ชีววิทยา เลม่ 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 Slide PowerPoint_สอื่ ประกอบการสอน บรษิ ทั อกั ษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทร./แฟกซ.์ : 0 2622 2999 (อตั โนมตั ิ 20 คูส่ ำย) [email protected] / www.aksorn.com
1หน่วยการเรียนร้ทู ่ี การสบื พันธุ์และการเจริญเตบิ โตของสตั ว์ ผลการเรียนรู้ • สบื ค้นข้อมูล อธิบำย และยกตวั อยำ่ งกำรสบื พันธแุ์ บบไมอ่ ำศยั เพศและกำรสบื พันธุ์แบบอำศยั เพศในสัตว์ • สบื ค้นข้อมลู อธบิ ำยโครงสร้ำงและหนำ้ ท่ีของอวยั วะในระบบสบื พันธเ์ุ พศชำยและระบบสืบพนั ธุเ์ พศหญงิ • อธิบำยกระบวนกำรสรำ้ งสเปิร์ม กระบวนกำรสรำ้ งเซลล์ไข่ และกำรปฏสิ นธิในมนษุ ย์ • อธบิ ำยกำรเจรญิ เติบโตระยะเอ็มบริโอและระยะหลงั เอม็ บริโอของกบ ไก่ และมนุษย์
เพราะเหตุใดสงิ่ มชี วี ติ ต้องมีการสืบพนั ธุ์ และหากไมม่ ีจะสง่ ผลอยา่ งไร ?
การสบื พันธ์ุ การสืบพันธุแ์ บ่งเปน็ กป่ี ระเภท แตล่ ะประเภทแตกตา่ งกันอย่างไร ?
การสบื พันธ์ุ การสบื พันธ์ุแบบอาศัยเพศ การสืบพนั ธุ์แบบไมอ่ าศัยเพศ • อำศยั เซลลส์ บื พนั ธุ์ • มีกำรปฏิสนธิระหวำ่ งสเปิรม์ กบั เซลล์ไข่ • ไม่ตอ้ งอำศยั เซลลส์ ืบพนั ธ์ุ • สงิ่ มีชวี ติ ตวั ใหมจ่ ะมลี กั ษณะบำงประกำรแตกต่ำงกัน • ใชเ้ ซลลร์ ่ำงกำยหรอื ส่วนใดสว่ นหน่งึ ของรำ่ งกำย • พบในสิ่งมชี ีวติ เซลลเ์ ดยี วบำงชนดิ และสิง่ มีชวี ิตหลำยเซลล์ เพ่มิ จำนวน • สงิ่ มีชวี ิตตัวใหมท่ เ่ี กิดขึ้นมีลกั ษณะเหมอื นส่งิ มีชวี ติ ตัวเดมิ ทกุ ประกำร • พบในส่ิงมีชีวติ ทย่ี งั ไมเ่ ป็นเซลล์ สงิ่ มชี ีวติ เซลล์เดยี ว และสงิ่ มีชีวติ หลำยเซลล์
การสบื พันธข์ุ องสตั ว์ การแตกหนอ่ (budding) การสืบพันธุ์แบบไม่อาศยั เพศของสตั ว์ • สงิ่ มชี ีวติ ตัวใหม่งอกออกจำกสง่ิ มีชีวติ ตัวเดิม การงอกใหม่ (regeneration) • พบในไฮดรำ หนอนตัวแบน ฟองนำ้ • ส่วนท่ขี ำดจะงอกเป็นสงิ่ มีชวี ติ ตัวใหม่ • พบในพลำนำเรีย ไสเ้ ดือนดนิ ดำวทะเล ปลิงนำ้ จืด หน่อ
การสืบพนั ธ์ุของสัตว์ พารท์ โี นเจเนซสิ (parthenogenesis) การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของสัตว์ • เพศเมยี ผลติ ไขโ่ ดยไมต่ อ้ งไดร้ บั กำรปฏิสนธิ การหักเป็นทอ่ น (fragmentation) • พบในตกั๊ แตนกงิ่ ไม้และเพล้ยี (ไข่ฟักเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย) • สว่ นของรำ่ งกำยหลดุ เปน็ ทอ่ น แล้วเจริญเป็นสงิ่ มีชวี ิต ส่วนผงึ้ มด ต่อ แตน (ไขฟ่ กั เป็นเพศผ้เู ทำ่ นนั้ ) ตวั ใหม่ • พบในหนอนตวั แบน สำหร่ำยทะเล สำหรำ่ ยไฟ
การสบื พันธุข์ องสตั ว์ ไส้เดอื นดนิ การสบื พนั ธ์แุ บบอาศัยเพศของสตั ว์ • มี 2 เพศในตัวเดียวกนั แต่ปฏสิ นธขิ ำ้ มตัว พลานาเรยี • ไสเ้ ดือนดิน 2 ตัว จับคใู่ ช้ด้ำนทอ้ งแนบกันและสลับหัว • มี 2 เพศในตัวเดยี วกัน แต่ปฏสิ นธขิ ้ำมตวั สลบั หำง เพ่ือแลกเปล่ียนสเปริ ์มและเก็บไวท้ ี่ถุงเก็บสเปิรม์ • พลำนำเรีย 2 ตัวจบั คแู่ ลกเปล่ยี นสเปริ ์ม แลว้ สเปริ ์ม • เมอ่ื ไสเ้ ดือนดินเคลอ่ื นที่ ถุงห้มุ เซลล์ไขจ่ ะเคลือ่ นที่ เคล่ือนไปตำมท่อนำไข่เพ่อื ปฏิสนธิกบั เซลลไ์ ข่ ไปรบั สเปิร์ม แล้วเกดิ กำรปฏิสนธิของเซลล์ไข่กับสเปริ ์ม รงั ไข่ ไคลเทลลมั ชอ่ งสืบพนั ธเ์ุ พศผู้ ทอ่ นาไข่ อณั ฑะ ชอ่ งรบั สเปิร์ม องคชาต ช่องสบื พันธ์เุ พศเมีย ชอ่ งสบื พนั ธุ์
การสบื พันธ์ุของสัตว์ การสบื พันธแ์ุ บบอาศัยเพศของสตั ว์ แมลง • แยกเพศผู้และเพศเมีย • ปฏิสนธภิ ำยในร่ำงกำย ทอ่ นาไข่ รังไข่ • สเปริ ์มถูกหลง่ั จำกองคชำตไปปฏสิ นธกิ ับเซลลไ์ ขท่ ่ีทอ่ นำไข่ สเปอรม์ าทกี า • แมลงเพศเมียบำงชนดิ มสี เปอรม์ ำทกี ำเพ่ือเกบ็ สเปริ ม์ มดลกู ช่องคลอด ต่อมสรา้ งน้าเล้ียง อัณฑะ สเปริ ์ม หลอดนาสเปริ ์ม
การสบื พนั ธุ์ของมนุษย์ ตอ่ มสรา้ งน้าเลยี้ งสเปิร์ม (seminal vesicle) • สรำ้ งน้ำเลี้ยงสเปริ ์มทมี่ สี ภำพเปน็ เบส อวยั วะในระบบสืบพนั ธ์ุเพศชาย • มนี ำ้ กรดอะมโิ น นำ้ ตำลฟรกั โทส และสำรเมอื กเป็นองค์ประกอบ อัณฑะ (testis) ต่อมลูกหมาก (prostate gland) • อยู่ภำยในถุงอณั ฑะ • หลัง่ สำรท่มี สี ภำพเป็นเบสเพ่อื ลดควำมเปน็ กรดในชอ่ งคลอดของเพศหญงิ • ผลติ สเปริ ์มและฮอรโ์ มนเพศชำย ต่อมคาวเปอร์ (Cowper’s gland) • สร้ำงสำรหลอ่ ลื่นที่มสี ภำพเปน็ เบสช่วยใหส้ เปิร์มเคลอ่ื นทไ่ี ด้เร็วขน้ึ และลดควำมเป็นกรดในท่อปสั สำวะ หลอดนาสเปริ ์ม (vas deferens) • มีลกั ษณะเปน็ ท่อ เป็นทำงผ่ำนของสเปิร์มทส่ี รำ้ งจำกอณั ฑะ ถงุ อณั ฑะ (scrotum) หลอดเกบ็ สเปริ ์ม (epididymis) • หอ่ หุ้มอณั ฑะและปรบั อณุ หภูมิ • อย่ดู ำ้ นหลงั อัณฑะ • เกบ็ สเปริ ์มท่ีสรำ้ งมำจำกอณั ฑะจนกว่ำสเปริ ์มจะเจรญิ เตม็ ท่ี องคชาต (penis) • อวัยวะสบื พันธ์ภุ ำยนอกรำ่ งกำย • เปน็ ทำงผ่ำนของปสั สำวะและสเปิรม์ ของอณั ฑะใหต้ ำ่ กว่ำอณุ หภูมิปกติร่ำงกำย ประมำณ 3 องศำเซลเซยี ส
การสืบพันธุข์ องมนุษย์ อวัยวะในระบบสืบพนั ธ์เุ พศหญงิ รงั ไข่ (ovary) • มี 2 อัน คนละข้ำงของมดลูก • ลกั ษณะคล้ำยเม็ดมะม่วงหมิ พำนต์ • ทำหน้ำทผี่ ลติ เซลล์ไขแ่ ละฮอรโ์ มนเพศหญงิ ทอ่ นาไข่ (oviduct) • ทำงเช่ือมตอ่ ระหวำ่ งรังไข่ทง้ั 2 ข้ำงกับมดลูก • เป็นทำงผ่ำนของเซลลไ์ ข่ทอี่ อกจำกรังไข่เขำ้ สู่มดลูก และเปน็ บรเิ วณทสี่ เปริ ม์ ปฏิสนธิกบั เซลลไ์ ข่ มดลูก (uterus) • มรี ูปรำ่ งคลำ้ ยผลชมพูห่ ัวกลบั • อย่บู รเิ วณองุ้ เชงิ กรำนระหวำ่ งกระเพำะปสั สำวะกับทวำรหนกั • เป็นที่ฝังตัวของเซลลไ์ ขท่ ่ไี ด้รับกำรปฏิสนธิและเป็นที่เจริญเตบิ โตของทำรกในครรภ์ ช่องคลอด (vagina) • ผนังช่องคลอดประกอบด้วยกล้ำมเน้ือเรียบตำมขวำงที่ยืดหยุ่นได้ และมีหลอดเลือด และเสน้ ประสำทมำหล่อเลีย้ งจำนวนมำก • เปน็ ทำงผ่ำนของสเปิรม์ เข้ำสมู่ ดลกู และเปน็ ทำงออกของทำรกเม่อื ครบกำหนดคลอด
กระบวนการสร้างเซลลไ์ ข่ โอโอโกเนยี ม (2n) ไมโทซสิ โอโอไซตร์ ะยะแรก (2n) โอโอไซตร์ ะยะสอง (n) ไมโอซิส ������ โอโอทดิ (n) โพลาร์บอดี (n) ไมโอซสิ ������������ คอรป์ สั ลูเทยี ม โพลาร์บอดี (n) โอวมั (n) โอโอไซตร์ ะยะสอง (n)
การปฏสิ นธิและการตง้ั ครรภ์ 4 1. โอโอไซต์ระยะที่สองหลดุ เข้ำสทู่ ่อนำไข่ 3 2. สเปริ ม์ เคล่อื นท่ีเขำ้ หำเซลล์ไข่ เมอ่ื เซลล์ไข่ 2 ถกู กระตุน้ จำกกำรเจำะของสเปิรม์ โอโอไซต์ ระยะท่สี องจะแบง่ เซลล์แบบไมโอซิส II 5 ไดโ้ อโอทดิ 1 เซลล์ ซงึ่ จะเจรญิ เป็นโอวัม และโพลำรบ์ อดี 1 เซลล์ 1 3. นิวเคลียสของสเปิร์มผสมกับนวิ เคลยี ส ของเซลลไ์ ข่เกดิ กำรปฏสิ นธิได้เป็นไซโกต 4. ไซโกตแบ่งเซลลเ์ พ่ิมจำนวนจนเปน็ เอ็มบริโอ 5. เอ็มบริโอเข้ำฝังตวั ที่ผนงั มดลกู ชน้ั เอนโดมเี ทรยี ม สว่ นคอรป์ สั ลูเทียมจะสร้ำงโพรเจสเทอโรนซึ่งทำงำนรว่ มกันกบั อีสโทรเจน ทำใหเ้ ย่อื บุผนังชนั้ ในของมดลูกหนำข้นึ และมหี ลอดเลอื ดฝอยมำหล่อเลย้ี งระหว่ำงกำรตัง้ ครรภ์มำกขึ้น
การเจรญิ เตบิ โตของสัตว์ สตั วแ์ ต่ละชนิดมีการเจริญเติบโต เหมอื นหรือแตกต่างกนั อย่างไร ?
การเจรญิ เติบโตของส่งิ มชี วี ติ 1 การแบ่งเซลล์ (cell division) 2 การเพิ่มขนาดเซลล์หรอื การเตบิ โต (growth) 3 การเปลี่ยนแปลงเป็นเซลลท์ ม่ี ีลักษณะเฉพาะ (cell differentiation) 4 การพัฒนาเปล่ียนแปลงรปู ร่างเปน็ อวัยวะ (morphogenesis)
การเจริญเตบิ โตและการพฒั นาของไซโกต แบ่งตามปริมาณของไข่แดง (amount of yolk) ชนิดอะเลซทิ ัล ชนิดไมโครเลซทิ ัล ชนดิ มีโซเลซิทลั ชนดิ พอลิเลซทิ ลั (alecithal egg) (microlecithal egg) (mesolecithal egg) (polylecithal egg) • มไี ขแ่ ดงสะสมอยนู่ อ้ ยมำกหรอื ไมม่ ีเลย • มีไขแ่ ดงสะสมอยเู่ ลก็ น้อย • มีไขแ่ ดงสะสมอยปู่ ำนกลำง • มไี ขแ่ ดงสะสมอยเู่ ป็นจำนวนมำก • ไขข่ องสตั ว์เล้ยี งลกู ดว้ ยนำ้ นม • ไขข่ องดำวทะเล เมน่ ทะเล • ไดแ้ ก่ ไขข่ องสัตวส์ ะเทนิ น้ำสะเทนิ บก • ไดแ้ ก่ ไข่ของปลำกระดูกออ่ น และแอมฟิออกซสั สตั วเ์ ลอื้ ยคลำย และสตั วป์ ีก แบง่ ตามการกระจายของไข่แดง (distribution of yolk) ชนิดไอโซเลซิทลั ชนดิ เทโลเลซิทลั ชนิดเซนโทรเลซิทัล (isolecithal egg) (telolecithal egg) (centrolecithal egg) • ไข่แดงกระจำยในในไซโทพลำซมึ • ไข่แดงรวมกันอยดู่ ำ้ นใดด้ำนหนึง่ • มีไข่แดงรวมกนั เปน็ กลุ่มอยูต่ รงกลำง อยำ่ งสมำ่ เสมอ หรือกระจำยในไซโทพลำซึมอยำ่ งสม่ำเสมอ และมไี ซโทพลำซมึ ลอ้ มรอบ • ไขข่ องดำวทะเลและเม่นทะเล • ไขข่ องสตั วส์ ะเทนิ น้ำสะเทินบก • ไขข่ องแมลง สตั วเ์ ลอื้ ยคลำน และสตั วป์ กี
การเจริญเตบิ โตและพัฒนาของไซโกต ไซโกต คลีเวจ (cleavage) 2 เซลล์ 4 เซลล์ • ไซโกตแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ ทำใหไ้ ด้เอม็ บริโอทม่ี จี ำนวนเซลล์เพม่ิ ขึน้ 8 เซลล์ แตข่ นำดของเซลล์จะเล็กลงตำมลำดับ มอรูลา • ได้เอม็ บริโอระยะมอรลู า (morula) มีลกั ษณะคลำ้ ยผลน้อยหนำ่ บลาสทูลา บลาสโทซลี บลาสทูเลชนั (blastulation) บลาสทูลาเม่ือผา่ ตามขวาง • เซลลจ์ ดั เรียงตัวใหมโ่ ดยแยกจำกกนั ไปเรียงตวั บรเิ วณผวิ ชั้นนอกเกิด ช่องบลาสโทซีล (blastocoel) • ชน้ั ของเซลลท์ ่ีลอ้ มรอบบลำสโทซีล เรียกว่ำ บลาสโทเมยี ร์ (blastomere) • เรยี กเอม็ บริโอระยะน้ีวำ่ บลาสทูลา (blastula)
การเจริญเติบโตและพัฒนาของไซโกต แกสทรลู า เอนโดเดิร์ม บลาสทูลา เมโซเดิรม์ บลาสโทซีล เอ็กโทเดิรม์ แกสทรูเลชนั (gastrulation) ออร์แกโนเจเนซิส (organogenesis) • เซลล์เคลอ่ื นท่แี ละจัดเรียงตวั เปน็ ชัน้ เนื้อเยื่อ • เนอ้ื เยอื่ ท้ัง 3 ชัน้ ของเอม็ บรโิ อพฒั นำกำรเป็นอวัยวะต่ำง ๆ ดังน้ี โดยเคล่ือนทีใ่ นลักษณะต่ำง ๆ เช่น กำรบมุ่ ตัว กำรคลมุ ตวั - เอก็ โทเดิร์ม (ectoderm) เจริญเป็นระบบประสำท กำรมว้ นตวั กำรแยกตัว และระบบหอ่ หมุ้ รำ่ งกำย • เอม็ บริโอประกอบดว้ ยเนือ้ เยื่อ 3 ชัน้ ได้แก่ เอ็กโทเดริ ์ม - เมโซเดิร์ม (mesoderm) เจริญเป็นระบบตำ่ ง ๆ เมโซเดิร์ม และเอนโดเดริ ์ม และเกิดชอ่ งแกสโทรซีล เชน่ ระบบสืบพันธ์ุ ระบบกลำ้ มเน้อื ระบบหมนุ เวยี นเลือด (gastrocoel) ระบบกระดูก • เรียกเอ็มบริโอระยะน้วี ่ำ แกสทรลู า (gastrula) - เอนโดเดริ ม์ (endoderm) เจริญเป็นระบบหำยใจ ระบบยอ่ ยอำหำรและตอ่ มตำ่ ง ๆ ทเี่ กี่ยวข้องกับระบบย่อยอำหำร
การเจรญิ เติบโตของกบ • ปฏสิ นธิภำยนอกรำ่ งกำย • ไขม่ ีปริมำณไข่แดงปำนกลำง ลกั ษณะกลมลอยอยใู่ นนำ้ เป็นแพ ไม่มเี ปลือกหอ่ ห้มุ แตม่ ีวุ้นหอ่ หุ้มอยโู่ ดยรอบ คลีเวจ บลาสทเู ลชนั แกสทรเู ลชัน • ไซโกตแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิส • เซลลด์ ำ้ นในเคลือ่ นทแี่ ยกออกจำกกัน • เซลลด์ ำ้ นบนแบง่ เซลล์เร็วกว่ำจึงเคล่อื นลงมำคลมุ จนไดเ้ อม็ บริโอแบบมอรูลำ เกดิ ชอ่ งบลำสโทซลี ท่คี อ่ นไปทำงด้ำนบน และดันเซลล์ดำ้ นลำ่ งให้บมุ๋ เขำ้ ไปขำ้ งใน สเปิร์ม บลาสโทซลี • เซลล์ดำ้ นบนเคลื่อนที่ตำม เกิดเน้อื เย่อื 3 ชน้ั เซลล์ไข่ และเกิดชอ่ งแกสโทรซีล บลาสโทพอร์ เอ็กโทเดิร์ม • ปำกของชอ่ งแกสโทรซีลเกิดเปน็ บลำสโทพอร์ เมโซเดิร์ม เอนโดเดิรม์ ออรแ์ กโนเจเนซิส • บลำสโทพอรเ์ จรญิ เปน็ ทำงเดินอำหำร และเกิดเปน็ ทวำรหนกั • สว่ นตรงข้ำมกบั บลำสโทพอรเ์ จรญิ เป็นปำก
การเจริญเตบิ โตของไก่ • ปฏสิ นธภิ ำยในร่ำงกำย • เอ็มบริโอเจริญและพัฒนำเชน่ เดยี วกบั กบ • หลังฟกั จำกไขไ่ ม่มีเมทำมอรโ์ ฟซสิ ไข่แดง (yolk) อำหำรของเอม็ บรโิ อ ไข่ขาว (albumen) ป้องกนั อนั ตรำยและกำรสูญเสยี นำ้ ของเซลล์ไข่ ถุงนา้ คร่า (amnion) ถุงช้ันในทีม่ ีของเหลวบรรจุอยู่ ป้องกนั กำรกระทบกระเทือนและปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ อม็ บริโอแห้ง คอเรียน (chorion) ถงุ ชน้ั นอกท่ีอยู่ใกล้เปลือกไข่ ทำหน้ำทแี่ ลกเปลี่ยนแก๊ส ถงุ แอลแลนทอยส์ (allantois) แลกเปลีย่ นแก๊สกับภำยนอก เก็บของเสียประเภทกรดยูริกสะสมไวจ้ นกระทัง่ ฟกั ออกจำกไข่
การเจรญิ เติบโตของมนษุ ย์ ระยะควเี วจ เอ็มบริโอแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสจนเปน็ เอ็มบรโิ อ ในระยะมอรลู ำ เซลลไ์ ขป่ ฏสิ นธกิ ับสเปริ ์มบริเวณท่อนำไข่ จนไดเ้ ปน็ ไซโกต และจะพฒั นำตอ่ เปน็ เอ็มบรโิ อ วนั ท่ี 7 เอ็มบรโิ อระยะบลำสทลู ำ ฝงั ตัวทผี่ นงั มดลูกชัน้ เอนโดมีเทรยี ม
การเจรญิ เตบิ โตของมนุษย์ สายสะดอื ถงุ น้าครา่ รก อายุ 2 สัปดาห์ เอ็มบรโิ อเขำ้ ส่รู ะยะแกสทรูลำ เกิดเนอ้ื เยือ่ 3 ชั้น ผนงั มดลูก อายุ 3 สัปดาห์ ปรำกฏรอ่ งรอยของอวัยวะ ได้แก่ หัวใจและระบบประสำท อายุ 4 สัปดาห์ อวยั วะต่ำง ๆ เรม่ิ เจริญอยำ่ งชัดเจน เช่น แขน ขำ อายุ 8 สัปดาห์ มีอวัยวะเจรญิ ครบซงึ่ เปน็ ระยะส้ินสุดของเอม็ บรโิ อ หลงั จำกนีเ้ รยี กว่ำ ฟีตัส อายุ 3 เดอื น สำมำรถแยกเพศได้ เห็นนวิ้ มือน้วิ เท้ำชดั เจน อายุ 6 เดอื น ผิวหนงั มีรอยเห่ียวย่นและบำงใส ศีรษะโต มขี นคว้ิ และขนตำ ลมื ตำและหลบั ตำได้ 3 เดอื น สดุ ท้ายก่อนคลอด ฟตี ัสมขี นำดโตขน้ึ มำกและระบบประสำทเจรญิ มำก อายุ 9 เดอื น คลอดออกมำเปน็ ทำรก
การเจริญเติบโตของมนษุ ย์ การเจรญิ เตบิ โตหลงั จากคลอดเปน็ การเพิม่ น้าหนกั และความสูง ซึ่งสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกายจะมกี ารเจริญเติบโตแตกตา่ งกัน เปรยี บเทยี บการเจริญเตบิ โตของความยาวของศรี ษะ ลาตัว และขา แรกเกิด 2 1 ปี 5 ปี 15 ปี 20 ปี 2
การเจรญิ เติบโตของมนษุ ย์ เปรยี บเทยี บการเพ่มิ ขนาดของอวัยวะและเนอื้ เย่ือบางชนิด เนือ้ เยือ่ ท่ีสรา้ งเซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว สมองและศรี ษะ อวยั วะสบื พนั ธุ์ ขนาดของรา่ งกาย
สรปุ การสบื พันธข์ุ องสตั ว์ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท การสบื พันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ • กำรสืบพนั ธท์ุ ีไ่ ม่ตอ้ งอำศยั เซลล์สืบพนั ธุ์ • สตั ว์ตวั ใหม่มลี ักษณะเหมือนสัตวต์ วั เดิมทกุ ประกำร • เชน่ กำรงอกใหม่ พบในพลำนำเรยี ไสเ้ ดอื นดนิ และดำวทะเล กำรแตกหนอ่ พบในไฮดรำ หนอนตัวแบน และฟองน้ำ กำรหกั เปน็ ทอ่ น พบในหนอนตวั แบน สำหร่ำยทะเล และสำหรำ่ ยไฟ พำร์ทโี นเจเนซสิ พบในแมลง การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ • อำศยั เซลล์สบื พนั ธ์ุเพศผู้ คอื สเปริ ม์ และเซลล์สืบพนั ธเุ์ พศเมีย คอื เซลล์ไข่ มำปฏสิ นธิกนั เปน็ ไซโกต เจริญและพฒั นำเป็นเอม็ บริโอ และตวั เต็มวยั ต่อไป • แบ่งออกเปน็ กำรสบื พันธุ์ของสตั วท์ ี่มี 2 เพศในตัวเดยี วกนั พบในพลำนำเรียและไสเ้ ดอื นดนิ กำรสบื พนั ธุ์ของสตั ว์ท่ีมเี พศผแู้ ละเพศเมียแยกกนั เช่น ปลำ แมลง
สรปุ ต่อมสร้ำง ระบบสืบพนั ธ์เุ พศชาย น้ำเลย้ี งสเปิร์ม กระบวนการสร้างสเปริ ์ม เกิดภำยในผนังของหลอดสร้ำงสเปริ ์มทอ่ี ยูใ่ นอัณฑะ เรม่ิ จำก การสบื พนั ธข์ุ องมนุษย์ เซลล์สเปอรม์ ำโทโกเนยี มแบง่ เซลล์แบบไมโทซสิ ได้สเปอรม์ ำโทโกเนยี มจำนวนมำก ตอ่ มลกู หมำก หลอดนำสเปิรม์ ตอ่ มคำวเปอร์ บำงเซลลพ์ ฒั นำเปน็ เซลลส์ เปอรม์ ำโทไซตร์ ะยะแรก (2n) และแบง่ เซลล์แบบไมโอซิส I องคชำต ไดส้ เปอรม์ ำโทไซตร์ ะยะทส่ี อง 2 เซลล์ (n) และแบ่งเซลล์แบบไมโอซสิ II ไดส้ เปอร์มำทดิ 4 เซลล์ (n) ซง่ึ จะเปลี่ยนแปลงรูปรำ่ งและพัฒนำเปน็ สเปอรม์ ำโทซัวหรอื สเปิร์ม หลอดเก็บสเปิร์ม อัณฑะ รังไข่ ระบบสบื พนั ธเ์ุ พศหญงิ ชอ่ งคลอด กระบวนการสร้างเซลล์ไข่ เกดิ ภำยในรังไข่ เร่มิ จำกโอโอโกเนียม (n) ทอ่ี ยใู่ นรงั ไข่ตัง้ แต่ ท่อนำไข่ เปน็ ทำรกในครรภ์แบง่ เซลลแ์ บบไมโทซสิ ไดเ้ ซลล์ใหม่จำนวนมำก เซลล์สว่ นหน่งึ พัฒนำเป็น มดลกู โอโอไซตร์ ะยะแรก (n) ทถี่ กู ล้อมรอบดว้ ยฟอลลิเคิล เม่อื เขำ้ สวู่ ยั เจรญิ พนั ธ์ุ แตล่ ะรอบเดือน โอโอไซตร์ ะยะแรกบำงเซลลจ์ ะถูกกระตนุ้ ให้แบ่งเซลล์แบบไมโอซิส I ได้เปน็ โอโอไซตร์ ะยะ ทีส่ อง 1 เซลล์ (n) และโพลำรบ์ อดี 1 เซลล์ (n) จำกน้ันโอโอไซตร์ ะยะท่ีสองถกู กระตนุ้ ใหต้ ก เขำ้ สู่ท่อนำไข่ และฟอลลิเคิลจะเจริญเป็นคอรป์ ัสลูเทยี ม
สรุป การเจรญิ เติบโตของสตั ว์ ประกอบดว้ ย 4 ระยะ คลีเวจ ไซโกตแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ จนได้เอม็ บรโิ อทป่ี ระกอบดว้ ยกล่มุ เซลลจ์ ำนวนมำก เรยี กวำ่ มอรูลา บลาสทูเลชัน เซลล์จัดเรยี งตัวใหม่โดยแยกจำกกนั ไปเรยี งตวั บริเวณผิวรอบนอก แกสทรูเลชัน เซลล์เคลือ่ นท่ีและจัดเรยี งตัวเปน็ เนอื้ เย่ือ 3 ช้นั ออร์แกโนเจเนซิส เนือ้ เยือ่ ทง้ั 3 ช้นั พฒั นำเปน็ อวัยวะต่ำง ๆ สเปิร์ม การเจรญิ เตบิ โตของกบ เซลล์ไข่ หลงั กำรปฏิสนธิ ไซโกตจะแบ่งเซลลเ์ พ่ิมจำนวนกลำยเปน็ มอรลู ำ ในระยะบลำสทเู ลชันเซลลด์ ำ้ นในเคลื่อนที่ แยกจำกกันทำให้เกดิ ช่องว่ำง (ค่อนไปทำงดำ้ นบน) ในระยะแกสทรูเลชนั เซลลท์ ี่อยูด่ ำ้ นบนแบ่งตัวเรว็ กวำ่ ด้ำนล่ำง จึงเคลอื่ นทีล่ งมำคลุมและดนั เซลลด์ ้ำนลำ่ งไปข้ำงใน และเกิดเนอ้ื เยอ่ื 3 ชน้ั เมื่อตัวอ่อนฟกั เป็นตวั จะเกิดกำร เปลย่ี นแปลงแบบเมทำมอร์โฟซสิ ถงุ นำ้ คร่ำ การเจรญิ เติบโตของไก่ ถุงแอลแลนทอยส์ ไกม่ ีกำรเจริญเตบิ โตคลำ้ ยกบ แต่เอม็ บรโิ อของไก่ถูกหอ่ หุม้ ด้วยถุงนำ้ ครำ่ ชว่ ยป้องกนั กำรกระทบกระเทอื น เอม็ บรโิ อ และถงุ คอเรียนชว่ ยแลกเปลี่ยนแก๊ส และมกี ำรสร้ำงถงุ แอลแลนทอยส์สำหรับแลกเปลย่ี นแกส๊ และเก็บของเสีย ถงุ ไขแ่ ดง เมอื่ ตวั อ่อนฟักเป็นตวั จะไม่เกิดกำรเปลยี่ นแปลงแบบเมทำมอรโ์ ฟซิส คอเรยี น ไข่ขำว
สรุป การเจรญิ เตบิ โตของมนษุ ย์ หลงั กำรปฏสิ นธทิ ท่ี ่อนำไข่ ไซโกตจะแบง่ เซลลเ์ พ่มิ จำนวนและพัฒนำเปน็ เอม็ บริโอ และมีกำรพฒั นำ ดงั น้ี วนั ท่ี 7 เอ็มบรโิ อระยะบลำสทลู ำฝังตัวท่ีผนังมดลูก อายุ 2 สัปดาห์ เอม็ บรโิ อเขำ้ ส่รู ะยะแกสทรูลำ เกิดเนื้อเย่อื 3 ชัน้ อายุ 3 สัปดาห์ ปรำกฏรอ่ งรอยของอวยั วะ ได้แก่ หวั ใจและระบบประสำท อายุ 8 สัปดาห์ มอี วยั วะเจริญครบซง่ึ เปน็ ระยะสิ้นสุดของเอม็ บรโิ อ หลงั จำกนีเ้ รียกวำ่ ฟตี ัส อายุ 3 เดอื น สำมำรถแยกเพศได้ เห็นนว้ิ มือและน้ิวเท้ำชดั เจน อายุ 6 เดือน ผวิ หนังมีรอยเห่ยี วย่นและบำงใส ศีรษะโต มีขนคว้ิ และขนตำ ลมื ตำและหลบั ตำได้ 3 เดือนสุดทา้ ยก่อนคลอด ฟีตสั มขี นำดโตข้ึนมำกและระบบประสำทเจริญมำก อายุ 9 เดอื น คลอดออกมำเปน็ ทำรก
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: