ึนตามลาํ ตน้ อยู่ ใบเดี่ยว แตกออก สลบั กบั กิ่ง หรือเย้อื งกนั มีขนข้ึนปกคลุมเลก็ นอ้ ย มีสีเขียว หรือใบด่าง รูปร่างรีแหลมยาว 3- 6 ซม. กวา้ ง 2-3 ซม. ใบประดบั ลกั ษณะคลา้ ยรูปหวั ใจหรือรูป ไข่มี 3-5 ใบ มีหลายสี เช่น ม่วง แดง ชมพู ส้ม ฟ้ า เหลืองและ อ่ืนๆ มีท้งั ดอกสมบูรณ์เพศ และไม่สมบูรณ์เพศ ออกเป็น ช่อ ตามซอก ใบหรือปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3 ดอก เป็นหลอด ยาว 1-2 ซม.

ชื่อสามญั : Gerdenia Crape Jasmine ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Gardenia jasminoides ชื่อพ้นื เมือง: ตน้ พดุ ศุภ โชค , ตน้ พดุ แคระ เป็นพรรณไมย้ นื ตน้ ขนาดเลก็ ลกั ษณะเป็นพมุ่ เต้ีย ลาํ ตน้ สูง1- 3 เมตร ผวิ ลาํ ตน้ มีสีขาวเทา แตกก่ิงกา้ นออกใบรอบตน้ ใบ เป็นใบเด่ียว แตกออกเป็นคู่ ตรงกนั ขา้ ม ตามขอ้ ของก่ิง ลกั ษณะของใบเป็นรูปมนรี ปลายใบแหลม ผวิ ใบเรียบสี เขียวยาว 8-12 ซม. ดอกเป็นดอกเด่ียว ออกตามปลายยอด หรือปลายกิ่ง ช่อหน่ึงมี 5-6 ดอก แลว้ แต่ชนิดพนั ธุ์ ดอกมี กล่ินหอมสีขาวหรือเรียงเป็นช้นั เดียวแลว้ แต่ชนิดพนั ธุ์ ดอกบานมีความโต 2-5 ซม. ออกผลเป็นฝักรูปกระบอก แหลมโคง้ ภายในมีเมลด็ 3-5 เมลด็

โป๊ ยเซียน (ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Euphorbia milli) เป็นหน่ึงในไมม้ งคล จดั อยใู่ น วงศ์ Euphorbiaceae อยใู่ น สกลุ Euphorbia ซ่ึงเป็นสกลุ เดียวกบั พืช หลายชนิด เช่น ตน้ คริสตม์ าส และ สม้ เชา้ โป๊ ยเซียน (八仙) มาจาก ภาษาจีน แปลวา่ เทพยดาท้งั 8 องค์ ไดแ้ ก่ เซียนทิก๋วยล้ี เซียนฮน่ั จง หลี เซียนลือท่งปิ น เซียนเจียงกวั๋ เลา้ เซียนหลนั ไฉ่เหอ เซียนฮ่อเซียน โกว เซียนหนั เซียงจือ เซียนเชาก๊กกู๋ เชื่อกนั วา่ ถา้ บา้ นใดมีดอกโป๊ ยเซียนครบ 8 ดอก จะนาํ ความโชค ดีมาใหแ้ ก่บา้ นของผนู้ ้นั ใบยาวรี ปลายใบจะแหลม ออกดอก เป็นกลุ่ม ๆ แต่ละดอกจะมีกลีบอยตู่ รงขา้ มกนั ดอกโป๊ ยเซียนมี หลายสี เช่น แดง เหลือง ชมพู สม้ ขาว เป็นตน้ ดอกโป๊ ยเซียน จะออกดอกท้งั ปี แต่ออกมากในหนา้ หนาว และดอกจะทนมาก ลาํ ตน้ มีหนามแหลม และแขง็ คลา้ ยกระบองเพชร

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Gliricidia sepium Steud. ชื่อวงศ์ PAPILIONACEAE ช่ือสามญั Madre de Cacao, Quick Stick แคฝรั่งเป็นตน้ ไมข้ นาดกลางท่ีสูงได้ ถึง 10-12 เมตร เปลือกไมม้ ีลกั ษณะเรียบ สีมีต้งั แต่เทาออกขาวไปจนน้าํ ตาลแดงเขม้ ใบเล้ียงคู่ยาวไดถ้ ึง 30 เซนติเมตร แต่ละใบ มีใบยอ่ ยยาวประมาณ 2-7 เซนติเมตร กวา้ งประมาณ 1-3 เซนติเมตร ดอกอยู่ ส่วนปลายของก่ิงที่ไม่มีใบ ดอกมีสีชมพสู วา่ งไปจนถึงม่วงอ่อนแซมขาว ที่ฐานของดอกมกั มีจุดสี เหลืองอ่อน ผลของแคฝร่ังมีลกั ษณะเป็นฝัก ยาวประมาณ 10- 15 เซนติเมตร ขณะที่ยงั ไม่สุกจะเป็นสีเขียว และจะกลายเป็นสีน้าํ ตาล เหลืองเม่ือสุก ฝีกหน่ึงมีเมลด็ กลม ๆ สีน้าํ ตาลอยภู่ ายในประมาณ 4- 10 เมลด็ มกั ข้ึนบนดินภูเขาไฟแถบอเมริกากลางและเมก็ ซิโก อยา่ งไรก็ ตามกส็ ามารถข้ึนบนดินทราย ดินเหนียว และดินหินปนู ในแถบเอเชีย ใตแ้ ละเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้

ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Calotropis gigantea (L.) Dryand. ชื่อพอ้ งวทิ ยาศาสตร์ : Calotropis gigantea (L.) R. Br. ex Schult.) ช่ือวงศ์ : Apocynaceae ... วงศย์ อ่ ย : Asclepiadoideae ช่ือสามญั : Crown Flower, Giant Indian Milkweed, Gigantic ชื่อพ้ืนเมือง : รัก ดอกรัก รักขาว รักซอ้ น ปอเถ่ือน ป่ านเถื่อน รักดอกขาว รักดอก ม่วง รักร้อยมาลยั ถ่ินกาํ เนิด : เอเชียกลางและอินเดีย รวมไปถึงบางพ้ืนที่ของจีน การเจริญเติบโต : เจริญเติบโตไดด้ ีและรวดเร็ว ชอบแสงแดดจดั เตม็ วนั ดินร่วนซุยระบายน้าํ ไดด้ ี ฤดูการออกดอก : ออกดอกตลอดปี ดอกมีสองสีคือ สีขาวและสี ม่วง และมีชนิดกลีบเล้ียงซอ้ นดว้ ย ขยายพนั ธ์ : โดยการปักชาํ ก่ิง และการเพาะเมลด็

ถิ่นกาเนิด จีน อินเดีย ชื่อสามญั Chinese rose และฮาวาย ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Hibiscus rosa sinensis. ชบาในบา้ นเรารู้จกั กนั มา นานแลว้ จะเห็นไดจ้ าก ตระกูล MALVACEAE บา้ นคนสมยั ก่อนจะมีชบา ยอยแู่ ทบทุกบา้ นปัจจุบนั ชบาไดร้ ับการผสมพนั ธุ์ เพอ่ื ใหไ้ ดพ้ นั ธุ์ใหม่ออกมา มากมาย ซ่ึงลว้ นแต่สวย ๆ งาม ๆท้งั น้นั ทาํ ใหไ้ ดด้ อก ของชบาที่มีรูปร่างสวยงาม สีสนั ของดอกสดใส ชบา น้นั จดั เป็นไมพ้ มุ่ ความสูง โดยทว่ั ไปประมาณ 2.50 เมตร ใบมีสีเขียวเขม้ มนรี ปลายใบแหลม แต่ปัจจุบนั กย็ งั มีพนั ธุ์ แตกต่างออกไป อีกมากมาย

ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Ixora chinensis Lamk. Ixora spp. ชื่อวงศ:์ RUBIACEAE ตน้ เขม็ เดิมเป็นพรรณไม้ ดอกยอ่ ยมีกลีบเล้ียงสีเขียวรูปถว้ ย ปลาย พ้นื เมืองของอเมริกาใต้ จดั วา่ แยกเป็นกลีบ โคนกลีบดอกเช่ือมติดกนั เป็นไมพ้ มุ่ ซ่ึงมีความสูง 1- เป็นหลอดเลก็ ๆ ยาว 2.5-3 เซนติเมตร 3 เมตร เขม็ หอม หรือเขม็ ขาว ปลายหลอดมีกลีบแยกจากกนั เป็น 4 กลีบ มีสาํ ตน้ ขนาดเลก็ แตกก่ิงใกล้ แต่ละกลีบรูปไข่กวา้ ง 0.3 เซนติเมตร ผวิ ดินจาํ นวนมาก เราจึงพบวา่ ยาว 0.6 เซนติเมตร เม่ือดอกบานมีเสน้ ผา่ เขม็ หอมมกั อยกู่ นั เป็นพมุ่ แน่น ศนู ยก์ ลาง 1.2-2 เซนติเมตร ดอกยอ่ ย โดยแต่ละตน้ มี ภายในช่อดอกเดียวกนั บานในเวลา เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางของลาํ ตน้ 1- ใกลเ้ คียงกนั ดอกท่ีบานใหม่ ๆ จะมีสีขาว 2 เซนติเมตร เปลือกสีดาํ หรือ บริสุทธ์ิ เม่ือใกลโ้ รยจะเปลี่ยนเป็นสีคล้าํ ม่วงเขม้ ใบเป็นใบเดี่ยวรูปรี ดอกมีกล่ินหอม และออกดอกตลอดปี แกมขอบขนาน เรียงตรงขา้ ม หนา้ ใบมนั สีเขียวเขม้ หลงั ใบ สีอ่อนกวา่ และเห็นเส้นใบ ชดั เจน ในส่วนของช่อดอก จะ มีสีขาว ออกท่ีปลายยอด มี เสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางช่อดอก8- 18 เซนติเมตร มีดอกยอ่ ย จาํ นวนมาก

พญาสัตบรรณ หรือ สัตบรรณ หรือ ตนี เป็ ด เปลือกช้นั ในสีน้าํ ตาล (ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Alstonia scholaris) เป็น มียางสีขาว ใบเป็น ไมย้ นื ตน้ ขนาดใหญม่ ีความสูงประมาณ 12- กลมุ่ บริเวณปลายก่ิง 20 เมตร อยใู่ นวงศ์ Apocynaceae มีถ่ิน ช่อหน่ึงมีใบประมาณ ด้งั เดิมในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ และพบ 5-7 ใบ กา้ นใบส้นั ไดท้ ุกภาคในประเทศไทย [2] และเป็นตน้ ไม้ แผน่ ใบรูปรีแกมรูป ประจาํ จงั หวดั สมุทรสาครเปลือกหนาแต่ ขอบขนานถึงรูปหอก เปราะ ผวิ ตน้ มีสะเกด็ เลก็ ๆ สีขาวปน แกมรูปขอบขนาน น้าํ ตาลกรีดดูจะมียางสีขาวลาํ ตน้ ตรง แตก หรือรูปมนแกมรูป กิ่งกา้ นสาขามากลกั ษณะเป็นช้นั ๆ บรรทดั ปลายใบเป็น ต่ิงเลก็ นอ้ ย ใบ ลกั ษณะใบยาวรีปลายใบมนโคนใบแหลม ขนาดใบ ดา้ นบนมีสีเขียวเขม้ ยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตร ออกดอกสีเขียวออ่ น ดา้ นล่างมีสีขาวนวล เป็นช่อตามปลายก่ิง ปากท่อของกลีบดอกมีขนยาว ถา้ เดด็ กา้ นใบจะมียาง ปุกปุย ดอกมีกล่ินฉุนรุนแรง สูดดมเพียงเลก็ นอ้ ยจะ รู้สึกกล่ินหอม หากสูดดมมากจะรู้สึกวงิ เวยี นศีรษะ สีขาว ช่วงค่าํ จะส่งกลิ่นแรงกวา่ เวลาอื่น ๆ ดอกเป็นกลุม่ คลา้ ยดอกเขม็ ช่อหน่ึงจะมีกลมุ่ ดอกประมาณ 7 กลุ่ม ดอกมีสีขาวอมเหลือง ปกติจะออกดอกในช่วงเดือน ตุลาคมถึงเดือนธนั วาคมผลเป็นฝักยาว ฝักคูห่ รือเด่ียว ลกั ษณะเป็นเสน้ ๆ กลมเรียวยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เม่ือแก่จะแตก มีขลุยสีขาวคลา้ ยฝ้ ายปลิว ไปตามลมไดใ้ นฝักมีเมลด็ เลก็ ๆ ติดอยกู่ บั ขลยุ น้นั

สัก เป็นไมต้ น้ ขนาดใหญ่ ลาต้น : เป็นเปลาตรงเปลือกเรียบหรือแตก เป็นร่องเลก็ ๆ สีเทา โคนเป็นพพู อนต่าํ ๆ ผลดั ใบในฤดูร้อน ลาํ ตน้ ใบ : เป็นใบเดี่ยวใหญ่มาก ออกตรงขา้ มกนั เป็น เปลาตรงเปลือกเรียบหรือ คู่ ปลายใบแหลมโคนมน ยาว 25 - 30 แตกเป็นร่องเลก็ ๆ สีเทา เซนติเมตร กวา้ งเกือบเท่ายาว ใบของตน้ อ่อนจะ ใหญก่ วา่ น้ีมาก ผวิ ใบขนสากคายสีเขียวเขม้ ขย้ี โคนเป็นพพู อนต่าํ ๆ เรือน ใบสดจะมีสีแดงเหมือนเลือด มีการสลดั ใบทิ้ง ยอดเป็นพมุ่ ทรงกลม เม่ือถึงฤดูหนาว ค่อนขา้ งทึบ เปลือกสีเทา เรียบ หรือแตกเป็นร่องต้ืน ดอก : มีขนาดเลก็ สีขาวนวลออกเป็นช่อตาม ตามความยาวลาํ ตน้ ข้ึนเป็น ปลายก่ิง ออกดอกและเป็นผลเดือน มิถุนายน - หม่ใู นป่ าเบญจพรรณทาง ตุลาคม ภาคเหนือ บางส่วนในภาค กลางและภาคตะวนั ตก มีอยู่ ผล : เป็นผลแหง้ ค่อนขา้ งกลม เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 2 เซนติเมตร บา้ งทางภาค เปลือกแขง็ ภายในมี 1 - 3 เมลด็ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ สกั มกั จะไดร้ ับความเขา้ ใจผดิ เสมอวา่ เป็นไมเ้ น้ือแขง็ เน่ืองจากวา่ มนั มีลกั ษณะ พเิ ศษที่เป็นไมเ้ น้ือออ่ นท่ีมี ความทนทานกวา่ ไมเ้ น้ือ แขง็ หลาย ๆ ชนิด ช่ือสามญั อื่นอ่ืน: เซบ่าย้,ี ปี ฮือ, ปาย้,ี เป้ อยี สีขายขนมเสน้

ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Mangifera indica (L.) ช่ือวงศ์ ANACARDIACEAE ช่ือสามญั Mango ชื่อพนื้ เมอื งอนื่ ๆ มะม่วง ถิน่ กาเนิด อินเดีย พม่า การกระจายในประเทศไทย เชียงใหม่ ฉะเชิงเทรา ฯลฯ ในประเทศอน่ื ๆ จีน อียปิ ต์ นิเวศวทิ ยา ร้อนช้ืน เวลาออกดอก ช่วงเดือนธนั วาคม ถึง เดือนกมุ ภาพนั ธ์ เวลาติดผล ช่วงฤดูร้อน การขยายพนั ธ์ุ ทาบกิ่ง , ติดตา , ตอนก่ิง การใช้ประโยชน์ ผลมะม่วงนาํ มารับประทานไดท้ ้งั ดิบ และสุกเน้ือไมน้ าํ มาทาํ เฟอร์นิเจอร์ ใชย้ อดนาํ มาประกอบอาหาร สรรพคุณทางยา มะม่วงดิบมีวติ ามินซีสูง แกเ้ ลือดออก ตามไรฟัน

น.ส.นนทิชา เทศมณี เลขที่ 5 ช้นั ม.5/3 E-mail:[email protected] น.ส.ศลิษา วางใจ เลขท่ี 18 ช้นั ม.5/3 E-mail:[email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook