หลกั การสื่อสาร ด้วยภาษาไทย
ความหมาย ของการสอื. สาร
1. ความหมายของการสอ่ื สาร การสือ่ สาร (Communications) หมายถงึ กระบวนการถ่ายทอดสารหรือข้อมลู อย่างใดอย่างหนง่ึ จากผ้สู ่งสารไปยังผ้รู ับสารโดยผา่ นสื่อต่างๆตามเจนตนาของผู้สง่ สาร ผู้ส่งสารอาจมีวธิ ีการสือ่ สารโดยใชก้ ารพูดการเขียน หรอื สญั ลกั ษณ์อ่นื ใดผ่านสอ่ื เพอ่ื ถา่ ยทอดสารไปยังผู้รับสาร สว่ นผ้รู ับสารกส็ ามารถรบั สารได้โดยวธิ ีการฟัง ดู อา่ น อย่างหน่งึ อย่างใดท่ี แปลความหมายของสรรวมท้งั การมปี ฏิกิริยาตอบสนองกลบั ภายหลังของการรบั สาร
องคป์ ระกอบ ผสู้ ่ง สื่อ ของ สาร ผูร้ บั กระบวนการ สอื่ สาร
2. ความสำคญั ของภาษาไทย การใช้ภาษาไทยทำได้หลายรปู แบบ มัทง้ั ภาษาพิธีการ ภาษาราชการ ภาษาสือ่ มวลชน ภาษาโฆษณา แตถ่ ึงอย่างไร ภาษาก็คอื เคร่อื งมอื ท่ีมนุษยใ์ ชก้ ารส่ือสารกนั การติดต่อสือ่ สารมบี ทบาทสำคัญในชวี ิตของ ผู้คนในสังคม ภาษาไทย มีความสำคัญตอ่ คนไทยและสงั คมไทยดังน้ี ● ความสำคัญตอ่ เป็นสงั คม ● ความสำคัญตอ่ ชีวิตประจำวนั ● ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมและธรุ กจิ ● ความสำคัญต่อวถิ ชี ีวติ ของคนในสงั คม ● ความสำคญั ตอ่ การเมือง การปกครอง
3. การฟงั การดู การฟงั การดูเป็นพฤตกิ รรมในการรับสารของมนษุ ยท์ ี่กระทำไปพร้อมๆกนั ได้ การฟงั ทีม่ ปี ระสิทธภิ าพ ผู้ฟงั จะตอ้ งรับรูแ้ ละมีความเขา้ ใจเรอ่ื งท่ีฟังอย่างถ่องแท้ การดใู นขณะ ฟังน้ันจะช่วยเสริมทักษะการฟังของผ้รู บั สารด้วยทำให้มปี ระสิทธิภาพมากย่งิ ข้ึน จดุ ม่งุ หมายในการฟงั การดู การฟังอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพมปี ระสิทธภิ าพย่อมทำใหผ้ ู้ฟังไดร้ บั ฟังรับความรแู้ ละ ความเพลดิ เพลนิ ใจ ซึง่ จะชว่ ยพฒั นาสตปิ ัญญาให้เจริญงอกงามได้ การจะฟังไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธภิ าพนัน้ การฟงั โดยทวั่ ไปมีจุดม่งุ หมาย ดังน้ี
1.ฟงั เพ่ือความรู้ 2.ฟังเพื่อบันเทิง 3.ฟงั เพอื่ จรรโลงใจ เช่น เชน่ เชน่ ● ข่าว ● บทวิเคราะห์ขา่ ว ● บทละคร ● บทสภุ าษิต ● สารคดี ● ข่าวบันเทิง ● ข้อธรรมะ ● การบรรยาย ● ทอล์กโชว์ ● สนุ ทรพจน์ ● อภิปราย ● บทเพลง ● บทรอ้ ยกรอง ● บทบาท ● ดนตรี ● ข้อคิด ● ปาฐกถา ● สารคดีท่องเที่ยว ● คำคม ● บทสัมภาษณ์ ● เรือ่ งเล่า ● นิทาน ● นิยาย
หลกั การฟงั การดู การฟังทด่ี นี น้ั ผฟู้ งั จะต้องรู้จกั วธิ ีการฟงั และการเลือกสารทจี่ ะฟัง รวมท้งั รูจ้ ักวธิ กี าร เลือกสื่อในการฟังเพื่อทำใหก้ ารฟงั นน้ั เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีหลักการฟัง ดังน้ี ● ฟงั ใหต้ รงตามความมุง่ หมาย ● ฟังโดยมคี วามพร้อม ● ฟังอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ● ฟงั ด้วยความกระตือรือร้น ● ฟงั โดยไม่มอี คติ
ประเภทของการฟัง การดู การทบ่ี ุคคลจะทำกจิ กรรมเกี่ยวกบั การฟัง การดนู นั้ ข้ึนอยูก่ ับความพรอ้ ม กาลเทศะ และบคุ คล ประเภทของกจิ กรรมการฟงั การดู แบ่งตามลักษณะของโอกาสในการฟงั และการดู ดงั น้ี 1. การฟงั ระหวา่ งบุคคล ได้แก่ การสอบถาม การแนะนำตวั การสนทนา การสมั ภาษณ์ การปรึกษา การขอแนะนำตัว 2.การฟังในกลมุ่ ขนาดเลก็ ไดแ้ ก่ ประชมุ ชแี้ จง ประชุมปรกึ ษา การแก้ไขปญั หา การวางแฟน การนำเสนอ
3.การฟงั ในทีป่ ระชมุ ชน ได้แก่ การฟงั โอวาท การฟงั การบรรยาย การฟังการการกล่าวรายงาน การฟงั ปาฐกถา การฟงั สุนทรพจน์ 4.การฟงั จากสือ่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ได้แก่ ฟงั ขา่ ว ฟัง-ดคู อนเสร์ต ฟัง-ดรู ายการบนั เทงิ ฟัง-ดูขา่ ว โฆษณา ภาพยนตร์ ธรรมะ
การฟัง การดูอย่างมปี ระสิทธภิ าพ การฟัง การดสู ารในปัจจบุ นั นม้ี ชี อ่ งทางตา่ งๆ มากมายใหผ้ ้ฟู ังได้เลือกดู เลอื กฟังได้ตามใจชอบ สารกม็ ีมากมายหลายประเภท ผูฟ้ ังจึงควรต้องพิจารณาและตดั สนิ ใจเลอื กฟังในส่งิ ท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและสงั คมจึงจะเกดิ การฟทั ี่มีประสิทธิภาพ โดยอาศยั แนวทางต่อไปน้ี ● เขา้ ใจเรอ่ื งท่ฟี ัง รบั รเู้ รื่องที่ฟังโดยอาศัย ● จบั ใจความประเด็นสำคญั เปน็ เหตผุ ล ถา่ ยทอดให้ผูอ้ ่นื ฟงั ได้ ● วิเคราะห์ไดว้ ่าส่ิงใดเป็นเหตุผล ส่งิ ใดเป็นข้อเทจ็ จรงิ หรือขอ้ คิดเหน็ ● ตีความได้ เม่อื ผพู้ ูดกล่าวถงึ ส่งิ ท่มี คี วามหมายเชงิ เปรียบเทยี บ ● ประเมนิ ค่าสง่ิ ทฟี่ ังได้วา่ ส่ิงใดมีคณุ คา่ หรือมคี วามเหมาะสมทจ่ี ะนำไปเปน็ แนวทางหรือข้อคิด ข้อปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจำวัน
๔. การพดู การอ่าน การพดู เป็นพฤตกิ รรมในการสง่ สารเพอื่ ให้ผู้ฟังเกิดการรับรแู้ ละมีความเข้าใจเร่ืองท่ผี ้พู ูดส่อื สาร การพดู ที่ถกู ตอ้ งตามหลกั เกณฑน์ ้นั จะช่วยใหผ้ พู้ ูดประสบความสำเรจ็ ในการพูด
ประเภทของการพูด 1) การพดู อยา่ งไม่เปน็ ทางการ เป็นการพดู ในชวี ติ ประจำวนั ผคู้ นในสงั คมท่มี กี ารตดิ ตอ่ ส่อื สาร กันนั้น ส่วนใหญจ่ ะเปน็ การพูดแบบไมเ่ ป็นทางการ เชน่ ● การสนทนา ● การซกั ถาม ● การตอบคำถาม ● การสงั่ งาน ● การพูดโทรศัพท์ ● การสงั่ ซื้อสินคา้ ● การแนะนำตัว
2) การพดู อย่างเปน็ ทางการ เป็นการพูดอยา่ งเป็นพิธกี ารในที่ประชุม พูดตอ่ หน้าจำนวนมากโดยมวี าระโอกาส ท่ีเหมาะแกก่ ารพดู น้นั ๆ เช่น ● การบรรยาย ● การอภิปราย ● การปาฐกถา ● การให้โอวาท ● การกล่าวสนุ ทรพจน์ ผู้พูดต้องมีความรู้และทกั ษะในการพูด ทีผ่ ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
รปู แบบของ การพดู
การพดู บรรยาย เปน็ การพูดที่ม่งุ ใหค้ วามรู้ การเข้าใจแก่ผู้ฟงั เชน่ ● การพดู อบรมปฐมนเิ ทศ ● ช้ีแจงระเบยี บ ● ขอ้ บงั คับ ● การเล่าเรื่อง ● เล่าประสบการณ์ ● การแนะนำวทิ ยากร ● การพูดประกอบการสาธิต
การพูดโน้มน้าวใจ เป็นการพดู ท่ีมงุ่ ปลุกเรา้ ความคิดให้ผู้ฟังคิดคลอ้ ยตาม เชื่อถือ และปฏบิ ัติตาม เชน่ ● พดู หาเสยี ง ● พดู ขอความรว่ มมือ ● พดู เชิญชวนให้ ● ร่วมบรจิ าค ● พูดโฆษณาสนิ คา้ ● พดู โน้มนา้ ว ● รณรงค์
การพดู จรรโลงใจ เปน็ การพูดทม่ี ีความสนกุ สนาน รืน่ เริง สรา้ งความความร้สู กึ ที่ดใี หผ้ ูฟ้ ัง มีความเพลิดเพลินและได้แง่คดิ ในการฟงั ดว้ ย เช่น ● การเล่านิทานสอนใจ ● สุภาษติ คำคม ● หลกั ธรรมะ ● เลา่ เรือ่ ง ● ตลกขบขนั ● กลา่ วสนุ ทรพจน์
วธิ ีพูด 1) พดู แบบฉบั พลัน เป็นการทผ่ี ูพ้ ดู ไมม่ ีโอกาสได้เตรียมตวั ลว่ งหนา้ เชน่ ในการโตต้ อบ สนทนา การใหส้ ัมภาษณ์ ฉะน้ัน สิ่งทผ่ี ู้พดู จะนำมาใชเ้ วลาอันจำกดั น้ี คือ ประสบการณ์ ความรู้ ความคดิ และปฏิภาณไหวพริบของผพู้ ูด 2) พูดแบบอ่านจากต้นฉบับ เชน่ การกลา่ วรายงาน การแถลงการณ์ การกล่าวเปิดงาน 3) พดู ด้วยความแบบท่องจำ เช่น โคลง กลอน บทกวี คำคม ภาษติ ตวั เลข สถิติ ผ้พู ูด สามารถท่องจำขอ้ มลู เหลา่ น้มี าประกอบการพูดและพูดไดต้ ามความเหมาะสม
หลักและขั้นตอนการพูด ขนั้ การพูด ขนั้ วเิ คราะห์ ขน้ั เตรียมการพูด พดู ให้เปน็ ธรรมชาติ โอกาส 1.เนอ้ื หาสาระ พูดเสียงดงั ฟังชัด เวลา 2.ภาษา-ทา่ ทาง นำ้ เสยี งนุ่มนวลชวนฟงั การศกึ ษา ภาษาดีมรี ะดับ สถานทีพ่ ูด 3.วิธพี ูด อารมณด์ ี เพศ 4.การซกั ซ้อม แต่งกายสุภาพ อาชพี บุคลกิ ภาพดี ส่งิ ที่ผฟู้ งั สนใจ
การอ่าน การอา่ นเปน็ พฤตกิ รรมในการรับสารในชีวติ ประจำวนั โดยเฉพาะอย่างยิง่ การศกึ ษา ค้นคว้าเพอื่ หาความรู้ผทู้ ี่ประสบความสำเรจ็ ในการอ่านจะได้ความรเู้ พิ่มพนู สติปัญญาไปดว้ ย
จดุ มุ่งหมายการอา่ น
1) อ่านเพอ่ื ความรู้ เปน็ การอ่านจากหนังสือตำราทางวิชาการ สารคดีงานวจิ ัย เชงิ วิชาการ สามารถอ่าน ผ่านสื่ออิเลก็ ทรอนิกสห์ รือส่อื สง่ิ พิมพ์ได้
2) อ่านเพ่อื ความบันเทิง เปน็ การอ่านจากหนังสือประเภทจากหนังสือประเภทนวนยิ าย เรอื่ งสนั้ เรอ่ื งแปลการต์ นู บทประพนั ธ์ บทเพลง สารคดที อ่ งเท่ยี ว การอา่ นลกั ษณะน้ีอาจมคี วามรู้อ่ืนสอดแทรกรวมอยู่ด้วย
3) การอา่ นเพื่อทราบข่าวสาร เป็นการอ่านจากหนงั สือ่ พมิ พ์ เชน่ ● ขา่ วเศรษฐกิจ ● ข่าวเหตุการณ์โลกปัจจุบัน ● บทวเิ คราะหข์ ่าว ● บทวจิ ารณก์ ารเมือง ถา้ เลือกอ่านหลากหลายกจ็ ะเกดิ ประโยชน์อยา่ งมาก
4) อ่านเพือ่ จดุ ประสงคเ์ ฉพาะกิจ เป็นการอ่านสนใจเพอ่ื วตั ถุประสงค์อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง เช่น ● อา่ นคำประกาศ ● โฆษณา ● ประชาสัมพนั ธ์ ● ข่าวสงั คม ● ขา่ วบันเทิงขา่ วกีฬ ● รวมถึงการอา่ นเพือ่ การสอบ ● การจดั ทำรายงานเพอ่ื ● นำเสนอด้วย
วิธีการอา่ นตามจดุ มุ่งหมาย การอา่ นเป็นกระบวนการทส่ี ำคัญมหี ลายระดบั และมีวธิ ีการ อา่ นตามจุดมุง่ หมายของผู้อ่านโดยวิธีการอา่ นมีดงั ตอ่ ไปนี้ ● การอา่ นสำรวจ ● การอา่ นขา้ ม ● การอา่ นผา่ น ● การอ่านจับประเดน็
ประโยชนข์ องการอ่าน การอ่านถือเปน็ กิจกรรมในการรับสารท่มี ีประโยชน์อยา่ งยิง่ ประโยชนข์ องการอ่านหนังสอื มมี ากมาย ผู้อา่ นจงึ ควรให้ความสำคัญตอ่ การรับ สารดว้ ยการอา่ น ดงั ● การอา่ นทำให้เกิดความรูแ้ ละความคิดสรา้ งสรรค์ ● การอ่านทำให้ทนั โลก ทันเหตุการณ์ พัฒนาสตปิ ญั ญา ● การอา่ นทำใหเ้ กดิ ความเพลดิ เพลนิ และผอ่ นคลาย ● การอา่ นชว่ ยสนองความตองการในสงิ่ ท่ีต้องการศึกษาเรียนรู้ ● การอ่านชว่ ยพฒั นาเสรมิ สรา้ งบคุ ลิกภาพของบุคคล ● การอ่านชว่ ยพฒั นาคุณภาพชีวิตของมนษุ ย์ ● การอา่ นชว่ ยทำใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายในชวี ิตได้
หลักการเขียนภาษาไทย ภาษาไทยเปน็ เคร่อื งมอื ในการแสวงหาความร้แู ละประสบการณจ์ ากแหล่งข้อมลู สารสนเทศตา่ งๆ เพ่อื พฒั นา ความรู้ ความคดิ ตลอดจนสรา้ งสรรค์ผลงานตา่ งๆ และช่วยในการประกอบธุรกิจและการดำรงชีวิตให้เปน็ ไป อยา่ งสันตสิ ขุ การใช้ภาษาไทยโดยเฉพาะภาษาเขยี นสะกดคำหรือให้เกิดประสทิ ธิภาพนนั้ ผูใ้ ชภ้ าษาควรยดึ หลกั ดังน้ี 1.ผเู้ ขยี นจะต้องทำความเขา้ ใจกับคำและความหายของคำในภาษาไทยก่อน คำและความหายของคำในภาษาไทยมลี กั ษณะ เช่น ● คำมลู ● คำประสม ● คำซำ้ ● คำซอ้ น ● คำสมาส ● คำสนธิ
2. เขยี นใหถ้ กู ต้องตามหลกั การเขยี นสะกดคำในภาษาไทย ถ้าเป็นคำภาษาไทยแท้จะมหี ลกั การสะกดตรงตามมาตราตวั สะกดของไทยในแม่ ก กา แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กง แม่กน แม่กม แม่เกย แม่เกอว ส่วนสระอำ ไอ เอา จะใชต้ รงตามรปู สระเชน่ กนั ขอ้ สงั เกต ถา้ เปน๋ คำทย่ี ืมมาจากภาษาอ่ืนมกั จะมีสำเนยี งภาษาทไ่ี มค่ ุ้นเคยหรือมี รูปแบบวธิ ีการสะกดคำหรอื มกี ารใชพ้ ยัญชนะตวั สะกดท่ีไม่ตรงตามมาตราตวั สะกด ตามแบบภาษาไทย ทัง้ นี้ เพราะตอ้ งการถอดแบบเสยี งในภาษาเดมิ มาใสไ่ วด้ ว้ ย ภาษาไทยมกี ารผนั เสียงวรรณยุกตต์ ามกลุม่ อักษร ๓ หมู่ หรอื ไตรยงาศ์ กลมุ่ อักษรท่ี ผันได้ตรงรปู วรรณยุกต์ คอื อกั ษรกลางและอักษรสูง ส่วนอักษรตำ่ จะมกี ารผันเสยี ง วรรณยกุ ต์ที่รูปและเสยี งไมต่ รงกนั ดังนี้
1) อักษรกลาง ได้แก่ “ก จ ฏ ฎ ด ต บ ป อ“ พนื้ เสยี งเปน็ เสียงสามัญ ผันได้ครบ ๕ เสยี ง ส่วนอกั ษรกลางคำตาย พืน้ เสยี งเปน็ เสียงเอก ผนั ได้ ๔ เสยี ง 2) อกั ษรสงู ได้แก่ “ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห” อักษรสูงคำเป็นพืน้ เสียงเป็นเสียงจัตวา ผนั ได้ ๓ เสยี ง สว่ นอักษรสูงคำตาย พนื้ เสียงเป็นเสียงเอก ผันได้ ๒ เสยี ง
3) อักษรต่ำ มที ้ังหมด ๒๔ ตวั อักษรแบง่ ออกเปน็ สองกลุ่ม คอื อักษรต่ำที่มีเสยี งค่กู ับอกั ษรเสียงสงู เรยี กวา่ อกั ษรตำ่ คู่ ได้แก่ “ค ฅ ช ซ ฌ ฑ ฒ ถ ท ธ พ ฟ ภ” ส่วนกล่มุ ท่ไี มม่ ีเสยี งคู่กับอักษรสูงเรยี กว่า อกั ษรตำ่ เดี่ยวได้แก่ “ง ญ น ม ย ร ล ว ฬ” การผันวรรณยกุ ตข์ องอักษรต่ำจะแตกต่างกนั ระหวา่ งอักษรตำ่ คำ เป็นกบั อักษรตำ่ คำเป็นกบั อกั ษรต่ำคำตาย
เขียนใหถ้ กู ต้องตามหลกั การยืมคำภาษาต่างประเทศ ในปัจจุบนั ภาษาไทยมกี ารยมื คำภาษาตา่ งประเทศมาใชม้ ากข้นึ ตามความเจรญิ กา้ วหน้าทางเทคโนโลยีในขณะที่ แตเ่ ดมิ กม็ กี ารยมื คำภาษาต่างประเทศเขา้ มาใชห้ ลากหลายภาษา ทั้งภาษาเขมร บาล-ี สนั สกฤต อังกฤษ โปรตเุ กส จีน มาลายู ฯลฯ ทงั้ ๆท่ีภาษาดงั กล่าวมีความแตกตา่ งจาก ภาษาไทย แตค่ วามจำเป็นที่ต้องการหาคำมาใช้เพอื่ ให้ทนั ต่อความก้าวหนา้ ด้านตา่ งๆ ตลอดจนการติดต่อสัมพันธ์ กบั ต่างประเทศ จึงทำใหภ้ าษาไทยตอ้ งรบั คำศพั ท์ของภาษาเหลา่ นน้ั มาเขา้ ดว้ ย
การเขียนคำทับศพั ท์ คำทับศัพท์ คอื การยมื คำศัพทภ์ าษาตา่ งประเทศมาใชก้ บั ภาษาไทย โดยถ่ายเสยี งและถอดอกั ษรของคำศัพทเ์ ดิมมา เปน็ เสียงและอกั ษรในภาษาไทยใหใ้ กล้เคียงที่สดุ ถ้าเปน็ คำยืมภาษาองั กฤษซ่ึงมีระบบเสยี งในภาษาแตกต่างจาก ภาษาไทยกจ็ ะมีการปรบั เสียงให้เขา้ กบั ลักษณะของเสยี งในภาษาไทย เพื่อให้คนไทยออกเสียงได้สะดวกโดยมีหลกั การ เขยี นดังน้ี 1) วิธีการถอดสระ ใหถ้ อดตามการออกเสียงในพจนานุกรมภาษาอังกฤษ โดยเทยี บเสียงสระภาษาไทยตาม ตารางเทยี บเสยี งภาษาอังกฤษ 2) วธิ ีการถอดรูปพยญั ชนะ ใหถ้ อดเปน็ พยญั ชนะภาษาไทยตามหลักเกณฑใ์ นตารางเทียบพยัญชนะ ภาษาอังกฤษ 3) การใชเ้ ครื่องหมายกำกับพยัญชนะท่ที ีไ่ ม่ออกเสยี ง เม่ือนำมาใช้ในภาษาไทยให้ใสเ่ ครอ่ื งหมายทณั ฑฆาต กำกับไว้ทเี่ สยี งพยัญชนะทภ่ี าษาไทยไม่ปรากฏเสียงนน้ั ๆ
4) การใชไ้ มไ้ ต่คเู้ พือ่ ให้เหน็ ความแตกต่างจากคำศพั ท์ภาษาไทย ถา้ สังเกตให้ดจี ะเหน็ ไดว้ า่ คำ ทใ่ี ชไ้ มไ้ ตค่ ู้จะเปน็ สระเสียงส้ันท่มี ีการลดรูปในภาษาไทย 5) การใช้เครือ่ งหมายวรรณยุกต์ การเขียนคำทับศพั ทไ์ ม่ต้องใสเ่ ครือ่ งหมายวรรณยกุ ต์ ยกเวน้ ในกรณที ่ีคำนัน้ มีเสยี งซ้ำกับคำทับศัพท์ภาษาไทย จนทำใหเ้ กดิ ความสบั สน
การเขยี นศัพท์บัญญัติ ศพั ท์บญั ญัติ หมายถงึ การสร้างคำขึ้นมาใหม่ โดยใช้คำในภาษาไทยหรือคำภาษาบาล-ี สนั สกฤต แทนคำ ทย่ี มื มาจากภาษาอื่น โดยบัญญตั ใิ ห้มคี วามหมายตรงกบั ความหมายเดมิ ของคำให้มากทีส่ ุด โดยมากมักจะเป็น คำทีม่ าจากภาษาอังกฤษ วิธีการสรา้ งศัพทบ์ ัญญัตมิ ีดงั นี้ 1) สรา้ งโดยการคิดคน้ คำทบั ศัพทภ์ าษาไทยใหต้ รงกบั ความหมายเดิมของคำ 2) สรา้ งคำใหม่โดยใชค้ ำภาษาบาล-ี สันกฤต กรณหี าคำทบั ศัพทภ์ าษาไทยที่เหมาะสมไมไ่ ด้ 3) นำคำทบั ศัพท์มาประสมกบั คำศัพท์ภาษาไทยในรุปแบบคำประสม ได้แก่ คำภาษาไทยกับคำทบั ศัพท์หรอื คำบาล-ี สันติ สกฤตกับคำทับศัพท์
เขยี นให้ถูกต้องตามความหมายของคำ การใช้คำผดิ ความหมาย คอื การเลือกใชค้ ำหรอื กลุ่มคำท่ไี ม่สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการในการสอ่ื ความหมายทำใหร้ ปู คำหรอื ความหมายของคำในประโยคผิดไป เชน่ การใชค้ ำท่มี คี วามหมายผิดจาก ความม่งุ หมายทตี่ อ้ งการสอื่ สาร หรอื คำท่อี อกเสียงคลา้ ยคลึงกันแตล่ ะคนละความหมายกันกับที่ ต้องการสอ่ื สาร คำท่ที ำให้เกิดปญั หาในการเขยี นลกษณะดังกล่าวได้แกค่ ำต่อไปน้ี
1.คำพ้องเสียง หมายถงึ คำที่อา่ นออกเสยี งเหมือนกนั แต่เขียนตา่ งกนั และมี ความหมายตา่ งกนั ดังนน้ั ผู้ใช้ภาษาตอ้ งเข้าใจความหมายของคำที่ตอ้ งการสื่อสาร ความหมายเสยี ก่อน 2.คำที่มเี สียงใกล้เคยี งกนั หมายถงึ คำท่ีอ่านออกเสียงคลา้ ยกัน อาจแตกตา่ งกัน เล็กนอ้ ยหรืออาจจะเขียนสลับที่กัน และคำแตล่ ะคำมคี วามหมายตา่ งกันไม่เก่ยี วข้องกัน นอกจากนี้ยังมอี กี หลายคำที่มลี ักษณะการออกเสยี งคล้ายกนั อาจจะแตกตา่ งกันไป ออกไป เชน่ ยืดเยื้อ-ยืดยาว กินอย-ู่ อยู่กนิ ซ่ึงนอกจากวธิ เี ขยี นทแ่ี ตกตา่ งกนั แลว้ ความหมายก็แตกต่างกันไปด้วย
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: