เอกสารประกอบการสอน
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 1 อาณาจกั รมอเนอรา กล่มุ อาณาจกั รมอเนอรา 1. อาณาจักรย่อยอาร์เคียแบคทเี รยี (Subkingdom Archaebacteria) เป็นแบคทีเรยี ทีผ่ นงั เซลล์ไม่มสี ารเพปทิโดไกลแคน สามารถดารงชีวติ ในสภาพแวดล้อมที่สิง่ มีชีวิต กลุ่มอ่นื อาจไม่สามารถดารงอยู่ได้ เชน่ ในแหลง่ นาพุร้อน ทะเลที่มีนาเค็มจดั ในบริเวณทีม่ คี วามเป็นกรดสูง และบริเวณทะเลลึกเป็นต้น แบ่งได้ออกเปน็ 2 กลุ่ม คือ 1.1 กลุ่มครนี าร์เคียโอตา : Crenarchaeota สงั เคราะหแ์ สงได้ พบที่ นาพรุ ้อน ภเู ขาไฟใต้ทะเลลึก หรอื บริเวณทีอ่ ณุ หภูมิต่า(thermophile) หรอื สภาพแวดล้อมทีม่ ีความเปน็ กรดสูง (acidophile) 1.2 กลุ่มครนี าร์เคียโอตา สามารถสร้างแก๊สมีเทนได้ (methanogen) อาศยั อยู่ในบริเวณที่มคี วามเค็มจัด (halophile) และบริเวณที่มสี ภาพไร้ ออกซิเจน 2.อาณาจกั รย่อยยูแบคทเี รยี (Subkingdom Eubacteria) ยูแบคทีเรยี เป็นแบคทีเรยี ทีส่ ามารถพบได้ทังในดิน นา อากาศ อาหาร นม และในร่างกายของ สิง่ มีชีวติ อืน่ สามารถพบได้ทัง ในนาเค็ม นาจดื นากร่อย ในธารนาแขง็ หรอื แมก้ ระทง่ั แหล่งนาพรุ ้อน Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 2 นอกจากนียแู บคทีเรยี มีกระบวนการเมแทบอลิซึมในการดารงชีวติ ทีห่ ลากหลาย จงึ อาจกล่าวได้ว่า เป็นสิง่ มีชีวติ ทีม่ ีบทบาทสาคญั ต่อระบบนิเวศ ยูแบคทีเรยี แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆดังนี 2.1 กลุม่ โพรทโี อแบคทเี รยี (Proteobacteria) เปน็ ยแู บคทีเรยี แกรมลบทีพ่ บมากที่สดุ และมีกระบวนการ เมแทบอลิซึมทีห่ ลากหลายบางกลุ่มสามารถสังเคราะห์ ด้วยแสงได้คล้ายพืชบางกลุ่มสามารถดารงชีวืตโดยใช้ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และให้ซลั เฟอร์ในกระบวนการ สังเคราะหด์ ้วยแสง เช่น เพอเพิลซัลเฟอร์แบคทีเรยี (purple sulfur bacteria) บางกลุ่มมบี ทบาทช่วยตรึงแก๊ส ไนโตรเจนในอากาศมาสร้างเปน็ สารประกอบไนโตรเจนใน ดิน ซึง่ เปน็ ประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของ พืช เชน่ Rhizobium sp. ในปมรากของพืชตระกูลถ่วั เป็นต้น 2.2 กลมุ่ คลาไมเดีย (Chlamydias) เปน็ ยแู บคทีเรยี แกรมลบทีเ่ ป็นปรสิตในเซลล์และ ทาให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชน่ โรคโกโนเรียหรอื หนองใน เปน็ ต้น 2.3 กล่มุ สไปโรคที (Spirochetes) เป็นยแู บคทีเรยี แกรมลบที่มรี ูปทรงเกลียว มีความยาวประมาณ 0.25 มิลลเิ มตร ยูแบคทีเรยี ในกลุ่มนมี ที ังดารงชีวิตแบบอิสระและบางสปีชสี ์ เป็นสาเหตขุ อง โรคซิฟิลสิ โรคฉี่หนู เป็นต้น Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 3 2.4 แบคทีเรียแกรมบวก (Gram-Positive Bacteria) เปน็ ยูแบคทีเรยี ทีพ่ บแพร่กระจายทว่ั ไปใน ดิน อากาศ บางสปีชสี ์สามารถผลิตกรดแลกติกได้ เชน่ Lactobacillus sp. จงึ นามาใชใ้ นอุตสาหกรรม อาหารหลายชนดิ เช่น การทาเนย ผักดอง และโย เกิรต์ เป็นต้น บางสปีชสี ์ เช่น Streptomyces sp. ใช้ยาทาปฏิชีวนะ เช่น ยาสเตร็บ โตมัยซิน ยาเต ตราไซคลิน เป็นต้น ยูแบคทีเรยี กลุ่มนีบางสปีชสี ์ เชน่ Bacillus sp. สามารถสร้างเอนโดสปอร์ (endospore) ทาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้ดีและบางชนิดเปน็ สาเหตุทาให้เกิดโรคแอน แทรกซ์ ยูแบคทีเรยี แกรมบวกอีกกลุ่มหนึง่ เป็นกลุ่มที่ไม่มีผนังเซลล์มเี พียงเยือ่ หมุ้ เซลล์ที่ประกอบด้วยชนั ของไขมันได้แก่ ไมโคพลาสมา (mycoplasms) เปน็ เซลล์ทีม่ ีขนาดใหญ่ทีส่ ุดประมาณ 0.2-0.3 ไมโครเมตร สามารถเจรญิ และสืบพันธ์ุได้นอกเซลล์โฮสต์ ส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวติ อื่น แต่มีบางสปีชีส์ ที่เป็นสาเหตใุ ห้เกิดโรคปอดบวมในคนและวัว 2.5 ไซยาโนแบคทีเรีย (Cyanobacteria) (แกรมลบ) เป็นยูแบคทีเรยี ทีส่ ามารถสังเคราะห์ดว้ ย แสงได้ มีสารสีเช่น คลอโรฟิลล์เอ แคโรทีนอยด์ และโฟโคบิลนิ อยู่ภายในถงุ แบนๆทีม่ เี ยือ่ หุ้มเซลล์ พบแพร่กระจายในสภาพแวดล้อมทีห่ ลากหลาย ทังในแหล่งนาจดื นาเค็ม บางสปีชสี ์พบในบ่อนาพุ ร้อน และภายใต้นาแขง็ ของมหาสมุทร เป็นต้น จากหลกั ฐานซากดึกดาบรรพ์ทาให้ นกั วิทยาศาสตร์คาดคะเนได้ว่าไซยาโนแบคทีเรยี ทาให้ออกซิเจนในบรรยากาศเพิ่มขึน มากขึนในโลกยุคนันและก่อใหเ้ กิดวิวัฒนาการของส่งิ มีชีวติ ทีห่ ายใจ โดยใช้ออกซิเจนในปัจจบุ ัน Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 4 ไซยาโนแบคทีเรยี เป็นผู้ผลิตทีส่ าคัญในระบบนิเวศและบางชนิดสามารถตรึงแก๊สไนโตรเจนใน อากาศให้เปน็ สารประกอบไนเตรต เช่น แอนาบีนา (Anabaena) นอสตอก (Nostoc) และ ออสซิลลาทอเรยี (Oscillatoria) Anabaena Nostoc Oscillatoria แบคทีเรยี มีบทบาทสาคัญอย่างยิ่งในระบบนิเวศ เนือ่ งจากมีการดารงชีวติ แบบภาวะย่อยสลายจึงทา ให้เกิดการหมุนเวียนสารในระบบนิเวศ มีการนาแบคทีเรยี มาใชก้ าจัดขยะที่มีมากในเมืองใหญ่ ใช้สลาย คราบนามันบริเวณชายฝั่งและบริเวณทะเล รวมทังกาจัดสารเคมีทีต่ กค้างจากการเกษตรอีกด้วย นอกจากนอี าร์เคียแบคทีเรียบางกลุ่มสามารถสลายกากของแข็งจากขยะใหเ้ ป็นปุ๋ยซึง่ สามารถนาไปใช้ ประโยชน์ตอ่ ไป ในด้านการหมนุ เวียนสารในระบบนิเวศพบว่าแบคทีเรยี หลายกลุ่มทีส่ ามารถตรึงไนโตรเจน เชน่ แบคทีเรยี ในกลุ่มไรโซเบียม อะโซโตแบคเตอร์และไซยาโนแบคทีเรยี ทางดา้ นอุตสาหกรรมได้นายู Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 5 แบคทีเรยี มาใชใ้ นการผลติ สารเคมี เช่น แอซีโตน กรดแลคติก ยาปฏิชีวนะหลายชนิดและผลติ ภณั ฑอ์ าหาร เชน่ นาส้มสายชู ปลาร้า ผกั ดอง ปลาส้ม นมเปรยี วและเนยแขง็ เปน็ ต้น ยูแบคทีเรยี เป็นสาเหตขุ องโรคหลายชนิดที่พบในคนและสิ่งมีชีวติ อื่น เช่น โรคปอดบวม วณั โรค อหวิ าตกโรค โรคฉีห่ นู และ โรคแอนแทรกซ์ เปน็ ต้น Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 6 อาณาจกั รโปรติสตา (Kingdom Protista) ลักษณะสาคัญของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรโปรติสตา 1. ร่างกายประกอบด้วยโครงสรา้ งงา่ ย ๆ ไม่ซับซ้อน ส่วนมากประกอบด้วยเซลล์เดียว (unicellular) บาง ชนิดมหี ลายเซลล์รวมกนั เป็นกลุ่ม เรียกว่า โคโลนี (colony) หรอื เป็นสายยาว (filament) แตย่ ังไม่ทาหน้าที่ ร่วมกนั เป็นเนือเยือ่ (tissue)หรอื อวยั วะ (organ) แตล่ ะเซลล์สามารถทาหนา้ ทีข่ องความ เป็นสิง่ มีชีวติ ได้ครบถ้วนอย่าง อิสระ 2. ไม่มรี ะยะตัวอ่อน (Embryo) ซึง่ ต่างจากพืชและสตั ว์ที่มีระยะตัวอ่อนก่อนที่จะเจริญเติบโตเปน็ ตวั เตม็ วยั 3. การดารงชีพ มีทังชนิดทีเ่ ป็นผู้ผลติ (Autotroph) เพราะมีคลอโรฟิลล์ เป็นผู้บริโภค (Consumer) และเปน็ ผู้ย่อยสลายอินทรียสาร (Decomposer) 4. โครงสรา้ งของเซลล์เปน็ แบบยคู าริโอติก (Eucaryotic) ซึง่ มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส ได้แก่ โพรโทซัว เหด็ รา ยีสต์ ราเมือก สาหร่ายต่าง ๆ 5. การเคลื่อนที่ บางชนิดเคลื่อนที่ได้โดยใช้ ซีเลีย (cilia) แฟลกเจลลมั (flagellum) หรอื ซโู ดโป เดียม (Pseudopodium) บางชนิดเคลือ่ นทีไ่ ม่ได้ 6. การสบื พันธุ์ ทังแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) และแบบอาศยั เพศ (Sexual reproduction) แบบอาศัยเพศมที ังชนิดคอนจูเกชัน (Conjugation) ซึง่ เกิดจากเซลล์สืบพันธุ์ทีม่ รี ปู ร่างและ ขนาดเหมือนกนั มารวมกัน ดังเชน่ ทีพ่ บในพารามีเซียม ราดา เป็นต้น และชนิดปฏิสนธิ (fertilization) ซึ่ง เกิดจากเซลล์สบื พันธ์ุ ทีม่ รี ปู ร่างและขนาดต่างกันมารวมกนั ดงั เช่นที่พบในสาหร่ายเป็นส่วนใหญ่ เปน็ ต้น สิง่ มีชีวติ ในอาณาจักรนีแ้ บ่งเปน็ 1. Division Diplomonadida เป็นกลุ่มของโพรทิสตท์ ีเ่ ป็นเซลล์ยูคารโี อตที่ยังไม่มี organelle คอื ไม่มี mitochondria , endoplasmic reticulum , golgi complex และ centriole เปน็ ต้น มกั อยู่ในสภาวะที่ ไม่มอี อกซิเจน (Anaerobic environment) ลักษณะ - มีนิวเคลียส 2 อันขนาดเท่ากัน - มี Flagella หลายเส้น Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 7 ตวั อย่างเช่น Giardia intestinalis : เปน็ ปรสิตในลาไส้เลก็ ของคน 2. Division Parabasala เปน็ กลุ่มของโพรทิสตท์ ีเ่ ปน็ เซลล์ยูคารโี อตที่ยงั ไม่มี organelle คือ ไม่มี mitochondria , endoplasmic reticulum , golgi complex และ centriole เปน็ ต้น มกั อยู่ในสภาวะทีไ่ ม่มี ออกซิเจน (Anaerobic environment) ลกั ษณะ - มี Flagella หลายเส้น - มีเยือหมุ้ ลักษณะเป็นรอยหยักคล้ายคลืน่ ตวั อย่างเช่น Trichomonas vaginalis : เป็นปรสิตในช่องคลอด Trichonympha : อาศยั อยู่ในลาไส้ปลวกดารงชีพแบบภาวะพึ่งพากัน . Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 8 3. Division Kinetoplastida เปน็ โพรทิสต์กลุ่มที่เคลื่อนทีโ่ ดยใช้ Flagella ซึ่งประกอบด้วย Microtubule เรียงกัยแบบ 9+2 มีทังทีเ่ ปน็ ผู้ผลิตผู้บริโภคและปรสิต ลักษณะ - มี Mirochondria อนั เดียวขนาดใหญ่ ภายในมี DNA เรียกว่า Kinetoplast - มีทังพวกที่ดารงชีวติ อิสระ และเปน็ ปรสิต. ตวั อย่างเช่น Trypanosoma sp. - เกิดโรคเหงาหลับ (sleeping sickness) ในแอฟรกิ ามี African tsetse fly เปน็ พาหะ - โรค Chagas's disease ในอเมรกิ าใต้ มี Kissing bug เปน็ พาหะ 4. Division Euglenophyta ลกั ษณะ - มี Chlorplast สามารถสังเคราะหด์ ้วยแสงได้ จึงดารงชีพเปน็ ผู้ผลติ เมื่อมีแสง - เกบ็ อาหารทีส่ ร้างได้ใน Paramylon granules - เมื่อไม่มีแสงก็ดารงชีพเป็นผู้บริโภค - มีอายสปอต (eye spot) ในการตอยสนองต่อแสง Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 9 5. Division Dinoflagellata ลกั ษณะ - เป็น Phytoplakton ทังในนาจดื และนาทะเล - ส่วนใหญ่อยู่เป็นเซลล์เดียว มบี ้างทีอ่ าศัยอยู่รวมกันเปน็ colony - ลกั ษณะสาคญั คือ มีแผน่ Cellulose อยู่ภายใน ประกอบกนั คล้ายเกราะ มลี วดลาย สวยงาม และมี Flagellum 2 เส้น - บางชนิดมีการสะสมสารพิษ ทาให้ทะเลมีสีแดง เกิดปรากฏการณ์ขปี ลาวาฬ (red tide) ซึง่ เปน็ อนั ตรายต่อสตั ว์นาเป็นจานวนมาก - บางชนิดอาศยั ร่วมกบั ปะการงั โดยนา CO2 จากปะการงั มาสังเคราะห์ด้วยแสง 6. Division Apicomplexa ลักษณะ - กลุ่มนที ุกชนิดเปน็ ปรสิตในสัตว์ มีโครงสร้างสาหรบั แทงผ่ายเซลล์โฮสต์ - ไม่มโี ครงสร้างในการเคลือ่ นที่ ยกเว้นในเซลล์สบื พนั ธ์ุเพศผู้ - ตวั อย่างในกลุ่มนี ได้แก่ พลาสโมเดียม (Plasmodium) ทาให้เกิดโรคมาลาเรียในคนและสัตว์อ่ืน - malaria เปน็ โรคเขตรอ้ น มียุงก้นปล้องเปน็ พาหะ เชือ Plasmodium ทีก่ ่อโรคในคนมี 4 ชนิด ได้แก่ - Plasmodium falciparum Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 10 - Plasmodium vivax - Plasmodium malariae - Plasmodium ovale ในประเทศไทยเชือทีพ่ บส่วนใหญ่เป็นชนดิ P.falciparum และ P.vivax 7. Division Ciliophora ลกั ษณะ - มีขนาดใหญ่ เคลื่อนที่โดยใช้ Cilia - อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มนี าหรือความชืนสูง - ตวั อย่างเช่น Stentor , Paramecium , Vorticella Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 11 - มีการสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศเรียกว่า Conjugation 8.Division Oomycota ลักษณะ - เรียกว่า Egg fungus : water mold, white rust, downy mildews - แตกต่างจาก Stramenopila กลุ่มอ่นื ๆ ตรงที่ไม่มรี งควตั ถทุ ี่ใชใ้ นกระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสง - มีลักษณะเป็นเส้นยาวๆ ที่ประกอบด้วยหลายนิวเคลียส - ไม่ได้จดั เปน็ รา - ส่วนใหญ่ดารงชีวติ เปน็ ผู้ย่อยสลายในนา - มบี ้างทีเ่ ปน็ ปรสิตในพืช เช่น white rust (ราขาวในมันฝร่ัง) Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 12 9.Division Bacillariophyta ลักษณะ - เป็นสาหร่ายที่มสี ารสีชนิดเดียวกับทีพ่ บในสาหร่ายสีนาตาล - เป็นสิ่งมีชีวติ เซลล์เดียว มผี นังเซลล์ประกอบด้วย Silica - ส่วนมากมกั สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ - พบมากในแหล่งนาจดื และนาเค็ม เป็นแหล่งอาหารทีส่ าคญั ของส่งิ มีชีวติ ในระบบนิเวศ - ซากไดอะตอมที่ตายทบั ถมกนั นาน ๆ เป็น diatomaceous earth เปน็ แหล่งรวมของแร่ธาตแุ ละ นามัน ซึ่งนามาใช้ประโยชน์ในการทาไส้กรองและยาขดั ต่าง ๆ 10. Division Phaeophyta ลักษณะ - เปน็ สาหร่ายที่มขี นาดใหญ่ และมีโครงสร้างซบั ซ้อน - สาหร่ายสีนาตาล เรียกว่า Seaweed - เกือบทังหมดอาศยั อยู่ในทะเล มกั อยู่ในกระแสนาเยน็ - มีความสาคัญต่อสิง่ มีชีวิตทีอ่ าศัยในนาโดยเปน็ แหล่งอาหาร ที่อาศยั และใช้ในการหลบภัย Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 13 - มีสารสีนาตาลเรียกว่า ฟิวโคแซนทิน - เรียกโครงสรา้ งรวม ๆ ของสาหรา่ ยชนิดนวี ่า Thallus - มีโครงสรา้ งคล้ายราก เรียกว่า Holdfast - โครงสรา้ งคล้ายลาต้น เรยี กว่า Stipe - โครงสรา้ งคล้ายใบ เรยี กว่า Blade หรอื Lamina ตัวอย่างเช่น สาหร่ายเคลป์ ( Kelp) ซึง่ อาจมีความยาวถึง 60 เมตร สาหร่ายทุ่น ( sagassum sp.) ลามินาเรีย ( Laminaria sp.) พาไดนา ( Padina sp.) ฟิวกัส ( Fucus sp. ) 11. Division Rhodophyta สาหร่ายสีแดง (red algae) มีสารสีไฟโคอีรที ิน (phycoerythrin) แคโรทีนและคลอโรฟิลล์ ต่างจาก สาหร่ายกลุ่มอน่ื บางชนิดไม่มีสารสี เปน็ ปรสิตกับสาหร่ายสีแดงชนิดอ่ืนๆ สามารถดดู กลืนแสงสีนาเงินและ เขียว ในการสังเคราะหด์ ้วยแสงได้ดี สว่ นใหญ่จะมีหลายเซลล์ สามารถมีขนาดใหญ่เรียกว่า Seaweed ได้ในลกั ษณะเดียวกันกับสาหร่ายสีนาตาล และทีส่ าคัญคือ ไม่มรี ะยะทีม่ แี ฟลกเจลลา ตวั อย่างเช่น จฉี ่าย หรือ พอร์ไฟรา (Porphyra sp.) นามาทาเปน็ อาหาร Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 14 สาหร่ายผมนางหรอื กราซิลาเรีย (Gracilaria sp.) ใช้ผลิตวุ้น 12. Division Chlorophyta สาหร่ายสีเขียว (green algae) มีลักษณะคล้ายพืชทังในแงโ่ ครงสร้าง ผนงั เซลล์และส่วนประกอบ ของสารสี คอื คลอโรฟิลล์ เอ บีและแคโรทีน สว่ นใหญ่พบในแหล่งนาจืด บางชนิดอยู่ร่วมกบั ราเป็น lichens เกือบทุกชนิด มีระยะอาศัยเพศ โดยเซลล์สบื พันธ์ุใช้ Flagella 2 เส้นในการเคลื่อนที่ สามารถปรับตัวในที่ ไม่เหมาะสมได้ เชน่ หมิ ะ (watermelon snow) และเชือ่ ว่าพืชมีวิวฒั นาการมาจากสาหร่ายสีเขียว ลักษณะ - เซลล์เดียว Chlamydomonas Chlorella (ป็นสาหรา่ ยสีเขียวเซลล์เดียวทีม่ โี ปรตนี สงู นิยมผลติ เปน็ อาหารเสริม) - อยู่รวมกนั หลายเซลล์เปน็ Colony Volvox - เซลล์รวมกันมีขนาดใหญ่ (Supercell) Caulerpa - โครงสรา้ งเป็น Cell weed Ulva - ไม่มี Flagellum ในการเคลือ่ นที่ Spirogyra หรอื เทานา ( ใช้ Ameboid gamete) Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 15 13. Division Gymnamoeba ลักษณะ - เปน็ กลุ่มทีม่ ีความหลากหลายมาก เช่น Amoeba - ส่วนมากเปน็ ผู้บริโภค - บางชนิดเป็นผู้ย่อยสลาย (Detritus) 14. Division Entamoeba ลกั ษณะ - Entamoeba histolytica เป็นปรสิต ก่อให้เกิดโรคบิดมตี ัว ผลแทรกซ้อนก่ให้เกิดฝใี นตบั - Entamoeba gingivalis อาศยั แบบพึ่งพากบั คนในช่องปาก เกบ็ เศษอาหารตา่ งๆ เปน็ เหตใุ ห้มี กลิ่นปาก Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 16 15. Division Myxogastrida มี 2 ระยะ คือ - ระยะ Plasmodium หากินโดยใช้ Pseudopodium ซึง่ มีขนาดใหญ่ได้มากเปน็ เซนติเมตรเปน็ หลายๆ เซลล์รวมกนั เป็นเซลลข์ นาดใหญ่มากมีหลายนิวเคลียส กินอาหาร โดยใช้กระบวนการ Phagocytosis มักมีสารสีซึ่งมกั เปน็ สีสม้ หรอื สีเหลอื ง - ระยะ Fruiting body ระยะทีม่ ีการสืบพันธ์ุโดยการแบ่งไมโอซสเพือ่ สรา้ งสปอร์ และมีการสร้าง เซลล์ สืบพนั ธุ์ 16. Division Dictyostelida - ลักษณะแตกต่างจาก plasmodial slime molds คือ ระยะ จะเปน็ เซลล์เดียวไม่ได้รวมกันเป็นเซลล์ ขนาดใหญ่ - ในวงชีพมคี วามแตกต่างกัน Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 17 อาณาจักรฟังไจ (Fungi Kingdom) เปน็ สิ่งมีชีวติ พวกยูคารโิ อต(Eukaryote) ที่ไม่มีคลอโรฟิลล์ สร้างอาหารเองไม่ได้ จัดเปน็ เฮเทอโรโทรฟ (Heterotroph) ซึง่ ต้องการสารอินทรีย์เป็นอาหาร สว่ นใหญ่ดารงชีวิตเป็นแซโพรไฟต์ (Saprophytism) ย่อยสลายสารอนิ ทรีย์ทีเ่ น่าเปื่อยให้เป็นสารโมเลกลุ เลก็ ลง จงึ มคี วามสาคญั ใน อุตสาหกรรมการหมัก เช่น การทาเบียร์ ไวน์ การทาสารปฏิชีวนะ เปน็ ต้น บางพวกทาให้เกิดโรคกับพืช สตั ว์และคน และยงั ใช้เพื่อการศกึ ษาทางดา้ นสรีรวิทยา พนั ธุศาสตร์ ชีวเคมี อกี ด้วย ลักษณะที่สาคญั ของฟังไจ 1. เซลล์เปน็ แบบ Eucaryotic cell มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส 2. ไม่มคี ลอโรฟิลล์ ดารงชีวิตเป็นผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ที่เน่าเปื่อย 3. ผนงั เซลล์เปน็ สารไคตินกับเซลลูโลส 4. มีทังเซลล์เดียวและเปน็ เส้นใยเลก็ เรยี กว่าไฮฟา (Hypha) รวมกลุ่ม เรยี กว่าขยุ้มรา (mycelium) ลักษณะของเส้นใย แบ่งออกเป็น 2 ชนิด 4.1 เส้นใยมีผนงั กัน (Septate hypha) 4.2 เส้นใยที่ไม่มีผนังกัน (Nonseptate hypha or coencytic hypha) / Nonseotate hypha ส่วนยีสต์ เปน็ สิ่งมีชีวติ เซลล์เดียว แต่อาจมีการตอ่ กนั เป็นสาย เรยี กว่า Pseudomycelium Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 18 เสน้ ใยของฟังไจอาจเปลี่ยนแปลงแปลงรูปร่างเพื่อทาหน้าทพ่ี ิเศษ ไดแ้ ก่ - Haustorium เปน็ เส้นใยทีย่ ืน่ เข้าเซลล์โฮสต์ เพื่อดดู อาหารจากโฮสต์ พบในราที่เปน็ ปรสิต - Rhizoid มีลักษณะคล้ายรากพืชยืน่ ออกจากไมซีเลียม เพื่อยึดให้ติดกับผวิ อาหารและช่วย ดูดซึมอาหารด้วย เชน่ ราขนมปงั สณั ฐานวิทยาของฟงั ไจ ฟังไจมีสัณฐานวิทยาเป็นเซลล์เดียวหรือหลายเซลล์ ฟงั ไจหลายเซลล์จะประกอบไปด้วยเซลล์ เรียงตัวในแนวเดียวกัน เปน็ เส้นใยหรอื ไฮฟา (hypha) พวกทีม่ เี ซลล์เดียวเรียกว่า ยีสต์ ส่วนพวกที่มไี ฮ ฟาเรยี กว่า รา เซลล์ฟังไจมีขนาดแตกต่างกันไป เซลล์ขนาดใหญ่มเี ส้นผา่ นศูนย์กลาง 10-20 ไมครอน เซลล์ขนาดเล็ก มเี ส้นผา่ นศูนย์กลาง 1 ไมครอน เซลล์ฟังไจมลี ักษณะทั่วไปเหมอื นเซลล์พืช ประกอบด้วย โครงสรา้ งทีส่ าคัญดังนี 1. ผนังเซลล์ (Cell wall) ผนงั เซลล์ของฟงั ไจทาหน้าที่เช่นเดียวกบั ผนังเซลล์ของพชื ชันสูง โดยจะทาใหเ้ ซลล์คงรูปร่างอยู่ได้ ในฟังไจส่วนมากจะมีผนังเซลล์ประกอบด้วยสารพวกไค ทิน (Chitin; N-acetyl glucosamine) หรอื เซลลโู ลสกบั ไคทิน นอกจากนียังมีสารอ่ืน ๆ แตกต่างกนั ไปในแต่ ละชนิด 2. cell inclusion ที่สาคัญในเซลล์ฟังไจ ได้แก่ อาหารสะสม ซึง่ มี 2 ชนิด คอื ไกลโคเจน และ ลิพิด ไกลโคเจนจะพบมากที่สุดในเซลล์ทัว่ ไปและเซลล์ของโครงสร้างที่ใช้สืบพันธ์ุ ส่วนลิพดิ จะพบ มากใน สปอร์และเปน็ อาหารที่นาไปใช้เป็นแหล่งพลังงานและแหล่งคาร์บอนในการเจรญิ ได้ดี โดยท่ัวไปแล้ว ไกลโคเจนและลิพิดจะพบมากในเซลล์ที่เจริญเตม็ ที่มากกว่าเซลล์ทีม่ ีอายนุ ้อย ในฟงั ไจทีม่ ีโครงสร้างเป็นเส้นใยนัน เส้นใยจะมีการเพิ่มจานวนและรวมกลุ่มกนั จนมขี นาดใหญ่ และมองเหน็ ได้ด้วยตาเปล่า เรียกว่า ไมซีเลียม (Mycelium) ฟงั ไจบางชนิดจะสร้างรงควตั ถทุ าให้มสี ีต่าง ๆ อีกด้วย เส้นใยของฟงั ไจ จาแนกได้ 2 แบบคือ 1. เส้นใยที่ไมม่ ีผนงั ก้ัน (Non-septate hypha หรอื Coenocytic hypha) ทาให้เส้นใยมีลกั ษณะเปน็ ท่อทะลุถึงกันโดยตลอดหรอื เป็นเซลล์ทีย่ าวและมีหลายนิวเคลียส เพราะ มีไซโทพลาสซึมต่อเนอ่ื งกนั และนิวเคลียสอยู่ปะปนกนั Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 19 2. เสน้ ใยที่มีผนงั กน้ั (Septate hypha) เป็นเส้นใยที่แต่ละเซลล์จะมีผนงั กันไว้ทาให้ดูลกั ษณะเป็นหอ้ ง ๆ ในแตล่ ะเซลล์จะเชื่อมกนั ด้วยรู ตรงกลางของผนงั กัน ภายในเซลล์มนี ิวเคลียสและไซโทพลาสซึมที่ประกอบด้วยออร์แกเนลล์ตา่ ง ๆ สาหรับ การเจรญิ ในแตล่ ะเซลล์อาจมหี นง่ึ นิวเคลียส (uninucleate) หรอื หลายนิวเคลียส (multinucleate) การเจริญของฟงั ไจ เส้นใยของฟังไจมีการเจรญิ ได้สองทิศทาง ในตามขวางจะเจริญไปอย่างเต็มทีแ่ ลว้ จึงหยดุ เจริญ ส่วนการเจรญิ ตามยาวของเส้นใยจะขยายยาวออกไปและแตกแขนงอย่างไม่จากดั ตราบเท่าที่สภาวะ แวดล้อมยังเหมาะสม ฟังไจบางชนิดจะมีการเจริญเติบโตของเส้นใยทีม่ ี เส้นผา่ นศูนย์กลาง มากกว่า 15 เมตร เส้นใยทีม่ ารวมกันเปน็ ไมซีเลียมจะประกอบด้วยสองส่วนส่วนแรกเป็นไมซีเลียมทีย่ ึด เกาะกบั อาหารเรียกว่า vegetative mycelium ทาหนา้ ที่ดดู สารอาหารไปเลียงสว่ นต่าง ๆ ส่วนที่สองเปน็ ไม ซีเลียมที่ยื่นไปในอากาศ เรียกว่า aerial mycelium หรือ reproductive mycelium ทาหนา้ ที่สร้างสปอร์เพื่อ การสบื พนั ธ์ุ สภาพแวดล้อมในการเจรญิ 1. อาหาร อาหารที่จาเปน็ ในการเจรญิ เป็นได้ทังสารอินทรีย์และอนินทรีย์ โดยทัว่ ไปฟังไจจะใช้ กลูโคสเป็นแหล่งคารบ์ อนและพลังงาน สว่ นสารประกอบอินทรีย์ของไนโตรเจนใชเ้ ป็นแหล่งไนโตรเจน 2. อุณหภมู ิ ฟงั ไจมีช่วงอณุ หภมู ิในการเจรญิ ได้แคบกว่าแบคทีเรยี ส่วนมากเจรญิ ทีอ่ ณุ หภูมิ 0- 35 องศาเซลเซียส แตอ่ ณุ หภูมทิ ี่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 20-30 องศาเซลเซียส บางชนิดเปน็ พวก thermophilic fungi มีอณุ หภูมิสงู สดุ เจริญได้ที่ 50 องศาเซลเซียส ในบางครงั อาจถึง 60 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิตา่ เจรญิ ได้คือ 20 องศาเซลเซียส อย่างไรกต็ ามสปอร์ของฟังไจบางชนิดทนต่ออุณหภมู ติ ่า มาก ๆ ได้ดี เช่น สปอร์ทีอ่ ยู่ใน liquid nitrogen จะทนอุณหภมู ิต่าได้มากถึง -196 องศาเซลเซียส 3. ความเป็นกรด-เบส (pH) ฟังไจเจริญได้ดีในชว่ ง pH 2-10 แต่ pH ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 4- 6 ซึ่งเป็นกรด ดงั นนั ในสภาวะทีเ่ ปน็ กรดจะทาใหฟ้ งั ไจเจรญิ ได้ดีกว่าแบคทีเรียและการเน่าเสียของอาหาร ที่เป็นกรดจะเกิดจากฟังไจได้ดีที่สุด การจาแนกหมวดหมู่ 1. Phylum Chytridiomycota ได้แก่ Pythium spp. ก่อใหเ้ กิดโรคเน่าในต้นกล้าของ พืช หลายชนิด Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 20 2. Phylum Zygomycota ได้แก่ราดา (Rhizopus) เชน่ Rhizopus nigricans ผลติ กรดฟมู า ริก Rhizopus oryzae ใช้ในการทาขา้ วหมาก แอลกอฮอล์และสรุ าจากข้าว เป็นต้น 3. Phylum Ascomycota ได้แก่ ยีสต์ (Saccharomyces sp.) ราสีเหลอื ง (Aspergillus flavus) ผลติ สาร Aflatoxin ซึง่ เป็นสารทีก่ ่อให้เกิดมะเร็งตบั ราสีแดง (Monascus sp.) เปน็ ต้น 4. Phylum Basidiomycota ได้แก่ เห็ดชนิดต่าง ๆ เช่น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอม เห็ด หลินจอื (Ganoderma lucidum) ใช้เป็นยารักษาโรค Puccinia graminis ก่อใหเ้ กิดโรคราสนมิ (Rust) และเขม่า ดา (Smut) ซึง่ เปน็ โรคระบาดแก่พวกธญั พืชทีร่ ุนแรงมาก บางชนิดเป็นเหด็ มีพษิ เชน่ Amanita muscaria ผลติ สารพิษพวกมัสคารีน (Muscarine)และอะโทรพีน (Atropine) ซึง่ จะไปรบกวนการทางานของ ระบบประสาทอัตโนมัติ เป็นต้น เหด็ ท่กี ินได้ เหด็ ฟาง เห็ดหูหนู มีสารปอ้ งกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ชะลา้ งและบารงุ หลอดเลือด เสริมสรา้ งโลหิต ช่วยย่อยอาหาร บารุงโลหิต บารุงกาลงั บารงุ ตบั ช่วยบารุงสายตา บารงุ ตับ บารุงผิวให้เปล่ง แก้รอ้ นใน แก้ชาใน และทเ่ี ดด็ ๆ จรงิ ๆ กค็ อื ปลั่งสดใส ช่วยลดคลอเรสเตอรอล ( LDL )ในเลอื ดได้ เห็ดหลินเจือ“เทพเจ้าแห่ง ชวี ิต” (Spiritual essence) มีพลงั มหัศจรรย์ บารงุ ร่างกายใชเ้ ปน็ ยา อายุวัฒนะในการยืดอายุออกไปให้ ยืนยาว ทาให้ผิวพรรณเปลง่ ปล่ัง และยงั สามารถรักษา Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 21 เห็ดแชมปิญอง เหด็ นางฟ้า มสี ารต้านเนอ้ื งอกและมะเร็ง ช่วยล้างไขมันในตับ บารุงตับ เสรมิ ภูมคิ ุ้มกนั ฟงั ไจทผ่ี ลิตยาปฏิชวี นะ - Penicillin เป็นยาปฏิชีวนะชนิดแรกทีโ่ ลกรู้จัก ทามาจากราพวก Penicillium notatum , P. chrysogenum ฟงั ไจที่ใหป้ ระโยชน์ในอุตสาหกรรม - P. roqueforti และ P. camemberti ใช้ปนกบั เนย ทาให้รสชาติและคณุ ภาพดี - Aspergillus wendtii ใช้ในการทาเต้าเจียว - A. oryzae ใช้ทาเหล้า กระแช่ อุ ฯลฯ - A. niger ใช้ผลิตกรดซิตริก - Saccharomyces cerevisiae ( Yeast ) ใช้หมักเหล้า เบียร์ และการทาขนมปัง ฯลฯ - S. carlsbergensis ใช้ทาอุตสาหกรรมเหล้า เบียร์ - S. rouxii ใช้ผลิตซีอว๊ิ - Candida milleri ใช้ทาขนมปงั - Rhizopus nigricans ใช้ในอตุ สาหกรรมการผลติ กรดฟูมาริก - R. oryzae ใช้ในอุตสาหกรรมการผลติ แอลกอฮอล์ - R. nodusus ใช้ผลิตกรดแลกติก Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววทิ ยา6 : ว33246 22 - Gibberilla fujikuroi ใช้ผลิตฮอร์โมนพชื คอื Gibberillin เร่งการเจรญิ ของพืช - Aspergillus flavus ผลติ สารพิษช่ือ Aflatoxin ชอบอยู่ตามถ่ัว และธัญพืชบางชนิด ทาให้เกิด โรคมะเร็งทีต่ บั ได้ - Amanitia muscaria มีสารพิษ muscarine กระตนุ้ การทางานของระบบประสาทพาราซิมพาเธ ติคซึ่งเปน็ ระบบประสาทอตั โนมตั ิ ทาให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน รูมา่ นตาหดแคบอุจจาระร่วง หายใจไม่ สะดวก - Amanitia phalloides มีสารพิษ amanitin ทาลายเซลล์ของอวัยวะต่าง ๆ ได้ดี โดยเฉพาะตับ หัวใจและไตทาให้เกิดอาการอาเจียนอย่างรนุ แรงและอุจจาระร่วง ตอ่ มาเกิดเป็นตะคริว ความดันโลหิตลด ต่าและตายในที่สดุ ฟังไจท่เี ปน็ โทษ - Aspergillus fumigatus ทาให้เกิดการติดเชือในปอด - Phytophthora infestans ทาให้เกิดโรคทีม่ ันฝรัง่ - Clavicep purpleea ทาให้เกิดโรคแก่ข้าวไรน์ สร้างสารพิษ ชือ่ Exotoxin ต่อคนและสตั ว์ - Plasmopara viticola ทาให้เกิดโรครานาค้างกบั องนุ่ - Albugo candida ทาให้เกิดโรคราสนิมกับกะหล่า - Trichophyton rubrum ทาให้เกิดเลบ็ กดุ - Epidermophyton sp. ทาให้เกิดโรคง่ามนิวมือเปื่อย - Microsporum audouinii ทาให้เกิดกลาก - Melassezia furfur ทาให้เกิดเกลือน - Symchytrium endobioticum ทาให้มะละกอแคระแกรน - Pythium aphanidermatum ทาให้เกิดการเน่าของรากและลาต้นของมะละกอ - Pseudallescheria boydii ทาให้เกิดเชอื ราในสมอง รกั ษาโดยใช้ยาโวริโคนา (Voricona) - Candida albicans ทาให้เกิดโรคในคน Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 23 การสืบพนั ธขุ์ องสิ่งมีชีวติ ในอาณาจกั รฟังไจ 1. Fragmentation เกิดจากเส้นใยหกั เปน็ ส่วน ๆแต่ละส่วนเรียก oidia สามารถเจรญิ เปน็ เส้นใย ใหม่ได้ 2. Budding การแตกหน่อ เปน็ การทีเ่ ซลล์แบ่งออกเปน็ หนอ่ ขนาดเลก็ และนวิ เคลียสของเซลล์แม่ แบ่งออกเปน็ สองนิวเคลียส นวิ เคลียสอันหน่ึงจะเคลือ่ นย้ายไปเป็นนิวเคลียสของหน่อ เมอ่ื หนอ่ เจรญิ เต็มที่ จะคอดเว้าขาดจากกัน หนอ่ ที่หลุดออกมาจะเจริญต่อไปได้ เรียกหนอ่ ที่ได้นีวา่ Blastosporeพบการสบื พันธุ์ แบบนีในยีสตท์ ัว่ ไป 3. Fission การแบ่งตวั ออกเปน็ 2 ส่วน แต่ละเซลล์จะคอดเว้าตรงกลางและหลุดออกจากกัน เปน็ 2 เซลล์พบในยีสตบ์ างชนิดเท่านนั 4. การสรา้ งสปอรแ์ บบไมอ่ าศัยเพศ เปน็ การสบื พนั ธุ์แบบไม่มเี พศที่พบมากที่สดุ สปอร์แต่ละ ชนิดจะมีชื่อและวิธีสร้างที่แตกต่างกันไป เช่น - condiospore หรอื conidia เปน็ สปอร์ทีไ่ ม่มสี ิ่งหมุ้ เกิดที่ปลายเส้นใยทีท่ าหน้าทีช่ ูสปอร์ (conidiophore) ทีป่ ลายของเส้นใย จะมีเซลล์ที่เรียกว่า sterigma ทาหน้าทีส่ รา้ ง conidiaเชน่ Aspergillus sp. และ Penicillium sp. - sporangiospore เป็นสปอร์ทีเ่ กิดจากปลายเส้นใยพองออกเป็นกระเปาะ แล้วต่อมามีผนังกันเกิดขึน ภายใน กระเปาะจะมีผนังหนาและเจริญเป็นอบั สปอร์ (sporangium) นิวเคลียสภายในอับสปอร์จะมีการ แบ่งตวั หลาย ๆ ครังโดยมีส่วนของโปรโต พลาสซึมและผนงั หนามาหมุ้ กลายเปน็ สปอร์ที่เรียกว่า sporangiospore จานวนมากมาย 5. การสืบพันธุแ์ บบอาศยั เพศ มีการผสมมกันระหว่างเซลล์สืบพันธ์ุและมีการรวมตวั ของ นิวเคลียส ซึ่งรวมแลว้ เป็น diploid (2n) และมีการแบ่งตัวในขันตอนสดุ ท้ายแบบ meiosis เพือ่ ลดจานวน โครโมโซมลงเป็น haploid (n) ตามเดิม Teaching materials : by krunoo
เอกสารประกอบการเรียนการสอน ชีววิทยา6 : ว33246 24 ขอ้ สังเกตของเห็ดทก่ี ินไม่ได้ 1. นาข้าวสารมาต้มกบั เห็ด ถ้าไม่เป็นพิษข้าวสารจะสกุ ถ้าเปน็ พิษข้าวสารจะสกุ ๆ ดิบๆ 2. ใชช้ ้อนเงินคนต้มเห็ด ถ้าช้อนเงินกลายเปน็ สดี าจะเป็นเห็ดพิษ 3. ใชป้ นู กินหมากป้ายดอกเหด็ ถ้าเป็นเหด็ พิษจะกลายเป็นสีดา 4. ใช้หวั หอมต้มกบั เหด็ ถ้าเป็นเห็ดพิษจะเป็นสีดา 5. ใชม้ อื ถเู ห็ดจนเป็นรอยแผล ถ้าเป็นพิษรอยแผลนนั จะเป็นสดี า (แตเ่ ห็ดแชมปิญญองเปน็ เหด็ ที่ รับประทานได้ เม่อื เป็นแผลก็จะเป็นสีดา) 6. ดอกเห็ดที่มีรอยแมลงและสัตว์กัดกิน เหด็ นันไมเ่ ป็นพิษ (กระตา่ ยและหอยทากสามารถกิน เห็ดพิษได้) Teaching materials : by krunoo
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: