Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สื่อหลักภาษาไทย

สื่อหลักภาษาไทย

Published by rsunjanjaw, 2019-12-12 04:57:53

Description: สื่อหลักภาษาไทย

Search

Read the Text Version

ส่ือการเรียนรู้ วชิ า หลกั ภาษาไทย พท 33002 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เรอ่ื ง ระบบเสยี งในภาษาไทย ผจู้ ดั ทา นายเจตนส์ ฤษฏพ์ิ งศ์ รตั นบวรกรกลู ครู กศน.ตาบลทบั คลอ้ กศน.ตาบลทบั คลอ้ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอทบั คลอ้ สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั พจิ ติ ร

ก คำนำ สื่อกำรเรียนรู้ วิชำเลือก วิชำหลักภำษำไทย รหัสวิชำ พท33002 เร่ืองระบบเสียงใน ภำษำไทย ตำมหลักสูตรกำรศึกษำนอกระบบระดับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนพุทธศักรำช 2551 ระดับมธั ยมศึกษำตอนปลำย จัดทำขึ้นเพ่ือให้ผู้เรียนได้รับควำมรู้และประสบกำรณ์ ซึ่งเป็นไปตำมหลักกำร ปรชั ญำกำรศกึ ษำนอกโรงเรียน และพระรำชบญั ญัตสิ ง่ เสรมิ กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัย พ.ศ.2551 ให้ผู้เรียนมีคุณธรรมจริยธรรม มีสติปัญญำ มีศักยภำพในกำรประกอบอำชีพและสำมำรถ ดำรงชีวิตอยใู่ นสงั คมไดอ้ ยำ่ งมคี วำมสขุ เพื่อให้กำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ของนักศึกษำ กศน.ตำบลทับคล้อมีประสิทธิภำพ กศน. ตำบลทับคล้อ ไดผ้ ลิตสือ่ กำรเรียนรูท้ ่ีสอดคล้องกบั สภำพปญั หำควำมต้องกำรของผ้เู รียน สื่อกำรเรียนรู้เล่มน้ี ได้ประมวลเนือ้ หำรกำรเรยี นรู้ กิจกรรมเสริมทักษะ แบบวัดประเมินผลกำรเรียนรู้ไว้ อย่ำงครบถ้วน เพ่ือให้ ผเู้ รยี นสำมำรถอ่ำนเขำ้ ใจงำ่ ยและศกึ ษำค้นคว้ำด้วยตนเองไดอ้ ยำ่ งสะดวก ผู้จัดทำหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำ สื่อกำรเรียนรู้ รำยวิชำหลักภำษำไทย รหัสวิชำ พท33002 เรื่องระบบเสียงในภำษำไทย เลม่ นจี้ ะเปน็ ส่ือทีอ่ ำนวยประโยชนต์ ่อกำรเรยี นรู้ของผเู้ รยี นทำใหผ้ ู้เรียนเกิดกำร เรียนรู้ และสำมำรถนำควำมรู้ทีไ่ ดร้ บั มำปรบั ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจำวนั ของตนเองและอย่ใู นสังคมได้อย่ำง มคี วำมสุข ผจู้ ดั ทำ นำยเจตนส์ ฤษฏ์ิพงศ์ รตั นบวรกรกลู ครู กศน.ตำบลทบั คล้อ

ข หนำ้ ก สำรบญั ข 1 คำนำ 2 สำรบญั 3 คำแนะนำในกำรใช้สอื่ กำรเรียนรู้ 5 สำระสำคญั 6 แบบทดสอบก่อนเรียน 6 เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 9 ระบบเสยี นในภำษไทย 11 13 - ตอนที่ 1 อวยั วะสำคัญในกำรออกเสยี ง 14 - ตอนที่ 2 ชนดิ ของเสียงพูด แบบทดสอบหลังเรียน เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน ผจู้ ดั ทำ

1 คาแนะนาในการใช้ส่ือการเรยี นรู้ 1.นักศึกษำอ่ำนคำแนะนำสอื่ กำรเรียนรู้ให้เข้ำใจก่อนปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 2.กอ่ นจะศกึ ษำเนื้อหำในบทเรยี น ใหน้ ักศึกษำทำแบบทดสอบก่อนเรียนทุก คร้ังเพอ่ื เปรยี บเทียบพัฒนำกำรเรยี นร้ขู องตนเอง 3.เร่มิ ศึกษำเนอ้ื หำอย่ำงละเอียด และหำกไม่เข้ำใจใหย้ อ้ นกับไปศกึ ษำใหม่ 4.นักศกึ ษำไมค่ วรดูเฉลยก่อนทำแบบทดสอบก่อนเรียน และต้องมคี วำม ซื่อสตั ยใ์ นตนเอง 5.เมื่อศึกษำส่อื กำรเรียนรคู้ รบเน้อื ทกุ ตอนแล้ว ใหน้ กั ศึกษำทำแบบทดสอบ หลังเรียนแล้วตรวจดเู ฉลยคำตอบทำ้ ยบทเรียน

2 เรอื่ ง ระบบเสยี งในภำษำไทย สำระสำคญั รำ่ งกำยที่มนษุ ยใ์ ชใ้ นกำรออกเสียงพูดตำมหลกั ชีววทิ ยำ มนษุ ย์ไมไ่ ดม้ อี วยั วะชดุ ใดชุดหนึ่งที่ ถกู สร้ำงขึ้นมำเพือ่ ไวใ้ ช้ในกำรออกเสียงพดู เพยี งอย่ำงเดยี ว อวยั วะที่เรำใชพ้ ดู มลี กั ษณะเหมอื นกนั ทกุ คนและ ทำงำนในลักษณะเดียวกนั ใครกส็ ำมำรถออกเสียงทเ่ี ป็นภำษำของมนุษยไ์ ด้แตอ่ ำจจะจำกดั ในขอบเขตของ อำยุ อวยั วะที่ใชใ้ นกำรออกเสยี งของมนุษยส์ ำมำรถแบง่ ออกเป็นระบบ คือ ระบบหำยใจ ระบบกำรเกดิ เสยี ง และระบบกำรเปลง่ เสียง ซ่งึ เปน็ ระบบที่สำคญั ในกำรออกเสยี งในภำษำไทย ผลกำรเรยี นรทู้ คี่ ำดหวัง 1. ผูเ้ รียนมคี วำมเข้ำใจในธรรมชำตขิ องกำรพดู ขอบขำ่ ยเนอื้ หำ ตอนท่ี 1 อวยั วะสำคญั ในกำรออกเสยี ง เรอ่ื งท่ี 1.1 ระบบหำยใจ (Respiratory System) เรือ่ งท่ี 1.2 ระบบกำรเกดิ เสยี ง (Phonatory System) เรอ่ื งท่ี 1.3 ระบบกำรเปลง่ เสียง (Articulatory System) ตอนที่ 2 ชนดิ ของเสยี งพดู เรอ่ื งท่ี 2.1 เสียงและกำรวัดระดับของคลน่ื เสยี ง เรือ่ งที่ 2.2 ควำมสำคญั ของเสยี ง กำรฝกึ พดู

3 แบบทดสอบก่อนเรยี น คำชแี้ จง 1.แบบทดสอบฉบบั นเี้ ปน็ แบบปรนยั 4 ตัวเลอื ก จำนวน 10 ข้อ 2.ใหน้ ักศึกษำเลอื กคำตอบทถี่ ูกต้องท่ีสดุ เพียงขอ้ เดยี ว และไม่ควรดเู ฉลยก่อนทำขอ้ สอบเสร็จ ********************************************************************************************* 1.อวยั วะใดท่มี คี วำมสำคญั ในกำรผลติ เสยี งพูด ก. ฟนั ข. ปอด ค. หลอดลม ง. ป่มุ เหงือก 2.หน่วยท่ใี ช้วัดระดบั ควำมดังของเคล่อื นเสียงคือขอ้ ใด ก. ไมล์ ข. วตั ต์ ค. เฮริ ตซ์ ง. เดซิเบล 3.ขอ้ ใดเปรยี บเสมือนเสยี งดนตรี ก. เสยี งแท้ ข. เสยี งสระ ค. เสยี งพยัญชนะ ง. เสยี งวรรณยุกต์ 4.เสยี งพดู ในภำษำไทยมชี นิดใดบำ้ ง ก. เสยี งกอ้ ง เสยี งไมก่ อ้ ง ข. เสียงกอ้ ง เสยี งไม่ก้อง เสยี งเสียดแทรก ค. เสยี งสระ เสียงพยญั ชนะ เสยี งวรรณยุกต์ ง. เสยี งสระ เสยี งพยัญชนะ เสยี งวรรณยกุ ต์ เสยี งนำสิก 5.อวยั วะในขอ้ ใดมหี น้ำทท่ี ำเสียงพูดอย่ำงเดียว ไมไ่ ด้ มสี ่วนในกำรดำรงชวี ิตประจำวัน ก. ฟนั ข. ล้ิน ค. ริมฝปี ำก ง. สำยเสียง

4 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น คำชแ้ี จง 1.แบบทดสอบฉบับน้เี ปน็ แบบปรนยั 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ 2.ใหน้ กั ศกึ ษำเลอื กคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งที่สดุ เพียงขอ้ เดยี ว และไม่ควรดเู ฉลยกอ่ นทำข้อสอบเสร็จ ********************************************************************************************* 6.ระบบใดไมเ่ กย่ี วขอ้ งกับกำรออกเสยี ง ก. ระบบหำยใจ ข. ระบบกำรปล่อยเสียง ค. ระบบกำรเกดิ เสียง ง. ระบบกำรเปล่งเสียง 7.เสยี งพดู คยุ ปกติ จะมรี ะดับควำมดังเท่ำใด ก. 60 เดซเิ บล ข. 50 เดซเิ บล ค. 40 เดซเิ บล ง. 30 เดซิเบล 8.ข้อใดเปน็ อวัยวะออกเสยี งทม่ี ีควำมออ่ นพล้ิวมำกทส่ี ุด ก. ฟนั ข. ลน้ิ ค. ปอด ง. เพดำนอ่อน 9.ขอ้ ใดคือท่ีตัง้ ของระบบกำรเกิดเสยี ง ก. ลิ้น ข. ลำคอ ค. หลอดลม ง. รมิ ฝปี ำก 10.ส่วนใดทท่ี ำใหเ้ กิดเสยี งนำสิก ก. ลิน้ ข. หลอดลม ค. รมิ ฝปี ำก ง. เพดำนอ่อน

5 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น วิชำ หลักภำษำไทย พท 33002 *************************************************************************************** ข้อท่ี คำตอบ 1. ข 2. ง 3. ง 4. ค 5. ง 6. ข 7. ก 8. ข 9. ข 10. ง นักศกึ ษำครับทำไดไ้ หม อย่ำเศร้ำใจไปเลยหนำ ผมคอยอยขู่ ำ้ งหนำ้ เร่งศึกษำใหเ้ ขำ้ ใจ

6 เรอ่ื ง ....ระบบเสยี งในภำษำไทย ตอนท่ี 1 อวยั วะทสี่ ำคญั ในกำรออกเสยี ง เสียงท่ีมนุษย์เปล่งออกมำน้ันเป็นเสียงท่ีผลิตขึ้นโดยอวัยวะชุดหนึ่งของร่ำงกำยโดยเฉพำะ แต่สิ่งที่น่ำสนใจคือ มนษุ ยไ์ มไ่ ดม้ ีอวัยวะชดุ ใดชดุ หน่งึ ทถี่ ูกสรำ้ งขนึ้ มำเพอ่ื ไว้ใช้ในกำรออกเสียงพูดโดยเฉพำะ แต่เพียงอย่ำงเดียว อวัยวะต่ำง ๆ ของร่ำงกำยที่มนุษย์ใช้ในกำรออกเสียงพูดในภำษำนั้นมีหน้ำท่ีหลักทำง ชีววิทยำ เพื่อทำหนำ้ ทสี่ ำคัญตำ่ งๆ ในกำรดำรงอยูข่ องรำ่ งกำยทง้ั สน้ิ เชน่ กำรหำยใจ, กำรเค้ียวอำหำร, กำร กลืน,กำรอม แต่กำรท่ีอวัยวะเหล่ำน้ันมำทำหน้ำที่ในกำรออกเสียงพูดเป็นเพียงหน้ำท่ีรอง หรือหน้ำท่ีโดย อ้อมของอวัยวะเหล่ำนนั้ คอื ใช้ระบบกำรทำงำนตำ่ ง ๆ อยู่ แล้วดดั แปลงกำรทำงำนเหล่ำน้ันให้เหมำะสมจน เกดิ เปน็ ภำษำพดู ข้ึนมำหมำยควำมวำ่ กำรพดู ไดพ้ ัฒนำข้นึ ภำยหลงั แตก่ ม็ คี นบำงกลุ่มไม่เช่ือควำมคิดดังกล่ำว จึงพยำยำมค้นควำ้ หำข้อคดั ค้ำนวำ่ กำรพดู กบั กำรกนิ น้ันเกิดขึ้นมำพร้อมๆ กัน โดยทั่วไปอวัยวะท่ีเรำใช้พูดมี ลักษณะเหมอื นกันทุกคน และทำงำนในลกั ษณะเดียวกัน เสียงพูดเป็นภำษำท่ีสมบูรณ์ท่ีสุด และมีคุณสมบัติ ที่จะอธิบำยได้ตำมหลักเกณฑ์ทำงวิทยำศำสตร์ นักภำษำศำสตร์จึงให้ควำมสนใจศึกษำเร่ืองรำวเก่ียวกับ เสยี งพดู อย่ำงกว้ำงขวำงอวัยวะท่ีเข้ำมำเกี่ยวข้องในกำรออกเสียงของมนุษย์มีมำกกว่ำครึ่งหนึ่งของร่ำงกำย ตงั้ แต่ ศีรษะถึงช่องทอ้ ง อวยั วะท่ใี ช้ในกำรออกเสยี งนี้ สำมำรถแบ่งออกเปน็ ระบบทสี่ ำคญั 3 ระบบ คือ 1. ระบบหำยใจ (Respiratory System) 2. ระบบกำรเกดิ เสยี ง (Phonatory System) 3. ระบบกำรเปล่งเสียง (Articulatory System) เรือ่ งที่ 1.1 ระบบกำรหำยใจ (Respiratory System) ระบบหำยใจ (Respiratory System) ที่ตั้งของระบบน้ีอยู่ในช่วงอก (thorax) หมำยถึง กระบงั ลม(diaphragm) ปอด (lungs) และหลอดลม (trachea , windpipe) ปอด (lungs) เปน็ อวัยวะท่ีสำคัญในกำรผลติ เสียงพูด เป็นต้นกำเนิดใหญ่ของพลังงำนที่ทำให้ เกิดเสยี งบริเวณใตป้ อดจะเป็นกระบงั ลม ซึ่งมีลกั ษณะคล้ำยโคมหรือฝำชีคว่ำ ตัวปอดเองเคล่ือนไหวไม่ได้แต่ เน้ือเยื่อของปอดยืดหยุ่นได้ด้วยกำรทำงำนของอวัยวะอื่น ๆ เช่น กล้ำมเน้ือระหว่ำงกระดูกซ่ีโครง และกระ บังลม ในกำรหำยใจเข้ำออก เม่ือหำยใจเข้ำอำกำศก็จะเข้ำไปสู่ปอดทำให้ปอดขยำยตัว แต่พอหำยใจ ออกอำกำศในปอดก็มีน้อยทำให้ปอดหดตัว ในกำรพูดเปน็ กำรบังคับให้ลมออกจำกปอดเป็นชว่ ง ๆ

7 หลอดลม (trachea) เปน็ หลอดยำวทม่ี ีควำมอ่อนนมิ่ เปน็ ชอ่ งทำงเดินของอำกำศท่ีเช่ือมโยง ระหว่ำงกล่องเสียงไปยังปอด โดยกำรเช่ือมโยงของท่อเล็กๆ ในปอดขณะที่มีกำรกินอำหำรหรือกำรกลืน อำหำร ช่องทำงเข้ำหลอดลมจะถูกปิดโดยล้ินปิดเปิดกล่องเสียง (epiglottis) ซ่ึงจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิด อำกำรสำลกั อันเนื่องมำจำกอำหำรตกลงไปในหลอดลมได้ เรอื่ งที่ 1.2 ระบบกำรเกดิ เสียง (Phonatory System) ระบบกำรเกดิ เสยี ง (Phonatory System) ทีต่ งั้ ของระบบนี้อยู่ท่ีลำคอ หมำยถึง กล่องเสียง และส่วนประกอบต่ำง ๆ ของกล่องเสียง เชน่ เสน้ เสยี ง กล่องเสียง (larynx) เป็นอวัยวะท่ีอยู่ตอนบนสุดของหลอดลม มีควำมซับซ้อน ภำยในตัว กล่องเสียงประกอบด้วยกระดูกอ่อนหลำยชิ้นจัดตัวเรียงกันอยู่ในลักษณะช่วงบนกว้ำง ช่วงล่ำงแคบ ยึด ติดกันโดยเอน็ พงั ผืด กล้ำมเน้อื และข้อต่อ กระดูกช้นิ สำคญั ๆ ทีป่ ระกอบกันเป็นกลอ่ งเสยี งมี 4 ชิ้น คอื - Hyoid bone เป็นกระดูกท่ีอยู่บนสุดของกล่องเสียงและเป็นที่เกำะของกล้ำมเนื้อลิ้นปิด- เปิดกล่องเสยี ง - Thyroid cartilage อยู่ทำงด้ำนหน้ำ ส่วนหนึ่ง คือ บริเวณท่ีเรียกว่ำ ลูกกระเดือก (Adam’s apple) - Cricoid cartilage เป็นกระดูกอ่อนที่เล็กแต่หนำและแข็งแรงมำก อยู่ในระดับท่ีต่ำท่ีสุด ของกล่องเสียง ทำหน้ำทเี่ ป็นฐำนของกลอ่ งเสียง - Arytenoid cartilage เป็นกระดูกอ่อนชิ้นเล็กๆ 2 ชิ้น รูปร่ำงคล้ำยปีรำมิด อยู่ติดกับผิว ด้ำนหลังตอนบนของ Cricoid cartilage ภำยในกล่องเสียงจะมีอวัยวะท่ีทำหน้ำที่สำคัญมำกในกำรพูด คือ เส้นเสียง(vocal cord) วำงพำดอยู่ เส้นเสียงมีลักษณะเป็นกล้ำมเน้ือคู่พิเศษ ซึ่งประกอบด้วยแผ่นเน้ือเยื่อ (tissue) และเอ็นขนำดของเส้นเสียงน้ีจะแตกต่ำงกันตำมอำยุ เพศ และพัฒนำกำรทำงกำยภำพของแต่ละ บคุ คลอีกดว้ ย โดยปกตเิ ดก็ และผู้หญิงจะมีเส้นเสยี งทสี่ ั้นและเลก็ กว่ำผูช้ ำย โดยทั่วไปเสียงเด็กจะสูงกว่ำเสียง ผูห้ ญิงและเสยี งผู้หญงิ จะสงู กวำ่ เสยี งผู้ชำย เรอ่ื งที่ 1.3 ระบบกำรเปล่งเสียง (Articulatory System) ระบบกำรเปล่งเสยี ง (Articulatory System) ทต่ี ั้ง ของระบบนี้อยู่ส่วนศีรษะ หมำยถึง ช่อง ปำกและส่วนต่ำง ๆ ภำยในชอ่ งปำก (Oral Cavity) และช่องจมกู (Nasal Cavity)

8 ช่องปำกและสว่ นตำ่ งๆ ภำยในช่องปำก ริมฝปี ำกทงั้ สอง (lips) ริมฝีปำกมีหน้ำท่ีในกำรปิดช่องปำกในขณะที่กำลังทำเสียงพยัญชนะ อยู่ริมฝีปำกท้ังสองนี้อำจอยู่ในลักษณะ “ริมฝีปำกห่อกลม” ขณะกำลังออกเสียงพยัญชนะบำงตัว เม่ือใดก็ ตำมท่มี ีกำรใช้รมิ ฝปี ำกท้งั สองเป็นฐำนกรณ์ เรำจะเรยี กเสียงนัน้ ว่ำ bilabial sound ฟนั (teeth) เป็นอวยั วะอกี ชนิ้ หน่ึงที่มีบทบำทในกำรทำให้เกิดเสียงพูด เสียงที่เกิดท่ีฐำนฟัน เรียกวำ่ dental sound สว่ นมำกในกำรทำใหเ้ กิดเสยี งในภำษำน้นั ฟนั บนจะมบี ทบำทกวำ่ ฟนั ลำ่ ง ล้ิน (tongue) เป็นอวัยวะออกเสียงที่มีควำมอ่อนพลิ้วมำกท่ีสุด ในบรรดำอวัยวะออกเสียง ทง้ั หมดเนือ่ งจำกลิ้นเปน็ อวยั วะทม่ี คี วำมยืดหยุ่นตัวสูง จึงทำให้ล้ินเป็นต้นกำเนิดเสียงพูดจำนวนมำก ท้ังนี้ก็ เนอ่ื งจำกกำรใชต้ ำแหนง่ ต่ำง ๆ และกำรจัดตัวท่ำตำ่ ง ๆ ของลน้ิ นั่นเอง เหงอื ก (alveolar) คือ สว่ นท่ีอยตู่ อ่ จำกฟันบน เพดำนแข็ง (palate) คือ ส่วนที่เร่ิมต้นจำกปลำยสุดของปุ่มเหงือกมำยังส่วนต้นของ เพดำนอ่อน เพดำนอ่อน (soft palate, velar) คือ ส่วนของเพดำนปำกที่อยู่ต่อจำกเพดำนแข็ง เพดำน ออ่ นสำมำรถเลือ่ นขนึ้ ลงได้ ถ้ำเพดำนอ่อนลดระดับลงมำ ก็จะทำใหม้ ีช่องทำงของอำกำศออกสู่โพรงจมูก ทำ ให้เกิดเสียงนำสิก (nasal sound) แต่ถ้ำเพดำนอ่อนยกตัวขึ้นไปปิดกั้นทำงเดินของอำกำศท่ีจะเข้ำสู่โพรง จมกู ทำใหอ้ ำกำศระบำยออกทำงช่องปำกได้ทำงเดียว ทำให้เกิดเป็นเสียงพยัญชนะท่ีเรียกว่ำ เสียงช่องปำก (oral sound)และถำ้ มลี มระบำยออกทำงปำกและจมกู พร้อม ๆ กัน ก็อำจเกิดเป็นพยัญชนะหรือสระแบบท่ี มีเสียงข้ึนจมูก(nasalized sound) เสียงเกิดกำรเคลื่อนตัวของลิ้นส่วนหลังสู่เพดำนเรียกว่ำ velar sound สว่ นปลำยสุดของเพดำนอ่อนท่ีเป็นติ่งห้อยลงมำคือ ลิ้นไก่ (uvula) และเสียงที่ล้ินไก่ทำหน้ำที่เป็นส่วนฐำน กรณ์จะมีชื่อว่ำ uvularsound ช่องจมกู (nasal cavity) คณุ สมบตั ิหรอื ลกั ษณะของเสียงพูดท่เี กิดข้ึน จะแปรผันไปตำมกำร ปิดเปิดของช่องทำงออกของอำกำศท่ีจะออกสู่โพรงจมูกซ่ึง เป็นผลมำจำกกำรยกข้ึนหรือเลื่อนลง ของเพดำนอ่อน

9 ตอนที่ 2 ชนดิ ของเสยี งพดู เรื่องที่ 2.1 เสียงและกำรวัดระดบั ของคลน่ื เสียง เสยี ง เสียงทไี่ ด้ยนิ เกิดจำกกำรเดินทำงของเสียงผ่ำนตัวกลำงทำให้เกิดกำรเปล่ียนแปลงของ คล่ืนเสียง(waveform) และแสดงออกมำในลักษณะท่ีแตกต่ำงกัน โดยจะเปลี่ยนขนำด (amplitude) หรือ ควำมถ่ี(frequency) ของกำรส่นั สะเทือนตำมระยะเวลำ กำรวดั ระดบั ของคลนื่ เสยี ง มหี นว่ ยวัดทีเ่ กยี่ วข้อง 2 หนว่ ยคอื เดซิเบล (Decibel) เปน็ หนว่ ย วัดควำมดังของเสียง เฮิรตซ์ (Hertz) เป็นหน่วยวัดจำนวนรอบกำรแกว่งของคลื่นเสียงในหน่ึงวินำที คือใช้ วัดควำมถ่ขี องเสยี ง ระดบั ควำมดงั และชนิดของเสยี ง ควำมดงั (เดซิเบล) 0 เดซเิ บล เสยี งที่แผ่วเบำทีส่ ดุ ที่หูมนษุ ย์ไดย้ นิ 30 เดซิเบล เสยี งกระซิบ หรอื เสยี งในหอ้ งสมดุ ท่ีเงียบ 60 เดซเิ บล เสยี งพดู คยุ ตำมปกติ เสยี งจักรเย็บผ้ำ หรือเครอื่ งพิมพด์ ีด 85 เดซเิ บล เสียงตะโกนข้ำมเขำหรือในพ้ืนท่ีโลง่ เพ่ือใหไ้ ด้ยนิ เสียงสะทอ้ นกลบั มำ 90 เดซิเบล เสียงเครอ่ื งตัดหญ้ำ เครอ่ื งจกั รในโรงงำน หรือเสียงรถบรรทุก(ไม่ควรได้ ยินเกินวนั ละ 8 ชม.) 100 เดซเิ บล เสยี งเลอื่ ยไฟฟำ้ หรอื เครอ่ื งเจำะ (ไมค่ วรได้ยินเกนิ วันละ 2 ชม.) 115 เดซิเบล เสียงระเบิดหิน เสียงในคอนเสิร์ตร็อค หรือเสียงแตรรถยนต์(ไม่ควรได้ ยนิ เกนิ วันละ 15 นำที) 140 เดซเิ บล เสยี งยิงปืน เสียงเคร่ืองบนิ เจ็ท ซงึ่ เป็นเสยี งที่ทำให้เกิดอำกำรปวดหู และอำจทำให้หเู ส่อื มได้ แมจ้ ะไดย้ นิ เพียงคร้งั เดยี ว ดงั นัน้ จะต้องสวม อปุ กรณ์ปอ้ งกนั หเู สมอ

10 เสียงในภำษำไทย มี 3 ชนดิ คอื 1.) เสียงสระ หรอื เสียงแท้ 2.) เสียงพยญั ชนะ หรอื เสียงแปร และ 3.) เสียงวรรณยุกต์ หรือเสียงดนตรี เรอื่ งท่ี 2.2 ควำมสำคญั ของเสยี ง กำรฝกึ พดู เสยี งมคี วำมสำคญั มำกอยำ่ งหนง่ึ ในกำรกระตนุ้ ให้คนเรำมีกำรเจรญิ เตบิ โตตำมปกติ นับต้ังแต่ แรกเกิดเด็กที่หูหนวกแต่กำเนิดจะมีควำมพิกำรทั้งทำงร่ำงกำยและสมอง จนไม่สำมำรถอยู่ในสังคมปกติได้ คนทเี่ กดิ มำตำบอดทงั้ 2 ข้ำง แตห่ ไู ดย้ ินปกติจะมีควำมเจรญิ เตบิ โตท้ังร่ำงกำยและสมอง อยู่ในสังคมได้ บำง คนมีควำมสำมำรถเป็นพิเศษมำกกว่ำคนสำยตำปกติ เรำคงเคยได้เห็นและได้ฟังวงดนตรีคนตำบอดซึ่ง สำมำรถเล่นได้ทั้งดนตรีไทยและสำกลได้ไพเรำะมำก คนตำบอดอ่ำนหนังสือได้โดยใช้น้ิวมือสัมผัสอักษร พิเศษคือ อักษรเบรลล์(Braille) คนท่ีหูหนวกแต่กำเนิดจะไม่สำมำรถปฏิบัติในส่ิงที่กล่ำวได้โดยเฉพำะคนหู หนวกและเป็นใบบ้ ำงครงั้ แมแ้ ตช่ ่วยตัวเองก็ยงั ไม่ได้ได้มกี ำรศกึ ษำและเปน็ ทย่ี อมรบั กันแล้วว่ำกำรได้ยินเสียง ของเด็ก เป็นตวั กระตุ้นท่สี ำคญั อย่ำงมำกตอ่ กำรเจรญิ เติบโตทำงสมองของเด็กรวมทั้งพฤติกรรมทุกๆ ชนิดที่ จะพฒั นำตำมมำ เช่นกำรนง่ั กำรเดินกำรกนิ อำหำร รวมทัง้ อำรมณ์และควำมเฉลียวฉลำด กำรพูดของเด็กจะ พัฒนำข้ึนมำได้ต่อเม่ือเด็กจะต้องได้ยินเสียงพูดก่อนเท่ำน้ัน เด็กหูหนวกจึงไม่สำมำรถพูดได้และเป็นใบ้ ไม่ สำมำรถติดต่อส่ือควำมหมำยกับคนอื่นโดยกำรพูดได้มนุษย์เรำจัดอยู่ในสัตว์ชั้นสูงสุด แยกจำกสัตว์ชั้นอื่นๆ ได้ เนอ่ื งจำกกำรท่สี ำมำรถพูดตดิ ต่อกนั ได้น้ีเอง จึงเป็นเรื่องสำคัญมำกที่จะต้องวินิจฉัยให้ได้โดยเร็วที่สุดนับ แตเ่ ด็กแรกเกดิ ว่ำมคี วำมพิกำรทำงกำรไดย้ นิ หรือไม่ คือ หูตึงหรือหูหนวกหรือไม่ ถ้ำมีเป็นประเภทไหน และ มำกนอ้ ยเพยี งใดเพอื่ จะได้เร่มิ ให้กำรช่วยเหลอื ตำมข้นั ตอนโดยวธิ ีกำรต่ำงๆ ตำมควำมเหมำะสมเท่ำท่ีควำมรู้ ทำงกำรแพทย์ในปัจจบุ ันนจ้ี ะช่วยเหลอื ได้ โดยมุ่งช่วยเหลือให้ เดก็ มกี ำรไดย้ นิ และฝกึ พูดโดยเรว็ กำรผดิ ปกติของกำรพูด เด็กทีพ่ ูดชำ้ กว่ำปกติ พดู ไมช่ ดั หรือพูดไมไ่ ดเ้ ลยน้นั คนส่วนมำกเข้ำใจผิดคิดว่ำเกิดจำกควำม พิกำรหรอื ไมส่ มประกอบของอวัยวะทเี่ ก่ียวกับกำรพูด ท่จี ริงแลว้ สำเหตุสำคัญน้ันคือ หูตึง หรือหูหนวก (เด็ก ไม่ได้ยินเสียงเลย) ในรำยที่หูหนวกไม่สำมำรถพูดได้หรือเป็นใบ้ ถ้ำหูตึงมำกจะได้ยินเสียงบ้ำงแต่ไม่มำกนัก พูดไดไ้ มช่ ัดหรือพูดผิดปกติ หรือพดู ไดด้ ้วยควำมยำกลำบำกและออกเสียงไดไ้ มช่ ัดเจน

11 แบบทดสอบหลงั เรยี น คำชแ้ี จง 1.แบบทดสอบฉบบั นเี้ ป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลอื ก จำนวน 10 ข้อ 2.ให้นักศึกษำเลอื กคำตอบที่ถกู ตอ้ งที่สุดเพียงขอ้ เดยี ว และไมค่ วรดูเฉลยกอ่ นทำขอ้ สอบเสร็จ ********************************************************************************************* 1.เสยี งพดู คยุ ปกติ จะมรี ะดับควำมดังเท่ำใด ก. 30 เดซเิ บล ข. 40 เดซิเบล ค. 50 เดซิเบล ง. 60 เดซเิ บล 2.ขอ้ ใดเป็นอวัยวะออกเสยี งท่ีมคี วำมอ่อนพลิ้วมำกท่ีสดุ ก. ล้ิน ข. ฟัน ค. ปอด ง. เพดำนอ่อน 3.เสยี งพดู ในภำษำไทยมชี นิดใดบ้ำง ก. เสยี งกอ้ ง เสียงไม่กอ้ ง ข. เสียงก้อง เสยี งไมก่ ้อง เสยี งเสียดแทรก ค. เสียงสระ เสยี งพยัญชนะ เสียงวรรณยกุ ต์ ง. เสยี งสระ เสยี งพยัญชนะ เสยี งวรรณยุกต์ เสียงนำสิก 4.อวยั วะในข้อใดมหี น้ำที่ทำเสยี งพูดอย่ำงเดียว ไมไ่ ด้ มสี ่วนในกำรดำรงชวี ติ ประจำวนั ก. ฟัน ข. ลิ้น ค. สำยเสียง ง. ริมฝีปำก 5.อวยั วะใดท่ีมคี วำมสำคญั ในกำรผลิตเสยี งพูด ก. ฟัน ข. ปอด ค. หลอดลม ง. ปุ่มเหงอื ก

12 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น คำชแี้ จง 1.แบบทดสอบฉบบั น้ีเป็นแบบปรนัย 4 ตวั เลือก จำนวน 10 ข้อ 2.ใหน้ กั ศึกษำเลอื กคำตอบทีถ่ ูกต้องทีส่ ุดเพยี งขอ้ เดยี ว และไมค่ วรดเู ฉลยก่อนทำขอ้ สอบเสร็จ ********************************************************************************************* 6.หนว่ ยทใี่ ช้วดั ระดับควำมดงั ของเคลื่อนเสยี งคือขอ้ ใด ก. ไมล์ ข. เดซเิ บล ค. เฮิรตซ์ ง. วัตต์ 7.ขอ้ ใดคือทตี่ ้ังของระบบกำรเกดิ เสยี ง ก. หลอดลม ข. ลำคอ ค. ลน้ิ ง. ริมฝปี ำก 8.ขอ้ ใดเปรยี บเสมอื นเสียงดนตรี ก. เสยี งแท้ ข. เสียงวรรณยกุ ต์ ค. เสียงพยญั ชนะ ง. เสียงสระ 9.ระบบใดไมเ่ กี่ยวข้องกับกำรออกเสยี ง ก. ระบบหำยใจ ข. ระบบกำรเปล่งเสยี ง ค. ระบบกำรเกดิ เสยี ง ง. ระบบกำรปล่อยเสยี ง 10.สว่ นใดทที่ ำใหเ้ กดิ เสยี งนำสิก ก. ล้นิ ข. ริมฝีปำก ค. เพดำนออ่ น ง. หลอดลม

13 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น วิชำ หลกั ภำษำไทย พท 33002 *************************************************************************************** ข้อท่ี คำตอบ 1. ง 2. ก 3. ค 4. ค 5. ข 6. ข 7. ก 8. ข 9. ง 10. ค You were born to win, but to be a winner, you must plan to win, prepare to win, and expect to win. เรำทกุ คนเกิดมำเพอื่ เปน็ ผู้ชนะ และผชู้ นะที่ แทจ้ รงิ ตอ้ งไมย่ อ่ ทอ้ ร้จู กั อดทนรอวนั ทชี่ ยั ชนะ จะมำถงึ

14 คณะผจู้ ัดทำ นำยไพฑรู ย์ บวั สนทิ ผอ.สำนกั งำน กศน.จงั หวดั พจิ ิตร นำงสำวนภสั วรรณ อฤุ ทธ์ิ นำยเจตน์สฤษฏิ์พงศ์ รตั นบวรกรกลู ผอ.กศน.อำเภอทับคลอ้ ครู กศน.ตำบลทับคล้อ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook