คำนำ การสรุปผลการจัดกิจกรรมรูปแบบวิชาชีพกลุ่มสนใจ หลักสูตรการทำไข่เค็มสมุนไพร เป็นการ จดั เก็บและรวบรวมข้อมลู การอบรม เพื่อสง่ เสริมกระบวนการเรียนรตู้ ่อประชาชนผสู้ นใจซึ่งเป็นการตอบสนอง ความตอ้ งการของประชาชนในพ้ืนท่ีเพ่ือให้มีคุณภาพชีวติ ที่ดีข้ึน ในกระบวนการเรยี นรู้จะแตกต่างออกไปตาม พื้นที่ในแต่ละพื้นท่ี กลุ่มเป้าหมาย วิถีการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น สภาพแวดล้อมล้วนแต่ส่งผลต่อการเรียนรูท้ ั้งสิ้น กระบวนการเรียนรู้จะประกอบด้วยภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อเป็นการฝึกทักษะเรียนรู้ให้แก่ประชาชน กลมุ่ เปา้ หมายให้สามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับ ไปปรบั ประยุกตใ์ ช้ในการดำเนินชวี ิตต่อไป สรุปผลการจัดกิจกรรมเล่มน้ี ได้เรียบเรียงผลการจัดกิจกรรมรูปแบบวิชาชีพกลุ่มสนใจ หลักสูตรการทำไขเ่ คม็ สมุนไพร ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิง่ ว่าจะเปน็ ประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อผู้ท่ีพบเห็น หากมี ข้อผิดพลาดหรือมีข้อเสนอแนะที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ กรุณาแจ้งผู้จัดทำทราบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการ ปรบั ปรุง แก้ไขขอ้ มลู ในคร้ังตอ่ ไป และขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ นางสาวเปยี ทพิ ย์ แสงสบี าง กศน.ตำบลท่าสะแก
สารบญั หนา้ ก คำนำ ข สารบญั ๑ บทที่ ๑ รายงานผลการจดั กจิ กรรมหลกั สูตร การทำไข่เคม็ สมนุ ไพร ๒ ความเปน็ มา ๕ สถานที่ วนั /ระยะเวลาทจี่ ดั กจิ กรรม ๑๑ วิทยากร ผรู้ ับผิดชอบ ๑๕ บทที่ ๒ หลกั สูตรและเอกสารทเี่ กี่ยวขอ้ ง บทที่ ๓ การดำเนินกิจกรรมการเรยี นการสอน การดำเนนิ การจดั กจิ กรรม ผู้เข้ารว่ มกิจกรรม เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการจัดกิจกรรม การเกบ็ รวบรวมข้อมูล การวเิ คราะห์ขอ้ มูล ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน บทที่ ๔ สรุป อภิปราย และขอ้ เสนอแนะ การดำเนนิ การจดั กจิ กรรม สรปุ ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน อภปิ รายผล ขอ้ เสนอแนะในการดำเนนิ การกลมุ่ ครง้ั ต่อไป จุดเดน่ ของกลุม่ ภาคผนวก ภาพกจิ กรรม เอกสารท่เี กย่ี วข้อง คณะผจู้ ัดทำ
บทท่ี 1 รายงานผลการจัดกิจกรรม หลักสูตรวิชาชีพกลมุ่ สนใจการทำไขเ่ คม็ สมนุ ไพร ความเปน็ มา หลักสูตรวิชาชีพกลุ่มสนใจการทำไข่เค็มสมุนไพรได้จัดทำขึ้น ในปีงบประมาณ 2566 โดยเนื้อหา หลกั สูตรมาจากการสำรวจความต้องการในดา้ นอาชีพของประชาชน ในหมู่ 3 บ้านน้อย ตำบลท่าสะแก อำเภอ ชาติตระการ จงั หวดั พิษณโุ ลก ซึง่ มคี วามตอ้ งการให้มกี ารจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนในวชิ าดังกล่าว เพ่ือเป็น การพฒั นาตนเองในครอบครวั การเสริมสรา้ งอาชพี และพัฒนาตอ่ ยอดเปน็ อาชพี ในชมุ ชน การสรุปรายงานการจัดกิจกรรมหลักสูตรวิชาชีพกลุ่มสนใจการทำไข่เค็มสมุนไพร เป็นส่วนหนึ่งท่ี สามารถนำไปใช้ในการจัดการศึกษานอกโรงเรียน ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นฐานพุทธศักราช 2551 ที่มี หลักการ ศึกษาที่มุ่งให้ผู้เรียนคิดเป็น แก้ปัญหาเป็น เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการ และการปฏิบัติจริง สอดคล้องกับวิถีชีวิต นำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพได้ทันที สามารถพัฒนา ศักยภาพของผ้เู รียนใหเ้ ห็นคณุ ค่า มีความเชือ่ ม่ันในตนเอง สามารถพึ่งพาตนเองได้ ตลอดจนแสวงหาความรู้ใน การพัฒนาตนเองและสังคมอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยใช้วิธีการเรียนอย่างเหมาะสม ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ใน การค้นหาคำตอบได้ด้วยตนเอง การจะหาคำตอบได้ด้วยตนเองนั้น ผู้เรียนต้องมีทักษะ กระบวนการคิด วิเคราะห์ และลงมอื ฝึกปฏบิ ัตลิ องผิดลองถกู จนคน้ พบวิธที เ่ี หมาะสมทีส่ ดุ แนวทางสำคัญในการดำเนนิ การต้อง เริ่มจากตัวผู้เรียน ให้ผู้เรียนมีโอกาสได้เลือกเรียน เพื่อความเหมาะสมกับตัวของผู้เรียนเอง โดยการนำข้อมูล ของผู้เรียนแต่ละคนมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่ม เพื่อเชื่อมโยงกับหลักสูตร และชุมชน การสรุปรายงานผลการจัดกิจกรรมหลักสูตรวิชาชีพการทำไข่เค็มสมุนไพร เป็นการสะท้อนผลการ ดำเนินงาน อุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อปรับปรุงหลักสูตรวิชาชีพกล่มุ สนใจการทำไข่เค็ม เป็นการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ศกั ยภาพของผเู้ รียนใหม้ ีประสทิ ธภิ าพต่อไป สถานท่ี บา้ นเลขที่ 62 หมู่ 3 บา้ นนอ้ ย ตำบลทา่ สะแก อำเภอชาติตระการ จังหวดั พษิ ณุโลก วนั / ระยะเวลาทีจ่ ัดกิจกรรม - ระหว่างวนั ท่ี 11 สิงหาคม 2566 - ระหว่างเวลา 09.00 – 15.00 น. - หลกั สูตร 5 ชว่ั โมง - วนั ละ 5 ชัว่ โมง วทิ ยากร นางจิรานนั ท์ แจ้งโถง ผรู้ ับผดิ ชอบ น.ส.เปียทิพย์ แสงสีบาง ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบลท่าสะแก
บทท่ี 2 หลักสตู รและเอกสารทเ่ี กยี่ วข้อง การส่งเสริมการจัดกระบวนการเรียนรู้ ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ได้กำหนด บทบาทในการสง่ เสรมิ การเรียนรขู้ องรฐั และสถานศึกษาต่าง ๆ ดงั น้ี 1. รัฐต้องสง่ เสริมการดำเนินงาน และการจัดต้งั แหลง่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ิตทุกรปู แบบ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์การกีฬาและนันทนาการ แหล่งข้อมูล และแหล่งการเรียนรู้ อย่างเพียงพอ และมีประสิทธิภาพ 2. ให้คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน กำหนดหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐานเพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองดีของชาติ การดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ ตลอดจนเพ่ือ การศึกษาตอ่ 3. ใหส้ ถานศึกษาข้ันพ้นื ฐาน มหี นา้ ทจี่ ัดทำสาระของหลกั สตู รในสว่ นที่เกี่ยวขอ้ งกับ สภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของ ครอบครวั ชมุ ชน สังคม และประเทศชาติ 4. หลักสตู รการศกึ ษาระดับตา่ ง ๆ ตอ้ งมีลกั ษณะหลากหลายเหมาะสมกบั แต่ละระดับ โดยมุ่งพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของบุคคล สาระของหลักสูตร ทง้ั ท่ีเป็นวชิ าการ วชิ าชพี ต้องมงุ่ พัฒนาคนให้มีความ สมดลุ ทั้งดา้ นความรู้ ความคดิ ความสามารถ ความดีงาม และความรบั ผิดชอบต่อสงั คม 5. ให้สถานศกึ ษารว่ มกบั บคุ คล ครอบครวั ชมุ ชน องค์กรชุมชน องคก์ รปกครองสว่ น ท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ภายในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีการจัดการศึกษา อบรม มีการแสวงหาความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร และรู้จักเลือกสรรภูมิปัญญา และวิทยาการต่าง ๆ เพื่อพัฒนา ชุมชนในสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการ รวมทั้งหาวิธีการสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลง ประสบการณก์ ารพัฒนาระหว่างชุมชน 6. ใหส้ ถานศกึ ษาพฒั นากระบวนการเรียนการสอนท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ รวมทั้งการ ส่งเสริมให้ผสู้ อนสามารถวจิ ยั เพอ่ื พัฒนากระบวนการเรยี นรูท้ เี่ หมาะสมกับผ้เู รียนในแตล่ ะระดบั การศกึ ษา การศึกษาประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยเหลือเอื้อต่อการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอน แนวทางในการจัดกระบวนการเรียนรู้เพียงอย่างเดยี วไม่สามารถทำใหก้ ารจัดการศึกษาดำเนิน ไปได้อย่างราบรื่น ต้องอาศัยการส่งเสริมการจัดกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย การจัดการศึกษาที่ เก่ียวข้องกับภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ตอ้ งสอดคลอ้ งกับสภาพปัญหา และความต้องการของแตล่ ะท้องถ่นิ ดว้ ย แนวคิดของการศึกษาตลอดชีวิต เป็นการศึกษาที่มีความจำเป็นสำหรับบุคคลในทุกช่วงชีวติ ตั้งแต่เกิดจนตาย บุคคลมีความสามารถที่จะเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต การศึกษา มิได้สิ้นสุดเมื่อบุคคลจบจาก โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาการศึกษาตลอดชีวิตเน้นความเสมอภาคความเท่าเทียมกันในโอกาส ทาง การศึกษาการศึกษาตลอดชีวิตควรมีความยืดหยุ่นหลากหลายรูปแบบ และวิธีการเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคน เรียนรู้สามารถเลือกวิธีเรียนที่เหมาะสมกับความสามารถของตนการศึกษาตลอดชีวิตมุ่งให้บุคคลได้พัฒนา อย่างเต็มศักยภาพพัฒนาคุณภาพชีวิตและพึ่งตนเองได้ สิ่งที่ให้บุคคลเรียนรู้ควรสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ซึ่งบุคคลควรได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพ รวมทั้งทักษะในการ แสวงหาความรู้ หรือมีเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ต่อไป การศึกษาตลอดชีวิตเป็นภาพรวมของการศึกษา ทั้งหมดครอบคลุมการศึกษาทุกประเภท ทุกระดับที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างระบบการศึกษาที่จัด สัดสว่ นของการศกึ ษาไว้ 3 ประเภท คือ
1. การศกึ ษาในระบบ เปน็ การศกึ ษาท่ีกำหนดจุดมุง่ หมาย วธิ กี ารศึกษา หลักสตู ร ระยะเวลาของการศกึ ษา การวดั และการประเมนิ ผล ซงึ่ เป็นเงอ่ื นไขสำคญั ของการสำเร็จการศกึ ษาท่ีแนน่ อน 2. การศกึ ษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มคี วามยดื หยุ่นในการกำหนดจดุ มุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวดั และการประเมินผล ซึ่งเปน็ เง่ือนไขสำคญั ของการสำเร็จ การศกึ ษา โดยเนอื้ หาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของ บุคคลแตล่ ะกลมุ่ ตวั อย่าง เชน่ การจดั กลมุ่ เรยี นตามความสนใจของผู้เรยี น การเรยี นหรือการฝกึ อบรม หลักสูตรระยะสน้ั เปน็ ต้น 3. การศกึ ษาตามอธั ยาศัย เปน็ การศกึ ษาที่ใหผ้ ้เู รียนได้เรียนรูด้ ้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อม และโอกาส โดยศึกษาจากบคุ คล ประสบการณ์ สังคม สิ่งแวดล้อม ส่อื หรอื แหล่ง ความรูอ้ ่ืน ๆ เชน่ การฝึกฝนและปฏบิ ตั ิงานกับพอ่ แม่ หรือ สถานประกอบการ การศึกษาด้วยตนเองจาก หนงั สือและสื่อต่าง ๆ เปน็ ต้น ปัจจุบนั ภารกิจของการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยได้ขยายออกไปอยา่ ง กว้างขวาง สามารถแบง่ ภารกิจหลักได้ 3 ประเภท คือ 1. ส่งเสรมิ การศึกษาในระบบโรงเรยี น โดยจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสรมิ การเรยี นการสอนใน ระบบโรงเรยี นในรูปแบบของการใช้ส่ือเทคโนโลยีการศึกษา สอื่ รายการวทิ ยุ โทรทัศนเ์ พื่อการศกึ ษา สอ่ื การศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียม และการจดั นิทรรศการวทิ ยาศาสตรเ์ พื่อการศกึ ษา 2. จัดการศึกษานอกโรงเรียน โดยมุ่งจัดการศึกษาให้กับประชาชนและผู้ด้อยโอกาสที่อยู่ นอกระบบโรงเรียนให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน อ่านออก เขียนได้ รวมทั้งการจัดการศึกษาสายสามัญ และ สายอาชีพในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อยกระดับการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับกลุ่มเป้าหมาย 3. ส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับวิถีชีวิตอย่าง ต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นและทันสมัย รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกท่ี เป็นไปอยา่ งรวดเร็วในยุคโลกาภวิ ัฒน์ สามารถแสวงหาความรไู้ ดด้ ้วยตนเองอยา่ งต่อเนื่องตลอดชีวิตจากแหล่ง ต่าง ๆ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน ศูนย์การเรียนชุมชน ศูนย์วิทยาศาสตร์เพ่ือ การศึกษา และรายการวิทยุโทรทัศน์ เป็นต้นโดยสรุปภารกิจทั้งหมดดังกล่าว ก็เพื่อจัดการศึกษาตลอดชีวิต ให้แก่ประชาชนที่อยู่ทั้งในและนอกระบบโรงเรียนให้มีโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทักษะอาชีพ และ ข่าวสารขอ้ มูลท่ที นั สมัยในทุกชว่ งเวลาท่ีต้องการ ในรูปแบบของการศึกษาตลอดชีวิต จดั การศึกษาเพือ่ พัฒนาอาชีพ เปน็ การศึกษาเพ่ือพัฒนาความรู้ความสามารถและทักษะใน การประกอบอาชพี ของบคุ คลและกล่มุ บุคคล ซึง่ มีจดุ ม่งุ หมายในชวี ิตท่ีต่างกนั โดยมีสาระดงั น้ี 1. การเรยี นรอู้ าชพี แบบองค์รวมท่ปี ระชาชน ครู กศน.และผูเ้ กย่ี วข้องรว่ มกันจัดกจิ กรรม การเรียนรู้ เพ่ือฟื้นฟูเศรษฐกิจชมุ ชน 2. การออกแบบการเรยี นรู้งานอาชีพตามลกั ษณะของการจดั การศกึ ษาเพือ่ พฒั นาอาชพี ใน รปู แบบการฝกึ ทกั ษะอาชพี การเขา้ สู่อาชีพ การพฒั นาอาชีพและการพฒั นาอาชพี ด้วยเทคโนโลยี 3. การเรียนรจู้ ากการปฏิบตั ิจริงทบี่ รู ณาการกับวถิ ีชีวิต โดยใชว้ งจรกระบวนการคิด ทำ จำ แก้ปัญหาและพฒั นา 4. การจดั การศกึ ษาเพื่อพัฒนาอาชีพที่พฒั นาศักยภาพของบุคคลและชมุ ชนท่ีสอดคลอ้ งกบั วิถชี ีวิต โดยสง่ เสริมการรวมกลุ่มอาชพี สร้างเครือข่ายอาชีพ มีระบบการแลกเปลีย่ นเรียนรู้ ความร้แู ละ ประสบการณ์ การทำอาชีพภายใตว้ ฒั นธรรมของชุมชน มีกลยทุ ธเ์ พ่ือการแข่งขนั ของชมุ ชน เป็นชมุ ชนท่ีใช้ เทคโนโลยีในการบรหิ ารจัดการและพฒั นาอาชีพ
ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอชาติตระการ ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมตามรูปแบบการจัด กจิ กรรมการเรยี นการสอนมีการบูรณาการการจัดการเรียนรเู้ พ่ือให้เหมาะสมกับผเู้ รยี น แสดงถึงภาพสำเร็จใน การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน กิจกรรมการเรียนรู้จากภูมิปัญญาท้องถ่นิ ทเ่ี ปน็ ส่วนหน่ึงในการพัฒนาศักยภาพของ ผู้เรียน ในการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคญั การเรียนการสอนมุ่งเน้นประโยชน์ของผู้เรยี นเปน็ สำคัญ จงึ ตอ้ งจดั ให้ผเู้ รียนได้เรยี นรูจ้ ากประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบตั ิใหท้ ำได้ คิดเป็น มีนสิ ัยรกั การเรียนรู้ และ เกิดการ ใฝ่เรยี นอยา่ งตอ่ เนอื่ งตามแนวคิดของการศึกษาตลอดชวี ิต
บทท่ี 3 การดำเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ผู้ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มหลักสูตรวิชาชีพกลุ่มสนใจการทำไข่เค็มสมุนไพร ได้ดำเนินการในการอบรม เกบ็ รวบรวมข้อมูล และการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ดังน้ี 3.1 การดำเนินการจดั กจิ กรรม 1. เตรยี มการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน - ประชมุ วางแผนรูปแบบการจัดกจิ กรรม - เลือกหลกั สตู รวชิ าชีพทีจ่ ะจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน - มอบหมายงานใหบ้ คุ ลากรท่ีเกี่ยวขอ้ ง - ติดตอ่ ประสางานในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน 2. วธิ ีการดำเนินงาน - เขยี นขออนุญาตจัดตัง้ กลุ่มวิชาชพี สนใจ - เสนอขออนญุ าตจดั ต้งั กลุม่ วชิ าชีพสนใจ - เตรียมการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. เตรยี มการกอ่ นการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน - การจัดเตรียมเอกสารการเรยี นการสอน - ตดิ ตอ่ สถานที่ - ติดต่อวทิ ยากร - อนื่ ๆ 2. ติดต่อประสานงานเครือข่าย - จัดการอบรมกลมุ่ ชั้นเรยี นวิชาชีพตามแผนทีว่ างไว้ 1. ลงทะเบียนผเู้ ข้าร่วมการกิจกรรมการเรียนการสอน 2. วิทยากรใหค้ วามรู้ เรื่องการทำแหนมปลากราย 3. จัดกิจกรรมกลุม่ ยอ่ ย 4. สรุปกิจกรรมย่อย 5. ปิดการอบรม 3. สรุปรายงานผลการจัดกิจกรรมกลุ่มหลักสูตรวิชาชีพกลุ่มสนใจการทำไข่เค็ม สมุนไพร เป็นรูปเลม่ 4. รายงานผลการจัดกจิ กรรมกลุ่มหลักสตู รวิชาชีพกลุ่มสนใจการทำไข่เค็มสมุนไพร ใหผ้ ทู้ ี่เกย่ี วขอ้ งรบั ทราบ 3.2 ผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรม ผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มหลกั สูตรวชิ าชีพกลุม่ สนใจการทำไขเ่ คม็ สมนุ ไพร จำนวน 9 คน - เพศชาย จำนวน - คน - เพศหญงิ จำนวน 9 คน ผจู้ ัดกจิ กรรม จำนวน 1 คน
3.3 เครอื่ งมือที่ใช้ในการจดั กจิ กรรม - ขอ้ มูลปฐมภมู ิ ไดจ้ ากการกรอกแบบสอบถามของผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม - ขอ้ มูลทุติยภมู ิ ศกึ ษาจากเอกสาร ข้อมูลต่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้อง 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์แบบสอบถามในแต่ละสว่ น ดังน้ี ตอนที่ 1 ข้อมลู ส่วนบุคคล ตอนท่ี 2 ประเมินความพึงพอใจในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ตอนท่ี 3 สรุปขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะ สรุปเป็นประเด็นที่สำคญั สถิตทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมูล คือ คา่ เฉลี่ย โดยใช้สูตรดงั นี้ 3.4.1 ค่ารอ้ ยละ (%) P = F 100 n เมอื่ p แทน ร้อยละ F แทน จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม n แทน จำนวนท้งั หมด 3.4.2 ค่าเฉลี่ย ( x ) x = x n เม่ือ x แทน ค่าเฉลีย่ x แทน จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม n แทน จำนวนท้งั หมด 3.5 การวิเคราะห์ขอ้ มลู หมายถึง มคี วามพึงพอใจนอ้ ยที่สดุ 0.00 – ๑.49 หมายถงึ มีความพึงพอใจน้อย ๑.50 – 2.๔9 หมายถึง มีความพึงพอใจปานกลาง ๒.๕0 – ๓.๔๙ หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจมาก 3.๕๐ – 4.49 หมายถึง มคี วามพึงพอใจมากทีส่ ดุ 4.50 – 5.00
ผลการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มหลักสูตรวิชาชีพกลุ่มสนใจการทำไข่เค็มสมนุ ไพร ได้มีการ สำรวจความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรม จำนวน 9 คน โดยวิธีการตอบ แบบสอบถาม จึงไดม้ กี ารนำเสนอข้อมลู ในรปู ตารางประกอบคำบรรยาย โดยแบ่งออกเป็น 3 สว่ น ไดแ้ ก่ ตอนท่ี 1 ข้อมลู ส่วนบุคคล ตอนที่ 2 ประเมนิ ความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (กจิ กรรมการเรียนการสอน) ตอนที่ 3 สรุปข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สรปุ เปน็ ประเดน็ ทส่ี ำคญั ตอนที่ 1 การวเิ คราะหข์ ้อมูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตารางที่ 1 แสดงจำนวน ร้อยละจำนวนตามเพศ เพศ จำนวน ( n = 9 ) ร้อยละ ชาย - - หญงิ 9 ๑๐๐ รวม 9 ๑๐๐ จากตารางท่ี 1 ผลการศึกษาพบว่า ผู้เขา้ ร่วมอบรมท้ังหมดเป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 100 ตารางที่ 2 แสดงจำนวน รอ้ ยละจำนวนตามอายุ อายุ จำนวน ( n = 9 ) รอ้ ยละ ตำ่ กวา่ 15 ปี - - 15 – 39 ปี 1 11.11 40 – 59 ปี 5 55.56 60 ปขี ึน้ ไป 3 33.33 รวม 9 100 จากตารางที่ 2 ผลการศึกษาพบว่า ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 40 - 5๙ ปี คิดเป็นร้อยละ 55.56 รองลงมาคอื อายุ 60 ปีข้นึ ไป คดิ เปน็ รอ้ ยละ 33.33 และอายรุ ะหวา่ ง 15 - 39 ปี คดิ เป็นร้อยละ 11.11 ตารางที่ 3 แสดงจำนวน ร้อยละจำนวนตามระดับการศึกษาสงู สดุ ระดับการศกึ ษาสูงสดุ จำนวน ( n = 9) ร้อยละ ต่ำกวา่ ประถมศึกษา 6 66.67 ประถมศกึ ษา 1 11.11 มัธยมศกึ ษาตอนตน้ - - มธั ยมศึกษาตอนปลาย 2 22.22 ปริญญาตรี - - อ่ืนๆ - - รวม 9 100 จากตารางที่ 3 ผลการศึกษาพบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาสูงสุด คือ ระดับต่ำกว่า ประถมศึกษา คิดเป็นร้อยละ 66.67 รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คิดเป็นร้อยละ 22.22 และ ระดบั ประถมศึกษา คดิ เป็นร้อยละ 11.11
ตารางที่ 4 แสดงจำนวน รอ้ ยละจำนวนตามอาชพี อาชพี จำนวน ( n = 9 ) รอ้ ยละ เกษตรกร 8 88.89 รบั จ้าง 1 11.11 คา้ ขาย - นกั เรยี น/นักศึกษา - - 9 - รวม 100 จากตารางที่ 4 ผลการศกึ ษาพบว่า ผ้เู ข้าร่วมอบรมสว่ นใหญ่ประกอบอาชพี เกษตรกร คดิ เปน็ รอ้ ยละ 88.89 รองลงมาคอื อาชีพรบั จ้าง คดิ เปน็ ร้อยละ 11.11 ตารางท่ี 5 แสดงจำนวน รอ้ ยละจำนวนตามรายได้ตอ่ เดือน รายได้ตอ่ เดือน จำนวน ( n = 9 ) ร้อยละ ต่ำกว่า 5,000 บาท 6 66.67 5,001 – 10,000 บาท 3 33.33 10,001 – 20,000 บาท - มากกว่า 20,000 บาท - - 9 - รวม 100 จากตารางที่ 5 ผลการศึกษาพบว่าผู้เข้าร่วมอบรมมีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 5,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 66.67 รองลงมาคอื มีรายไดต้ อ่ เดือน 5,001 – 10,000 บาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 33.33
ตอนที่ 2 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู เกี่ยวกับความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม ตารางที่ 6 แสดงจำนวน ร้อยละ และค่าเฉลี่ยของความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมอบรมที่มีต่อการจัดกิจกรรม การเรียนการสอน ระดบั ความพงึ พอใจ/ความรู้ความเข้าใจ/การนำความร้ไู ปใช้ ประเดน็ ความคิดเหน็ มากทีส่ ดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยทีส่ ดุ คา่ เฉลี่ย อยใู่ น 5 4 3 2 1 ระดับ ตอนที่ 1 ความพึงพอใจด้านเนอื้ หา - = 4.62 1.1 เนือ้ หาตรงตามความ 54 - - 4.56 มาก ต้องการ (55.56%) (44.44%) ทส่ี ุด 1.2 เนอ้ื หาเพยี งพอตอ่ ความ 6 3 - - - 4.67 มาก ต้องการ (66.67%) (33.33%) - ทส่ี ุด - 1.3 เนื้อหาปจั จุบันทนั สมยั 5 4 - - 4.56 มาก (55.56%) (44.44%) ทส่ี ุด 1.4 เนื้อหามีประโยชนต์ อ่ การ นำไปใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพชีวิต 6 3 - - 4.67 มาก (66.67%) (33.33%) ทีส่ ุด ตอนท่ี 2 ความพึงพอใจด้านกระบวนการจัดกจิ กรรมการอบรม = 4.47 - - 4.33 มาก 2.1 การเตรียมความพรอ้ มกอ่ น 3 6 - อบรม (33.33%) (66.67%) 2.2 การออกแบบกจิ กรรม 36 - - - 4.33 มาก เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ (33.33%) (66.67%) 2.3 การจัดกิจกรรมเหมาะสม 6 3 - - - 4.67 มาก ทส่ี ดุ กับเวลา (66.67%) (33.33%) 2.4 การจัดกิจกรรมเหมาะสม 5 4 - - - 4.56 มาก ทส่ี ดุ กับกลุ่มเปา้ หมาย (55.56%) (44.44%) 2.5 วิธกี ารวัดผล/ประเมนิ ผล 4 5 - - - 4.44 มาก เหมาะสมกับวตั ถปุ ระสงค์ (44.44%) (55.56%) ตอนที่ 3 ความพึงพอใจตอ่ วิทยากร = 4.63 3.1 วทิ ยากรมคี วามรู้ 63 - - - 4.67 มาก ทส่ี ุด ความสามารถในเรือ่ งที่ถา่ ยทอด (66.67%) (33.33%) 3.2 วิทยากรมีเทคนิคการ 5 4 - - - 4.56 มาก ถ่ายทอดใช้ส่ือเหมาะสม (55.56%) (44.44%) - ที่สุด 3.3 วิทยากรเปิดโอกาสให้มี 6 3 - - 4.67 มาก สว่ นร่วมและซกั ถาม (66.67%) (33.33%) ท่ีสุด
ระดบั ความพึงพอใจ/ความรู้ความเข้าใจ/การนำความร้ไู ปใช้ ประเด็นความคิดเหน็ มากท่สี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทสี่ ดุ ค่าเฉล่ีย อย่ใู น 5 4 3 2 1 ระดบั 4. ความถึงพอใจดา้ นการอำนวยความสะดวก = 4.44 4.1 สถานท่ี วัสดุ อปุ กรณ์และ 6 3 - - - 4.67 มาก สิง่ อำนวยความสะดวก (66.67%) (33.33%) ท่ีสดุ 4.2 การสอื่ สาร การสร้าง 3 6 - - - 4.33 มาก บรรยากาศเพื่อให้เกดิ การเรยี นรู้ (33.33%) (66.67%) 4.3 การบริการ การชว่ ยเหลือ 3 6 - - - 4.33 มาก และการแก้ปญั หา (33.33%) (66.67%) 5. ความพึงพอใจดา้ นการนำความรู้ไปใช้ = 4.52 5.1 สามารถนำความร้ทู ่ีรับไป 5 4 - - - 4.56 มาก ประยุกตใ์ ช้ในการปฏิบตั ิงานได้ (55.56%) (44.44%) ทส่ี ุด 5.2 สามารถนำความรไู้ ป 4 5 - - - 4.44 มาก เผยแพร่/ถา่ ยทอดแกช่ ุมชนได้ (44.44%) (55.56%) 5.3 มคี วามม่ันใจและสามารถ 5 4 - - - 4.56 มาก นำความร้ทู ี่ได้รับไปใชไ้ ด้ (55.56%) (44.44%) ที่สุด รวมท้งั ส้นิ 86 76 - - - 4.53 มาก (53.09%) (46.91%) ที่สดุ ค่าเฉลยี่ ถ่วงน้ำหนกั 4.53 ระดับความคิดเหน็ มากที่สุด จากตารางที่ 6 จากการศกึ ษาพบว่า ผ้เู ข้ารว่ มกจิ กรรมมีความพึงพอใจ 1. ดา้ นเน้อื หา อยู่ในระดับ มากทีส่ ดุ ( x = ๔.62) 2. ดา้ นกระบวนการจัดกิจกรรมการอบรม อยู่ในระดับ มาก ( x = 4.47 ) 3. ดา้ นวทิ ยากร อยู่ในระดับ มากท่ีสุด ( x = 4.63 ) 4. ดา้ นการอำนวยความสะดวก อยใู่ นระดับ มาก ( x = ๔.44 ) 5. ดา้ นการนำความรูไ้ ปใช้ อยู่ในระดบั มากท่ีสุด ( x = ๔.52 ) จากกจิ กรรมการฝกึ อาชพี พบว่าผูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรมมคี วามพึงพอใจอย่ใู นระดบั มากทสี่ ุด ( x = 4.53) ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ พบว่าผ้เู ขา้ รว่ มการอบรมมีความคดิ เห็น และข้อเสนอแนะ ดงั นี้ 1. ผูเ้ ขา้ ร่วมอบรมมสี ว่ นร่วมเป็นอยา่ งมาก มีรูปแบบการอบรมทดี่ ีมาก 2. ใหค้ วามเป็นกนั เอง ทำใหผ้ ู้ร่วมการสัมมนา กลา้ ซักถาม แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ 3. อยากให้มวี ัสดอุ ปุ กรณ์มากกว่านี้ หมายเหตุ คดิ คะแนนเฉพาะท่ีความพงึ พอใจอยู่ในระดับมากข้นึ ไป
บทท่ี 4 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนกลุ่มหลกั สูตรวชิ าชพี กล่มุ สนใจการทำไข่เค็มสมุนไพร มจี ดุ ประสงค์ในการจดั กิจกรรมดงั นี้ 1. เพ่อื ใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมเกดิ ความรู้ความเขา้ ใจ เกีย่ วกบั การทำไข่เค็มสมนุ ไพร 2. เพ่อื ใหผ้ ูเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรมมกี ารแลกเปลยี่ นแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับแนวทางการ จดั กิจกรรมการทำไข่เคม็ สมุนไพรของตนเอง 3. เพ่อื เปน็ การลดรายจา่ ยในครอบครวั และเปน็ การพัฒนาคุณภาพชวี ิตของผเู้ ขา้ ร่วม กจิ กรรมใหด้ ยี ่ิงข้นึ 4. เพื่อส่งเสรมิ ความร่วมมอื และการจดั กิจกรรมการเรียนรู้การศกึ ษาอาชพี ของผู้เรียน ผู้รบั บริการกับสถานศกึ ษา 5. เพอื่ รว่ มวเิ คราะห์ และสงั เคราะห์รูปแบบ กระบวนการจดั และผลสำเรจ็ ท่เี กิดขึ้นจาก โครงการตามตวั ช้ีวัดทกี่ ำหนดเปน็ ตวั ชวี้ ัดความสำเรจ็ ตามกลุ่มเป้าหมายจากการประเมนิ เบือ้ งต้น 6. เพอ่ื ศึกษาผลการดำเนนิ งาน ประสิทธิภาพ และประสทิ ธิผลในการจัดการศึกษาอาชพี การดำเนินการจัดกิจกรรม ผู้เขา้ รว่ มกิจกรรม ผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมหลกั สูตรวชิ าชีพกลมุ่ สนใจการทำไขเ่ คม็ สมนุ ไพร จำนวน 9 คน - เพศชาย จำนวน - คน - เพศหญิง จำนวน 9 คน ผจู้ ดั กจิ กรรม จำนวน 1 คน เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการอบรม - ขอ้ มูลปฐมภมู ิ ได้จากการกรอกแบบสอบถามของผเู้ ข้าร่วมกิจกรรม - ข้อมูลทุติยภูมิ ศึกษาจากเอกสาร ขอ้ มลู ต่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง การเก็บรวบรวมข้อมลู วเิ คราะหแ์ บบสอบถามในแต่ละสว่ น ดงั น้ี ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลสว่ นบุคคล ตอนท่ี 2 ประเมนิ ความพงึ พอใจในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะ สรุปเป็นประเด็นที่สำคญั วธิ กี ารวิเคราะห์ข้อมลู ในการวเิ คราะห์ข้อมูล ผู้จดั ได้ดำเนินการ 2 ลกั ษณะ คือ 1. การสังเคราะหเ์ ชงิ คุณลกั ษณะ ผจู้ ดั กจิ กรรมทำการสังเคราะห์โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ สงั เคราะห์ 3 ดา้ น คอื ข้อมูล ทว่ั ไป ขอ้ มูลความพงึ พอใจในการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน และข้อเสนอแนะ 2. การสงั เคราะห์การอบรมเชงิ ปริมาณ ในการสงั เคราะห์การจัดกจิ กรรมเชิงปริมาณ ผู้จัดกจิ กรรมแยกออกเป็นคุณลักษณะ ต่าง ๆ ในการสังเคราะหข์ ้อมลู ดงั นี้ 1. ข้อมลู เกีย่ วกบั เพศ / อายุ 2. ข้อมลู ระดบั ความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 3. ข้อเสนอแนะ
โดยเปรียบเทียบจำนวนคนคิดเป็นร้อยละในแต่ละส่วนของข้อมูลการอบรมพรอ้ มการบรรยายประกอบ สรุปผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนหลักสูตรวชิ าชีพกลุ่มสนใจการทำไข่เคม็ สมุนไพร โดยใช้ วิธีการวิเคราะห์ สังเคราะห์จากแบบประเมินความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและรูปแบบ การจัดกจิ กรรม สามารถสรุปได้ดงั นี้ ๑. การสังเคราะห์ข้อมูลทั่วไของผู้ตอบแบบสอบถามผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพศหญิง 9 คน เนื่องจากงานครัวส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ที่ผู้หญิงรับผิดชอบ จึงทำให้มีแต่เพศหญิงที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ในครั้งนี้ เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และต้องการต่อยอดอาชีพและพัฒนาอาชีพเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ ให้กบั ครอบครวั อกี ทางหนงึ่ ๒. ผเู้ ขา้ รว่ มกิจกรรมส่วนใหญ่เปน็ มีอายุอยู่ระหว่าง ๔๐-5๙ ปี เนือ่ งมาจากเป็นชว่ งอายุท่อี ยู่ ในวัยทำงาน และต้องรบั ผดิ ชอบเร่ืองการบ้าน งานเรอื น จงึ มีผลทำให้การหาคา่ ร้อยละในช่วงนส้ี งู กวา่ ชว่ งอืน่ ๆ ผลการสังเคราะห์ทางจำนวนของผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มวิชาชีพมี อยจู่ ำกดั เนื่องจากเปน็ กลมุ่ วชิ าชพี สนใจต้องมีผู้เรียนอย่างนอ้ ยจำนวน 6 คนขึ้นไป สว่ นใหญผ่ ้เู รียนจะมาเรียน มากกวา่ ทก่ี ำหนด ผลการคำนวณอาจมคี วามคาดเคล่ือนได้ และงบประมาณการฝกึ อบรมกม็ ีอยู่อย่างจำกัด ๓. การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจาก การศกึ ษาพบวา่ ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมมคี วามพึงพอใจ 1. ดา้ นเนอื้ หา อยู่ในระดับ มากทสี่ ุด ( x = ๔.62) 2. ดา้ นกระบวนการจัดกิจกรรมการอบรม อยใู่ นระดบั มาก ( x = 4.47 ) 3. ดา้ นวิทยากร อยู่ในระดับ มากทส่ี ดุ ( x = 4.63 ) 4. ดา้ นการอำนวยความสะดวก อยู่ในระดบั มาก ( x = ๔.44 ) 5. ดา้ นการนำความรไู้ ปใช้ อยู่ในระดบั มากท่สี ุด ( x = ๔.52 ) จากกิจกรรมการฝึกอาชพี พบวา่ ผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมมคี วามพึงพอใจอยูใ่ นระดับ มากท่สี ุด ( x = 4.53) จากการดำเนนิ การกล่มุ วิชาชีพพบประเด็นสำคัญทีส่ ามารถนำมาอภิปรายผลไดด้ ังน้ี 1. ดา้ นกลมุ่ เปา้ หมาย 1.1 กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ต้องการนำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปใช้ใน ชวี ิตประจำวนั และนำไปใชเ้ ปน็ อาชพี เสรมิ เพ่ือเป็นการลดรายจา่ ยในครวั เรือนและเพ่มิ รายได้ใหก้ บั ตนเอง 1.2 จากการดำเนินการพบว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นเพศหญิง เนื่องมาจากเป็นการ เรยี นในส่งิ ทม่ี ีอยู่ใกล้ตัวและมใี ช้อยใู่ นชีวติ ประจำวันรวมถึงเปน็ สิ่งท่ีไม่ยาก และเปน็ การฝึกฝนการคิดหรือการ วางแผนในดา้ นการทำการตลาดด้วย 2. ด้านงบประมาณ - จากการดำเนินงานพบว่าวัสดุ อุปกรณ์ไม่เพียงพอต่อความต้องการของกลุ่ม เนอ่ื งจากมผี ้เู ขา้ รับการอบรมมากกวา่ เปา้ ท่ีกำหนด 3. ด้านกจิ กรรมการเรียนการสอน - จากการดำเนินงานพบว่ากิจกรรมต้องยืดหยุ่นตามสภาพกลุ่มเป้าหมาย เน่อื งมาจากสภาพชีวติ ความเป็นอยู่ของกล่มุ เป้าหมายมสี ว่ นสำคญั ตอ่ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
4. ด้านสถานท่ี 4.1 การดำเนินการอบรม ด้านสถานที่สามารถมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ตามความ ต้องการ และความเหมาะสมของผเู้ ข้ารว่ มการอบรม 4.2 ควรมีการใช้สถานท่ีของสว่ นรวม เพ่อื ให้เกิดความเชอ่ื มโยง สมั พนั ธก์ ันระหว่าง ศนู ยส์ ่งเสริมการเรยี นรู้อำเภอชาตติ ระการและชมุ ชน ขอ้ เสนอแนะในการดำเนนิ การกลมุ่ วิชาชพี ครง้ั ต่อไป 1. ควรทำการศึกษาปัญหาความตอ้ งการของกลุ่มเปา้ หมาย โดยใช้เครื่องมือทีห่ ลากหลาย รูปแบบ เพ่ือใหไ้ ดข้ ้อมลู ท่ถี กู ตอ้ ง ตรงตามความต้องการของผู้เรียนมากทส่ี ดุ 2. ควรศึกษาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในด้านต่าง ๆ ที่ต้องการรับบริการจากศูนย์ ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอชาติตระการ เพื่อให้ทราบและสามารถจัดกิจกรรมตามหลักสูตรให้สอดคล้องกับ ความตอ้ งการของทอ้ งถ่ินได้ 3. ควรศกึ ษาผลกระทบจาการดำเนนิ การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน โดยการศึกษาจาก กลุ่มเปา้ หมาย และชุมชน 4. ควรเก็บขอ้ มลู ของผู้เข้ารับการอบรมหลังการอบรมดว้ ยทุกคร้ัง ข้อมลู ความตระหนกั ในการจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพหลักสูตรวิชาชีพกลุ่มสนใจการทำไข่เค็ม สมุนไพร ของสถานศึกษามุ่งให้เกิดความสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน/ผู้รับบริการเป็นสำคัญ โดย มุ่งเน้นความต้องการของผู้เรยี น/ผู้รับบริการเปน็ แนวทางในการดำเนินงาน และได้มีการส่งเสริม สนับสนุนให้ บุคลากรในสถานศึกษาเห็นความสำคัญของการจัดหลักสูตรวิชาชีพแต่ละหลักสูตร และปฏิบัติงานอย่างเป็น ระบบอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดคุณภาพในการทำงาน ขอ้ มลู การปฏิบตั ิ (ความพยายาม) เมื่อบุคลากรได้รับแนวทาง และนโยบายทางการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพแล้ว ได้ดำเนินการ สำรวจหาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงโดยการร่วมทำประชาคมหรือร่วมประชุมกับกลุ่มผู้นำ เพอ่ื ใหไ้ ดร้ บั ขอ้ มลู ความต้องการทีแ่ ทจ้ ริงของชุมชน และนำมาจัดการเรียนการสอนดา้ นอาชีพ จดุ เด่นของกลุม่ 1. มคี วามต้องการ เหมือนกัน 2. กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจในกจิ กรรมการเรียนการสอนเป็นอยา่ งดี 3. กล่มุ เปา้ หมายมคี วามสามัคคี ชว่ ยงานกันดีพอสมควร 4. กลุ่มเปา้ หมายมีความรับผิดชอบ 5. กลมุ่ เป้าหมายรจู้ ักนำวสั ดุ อุปกรณ์ และวตั ถุดิบทีม่ ใี นท้องถนิ่ มาใช้ จดุ ควรพฒั นา (จุดด้อย) 1. การรวมกลุ่มเปน็ กลุ่มอาชพี 2. ผู้เขา้ รบั การอบรมมาช้า กว่าจะรวมกลุ่มกันได้ใชเ้ วลานาน
แนวทางการพัฒนา 1. ควรพฒั นาการใชว้ ัตถดุ ิบทม่ี อี ยู่ในท้องถนิ่ ในกจิ กรรมการเรียนการสอนให้มากกวา่ น้ี 2. ควรจัดหางบประมาณเพ่ิมเตมิ หรือการขอความสนบั สนุนจากแหลง่ ตา่ ง ๆ ในเรื่องการ จดั หาวตั ถใุ นการเรียนรู้ วธิ ีการพัฒนา 1. สร้างความเข้าใจที่ดีในการใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นในการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอน ใหผ้ ูเ้ รยี น/ผรู้ ับบรกิ ารเห็นความสำคญั 2. ปรับวธิ ีการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับผเู้ รยี น/ผรู้ ับบริการ ให้มคี วามยืดหยุ่นโดยไม่เน้น หน่วยการเรียนรูต้ ามหลักสูตร แต่ให้ยึดตัวผู้เรยี นเป็นสำคัญ แล้วจึงนำผลการดำเนินงานมาปรับปรุงหลักสตู ร วิชาชีพการทำไขเ่ ค็มพอกเกลอื สมนุ ไพร ในครงั้ ต่อไป
ภาคผนวก
ภาพประกอบกิจกรรม หลักสูตรกลุ่มสนใจ การทำไข่เคม็ สมุนไพร วนั ท่ี 11 สิงหาคม 2566 ณ บา้ นเลขที่ 62 หมู่ 3 บ้านน้อย ตำบลท่าสะแก อำเภอชาติตระการ จงั หวัดพิษณโุ ลก
ภาพประกอบกิจกรรม หลักสูตรกลุ่มสนใจ การทำไข่เคม็ สมุนไพร วนั ท่ี 11 สิงหาคม 2566 ณ บา้ นเลขที่ 62 หมู่ 3 บ้านน้อย ตำบลท่าสะแก อำเภอชาติตระการ จงั หวัดพิษณโุ ลก
ทปี่ รึกษา คณะผู้จดั ทำ นางพรสวรรค์ นางสาวชมพูนุช กันตง ผอู้ ำนวยการศูนยส์ ง่ เสริมการเรียนรู้อำเภอชาตติ ระการ ลว้ นมงคล ครู ผสู้ ่งเสริมสนับสนนุ การจัดกิจกรรม นางสาวประยรู บญุ ประกอบ ครูอาสาสมัครฯ ผรู้ ับผดิ ชอบ/ผู้เรยี บเรยี ง/จดั พิมพร์ ูปเล่ม/ออกแบบปก นางสาวเปยี ทิพย์ แสงสบี าง ครู กศน.ตำบลท่าสะแก
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: