Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติวันสงกรานต์

ประวัติวันสงกรานต์

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2020-04-13 00:37:59

Description: ประวัติวันสงกรานต์

Search

Read the Text Version

1 ประวตั ิวนั สงกรานต์ กจิ กรรมวนั สงกรานต์ นางสงกรานตป์ ระจาปี \"สงกรานต\"์ เป็นคาภาษาสันสกฤต แปลว่า \"ผ่าน\" หรอื \"เคลอื่ นยา้ ยเขา้ ไป\" ในท่ีนห้ี มายถงึ เป็นวนั ที่ พระอาทติ ย์ ผ่านหรือเคลอื่ นย้าย จากราศีมีน เข้าสู่ ราศีเมษ ในเดอื นเมษายน ถือเปน็ ชว่ งสงกรานต์หากพระ อาทติ ยเ์ คลอ่ื นยา้ ย ในชว่ งเดือนอ่นื ๆ ถอื เป็นการเคล่อื นย้ายธรรมดา ตามปกตนิ ั้น พระอาทติ ย์จะยา้ ยจากราศี หนง่ึ ไปส่อู ีกกล่มุ ดาวหนึง่ เป็นประจาทุกเดอื น หรือจะเรยี กวา่ เป็นการยา้ ยจากกลมุ่ ดาวหนงึ่ ไปสอู่ ีกกลุม่ ดาวหน่งึ ตามหลกั โหราศาสตร์หรือภาษาโหร เรียกว่า\"ยกขึ้นสู่\" ตัวอยา่ งเช่น พระอาทติ ย์ขึน้ สูร่ าศีเมษ กค็ ือการทพ่ี ระ อาทติ ยย์ ้ายจากกลุ่มดาวราศีมีนไปสกู่ ลมุ่ ดาวราศีเมษ ซึ่งเป็นราศถี ดั ไปนน่ั เอง โหรโบราณ ได้แบ่งท้องฟ้าออกเปน็ 12 สว่ น ส่วนหน่ึง ๆ เรยี กว่าราศี ซงึ่ มีราศลี ะ 30 องศา รวม 12 ราศี ก็ เทา่ กับ 360 องศาครบรอบวงกลมพอดี ตามตัวอยา่ งขา้ งล่างนี้ ราศเี มษ ผูท้ ี่เกดิ ระหวา่ งวนั ท่ี 13 เมษายน-13 พฤษภาคม ราศีพฤษภ ผทู้ ่ีเกดิ ระหว่างวนั ที่ 14 พฤษภาคม - 13 มถิ นุ ายน ราศีเมถุน ผทู้ ี่เกิดระหวา่ งวันที่ 14 มิถุนายน -14 กรกฎาคม ราศกี รกฎ ผทู้ ่ีเกิดระหวา่ งวันที่ 15 กรกฎาคม - 16 สงิ หาคม ราศสี ิงห์ ผ้ทู ่ีเกิดระหวา่ งวันที่ 17สิงหาคม -16 กนั ยายน ราศกี นั ย์ ผู้ท่ีเกิดระหว่างวันที่ 17 กันยายน - 16 ตลุ าคม ราศตี ลุ ผทู้ ี่เกดิ ระหว่างวนั ท่ี 17 ตลุ าคม - 16 พฤศจกิ ายน ราศพี จิ กิ ผู้เกดิ ระหว่างวนั ที่ 17 พฤศจิกายน - 15 ธนั วาคม

2 ราศธี นู ผู้ท่ีเกดิ ระหวา่ งวนั ท่ี 16 ธนั วาคม - 15 มกราคม ราศีมังกร ผูท้ ี่เกดิ ระหวา่ งวันท่ี 16 มกราคม - 12 กุมภาพันธ์ ราศีกุมภ์ ผทู้ ี่เกิดระหวา่ งวันที่ 13 กุมภาพันธ์ - 13 มนี าคม ราศมี ีน ผู้ท่ีเกิดระหว่างวันที่ 14 มีนาคม - 12 เมษายน วันสงกรานต์ ด้วยเหตุน้ี เม่อื สงกรานต์ แปลว่า ผา่ น หรอื เคลื่อนย้ายเข้าไป วนั สงกรานต์ จงึ ตอ้ งมีอยปู่ ระจาทุกเดอื น เพราะดวงอาทติ ย์จะย้ายจากราศีหนง่ึ ไปส่อู ีกราศหี นึง่ ซงึ่ อยูถ่ ัดไปเดอื นละ 1 ครง้ั เสมอ แต่ในวนั และเวลาทพี่ ระอาทิตย์ยกขน้ึ สู่ (ตามภาษาโหร) หรือเคลื่อนย้ายจากราศีมีนเข้าไปสู่ราศีเมษ ใน เดือน เมษายน (ซ่งึ ตรงกบั วนั ข้นึ 1 ค่า เดอื น 5) เราถือเปน็ กรณีพเิ ศษ เรียกว่าวันมหาสงกรานต์ดว้ ยถือกันวา่ เปน็ วนั และเวลาทตี่ ้งั ตน้ สูป่ ีใหม่ เปน็ วนั เปล่ียนจุลศกั ราชใหม่ ตามการคานวณของโหรผู้รูท้ างโหราศาสตร์ เพราะในสมยั โบราณเรานบั ถือเดอื นเมษายนเปน็ เดือนแรกของปี สมยั พระบาท สมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั รชั กาลท่ี 5 ในปี พ.ศ.2432 ได้กาหนดให้ใช้ วันขึ้น 1 คา่ เดอื น 5 ซ่ึงตรงกับวันท่ี 1 เมษายน เป็นวนั ขึ้นปใี หม่ และไดใ้ ช้เรื่อยมา สาเหตกุ ็เพราะสอดคล้องกับธรรมเนยี มโบราณ เน่ืองจาก หากนับทางจันทรคติ จะ ตรงกับวันข้นึ 1 ค่าเดอื น 5 ซ่งึ ก็คือวนั สงกรานต์ หรือวันท่ดี วงอาทติ ยย์ า้ ยจากราศีมนี ไปสู่ราศเี มษน่นั เอง และได้มีการใช้วนั ท่ี 1 เมษายน เป็นวันปีใหมข่ องไทยแตน่ ้นั เรอื่ ย มาแม้ว่าในปตี ่อไปจะไม่ตรงกับวันสงกรานต์ (หมายถงึ วนั ทีด่ วงอาทิตย์ย้ายจากราศีมนี ไปสรู่ าศเี มษ) ทั้งน้เี พื่อให้มกี ารกาหนดวันทางสุริยคตทิ ีแ่ นน่ อน ตายตัวลงไป ตอ่ มาในวนั ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2483 คณะรฐั บาลของจอมพล ป.พบิ ลู ยส์ งคราม ได้ประกาศใหใ้ ช้ วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ.2484 เปน็ วันข้นึ ปีใหม่ เพื่อให้สอดคลอ้ งกับประเทศอ่นื ๆ เป็นสากลท่วั โลกและใช้ เรื่อยมาจนถึงปจั จบุ นั นอกจากนัน้ เรายงั ถือเอาวนั ท่ี 14 เมษายนเป็นวนั ครอบครวั อีกดว้ ย วนั มหาสงกรานต์ เม่อื ถึงเดอื น 5 ตรงกับวันที่ 13 เมษายนของทกุ ๆ ปเี ราเรยี กวันน้วี ่า \" วนั สงกรานต์ \" ประเพณีไทยเดิมถือว่า วนั น้ีเป็นวนั ขนึ้ ปีใหม่ธรรมเนยี มไทยเรากจ็ ะมีการเลน่ ร่นื เรงิ มีการรดน้าดาหวั โดยเฉพาะหนมุ่ ๆ สาวๆ จะสนุก กันเต็มที่เล่นสาดนา้ กนั โดยไม่ถอื เน้ือถือตวั เลย ในชนบทหลายแหง่ มีการเลน่ พนื้ เมืองต่าง ๆ กัน อนึ่งวนั น้ีบาง แหง่ จะเรมิ่ จากวันท่ี ๑๓ เมษายน และมกี ารเลน่ สนกุ สนานไปราว ๆ ๑ สปั ดาห์ หรอื กว่าน้นั แต่ไมเ่ กิน 2 สปั ดาห์ ระยะน้ีจะมีการนาน้าหอมเส้ือผา้ อาภรณ์ไปรดนา้ ผใู้ หญ่ ญาตพิ ี่น้องทเ่ี คารพนับถอื และทางศาสนาก็จัด ใหม้ กี ารบายศรีพระสงฆส์ มภารเจา้ วัด สรงนา้ พระพทุ ธรปู ศักดสสิ ิทธิเส ท่าท่ีมีตามวดั ต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง

3 ประวัตวิ นั สงกรานต์ กาเนดิ วนั สงกรานต์ มีเรอ่ื งเลา่ สืบ ๆ กนั มา นา่ จดจาไว้ดังข้อความจารึกวดั เชตุพน ฯ ได้กล่าวไว้ ประดับความรู้ของสาธุชนทั้งหลายดงั ต่อไปน้ี \" ....เมื่อต้นภทั รกลั ป์ มีเศรษฐคี นหน่งึ ม่ังมที รัพยม์ าก แตไ่ ม่มบี ตุ ร บ้านอย่ใู กลน้ ักเลงสรุ า นักเลงสรุ า นั้นมบี ตุ ร ๒ คน ผวิ เน้ือดจุ ทอง วนั หนงึ่ นักเลงสุราเข้าไปในบ้านของเศรษฐี แล้วดา่ เศรษฐี ดว้ ยถ้อยคาหยาบ คายตา่ ง ๆ เศรษฐไี ด้ฟงั จึงถามว่า พวกเจา้ มาพดู หยาบคายดหู ม่นิ เราผเู้ ป็นเศรษฐเี พราะ เหตใุ ด พวกนักเลงสุรา จงึ ตอบว่า ท่านมีสมบตั ิมากมายแตห่ ามีบตุ รไม่ เม่ือทา่ นตายไปสมบตั ิก็จะ อันตรธานไปหมด หาประโยชนอ์ ัน ใดมไิ ด้ เพราะขาดทายาทผู้ปกครอง ขา้ พเจา้ มบี ุตรถึง ๒ คน และ รปู รา่ งงดงามเสียดว้ ย ข้าพเจา้ จึงดีกวา่ ทา่ น เศรษฐคี ร้นั ได้ฟงั กเ็ หน็ จริงด้วย จงึ มีความละอายต่อนกั เลง สรุ ายงิ่ นกั จงึ นกึ ใครอ่ ยากได้บุตรบา้ ง จงึ ทาการ บวงสรวงพระอาทิตยแ์ ละพระจันทร์ ต้งั จิตอธิษฐาน เพื่อขอใหม้ ีบตุ ร อยู่ถึง ๓ ปี กม็ ิไดม้ ีบุตรสมดังปรารถนา เมอ่ื ขอบตุ รจากพระอาทิตย์และพระจันทร์มิไดด้ งั ปรารถนาแล้วอย่มู าวนั หนึง่ ถงึ ฤดูคมิ หันต์ จติ รมาส ( เดือน ๕ ) โลกสมมตุ วิ ่าเปน็ วันมหาสงกรานต์ คือ พระอาทิตยย์ กจากราศมี นี ประเวสสู่ราศีเมษ คนทง้ั หลายพากนั เลน่ นกั ขัตฤกษ์เป็นการร่ืนเรงิ ข้ึนปีใหมท่ ั่วชมพูทวปี ขณะน้ันเศรษฐีจงึ พาข้าทาสบริวาร ไปยงั ต้นไทรริมฝั่งแมน่ า้ อัน เปน็ ท่อี ยู่แหง่ ปกั ษีชาติทงั้ หลาย เอาข้าวสารซาวนา้ ๗ ครง้ั แลว้ หงุ บูชา รุกขพระไทรพรอ้ มด้วยสปู พยัญชนะอนั ประณีต และประโคมด้วยดุริยางคด์ นตรีตา่ ง ๆ ต้ังจติ อธษิ ฐาน ขอบตุ รจากรุกขพระไทร รุกขพระไทรมคี วาม กรุณา เหาะไปขอบตุ รกับพระอินทร์ให้กับเศรษฐี พระอินทรจ์ ึงใหธ้ รรมบาลเทวบตุ ร ลงไปปฏิสนธใิ นครรภ์ บิดามารดาขนานนามวา่ ธรรมบาลกุมาร แลว้ จงึ ปลกู ปราสาทขึน้ ให้กมุ ารอย่ใู ต้ต้นไทรรมิ สระฝัง่ แม่น้านั้น ครนั้ กมุ ารเจริญข้นึ ก็รูภ้ าษานกแลว้ เรยี นจบ ไตรเพทเมื่ออายุได้ ๘ ขวบ และได้เป็นอาจารย์บอกมงคลการต่าง ๆ แกม่ นุษย์ ชาวชมพูทวีปทงั้ ปวงซึง่ ขณะนน้ั โลกทัง้ หลายนบั ถือทา้ วมหาพรหม และกบิลพรหมองค์หนึง่ ไดแ้ สดง มงคลการแก่มนุษย์ทั้งปวง เมื่อกบลิ พรหม แจ้งเหตุทธ่ี รรมกุมารเป็นผมู้ ีช่ือเสียง เป็นทีน่ ับถือของมนษุ ย์ชาวโลกท้งั หลาย จงึ ลงมาถามปัญหาแกธ่ รรมกุมาร ๓ ขอ้ ความวา่

4 เวลาเช้า สริ คิ อื ราศีอยู่ท่ีไหน เวลาเทีย่ ง สริ ิคือราศีอยู่ทไ่ี หน เวลาเยน็ สริ ริ าศีอยู่ท่ีไหน และสญั ญาวา่ ถา้ ท่านแก้ปัญหา ๓ ขอ้ น้ไี ด้เราจะตัดศีรษะเราบูชาท่าน ถา้ ทา่ นแก้ไม่ได้ เราจะตัดศีรษะของทา่ น เสีย ธรรมกมุ ารรบั สญั ญา แต่ผลัดแก้ปญั หาไป ๗ วนั กบิลพรหมก็กลับไปยงั พรหมโลก ฝา่ ยธรรมบาลกมุ าร พิจารณาปญั หาน้ันล่วงไปได้ ๖ วันแล้วยงั ไมเ่ หน็ อบุ ายที่จะตอบปญั หาได้ จงึ คิดวา่ พรงุ่ นี้แลว้ สหิ นอ เราจะต้อง ตายดว้ ยอาญาของท้าวกบิลพรหม เราหาต้องการไม่ จาจะหนีไป ซุกซ่อนตนเสยี ดกี วา่ คิดแล้วลงจากปราสาท เทย่ี วไปนอนทต่ี น้ ตาล ๒ ตน้ ซ่งึ มีนกอินทรี ๒ ตนผัวเมีย ทารังอยบู่ นต้นตาลนั้น ขณะที่ธรรมบาลกมุ ารนอน อยใู่ ตต้ ้นตาลน้ัน ไดย้ นิ เสียงนางนกอนิ ทรีถามผัวว่า พรุ่งนี้เรา จะไปหาอาหารท่ีไหน นกอินทรีผู้ผัวตอบว่า พรุ่งน้ีครบ ๗ วนั ที่ทา้ วกบลิ พรหม ถามปัญหาแกธ่ รรมบาล กุมาร แตธ่ รรมบาลกุมารแก้ไมไ่ ด้ ทา้ วกบลิ พรหม จะตดั ศีรษะเสียตามสญั ญา เราท้ัง ๒ จะได้กนิ เน้ือมนุษย์ คือ ธรรมบาลกมุ ารเปน็ อาหาร นางนกอนิ ทรีจงึ ถาม ว่าทา่ นร้ปู ญั หาหรอื ? ผู้ผวั ตอบวา่ รูแ้ ล้วก็เลา่ ใหน้ าง นกอนิ ทรีฟังตงั้ แต่ต้นจนปลายวา่ เวลาเช้าราศีอยู่ที่ หนา้ คนทง้ั หลายจึงเอานา้ ล้างหนา้ เวลาเท่ยี งราศีอยูท่ ี่ อก คนท้ังหลายจึงเอาน้าและแปง้ กระแจะจนั ทร์ลบู ไล้ท่ีอก เวลาเย็นราศีอยู่ท่ี เท้า คนทั้งหลายจงึ เอาน้าลา้ งเท้า ธรรมบาลกมุ ารนอนอยใู่ ต้ตน้ ไม้ได้ยนิ การสนทนาของท้ังสองก็จาได้ จงึ มีความโสมนัส ปตี ยิ ินดีเป็นอนั มาก แลว้ จงึ กลบั มาส่ปู ราสาทของตน ครนั้ ถึงวาระเปน็ คารบ ๗ ตามสัญญา ทา้ วกบลิ พรหมก็ลงมาถามปัญหาทัง้ ๓ข้อ ตามทีน่ ัด หมายกนั ไว้ ธรรมบาลกุมารก็วิสัชนาแก้ปัญหาทัง้ ๓ ขอ้ ตามที่ได้ฟงั มาจากนกอินทรนี ้ัน ทา้ วกบลิ พรหม ยอมรบั วา่ ถกู ต้องและยอมแพ้แกธ่ รรมบาลกมุ าร และจาต้องตัดศีรษะของตนบูชาตามทสี่ ัญญาไว้ แต่ กอ่ นที่ จะตัดศรี ษะ ได้ตดั เรยี กธิดาท้งั ๗ อนั เปน็ บาทบริจาริกาของพระอนิ ทร์ คือ นางทุงษะเทวี นางรากษเทวี นางโคราคเทวี นางกริ ณิ ีเทวี นางมณฑาเทวี นางกมิ ิทาเทวี นางมโหธรเทวี อนั โลกสมมตุ วิ ่าเปน็ องค์มหาสงกรานต์ กบั ทั้งเทพบรรษทั มาพร้อมกัน แล้วจงึ บอกเร่ืองราว ใหท้ ราบและตรสั วา่ พระเศียรของเรานี้ ถา้ ตงั้ ไว้บนแผ่นดนิ ก็จะเกิดไฟไหม้ไปท่วั โลกธาตุ ถ้าจะโยนขนึ้ ไปบนอากาศฝนกจ็ ะแลง้

5 เจา้ ท้งั ๗ จงเอาพานมารองรับเศียรของบิดาไว้เถิด ครัน้ แล้วท้าวกบิลพรหม ก็ตัดพระเศียรแค่พระศอสง่ ใหน้ าง ทงุ ษะเทวธี ิดาองค์ใหญ่ในขณะน้ัน โลกธาตกุ ็เกิดโกลาหลอลเวงยิง่ นัก เมอ่ื นางทุงษะมหาสงกรานตเ์ อาพาน รองรับพระเศยี รของทา้ วกบิลพรหมแล้วก็ ให้เทพบรรษัท แห่ประทักษิณ เวียนรอบเขาพระสเุ มรุราช ๖๐ นาที แล้วจงึ เชญิ เข้าประดิษฐานไวใ้ นมณฑป ณ ถา้ คนั ธธุลี เขาไกรลาศ กระทาบูชาดว้ ยเคร่ืองทิพยต์ า่ งๆ พระ วิษณกุ รรมเทพบตุ รกเ็ นรมิตโลงแก้ว อันแลว้ ไปด้วย แก้ว ๗ ประการ ช่อื ภคั วดีให้เทพธดิ าและนางฟา้ แลว้ เทพยดาท้ังหลายก็นามาซ่ึงเถาฉมุนาตลงล้างน้า ในสระอโนดาต ๗ ครั้ง แล้วแจกกนั สงั เวยทวั่ ทกุ ๆ พระองค์ ครั้นไดว้ าระกาหนดครบ ๓๖๕ วนั โลกสมมตุ วิ า่ ปีหนงึ่ เปน็ วนั สงกรานตน์ างเทพธิดาทัง้ ๗ ก็ทรงเทพพาหนะ ต่างๆ ผลัดเปลย่ี นเวยี นกันมา เชิญพระเศียรกบลิ พรหมออกแหพ่ ร้อมดว้ ยเทพบรรษทั แสนโกฏิ ประทักษิณ เวยี นรอบเขาพระสเุ มรุ ราชบรรษัท ทกุ ๆ ปีแล้วกลบั ไปยังเทวโลก... \" ชอ่ื นางสงกรานต์ ดงั ไดก้ ล่าวมาแล้ววา่ ธดิ าทา้ วกบลิ พรหมมีอยู่ดว้ ยกัน ๗ นาง ถ้าปใี ดนางสงกรานต์ตรงกบั อะไรใน ๗ วัน นาง ทงั้ ๗ ก็ผลดั เปลย่ี นเวยี นกนั มารับเศียรของบิดาตนเพ่ือมใิ ห้ตกลงส่แู ผ่นดิน เพราะ จะเกดิ ฝนแล้งไฟไหม้โลก นางท้ัง ๗ มชี ่อื ต่างๆ กันและแต่งกายกแ็ ตกต่างกนั ออกไป ประกอบกบั อาวธุ ท่ีถือกแ็ ตกต่างกนั ด้วย ดงั นี้ วันอาทติ ย์ นางสงกรานต์ช่อื ทุงษะ ทัดดอกทับทมิ เครื่องประดับปทั มราช ( แก้วทบั ทิม ) ภกั ษาหาร อทุ ุมพร ( ผลมะเด่อื ) อาวธุ ขวาจักร ซา้ ยสงั ข์ พาหนะครุฑ วันจนั ทร์ นางสงกรานตช์ ่อื โคราคะ ทดั ดอกปบี เครื่องประดับมุกดา ภกั ษาหารเตละ (นา้ มัน) อาวธุ ขวาพระ ขรรค์ ซา้ ยไม้เท้า พาหนะพยัคฆ์ ( เสือ ) วันอังคาร นางสงกรานต์ชื่อ รากษก ทัดดอกบวั หลวง เคร่ืองประดับแกว้ โมรา ภกั ษาหาร โลหิต ( เลือด ) อาวธุ ขวาตรีศูล ( หลาว ๓ ง่าม ) ซา้ ยธนู พาหนะวราหะ ( หมู ) วันพุธ นางสงกรานต์ชือ่ มณฑา ทดั ดอกจาปา เครอ่ื งประดับไพฑรู ย์ ภกั ษาหารนมเนย อาวธุ ขวาเขม็ ซ้ายไม้ เท้า พาหนะคทั รภา ( ลา ) วันพฤหัสบดี นางสงกรานต์ช่ือ กิริณี ทัดดอกมณฑา เครื่องประดบั มรกต ภักษาหารถว่ั งา อาวุธขวาขอ ซา้ ยปืน พาหนะคช (ช้าง) วนั ศุกร์ นางสงกรานต์ชื่อ กทิ ิมา ทดั ดอกจงกลณี เครื่องประดบั บษุ ราคมั ภักษาหารกล้วยน้า อาวุธขวาพระ ขรรค์ ซา้ ยพิณ พาหนะมหงิ ส์ ( ควาย ) วันเสาร์ นางสงกรานตช์ ื่อ มโหธร ทดั ดอกสามหาว เครื่องประดบั นิลรัตน์ ภกั ษาหารเน้ือทราย อาวุธขวาจักร ซ้ายตรี พาหนะมยรุ า ( นกยูง )

6 ประเพณกี ารทาบญุ ในวนั สงกรานต์ แม้ เราจะถือเอาวันที่ 1 มกราคม เป็นวนั ขน้ึ ปีใหม่ตามหลักสากล แตธ่ รรมเนยี มไทยยงั ให้ความสาคญั กับวัน สงกรานตอ์ ยู่ โดยถือเอาเป็นวนั ขน้ึ ปีใหมต่ ามแบบไทย ดงั น้ันเม่ือใกล้ถึงวนั สงกรานต์การตระเตรยี มทาความ สะอาดอาคารบา้ นเรอื น และเตรียมข้าวของที่จะทาบุญตักบาตร การทาบญุ ตกั บาตรและการสร้างกศุ ลดว้ ยการปล่อยนกปล่อยปลา สมัย โบราณ เมอ่ื ถึงวันสงกรานต์ประชาชนจะพากันตื่นแต่เชา้ มดื เตรยี มหุงขา้ วตม้ แกง เพื่อนาไปทาบุญทว่ี ัด ทุกคนจะแตง่ กายดว้ ยเสื้อผ้าชุดใหม่สสี ันสดใส โดยเฉพาะหนมุ่ สาวเพราะจะได้มโี อกาสพบปะพูดคุยกันได้อยา่ ง สะดวก แต่กต็ ้องอยใู่ นสายตาของผู้ใหญ่ เม่ือทาบุญตักบาตรหรือเล้ยี งพระเป็นท่เี รยี บร้อยแล้ว จะมีการบังสุกุลอัฐิของบรรพบรุ ุ ผู้ลว่ งลบั เพ่ืออุทศิ ส่วน กศุ ลไปให้ นอกจากน้นั ยงั มีกจิ กรรมอน่ื ๆ เช่น ก่อพระเจดีย์ทราย ซ่งึ เปน็ การขนทรายเขา้ วดั สาหรับไวใ้ ชใ้ นงาน กอ่ สรา้ งโบสถ์วหิ าร มีการปล่อยนกปล่อยปลาซึ่งเท่ากบั เป็นการแพร่ขยายพันธ์สัตวใ์ ห้คงอยูไ่ ปช่วั ลกู ชั่วหลาน และที่จะขาดเสยี ไม่ไดก้ ็คือการสรงน้าพระการรดนา้ ดาหวั ขอพรจากผ้ใู หญ่ รวมไปจนถงึ การเล่นสาดนา้ กนั เอง ในหมู่หนมุ่ สาว การสรงนาพระพทุ ธรปู ,การสรงนาพระสงฆ์ ชาวบา้ นจะนาดอกไม้ธปู เทยี นไปบชู า แล้วเอาน้าอบไปประพรมท่ีองค์พระ เพ่ือความเปน็ สริ ิมงคล บางแห่งมี การอญั เชิญพระพทุ ธรปู แห่แหนไปรอบๆหมบู่ ้าน เพื่อใหป้ ระชาชนมีโอกาสได้สรงนา้ กันอยา่ งท่วั ถึงหรือจะ อัญเชิญพระพุทธรูปจาก ห้งิ บูชาในบา้ นมาทาพธิ สี รงน้ากนั ในหมญู่ าติพ่ีน้องก็ได้ ชาวบ้านจะไดไ้ ปชุมนุมกันทว่ี ดั นมิ นตพ์ ระในวดั มายังสถานท่ีประกอบพธิ ี การรดนา้ ควรรดท่ีมือของทา่ น ไม่ ควรตกั ราดเหมือนกับเปน็ การอาบน้าจริง ๆ เพราะพระสงฆ์ถือเปน็ เพชรทสี่ ูงกวา่ คนธรรมดาท่ัวไป นา้ ท่ใี ช้ต้อง เป็นน้าฝนหรือน้าสะอาดผสมนา้ อบไทย เมอื่ สรงน้าแลว้ พระทา่ นกจ็ ะให้ศลี ใหพ้ รเพื่อความเปน็ สิรมิ งคล การรดนาดาหัวขอพรญาตผิ ู้ใหญ่และผูท้ ่เี คารพนับถือ การ รดน้าผู้ใหญ่ หากระทากันเองในบา้ น ลูกหลานจะเชญิ พอ่ แม่ ปูย่ า่ ตายาย ญาตผิ ใู้ หญ่ มาน่งั ในท่จี ดั ไว้ แลว้ นาน้าอบนา้ หอมผสมนา้ มารดใหท้ ่าน อาจรดทมี่ ือหรอื รดทั้งตัวไปเลยกม็ ใี นระหว่างที่รดน้าท่านกใ็ ห้พรแก่ ลูกหลาน เสรจ็ พิธแี ล้วจึงผลัดนุ่งผา้ ใหม่ทีล่ ูกหลานจดั เตรียมไว้ให้ เป็นการสรา้ งความสัมพันธอ์ ันดภี ายใน ครอบครัว การรดน้าดาหัวผู้ใหญซ่ ่ึงเป็นทเ่ี คารพนบั ถอื สว่ นใหญจ่ ะมีผา้ ไหว้เชน่ เส้ือผ้าและผ้าขาวม้าไปมอบให้ ดว้ ย การรดนา้ สว่ นใหญจ่ ะรดท่ีมอื ขอศลี ขอพร เปน็ การแสดงความเคารพผู้มีอาวุโสและผมู้ ีพระคุณตามธรรม เนียมอนั ดีของไทย บางหมบู่ ้านอาจเชิญคนแกค่ นเฒ่ามารวมกัน แล้วใหล้ กู ๆ หลาน ๆ ทาพิธรี ดน้าขอพร ซ่ึง เป็นประเพณีอันดงี ามท่คี วรชว่ ยกนั ส่งเสรมิ และอนรุ ักษ์ไว้ การเล่นสาดนาสาหรับหนุ่มสาว หลัง จากทาพิธสี รงนา้ พระพุทธรปู สรงน้าพระสงฆ์ และรดน้าขอพรจากญาติผ้ใู หญแ่ ลว้ พวกหนุ่ม ๆสาวๆ ก็จะ เล่นสาดน้ากันอย่างสนกุ สนาน ซง่ึ น้าทใี่ ชน้ ามาสาดกนั น้นั ตอ้ งเป็นน้าสะอาดผสมน้าอบมกี ลน่ิ หอม เด็กบางคน

7 ไมเ่ ขา้ ใจถึงวฒั นธรรมถงึ จดุ ประสงคข์ องการเลน่ สาดนา้ ในวันสงกรานต์ เอาน้าผสมสหี รือผสมเมลด็ แมงลัก แลว้ นาไปสาดผอู้ น่ื ซ่ึงเปน็ การปฏิบัติท่ไี ม่ถูกต้อง สถานที่เลน่ สาดนา้ สวนใหญ่เป็นลานวดั หรอื ลานกว้างของ หมูบ่ ้าน พอเหนอ่ื ยก็จะมีขนมและอาหารเลีย้ ง ซึง่ ชาวบ้านจะช่วยกันเร่ียไรออกเงนิ และช่วยกันทาไว้ จนถงึ ตอน เย็นจึงแยกย้ายกันกลับไปบา้ นเพือ่ อาบน้าเปลยี่ นเสื้อผา้ ชดุ ใหม่ แลว้ มาชุมนมุ กันท่ีลาดวัดอกี คร้งั เพ่ือรว่ ม การละเล่นพื้นเมือง การละเลน่ พืนบา้ นในวนั สงกรานต์ การ ละเล่นพนื้ บา้ นหรือจะเรยี กวา่ กฬี าพืน้ เมืองกไ็ ด้ เปน็ เกมทส่ี รา้ งความสนุกสนานสามัคคี และความใกลช้ ดิ ผกู พนั พวกหนุ่ม ๆสาว ๆ จะแบง่ กนั เปน็ สองฝา่ ย จดั ทมี เพอ่ื เลน่ แขง่ ขันกับฝ่ายตรงขา้ ม มีผ้ใู หญเ่ ป็นกรรมการ หรอื ผู้ควบคุม สว่ นคนเฒา่ คนแก่ก็คอยสง่ เสียงเชยี รใ์ ห้กาลังใจอยวู่ งนอก การ ละเล่นทีน่ ยิ มนามาเลน่ กันในงานสงกรานต์ มีหลายอย่าง เช่น ชักเยอ่ ไม้หึง่ งูกินหาง ช่วงชยั ว่ิงเปี้ยว เขย่งแตะ หลบั ตาตีหม้อ มอญซ่อนผ้า สะบ้า ขี่มา้ สง่ เมือง ลิงชิงหลกั ฯลฯ นอกจากนน้ั มกี ารเล่นเพลงยาว ลา ตัด ราวง ฯลฯ การประกวดนางสงกรานตซ์ ่ึงแตล่ ะกิจกรรมรว่ มสรา้ งความสนุกสนานเปน็ กนั เอง หนุม่ สาวได้มี โอกาสใกลช้ ิดกัน ไดศ้ ึกษาดูนิสัยใจคอ ได้มโี อกาสพูดจาโอภาปราศรัยกัน ประเพณีการทาบญุ และการละเลน่ ในวนั สงกรานตแ์ ตล่ ะท้องถิน่ อาจ มผี ิดแตกต่างกนั ไปบ้างตามความและยุค สมยั ในชนบทอาจกาหนดวนั ทาบญุ และวนั สรงน้า พระไม่ตรงกันในแต่ละหมบู่ ้าน ด้วยเหตุนี้ พวกหนมุ่ ๆจึงมี โอกาสไปเล่นสงกรานต์ไดห้ ลายแหง่ ในแตล่ ะปี วันสงกรานต์จงึ ถือเป็นประเพณหี น่งึ ในหลาย ๆ ประเพณขี อง ไทยแต่โบราณ ทีเ่ ปิดโอกาสใหห้ นมุ่ สาวไดเ้ ลอื กคู่หรือดูอุปนิสยั ใจคอกนั โดยเปิดเผยโดยไม่ ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ตอ่ สายตาผู้ใหญ่ กจิ กรรมวันสงกรานต์ การทาบุญตักบาตร ถือว่าเป็นการสรา้ งบุญสรา้ งกุศลให้ตัวเอง และ อทุ ศิ สว่ นกุศลนน้ั แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว การ ทาบญุ แบบน้มี ักจะเตรียมไว้ล่วงหนา้ นาอาหารไปตักบาตรถวายพระภกิ ษุที่ศาลาวัด ซ่ึงจัดเป็นทร่ี วมสาหรับ ทาบญุ ในวันน้หี ลงั จากที่ไดท้ าบญุ เสรจ็ แลว้ กจ็ ะมีการก่อพระทรายอนั เปน็ ประเพณีดว้ ย การรดน้า เปน็ การอวยพรปใี หมใ่ หก้ นั และกนั น้าที่รดมักใชน้ ้าหอมเจือดว้ ยน้าธรรมดา การสรงนา้ พระ จะรดนา้ พระพุทธรปู ที่บ้านและที่วดั และบางทจ่ี ดั สรงน้าพระสงฆ์ ด้วย การรดน้าผูใ้ หญ่ คอื การไปอวยพรให้ผใู้ หญ่ท่ีเคารพนบั ถือ ครบู าอาจารย์ ท่านผู้ใหญ่มักจะนงั่ ลงแลว้ ผ้ทู ี่รดก็ จะเอานา้ หอมเจือกับนา้ รดที่มือท่าน ทา่ นจะให้ศลี ให้พรผูท้ ่ีไปรด ถา้ เป็นพระก็จะนาผ้าสบงไปถวายให้ทา่ น ผลัดเปล่ียนดว้ ย หากเป็นฆราวาสกจ็ ะหาผา้ ถุง ผา้ ขาวมา้ ไปให้ การดาหวั กค็ อื การรดน้านน่ั เอง แต่เปน็ คาเมืองทางภาคเหนือ การดาหัวเรยี กกนั เฉพาะการรดนา้ ผ้ใู หญท่ ่ีเรา เคารพนบั ถอื ผู้สูงอายุ คอื การขอขมาในสิง่ ท่ีได้ลว่ งเกินไปแล้ว หรอื การขอพรปใี หมจ่ ากผ้ใู หญ่ ของทีใ่ ช้ในการ ดาหัวส่วนมากมผี า้ ขนหนู มะพรา้ ว กลว้ ย และ ส้มป่อย

8 การปล่อยนกปลอ่ ยปลา ถือเป็นการลา้ งบาปท่ีทาไว้ เปน็ การสะเดาะเคราะหร์ ้ายใหม้ แี ต่ความสุขความสบาย ในวนั ข้นึ ปีใหม่ การนาทรายเขา้ วดั ทางภาคเหนอื นิยมขนทรายเข้าวดั เพอ่ื เปน็ นิมิตโชคลาภ ให้มคี วามสุขความเจริญ เงินทอง ไหลมาเทมาดุจทรายท่ีขนเข้าวดั ความสาคญั ของวนั สงกรานต์ -เป็นวนั หยุดพกั ผอ่ นประจาปตี ามประเพณีไทย และถือเป็นวนั หยดุ ประกอบการงานหรอื ธุรกจิ ทั่วไป -เป็นวนั ทาบญุ ตักบาตรจดั จตปุ จั จัยไทยธรรมถวายพระบงั สกลุ กระดูกพรรพบรุ ุษ กรวดนา้ อุทิศสว่ นกุศล ให้แก่ญาตผิ ูล้ ว่ งลบั -เปน็ วนั แสดงความกตัญญกู ตเวทตี ่อบรรพบุรษุ ในวันนี้จะมกี ารไปรดนา้ ดาหัวขอพรจาก พ่อแม่ ผ้เู ฒ่าผู้ แก่ที่เคารพนับถือ วนั สงกรานต์ถือเปน็ วนั สงู อายุแห่งชาติ -เปน็ วันรวมญาติมิตรท่ีจากไปอย่แู ดนไกลเพือ่ ประกอบภาระ หน้าทง่ี านอาชพี ของตน เมือ่ ถงึ วัน สงกรานตท์ ุกคนจะกลับมารว่ มทาบุญสร้างกศุ ล จึงถือเอาวนั ท่ี 15 เมษายน ซ่ึงอยู่ในช่วงสงกรานต์เปน็ วนั รวม ญาตหิ รือวันครอบครัว -เปน็ วนั อนรุ ักษ์วัฒนธรรมไทย และส่งเสรมิ การละเล่นตามประเพณีไทย เช่น มกี ารทาบุญตกั บาตร เล่น สาดนา้ ชกั เยอ่ มอญซ่อนผ้า เลน่ สะบา้ ฯลฯ -เป็นวนั ประกอบพธิ ีทางศาสนา เชน่ มีการทาบญุ ตักบาตรจดั จตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระ บงั สุกลุ กระดูกบรรพบรุ ุษ กรวดนา้ อุทศิ สว่ นกุศลใหแ้ กญ่ าติผูล้ ว่ งลับ การสรงน้าพระพุทธรปู สรงน้าพระสงฆ์ ขนทราย เข้าวัด (ก่อพระเจดีย์ทราย ) รับศลี ปฏบิ ัติธรรมฯลฯ สรปุ ความสาคัญของวันสงกรานต์ เป็นวันหยดุ พกั ผ่อนประจาปี บันทกึ ไว้ สงกรานต์ ๒๕๖๓ รฐั บาลไมไ่ ดป้ ระกาศใหเ้ ป็น วนั หยุดราชการเพราะการระบาดของไวรัสCovid-19 เป็นวันทาบุญสร้างกุศล และประกอบพธิ ที างศาสนา เปน็ วนั อนรุ ักษ์และสบื สานวัฒนธรรมไทย เป็นวนั แสดงความกตญั ญูกตเวที และราลึกถึงผลู้ ่วงลับ เปน็ วนั ครอบครวั วันรวมญาติและวนั ผสู้ ูงอายุ เป็นวันอนุรกั ษ์พันธุส์ ตั ว์ เปน็ วันเลือกคู่ของหนุ่มสาว

9 “12” เรอ่ื งนา่ รูเ้ ก่ียวกับ “สงกรานต์ จะเห็นไดว้ า่ “ประเพณีสงกรานต์” เปน็ ประเพณที ่สี ืบทอดปฏิบัติต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน มีประวัติความ เปน็ มาทน่ี า่ สนใจอยูห่ ลายอย่างว่าทาไมถึงเกิดเปน็ “เทศกาลสงกรานต์” อย่างทีม่ ีอยูใ่ นปัจจบุ ันได้ แต่รู้หรอื ไม่ ในสงิ่ ท่ีเรารู้ ย่อมต้องมสี งิ่ ท่ีเราไม่ร้แู ฝงอยดู่ ว้ ย วันนเี้ ราจะพามาดภู าพรวมกนั ว่า 13 เรื่องนา่ รู้เกย่ี วกับสงกรานต์ นั้นมีอะไรกนั บ้าง โดยปกตแิ ล้วในวนั สงกรานต์สิ่งทีค่ นไทยมักจะทากนั เป็นกจิ วัตรประจาทกุ ปี ได้แก่ การทาบุญทาทาน สรงนา้ พระ รดนา้ ดาหวั ผูห้ ลักผใู้ หญ่ การทาความสะอาดบ้านเรือน และการเล่นสงกรานตส์ าดน้ากันเพ่ือนสรา้ งความ ชมุ่ เยน็ ใหก้ บั ร่างกาย ดงั จะเห็นได้จากตามพืน้ ที่ ตามจังหวดั ตา่ งๆ แต่สงกรานต์ไม่ได้มีเพยี งเท่าน้นั ยังมี เร่ืองราวทีน่ า่ สนใจเพิม่ เติมอีกดงั ิน้ี 1. สมัยกอ่ น “วันปใี หม่ไทย” ไมไ่ ดต้ รงกับวนั สงกรานต์ ในสมยั โบราณ เราได้ถอื เอาวันขน้ึ 1 คา่ เปน็ “วนั ปีใหมไ่ ทย” ก่อนทีเ่ ราจะเปล่ียนมาถือเอาวนั สงกรานต์นนั้ เปน็ วนั ปีใหมไ่ ทยแทน 2. ไม่ใชแ่ ค่ชาวไทยทม่ี ปี ระเพณีสงกรานต์เท่านน้ั แตช่ นชาติอน่ื ๆ กย็ งั มเี หมือนกนั นอกจากชาวไทยท่ีมีประเพณีสงกรานตแ์ ลว้ ชนชาติอืน่ อย่าง พม่า มอญ ลาว หรือแม้แต่ชนชาตไิ ทยเชื้อสาย ตา่ งๆ ทเี่ ปน็ สว่ นนอ้ ยในจนี อินเดยี ล้วนแตก่ ม็ ปี ระเพณีสงกรานต์ทป่ี ฏิบัติสืบตอ่ กันมายาวนานเช่นเดียวกัน และถือวา่ วันสงกรานต์เปน็ วันเริ่มตน้ ปใี หม่ของพวกเขาดว้ ยเชน่ กนั 3. ภาคกลางเรียกวันที่ 13 เมษายน วา่ เป็น “วันมหาสงกรานต์” ซงึ่ ในวันท่ี 13 เมษายนของทุกปี ได้ประกาศให้เป็น “วันผู้สูงอายุแหง่ ชาติ” ในวนั ท่ี 14 เมษายน เรยี กวา่ “วนั เนา” จากน้นั ในสมัยรฐั บาลของพลเอกชาตชิ าย ชุณหะวัณ ได้ประกาศใหใ้ นวนั นี้เป็น “วนั ครอบครวั ” อีกด้วย สว่ นในวนั ท่ี 15 เมษายน คือ “วันเถลงิ ศก” เป็นวันเรมิ่ ต้นจุลศกั ราชใหม่ 4. ภาคเหนอื หรอื ทางลา้ นนาเรยี กวนั ที่ 13 เมษายน ว่าเปน็ “วันสงั ขารลอ่ ง” “วนั สังขารล่อง” ผหู้ ลกั ผใู้ หญท่ างภาคเหนอื หรือทางลา้ นนาไดใ้ ห้ความหมายของวนั นีว้ ่าเปน็ วนั ส้ินอายไุ ปอกี ปี ในวนั ท่ี 14 เมษายน เรยี กวา่ “วันเนา่ ” เป็นวนั ทีช่ าวล้านนาเชอื่ กันว่าห้ามพูดจาหยาบคาย มิเช่นนนั้ ปากจะ เนา่ และชวี ิตจะไมเ่ จริญร่งุ เรืองไปตลอดทั้งปี สว่ นในวันท่ี 15 เมษายน เรยี กว่า “วนั พญาวัน” เป็นวนั เปล่ยี นศก ใหม่ 5. ภาคใต้เรยี กวนั ท่ี 13 เมษายน วา่ เป็น “วันเจา้ เมอื งเก่า” หรือ “วนั ส่งเจ้าเมอื งเก่า” โดยในวันที่ 13 น้ี ชาวภาคใตเ้ ชอ่ื กันว่าจะเปน็ วนั ท่ีเทวดาที่คอยปกปักรักษาบา้ นเมอื งจะเดนิ ทางกลับไปชมุ นุม ทส่ี วรรค์ ในวันท่ี 14 เมษายน เรยี กวา่ “วนั วา่ ง” คอื วันที่ไร้ซึง่ เทวดารักษาบา้ นเมือง เพราะฉะน้นั ในวนั นี้ ชาวบา้ นจะงดงานอาชพี ตา่ งๆ เพอ่ื เดนิ ทางไปทาบุญท่วี ัด ส่วนในวนั ท่ี 15 เมษายน เรยี กวา่ “วันรบั เจา้ เมือง

10 ใหม่” เปน็ การต้อนรบั เทวดาองค์ทีล่ งมาปกปักรักษาบา้ นเมืองแทนเทวดาองค์เดิมที่ไดย้ ้ายไปประจายังเมืองอ่ืน แลว้ 6. ตานานสงกรานต์ที่ถูกจารึก ตานานสงกรานต์ ก็คือเร่ืองเล่าเกยี่ วกบั ประเพณวี ันสงกรานต์ รวมถึงนางสงกรานตท์ ั้ง 7 โดยรชั กาลที่ 3 ทรง โปรดเกลา้ ฯ ให้จารึกลงในแผ่นศิลา 7 แผ่น แปะประดับไว้ทีศ่ าลารอบมณฑบทศิ เหนอื ในวัดพระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม หรือวัดโพธิส 7. นางสงกรานต์ คือ นางฟา้ ทก่ี าเนดิ ในช้นั จตุมหาราชกิ า นางสงกรานตท์ ้ัง 7 องค์ เป็นพี่น้องกนั กาเนดิ อย่ใู นสวรรค์ชั้นจตมุ หาราชกิ าซงึ่ เป็นช้ันตา่ ท่สี ุด โดยทง้ั 7 ล้วน แตบ่ าทบริจารกิ าของ “พระอินทร์” หรือถา้ ในเทียบในปจั จบุ ันก็มลี กั ษณะคลา้ ยกบั นางบาเรอของจอมเทวราช อกี ทั้งทง้ั 7 ยังเปน็ ธิดาของทา้ วกบลิ พรหมตามตานานอีกด้วย 8. นางสงกรานตน์ ามตามวนั ในแต่ละสัปดาห์ นาง ทงุ ษะเทวี ประจา วนั อาทิตย์ นาง โคราคเทวี ประจา วันจนั ทร์ นาง รากษสเทวี ประจา วันองั คาร นาง มณฑา ประจา วนั พุธ นาง กริ ณิ ี ประจา วันพฤหสั บดี นาง กมิ ทิ า ประจา วนั ศุกร์ นาง มโทร ประจา วันเสาร์ 9. นางสงกรานตแ์ ตล่ ะองค์มีพาหนะค่กู ายทไ่ี มเ่ หมอื นกนั พาหนะค่กู ายของนางสงกรานตจ์ ะต่างกันไปตามลาดบั วนั ในสปั ดาห์ ไดแ้ ก่ นาง ทุงษะ ขค่ี รฑุ , นาง โคราค ข่ี เสือ, นาง รากษสขหี่ มู, นาง มณฑา ขี่ลา, นาง กริ ิณี ข่ชี ้าง, นาง กิมิทา ข่คี วาย, นาง มโหทร ขี่นกยูง ซึ่งสตั ว์ ประจานางสงกรานตจ์ ะไม่ได้เป็นไปตามปนี ักษตั รนัน้ ๆ อยา่ งท่ีหลายคนเขา้ ใจ 10. รูห้ รือเปล่า ? คาว่า “ดาหวั ” แปลวา่ “สระผม” ถา้ ให้แปลตรงตามตัว คาวา่ “ดาหวั ” นนั้ หมายถงึ การสระผม แตใ่ นความหมายของทางล้านนาแล้ว การ “ดา หัว” อาจหมายถึง การเดนิ ทางไปขออโหสกิ รรมในสง่ิ ทเ่ี รากระทาผดิ ส่งิ ท่ีไดล้ ว่ งเกินในชว่ งเวลาทีม่ า มกี ารขอ พรเพื่อใหเ้ กดิ ความเปน็ สริ มิ งคลต่อชีวิต จากญาติผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส หรือครบู าอาจารย์ 11. ในวนั สงกรานตจ์ ะมสี ัตว์ชนิดหนึง่ กาเนิดขึ้น

11 ขอ้ นนี้ า่ จะเปน็ เรอื่ งใหม่ แตเ่ ป็นเร่อื งที่เกิดขนึ้ มานานมากแล้ว เก่ียวข้องกับส่ิงมีชวี ติ ชนิดหนึ่งท่ีมกั เกดิ ขึน้ ในช่วง สงกรานตต์ ามแม่นา้ ลาคลอง ซึง่ คนสมัยก่อนเรยี กวา่ “ตัวสงกรานต์” เป็นสง่ิ มีชีวิตท่มี ีลักษณะคล้ายไสเ้ ดือน เลก็ เทา่ เส้นด้ายประมาณ 2 นวิ้ มสี ีสะท้อนเมื่อต้องกับแสง มคี วามสามารถเปลย่ี นสีไปไดเ้ รื่อยๆ มักอยูร่ วมกัน เปน็ ฝูง จะสะท้อนเป็นแสงสสี วยงาม เมอื่ จับขึ้นพ้นน้า สีเหลา่ นั้นจะหายไป ตวั จะขาดเป็นท่อนเล็กๆ และเหลว ละลาย ปจั จบุ ันเช่ือวา่ สิง่ มีชีวติ ชนิดนี้ไดส้ ญู พันธุไ์ ปแล้ว 12. ทม่ี าของการก่อเจดยี ์ทราย การก่อเจดยี ์ทรายมเี รอ่ื งเลา่ ต่อๆ กันมาวา่ ในมยั ก่อน “พระเจา้ ปเสนทโิ กศล” ได้เสดจ็ ไปยังเมอื งสาวตั ถพี ร้อม ดว้ ยบริวาร พระองคไ์ ด้ทอดพระเนตรเห็นหาดทรายขาวบริสุทธสิ จึงเกิดจิตศรัทธาก่อทรายขนึ้ เปน็ เจดยี ์ทั้งสน้ิ 8 หมน่ื 4 พันองค์เพื่ออทุ ิศเปน็ พทุ ธบูชา ซึ่งเม่ือพระเจา้ ปเสนทิโกศลได้ทรงเขา้ เฝา้ พระพุทธเจ้าจงึ ไดท้ รงทูลถาม อานสิ งส์ของการสร้างเจดีย์ทรายดงั กล่าว พระพุทธเจ้าตรสั รับว่า การทม่ี จี ิตใจเล่ือมใสศรัทธาก่อสร้างเจดีย์ ทราย 8 หม่นื 4 พันองค์ หรือแมแ้ ต่องค์เดยี วกจ็ ะไดร้ บั อานิสงสม์ าก จะไมต่ กนรกหลายร้อยขมุ หากเกิดเป็น มนษุ ย์ก็จะเพียบพร้อมไปด้วยยศถาบรรดาศกั ดสิ เงนิ ทอง เม่ือตายก็จะไดข้ นึ้ สวรรค์ จึงเป็นทีม่ า

12 วนั ครอบครวั 14 เมษายนของทกุ ปี ประวตั ิวนั ครอบครวั ความสาคญั ของวนั ครอบครัว ครอบครวั คือ สถาบนั มูลฐานของมนษุ ย์ชาติ เป็นหน่วยขนาดเล็กท่ีสุดของสังคม เปน็ ผู้สร้างและกาหนด สถานภาพ สทิ ธิ หนา้ ทีข่ องบุคคลอันพงึ ปฏบิ ัติต่อกนั ในสังคม เปน็ สถาบันแหง่ แรกในการถา่ ยทอดวัฒนธรรม และพฒั นา ผรู้ ่วมครวั เรือน คือ สามี ภรรยา และบตุ ร การท่ที างราชการกาหนดวนั ครอบครัวข้ึนมานนั้ เนอื่ งจากตอ้ งการให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสาคัญของครอบครัวใหม้ ากข้นึ เพราะการที่วิถีชวี ติ ของคน ในสงั คมไทยเปลยี่ นแปลงไป ย่อมทาใหค้ รอบครัวมคี วามขัดแย้ง และห่างเหินกนั มากขนึ้ ซงึ่ อาจก่อใหเ้ กดิ ปญั หาสงั คมตามมาทหี ลังได้ ประวัติวนั ครอบครวั เมอ่ื วนั ท่ี 31 ตลุ าคม พ.ศ. 2532 คณะรัฐมนตรี ซึง่ มพี ลเอกชาติชาย ชณุ หะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรไี ด้เสนอมติ โดยคุณหญิงสุพตั รา มาศดิตถ์ รฐั มนตรีประจาสานักนายกรัฐมนตรีในขณะนน้ั เปน็ ผูเ้ สนอ คณะรฐั มนตรี เหน็ ชอบด้วยและอนุมัติ ให้ วันท่ี 14 เมษายน ของทุกปี เป็นวันแหง่ ครอบครัว ซง่ึ ตรงกบั วนั สงกรานต์ของไทย เพราะโดยสว่ นใหญ่ในวนั นีเ้ ป็นวันทส่ี มาชกิ ในครอบครัวมโี อกาสพบปะกันได้โดยสะดวก การ ทีท่ างราชการกาหนดวนั ครอบครวั ขึ้นมาน้ัน เนื่องจากคณะกรรมมาธิการกจิ การสตรีและเยาวชน สภา ผแู้ ทนราษฎร ได้สรุปผลจากการศึกษาปัญหาเก่ียวกบั เดก็ และเยาวชน ว่าปัญหาครอบครัวเปน็ ปญั หาหนึง่ ท่ี สาคญั ทก่ี ่อให้เกิดเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ ตามมาเปน็ อนั มาก ไมว่ า่ จะเปน็ ปญั หายาเสพตดิ อาชญากรรม และปัญหา ต่าง ๆ อกี มากมาย ปญั หาเหลา่ นสี้ ว่ นหน่ึงเกิดจากครอบครัวด้วย เน่ืองจากครอบครัว ท่ีไม่มีความอบอุ่น

13 ขัดแยง้ ความไม่เขา้ ใจกนั ระหวา่ งคนในครอบครัว อีกทั้งลกั ษณะวถิ ีชีวติ ของครอบครวั ในสังคมไทย เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก สมาชิกในครอบครวั ตา่ งต้องด้ินรนทามาหาเลย้ี งชพี หนุม่ สาวที่อยตู่ า่ งจงั หวัดก็เข้า มาในเมืองเพอ่ื หางานทา ทาให้ตอ้ งทง้ิ พ่อแม่ทช่ี ราภาพไว้ตามลาพัง พ่อแมท่ ีต่ ้องทางานหนักเพื่อเป็นค่าใชจ้ า่ ย สาหรบั ลกู และครอบครัว ไม่มีเวลาส่งั สอนอบรมลูก ซึ่งส่ิงเหล่านลี้ ว้ น แตจ่ ะสร้างปญั หาใหก้ บั สงั คม กจิ กรรมในวนั ครอบครัว จดั นทิ รรศการเพื่อใหป้ ระชาชนเกดิ ความรู้ ความเข้าใจในบทบาท หน้าที่ ของสมาชิกในครอบครัว จัดมอบรางวลั ใหส้ าหรับครอบครวั ดีเดน่ เพอื่ ยกย่องเชิดชเู กียรตคิ รอบครวั ท่ีทาคุณประโยชน์แกส่ ังคม และ ประเทศชาติ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook