การจาแนกส่งิ มชี ีวิต ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4
เอกสารประกอบการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 เรอ่ื ง การจาแนกสิ่งมีชวี ิต ตามาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) จดั ทาโดย นางสาวปทมุ วดี ชยั ศรี รหสั นักศึกษา 60131113031 นางสาวมทุ ิตราภร มลู เมือง รหัสนักศึกษา 60131113035 นางสาวสุดารา ศรชี มพู รหัสนักศึกษา 60131113037 หมูเ่ รยี น 02 สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์ทว่ั ไป คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสนุ นั ทา
คานา คานา เอกสารประกอบการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 จัดทาเพ่ือใช้ประกอบในกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วยเอกสารประกอบการเรียน 1 เล่ม เรื่อง การจาแนกส่ิงมีชีวิต ซึ่ง กล่าวถึง การจาแนกกลุ่มสิ่งมีชีวิต การจาแนกกลุ่มสิ่งมีชีวิตท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์ การจาแนกกลุ่มพืช และการจาแนกกลุ่มสัตว์ โดยรวมรวมเนื้อหาสาระให้ เหมาะสมกับวัยของนักเรียน ช่วยให้อ่านและเข้าใจได้ง่าย รวมทั้งมี ภาพประกอบและคาบรรยาย ทาให้นักเรียนได้รับความสนุกสนานไปพร้อมกับ การเรียนรู้ ผู้จัดทาหวังอย่างยิ่งว่า เอกสารประกอบการเรียนเล่มน้ี จะเป็น ประโยชน์ต่อครูผู้สอน นักเรียน และผู้ท่ีสนใจในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมด้วย ตนเอง ผู้จัดทา
สารบัญ หนา้ เรอ่ื ง 1 คานา 2 มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชวี้ ดั 5 สาระสาคญั 6 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 7 - การจาแนกกลมุ่ สิ่งมีชวี ติ 8 - แบบฝกึ หัดท่ี 1.1 13 - แบบฝึกหดั ที่ 1.2 14 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 15 - การจาแนกกลุม่ พืช 16 - แบบฝกึ หดั ที่ 2.1 21 - แบบฝึกหดั ที่ 2.2 23 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 24 - การจาแนกกลุ่มสตั ว์ 25 - แบบฝึกหดั ท่ี 3.1 28 - แบบฝึกหดั ท่ี 3.2 29 แบบทดสอบท่ี 1 เร่อื ง การจาแนกส่งิ มชี ีวติ แบบทดสอบที่ 2 เร่ือง การจาแนกสงิ่ มชี วี ิต เฉลยแบบทดสอบท่ี 1 เร่ือง การจาแนกส่งิ มชี วี ิต เฉลยแบบทดสอบที่ 2 เรอ่ื ง การจาแนกสิ่งมชี ีวิต
มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผล ต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทงั้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ตัวช้ีวัด ป.4/1 จาแนกส่ิงมีชีวิตโดยใช้ความเหมือน และความแตกต่างของ ลกั ษณะของส่งิ มชี ีวิต ออกเปน็ กลุม่ พชื กล่มุ สัตว์ และกลมุ่ ทีไ่ ม่ใชพ่ ืชและสัตว์ ตัวช้ีวัด ป.4/2 จาแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก โดยใช้การมีดอก เปน็ เกณฑ์ โดยใชข้ ้อมลู ท่รี วบรวมได้ ตัวชวี้ ัด ป.4/3 จาแนกสัตว์ออกเปน็ สัตวม์ ีกระดกู สนั หลังและ สตั ว์ไม่มีกระดูก สันหลัง โดยใชก้ ารมีกระดกู สู ันหลังเปน็ เกณฑ์ โดยใช้ขอ้ มลู ที่รวบรวมได้ ตัวชว้ี ดั ป.4/4 บรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังใน กลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก กลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน กลุ่มนก และ กลุ่มสัตว์เลยี้ งลกู ด้วยนา้ นม และยกตัวอย่างสง่ิ มชี วี ติ ในแต่ละกลมุ่
สาระสาคญั การจาแนกสิ่งมีชีวิตสามารถจาแนกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลมุ่ พืช กล่มุ สัตว์ และกลุ่มท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์ โดยเกณฑ์ท่ีใช้ในการจาแนกคือ การสร้างอาหารและการเคล่ือนที่ ซ่ึงแต่ละกลุ่มสามารถจาแนกกลุ่มย่อยได้ หลายกลุ่ม โดยใช้โครงสร้าง ลกั ษณะ และสว่ นประกอบของส่ิงมีชีวิตเป็นเกณฑ์ ในการจาแนก หนังสอื วิทาศาสตร์ ป.4
เร่อื งการจาแนกส่งิ มีชีวิต หน่วยที่ 1 การจาแนกกลุ่มส่งิ มีชวี ิต หนว่ ยท่ี 2 การจาแนกกลมุ่ พชื หน่วยที่ 3 การจาแนกกล่มุ สตั ว์
1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 การจาแนกกลุม่ สงิ่ มชี วี ิต การจาแนก 1หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ กลมุ่ สิง่ มชี ีวิต ส่ิงมีชีวิตบนโลกใบนี้มีมากมายหลายชนิด มีลักษณะบางอย่าง เหมือนกันและแตกต่างกันซ่ึงสามารถนามาใช้เป็นเกณฑ์ในการจาแนก สิง่ มีชีวติ ออกเปน็ กลมุ่ พืช กลมุ่ สตั ว์ และกลมุ่ ทไ่ี มใ่ ชพ่ ืชและสตั ว์ กลมุ่ พชื กล่มุ สัตว์ การจาแนกกลมุ่ สิ่งมีชวี ิต กล่มุ ท่ไี ม่ใช่พชื และ ไมใ่ ช่สตั ว์ หนงั สือวทิ ยาศาสตร์ ป.4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การจาแนกกลมุ่ สิ่งมีชวี ติ 2 1. การจาแนกกลุ่มสิง่ มีชวี ติ สงิ่ มีชวี ิตคอื อะไร ? ส่ิงมีชีวิต คือ สิ่งท่ีมีตัวตน มีการเจริญเติบโต ตอ้ งการอาหารและพลังงาน ต้องการท่อี ยู่ และสามารถสบื พันธุ์ได้ มีการเคลื่อนที่ เคล่ือนไหวโดยตอบสนองต่อสิ่งเร้า ส่ิงมีชีวิตบน โลกมีหลากหลายชนิด ท้ังท่ีมีขนาดใหญ่จนถึงขนาดเล็กจนมองไม่ เห็นดว้ ยตาเปลา่ เราสามารถจาแนกกลุ่มของส่ิงมีชีวิตได้ 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์ ท่ีเรียกว่า จุลินทรีย์ โดยใช้เกณฑ์ในการจาแนกคือ สามารถสรา้ งอาหารเองไดแ้ ละสร้างอาหารเองไมไ่ ด้ กล่มุ พชื พืช เปน็ สง่ิ มีชวี ติ ที่มสี ามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ไม่สามารถ เคลือ่ นทีไ่ ด้ พชื สามารถสรา้ งอาหารเองไดโ้ ดยการสงั เคราะห์ ด้วยแสง จึงจดั เป็นผูผ้ ลติ พชื เป็นส่งิ มชี วี ติ ที่มปี ระโยชน์มาก เพราะสามารถเป็นอาหาร ยารกั ษาโรค และยงั ใหอ้ อกซเิ จน กับสงิ่ มชี ีวติ อนื่ อกี ด้วย เฟิรน์ (พชื ) ชบา (พชื ) ขา้ ว (พชื ) เพือ่ น ๆ ลองยกตัวอยา่ งพืชรอบตวั ทพี่ บได้ใน หนงั สือวิทยาศาสตร์ ป.4 ชวี ติ ประจาวัน คนละ 3 ชนิด…
3 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 การจาแนกกลุม่ ส่ิงมชี ีวิต 1 กลมุ่ สตั ว์ เรามารูจ้ ักสัตว์กนั ดกี ว่า สัตว์ เป็นส่ิงมีชีวิตที่มีการเจริญเติบโต ไม่สามารถสร้างอาหาร เองได้ ต้องการหาอาหารเพ่ือดารงชีวิต สามารถกินพืชและส่ิงมีชีวิตอ่ืน เป็นอาหารได้ มีความรู้สึก มีการเคลื่อนที่ ตอบสนองต่อส่ิงเร้า เป็น สง่ิ มชี วี ิตทีม่ มี ากมายหลายชนิด มีท้งั อาศยั อยู่บนบกและในน้า หอยทาก (สัตว์) ชา้ ง (สตั ว)์ ตั๊กแตน (สัตว์) กลุ่มส่งิ มีชวี ิตทีไ่ มใ่ ช่พืชและสตั ว์ สงิ่ มชี ีวติ ท่ไี มใ่ ช่พืชและสตั ว์ เปน็ สงิ่ มีชวี ติ ทีไ่ มส่ ามารถ เคลอื่ นท่ีได้ บางชนิดสามารถสร้างอาหารเองได้ บางชนดิ ไม่สมารถสรา้ งอาหารเองได้ ทาหนา้ ทีย่ ่อยสลายสงิ่ มชี วี ติ ชนดิ อน่ื เช่น เหด็ (จุลินทรยี ์) เห็ด เป็นส่ิงมีชีวิตประเภทรา เป็นราท่ีมีวิวัฒนาการสูงกว่ารา ชนดิ อนื่ ๆ แบง่ เปน็ 2 กลมุ่ ใหญ่ ๆ คือ เหด็ กินได้ และ เห็ดพษิ หนังสอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 การจาแนกกลุม่ สง่ิ มชี วี ติ 4 ส่ิงมีชีวิตบางชนดิ ในกลมุ่ นอี้ าจก่อใหเ้ กดิ โรคกบั คน สตั ว์ หรอื พชื ได้ รา คือ จลุ นิ ทรยี ์ชนดิ หนึ่ง พบบริเวณผวิ หนา้ ของ อาหาร อาศยั อยู่ในสิง่ มีชวี ิตอื่น หรือซากสิ่งมชี ีวิต รา (จุลนิ ทรยี )์ ยีสต์ คือ ราชนิดหนึ่ง มีรูปร่างหลายแบบ เช่น กลม รี สามเหลี่ยม รูปร่างแบบมะนาวฝร่ัง ส่วนใหญ่มีการสืบพันธุ์ แบบไมอ่ าศยั เพศ ยสี ต์ (จลุ นิ ทรีย์) แบคทเี รีย เปน็ ส่งิ มชี วี ิตทม่ี จี านวนมากและมีอยู่แทบทกุ ท่ี ทั้งในบา้ น บนทอ้ งถนน ในหอ้ งทางาน ในอาหาร หรือใน ร่างกายของเราเอง แบคทเี รยี บางชนดิ อาจมปี ระโยชนต์ อ่ ร่างกาย และบางชนดิ กอ็ าจทาใหเ้ กดิ อนั ตรายถงึ แก่ชวี ติ แบคทีเรยี (จุลนิ ทรีย์) เพอ่ื น ๆ ทราบหรือไมว่ า่ จลุ นิ ทรยี ์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วย ตาเปล่า นักวิทยาศาสตร์จึงต้องประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ เพื่อศึกษารูปร่าง ลักษณะ การดารงชีวิต และยังศึกษา ประโยชน์และโทษของจุลนิ ทรยี ์ตา่ ง ๆ ดว้ ย กลอ้ งจลุ ทรรศน์ หนงั สอื วิทยาศาสตร์ ป.4
5 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การจาแนกกลมุ่ สิ่งมีชวี ติ แบบฝึกหัดท่ี 1.1 คาช้แี จง : ให้นักเรยี นสังเกตภาพสง่ิ มีชีวติ แลว้ เติมคาศพั ท์สงิ่ มีชวี ิตให้ตรงกบั หมายเลข ในช่องว่างให้ถกู ต้องและจาแนกกลมุ่ สงิ่ มชี วี ติ ใหถ้ กู ต้อง คาใบ้ 2 เลขคี่เป็นแนวนอน 14 เลขค่เู ป็นแนวตง้ั 9 7 3 12 15 1 11 6 กลุ่มสัตว์ 5 4 10 8 13 กลุม่ ไม่ใช่ พืชและสัตว์ กลุม่ พชื หนงั สือวทิ ยาศาสตร์ ป.4
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 การจาแนกกลุม่ ส่งิ มชี ีวิต 6 แบบฝกึ หัดท่ี 1.2 คาชี้แจง : ให้นักเรยี นทาเคร่อื งหมาย ล้อมรอบคาตอบทถี่ ูกตอ้ ง และจาแนกกลุ่ม ส่งิ มชี วี ิตใหถ้ ูกตอ้ งจากรูปภาพทก่ี าหนด ลกั ษณะความเหมือนและความแตกตา่ งของ จาแนกกลุม่ สงิ่ มีชีวิต สงิ่ มชี ีวิต ภาพส่งิ มชี ีวติ เปน็ กลมุ่ พชื กลุ่ม สร้างอาหารเอง กินส่งิ มชี วี ติ อื่น เคลือ่ นท่ดี ้วย สัตว์ และกลุม่ ไม่ใช่ เปน็ อาหาร ตัวเอง พืชไมใ่ ช่สตั ว์ ได้ / ไมไ่ ด้ กนิ / ไมก่ นิ ได้ / ไมไ่ ด้ ได้ / ไม่ได้ กนิ / ไมก่ นิ ได้ / ไม่ได้ ได้ / ไม่ได้ กิน / ไมก่ ิน ได้ / ไมไ่ ด้ ได้ / ไม่ได้ กิน / ไมก่ ิน ได้ / ไมไ่ ด้ ได้ / ไม่ได้ กิน / ไมก่ นิ ได้ / ไมไ่ ด้ ได้ / ไมไ่ ด้ กนิ / ไม่กนิ ได้ / ไมไ่ ด้ ได้ / ไมไ่ ด้ กนิ / ไม่กิน ได้ / ไมไ่ ด้ หนงั สอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4
7 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การจาแนกกล่มุ พืช การจาแนก 2หนว่ ยการเรียนรู้ที่ กลมุ่ พชื พืชท่ีพบเห็นอยู่รอบ ๆ ตัวเรามีอยู่มากมายหลายชนิด นักวิทยาศาสตร์จึงจาแนกพืชไว้เป็นกลุ่ม ๆ เพื่อให้สะดวกในการศึกษา โดยกาหนดเกณฑใ์ นการจาแนกพชื ดังนี้ กลุ่มพืช กลมุ่ สัตว์ การจาแนกกลุ่ม พืช กลุ่มท่ไี ม่ใช่พชื และ ไมใ่ ชส่ ัตว์ หนงั สอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 การจาแนกกลุ่มพชื 18 2. การจาแนกกลุม่ พชื พืชทอี่ ย่บู นโลกมีหลากหลายชนดิ เปน็ สง่ิ มีชีวิตท่ีสามารถสร้าง อาหารเองได้ มที ง้ั ดารงชีวิตอย่ใู นนา้ และบนบก พืชแตล่ ะชนิดมี โครงสร้างและลักษณะเฉพาะตวั ทเี่ หมาะสมตามสภาพแวดลอ้ ม หรือแหลง่ ทอี่ ยูอ่ าศยั การจาแนกพืชสามารถใชเ้ กณฑ์ต่าง ๆ ไดห้ ลายเกณฑ์ เชน่ แหลง่ ทอ่ี ยู่ รปู รา่ งและ ลักษณะโครงสร้าง การจัดกลุม่ พืชโดยใช้ ดอกเปน็ เกณฑส์ ามารถจาแนกได้ 2 กลุม่ คือ พชื ไมม่ ีดอก และ พชื มีดอก พืชไมม่ ดี อก ใบ (Leaf) ลาตน้ (Stem) ราก (Root) รูปโครงสร้างพืชไม่มดี อก (เฟิรน์ ) พืชไม่มีดอก เป็นพืชช้ันต่า ขยายพันธ์ุด้วยสปอร์ สามารถสร้าง อาหารได้เหมือนพืชมีดอก เป็นพืชท่ีเจริญเติบโตเต็มท่ีแล้วจะไม่มี ดอก มีสว่ นประกอบคอื ราก ลาต้น และ ใบ หนังสือวทิ ยาศาสตร์ ป.4
9 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 การจาแนกกลุ่มพืช 9 ตัวอย่างพชื ไม่มีดอก เช่น มอส เฟิรน์ สน ปรง ผักแวน่ สาหร่าย ตะไครน่ ้า เปน็ ตน้ มอส เฟริ ์น ปรง ผักแว่น พชื มดี อก ดอก (Flower) ใบ (Leaf) ลาตน้ (Stem) ราก (Root) รปู โครงสร้างพืชมดี อก (ทานตะวัน) พืชมีดอก เป็นพชื ชั้นสูง มีดอกเพ่ือใช้ในการสืบพันธ์ุ เป็นพืชท่ี เจริญเติบโตเต็มท่ีแล้วจะมีส่วนประกอบต่าง ๆ ครบถ้วน คือ ดอก ราก ลาต้น และ ใบ หนังสอื วิทยาศาสตร์ ป.4
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 การจาแนกกล่มุ พืช 10 ตวั อยา่ งพชื มีดอก เช่น ตอ้ ยตงิ่ กุหลาบ ชบา ทานตะวัน บวั มะลิ มะม่วง ลาไย ถัว่ พริก ขา้ ว เป็นตน้ กหุ ลาบ มะลิ ตอ้ ยติ่ง ทานตะวัน เราสามารถใช้เกณฑใ์ ดในการจาแนกกลมุ่ พืชไดอ้ ีกบา้ ง ? เพื่อน ๆ ทราบหรือไม่ว่า นอกจากเราจะ จาแนกกลมุ่ พชื โดยการใชด้ อกเป็นเกณฑ์แล้ว เรายังสามารถใช้ลักษณะอ่ืน ๆ มาเป็นเกณฑ์ ในการจาแนกพชื ได้ดว้ ย เชน่ การจาแนกโดย ใช้ใบเป็นเกณฑ์ สามารถจาแนกได้ 2 กลุ่ม คอื พชื ใบเล้ยี งเด่ยี ว และ พชื ใบเล้ยี งคู่ หนังสือวทิ ยาศาสตร์ ป.4
11 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การจาแนกกลุ่มพชื รูปโครงสร้างพชื ใบเลยี้ งเดี่ยว (ขา้ ว) พชื ใบเล้ียงเด่ยี ว • กลบี ดอกมีจานวน 3 หรอื ทวคี ณู ของ 3 • ลักษณะใบเรยี วยาว เสน้ ใบเรยี งตวั ขนาน • ลาตน้ เปน็ ปลอ้ งชัดเจน • มใี บเล้ียง 1 ใบ ระยะท่งี อกออกจากเมลด็ • มรี ะบบรากฝอย ตัวอย่างพชื ใบเล้ยี งเดยี่ ว เชน่ ขา้ ว หญ้า ไผ่ กล้วยไม้ พทุ ธรักษา เป็นตน้ ข้าว กล้วยไม้ ไผ่ รปู โครงสร้างพชื ใบเล้ียงคู่ พืชใบเลีย้ งคู่ • กลบี ดอกมจี านวน 4-5 หรอื ทวคี ูณของ 4-5 • ใบกวา้ งเสน้ ใบแตกแขนงเป็นรา่ งแห • ลาตน้ เป็นข้อปลอ้ งไมช่ ัดเจน • มใี บเลย้ี ง 2 ใบ ในระยะทงี่ อกออกจากเมล็ด • มรี ะบบรากแก้ว เพ่อื น ๆ ลองยกตวั อย่างพชื ใบเลีย้ งคทู่ ี่เคยพบเจอในชวี ิตประจาวนั หนังสือวทิ ยาศาสตร์ ป.4
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 การจาแนกกลุม่ พืช 12 ตวั อยา่ งพืชใบเลย้ี งคู่ เช่น พรกิ ถ่ัว เฟอื่ งฟา้ จาปี ทวิ ลปิ เปน็ ตน้ พริก ถ่ัว เฟื่องฟา้ จาปี เมื่อเพ่ือน ๆ ทราบแล้วว่า เราสามารถจาแนกกลุ่ม พืชได้เป็น พืชไม่มีดอก พืชมีดอก พืชใบเล้ียงคู่ และ พืชใบเล้ียงเดี่ยว เรามาทาแบบฝึกหัดเพื่อ ทดสอบความเข้าใจกันดีกวา่ … หนังสือวิทยาศาสตร์ ป.4
13 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การจาแนกกลมุ่ พืช แบบฝกึ หดั ท่ี 2.1 คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นเติมคาตอบลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง โดยจาแนกระหว่าง พชื มดี อก และ พืชไมม่ ีดอก มอส เฟอ่ื งฟ้า ข้าว ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. กลว้ ยไม้ เฟิร์น กุหลาบ ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ปรง มะลิ สน ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. หนังสอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การจาแนกกลมุ่ พืช 14 แบบฝึกหัดที่ 2.2 คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นทาเคร่อื งหมาย ลงในตาราง และเขียนลักษณะภายนอก ที่สงั เกตได้ของพืชทก่ี าหนดให้ พืช พืชใบเลีย้ ง พืชใบเลี้ยงคู่ ลกั ษณะภายนอกทีส่ ังเกตได้ เดีย่ ว หญ้า ชบา ออ้ ย ข้าวโพด ทานตะวนั ไผ่ มะมว่ ง หนังสอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4
15 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การจาแนกกลมุ่ สัตว์ การจาแนก 3หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี กลุ่มสัตว์ นกั วทิ ยาศาสตร์จาแนกสัตว์ออกเป็น 2 ประเภท โดยอาศัยโครงรา่ งกระดูดสันหลงั ได้แก่ สัตวไ์ ม่มกี ระดูกสนั หลงั และ สตั ว์มีกระดกู สันหลงั การจาแนกกลุ่มสตั ว์ สัตวไ์ ม่มกี ระดูกสนั หลงั สตั ว์มกี ระดูกสนั หลัง สตั วจ์ าพวกฟองน้า กลุ่มปลา สัตว์จาพวกลาตวั เปน็ ปลอ้ ง กลมุ่ สัตว์สะเทนิ น้าสะเทนิ บก สตั ว์จาพวกลาตวั กลม กลุ่มสัตว์เล้อื ยคลาน สตั วจ์ าพวกลาตวั แบน กลมุ่ สัตว์ปีก สัตวจ์ าพวกหอยและหมกึ กล่มุ สัตว์เลีย้ งลกู ดว้ ยน้านม สัตวจ์ าพวกผวิ ขรุขระ สตั วจ์ าพวกลาตวั กลวง สตั วท์ ี่มขี าเป็นข้อ หนงั สือวทิ ยาศาสตร์ ป.4
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การจาแนกกลมุ่ สตั ว์ 16 3. การจาแนกกลุ่มสัตว์ สตั ว์ทีอ่ ยู่บนโลกมหี ลายชนดิ แต่ละชนิดจะมโี ครงสร้าง อวยั วะ และลักษณะเฉพาะตัวที่เหมาะสมกับสภาวะแวดลอ้ ม สามารถ จาแนกสตั ว์โดยใชเ้ กณฑ์โครงสร้างของรา่ งกายไดเ้ ปน็ 2 กลุ่ม คอื สัตวม์ กี ระดกู สนั หลัง และ สัตวไ์ มม่ ีกระดกู สนั หลงั สตั วไ์ มม่ ีกระดูกสนั หลัง สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง คือกลุ่มสัตว์ท่ีไม่มี กระดูกเป็นแกนกลางภายในร่างกาย ไม่มีไข สันหลัง มีโครงสร้างทางร่างกายท่ีหลากหลาย สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทได้ ดังนี้ สัตวไ์ มม่ ีกระดูกสนั หลงั • สัตวจ์ าพวกฟองน้า มีลักษณะคลา้ ยพชื สว่ นใหญ่อยู่ใน น้าเค็ม เกาะติดอยู่กับท่ี ลาตัวเป็นโพรง มีรูพรุน สืบพันธุ์ แบบอาศยั เพศและไมอ่ าศัยเพศ เชน่ ฟองนา้ ฟองน้า • สตั วจ์ าพวกลาตัวเปน็ ปล้อง มลี าตวั ยาวเป็นปล้องคลา้ ย วงแหวนเรยี งต่อกัน มีผิวหนังเปียกชื้นเพ่ือการแลกเปล่ียน ก๊าซในการหายใจ เชน่ ไสเ้ ดอื นดิน ปลงิ ไส้เดอื นดนิ หนงั สอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4
17 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การจาแนกกลุ่มสตั ว์ 17 • สัตว์จาพวกลาตัวกลม มีลาตัวนิ่ม กลมยาว ไม่มีขา ผิวเรียบ เป็นปล้อง ดารงชีวิตเป็นปรสิตในร่างกายคน และสัตว์ สบื พันธุแ์ บบอาศัยเพศ เช่น พยาธไิ ส้เดือน พยาธไิ ส้เดือน • สตั ว์จาพวกลาตวั แบน ลาตัวนม่ิ แบนยาว มปี าก แต่ไม่ มที วารหนกั สืบพนั ธุไ์ ดท้ งั้ แบบอาศยั เพศ และไมอ่ าศัยเพศ ดารงชีวติ แบบปรสิต เช่น พยาธิตวั ตดื พยาธิใบไม้ในตบั พยาธใิ บไม้ พยาธติ า่ ง ๆ เขา้ สูร่ า่ งกายของเราได้โดยการกินอาหาร ดิบหรืออาหารท่ีไม่ผ่านการปรุงสุก ดังน้ันเราควร รบั ประทานอาหารที่ผ่านความร้อน หรือปรงุ สกุ ใหมๆ่ • สตั วจ์ าพวกหอยและหมึก อาศัยทั้งบนบกและในน้า มีลาตัวน่ิม บางชนิดมีเปลือกแข็งห่อหุ้มลาตัว มีการ สบื พันธุ์แบบอาศยั เพศ เชน่ หอยต่าง ๆ และหมึก หอยทาก • สตั ว์จาพวกผวิ ขรขุ ระ มีลาตวั หยาบ และขรุขระ มีการ สืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ ไม่มีส่วนหัว ใต้ ลาตัวมีท่อขนาดเล็กจานวนมากท่ีใช้สาหรับการเคลื่อนที่ เช่น ดาวทะเล เม่นทะเล ดาวทะแล หนังสอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 การจาแนกกลมุ่ สตั ว์ 18 • สัตว์จาพวกลาตัวกลวงหรือลาตัวมีโพรง ส่วนใหญ่ อาศัยอยู่ในน้าเค็ม ลาตัวใสคล้ายวุ้น มีรูปร่างคล้าย ทรงกระบอก ลาตัวเป็นโพรง สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและ ไม่อาศัยเพศ เช่น ไฮดรา แมงกะพรนุ และปะการัง แมงกะพรนุ • สัตว์ที่มีขาเป็นข้อ มีขาเป็นข้อ ๆ ลาตัวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหวั สว่ นอก และสว่ นทอ้ ง มเี ปลือกแขง็ หุ้มลาตัวสืบพันธ์ุ แบบอาศยั เพศ ออกลกู เป็นไข่ เชน่ มด ผเี สื้อ กุ้ง และ ปู มด ตอ่ ไปเราไปรจู้ ักสัตว์มกี ระดูกสันหลงั กนั ต่อเลย… สตั ว์มีกระดกู สนั หลัง สตั วม์ กี ระดกู สันหลัง สัตวม์ ีกระดูกสันหลัง คอื สัตว์ทม่ี กี ระดูกเปน็ ขอ้ ๆ อยูภ่ ายในร่างกาย และทา หนา้ ทเี่ ปน็ แกนกลางของลาตัว ชว่ ยใหร้ ่างกายคงรูปทแ่ี นน่ อนอยู่ได้ ส่วนมาก มขี นาดใหญ่อาศยั อยู่ท้งั ในน้าและบนบก หนังสือวิทยาศาสตร์ ป.4
19 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การจาแนกกลุ่มสตั ว์ 1 สัตวม์ กี ระดกู สันหลงั สามารถแบง่ ออกเปน็ หลายประเภท ดังน้ี • กลุ่มปลา เป็นสัตว์เลือดเย็น อาศัยอยู่ในน้าจืด และ น้าเค็ม หายใจโดยใช้เหงือก มีครีบช่วยในการเคล่ือนท่ี วางไข่จานวนมากในน้า เช่น ปลากัด ม้าน้า ปลาตะเพียน ปลาการต์ ูน เป็นตน้ ปลากดั ปลาตะเพียน ม้าน้า • กลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก เป็นสัตว์เลือดเย็น ผิวหนังเปียกชื้น ตัวอ่อนจะ หายใจโดยใช้เหงือก อาศัยอยู่ในน้า ไม่มีขา เมื่อโตเต็มวัยแล้วจะหายใจโดยใช้ปอด และผิวหนัง อาศยั อยบู่ นบก มี 4 ขา วางไข่ในน้า เช่น กบ เขยี ด คางคก เป็นตน้ กบ เขยี ด คางคก • กลมุ่ สตั ว์เล้ือยคลาน เป็นสัตว์เลือดเย็น หายใจโดยใช้ปอด ผิวหนังแห้ง ลาตัวมีเกล็ด ปกคลุม มี 4 ขาหรือไม่มีขา อาศัยได้ท้ังบนบกและในน้า วางไข่บนบกและไข่มีเปลือก แขง็ ห้มุ บางชนดิ ออกลกู เปน็ ตวั เช่น เตา่ จระเข้ งู จิ้งจก เป็นต้น เต่า จระเข้ งู หนังสอื วิทยาศาสตร์ ป.4
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 การจาแนกกลมุ่ สตั ว์ 20 • กลุ่มสัตว์ปีก เป็นสัตว์เลือดอุ่น หายใจโดยใช้ปอด มีจะงอยปากแข็ง ขนเป็นแผง มี ขา 1 คู่ มีปีก 1 คู่ วางไข่บนบกและไข่มีเปลือกแข็งหุ้ม บางชนิดบินไม่ได้ และบาง ชนิดวา่ ยนา้ ได้ เชน่ นก ไก่ เปด็ หา่ น นกยงู เป็นตน้ นก ไก่ ห่าน • กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม เป็นสัตว์เลือดอุ่น หายใจโดยใช้ปอด มีขนเป็นเส้น ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนบก และมี 4 ขา ตัวอ่อนเติบโตในมดลูกของเพศเมีย มีต่อม น้านมใช้เล้ียงลกู อ่อน ส่วนใหญอ่ อกลูกเปน็ ตวั เช่น โลมา วาฬ สนุ ัข คน เป็นตน้ โลมา สนุ ขั ลิง ตอนน้ีเราทราบแล้วว่า การจาแนกสัตว์โดยใช้ เกณฑ์โครงสร้างของร่างกาย เราสามารถจาแนก สัตว์ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ สัตว์มีกระดูกสันหลัง และสตั ว์ไม่มีกระดกู สันหลัง เพ่ือน ๆ เขา้ ใจความแตกตา่ งของสัตว์แลว้ ใชไ่ หม เราลองไปทดสอบความรู้กนั ดกี วา่ … หนงั สือวิทยาศาสตร์ ป.4
21 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 การจาแนกกลุ่มสตั ว์ 21 แบบฝึกหดั ท่ี 3.1 คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนทาเครอ่ื งหมาย ลอ้ มรอบคาตอบที่ถกู ตอ้ ง และจาแนกกลุ่ม ส่ิงมชี ีวติ ตามลักษณะเฉพาะ ประเภทของสัตว์ ชนดิ ของสตั ว์ สตั วม์ กี ระดูกสันหลงั หรือไม่ แบ่งกลุ่มสตั ว์ตามลกั ษณะเฉพาะ ทส่ี ังเกตได้ 1. ฟองนา้ มกี ระดูกสันหลงั ไมม่ ีกระดกู สันหลัง 2. ปลงิ มีกระดูกสันหลัง 3. พยาธิไสเ้ ดอื น ไม่มกี ระดูกสันหลัง 4. พยาธิใบไม้ มีกระดูกสนั หลัง ไม่มีกระดูกสนั หลัง มีกระดกู สนั หลงั ไม่มกี ระดูกสนั หลัง 5. หมกึ มีกระดูกสันหลงั ไมม่ ีกระดกู สนั หลัง 6. ดาวทะเล มีกระดูกสันหลัง ไมม่ กี ระดกู สนั หลงั หนงั สอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 การจาแนกกล่มุ สัตว์ 22 เพือ่ น ๆ ทาแบบฝึกหัดตอ่ จากหน้าที่แล้วกนั เลย … ประเภทของสตั ว์ ระบชุ นิดของสตั ว์ สตั ว์มีกระดูกสนั หลงั หรอื ไม่ แบ่งกล่มุ สตั วต์ ามลกั ษณะเฉพาะ 7. ไฮดรา ทสี่ งั เกตได้ 8. ผเี สอื้ มกี ระดกู สันหลัง ไมม่ กี ระดกู สันหลัง มกี ระดกู สันหลงั ไมม่ กี ระดกู สันหลัง 9. ปลาทอง มกี ระดูกสนั หลงั ไม่มีกระดกู สันหลงั 10. กบ มกี ระดูกสันหลงั 11. จระเข้ ไม่มีกระดูกสันหลัง 12. ไก่ มีกระดูกสันหลัง ไมม่ ีกระดกู สนั หลัง มีกระดกู สนั หลงั ไม่มกี ระดูกสนั หลงั 13. สุนขั มกี ระดกู สันหลงั ไม่มกี ระดกู สนั หลงั หนังสอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4
23 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การจาแนกกลุ่มสัตว์ 23 แบบฝึกหัดท่ี 3.2 คาชีแ้ จง :ให้นักเรียนเลอื กคาในกล่องข้อความทีเ่ ปน็ ชือ่ ของสตั ว์มาเติมลงในชอ่ งว่าง ให้ถกู ต้อง ฟองนา้ ไส้เดือนดิน เม่นทะเล พยาธิไส้เดือน ไก่ คางคก หอย พยาธิตัวตดื ม้าน้า มด จิ้งจก แมงกะพรนุ คน สัตว์มกี ระดูกสัน หลัง สตั ว์ไมม่ ีกระดกู สันหลัง หนงั สือวทิ ยาศาสตร์ ป.4
24 แบบทดสอบที่ 1 เร่ือง การจาแนกส่ิงมชี ีวติ คาช้แี จง : ใหน้ ักเรียนทาเครอ่ื งหมาย หนา้ ข้อความทถี่ ูกต้อง และทาเครอื่ งหมาย หนา้ ข้อท่ผี ดิ _____ 1. สง่ิ มีชวี ติ คอื สงิ่ ท่มี ตี ัวตน มกี ารเจรญิ เติบโต ต้องการอาหารและพลังงาน ต้องการ ทอ่ี ยู่ สามารถสืบพนั ธุไ์ ด้ มีการเคล่อื นที่ เคลอ่ื นไหวโดยตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ _____ 2. พชื เปน็ ส่งิ มีชีวติ ทม่ี ีสามารถเคลอื่ นไหวได้ และเคลอื่ นทไ่ี ด้ _____ 3. สตั ว์ เป็นส่ิงมีชีวติ ทีม่ ีการเจรญิ เติบโต ไมส่ ามารถสร้างอาหารเองได้ _____ 4. พชื ไม่มดี อก เปน็ พืชชน้ั ต่า เม่ือเจรญิ เตบิ โตเตม็ ท่แี ล้วจะไม่มีดอก _____ 5. พชื มีดอก เป็นพชื ชัน้ ตา่ มดี อกเพ่ือใช้ในการสบื พนั ธุ์ เม่อื เจริญเติบโตเต็มทแ่ี ลว้ จะมีสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ครบถว้ น _____ 6. พชื ใบเลีย้ งเด่ียว คือ พชื ทม่ี ีใบเลย้ี งเพียงใบเดียว มรี ะบบรากเป็นรากแกว้ มลี ักษณะใบเรยี วยาวและตัง้ ตรง โดยมีเสน้ ใบเรียงตวั กันในแนวขนาน _____ 7. พชื ใบเล้ยี งคู่ คอื พืชท่ีมใี บเลย้ี ง 2 ใบ ใบมีลักษณะกวา้ ง เส้นใบแตกแขนงเป็นรา่ งแห _____ 8. สัตวไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั คือกลุ่มสตั ว์ทไ่ี ม่มกี ระดกู เป็นแกนกลางภายในรา่ งกาย _____ 9. สตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั คอื สตั ว์ท่ีมกี ระดกู เป็นข้อ ๆ อยภู่ ายในรา่ งกาย ทาหน้าทเี่ ป็น แกนกลางของลาตวั ชว่ ยให้ร่างกายคงรูปทแ่ี น่นอนอยู่ได้ _____ 10. มนษุ ย์จัดอยใู่ นกลุ่มสตั วม์ ีกระดูกสันหลัง หนังสือวทิ ยาศาสตร์ ป.4
25 แบบทดสอบที่ 2 เรือ่ ง การจาแนกสิง่ มีชวี ิต คาช้แี จง : จงกาเครอ่ื งหมาย X ทบั ตัวอกั ษร ก ข ค ง ทถ่ี ูกตอ้ งทส่ี ดุ เพียงข้อเดยี ว 1. ขอ้ ใดต่อไปนค้ี อื ความหมายของส่ิงมีชีวิต ก. สิ่งทม่ี ีตัวตน มกี ารเจรญิ เติบโต ข. มกี ารเคล่ือนที่ เคลื่อนไหวโดยตอบสนองต่อส่งิ เรา้ ค. ต้องการอาหารและพลังงาน ตอ้ งการทอ่ี ยู่ และสามารถสืบพนั ธุไ์ ด้ ง. ถูกทกุ ข้อที่กลา่ วมา 2. ส่ิงมชี ีวิตขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีไมใ่ ช่ความหมายของพชื ก. เปน็ ผูผ้ ลติ ข. เป็นสง่ิ มีชีวติ ท่มี สี ามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ไม่สามารถเคลื่อนทไ่ี ด้ ค. ไมส่ ามารถสรา้ งอาหารเองได้ ต้องมีการหาอาหารเพ่ือดารงชีวติ ง. เปน็ ส่งิ มีชีวติ ทสี่ ามารถสรา้ งอาหารเองไดโ้ ดยการสังเคราะห์ด้วยแสง 3. เหตุใดสิ่งมีชีวิตกลมุ่ สัตวต์ ้องมกี ารหาอาหารเพ่อื ดารงชวี ิต ก. ส่งิ มีชีวิตกลุ่มสตั วไ์ มส่ ามารถสร้างอาหารเองได้ ข. สง่ิ มชี ีวิตกลุ่มสตั วส์ ามารถสรา้ งอาหารเองได้ ค. สงิ่ มชี ีวิตกลุ่มสตั ว์เปน็ สิ่งมีชีวติ ท่ีไมม่ ีการเจรญิ เติบโต ง. สิ่งมชี วี ิตกลมุ่ สัตว์จดั เป็นผู้ผลิตจึงตอ้ งมีการหาอาหารเพอื่ ดารงชวี ติ 4. ส่งิ มชี วี ิตชนิดใดต่างจากพวก ก. เห็ด ข. มะมว่ ง ค. เชื้อรา ง. แบคทเี รยี 5. กลมุ่ สง่ิ มีชีวิตใดสามารถสร้างอาหารเองได้ ก. สิง่ มีชวี ติ กลมุ่ พชื ส่ิงมีชวี ติ กลุ่มสตั ว์ ข. สง่ิ มชี วี ิตกลมุ่ สตั ว์ กลมุ่ ไม่ใช่พชื ไมใ่ ช่สัตว์ ค. สิง่ มีชวี ิตกลมุ่ พืช กลมุ่ ไม่ใชพ่ ืชไมใ่ ช่สตั ว์ ง. สิง่ มีชีวิตกลมุ่ สตั ว์ ส่งิ มชี ีวิตกลุ่มพืช กลุ่มไมใ่ ช่พืชไม่ใช่สัตว์ หนงั สอื วิทยาศาสตร์ ป.4
26 6. ขอ้ ใดคอื ความหมายของพชื ไม่มีดอก ก. เป็นพชื ช้ันสูงขยายพนั ธุ์ดว้ ยสปอร์ ข. เปน็ พชื ชน้ั ต่าขยายพนั ธด์ุ ้วยสปอร์ ไมส่ ามารถสรา้ งอาหารไดเ้ หมือนพืชมดี อก ค. เปน็ พืชช้นั ต่าขยายพันธ์ุดว้ ยดอก เม่ือเจริญเตบิ โตเต็มท่ีแล้วจะไม่มีดอก ง. เปน็ พชื ชนั้ ต่าขยายพนั ธดุ์ ว้ ยสปอร์ สามารถสรา้ งอาหารไดเ้ หมอื นพชื มีดอก เมอื่ เจรญิ เติบโตเต็มทแี่ ลว้ จะไม่มดี อก มสี ่วนประกอบคอื ราก ลาตน้ และใบ 7. ขอ้ ใดคือส่วนประกอบของพืชมีดอก ก. ดอก ข. ดอก ราก ค. ดอก ราก ลาตน้ ง. ดอก ราก ลาต้น ใบ 8. ข้อใดตอ่ ไปนี้ไม่ใชล่ กั ษณะกลีบดอกของพชื ใบเลีย้ งเดยี่ ว ก. ส่วนของกลีบดอกจะมีจานวน 3 กลีบ ข. สว่ นของกลีบดอกจะมจี านวน 4 กลบี ค. ส่วนของกลบี ดอกจะมีจานวน 6 กลีบ ง. สว่ นของกลบี ดอกจะมีจานวน 9 กลบี 9. พชื ใบเล้ยี งคมู่ ลี ักษณะดังตอ่ ไปนย้ี กเว้นข้อใด ก. เปน็ พชื ทมี่ ีใบเลยี้ ง 2 ใบ ข. เป็นพืชทีม่ ีใบเลีย้ งใบเดยี ว ค. เมื่อเจริญเติบโตเต็มทแ่ี ล้วจะเห็นข้อและปล้องในสว่ นของลาตน้ ไม่ชัดเจน ง. ใบมลี กั ษณะกว้าง เส้นใบแตกแขนงเปน็ ร่างแห รากเป็นระบบรากแก้ว 10. ข้อใดตอ่ ไปนเ้ี ปน็ พชื ใบเลีย้ งคทู่ ัง้ หมด ก. พริก ถัว่ ข. พริก ขา้ ว ค. จาปี หญ้า ง. จาปี ไผ่ หนังสือวทิ ยาศาสตร์ ป.4
27 27 11. สัตวไ์ ม่มกี ระดกู สันหลงั มีลกั ษณะดังขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี ก. ไม่มีไขสันหลงั หรอื กระดกู สันหลัง ข. กล่มุ สัตวท์ ไ่ี ม่มีกระดูกเปน็ แกนกลางภายในร่างกาย ค. เช่น ปลิง พยาธิ หอย หมกึ ง. ถกู ทั้งขอ้ ก ข และ ค 12. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถกู ตอ้ งเก่ยี วกับสตั ว์จาพวกขาเปน็ ข้อ ก. เป็นสัตวไ์ มม่ ีกระดกู สนั หลงั ข. เปน็ สตั วม์ กี ระดกู สนั หลงั ค. มีเปลือกแข็งห่อหมุ้ รา่ งกาย ง. มลี กั ษณะขาตอ่ กนั เป็นขอ้ ลาตวั สามารถแบ่งออกเปน็ 3 สว่ น คือ ส่วนหัว อก และทอ้ ง 13. สตั วม์ กี ระดูกสันหลังมีลักษณะดังขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ ก. สตั วท์ ไ่ี มม่ ีกระดูกอยู่ภายในร่างกาย ข. สัตวท์ ม่ี ลี าตวั กลวงหรือลาตัวมโี พรง ส่วนใหญอ่ าศัยอยู่ในนา้ เคม็ ค. สัตวท์ มี่ ขี าต่อกนั เปน็ ขอ้ ลาตวั แบง่ ออกเป็น 3 สว่ น คอื ส่วนหัว อก และทอ้ ง ง. สัตวท์ มี่ ีกระดกู เปน็ ขอ้ ๆ อยภู่ ายในรา่ งกาย ทาหนา้ ที่เปน็ แกนกลางของลาตัว 14. ข้อใดตอ่ ไปนี้ไมใ่ ช่ลักษณะของสัตว์สะเทนิ นา้ สะเทินบก ก. เปน็ สตั วเ์ ลือดเย็น ข. เปน็ สตั ว์เลือดเย็นอนุ่ ค. ตัวอ่อนจะหายใจโดยใชเ้ หงือก อาศัยในนา้ ไมม่ ีขา ง. ตัวโตเต็มวัยจะหายใจโดยใช้ปอดและผิวหนัง อาศยั อย่บู นบก มี 4 ขา วางไข่ในน้า 15. ข้อใดต่อไปนเี้ ปน็ สตั ว์มีกระดูกสันหลงั ท้งั หมด ก. กบ จง้ิ จก ข. ไก่ สุนัข ค. คางคก หอย ง. โลมา เต่า หนงั สอื วทิ ยาศาสตร์ ป.4
28 เฉลยแบบทดสอบท่ี 1 เรอื่ ง การจาแนกสิง่ มีชีวิต _____ 1. สงิ่ มีชวี ิต คือ สิ่งท่มี ตี วั ตน มกี ารเจริญเติบโต ตอ้ งการอาหารและพลังงาน ต้องการ ทอี่ ยู่ สามารถสืบพันธไ์ุ ด้ มกี ารเคล่อื นท่ี เคล่อื นไหวโดยตอบสนองต่อส่ิงเรา้ _____ 2. พชื เป็นส่ิงมชี ีวิตทีม่ สี ามารถเคล่ือนไหวได้ และเคลื่อนทไ่ี ด้ _____ 3. สตั ว์ เป็นสงิ่ มชี วี ิตทม่ี กี ารเจริญเตบิ โต ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ _____ 4. พชื ไมม่ ดี อก เปน็ พืชชั้นต่า เมอื่ เจริญเติบโตเต็มทแี่ ล้วจะไม่มีดอก _____ 5. พชื มดี อก เป็นพืชชน้ั ตา่ มดี อกเพอ่ื ใชใ้ นการสบื พนั ธุ์ เมือ่ เจริญเติบโตเตม็ ท่ีแลว้ จะมีส่วนประกอบต่าง ๆ ครบถ้วน _____ 6. พืชใบเล้ยี งเดี่ยว คือ พืชท่มี ใี บเล้ยี ง 2 ใบ มีระบบรากเปน็ รากแก้ว มลี กั ษณะใบเรียว ยาวและตัง้ ตรง โดยมีเส้นใบเรยี งตัวกันในแนวขนาน _____ 7. พชื ใบเล้ียงคู่ คือ พชื ทมี่ ใี บเล้ยี ง 2 ใบ ใบมลี กั ษณะกว้าง เสน้ ใบแตกแขนงเป็นร่างแห _____ 8. สตั วไ์ มม่ กี ระดกู สันหลัง คือกล่มุ สตั วท์ ี่ไม่มีกระดูกเป็นแกนกลางภายในรา่ งกาย _____ 9. สตั วม์ กี ระดูกสันหลงั คอื สตั ว์ท่ีมีกระดกู เป็นข้อ ๆ อยภู่ ายในรา่ งกาย ทาหน้าทเ่ี ปน็ แกนกลางของลาตวั ชว่ ยให้ร่างกายคงรปู ที่แน่นอนอยู่ได้ _____ 10. มนษุ ย์จดั อยใู่ นกลุม่ สตั ว์มกี ระดกู สันหลัง หนังสือวิทยาศาสตร์ ป.4
29 เฉลยแบบทดสอบท่ี 2 เร่อื ง การจาแนกสงิ่ มชี ีวติ ข้อที่ คาตอบ 1 ง. ถูกทกุ ขอ้ ทกี่ ลา่ วมา 2 ค. ไมส่ ามารถสร้างอาหารเองได้ ตอ้ งมีการหาอาหารเพ่ือดารงชวี ิต 3 ก. ส่งิ มีชีวิตกลุ่มสัตว์ไมส่ ามารถสร้างอาหารเองได้ 4 ข. มะมว่ ง 5 ค. สิ่งมชี วี ติ กลมุ่ พืช กลุ่มไม่ใชพ่ ืชไมใ่ ชส่ ตั ว์ 6 ง. เปน็ พืชช้ันตา่ ขยายพันธุ์ด้วยสปอร์ สามารถสร้างอาหารไดเ้ หมือนพืชมีดอก เมอ่ื เจรญิ เติบโตเตม็ ท่ีแลว้ จะไม่มีดอก มสี ่วนประกอบคือ ราก ลาต้น และใบ 7 ง. ดอก ราก ลาตน้ ใบ 8 ข. สว่ นของกลีบดอกจะมจี านวน 4 กลีบ 9 ข. เป็นพืชทม่ี ใี บเล้ียงใบเดยี ว 10 ก. พรกิ ถวั่ 11 ง. ถกู ทงั้ ข้อ ก ข และ ค 12 ข. เปน็ สัตว์มีกระดกู สันหลัง 13 ง. สัตวท์ ่ีมีกระดูกเปน็ ขอ้ ๆ อยู่ภายในร่างกาย ทาหนา้ ทเ่ี ป็นแกนกลางของลาตวั 14 ข. เป็นสตั วเ์ ลือดเย็นอ่นุ 15 ก. กบ จิง้ จก หนังสือวิทยาศาสตร์ ป.4
บรรณานกุ รม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) (2554). วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5. พิมพ์คร้ังที่ 1. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) (2560). วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4. พิมพค์ ร้ังที่ 1. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว. เพญ็ พกั ตร์ ภศู ลิ ป,์ พลอยทรายโอฮาม่า. (2560). วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษา ปีท่ี 4. พมิ พ์คร้งั ที่ 1. กรุงเทพฯ : บรษิ ทั อกั ษรเจริญทัศน์ อจท. จากดั . ประดิษฐ์ เหลา่ เนตร.์ หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4. กรงุ เทพฯ : แม็คเอ็ดดูเคช่ัน, 2561. 128 หนา้ . ___. ภาพส่งิ มีชีวติ . Digital Image. pixabay. 20 สิงหาคม 2563. ___. พชื สตั ว์ กลุม่ ส่ิงมชี ีวติ ท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์. Digital Image. bp.blogspot. 20 สงิ หาคม 2563. ___. ฟองนา้ . Digital Image. ngthai. 20 สงิ หาคม 2563. ___. พยาธิใบไม้ตับ. Digital Image. mgronline. 20 สิงหาคม 2563.
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: