Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อาณาจักรสุโขทัย

อาณาจักรสุโขทัย

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2021-01-18 06:22:18

Description: อาณาจักรสุโขทัย

Search

Read the Text Version

1 ประเทศไทยสมยั อาณาจกั รกรงุ สโุ ขทยั ประเทศไทย หรือช่ือทางการว่า ราชอาณาจักรไทย เป็นรัฐชาติอันต้ังอยู่บนคาบสมุทรอินโดจีนและมลายู ใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนด้านตะวันออกติดประเทศลาวและประเทศกัมพูชา ทิศใต้เป็นแดนต่อแดน ประเทศมาเลเซียและอ่าวไทย ทิศตะวันตกติดทะเลอันดามันและประเทศพม่า และทิศเหนือติดประเทศพม่าและลาว มี แม่น้าโขงก้ันเป็นบางช่วง ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบมีรัฐสภา มีศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดินอยู่ท่ี กรุงเทพมหานคร และการปกครองส่วนภูมิภาค จดั ระเบยี บเป็น 76 จงั หวดั ประเทศไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก มีเนื้อที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรมากเป็น อันดับที่ 20 ของโลก คือ ประมาณ 66 ล้านคน กับทั้งยังเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ โดยมีรายได้หลักจาก ภาคอุตสาหกรรมและการบรกิ าร ไทยมแี หล่งท่องเทยี่ วที่มชี ่ือเสยี งเปน็ อันมาก อาทิ พัทยา, ภูเก็ต, กรุงเทพมหานคร และ เชียงใหม่ ซ่ึงสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ เช่นเดียวกับการส่งออกอันมีส่วนส้าคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ และด้วยจีดีพีของ ประเทศ ซึง่ มีมูลค่าราว 334,026 ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ ตามที่ประมาณใน พ.ศ. 2553 เศรษฐกจิ ของประเทศไทยนับวา่ ใหญ่ เป็นอนั ดบั ท่ี 30 ของโลก ในอาณาเขตประเทศไทย พบหลักฐานของมนุษย์ซ่ึงมีอายุเก่าแก่ท่ีสุดถึงห้าแสนปี นักประวัติศาสตร์มักถือว่า อาณาจักรสุโขทัยเป็นจุดเร่ิมต้นของประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งต่อมาตกอยู่ในอิทธิพลของอาณาจักรอยุธยา อันมีความยิ่งใหญ่ กว่า และมีการติดต่อกับชาติตะวันตก อาณาจักรอยุธยามีอายุยืนยาว 417 ปีก็เสื่อมอ้านาจและล่มสลายไปโดยส้ินเชิง สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงกอบกู้เอกราชและสถาปนาอาณาจักรธนบุรี เหตุการณ์ความวุ่นวายในช่วงปลายอาณาจักร นา้ ไปสยู่ ุคสมัยของราชวงศ์จักรแี หง่ กรงุ รตั นโกสินทร์ ช่วงต้นกรุง ประเทศเผชิญภัยคุกคามจากชาติใกล้เคียง แต่หลังรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นตน้ มา ชาติตะวนั ตกเริ่มมีอิทธิพลในภมู ิภาคเป็นอย่างมาก น้าไปสู่การเข้าเป็นภาคีแห่งสนธสิ ัญญาหลายฉบบั และการ เสยี ดนิ แดนบางสว่ น กระน้ัน ไทยกย็ งั ธ้ารงตนมไิ ดเ้ ป็นอาณานิคมของชาตใิ ด ๆ ต่อมาจนชว่ งสงครามโลกครงั้ ที่หน่งึ ไทยได้ เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร และในปี พ.ศ. 2475 ได้มีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็น ประชาธิปไตย และไทยได้เข้ากับฝ่ายอักษะในระหว่างสงครามโลกครั้งท่ีสอง จนช่วงสงครามเย็น ไทยได้ด้าเนินน โยบาย เป็นพนั ธมิตรกบั สหรัฐอเมริกา ทหารเขา้ มามีบทบาทในการเมอื งไทยอยา่ งมากหลังปฏิวตั สิ ยามอยหู่ ลายสิบปี กระทง่ั มีการ ตงั้ รัฐบาลพลเรอื น และเข้าสูย่ คุ โลกเสรใี นปจั จบุ นั อาณาจักรสุโขทัย หรือ รัฐสุโขทัย เป็นอาณาจักร หรือรัฐในอดีตรัฐหน่ึง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ายม เป็นชุมชน โบราณมาตั้งแต่ยุคเหล็กตอนปลาย จนกระทั่งสถาปนาข้ึนราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลงั จากน้ันราวปี 1800 พ่อขนุ บางกลางหาวและพอ่ ขุนผาเมือง ได้ร่วมกันกระท้าการยดึ อ้านาจจากขอมสบาดโขลญลา้ พง ซึ่งท้าการเป็นผลส้าเร็จและได้สถาปนาเอกราชให้สุโขทัยเป็นรัฐอิสระ และมีความเจรญิ รุ่งเรืองตามล้าดับและเพ่ิมถงึ ขีดสุด ในสมัยพ่อขุนรามค้าแหงมหาราช ก่อนจะค่อยๆตกต่้า และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูก รวมเป็นสว่ นหนงึ่ ของอาณาจักรอยุธยาไปในทส่ี ดุ

2 อาณาจักรสุโขทัย ต้ังอยู่บนเส้นทางการค้าผ่านคาบสมุทรระหว่างอ่าวเมาะตะมะ และที่ราบลุ่มแม่น้าโขงตอนกลาง มี อาณาเขตดังนี้ ทศิ เหนือ มเี มืองแพร่ (ปจั จุบนั คอื แพร่) เป็นเมอื งปลายแดนดา้ นเหนือสุด ทิศใต้ มเี มอื งพระบาง (ปัจจบุ ันคอื นครสวรรค)์ เป็นเมอื งปลายแดนดา้ นใต้ ทิศตะวันตก มเี มืองฉอด (ปัจจบุ ันคือแมส่ อด) เป็นเมืองชายแดนท่จี ะติดตอ่ เขา้ ไปยงั อาณาจกั รมอญ ทิศตะวนั ออก ถึงเมืองสะคา้ ใกล้แมน่ ้าโขงในเขตภาคอีสานตอนเหนือ ความเจรญิ รงุ่ เรือง สภาพเศรษฐกิจสมัยสุโขทัยเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ดังข้อความปรากฏในหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 \"… ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้ามา้ ค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้า ทองค้า \" และ \"...เมืองสโุ ขทัยนี้ดี ในน้ามีปลาในนามีข้าว...\" ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมด้วยระบบการเกษตรแบบพึ่งพาธรรมชาติ เช่นสงั คมไทยส่วนใหญ่ในชนบทปัจจุบัน และ สง่ ออกเครือ่ งถว้ ยชามสังคโลก. ดา้ นสังคมและศาสนา การใช้ชีวิตของผู้คนในสมัยสุโขทัยมีความอิสรเสรี มีเสรีภาพอย่างมากเน่ืองจากผู้ปกครองรัฐให้อิสระแก่ไพร่ฟ้า และปกครองผ้ใู ต้ปกครองแบบพอ่ กับลูก ดังปรากฏหลักฐานในศิลาจารกึ ว่า \"…ด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเลือ่ น เสียง ขบั ใครจักมักเล่น เล่น ใครจักมักหัว หวั ใครจักมกั เลือ่ น เลื่อน…\" ดา้ นความเช่ือและศาสนา สงั คมยุคสุโขทัยประชาชนมีความเช่ือท้ังเร่ืองวิญญาณนิยม (Animism) ไสยศาสตร์ ศาสนาพราหมณ์ฮนิ ดู และ พทุ ธศาสนา ดงั ปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกหลกั ที่ 1 ด้านท่ี 3 ว่า \"…เบ้ืองหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้มีกุฎิวิหารปู่ครูอยู่ มีสรีด พงส์ มีป่าพร้าว ปา่ ลาง ปา่ ม่วง ปา่ ขาม มีนา้ โคก มีพระขระพงุ ผี เทพยาดาในเขาอนั นน้ั เป็นใหญก่ วา่ ทุกผใี นเมืองนี้ ขุนผู้ใด ถือเมืองสโุ ขทัยนี้แล้ว ไหว้ดีพลีถูก เมอื งนี้เท่ียว เมืองน้ดี ี ผิไหวบ้ ่ดี พลีบ่ถูก ผีในเขาอันน้ันบ่คุ้มบ่เกรง เมืองนี้หาย…\" ส่วน ด้านศาสนา ได้รับอิทธพิ ลจากพุทธศาสนานกิ ายเถรวาทแบบลงั กาวงศจ์ ากนครศรีธรรมราช ในวันพระ จะมภี ิกษุเทศนาส่ัง สอน ณ ลานธรรมในสวนตาล โดยใช้พระแท่นมนังคศิลาอาสน์ เป็นอาสนะสงฆ์ ในการบรรยายธรรมให้ประชาชนฟัง ยังผลให้ประชาชนในยคุ นี้นิยมปฏบิ ัติตนอยู่ในศีลธรรม มีการถือศีล โอยทานกันเป็นปกตวิ ิสัย ท้าให้สังคมโดยรวมมีความ สงบสขุ รม่ เยน็ ด้านการปกครอง อาณาจักรสโุ ขทัยปกครองดว้ ยระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ ซึ่งแบ่งออกได้เปน็ 2 ระยะ แบบพ่อปกครองลูก ในระยะแรกสุโขทัยมีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก พระมหากษัตริย์เรียกว่า \"พ่อขุน\" ซ่ึงเปรียบเสมือนพ่อท่ี จะต้องดูแลคุ้มครองลูก ในสมัยพ่อขุนรามค้าแหงมหาราช โปรดให้สร้างกระดิ่งแขวนไว้ที่หน้าประตูพระราชวัง เม่ือ ประชาชนมีเรื่องเดือดร้อนก็ให้ไปส่ันกระดิ่งร้องเรียน พระองค์ก็จะเสด็จมารับเรื่องราวร้องทุกข์ และโปรดให้สร้างพระ แท่นมนังคศิลาอาสน์ไว้กลางดงตาล ในวันพระจะนิมนต์พระสงฆ์มาเทศน์ส่ังสอนประชาชน หากเป็นวันธรรมดาพระองค์ จะเสด็จออกใหป้ ระชาชนเขา้ เฝ้าและตดั สินคดคี วามดว้ ยพระองค์เอง การปกครองแบบนป้ี รากฏในสมยั กรงุ สโุ ขทยั ตอนตน้

3 แบบธรรมราชา การปกครองแบบธรรมราชา หมายถึง พระมหากษัตริย์ผู้ทรงธรรม ในสมัยของพระมหาธรรมราชาท่ี 1 มีก้าลัง ทหารท่ีไม่เข้มแข็ง ประกอบกับอาณาจักรอยุธยาท่ีก่อต้ังข้ึนใหม่ได้แผ่อิทธิพลมากขึ้น พระองค์ทรงเกรงภัยอันตรายจะ บังเกิดแก่อาณาจักรสุโขทัย หากใช้ก้าลังทหารเพียงอย่างเดียว พระองค์จึงทรงน้าหลักธรรมมาใช้ในการปกครอง โดย พระองค์ทรงเป็น แบบอย่างในด้านการปฏิบัติธรรม ท้านุบ้ารุงพระพุทธศาสนา นอกจากน้ันพระมหาธรรมราชาที่ 1 ทรง พระราชนิพนธ์วรรณกรรมเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ที่ปรากฏแนวคิดแบบธรรมราชาไว้ดว้ ย การปกครองแบบน้ีใชใ้ นสมัยกรุง สโุ ขทัยตอนปลาย ตั้งแตพ่ ระมหาธรรมราชาที่ 1 - 4 ในแนวราบ จัดการปกครองแบบพ่อปกครองลูก กล่าวคือผู้ปกครองจะมีความใกล้ชิดกบั ประชาชน ให้ความเป็นกันเองและ ความยุติธรรมกบั ประชาชนเป็นอย่างมาก เมื่อประชาชนเกิดความเดอื ดร้อนไม่ได้รบั ความเปน็ ธรรม สามารถร้องเรยี นกับ พ่อขุนโดยตรงได้ โดยไปส่ันกระดิ่งที่แขวนไว้ท่ีหน้าประตูที่ประทับ ดังข้อความในศิลาจารึกปรากฏว่า \"…ในปากประตูมี กระด่งิ อนั หน่ึงไวใ้ ห้ ไพร่ฟา้ หน้าใส…\" นนั่ คอื เปิดโอกาสใหป้ ระชาชนสามารถมาสัน่ กระดิ่งเพอ่ื แจ้งข้อรอ้ งเรยี นได้ ภาพวาดลักษณะการปกครองสมัยสุโขทัย ในแนวด่ิง ไดม้ กี ารจัดระบบการปกครองขึ้นเปน็ 4 ชนช้นั คอื พ่อขุน เป็นชนช้ันผู้ปกครอง อาจเรียกช่ืออย่างอ่ืน เช่น เจ้าเมือง พระมหาธรรมราชา หากมีโอรสก็จะเรียก \"ลูกเจา้ \" ลูกขุน เป็นข้าราชบริพาร ข้าราชการที่มีต้าแหน่งหน้าที่ช่วงปกครองเมืองหลวง หัวเมืองใหญ่น้อย และภายใน ราชส้านกั เปน็ กลมุ่ คนท่ใี กลช้ ดิ และไดร้ ับการไว้วางใจจากเจา้ เมืองให้ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่บ้าบัดทุกข์บา้ รงุ สุขแก่ไพร่ฟ้า ไพรห่ รอื สามัญชน ได้แกร่ าษฎรทัว่ ไปท่อี ยใู่ นราชอาณาจกั ร (ไพรฟ่ า้ ) ทาส ได้แกช่ นชั้นทไ่ี มม่ อี ิสระในการด้ารงชวี ิตอย่างสามญั ชนหรือไพร่ (อย่างไรก็ตามประเด็นทาสนี้ยังคงถกเถยี ง กันอยู่วา่ มีหรอื ไม่)

4 ลกั ษณะการเมืองการปกครองแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ชว่ งแรก (พ.ศ. 1792 – 1822) เปน็ ช่วงทพี่ ่อขุนศรอี ินทราทิตย์เป็นยุคก่อตัง้ บา้ นเมืองขยายอาณาเขตไปถงึ ศรีสัช นาลัยตากก้าแพงเพชรพษิ ณโุ ลกพจิ ิตรนครสวรรคท์ างใตล้ งไปเพชรบุรแี ละราชบรุ ี ช่วงที่ 2 (พ.ศ. 1822 – 1842) เป็นสมัยพ่อขุนรามค้าแหงมหาราชมีการขยายอาณาเขตอย่างกว้างขวางไทย ยงั คงส่งบรรณาการใหจ้ ีนสมยั มองโกลถือวา่ เปน็ สมยั ท่ีเจรญิ สงู สดุ ช่วงท่ี 3 (พ.ศ. 1842 – 1921) เป็นช่วงหลังที่พ่อขุนรามค้าแหงมีอ้านาจบ้านเมืองอ่อนแอลงในสมัยพระมหา ธรรมราชาท่ี 1 (ลิไท) พยายามเอาศาสนามาผกู ใจประชาชนแตก่ ็ไม่ส้าเร็จมากนักในทีส่ ุดสุโขทัยกย็ อมอ่อนน้อมต่อกรุงศรี อยธุ ยาในพ.ศ. 1921 สมัยพระมหาธรรมราชาที่ 2 ช่วงท่ี 4 (พ.ศ. 1921 – 1981) สุโขทัยเป็นเมืองขึ้นของอยุธยาเรียบร้อยแล้วมีบางช่วงที่สุโขทัยแยกตัวได้คือ ระหว่างพ.ศ. 1931 – 1962 แตใ่ นท่สี ุดอยธุ ยาก็เขา้ ไปปกครองสโุ ขทยั โดยตรงพ.ศ. 2006 การจดั รูปแบบการปกครอง จดั รูปแบบการปกครองโดยจดั ล้าดับความส้าคัญของเมืองดังน้ี เมอื งหลวงหรอื เมอื งราชธานีมี 2 แห่งคือสโุ ขทยั และพษิ ณุโลก หัวเมอื งชัน้ ใน โดยมีเมอื งชั้นในรายรอบเปน็ ปริมณฑล เรยี กวา่ เมอื งลูกหลวง ซง่ึ เป็นเมืองหน้าด่านล้อมราชธานีไวท้ ้ัง 4 ดา้ น โดยระยะทางจากเมอื งลกู หลวงกับราชธานี จะใชเ้ วลาเดินทางภายในระยะเวลา 2 วัน มดี งั น้ี ทศิ เหนอื ได้แก่ เมอื งศรสี ัชนาลัย (สวรรคโลก) ทศิ ตะวันออก ได้แก่ เมืองสองแคว (พษิ ณุโลก) ทศิ ใต้ ไดแ้ ก่ เมืองสระหลวง (พิจติ รเกา่ ) ทศิ ตะวันตก ได้แก่ เมืองนครชุม (ปากคลองสวนหมาก ก้าแพงเพชร) เมืองลูกหลวงเปน็ เมอื งทเ่ี จา้ นายเชือ้ พระวงศ์ไดร้ ับการแต่งตงั้ จากพระมหากษัตริยเ์ ป็นผู้ปกครองส่วนเมืองศรสี ัช นาลยั เปน็ เมืองลกู หลวงทมี่ ฐี านะเปน็ เมอื งอุปราช ตลอดสมัยสโุ ขทัย เมืองชั้นนอก คือเมอื งใหญ่ทอ่ี ยู่ไกลจากราชธานี บางเมอื งเจ้าเมืองเจ้าหรือข้าราชการช้ันผ้ใู หญ่ซึ่งเป็นเชื้อสายของเจ้า เมืองเดิม บางเมืองเจ้าเมืองตั้งไปจากราชธานีเป็นผู้ปกครองต่างพระเนตรพระกรรณ เช่น เมืองพระบาง (นครสวรรค์) เมอื งเชยี งทอง (ตาก) เมอื งบางพาน (ก้าแพงเพชร) เมอื งบางฉลัง (ก้าแพงเพชร) เปน็ ต้น เมอื งประเทศราช คือ เมอื งท่อี ยนู่ อกราชอาณาจกั ร ผู้ปกครองเมอื งมอี ้านาจสทิ ธิข์ าดเปน็ เจ้าแผน่ ดินในเมืองของตนเอง ปกครองตนเองโดยอิสระ แต่ต้องถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองและเคร่ืองราชบรรณาการตามระยะเวลาและในเวลาเกิด สงครามจะต้องเกณฑ์ไพร่พลและเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือราชธานี เมืองประเทศราช ได้แก่ เมืองทีอยู่นอกอาณาจักร ชาวเมืองเป็นคนต่างชาติ พระมหากษัตริย์ สุโขทยั ทรงด้าเนนิ นโยบายปกครอง ให้ชาวพ้ืนเมืองเป็นกษัตริย์หรือเปน็ เจ้า เมืองปกครองกันเอง โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการปกครองภายใน ยกเว้นกรณีท่ีจ้าเป็นเท่านั้น ยามปกติเมืองประเทศ ราชต้องส่งเครื่องราชบรรณาการ (ส่วย) มาถวายต่อพระมหากษัตริย์สุโขทัยทุกปี ยามสงครามจะต้องส่งกองทัพและ เสบยี งอาหารไปช่วย สมยั พอ่ ขุนรามคา้ แหง มเี มอื งประเทศราชหลายเมือง คือ

5 ทศิ เหนือ ไดแ้ ก่ เมอื งแพร่ เมืองน่าน ทิศตะวันออกเฉยี งเหนือ ไดแ้ ก่ เมืองเชา่ (หลวงพระบาง) เมอื งเวียงจนั ทร์ ทศิ ตะวนั ตก ได้แก่ เมืองทวาย เมอื งเมาะตะมะ เมอื งหงสาวดี ทศิ ใต้ ไดแ้ ก่ เมอื งนครศรีธรรมราช เมอื งมะละกา เมืองยะโฮร์ การตดิ ตอ่ กบั ประเทศเพ่อื นบ้าน อาณาจักรล้านช้างอยู่ทางตอนเหนือมีความสัมพันธ์กับสุโขทัยเป็นอยา่ งดีเพราะพ่อขนุ รามค้าแหงเป็นเพ่ือน กบั พญามงั รายแห่งโยนกเชยี งแสนและพญาง้าเมืองแหง่ เมืองพะเยา อาณาจักรมอญกษัตริย์มอญเป็นบุตรเขยของพ่อขุนรามค้าแหงคือพระเจ้าฟ้าร่ัว (มะกะโท) ท้าให้สุโขทัยมี เมอื งเมาะตะมะเป็นเมืองทา่ คา้ ขายทางทะเล แคว้นนครศรีธรรมราชพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ติดต่อขอพระพุทธสิหิงค์จากลังกามาประดิษฐานที่สุโขทัยใน สมยั พอ่ ขุนรามคา้ แหงได้โปรดเกล้าให้อาราธนาพระสงฆจ์ ากเมืองนครศรธี รรมราชไปสง่ั สอนสัทธสิ งั กาวงศท์ ีส่ โุ ขทัย ประเทศลังกามีความสัมพันธ์กับสุโขทัยทางด้านพระพุทธศาสนามีพระเถรศรีศรัทธาจุฬามณีฯเชื้อสาย สุโขทัยไปศึกษาพระพุทธศาสนาจากลังกาโดยตรงและในสมัยพระมหาธรรมราชาท่ี 1 (ลิไท) ได้ส่งทูตไปอาราธนา พระสังฆราชจากเมืองเมาะตะมะซึ่งมวี ตั รปฏิบตั ิแบบลังกามายงั สุโขทยั สุโขทัยกบั จนี ติดต่อกนั โดยการส่งเคร่ืองบรรณาการใหแ้ ก่จีนแลกเปลี่ยนทตู กันคนไทยมีโอกาสเรยี นรูก้ ารป้ัน เครอ่ื งปั้นดินเผาแบบใหมจ่ ากจนี เรียกวา่ เครือ่ งสังคโลก เตาทเุ รียง

6 ลกั ษณะทางเศรษฐกจิ มีอาชีพหลัก 3 อยา่ ง เกษตรกรรมมลี า้ นา้ ใหญผ่ ่าน 3 สายคือ ปิง ยม และนา่ น หัตถกรรมท่ีมชี ื่อมากคอื การท้าเคร่ืองสังคโลกแหล่งผลิตมี 2 แหล่งดว้ ยกนั คอื สโุ ขทยั และศรีสชั นาลยั เพราะ พบเตาเผาเรยี กว่าเตาทุเรียงจ้านวนมาก การค้ายกเว้นการเกบ็ ภาษีผ่านดา่ นเรยี กว่าจงั กอบแสดงว่าประชาชนมีโอกาสประกอบอาชีพไดโ้ ดยเสรี ชามสังคโลก การค้าในประเทศ เป็นการค้าขายระหว่างเมืองมีถนนพระร่วงเชื่อมเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัยและก้าแพงเพชรมีตลาดแลกเปลี่ยน สนิ คา้ ในชุมชนเรียกวา่ ตลาดปสาน การค้ากบั ต่างประเทศ มเี ส้นทางการคา้ คอื เส้นทางจากสโุ ขทยั ไปเมาะตะมะ เส้นทางจากสุโขทัยสอู่ ่าวไทย ศลิ ปกรรม ลักษณะเด่นของเมืองโบราณสมัยสุโขทัยคือมีการวางผังเมืองสร้างก้าแพงคูเมืองสระน้าถนนทางน้าและศาสน สถานทเ่ี หมาะสมองคก์ ารยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์สโุ ขทัยศรีสัชนาลัยและกา้ แพงเพชรเป็น “มรดกโลก ทางวฒั นธรรม” เม่ือพ.ศ. 2534

7 เจดยี ์ทรงพุ่มข้าวบณิ ฑ์ สถาปัตยกรรม มีเจดยี ์ 3 แบบ เจดีย์ทรงพมุ่ ขา้ วบิณฑห์ รือทรงดอกบัวตมู เปน็ แบบเฉพาะของสุโขทัย เจดยี ก์ ลมหรือทรงลังกาบางแห่งมรี ปู ป้นั ช้างครง่ึ ตัวหนั ศีรษะออกรายรอบฐานเจดยี ์ตามความเช่อื ของลังกา เจดียท์ รงเรอื นธาตุฐานเปน็ ส่ีเหลยี่ มแหง่ ศรวี ชิ ัยเลียนแบบมาจากลงั กาเช่นกนั ประติมากรรม นิยมสร้างพระพุทธรูปพระพุทธรูปปางลีลาเป็นแบบเฉพาะของสุโขทัยพระพุทธรูปส้าริดขนาดใหญ่คือพระศรี ศากยมนุ ีเดมิ อยู่วัดมหาธาตุจงั หวัดสุโขทยั ปจั จุบันอยู่ที่วดั สุทัศเทพวรารามพระพุทธชินราชอยู่ทว่ี ัดพระศรีมหาธาตุจังหวัด พิษณุโลกพระพทุ ธชนิ สีหพ์ ระศาสดาอยวู่ ดั บวรนิราศกรุงเทพ ระบบชลประทาน สร้างท้านบก้นั น้าทางทศิ ตะวันตกเฉยี งใตข้ องตวั เมืองสโุ ขทยั เรียกว่าสรดี ภงสห์ รือท้านบพระรว่ ง หนงั สอื ไตรภูมพิ ระร่วง ไตรภมู ิพระร่วง เป็นพระราชนิพนธ์ของพระมหาธรรมราชาลิไทซึ่งแต่งขนึ้ เมอ่ื วันพฤหสั บดี ข้ึน ๑๕ ค่า้ เดอื น ๔ ปีระกา ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 1864 (ปีเกา่ ) จ.ศ.683 ม.ศ.1243 เป็นปีครองราชย์ท่ี 6 โดยมีพระประสงค์ ทจี่ ะเทศนาโปรดพระมารดา และเพ่อื จา้ เริญพระอภิธรรม ไตรภูมิพระร่วงเป็นหลกั ฐานช้ินหน่ึงที่แสดงให้เห็นถึงพระปรีชา สามารถอยา่ งลกึ ซงึ้ ในด้านพทุ ธศาสนาของพระมหาธรรมราชาลิไทท่ีทรงรวบรวมข้อความตา่ งๆ ในคมั ภีรพ์ ระพุทธศาสนา นับแต่พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และปกรณ์พิเศษต่างๆ มาเรียบเรียงข้ึนเป็นวรรณคดีโลกศาสตร์เล่มแรกท่ีแต่งเป็น ภาษาไทยเท่าทมี ีหลักฐานอยู่ในปัจจบุ ันน้ี ทั้งนี้ อ.สินชัย กระบวนแสง ได้วเิ คราะห์เหตุผลการแตง่ ไตรภูมพิ ระรว่ งของพระ มหาธรรมราชาลิไท ว่าจะเก่ียวข้องกับเรือ่ งการเมืองดว้ ย เนื่องจากไตรภูมิเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนรก-สวรรค์ สอนให้คน รู้จักการท้าความดีเพ่ือจะได้ขึ้นสวรรค์ หากแต่ใครท้าชั่วประพฤติตนผิดศีลก็จะต้องตกนรก กล่าวคือ ประชากรในสมัยท่ี พระมหาธรรมราชาลิไทปกครองน้ันเร่ิมมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ท้าให้การปกครองบ้านเมืองให้สงบสุขปราศจากโจรผู้ร้าย

8 เป็นไปได้ยากย่ิงขึ้น การดูแลของรัฐก็ไม่อาจดูแลได้ทั่วถึง พระมหาธรรมราชาลิไทจึงได้คิดนิพนธ์วรรณกรรมทางศาสนา เร่ืองไตรภูมิพระร่วงขึ้นมาเพื่อท่ีต้องการสอนให้ประชาชนของพระองค์ท้าความดี เพื่อจะได้ข้ึนสว รรค์มีชีวิตท่ีสุขสบาย และหากท้าความชั่วก็จะต้องตกนรก ด้วยเหตุนี้วรรณกรรมเร่ืองไตรภูมิจึงเป็นสิ่งท่ีใช้ควบคุมทางสังคมได้เป็นอย่างดียิ่ง เพราะสามารถเขา้ ถึงจิตใจทุกคนไดโ้ ดยมิตอ้ งมีออกกฎบงั คับกันแต่อย่างไร ไตรภูมิพระร่วงเป็นวรรณกรรมทางพุทธศาสนาท่ีกล่าวถึงภูมิ (แดน) ทั้ง 31 คือ กามภูมิ11,รูปภูมิ16 และอรูป ภมู ิ4 ซ่งึ มีเน้ือหาพรรณนาถึงท่ีอยู่ ที่ตั้ง และการเกิดของมนุษย์ สตั ว์นรก เปรต อสุรกาย และเทวดา ท่ีต้ังเหล่าน้ีมีเขาพระ สุเมรุเป็นหลัก เขาพระสุเมรุนั้นต้ังอยู่ท่ามกลางจักรวาล มีทิวเขาและทะเลล้อม ทิวเขามีชื่อต่างๆดังน้ี 1. ยุคนธร 2. อิสิน ธร 3. กรวิก 4. สุทศั น์ 5. เนมินธร 6. วินันตก และ7.อศั กรรณ ซึง่ เปน็ เขารอบนอกสดุ ทวิ เขาเหล่าน้ีรวมเรียกวา่ เขาสัตตบ รภิ ัณฑ์ สว่ นทะเลท่ีรายล้อมอยู่ 7 ชนั้ เรยี กวา่ มหานทีสีทนั ดร ถัดจากทิวเขาอศั กรรณออกมาเป็นมหาสมทุ รอยู่ท่วั ทุกดา้ น แล้วจะมภี ูเขาเหล็กกั้นทะเลนีไ้ ว้รอบเรยี กวา่ ขอบจกั รวาล พ้นไปนอกนั้นเปน็ นอกขอบจักรวาล เงินตราในสมยั สโุ ขทยั ในสมัยสุโขทัยเมื่อมีการแลกเปล่ียนซ้ือขายสิ้นค้าจะใช้เบ้ียหอยเป็นเคร่ืองแลกเปล่ียน เรียกว่า เงินพดด้วง มี ลกั ษณะกลม ๆ คล้ายตวั ด้วง มตี รารปู ชา่ งเป็นสญั ลักษณ์ มหี ลายชนิด เชน่ 1 ตา้ ลึง 1 บาท ครึ่งบาท มคี า่้ ต้า่ สุดคอื เบี้ย เงินพดดว้ ง เงินเบี้ย เบ้ยี เป็นหอยทะเลจา้ พวกหน่งึ ท่ีหายาก เป็นหอยกาบเดีย่ ว เรียกว่า COWRIE SHELL มแี หลง่ กา้ เนิดจา้ กัดเฉพาะ ในเกาะกลางมหาสมุทรอนิ เดีย เชน่ ที่เกาะมัลดีฟ ในสมยั โบราณมีพ่อค้าอินเดยี น้ามาขายที่เมืองนครศรธี รรมราช แลว้ ทาง กรุงสุโขทัยไดน้ ้ามาใชแ้ ลกเปลยี่ นสินคา้ ทีม่ ีมลู คา่ นอ้ ยทสี่ ุดทีกรุงสโุ ขทยั ความเสอื่ มของอาณาจักรสุโขทยั ความเส่ือมของอาณาจักรสุโขเกิดจากปัจจัยท้ังภายในและภายนอกจนตกเป็นเมืองข้ึนของอยุธยาในปี พ.ศ. 2006 โดยสรุป ดังนี้ ปจั จยั ภายใน เกิดจากความเส่ือมโทรมของระบบการปกครอง เดิมทีสุโขไทย ใชร้ ะบบการปกครองแบบพ่อ ปกครองลูก ท้าให้พระเจ้าแผ่นดินกับราษฎรใกล้ชิดสนิทสนมกัน ร่วมแรงร่วมใจกันในการปกครองประเทศ พระเจ้า แผ่นดินถือว่าราษฎรเป็นลูก ราษฎรก็ถือว่าพระเจ้าแผ่นดินเปน็ พ่อ จึงเกิดความรม่ เย็นเป็นสุขตลอดมา ต่อมาในสมัยหลัง ตั้งแต่รัชสมัยพญาเลอไทเป็นต้นมา ได้น้าระบบการปกครองแบบเขมรมาใช้โดยถือว่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นสมมติเทวราช คือ เป็นเทพอวตารลงมาเกิดตามแนวศาสนาพราหมณ์-ฮินดูที่เขมรนับถือ มีอ้านาจสิทธิขาดในการปกครองแต่ผู้เดียว ประชาชนไม่มีสิทธิในการร่วมบริหารการปกครองดังเดิม ท้าให้พระเจ้าแผ่นดินเหินห่างจากราษฎร ความสนิทสนมกันดัง พ่อกับลกู ในสมยั กอ่ นก็ขาดสะบัน้ ลง เมื่อเกดิ ศกึ ษาสงครามจึงอาศยั ผูท้ จ่ี ะเต็มใจออกศึกยาก

9 อีกประการหนง่ึ คือ การขาดกษตั ริยท์ ม่ี ีพระเดชานุภาพหลังจากสนิ้ สมัยพ่อขนุ รามค้าแหงมหาราชก็ไม่มกี ษัตริย์ ที่เข้มแข็งเหมือนพระองค์ในการปกครอง และเกิดการแย่งชิงราชสมบัติกันในปี พ.ศ. 1962 โดยราชโอรสสองพ่ีน้องของ พระมหาธรรมราชาที่ 3 (พญาไสยลอื ไท) หลงั จากพระราชบดิ าสวรรคตลง ปจั จยั ภายนอก เนื่องจากสุโขทัยเป็นเมอื งที่อุดมสมบูรณ์ท้ังด้านสงั คมเศรษฐกิจวัฒนธรรม จึงเป็นที่ต้องการ ของบรรดาอาณาจักรท่ีมอี ้านาจเหนือกว่า ซ่ึงอาจเป็นค่านิยมในสมัยน้ัน ท่ีมงุ่ จะเอาอาณาจกั รต่าง ๆ มาไว้ในปกครองของ ตนเอง ด้วยหวังจะแผอ่ ้านาจและต้องการส่วยภาษาอากรตลอดจนความอุดมสมบรู ณ์ของดินแดนอ่ืน สโุ ขทัยกต็ กอยูใ่ นวัฏ จักรน้ี เน่ืองจากมีอาณาจักรต่าง ๆ ล้อมรอบ เช่น อาณาจักรขอมทางตะวันออกเฉียงใต้ อาณาจักรอยุธยาทางใต้ อาณาจักรลา้ นช้างทางตะวนั ออก เป็นตน้ ในทส่ี ุดกต็ กเป็นของอยุธยาในท่สี ดุ รายพระนามพระมหากษัตริยส์ ุโขทัย ลา้ ดบั พระนาม/นาม ราชวงศ์ ชว่ งเวลา 1 พ่อขนุ ศรีอนิ ทราทติ ย์ พระรว่ ง พ.ศ. 1792 -ไมป่ รากฎ 2. พอ่ ขุนบานเมือง พระรว่ ง ไมป่ รากฏ - พ.ศ. 1822 3. พอ่ ขุนรามค้าแหงมหาราช พระร่วง พ.ศ.1822-1841 4. พญาเลอไท พระร่วง พ.ศ.1841-1866 5. พญางั่วนา้ ถม พระร่วง พ.ศ.1866-1890 6 พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลไิ ท) พระรว่ ง พ.ศ.1890-1911 7. พระมหาธรรมราชาที่ 2 (พญาลอื ไท) พระรว่ ง พ.ศ.1911-1942 8. พระมหาธรรมราชาท่ี 3 (พญาไสลือไท) พระร่วง พ.ศ.1942-1962 9. พระมหาธรรมราชาที่ 4(พญาบานเมอื งองคท์ ่ี2) พระร่วง พ.ศ.1962-1981 พอ่ ขุนศรอี ินทราทิตย์ พ่อขนุ ศรอี ินทราทิตย์มเี ช้ือสายท่ีมาอย่างไรไม่เปน็ ทป่ี รากฏชดั ในประวัตศิ าสตรห์ รือ พงศาวดารตา่ งๆมักกล่าวถงึ แตเ่ พียงว่าพระองค์ เป็นเจา้ เมืองบางยางมาก่อนและพระสหายกบั พ่อขุนผาเมอื งเจา้ เมืองราด เป็นองคป์ ฐมกษตั ริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง เดมิ ชอื่ ว่าพอ่ ขนุ บางกลางหาวเปน็ พระสหายสนิทของพ่อขนุ ผาเมือง เจา้ เมอื ง ราด ไดน้ า้ กลุม่ คนไทยยึดเมืองสโุ ขทัยจากขอมสบาดโขลญลา้ พง (พ.ศ. 1762 – 1781) พอ่ ขนุ ศรีอนิ ทราทิตย์ ทรงจดั การปกครองบา้ นเมอื ง ดังน้ี 1) การจัดการทางสังคมวฒั นธรรม คนสโุ ขทยั ยอมรบั ศาสนา วฒั นธรรมประเพณี บางอย่างจากอาณาจักรขอม ท้งั ลัทธศิ าสนาพราหมณ์ และพทุ ธศาสนาลทั ธมิ หายาน เมื่อเปน็ อาณาจักรแลว้ รบั ลทั ธิศาสนาพุทธหนิ ยาน และพระพุทธ สหิ งิ คม์ าแผข่ ยายใหท้ ว่ั ราชอาณาจักร 2) การแผ่อาณาเขต และการสรา้ งบ้านแปลงเมืองนบั ตง้ั แต่เริ่มอาณาจกั รใหมข่ องสโุ ขทยั ตามหลกั ศลิ าจารึก หลักที่ 1 กลา่ วไว้ว่ามีการรบราแย่งชิงผคู้ น และอ้านาจกนั ในสมัยนน้ั มีการขยายอาณาเขตโดยรวมเมอื งตา่ ง ๆ มาเขา้ กับ เมืองสโุ ขทัย ในสมยั ขุนสามชน เจา้ เมืองฉอด ชนชาวไทยกลุ่มหน่งึ ยกทัพมาตีเมอื งตากซ่ึงเป็นเมอื งขน้ึ ของสุโขทยั พ่อขุน รามค้าแหงพระราชโอรสของพ่อขนุ ศรีอินทราทติ ย์ไดท้ ้ายุทธหตั ถีจนรบชนะ โดยมหี ลกั ฐานนา่ เชื่อถือวา่ พ่อขุนศรีอินทรา ทติ ย์ทรงเรม่ิ สร้างกา้ แพงเมืองสโุ ขทัย รมิ แม่น้าลา้ พนั ปัจจบุ นั คอื ตา้ บลเมืองเก่า อ้าเภอเมืองสโุ ขทยั จังหวัดสุโขทัย ห่าง จากลา้ นา้ ยม 12 กิโลเมตร

10 พอ่ ขุนศรีอนิ ทราทติ ย์ อาณาจกั รสุโขทยั ทศิ เหนือ จรดเมอื งแพร่ ทศิ ใต้ จรดเมอื งนครสวรรค์ ทศิ ตะวันตก จรดเมอื งตาก ทศิ ตะวันออก จรดเมืองเพชรบรู ณ พอ่ ขนุ บานเมอื ง พระราชกรณยี กิจไมค่ ่อยปรากฎ ทราบจากการตคี วามในหลักศลิ าจารึกสุโขทัยหลกั ท่ี 1 ว่า เป็นสมัยรวบรวมเมืองของชาวไทยเขา้ มารวมกับสุโขทยั โดยพระอนชุ าคือพอ่ ขุนรามค้าแหงเป็นก้าลังสา้ คญั แตย่ ังมไิ ด้ขยาย อาณาเขตไปยังดินแดนของชนชาติอื่น ช่วงรัชกาลน้ีส้ันมาก จึงมิได้ฟ้ืนฟูศาสนาประชาชนนับถือลัทธิผีสางเทวดากับพุทธ ศาสนานิกานมหายานแบบขอมที่ครองเมืองลพบรุ ี พ่อขุนรามค้าแหงมหาราช เป็นพระราชโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พระนามเดิมว่า ขุนรามราช เมื่อมี พระชนมายุได้ 19 ปี ไดช้ ่วยพระราชบิดาออกสู้รบในการสงครามกบั ขุนสามชน เจา้ เมืองฉอด จนรบชนะ จึงได้พระนามว่า “พระรามคา้ แหง” เสด็จขนึ้ ครองราชยส์ มบัติเปน็ รัชกาลท่ี 3 แหง่ ราชวงศพ์ ระร่วง ในปี พ.ศ. 1822 ในรชั สมัยของพระองค์ บ้านเมืองมีความเจรญิ รงุ่ เรืองแผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง จนประชาชนไดร้ ับความสุขที่เรียกวา่ “ไพรฟ่ ้าหน้าใส”ในสมัยพ่อ ขุนรามค้าแหงมหาราช มีการปกครองแบบพ่อปกครองลูก (ราชาธิปไตย)พระองค์ใช้พระราชอ้านาจด้วยความเป็นธรรม และใหเ้ สรีภาพแก่ประชาชน แต่ก็ทรงสอดส่องความเป็นอยู่ของราษฎร ใครทกุ ข์ร้อนก็สามารถร้องทุกข์ได้ โดยได้โปรดให้ แขวนกระดิ่งไว้ท่ีประตูพระราชวัง ดังหลักศิลาจารึก หลักท่ี 1 ท่ีว่า “…ในปากประตูมีกระดิ่งแขวนไว้หั้น ไพร่ฟ้าหน้าปก

11 กลางบ้านกลางเมือง มีถ้อยมีความ เจ็บท้องข้องใจ มักจักกล่าวเถิงเจ้าเถิงขุนบ่ไร้ไปลั่นกระด่ิงอันท่านแขวนไว้ พ่อขุน รามค้าแหงเจ้าเมืองได้ยนิ เรยี กเมือ่ ถาม สวนความแก่มนั ดว้ ยซ่ือไพร่ในเมืองสโุ ขทัยน้ีจงึ ชม” พ่อขนุ รามค้าแหงผูป้ ระดิษฐ์อกั ษรไทย พระราชกรณียกิจดา้ นการเมืองการปกครอง 1. ทรงท้าสงครามขยายอาณาเขตออกไปอยา่ งกว้างขวาง ทิศเหนอื อาณาเขตถึงเมืองหลวงพระบาง เมืองแพร่ เมืองนา่ น เมอื งปัว ทิศใต้ อาณาเขตถึงฝั่งทะเลสุดเขตมลายู โดยมีเมืองต่าง ๆ คือ เมืองคณฑีเมืองพระบาง เมืองแพรก เมือง สุพรรณบรุ ี (อทู่ อง) เมืองราชบรุ ีเมอื งเพชรบรุ ี และเมืองนครศรธี รรมราช ทศิ ตะวันออก อาณาเขตถึงเมอื งเวียงจนั ทน์ และเมืองเวยี งค้า ทศิ ตะวนั ตก อาณาเขตถงึ เมอื งฉอด และเมืองหงสาวดี 2. ทรงโปรดให้สร้างพระแท่นศิลาข้ึน เรียกว่า “พระแท่นมนังศิลาบาตร” ต้ังไว้กลางดงตาล เพื่อให้พระภิกษุ สงฆ์แสดงธรรมในวันธรรมสวนะ และทรงใช้ประทับว่าราชการและอบรมสงั่ สอนประชาราษฎร์ในวันธรรมดา พระแท่นที่ ถูกทิ้งร้างอยู่หลายร้อยปี ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือวันที่ 17 มกราคม ปี พ.ศ. 2376 สมเด็จพระ เจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ามงกุฎทรงผนวชได้เสด็จธุดงค์ไปนมัสการเจดีย์สถานต่าง ๆ แล้วตรัสสั่งให้ชะลอพระแท่นมนังศิลา บาตรไปก่อเป็นแทน่ ไว้ทวี่ ัดราชาธิราช ซึง่ ต่อมาพระองค์ทรงลาผนวช จึงโปรดใหช้ ะลอไปไวท้ ี่วดั พระศรีรัตนศาสดารามใน ปจั จุบัน 3. ทรงโปรดให้สร้างท้านบกักเก็บน้าท่ีเรียกว่า “สรีดภงส์” โดยก่อสร้างท้านบเพ่ือเก็บกักน้า โดยมีล้าาราง ระบายน้าสง่ เข้าตัวเมอื ง เพื่อเก็บกักน้าไว้ในสระน้าใหญ่และเลก็ หลายสระ โดยเฉพาะสระน้าตามวัดวาอารามตา่ ง ๆ ซึ่งมี สระใหญ่หรือตระพงั แทบทกุ วดั 4. ทรงส่งเสริมการค้าขายด้วยการไม่เก็บภาษี ท่ีเรียกว่า “จกอบ” (อา่ นว่า จัก –กอบ) จากหลักศิลาจารึก หลัก ท่ี 1 ท่ีวา่ \"..เมื่อช่ัวพ่อขนุ รามคา้ แหง เมอื งสุโขทัยน้ีดใี นนา้ มีปลาในนามีขา้ ว เจา้ เมอื งบเ่ อาจกอบ ในไพร่ ลูทา่ ง เพือ่ นจูงวัว

12 ไปค้าข่ีม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้า ค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้าทอง ค้า…\" จากข้อความน้ีแสดงถึงความ อดุ ม สมบรู ณข์ องอาณาจกั รสุโขทัยในดา้ นการเกษตร ดา้ นการค้า 5. ทรงประดิษฐ์อกั ษรไทย เรียกว่า “ลายสือไทย” ทรงประดิษฐ์อักษรไทยไวใ้ นศิลาจารึก เม่ือปี พ.ศ. 1826 ซ่ึง แต่ก่อนน้ัน ชนชาติไทยเอาแบบของอักษรคฤณภ์ของอินเดียมาใช้ ต่อมาได้รับอิทธิพลมาจากอักษรมอญและขอม จึง ประดิษฐ์ลายสือไทยข้ึน เพื่อก้าจัดอิทธิพลวัฒนธรรมของขอม และสร้างสรรค์ลักษณะเอกลักษณ์ความเป็นภาษาไทยให้ โดดเดน่ ข้ึน 6. ทรงเล่ือมใสและส่งเสริมพระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์ และทรงสถาปนาพระพุทธศาสนา ลังกาวงศ์เป็นศาสนาประจ้าบ้านเมือง ทรงโปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ลังกาวงศ์ที่รอบรู้พระไตรปิฏ กมาจากเมือง นครศรธี รรมราช ตัง้ เป็นสงั ฆราช เพื่อส่ังสอนความรู้ทางธรรมแก่ประชาชนสโุ ขทัย ดังจารึกที่วา่ “คนในเมืองสุโขทัยนี้ มัก ทาน มักทรงศีล มกั โอยทานพ่อขนุ รามค้าแหง เจ้าเมืองสุโขทัยนี้ท้ังชาวแม่ชาวเจา้ ทว่ ยปวั่ ท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขุนทั้งหลาย ทั้งผู้ชายผหู้ ญิง ฝูงท่วยมศี รัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน เม่ือออกพรรษากรานกฐิน เดอื นหน่ึงจึงแล้ว เม่ือกรานกฐิน มีพนมเบี้ย มีพนมหมาก มีพนมดอกไม้มีหมอนนั่งหมอนนอน บริพารกฐิน โอยทานแล่ปีแล้ญิบล้านไป สูดญัตกิ ฐิน เถิงอรัญญกิ พ้นู ...” 7. ทรงโปรดให้จารึกเร่ืองราวท่ีเกิดข้ึนในสมัยของพระองค์ในศิลาจารึกสุโขทัยหลักท่ี 1 ระบุถึงอาณาเขตของ บ้านเมือง ได้แก่ “...มีเมืองกว้างช้างหลาย ปราบเบื้องตะวันออกรอดสรลวง สองแคว ลุมบาจาย สคา เท้าฝ่ังของเถิง เวียงจันทน์ เวียงค าเป็นที่แล้วเบ้ืองหัวนอนรอดคนทีพระบาง แพรก สุพรรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี ศรีธรรมราช ฝ่ังทะเล เป็นท่ีแล้วเบื้องตะวันตกรอดเมืองฉอด เมืองหงสาวดี สมุทรหาเป็น แดนเบื้องตีนนอน รอดเมืองแพร่ เมืองมานเมืองน่าน เมอื งพลวั พน้ ฝง่ั ของเมอื งชวา...” 8. ทรงเจริญสมั พันธไมตรีกับต่างประเทศในด้านการเมือง ศาสนา และการค้า ดังน้ี ลังกา มีความสัมพันธ์ในเรื่องศาสนา โดยรับเอาพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์มาถือปฏิบัติ หลังจากได้ส่งทูตไปพร้อมกับทูตของนครศรีธรรมราช เพ่ือขอพระศรีหลปฏิมาหรือพระพุทธสิหิงค์จากลังกามา สักการะบูชาท่ีกรุงสุโขทัยมอญ ในสมัยพ่อขุนรามค้าแหงนี้ มีพระเจ้าฟ้าร่ัว (มะกะโท) กษัตริย์มอญได้เข้ามาสวามิภักด์ิ และยอมเป็นประเทศราช จีน ในสมัยพ่อขุนรามค้าแห่งมหาราชน้ัน ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้ากุบไลข่านหรือหงวนสีโจ๊วฮ่องเต้ ได้ส่ง ทูตไปจีนเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน ถึง 2 ครั้ง และได้ท้าถ้วยชามท่ีเรียกว่า “เคร่ืองสังคโลก” จ้าหน่ายในสุโขทัย โดย ต้ังเตาท้าท่ีเมืองสุโขทัย และเมืองศรีสัชนาลัยเตาที่ท้าเครื่องสังคโลก เรียกว่า “เตาทุเรียง” นับได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมท่ี ส้าคัญในสมัยกรุงสุโขทัย และสินค้าที่ซื้อมาขายจากจีน ได้แก่ ผ้าไหมแพรพรรณ เคร่ืองถ้วยชาม นอกจากนี้ยังมีการหล่อ ปัน้ พระพทุ ธรปู เทวรปู การทา้ เครื่องทอง เครอ่ื งเงิน เปน็ ต้น พญาเลอไท เป็นโอรสของพ่อขุนรามค้าแหงที่เป็นอุปราชครองเมืองศรีสัชนาลัยและส่งไปเป็นทูตเพ่ือเจริญ สมั พันธไมตรีกับจีน เมื่อพระองค์กลับจากภารกิจที่จีน ข้ึนเป็นกษัตริย์ตามสิทธ์ิในการสืบทอดต้าแหน่ง และเมื่อล่วงมาถึง สมัยน้ี วัฒนธรรมต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปมากโดยเฉพาะระบบการปกครองแบบใกล้ชิดประชาชน แบบพ่อกับลูกท่ีเคยวางไว้ ในสมยั พ่อขุนรามค้าแหง เรม่ิ หยอ่ นยานลง พญาเลอไทจงึ ไม่สามารถสานตอ่ ความรุ่งเรืองของสโุ ขทยั ได้ พญาง่ัวน้าถม เป็นโอรสของพ่อขุนบานเมือง ขึ้นครองราชย์ เมื่อปี พ.ศ. 1882 ได้แต่งต้ังพญาลิไท ซ่ึงเป็น โอรสของพญาเลอไทไปเป็นอุปราชครองเมืองศรีสัชนาลัยพญางั่วน้าถมไม่มีความสามารถในการปกครองเมือง เน่ืองจาก

13 เมืองต่าง ๆ ได้ถอนตัวออกไปจากสุโขทัยเป็นจ้านวนมาก อ้านาจทางการเมืองและเศรษฐกิจเสื่อมลงเมื่อพญาง่ัวน้าถม สวรรคต ใน พ.ศ. 1890 พระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พญาลิไท) เป็นพระโอรสของพญาเลอไทย ในสมัยพญางั่วน้าถม ได้ขึ้นครองราชย์ เม่ือปี พ.ศ. 1882 ได้แต่งตั้งพญาลิไทไปปกครองเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งเป็นเมืองอุปราช ในปี พ.ศ. 1890 เกิดการจลาจลสู้ รบแย่งชิงราชสมบัติพญาลิไทยกทัพจากเมืองศรีสัชนาลัยมายังเมืองสุโขทัย ปราบดาภิเษกข้ึนเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า พระมหาธรรมราชาที่ 1 พระองค์นับเป็นกษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถอย่างมากเชน่ เดียวกบั พ่อขุนรามค้าแหง พระอัยกา แต่เหตุการณ์บ้านเมืองไม่เปิดโอกาสให้พระองค์สามารถจะขยับขยายอ้านาจให้อาณาจักรสุโขทัยกลับมาแผไ่ พศาล ดังเช่น สมัยของพระอัยกาได้อีก พระองค์จึงเลือกสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางด้านพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์ แบบนครพัน (ใกลเ้ มืองเมาะตะมะ) ไปยงั ดนิ แดนตา่ ง ๆ พระราชกรณียกิจที่สา้ คญั มดี งั น้ี 1. ขยายอาณาเขต ทรงขยายอาณาเขตออกไปเกือบถึงคร่ึงหนง่ึ ของสมัยพอ่ ขนุ รามคา้ แหงไว้ดงั น้ี ทิศเหนอื อาณาเขตถึง เมืองแพร่ เมืองน่าน เมืองปวั เมอื งหลวงพระบาง ทศิ ใต้ อาณาเขตถึง เมืองชากังราว เมอื งนครชุม เมืองบางพาน เมืองพระบาง และเมอื งปากยม ทศิ ตะวันออก อาณาเขตถงึ เมืองราด เมืองสรวงสองแคว เมืองลุมบาจาย และเมอื งสะค้า ทศิ ตะวนั ตก อาณาเขตถงึ เมืองเชยี งทอง 2. การปกครอง ทรงน้าหลักทศพิธราชธรรมมาเป็นหลักในการปกครองประชาชน การเรียกพระนามของกษัตริย์ สโุ ขทยั จงึ เปลีย่ นเปน็ มหาธรรมราชา 3. การทา้ นบุ า้ รุงศาสนา ทรงออกผนวช 1 พรรษา ระหว่างครองราชยแ์ ละ อาราธนาพระสงั ฆราชจากเมืองนครพนั ของ มอญมาเป็นอุปัชฌาย์ ทรงส่งพระสงฆ์ไปเผยแผ่ในล้านนา ล้านช้าง น่าน อยุธยา และทรงสร้างพระพุทธรูปทองค้าหนัก ทส่ี ดุ ในโลก ปัจจบุ ันอย่วู ดั ไตรมติ รวทิ ยาราม 4. การสร้างวรรณกรรม ทรงมีความรู้แตกฉานในพระไตรปิฎกเป็นอย่างดี ได้พระราชนิพนธ์เรื่องไตรภูมิพระร่วง ใน พ.ศ. 1888 เป็นวรรณกรรมเล่มแรกของไทย 5. ส่งเสริมเศรษฐกจิ ทรงใหส้ รา้ งทา้ นบกั้นนา้ ตงั้ แตเ่ มืองพิษณุโลกถึงเมอื งสุโขทยั เพื่อนา้ น้าไปใช้ในการเพาะปลูก 6. การปรับปรุงการเขยี นหนังสือไทย ทรงปรับปรงุ การเขียนสระจากท่วี างสระไว้แนวเดยี วกับพยัญชนะตามแบบพ่อขุน รามคา้ แหงมหาราช มาเป็นวางสระไวข้ ้างหนา้ ข้างหลัง ข้างบน และขา้ งล่างพยัญชนะ ลักษณะเดยี วกับที่ใชอ้ ยู่ในปัจจบุ ัน เปน็ กษัตริย์ทท่ี รงพระปรีชาสามารถมากทรงมีนโยบายในการรกั ษาเสถยี รภาพบ้านเมอื งโดยใช้ศาสนาเปน็ สื่อ โปรดเกล้าฯ ใหส้ รา้ งพระพุทธรูปส้าคัญข้นึ 4 องค์ คือ พระพทุ ธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรศี าสดา และพระเหลอื และทรงพระราช นิพนธ์ไตรภูมิพระร่วง พระองค์เสด็จออกผนวชเพ่ือผ่อนคลายความตึงเครียดในสงคราม พระมหาธรรมราชาที่ 1 ย้ายไป ประทบั ท่เี มอื งสองแคว เพ่ือป้องกนั เขตแดนของสุโขทัยแกพ่ ระเจ้าฟ้าง้มุ พระเจา้ อู่ทอง และย้ายเมืองสองแคว (พิษณโุ ลก) มาตงั้ ทีร่ มิ ฝั่งแม่น้าน่านเหนือตัวเมืองเดิมขน้ึ มาประมาณ 10 กิโลเมตร เพราะชัยภมู เิ หมาะสม ประทับอย่ทู ่ีเมืองสองแคว 7 ปี คือ ตั้งแต่ พ.ศ. 1905 ถงึ พ.ศ. 1912 และได้สวรรคต ณ ทแี่ หง่ น้นั

14 พระมหาธรรมราชาที่ 2 เป็นโอรสของพญาลิไท ทรงเป็นกษัตริย์ท่ีใฝ่ในการท้านุบ้ารุงพระพุทธศาสนา แต่ ในช่วงนี้อาณาจักรกรงุ ศรีอยุธยา โดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) กษัตริย์อยุธยาในเวลานั้น พยายาม รวบรวมเมืองต่าง ๆ ไว้ในอ้านาจได้น้าทัพมาตีสุโขทัยหลายครั้ง เริ่มต้ังแต่ พ.ศ. 1914 จนถึง พ.ศ. 1921 พระมหาธรรม ราชาที่ 2ไม่สามารถต้านทานทัพอยุธยาได้ พระองค์จึงขอยุติศึกโดยยอมอ่อนน้อมต่ออยุธยา และเป็น รัฐบรรณาการของ อยุธยาต้งั แตป่ ีนั้น จึงนบั เป็นกษัตริย์องคส์ ดุ ท้ายของสโุ ขทยั ในช่วงท่มี ี เอกราชโดยสมบรู ณ์ ในปี พ.ศ. 1931 พระมหาธรรม ราชาท่ี 2 พยายามปลดแอกอ้านาจจากอยุธยา สมเด็จพระบรมราชาธริ าชที่ 1 ทราบข่าวว่าพระมหาธรรมราชาท่ี 2 คิดจะ แข็งเมืองจึงน้าทัพมาตีแต่ระหว่างทางพระองค์เกิดล้มป่วยและได้สวรรคตลง สงครามระหว่างอาณาจักรสุโขทัยและ อาณาจักรกรุงศรีอยุธยาจึงไม่เกิดข้ึน การปกครองบ้านเมืองสมัยน้ีเป็นความพยายาม รักษาสถานภาพเดิมไว้ให้มากที่สุด จนปี พ.ศ. 1943 พระมหาธรรมราชาที่ 2 ได้สวรรคต พญาไสลอื ไทพระราชโอรสขน้ึ ครองราชยส์ มบตั ติ ่อมา พระมหาธรรมราชาท่ี 3 (พญาไสลือไท) ขึ้นเป็นกษัตริย์สุโขทัยต่อจาก พระมหาธรรมราชาท่ี 2 ในสมัยของ พระองค์ สุโขทัยได้กลายเป็นรัฐกันชนให้ระหว่างอาณาจักร อยุธยากับล้านนา ซึ่งต่างฝ่ายต่างพยายามจะขยายอ้านาจ ออกไปให้กว้างขวางขึ้น ซึ่งสโุ ขทยั กเ็ ล่นบทรฐั กันชนได้ดีในช่วงเวลาหนึ่ง แตพ่ ระราชกรณียกิจไม่ปรากฎหลกั ฐานมากนัก แตท่ รงสนพระทัยทางด้านศาสนา ในปี พ.ศ. 1962 พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ สวรรคต พระมหาธรรมราชาที่ 4 (พญาบานเมืององค์ที่ 2) ทรงเป็นพระราชโอรส ของพระมหาธรรมราชาท่ี 3 หรือ อีกพระนามหนึ่ง คือ บรมปาล ก่อนข้ึนครองราชย์ได้ท้าสงครามแย่งชิงราชสมบัติกับพญารามค้าแหง พระอนุชา กษัตริย์ อยุธยาในช่วงเวลาน้ันคอื พระอินทราชา ได้เสด็จยกกองทัพมาทีเ่ มืองพระบาง ทง้ั สองพ่นี ้องเกรงพระบารมีได้ออกมาอ่อน นอ้ มและยนิ ยอมให้พระอินทราชาเขา้ มาแทรกแซง ในการไกลเ่ กลี่ยครงั้ นน้ั ไดท้ รงอภเิ ษก ใหพ้ ญาบานเมืองขนึ้ เป็นกษัตริย์ เนื่องจากเป็นเชษฐา ปกครองเมืองพิษณุโลกซึ่งเป็นเมืองหลวง ของอาณาจักรสุโขทัย ส่วนพญารามน้ันให้เป็นอุปราช ปกครองเมืองสุโขทัย และศรีสัชนาลัย ซ่ึงเป็นเมืองหลวงรอง เม่ือระงับการจลาจลเรียบร้อย พระอินทราชาทรงสู่ขอพระ ราชธดิ าของพญาไสลอื ไท ใหอ้ ภิเษกสมรสกบั เจ้าสามพระยา โอรสของพระองค์ นบั เปน็ พระราโชบายในการปกครอง หัวเมืองทางเหนือท่ีแยบยลของพระอินทราชา ซ่ึงต่อมาภายหลังท่ีพระโอรสประสูติเจ้าสามพระยาได้ส่ง พระโอรสซึ่งมีเชื้อสายพระร่วงข้ึนไปครองกรุงสุโขทัย พญาบานเมือง ปกครองอาณาจักรอยู่ 19 ปี จึงได้สวรรคตลงในปี พ.ศ. 1981 นบั เป็นกษัตรยิ ร์ าชวงศ์พระรว่ งทีป่ กครองอาณาจักรสุโขทยั เปน็ องค์สดุ ท้าย ขอ้ มลู จาก: http://thainationhistory.blogspot.com/p/18-1800-1.html https://sites.google.com/site/social00083/hawkhx-yxy1 หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ชดุ วชิ าประวัติศาสตรช์ าตไิ ทย สค12024 ระดับประถมศึกษา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook