• มกี ารใชว้ ธิ กี ารประเมนิ ตนเองทห่ี ลากหลาย ไดแ้ ก่ การแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ การอภปิ รายกลมุ่ 49 การเขยี นบนั ทกึ ความกา้ วหนา้ และรายงานการประเมนิ ตนเองการใชต้ วั ตามรอยทางคลนิ กิ การเยี่ยมส�ำรวจภายใน การส�ำรวจและสัมภาษณ์ผู้ป่วย การทบทวนเชิงคุณภาพ การตรวจสอบและป้อนกลับข้อมูล การน�ำเสนอเพื่อรับฟังข้อวิพากษ์ การทบทวน หลงั กิจกรรม การตดิ ตามตัวช้วี ดั 6. องคก์ รวดั ผลงานคณุ ภาพทง้ั ในระดบั กระบวนการและผลลพั ธ์ โดยครอบคลมุ ประเดน็ เหลา่ น้ี เป็นอยา่ งตำ่� • การก�ำกับดแู ลองค์กร • การก�ำกบั ดูแลทางคลนิ ิก • การบรหิ ารจดั การองคก์ รซงึ่ ครอบคลมุ กจิ กรรมการใหบ้ รกิ ารการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล การควบคมุ การตดิ เชอ้ื การจดั การความเสย่ี ง • การใช้บริการและประสิทธภิ าพของการให้บริการ • ผลการดำ� เนินงานของระบบบริหารงานคุณภาพ • ความพึงพอใจของผูป้ ว่ ยและผ้รู บั บรกิ าร • ตัวชี้วัดอื่นท่ีเก่ียวข้องกับลักษณะของการดูแลหรือบริการสุขภาพท่ีให้บริการ ก�ำหนด นโยบาย เป้าประสงค์ ล�ำดับความส�ำคัญ และความคาดหวัง ในเรื่องคุณภาพ และความปลอดภยั
7. มีการน�ำข้อมูลที่ได้จากการประเมินตนเองและการประเมินผลการด�ำเนินงานมาใช้ ในการประเมินและชนี้ ำ� การพฒั นาคณุ ภาพ 8. องค์กรจัดท�ำแผนการพัฒนาคุณภาพเพ่ือตอบสนองต่อโอกาสการพัฒนาที่ระบุไว้ แผนการพฒั นาคณุ ภาพควร : • มกี ารจัดทำ� ในรูปแบบทเ่ี ป็นทางการ • ครอบคลมุ การพฒั นาของทั้งองค์กร • ส่งเสรมิ การพฒั นาคุณภาพอย่างต่อเน่ือง • มีการกำ� หนดหนว่ ยงานท่ีรบั ผิดชอบ • สามารถใชต้ ดิ ตามประเมนิ ผลได้มกี ารสอื่ สารและการแกป้ ญั หาท่ีไดผ้ ลทง้ั ภายในหนว่ ยงาน ระหวา่ งหนว่ ยงาน ระหวา่ งวชิ าชพี ระหวา่ งผปู้ ฏบิ ตั งิ านกบั ผบู้ รหิ าร และระหวา่ งผู้ใหบ้ รกิ าร กบั ผรู้ ับบริการ 9. องคก์ รน�ำแผนพัฒนาคณุ ภาพไปดำ� เนนิ การโดยมีการติดตามประเมินผลการพฒั นา 10. องค์กรเผยแพร่ข้อมูลประเภทของบริการที่มีการเปิดให้บริการ ผ่านช่องทางการส่ือสาร ท่ีเข้าถึงได้โดยสะดวกมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างสม�่ำเสมอเพ่ือความถูกต้องเป็นปัจจุบัน ถ้ามคี วามพร้อมควรแสดงขอ้ มลู ผลการดแู ลผู้ปว่ ยและผลการดำ� เนนิ การขององคก์ ร 50
ข. คณุ ภาพการดูแลผูป้ ว่ ย 1. มีการทบทวนการให้บริการและการดูแลผู้ป่วย14 อย่างสม�่ำเสมอ เพื่อประเมินคุณภาพ และประสทิ ธิภาพของการดแู ลและคน้ หาโอกาสพัฒนา 2. ทีมดูแลผู้ป่วย (Patient Care Team : PCT) ท่ีมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานการแพทย์แผนไทย เปน็ กรรมการ ก�ำหนดกลุ่มประชากรทางคลินิก15 ที่จะเปน็ เปา้ หมายในการพฒั นา รวมถงึ มีการกำ� หนดเปา้ หมาย 3. ทีมดูแลผู้ป่วย (Patient Care Team : PCT) ที่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานการแพทย์แผนไทย เปน็ กรรมการกำ� หนดตวั ชวี้ ดั ทเี่ หมาะสมในการกำ� กบั ตดิ ตามผลการดแู ลผปู้ ว่ ยกลมุ่ เปา้ หมาย 14 การทบทวนการให้บริการและการดูแลผู้ป่วย ได้แก่ การทบทวนขณะดูแลผู้ป่วย การทบทวนเวชระเบียน/การตรวจสอบทางคลินิก/การทบทวน โดยเพ่ือนร่วมวิชาชีพ การทบทวนอุบัติการณ์/ ภาวะแทรกซ้อน/การเสียชีวิต การทบทวนการใช้ทรัพยากร การทบทวนค�ำร้องเรียนของผู้ป่วย/ ผู้รับบริการ การประเมนิ ความรคู้ วามสามารถและทกั ษะ การทบทวนการสง่ ต่อผปู้ ว่ ย การทบทวนการใช้ยา การทบทวนการใชเ้ ลือด การทบทวน 1 5 กกลารมุ่ ตปดิ รเะชชื้อาใกนรโรทงาพงคยลาบนิ ากิ ล(cกlาinรiทcaบlทpวoนpตuัวlชaว้ี tดัion) คอื กลมุ่ ผู้ปว่ ยดว้ ยภาวะใดภาวะหนง่ึ หรอื ไดร้ ับการรกั ษาด้วยวธิ ีใดวธิ ีหน่ึง เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน สตรีหลงั คลอด ทารกแรกเกิด ผ้ปู ว่ ยวัณโรค ผ้ตู ิดเชื้อ HIV ผรู้ บั การผา่ ตดั สมอง เป็นตน้ 51
4. ทีมดูแลผู้ป่วย (Patient Care Team : PCT) ที่มีเจ้าหน้าท่ีหน่วยงานการแพทย์แผนไทย เปน็ กรรมการ จดั ทำ� แผนการพฒั นาการดแู ลผปู้ ว่ ย โดยใชก้ จิ กรรมและวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย ในการปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย เช่น ความร่วมมือของทีมสหสาขาวิชาชีพ วิถีองค์รวม การใช้ข้อมูลวิชาการ การวิเคราะห์สาเหตุรากเหง้า การค้นหาสมุฏฐานวินิจฉัย การสร้าง นวตั กรรม การเปรยี บเทยี บกบั ผทู้ ท่ี ำ� ไดด้ ที สี่ ดุ การปรบั ปรงุ การดแู ลผปู้ ว่ ยควรครอบคลมุ มิตดิ า้ นการป้องกัน สรา้ งเสริม รักษา ฟ้ืนฟู ตามความเหมาะสม 3.2 ระบบบรหิ ารความเส่ยี ง (Risk Management System) องค์กรมีระบบบริหารความเสี่ยงและความปลอดภัยท่ีมีประสิทธิผลและประสานสอดคล้องกัน เพอ่ื จดั การความเสย่ี งและสรา้ งความปลอดภยั แกผ่ ปู้ ว่ ย/ผรู้ บั บรกิ าร เจา้ หนา้ ท่ี และผทู้ ม่ี าเยอื น ก. ข้อกำ� หนดท่วั ไป 1. องคก์ รดำ� เนนิ การระบบบรหิ ารความเสยี่ งโดยมอี งคป์ ระกอบสำ� คญั ทสี่ นบั สนนุ การออกแบบระบบ การนำ� ไปปฏบิ ตั ิ การธำ� รง และการปรบั ปรงุ กระบวนการบรหิ ารความเสยี่ ง รวมทงั้ มาตรการ ท้ังเชิงรกุ และเชงิ รบั ดงั ตอ่ ไปนี้ • โครงหลักของการบริหารความเส่ียง เช่น นโยบายการบริหารความเส่ียง ขอบเขต การประเมินความเสี่ยง วัตถุประสงค์ ภารกิจ และความมุ่งม่ันในการบริหารความเส่ียง ท่ีสอดคลอ้ งกับบริบทขององค์กร 52
• การจัดการภายในองค์กร เช่น สรุปแผนจัดการความเส่ียงที่ส�ำคัญ การออกแบบ กระบวนการและกจิ กรรม การเชอื่ มโยงกับระบบอน่ื การก�ำหนดองคป์ ระกอบและบทบาท หนา้ ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบของทมี ทรพั ยากรทใี่ ช้การอบรมบคุ ลากรกระบวนการการสอื่ สาร กบั ผทู้ ม่ี สี ่วนได้สว่ นเสยี การก�ำกบั ติดตามและประเมนิ ผล • รายการความเสี่ยงท่ีจะจัดการ ควรครอบคลุมความเส่ียงด้านยุทธศาสตร์ ด้านคลินิก ดา้ นปฏบิ ัตกิ าร ด้านการเงิน และด้านอันตรายตา่ งๆ 2. ระบบบริหารความเสี่ยงได้รับการสนับสนุนโดยการมีนโยบาย แผน ระเบียบปฏิบัติ ทะเบียนจดั การความเส่ยี ง (risk register) และกระบวนการตา่ งๆ ดงั น้ี • นโยบายการบริหารความเส่ียง แสดงความมุ่งมั่นขององค์กรในการบริหารความเส่ียง และแสดงทศิ ทางในการด�ำเนินงาน • แผนการบริหารความเสี่ยง แสดงวิธีการที่องค์กรจะใช้ในการบริหารความเส่ียง เช่น ระเบียบปฏิบัติ วิธีปฏิบัติ ความรับผิดชอบ กิจกรรม และทรัพยากรที่จะใช้ในการบริหาร ความเสยี่ ง • กระบวนการบริหารความเส่ียง ประกอบดว้ ยการระบคุ วามเสี่ยง การวิเคราะหค์ วามเสยี่ ง (โอกาสท่ีจะเกิดและผลที่จะตามมา) การจัดล�ำดับความส�ำคัญของความเส่ียงแต่ละชนิด แผนรับมือหรอื ปอ้ งกันความเสยี่ ง การกำ� กับติดตามและทบทวนความเสยี่ ง 53
• ทะเบียนจัดการความเส่ียง ควรใช้บันทึกข้อมูลความเสี่ยงทั้งหมดท่ีระบุไว้ (ท้ังทาง ด้านคลินิก และด้านท่ีไม่ใช่คลินิก) และมีการปรับปรุงข้อมูลอย่างสม�่ำเสมอ ควรมี การจัดระดับความเสี่ยงที่ระบุตามความรุนแรงและโอกาสเกิดผลกระทบต่อองค์กร ควรมีแผนในการหลกี เลี่ยง ควบคุม บรรเทา และก�ำกบั ตดิ ตามความเสยี่ งแต่ละรายการ ท่รี ะบไุ ว้ • มีระเบียบปฏิบัติในการรายงานอุบัติการณ์รวมทั้งการจัดการเม่ือได้รับรายงานและ การบันทกึ ขอ้ มูล • องค์กรควรเฝ้าติดตามในประเด็น ผลการด�ำเนินงานจริงเทียบกับแผนการด�ำเนินงาน ตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันและประเด็นเฉพาะที่เกิดข้ึนในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง แล้วนำ� ข้อมลู จากการกำ� กับตดิ ตามและทบทวนไปใช้ในการพัฒนา 3. องค์กรมีการประเมินความเสี่ยงภายในองค์กร ทั้งน้ี เพ่ือปกป้องผู้ป่วย/ผู้รับบริการ จากผลไมพ่ งึ ประสงคท์ อ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ จากการใหบ้ รกิ ารการประเมนิ ความเสย่ี งควรครอบคลมุ ประเด็นเร่อื ง • การจดั การดา้ นยาแผนไทย วตั ถดุ ิบสมนุ ไพร • การควบคุมการติดเชอ้ื • การระบุตวั ผ้ปู ่วยผิดพลาด • การสื่อสารท่ีผดิ พลาดในช่วงการส่งมอบผ้ปู ว่ ยใหห้ น่วยงานอนื่ ดแู ลต่อ 54
• โภชนาการ • ความเส่ยี งจากการใช้เครื่องมอื เชน่ การใชล้ กู ประคบ หมอ้ เกลือ ตู้อบไอน้�ำสมนุ ไพร • ความเสี่ยงจากภาวะเจ็บปว่ ยในระยะยาว เชน่ แผลกดทับ 4. องคก์ รมกี ระบวนการในการรายงาน สบื หาสาเหตุ และดำ� เนนิ การทต่ี อบสนองตอ่ อบุ ตั กิ ารณ์ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และเหตุเกือบพลาดท่ีส่งผลต่อผู้ป่วย/ผู้รับบริการ เจ้าหน้าท่ี หรอื ผู้มาเยือน และนำ� ไปสู่การพัฒนาบรกิ ารให้ดีข้ึน กระบวนการควรครอบคลมุ เรอื่ ง : • การอบรมเจ้าหน้าท่ีในการระบุความเสี่ยง การรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง และการวเิ คราะหส์ าเหตุรากเหง้า (root cause analysis) • วธิ กี ารจดั ท�ำเอกสารและรายงานอบุ ัติการณ์/เหตกุ ารณ์ • การวเิ คราะหส์ าเหตุรากเหงา้ • ขั้นตอนในการให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วย/ผู้รับบริการ ท่ีได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ไมพ่ งึ ประสงค์ 55
5. องคก์ รจดั การประเดน็ ทเี่ กย่ี วกบั ความปลอดภยั ของผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั บรกิ าร ตามลกั ษณะบรกิ าร ทอ่ี งคก์ รจดั ใหม้ โี ดยครอบคลมุ ประเดน็ สำ� คญั ดา้ นความปลอดภยั ทอ่ี งคก์ ารอนามยั โลกระบุ16 และสอดคล้องกับเป้าหมายความปลอดภัยของผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ของประเทศไทย ยุทธศาสตร์และมาตรการป้องกันท่ีก�ำหนดขึ้นควรมีการออกแบบที่รัดกุม มีการส่ือสาร โดยละเอียด และมีการสรา้ งความตระหนักเพื่อใหเ้ กิดการนำ� ไปปฏบิ ตั ิทีม่ ปี ระสิทธิผล 6. มกี ารประเมนิ ประสทิ ธผิ ลของโปรแกรมการจดั การความเสยี่ งและความปลอดภยั อยา่ งสมำ�่ เสมอ เพือ่ นำ� ขอ้ มลู ไปใช้ในการพฒั นา ข. ข้อกำ� หนดจำ� เพาะ ระบบบรหิ ารความเสย่ี งดำ� เนนิ การแบบบรู ณาการไปกบั ระบบงานทเ่ี ปน็ ความเสย่ี งทส่ี ำ� คญั ขององคก์ ร 1. องคก์ รบรหิ ารจดั การโปรแกรมสขุ ภาพและความปลอดภยั ของบคุ ลากร อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 2. องคก์ รสร้างความมน่ั ใจวา่ อาคารสถานที่ พ้ืนทใ่ี ช้สอย อปุ กรณเ์ ครอื่ งมอื ยา ยาแผนไทย วัตถุดิบสมุนไพร และวัสดุครุภัณฑ์ท่ีใช้ เป็นไปตามท่ีกฎหมาย/ระเบียบท่ีเกี่ยวข้องก�ำหนด อปุ กรณเ์ คร่ืองมอื ถูกใช้งานโดยคำ� นึงถงึ ความปลอดภยั 16 ตวั อยา่ งเช่น Global Patient Safety Challenge: “Clean Care is Safer Care (2005)”, “Safe Surgery Saves Lives (2008)”, “Medication Without Harm (2017)” 56
3. องคก์ รวางแผนการจดั การระบบปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชอ้ื อยา่ งเปน็ ระบบและมกี ารออกแบบ ข้นั ตอนทเ่ี หมาะสมในการจดั การเวชระเบียนผ้ปู ว่ ย 4. การก�ำกับดูแลด้านวชิ าชีพ (PFG) การกำ� กบั ดแู ลดา้ นวชิ าชพี การแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ตแ์ ละวชิ าชพี การแพทยแ์ ผนไทย ก. ความรู้ ความสามารถ ความเข้าใจและมกี ารสว่ นรว่ ม 1. ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยประยุกต์และแพทย์แผนไทย มีความรู้ ความสามารถ ความเขา้ ใจเจตคติ(Attitude)ทดี่ ีในงานเวชกรรมไทยงานเภสชั กรรมไทยงานหตั ถเวชกรรมไทย งานผดุงครรภ์ไทย ที่ถูกต้อง เหมาะสม จ�ำเป็น ทันเหตุการณ์และทิศทางการเปล่ียนแปลง ด้านสุขภาพ และไดร้ บั ใบประกอบวชิ าชพี ทเี่ กย่ี วขอ้ ง 2. รว่ มกำ� หนดใหม้ กี ระบวนการจดั ทำ� คมู่ อื วธิ ปี ฏบิ ตั งิ าน งานเวชกรรมไทย งานเภสชั กรรมไทย งานหัตถเวชกรรมไทย งานผดุงครรภ์ไทย และแนวเวชปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยด้วยการ แพทยแ์ ผนไทย ใหส้ อดคลอ้ งกบั องคค์ วามรกู้ ารแพทยแ์ ผนไทยกบั หวั หนา้ งานแพทยแ์ ผนไทย เพ่ือเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานการแพทย์แผนไทย สามารถปฏิบัติตามคู่มือ วิธีปฏิบัติงาน เวชกรรมไทย และแนวเวชปฏบิ ตั กิ ารดแู ลผปู้ ว่ ยดว้ ยการแพทยแ์ ผนไทยดงั กลา่ วไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 57
3. สามารถใหบ้ ริการการแพทย์แผนไทยที่ถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภัยสำ� หรบั ผรู้ ับบรกิ าร ในความดูแลตามมาตรฐานวิชาชีพและขอบเขตการบริการตามใบประกอบวิชาชีพท่ีได้รับ ตามคู่มือ วิธีปฏิบัติงานและแนวเวชปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยด้วยการแพทย์แผนไทยตามที่ได้ ก�ำหนดขน้ึ 4. มีสว่ นร่วมกบั หัวหน้างานแพทยแ์ ผนไทย ในการตดั สนิ ใจเพ่ือให้เกิดการพฒั นาและปรับปรุง ระบบงานให้ดีข้ึนอยา่ งตอ่ เน่อื ง ข. การกำ� กบั ดแู ล 1. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี แพทยแ์ ผนไทยประยกุ ตแ์ ละแพทยแ์ ผนไทย มกี ลไกการทบทวน การทวนสอบ (Verification)เชน่ การสงั เกตการสอบขอ้ เขยี นการฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารซกั ประวตั แิ ละตรวจรา่ งกาย การฝึกปฏิบัติการวินิจฉัยและการวางแผนการรักษา การฝึกปฏิบัติการปรุงยาเฉพาะราย เป็นต้น เพ่ือประเมินความรู้ ความสามารถ ความเข้าใจของตนเอง เพื่อนร่วมวิชาชีพ ท่ีปฏิบัติงานร่วมกันและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานการแพทย์แผนไทยภายใต้ความดูแลของตน ร่วมกับหวั หน้างานแพทย์แผนไทยได้ 2. ผู้ประกอบวชิ าชีพแพทยแ์ ผนไทยประยุกต์และแพทยแ์ ผนไทย มกี ลไกการพัฒนาองคค์ วามรู้ ด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้กับของตนเอง เพ่ือนร่วมวิชาชีพที่ปฏิบัติงานร่วมกัน และเจา้ หนา้ ทใ่ี นหนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทยภายใตค้ วามดแู ลของตนเชน่ ผชู้ ว่ ยแพทยแ์ ผนไทย ร่วมกับหัวหนา้ งานแพทย์แผนไทยได้อย่างเหมาะสม 58
3. ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยประยุกต์และแพทย์แผนไทย มีการประเมินผลเพ่ือทบทวน 59 การใชค้ มู่ อื วธิ ปี ฏบิ ตั งิ านในดา้ นตา่ งๆและแนวเวชปฏบิ ตั กิ ารดแู ลผปู้ ว่ ยดว้ ยการแพทยแ์ ผนไทย ร่วมกับหัวหน้างานแพทย์แผนไทยอย่างสม่�ำเสมอเพื่อให้มีความสมบูรณ์ ครบถ้วน และสอดคลอ้ งกบั สภาวะการทำ� งานการแพทยแ์ ผนไทย 5. สง่ิ แวดลอ้ มในการดูแลผปู้ ่วย (ENV) 5.1 สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพและความปลอดภยั (Physical Environment and Safety) สิ่งแวดล้อมทางกายภาพขององค์กรเอ้ือต่อความปลอดภัยและความผาสุกของผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ และผู้มาเยือน องค์กรสร้างความมั่นใจว่าผู้อยู่ในพื้นที่อาคารสถานท่ีจะปลอดภัยจากอัคคีภัย วัสดุและ ของเสยี อนั ตราย หรอื ภาวะฉกุ เฉนิ อน่ื ก. ความปลอดภัยและสวัสดภิ าพ 1. โครงสร้างอาคารสถานท่ีขององค์กรเป็นไปตามข้อบังคับ ข้อก�ำหนด หรือมาตรฐาน ด้านสถานท่ีการใหบ้ ริการแพทย์แผนไทย17 ในการตรวจสอบอาคารสถานที่ การออกแบบ และการจัดแบ่งพ้ืนที่ใช้สอยของอาคารเอื้อต่อความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ความเปน็ ส่วนตวั ของผูป้ ่วย และการทำ� งานที่มปี ระสทิ ธภิ าพ 2. มผี ู้ไดร้ บั มอบหมายใหก้ ำ� กบั ดแู ล (Oversight) ระบบงานบรหิ ารอาคารสถานทแ่ี ละการรกั ษา ความปลอดภัย มกี ารติดตามและปรับปรุงระบบงานดงั กล่าวในทุกแงม่ มุ 17 มาตรฐานดา้ นสถานที่ เชน่ มาตรฐานโรงพยาบาลสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยผ์ สมผสาน (รพ.สส.พท. พ.ศ. 2557) เปน็ ตน้
3. องค์กรตรวจสอบอาคารสถานท่ีและส่ิงแวดล้อมเพื่อค้นหาความเสี่ยงและการปฏิบัติ ท่ีไม่ปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยทุกหกเดือนในพ้ืนที่ให้บริการผู้ป่วย ผู้มาเยือน และทุกปใี นพน้ื ที่อื่น 4. องค์กรประเมินความเสี่ยงด้านส่ิงแวดล้อมในเชิงรุก18 จัดท�ำแผนบริหารความเสี่ยง ด้านสิ่งแวดล้อมและน�ำไปปฏิบัติ เพ่ือลดความเสี่ยงท่ีระบุไว้ ป้องกันการเกิดอันตราย ตอบสนองต่ออุบัติการณ์ท่ีเกิดขึ้น ธ�ำรงไว้ซ่ึงสภาพอาคารสถานท่ีท่ีสะอาดและปลอดภัย สำ� หรับผูป้ ว่ ย ผ้มู าเยอื น และบุคลากร 5. บุคลากรทุกคนได้รับความรู้และการฝึกอบรมเกี่ยวกับบทบาทในการสร้างส่ิงแวดล้อม ท่ปี ลอดภยั และเอือ้ ตอ่ การทำ� งานอย่างมีประสทิ ธผิ ล ข. วสั ดแุ ละของเสยี อนั ตราย (Hazardous Materials and Waste) 1. องค์กรจัดการต่อวัสดุและของเสียอันตราย19 อย่างปลอดภัย ด้วยการระบุรายการวัสดุ และของเสยี อนั ตรายทีใ่ ชห้ รอื ท่ีเกดิ ขน้ึ ใช้กระบวนการท่ีปลอดภยั ในการเลอื ก สมั ผสั จดั เกบ็ เคลอื่ นย้าย ใช้และกำ� จดั วสั ดุและของเสียอันตรายดงั กล่าว 18 การประเมนิ ความเสี่ยงด้านสิง่ แวดล้อมในเชงิ รกุ รวมถงึ การประเมนิ ความเสย่ี งท่อี าจเกิดจากงานกอ่ สร้าง ตกแต่งปรับปรุง และรื้อท�ำลายส่งิ กอ่ สร้าง 19 วัสดุและของเสยี อนั ตราย (hazardous materials and waste) ได้แก่ เช่น หม้อนึ่งลูกประคบ เตาแกส๊ ตอู้ บไอนำ�้ สมนุ ไพร ระบบไอนำ�้ สารเคมี ยาเคมบี ำ� บดั สารกมั มันตภาพรงั สี ของเสียทางการแพทยท์ ่ตี ิดเชอื้ รวมท้ังของมคี ม เป็นตน้ 60
ค. การจัดการกบั ภาวะฉกุ เฉิน (Emergency) 1. องค์กรด�ำเนินการวิเคราะห์ความล่อแหลมต่อการเกิดอันตราย (Hazard Vulnerability Analysis) เพอ่ื ระบุภาวะฉกุ เฉิน20 ท่ีเปน็ ไปไดแ้ ละองคก์ รต้องเข้าไปมบี ทบาทในการใหบ้ รกิ าร 2. องคก์ รจดั ทำ� แผนรองรบั ภาวะฉกุ เฉนิ ครอบคลมุ การเตรยี มความพรอ้ มเพอื่ รองรบั ภยั พบิ ตั ิ การด�ำเนนิ งานเมอ่ื เกิดภาวะฉุกเฉิน21 และนำ� ไปใชป้ ฏิบัตเิ มอ่ื เกดิ เหตกุ ารณ์ 3. องค์กรด�ำเนนิ การฝึกซ้อมอย่างสม�่ำเสมอ เพอ่ื ทดสอบการจดั การเมือ่ เกดิ ภาวะฉุกเฉนิ ง. ความปลอดภยั จากอคั คีภยั และภาวะฉกุ เฉนิ อืน่ 1. องค์กรจัดทำ� แผนความปลอดภัยจากอัคคีภัยและน�ำไปปฏิบัติ แผนครอบคลุม การป้องกัน การลดความเส่ียงจากอัคคีภัย การตรวจจับแต่เริ่มแรก การดับเพลิง และการเคลื่อนย้าย ขนย้ายออกจากอาคารอยา่ งปลอดภัยเมอ่ื เกดิ อคั คภี ัยหรือภาวะฉกุ เฉิน 20 ภาวะฉุกเฉิน (emergency) ได้แก่ เหตุการณ์ซ่ึงเกิดจากธรรมชาติหรือการกระท�ำของมนุษย์ท่ีมีผลสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมในการดูแล 61 ผปู้ ว่ ย (เชน่ พายุ นำ�้ ทว่ ม แผน่ ดนิ ไหว) ทำ� ใหบ้ รกิ ารผปู้ ว่ ยตอ้ งหยดุ ชะงกั (เชน่ ไฟฟา้ ประปา โทรศพั ท์ ไมส่ ามารถใชก้ ารได)้ หรอื ทำ� ใหค้ วามตอ้ งการบรกิ าร เพม่ิ ขึ้นอย่างฉับพลัน (เชน่ อาวธุ ชีวภาพ ตึกถล่ม อบุ ัติเหตุหมู่) 21 การดำ� เนนิ งานเมอ่ื เกดิ ภาวะฉกุ เฉนิ ควรครอบคลมุ การดแู ลผปู้ ว่ ย การแยกผปู้ ว่ ยและการจดั การสงิ่ ปนเปอ้ื น กจิ กรรมชว่ ยเหลอื เจา้ หนา้ ทแี่ ละครอบครวั การจดั หาวสั ดอุ ปุ กรณท์ จ่ี ำ� เปน็ ระบบสาธารณปู โภค การรกั ษาความปลอดภยั การสอ่ื สาร การเคลอื่ นยา้ ย การจดั เตรยี มสถานทสี่ ำ� รอง การประสานงาน กบั องค์กรอน่ื และการรายงาน
2. องคก์ รให้ความรูเ้ พอ่ื สรา้ งความตระหนักทว่ั ท้ังองค์กร และดำ� เนนิ การฝกึ ซอ้ มแผนอัคคีภยั อย่างสม�่ำเสมอมีการค้นหาจุดอ่อนและโอกาสพัฒนา ประเมินความพร้อมใช้ของเคร่ืองมือ อุปกรณต์ ่างๆ ประเมนิ ประสทิ ธผิ ลของการฝึกอบรมเพอื่ รองรบั อคั คีภัย และประเมินความรู้ ของบุคลากรจากการฝึกซ้อม 3. องค์กรตรวจสอบ ทดสอบ บ�ำรุงรักษาระบบและเครื่องมือต่างๆ ในการป้องกันและควบคุม อคั คภี ัย22 อย่างสมำ่� สมอ 5.2 เคร่อื งมอื และระบบสาธารณูปโภค (Equipment and Utility System) องค์กรสร้างความมั่นใจว่ามีเครื่องมือท่ีจ�ำเป็น พร้อมใช้งานท�ำหน้าท่ีได้เป็นปกติ และมีระบบ สาธารณปู โภคทจ่ี ำ� เปน็ อยตู่ ลอดเวลา ก. เครื่องมอื 1. องค์กรจดั ท�ำแผนบรหิ ารเครือ่ งมอื เพือ่ การใช้งานท่ีไดผ้ ล ปลอดภยั และเชอ่ื ถือได้ พรอ้ มทัง้ นำ� ไปปฏิบตั ิ ซ่งึ แผนประกอบดว้ ย • กระบวนการคดั เลอื กและจดั หาเคร่อื งมอื • การจดั ทำ� บัญชรี ายการเครอ่ื งมอื ทคี่ รอบคลุมอยู่ในแผน 22 ระบบและเคร่ืองมือในการปอ้ งกันและควบคมุ อคั คีภยั ไดแ้ ก่ เครือ่ งตรวจจับควนั เครอ่ื งแจง้ สัญญาณไฟไหม้ ระบบดับเพลงิ (ทอ่ นำ้� สารเคมีดบั เพลงิ ระบบฉดี นำ�้ ) อปุ กรณ์ผจญเพลิง 62
• การทดสอบสมรรถนะและความปลอดภัยของเครอ่ื งมือก่อนใช้งานคร้งั แรก • การตรวจสอบ ทดสอบ และบำ� รุงรกั ษาเคร่ืองมอื อยา่ งเหมาะสมตามชว่ งเวลาท่กี �ำหนด • การใหค้ วามรแู้ ก่ผู้ใช้ • การฝึกอบรมเจ้าหนา้ ที่ในการใช้เคร่อื งมอื ได้อยา่ งปลอดภัย • แนวทางปฏิบตั ฉิ ุกเฉนิ เมือ่ เคร่ืองมอื ไมส่ ามารถใช้งานได้ 2. มเี ครอื่ งมอื แพทยท์ จ่ี ำ� เปน็ พรอ้ มใช้ เพอื่ ใหก้ ารดแู ลผปู้ ว่ ยอยา่ งปลอดภยั เครอื่ งมอื ทซ่ี บั ซอ้ น ต้องใช้โดยผู้ที่ผ่านการฝึกฝนจนเกิดความช�ำนาญ และองค์กรให้การอนุญาตในการใช้ เครื่องมือชิน้ นนั้ 3. องคก์ รตดิ ตามและรวบรวมขอ้ มลู ของระบบบรหิ ารเครอ่ื งมอื และนำ� ขอ้ มลู ไปใชเ้ พอ่ื การวางแผน ปรบั ปรุงหรือจดั หาทดแทนในระยะยาว ข. ระบบสาธารณูปโภค23 1. องคก์ รจดั ทำ� แผนบรหิ ารระบบสาธารณปู โภคเพอื่ การใชง้ านท่ีไดผ้ ล ปลอดภยั และเชอ่ื ถอื ได้ พร้อมท้งั นำ� ไปปฏิบตั ิ แผนประกอบดว้ ย 23 ระบบสาธารณปู โภค ไดแ้ ก่ ระบบไฟฟา้ ระบบนำ�้ ประปา ระบบระบายอากาศและปรบั อากาศ ระบบแกส๊ ทใ่ี ชใ้ นทางการแพทยแ์ ละระบบสญุ ญากาศ ระบบขนส่งวสั ดุอปุ กรณ์ ระบบไอน�ำ้ ระบบตดิ ตอ่ สื่อสาร ระบบแลกเปลย่ี นข้อมูลขา่ วสาร 63
• การจดั ทำ� บัญชีรายการองค์ประกอบของระบบสาธารณูปโภค • แผนผังตำ� แหนง่ ที่ต้ังตา่ งๆ ของระบบสาธารณูปโภค • การตรวจสอบ ทดสอบ และบำ� รงุ รกั ษา อย่างเหมาะสมตามเวลาท่ีก�ำหนด • แนวทางปฏิบัติฉุกเฉนิ เมอ่ื ระบบสาธารณูปโภคไม่สามารถใชง้ านได้ • การลดปรมิ าณเชือ้ โรคใน cooling tower และระบบนำ้� • ประสทิ ธิภาพของระบบระบายอากาศเพอ่ื ควบคุมการปนเปอื้ นในอากาศ 2. องค์กรจัดให้มีระบบไฟฟ้าส�ำรองและระบบส�ำรองส�ำหรับแก๊สที่ใช้ทางการแพทย์ให้แก่ จุดบริการที่จ�ำเป็นทั้งหมด24 โดยมีการบ�ำรุงรักษา ทดสอบ และตรวจสอบท่ีเหมาะสม อยา่ งสมำ่� เสมอ. 3. องค์กรติดตามและรวมรวบข้อมูลเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภค เพ่ือใช้วางแผนปรับปรุง หรอื สรา้ งทดแทน 24 จุดบริการที่จ�ำเป็นต้องมีไฟฟ้าส�ำรอง ได้แก่ ระบบเตือนภัย ไฟทางออก ป้ายบอกทางออก ระบบสื่อสารฉุกเฉิน ท่ีเก็บเลือด/กระดูก/เนื้อเยื่อ หอ้ งฉกุ เฉนิ ลฟิ ต์ (มอี ยา่ งนอ้ ย 1 ตวั สำ� หรบั ผปู้ ว่ ยทไี่ มส่ ามารถเดนิ ได)้ เครอ่ื งอดั อากาศทางการแพทย์ ระบบสญุ ญากาศ จดุ ทตี่ อ้ งใชเ้ ครอื่ งมอื ชว่ ยชวี ติ 64 หอ้ งผา่ ตัด ห้องพกั ฟ้ืน ห้องคลอด หน่วยทารกแรกเกิด
5.3 สิ่งแวดล้อมเพ่ือการสร้างเสริมสุขภาพและการพิทักษ์ส่ิงแวดล้อม (Environment for Health Promotion and Environment Protection) องคก์ รแสดงความมงุ่ มน่ั ในการทจี่ ะทำ� ใหโ้ รงพยาบาลเปน็ สถานทท่ี ป่ี ลอดภยั และเออ้ื ตอ่ สขุ ภาพเออื้ ตอ่ กจิ กรรมสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ แหลง่ การเรยี นรดู้ า้ นการแพทยแ์ ผนไทยและสมนุ ไพร และพทิ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม ก. การสร้างเสริมสุขภาพ แหล่งการเรยี นรดู้ า้ นการแพทย์แผนไทยและสมนุ ไพร 1. องค์กรจัดให้มีสภาพแวดล้อมเอ้ือต่อการมีสุขภาพที่ดีทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวญิ ญาณ สำ� หรบั ผปู้ ว่ ย ครอบครัว และบุคลากร 2. องค์กรจัดให้มีสถานท่ีและสิ่งแวดล้อม เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาทักษะส�ำหรับบุคลากร ผ้ปู ว่ ย และประชาชนทว่ั ไป 3. องคก์ รสง่ เสรมิ การเขา้ ถงึ การบรโิ ภคอาหารตามธาตเุ จา้ เรอื น ผลติ ภณั ฑส์ รา้ งเสรมิ สขุ ภาพ ท่เี หมาะสมกบั ผูป้ ่วยเฉพาะราย 4. องค์กรส่งเสริมให้มีแหล่งการเรียนรู้ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร รวมทั้งการใช้ ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ในการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ 5. องคก์ รส่งเสริมใหม้ กี ารใชว้ ัสดุ ครุภณั ฑ์ท่ีไม่มอี นั ตรายต่อสุขภาพ 65
ข. การพทิ กั ษส์ ่ิงแวดล้อม 1. มรี ะบบบำ� บัดน�้ำเสียท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพ • มีศักยภาพในการบำ� บัดเหมาะสมกับปรมิ าณนำ้� ท้งิ ของโรงพยาบาล • มีการดแู ลรักษาระบบโดยผูท้ ่ีได้รบั การฝกึ อบรม • มกี ารตรวจคณุ ภาพของนำ้� ทผ่ี า่ นการบำ� บดั ตามขอ้ กำ� หนดของหนว่ ยราชการทเี่ กยี่ วขอ้ ง • น�้ำทิ้งที่ผ่านการบ�ำบัดในช่วงเวลาที่ระบบรับภาระมากท่ีสุดมีค่ามาตรฐานตามท่ี หนว่ ยราชการกำ� หนด 2. องค์กรจัดการเพื่อลดปริมาณของเสียโดยจัดให้มีระบบการน�ำมาใช้ซ�้ำ (reuse) การลด ปริมาณการใช้ (reduction) การแปรรูป (recycle) และลดการใช้วัสดุท่ีทำ� ลายสิ่งแวดล้อม องคก์ รจดั การเพอ่ื ลดปรมิ าณของเสยี โดยจดั ใหม้ รี ะบบการนำ� มาใช้ใหม่ การลดปรมิ าณการใช้ การแปรรูปและลดการใช้วัสดุท่ที �ำลายสง่ิ แวดล้อม 3. มีระบบและวิธกี ารก�ำจดั ขยะทีถ่ กู สขุ ลกั ษณะ • มภี าชนะรองรับขยะทเ่ี หมาะสม และเพยี งพอ • มกี ระบวนการแยกรบั /ขนยา้ ย/จดั ทพี่ กั สำ� หรบั ขยะทวั่ ไป/ขยะตดิ เชอื้ /ขยะอนั ตรายทรี่ ดั กมุ • มกี ารฝึกอบรมเจ้าหน้าท่ีท่ีเกยี่ วขอ้ งในเรอ่ื งการเคลื่อนยา้ ยและกำ� จดั ของเสยี อยา่ งถูกวธิ ี 66
• มีกระบวนการในการกำ� จดั ขยะติดเชือ้ และขยะอันตรายอยา่ งเหมาะสม • มีการตรวจสอบการกำ� จดั ขยะติดเช้อื ของผูร้ ับช่วง 4. องค์กรร่วมมือกับชุมชนและองค์กรอ่ืนๆ ดำ� เนินการพิทักษ์ปกป้องและปรับปรุงส่ิงแวดล้อม องคก์ รประเมนิ และฟงั เสยี งสะทอ้ นในการกำ� จดั ของเสยี ของโรงพยาบาลทมี่ ผี ลกระทบตอ่ ชมุ ชน 6. การปอ้ งกนั และควบคุมการตดิ เช้ือ (IC) 6.1 ระบบการควบคมุ และปอ้ งกนั การตดิ เชอ้ื (Infection Prevention and Control Program) ระบบการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อขององค์กร ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสม ได้รับ การสนบั สนนุ ทรพั ยากรเพียงพอ และมกี ารประสานงานท่ดี ี ก. การออกแบบระบบ 1. มีการก�ำหนดเป้าประสงค์ วัตถุประสงค์ กลยุทธ์ และมาตรการในการป้องกันและควบคุม การติดเชื้อทเ่ี หมาะสมกับขนาดขององคก์ ร บรกิ ารทจี่ ัด และผู้ป่วยทใี่ หบ้ รกิ าร 2. มีการก�ำหนดการติดเชื้อท่ีมีความส�ำคัญทางระบาดวิทยา รวมท้ังต�ำแหน่งที่มีการติดเชื้อ และอปุ กรณท์ เี่ กย่ี วขอ้ ง เพอื่ เปน็ จดุ เนน้ ของการปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาล 3. ระบบการปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชอ้ื อยบู่ นพน้ื ฐานของความรทู้ างวทิ ยาศาสตรท์ ท่ี นั สมยั การปฏิบัติซึ่งเป็นท่ียอมรับ เป็นไปตามข้อก�ำหนดในกฎหมาย และจัดท�ำแนวทางปฏิบัติ ไว้เป็นลายลักษณ์อกั ษร 67
4. ระบบป้องกันและควบคุมการติดเช้ือครอบคลุมทุกพ้ืนที่ที่ให้บริการแก่ผู้ป่วย บุคลากร และผูม้ าเยือน 5. กระบวนการควบคุมการติดเช้ือเช่ือมประสานเป็นส่วนหนึ่งของระบบงานพัฒนาคุณภาพ และความปลอดภยั ขององค์กรโดยรวม 6. มีการประสานกระบวนการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ ซ่ึงได้รับการน�ำไปปฏิบัติ โดยบคุ ลากรทกุ คนทั่วทั้งองค์กรอย่างสม่ำ� เสมอ และอาจรวมถึงบา้ นของผู้ป่วย ข. การจดั การและทรัพยากร 1. มีบุคคลหรอื คณะกรรมการไดร้ บั มอบใหท้ ำ� หน้าทกี่ �ำกบั ดแู ลระบบงาน ก�ำหนดนโยบายและ มาตรการการวางแผน ประสานงาน และตดิ ตามประเมนิ ผลการดำ� เนนิ งานรวมทงั้ การปฏบิ ตั ิ ตามนโยบาย 2. มีพยาบาลควบคุมการติดเช้ือ ในจ�ำนวนท่ีเหมาะสมกับจ�ำนวนเตียงของโรงพยาบาล ท�ำหน้าที่รับผิดชอบการด�ำเนินงานระบบป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ ผู้ท�ำหน้าท่ีนี้มี คุณสมบัติที่เหมาะสม ผ่านการศึกษา ฝึกอบรม ประสบการณ์ และมีการก�ำหนดบทบาท ทีช่ ดั เจน โดยมอี ำ� นาจทีจ่ ะใช้มาตรการควบคมุ การติดเชอื้ หรือด�ำเนินการศกึ ษาเมือ่ รับรวู้ า่ จะมีอันตรายเกดิ ข้นึ กบั ผูป้ ่วยหรือบคุ ลากรของโรงพยาบาล 3. มีทรัพยากรท่ีเพยี งพอสำ� หรบั การป้องกันและควบคุมการติดเช้อื 68
4. ระบบสารสนเทศขององค์กรสนบั สนุนระบบป้องกนั และควบคุมการติดเชอ้ื 5. บคุ ลากรไดร้ บั การอบรมความรอู้ ย่างต่อเนื่องเก่ยี วกับความเสย่ี งของการติดเชอื้ นโยบาย ขององค์กรและบทบาทของบุคลากรในการป้องกนั การตดิ เช้อื 6. มีการให้ข้อมูลและเสริมพลังแก่ครอบครัว / ชุมชน ถึงวิธีการลดความเส่ียงในการติดเช้ือ และปอ้ งกนั การแพร่กระจายเชือ้ ในครวั เรือน / ชมุ ชน 6.2 ปฏิบัตกิ ารป้องกนั การติดเช้ือ (Infection Prevention) องค์กรสร้างความมนั่ ใจวา่ มกี ารปฏบิ ตั ิทเี่ หมาะสมเพื่อป้องกนั การติดเชื้อในโรงพยาบาล ก. การป้องกนั การติดเชอ้ื 1. มกี ารระบคุ วามเสยี่ งจากการตดิ เชอื้ ในหตั ถการและกระบวนการตา่ งๆ และมกี ารดำ� เนนิ การ ตามกลยทุ ธเ์ พือ่ ลดความเส่ยี งจากการตดิ เช้อื ดงั ต่อไปนี้ • การใช้ standard precautions และ isolation precautions • การทำ� ความสะอาด การทำ� ลายเชอ้ื และการท�ำใหป้ ราศจากเช้อื • การจดั การ (สัมผัส จัดเก็บ กำ� จดั ) กับส่ิงท่ีปนเปื้อนเชื้อโรค • การส่งเสรมิ การล้างมอื และสขุ อนามยั ของบคุ คล 69
2. มกี ารควบคมุ สงิ่ แวดลอ้ มเพอ่ื ลดความเสยี่ งในการแพรก่ ระจายและการปนเปอ้ื นในสงิ่ แวดลอ้ ม • การจัดโครงสร้าง การระบายอากาศ และบำ� รุงรักษาอาคารสถานที่เพือ่ ป้องกันการแพร่ กระจายส่งิ ปนเป้อื นและเช้ือโรค • การจัดให้มีสถานที่และสิ่งอ�ำนวยความสะดวกในการล้างมือ การท�ำความสะอาด และ การแยกบริเวณใชง้ านท่ีสะอาดจากบรเิ วณปนเปือ้ น 3. มกี ารระบพุ นื้ ทที่ ำ� งานทตี่ อ้ งใสใ่ จในการปอ้ งกนั และควบคมุ การตดิ เชอ้ื และดำ� เนนิ การเพอื่ ลด ความเสย่ี งตอ่ การตดิ เชอ้ื โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในพนื้ ทต่ี อ่ ไปน้ีเชน่ หนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทย หอ้ งจดั ยาปรงุ เฉพาะราย หอ้ งทำ� หตั ถการ หน่วยซักฟอก หน่วยจ่ายกลาง โรงครัว เปน็ ตน้ 4. มีการด�ำเนินการเพ่ือลดความเสี่ยงของการติดเชื้อท่ีส�ำคัญขององค์กร เช่น การติดเชื้อ แผลผ่าตัด การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ การติดเช้ือระบบทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อ จากการใหส้ ารนำ้� และการตดิ เชอ้ื ในกระแสเลือด 5. มีนโยบายและวิธีปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยที่ติดเช้ือซึ่งติดต่อได้ทางโลหิตและผู้ป่วยที่มี ภมู ิตา้ นทานตำ่� การจัดการกับการติดเชอื้ ทีด่ อ้ื ยาและการตดิ เชอื้ ที่อุบตั ขิ นึ้ ใหม่ 70
6.3 การเฝา้ ระวัง ติดตามกำ� กบั และควบคมุ การระบาด องค์กรใช้วิธีการท่ีเหมาะสมในการเฝ้าระวังและติดตามก�ำกับ เพ่ือค้นหาและควบคุมการติดเช้ือ และจดั การกับสถานการณ์ทีม่ กี ารระบาดของการตดิ เช้ือในโรงพยาบาล ก. การเฝา้ ระวังและติดตามกำ� กบั 1. มกี ารเฝา้ ระวงั การตดิ เชอ้ื ในโรงพยาบาลทเ่ี หมาะสมกบั องคก์ รอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง องคก์ รตดิ ตาม ความเส่ียงอัตรา และแนวโนม้ ของการติดเช้อื ในเชิงรกุ 2. มีการติดตามเฝ้าดูการเกิดปัญหาการติดเช้ือในโรงพยาบาลท่ีรุนแรง ในการดูแลผู้ป่วย ซง่ึ ไมไ่ ดม้ รี ะบบการเฝ้าระวงั ไปขา้ งหนา้ ในขอ้ 1 3. มกี ารตดิ ตามการใชย้ าตา้ นจลุ ชพี และความไวของเชอ้ื ตอ่ ยาตา้ นจลุ ชพี และสอื่ สารใหบ้ คุ คล และคณะกรรมการทีเ่ กี่ยวข้อง 4. มกี ารนำ� สารสนเทศจากการตดิ ตามเฝา้ ระวงั มาใช้ในการวางแผน คน้ หาการระบาด ใหค้ วามรู้ ประเมนิ ผลและปรับปรงุ ระบบงาน รวมทงั้ ตอบสนองต่อปัญหาของผูป้ ่วยเฉพาะราย 5. องค์กรทำ� งานรว่ มกบั ส่วนราชการ องค์กรอื่น และชุมชน เพอ่ื ค้นหาและตอบสนองตอ่ การ อบุ ตั ขิ องเช้อื โรคใหมแ่ ละเชอ้ื โรคท่ดี ้อื ยา 71
ข. การควบคมุ การระบาด 1. มีการบ่งชี้การเพ่ิมท่ีผิดปกติหรือการระบาดของการติดเช้ือด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล จากการเฝ้าระวงั , รบั ทราบขอ้ มลู จากบุคลากรทางคลินกิ อยา่ งสม�่ำเสมอ, ทบทวนรายงาน ผลการตรวจทางจุลชีววิทยาเพ่ือตรวจหาการเพ่ิมขึ้นผิดปกติของเช้ือบางชนิด อย่างสมำ�่ เสมอ 2. เมื่อมีการระบาดเกิดข้ึน ทีมผู้รับผิดชอบในการควบคุมการติดเช้ือมีทรัพยากรและอ�ำนาจ ในการสืบค้นและใช้มาตรการควบคมุ ท่เี หมาะสม อย่างรอบดา้ นและทนั กาล 7. ระบบเวชระเบยี น (MRS) 7.1 ระบบบรหิ ารเวชระเบยี น (Record Management System) องค์กรจัดให้มีระบบบริหารเวชระเบียนท่ีมีประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของ ผเู้ กี่ยวขอ้ งทุกฝา่ ย ก. การวางแผนและออกแบบระบบ 1. มกี ารกำ� หนดเปา้ หมายของการบนั ทกึ เวชระเบยี นรว่ มกนั โดยทกุ วชิ าชพี ทเ่ี กย่ี วขอ้ งเปา้ หมาย ครอบคลมุ การส่ือสาร ความต่อเนอื่ งในการดแู ลรักษา และการประเมินคุณภาพ 2. การออกแบบระบบเวชระเบยี นเปน็ ผลจากการประเมนิ ความตอ้ งการของผู้ใหบ้ รกิ ารผบู้ รหิ าร รวมทัง้ บุคคลและหนว่ ยงานภายนอก 72
3. เวชระเบียนผูป้ ่วยมขี อ้ มลู ทถ่ี ูกต้อง สมบรู ณ์ เปน็ ปจั จบุ นั และไมส่ ูญหายง่าย เพือ่ สนบั สนนุ การดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องและปลอดภัย การบันทึกเวชระเบียนควรเป็นไปตาม ขอ้ กำ� หนดต่อไปนี้ • การก�ำหนดผู้มสี ิทธิบันทกึ ในเวชระเบียน • การใช้สัญลักษณ์และค�ำยอ่ ที่เป็นมาตรฐาน • การรบั และทวนสอบคำ� สั่งการรักษาด้วยวาจา • การใช้รหสั การวนิ ิจฉยั โรคและรหสั หตั ถการที่เปน็ มาตรฐาน • การบนั ทกึ ดว้ ยลายมอื ทอี่ า่ นออก ระบวุ นั เวลา แลว้ เสรจ็ ในเวลาทก่ี ำ� หนด และมกี ารลงนาม • การแจง้ เตือนขอ้ มูลสำ� คญั • บันทึกความก้าวหนา้ ส่ิงท่สี ังเกตพบ รายงานการให้คำ� ปรึกษา ผลการตรวจวินจิ ฉัย • เหตกุ ารณส์ ำ� คญั เชน่ การเปลยี่ นแปลงอาการของผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั บรกิ าร และการตอบสนอง ตอ่ การดูแลรกั ษา • เหตกุ ารณเ์ กือบพลาด หรอื เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ทเี่ กดิ ข้ึน 4. ข้อมูลในบันทึกเวชระเบียนได้รับการบันทึกรหัสและจัดท�ำดัชนีเพื่อน�ำไปประมวลผล เป็นสารสนเทศการดูแลผู้ปว่ ยทีม่ คี ณุ ภาพในเวลาที่เหมาะสม 73
5. องคก์ รประเมนิ และปรบั ปรงุ ระบบบรหิ ารเวชระเบยี นอยา่ งสมำ่� เสมอ เพอื่ สรา้ งความมนั่ ใจวา่ ระบบตอบสนองความตอ้ งการขององค์กรและผู้ปว่ ย ข. การรกั ษาความปลอดภัยและความลับ 1. การจดั เก็บเวชระเบียน • มกี ารจดั เกบ็ อย่างเหมาะสม • มีการจดั เก็บทีร่ ักษาความลบั ได้ • มกี ารจัดเกบ็ ที่ปลอดภยั ได้รบั การป้องกันจากการสูญหาย ความเสยี หายทางกายภาพ และการแก้ไขดดั แปลง เข้าถงึ หรอื ใช้โดยผู้ไม่มีอำ� นาจหนา้ ท่ี • ถูกเก็บรักษาและถูกท�ำลายตามท่ีกำ� หนดไว้ในกฎหมายและระเบียบ 2. องค์กรก�ำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติท่ีจ�ำเป็นเพื่อรักษาความลับของข้อมูล และสารสนเทศของผู้ป่วยในเวชระเบียน ไดแ้ ก่ • การก�ำหนดผู้มสี ทิ ธิเขา้ ถงึ ข้อมูล • การระบขุ อ้ มลู ท่ีผูเ้ กยี่ วข้องแตล่ ะระดับสามารถเขา้ ถึงได้ • มาตรการในการรกั ษาความลับของขอ้ มูลผูป้ ว่ ยทเ่ี กบ็ ไว้ด้วยคอมพิวเตอร์ • การอนุญาตใหเ้ ปิดเผยขอ้ มลู ผู้ป่วย 74
• หน้าทใ่ี นการรกั ษาความลับของผทู้ ่ีเขา้ ถึงขอ้ มูล • วธิ ปี ฏบิ ตั ิเมอื่ มีการละเมิด 3. องค์กรให้ความรู้แก่บุคลากรอย่างต่อเน่ืองเกี่ยวกับความรับผิดชอบในการรักษาความลับ วิธีการจัดการเมือ่ มกี ารขอใหเ้ ปดิ เผยขอ้ มูลซง่ึ อาจเป็นการละเมิดการรกั ษาความลับ 4. องคก์ รมกี ระบวนการใหผ้ ปู้ ว่ ยสามารถเขา้ ถงึ ขอ้ มลู และสารสนเทศในเวชระเบยี นของตนเองได้ โดยมีเจ้าหนา้ ทีท่ ี่ไดร้ บั มอบหมายร่วมอยดู่ ว้ ย 7.2 เวชระเบยี นผู้ปว่ ย (Patient Medical Record) ผปู้ ว่ ยทกุ รายมเี วชระเบยี นซง่ึ มขี อ้ มลู เพยี งพอสำ� หรบั การสอ่ื สาร การดแู ลตอ่ เนอื่ ง การเรยี นรู้การวจิ ยั การประเมนิ ผล และการใชเ้ ป็นหลักฐานทางกฎหมาย 1. บันทกึ เวชระเบียนมีข้อมูลเพยี งพอสำ� หรบั • การสอ่ื สารระหวา่ งผู้ใหบ้ รกิ ารในการระบุตัวผูป้ ว่ ย • สมฏุ ฐานและธาตุเจา้ เรือนของผู้ป่วย • สนับสนุนการวนิ ิจฉัยโรคและแผนการดูแลรกั ษา • ประเมินความเหมาะสมของการดแู ลรกั ษา • ทราบความเป็นไปของการรกั ษาและผลการรกั ษา • เอ้ือตอ่ ความตอ่ เนื่องในการดูแล 75
• ใหร้ หสั โรคด้านการแพทยแ์ ผนไทย (ICD-10-TM) ได้อย่างถูกตอ้ ง • การใชเ้ ปน็ หลกั ฐานทางกฎหมาย • การประเมนิ คุณภาพการดแู ลผปู้ ว่ ย 2. มกี ารทบทวนเวชระเบยี นเป็นระยะเพื่อประเมินความเพียงพอ ความสมบูรณ์ ความถูกตอ้ ง ของข้อมูล และการบันทกึ ในเวลาที่กำ� หนด 8. ระบบการจัดการดา้ นยาแผนไทย (MMS) 8.1 การควบคมุ คุณภาพวตั ถดุ ิบสมุนไพรและยาแผนไทย (Quality Control) องค์กรสร้างความม่ันใจว่าวัตถุดิบสมุนไพรและยาแผนไทย มีคุณภาพมาตรฐาน ปลอดภัย และมีประสิทธิผล ก. การพิจารณาคัดเลอื กวตั ถดุ บิ สมุนไพรเพ่ือปรงุ ยาเฉพาะราย 1. ได้มาจากแหล่งปลูกทม่ี มี าตรฐาน เชน่ การปฏบิ ัติทางการเกษตรทด่ี ี (Good Agriculture Practice : GAP) ผลติ ภณั ฑอ์ นิ ทรยี ป์ ระเทศไทย (Organic Thailand) สหพนั ธเ์ กษตรอนิ ทรยี ์ นานาชาติ(International Federation of Organic Agriculture Movements : IFOAM) เปน็ ตน้ 2. หากรับซ้ือจากแหล่งอ่ืนต้องสามารถระบุแหล่งท่ีมาของวัตถุดิบสมุนไพรได้ว่าเพาะปลูก ได้มาตรฐาน เช่น การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agriculture Practice : GAP) 76
ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ประเทศไทย (Organic Thailand) สหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (International Federation of Organic Agriculture Movements : IFOAM) เป็นตน้ 3. มแี นวทางการตรวจสอบคุณภาพวตั ถุดบิ สมนุ ไพรและมีคู่มือการดำ� เนินงานกำ� กบั 4. มีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบสมุนไพรท่ีเหมาะสม เช่น คุณสมบัติทาง กายภาพ องคป์ ระกอบทางเคมี (Chemical Identification) หรื อสารปนเปอ้ื นหากมขี อ้ สงสยั ในด้านคณุ ภาพ 5. มแี นวทางการส่มุ ตรวจคุณภาพวตั ถุดิบสมุนไพรประจำ� ปีตามความเหมาะสม ข. การพจิ ารณาคดั เลอื กยาแผนไทย 1. ได้จากผผู้ ลติ ท่ผี า่ นมาตรฐานการผลิตยาแผนไทยท่ีกฎหมายกำ� หนด 2. มแี นวทางการตรวจสอบคุณภาพยาแผนไทยและมคี มู่ อื การดำ� เนินงานกำ� กับ 3. มแี นวทางการสมุ่ ตรวจคุณภาพยาแผนไทยประจำ� ปตี ามความเหมาะสม 77
8.2 การกำ� กบั ดแู ลและสง่ิ แวดลอ้ มสนบั สนนุ (OversightandSupportiveEnvironment) องคก์ รสรา้ งความมน่ั ใจในระบบการจดั การดา้ นยาแผนไทยทป่ี ลอดภยั เหมาะสมและไดผ้ ลพรอ้ มทง้ั การมยี าแผนไทยทีม่ ีคณุ ภาพสูงพรอ้ มใชส้ ำ� หรบั ผู้ป่วย ผา่ นกลไกกำ� กับดูแลและส่ิงแวดล้อมสนบั สนุน ก. การกำ� กับดูแลการจดั การด้านยา 1. องคก์ รจดั ตง้ั คณะกรรมการเภสชั กรรมและการบำ� บดั (Pharmaceutical and Therapeutic Committee - PTC) จากสหสาขาวชิ าชพี ทม่ี เี จา้ หนา้ ทง่ี านการแพทยแ์ ผนไทยเปน็ กรรมการ ท�ำหน้าท่ีก�ำกับดูแลระบบการจัดการด้านยาให้มีความปลอดภัย มีการใช้ยาอย่าง สมเหตผุ ล25 มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพ 2. มีการจัดท�ำบัญชียาแผนไทยโรงพยาบาลเพื่อจ�ำกัดให้มีรายการยาแผนไทยเท่าท่ีจ�ำเป็น โดยครอบคลุมทุกกลุ่มอาการ มีการทบทวนบัญชียาแผนไทยอย่างน้อยปีละคร้ัง มีการก�ำหนดมาตรการความปลอดภัยส�ำหรับยาแผนไทยชนิดใหม่ที่มีโอกาสเกิดความ คลาดเคลื่อนสูง รวมท้ังมีแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมในการขอใช้ยาแผนไทยท่ีอยู่นอกบัญชี ยาหลกั แห่งชาติเมื่อจำ� เปน็ 3. การจัดหายาแผนไทยเป็นไปตามบัญชียาแผนไทยท่ีผ่านการรับรอง มีกระบวนการ ในการจดั การกบั ปัญหายาแผนไทยที่ขาดแคลนและจำ� เป็นเร่งด่วน 25 การใช้ยาอย่างสมเหตุผล หมายถึง การจัดวางระบบและกระบวนการจัดการด้านยาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาท่ีเหมาะสมกับข้อบ่งชี้ ทางคลินิก ในปริมาณที่สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละบุคคล ในระยะเวลาที่เพียงพอต่อการรักษาโรคนั้น และเกิดความคุ้มค่าสูงสุด 78 ท้ังต่อตัวผู้ป่วยและตอ่ สงั คม
4. องค์กรระบุยาแผนไทยหรือวัตถุดิบสมุนไพรที่น�ำมาปรุงยาส�ำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย ซ่ึงมีความเส่ียงสูงหรือต้องมีความระมัดระวังในการใช้สูง ออกแบบกระบวนการท่ีเหมาะสม ปลอดภัยในการจัดหา เก็บรักษา ส่ังใช้ ถ่ายทอดค�ำส่ัง จัดเตรียม จ่าย ให้ และติดตาม กำ� กบั ยาแผนไทย เพ่อื ลดความเส่ยี งในการใช้ยาแผนไทยเหลา่ นี้ 5. องคก์ รกำ� หนดนโยบายการปอ้ งกนั ความคลาดเคลอื่ นทางยาแผนไทยเชน่ ความคลาดเคลอ่ื น ในการส่ังใช้ยา (Prescription Error) ความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกค�ำสั่งใช้ยา (TranscribingError)ความคลาดเคลอ่ื นในการจา่ ยยา(DispensingError)และความคลาดเคลอื่ น ในการบริหารยา (Administration Error)เหตกุ ารณ์ไมพ่ ึงประสงค์ (Adverse Event) ที่พบ จากยาแผนไทย รวมท้ังอันตรกิริยาระหว่างยาแผนไทยกับยาแผนปัจจุบัน (Herb-Drug Interactions)และนำ� สกู่ ารปฏบิ ตั ิมกี ารตอบสนองอยา่ งเหมาะสมตอ่ เหตกุ ารณ์ไมพ่ งึ ประสงค์ จากยาแผนไทย และความคลาดเคลื่อนทางยาแผนไทยที่เกิดข้นึ หรือทีม่ ีโอกาสเกดิ ขน้ึ 6. องคก์ รประเมนิ และปรบั ปรงุ ระบบบรหิ ารจดั การดา้ นยาแผนไทยเปรยี บเทยี บกบั เปา้ ประสงค์ ของระบบ คอื ความปลอดภยั ความเหมาะสม ประสทิ ธภิ าพ มกี ารทบทวนวรรณกรรมเกย่ี วกบั วิธีปฏิบัติท่ีประสบความส�ำเร็จและเทคโนโลยีใหม่ เก่ียวกับระบบจัดการด้านยาแผนไทย อยา่ งสมำ่� เสมอ 79
ข. การเก็บสำ� รองยาแผนไทย 1. ยาแผนไทยทุกรายการได้รับการเก็บส�ำรองอย่างเหมาะสมและปลอดภัย เพื่อสร้าง ความมนั่ ใจวา่ จะมยี าแผนไทยใชอ้ ยา่ งเพยี งพอ มคี ณุ ภาพและความคงตวั (Stability) พรอ้ มใช้ ป้องกันการเข้าถึงโดยผู้ไม่มีอ�ำนาจหน้าที่ ป้องกันความคลาดเคล่ือนทางยาแผนไทย และผลไมพ่ งึ ประสงคจ์ ากยาแผนไทย สามารถทวนกลบั ถงึ แหลง่ ทม่ี า มกี ารตรวจสอบบรเิ วณ ทเ่ี กบ็ ยาแผนไทยอยา่ งสมำ่� เสมอมรี ะบบควบคมุ และดแู ลใหเ้ กดิ ความปลอดภยั การจดั ทดแทน หลังจากท่ใี ช้ไปและการบริหารยาแผนไทยทรี่ บั เข้ากอ่ นไปใช้งาน (First in First out : FIFO) โดยมกี ารปฏิบตั เิ พอ่ื เปา้ หมายดงั กล่าวทว่ั ทัง้ องค์กร 2. มีระบบที่จะจ่ายยาแผนไทยเพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยอย่างปลอดภัย ในเวลาท่ีหน่วยงานการแพทย์แผนไทย และห้องยาปิด เช่น การส�ำรองยาแผนไทย เพือ่ ใหบ้ ริการผปู้ ่วยใน ER ทตี่ อ้ งตรวจผ้ปู ่วยนอกเวลาราชการ 3. มกี ารจดั การกบั ยาแผนไทยทส่ี ง่ คนื มาทหี่ นว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทยและหอ้ งยาอยา่ งเหมาะสม เชน่ ยาท่แี พทยแ์ ผนไทยสง่ั หยดุ ใช้ เปน็ ต้น 80
8.3 การใช้ยาปรุงส�ำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายและยาแผนไทย (Extemporaneous Preparation and Thai Traditional Pharmacy Use) องค์กรสร้างความมั่นใจว่ามีการใช้ยาปรุงส�ำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายและยาแผนไทยที่ปลอดภัย ถกู ตอ้ งและเหมาะสม ก. การใชย้ าปรงุ สำ� หรับผ้ปู ่วยเฉพาะราย 1. องค์กรสร้างความม่ันใจว่าวัตถุดิบสมุนไพรที่จะน�ำมาใช้ปรุงยาส�ำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย มีมาตรฐาน ปลอดภยั อยูใ่ นสภาพเหมาะสม และสะดวกต่อการนำ� มาใช้ปรุงยา 2. มกี ารวเิ คราะหส์ มฏุ ฐานมลู เหตกุ ารเกดิ โรคความสมั พนั ธข์ องรสยาประธานของตำ� รบั ยาปรงุ สำ� หรบั ผปู้ ่วยเฉพาะรายกับตรธี าตุสมุฏฐาน น�้ำหนักยาและวิธีการรับประทานทีส่ อดคลอ้ ง กับอาการของผู้ป่วยแต่ละราย รวมถึงปัจจัยอื่นที่มีผลต่อประสิทธิผล คุณภาพและ ความปลอดภยั ของผปู้ ่วยก่อนต้งั ต�ำรับยาปรงุ ส�ำหรับผปู้ ่วยเฉพาะรายทุกกรณี ข การสง่ั ใชย้ าแผนไทยและถ่ายทอดค�ำส่งั 1. ผทู้ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั ระบบยาแผนไทยสามารถเขา้ ถงึ ขอ้ มลู เฉพาะของผปู้ ว่ ยแตล่ ะรายไดแ้ ก่ขอ้ มลู ทวั่ ไป การวินิจฉัย โรคหรือข้อบง่ ชีใ้ นการใชย้ าแผนไทย และข้อมูลทางห้องปฏิบัตกิ ารทจี่ �ำเปน็ 2. มีข้อมูลยาแผนไทยทจ่ี ำ� เปน็ ถกู ต้อง ครบถ้วน 81
3. องคก์ รจดั ทำ� นโยบายเพอ่ื ปอ้ งกนั ความผดิ พลาด คลาดเคลอื่ น และเหตกุ ารณ์ไมพ่ งึ ประสงค์ จากการส่ังใช้ยาแผนไทย และการถ่ายทอดค�ำสั่ง พร้อมทั้งน�ำสู่การปฏิบัติ ครอบคลุม การระบรุ ายละเอยี ดทจี่ ำ� เปน็ ในคำ� สงั่ ใชย้ าแผนไทยการระมดั ระวงั เปน็ พเิ ศษสำ� หรบั ยาแผนไทย ที่ดูคล้ายกันหรือชื่อเรียกคล้ายกัน มาตรการเพื่อป้องกันค�ำส่ังใช้ยาแผนไทยที่มีโอกาส เกดิ ปัญหาและการป้องกันการใชค้ ู่ยาแผนไทยทม่ี อี นั ตรกิริยารุนแรง 4. มีการเขียนค�ำสั่งใช้ยาแผนไทยอย่างชัดเจนและถ่ายทอดค�ำสั่งอย่างถูกต้อง มีการก�ำหนด มาตรฐานการสื่อสารค�ำส่ังใช้ยาแผนไทยเพ่ือลดโอกาสเสี่ยงต่อความคลาดเคลื่อน มีการ ทบทวนและปรับปรงุ ค�ำส่ังใชย้ าแผนไทยท่ีจดั พิมพ์ไว้ลว่ งหนา้ ให้ทนั สมยั อย่างสม่ำ� เสมอ 5. มีกระบวนการในการระบุรายการยาแผนไทยเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างถูกต้อง แม่นย�ำ ในทกุ จดุ และทกุ กระบวนการทม่ี บี รกิ ารแพทยแ์ ผนไทย เชน่ การรบั ไวร้ กั ษา การยา้ ยหอผปู้ ว่ ย และการจ�ำหน่าย ท้ังนี้หากมีการใช้ยาปรุงส�ำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายต้องส่ังใช้โดยผู้ประกอบ วชิ าชพี การแพทยแ์ ผนไทยประยุกตห์ รือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยเท่าน้ัน 6. มรี ะบบการทบทวนใบสง่ั ยา หรอื การสงั่ ใชย้ าแผนไทย ใหส้ อดคลอ้ งกบั โรค อาการ หรอื ปญั หา และความต้องการดา้ นสุขภาพของผปู้ ่วย ค. การเตรียม การจดั จา่ ย และการใหย้ าแผนไทย 1. มีการทบทวนค�ำส่ังใช้ยาแผนไทยทุกรายการเพ่ือความมั่นใจในความเหมาะสมและ ความปลอดภัย 82
2. มกี ารทบทวนการจา่ ยยาแผนไทย ใหส้ อดคลอ้ งกบั โรค อาการ หรอื ปญั หาและความตอ้ งการ ดา้ นสขุ ภาพของผปู้ ่วย 3. มกี ารจดั เตรยี มยาแผนไทยยาปรงุ สำ� หรบั ผปู้ ว่ ยเฉพาะราย(ExtemporaneousPreparation) หรอื ยาแผนไทยที่ไมม่ จี ำ� หนา่ ยในทอ้ งตลาด อยา่ งเหมาะสมและปลอดภยั โดยมวี ธิ กี ารปฏบิ ตั ิ ที่เปน็ มาตรฐาน 4. ยาแผนไทยไดร้ บั การติดฉลากอยา่ งเหมาะสม ชดั เจนและอา่ นงา่ ยท่ีภาชนะบรรจยุ าแผนไทย ทกุ ประเภท และติดจนถึงจดุ ที่ให้ยาแผนไทยแกผ่ ้ปู ่วย โดยมีขอ้ มลู ท่ีถูกตอ้ ง ครบถว้ น 5. มีการส่งมอบยาแผนไทยให้หน่วยดูแลผู้ป่วย ในลักษณะที่ปลอดภัย รัดกุม และพร้อมใช้ ในเวลาทีท่ ันความตอ้ งการของผู้ปว่ ย 6. การส่งมอบยาแผนไทยให้แก่ผู้ป่วยท�ำโดยแพทย์แผนไทย เภสัชกรแผนไทย เภสัชกรหรือ บคุ ลากรทไี่ ดร้ บั มอบหมายและไดร้ บั การฝกึ อบรมมกี ารตรวจสอบความถกู ตอ้ งของยาแผนไทย กอ่ นสง่ มอบ และมีการให้คำ� แนะนำ� การใช้ยาแผนไทยอย่างเหมาะสม 7. การสงั่ ใช้คดั ลอกคำ� สง่ั จดั เตรยี มจดั จา่ ยและใหย้ าแผนไทยกระทำ� ในสง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพ ซึ่งมีความสะอาด มีพื้นที่และแสงสว่างพอเพียง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบวิชาชีพมีสมาธิ กบั การใช้ยาแผนไทยโดยไม่มีการรบกวน 83
8. มีการให้ยาแผนไทยแก่ผู้ป่วยอย่างปลอดภัยและถูกต้องโดยบุคคลซ่ึงมีคุณสมบัติเหมาะสม และอปุ กรณก์ ารใหย้ าแผนไทยทไ่ี ดม้ าตรฐานโดยมกี ารตรวจสอบความถกู ตอ้ งของยาแผนไทย คุณภาพยาแผนไทย ข้อห้ามและข้อควรระวังในการใช้ เวลา ขนาดยาแผนไทย วิธีการ ใหย้ าแผนไทยทเี่ หมาะสม ผสู้ งั่ ใชย้ าแผนไทยไดร้ บั การรายงานเมอ่ื มเี หตกุ ารณ์ไมพ่ งึ ประสงค์ จากยาแผนไทยหรือความคลาดเคล่ือนทางยาแผนไทย 9. ผู้ป่วยและครอบครัวได้รับความรู้เก่ียวกับยาแผนไทยที่ได้รับ และร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการดูแลเพื่อเป้าหมายความถูกต้อง ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการ ใช้ยาแผนไทย 10. ผู้ป่วยได้รับการติดตามผลการบ�ำบัดรักษาด้วยยาแผนไทย และบันทึกไว้ในเวชระเบียน เพ่ือสร้างความมั่นใจในความเหมาะสมของเภสัชบ�ำบัด การบ�ำบัดรักษาและลดโอกาส เกดิ ผลที่ไมพ่ งึ ประสงคจ์ ากยาแผนไทย 11. มีการจัดการกับยาแผนไทย หรือสมุนไพรอื่น ๆ ท่ีผู้ป่วยใช้ก่อนได้รับการรักษาในคร้ังนั้น หรอื นำ� ตดิ ตวั มาเพอื่ ใหเ้ กดิ ความปลอดภยั และสอดคลอ้ งกบั แผนการดแู ลผปู้ ว่ ยทเี่ ปน็ ปจั จบุ นั 12. มรี ะบบการใหค้ ำ� ปรกึ ษาและใหค้ วามรเู้ กยี่ วยาแผนไทยสมนุ ไพรทผี่ ปู้ ว่ ยไดร้ บั หรอื ยาแผนไทยอน่ื ที่ผปู้ ว่ ยมีความสงสยั ในตวั ยา สรรพคุณ วิธกี ารใชแ้ ละต้องการข้อมูลด้านอ่นื เพ่มิ เตมิ ง. การเฝ้าระวงั การใช้ยาแผนไทยและสมนุ ไพรอนั ตรายในชุมชน มีระบบการตรวจสอบรา้ นจำ� หนา่ ยและรา้ นขายยาแผนไทยเป็นประจำ� ทกุ ปี 84
9. งานภมู ปิ ัญญาท้องถิ่นและชมุ ชน (LWC) 9.1 การจัดการองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถ่ิน (Knowledge Management and Local Wisdom) หน่วยงานการแพทย์แผนไทยหรือเครือข่าย มีการรวบรวม สร้าง จัดระเบียบ แลกเปลี่ยน องค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพ่ือประยุกต์ใช้ความรู้นั้นในการดูแลสุขภาพผู้ป่วย ผู้รับผลงานอ่ืน ตลอดจนประชาชนทั่วไป 1. มีการสืบค้น ค้นคว้า ศึกษาองค์ความรู้หมอพ้ืนบ้าน ปราชญ์ชาวบ้าน หรือป่าชุมชน ที่มรี ูปแบบหรือกระบวนการท่เี ชื่อถอื ได้ในด้านความปลอดภยั และประสิทธผิ ล 2. ประยุกต์ใช้องค์ความรู้หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น26 ในการผสานเข้าสู่งานบริการการแพทย์ แผนไทย รวมทั้งถา่ ยทอดความรดู้ งั กลา่ วให้กบั ผ้ปู ่วย ผรู้ ับผลงานอ่นื ตลอดจนประชาชน ทว่ั ไป เพื่อใหส้ ามารถดแู ลสขุ ภาพได้ 9.2 การจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยส�ำหรับชุมชน (Health Promotion with Thai traditional medicine for the Community) หนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทยรว่ มกบั ทมี สหวชิ าชพี และชมุ ชน จดั ใหม้ บี รกิ ารสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพดว้ ย ศาสตร์การแพทย์แผนไทยที่ตอบสนองต่อปญั หาและความต้องการของชมุ ชน 26 ประยุกต์ใชต้ ามบริบทพน้ื ที่ 85
1. หน่วยงานการแพทย์แผนไทยร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ประเมินปัญหาและความต้องการ ของชมุ ชนศกั ยภาพของชุมชน และกำ� หนดกลุ่มเปา้ หมายส�ำคัญในชมุ ชน 2. หนว่ ยงานการแพทย์แผนไทยร่วมกบั ทีมสหวิชาชีพ วางแผนและออกแบบบรกิ ารสร้างเสรมิ สุขภาพด้วยศาสตรก์ ารแพทยแ์ ผนไทยเพอื่ ตอบสนองความต้องการและปัญหาของชุมชน โดยเน้นการมสี ว่ นร่วมของทุกภาคส่วน 3. หนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทยรว่ มกับทีมสหวชิ าชพี ติดตาม ประเมนิ ผลและปรบั ปรงุ บรกิ าร สร้างเสรมิ สุขภาพด้วยศาสตรก์ ารแพทย์แผนไทยในชมุ ชน 9.3 การเสรมิ พลงั ชุมชน (Community Empowerment) องค์กรและหน่วยงานการแพทย์แผนไทยท�ำงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพและชุมชน เพื่อส่งเสริมหรือ สนับสนนุ ใหเ้ กิดการพฒั นาความสามารถของชมุ ชนในการดแู ลสขุ ภาพด้วยศาสตร์การแพทยแ์ ผนไทย 1. สง่ เสรมิ การมีส่วนร่วมและการสรา้ งเครอื ข่ายของชมุ ชน 2. มีสว่ นรว่ มในการชี้แนะและสนับสนุนนโยบายสาธารณะเพ่อื สุขภาพ 3. ร่วมมือกับชุมชน วินิจฉัยชุมชน (Community Diagnosis) และส่งเสริมความสามารถ ของกล่มุ ต่างๆ ในชมุ ชนเพื่อดำ� เนนิ การแกป้ ญั หาทส่ี ำ� คัญ 4. รว่ มมือกบั ชุมชน สง่ เสริมพฤติกรรมและทกั ษะสขุ ภาพสว่ นบุคคล 5. ร่วมมือกับชุมชน ส่งเสริมให้มีสิ่งแวดล้อมและมีบริการช่วยเหลือทางสังคมท่ีเอ้ือต่อการ มีสุขภาพดแี บบองค์รวม 86
กระบวนการดูแลผปู้ ่วย เกณฑม์ าตรฐานการพฒั นาและรบั รองคณุ ภาพงานการแพทยแ์ ผนไทย
กระบวนตกอานรทด่ีแู3ลผปู้ ว่ ย 1. การเขา้ ถึงและเขา้ รับบริการ (ACN) องค์กรและหน่วยงานการแพทย์แผนไทย สร้างความม่ันใจว่าผู้รับบริการสามารถเข้าถึงบริการที่ จ�ำเป็นได้สะดวก กระบวนการรับผู้ป่วยเหมาะกับปัญหาสุขภาพหรือความต้องการของผู้ป่วย ทันเวลา มกี ารประสานงานทีด่ ี ภายใตร้ ะบบและสง่ิ แวดล้อมท่เี หมาะสมและมปี ระสิทธิผล 1. ประชาชน สามารถเข้าถึงบริการการแพทย์แผนไทย ที่เหมาะสมกับปัญหา ความต้องการ ด้านสุขภาพของตนเอง หน่วยงานการแพทย์แผนไทย พยายามลดอุปสรรคต่อการเข้าถึง บรกิ ารการแพทย์แผนไทย ในด้านกายภาพ ภาษา วฒั นธรรมและอุปสรรคอน่ื องค์กรและ หน่วยงานการแพทย์แผนไทยตอบสนองต่อผู้รับบริการอย่างเหมาะสมตามประเภทบริการ ระยะเวลารอคอยเพอ่ื เขา้ รบั บรกิ ารการแพทยแ์ ผนไทยเปน็ ทยี่ อมรบั ของประชาชน ทใี่ ชบ้ รกิ าร ด้วยวธิ กี ารสือ่ สารทเ่ี หมาะสม 2. ผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉินเร่งด่วน ท่ีจ�ำเป็นต้องได้รับการประเมิน ดูแลรักษาและปรึกษาส่งต่อ เป็นอันดับแรก 88
3. มีการประเมินความสามารถในการรับผู้ป่วยไว้ดูแลตามเกณฑ์ท่ีก�ำหนดไว้ ถ้าไม่สามารถ ใหบ้ รกิ ารแกผ่ ปู้ ว่ ยได้หนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทยจะใหค้ วามชว่ ยเหลอื เบอื้ งตน้ อยา่ งเหมาะสม อธิบายเหตุผลท่ีไม่สามารถรับผู้ป่วยไว้ และช่วยเหลือผู้ป่วยในการหาหน่วยงานอ่ืนหรือ หนว่ ยงานภายนอกทเ่ี หมาะสมกว่า 4. การรบั ผปู้ ว่ ยไวด้ แู ล มกี ารใหข้ อ้ มลู ทเี่ หมาะสมเกย่ี วกบั สภาพการเจบ็ ปว่ ย การดแู ลทจ่ี ะไดร้ บั ผลลัพธ์และค่าใช้จ่ายท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้น แก่ผู้ป่วย ครอบครัว อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย มีกระบวนการขอความยินยอมจากผู้ป่วยหรือครอบครัว ก่อนท่ีจะให้บริการหรือกระท�ำ หตั ถการสำ� คญั เชน่ ความยนิ ยอมใหท้ ำ� หตั ถการทบั หมอ้ เกลอื และอยไู่ ฟแกห่ ญงิ หลงั คลอด เป็นต้น และสร้างความมั่นใจว่าผู้ป่วย ครอบครัว ได้รับข้อมูลท่ีจ�ำเป็นอย่างเพียงพอ ด้วยความเข้าใจ มเี วลาท่ีจะพิจารณากอ่ นตดั สนิ ใจ และมีการบนั ทึกท่ีเหมาะสม 5. จัดให้มีแผนผังแสดงขั้นตอนกระบวนการรับบริการการแพทย์แผนไทย ท่ีชัดเจนเข้าใจง่าย และมกี ารส่ือสารให้ผู้รับบริการได้รับรู้ 89
2. การคัดกรองผูป้ ว่ ย (SCN) องค์กรและหน่วยงานการแพทย์แผนไทย มีการคัดกรองโรค กลุ่มอาการ ภาวะแทรกซ้อน และ ความเสยี่ งของผปู้ ว่ ยทร่ี ุนแรง เพอ่ื ประเมนิ ว่าจะให้การรักษาดว้ ยการแพทย์แผนไทย หรือปรึกษาสง่ ตอ่ แพทย์ แผนปัจจุบนั 1. มีการใช้วิธีการประเมินท่ีเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ภายใต้ส่ิงแวดล้อมที่ปลอดภัย และทรพั ยากรทเี่ พยี งพอ มกี ารใชแ้ นวทางปฏบิ ตั ทิ างการแพทยแ์ ผนไทยทเี่ หมาะสมกบั ผปู้ ว่ ย และทรัพยากรเพอื่ ชน้ี ำ� การประเมินผู้ป่วย 2. มกี ารประเมินสญั ญาณชพี (Vital Signs) 3. มีเกณฑก์ ารไม่รบั รกั ษาผ้ปู ่วย (Exclusion Criteria) ที่มีความรุนแรง ความฉุกเฉนิ เร่งด่วน เกินกว่าขอบเขตที่สามารถดูแลรักษาได้ ซ่ึงจ�ำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการแพทย์ แผนปจั จบุ นั เทา่ นนั้ รวมถงึ ระบบการประสานงานเชอื่ มโยงสง่ ตอ่ ผปู้ ว่ ยดงั กลา่ วไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม และทนั เวลา 4. มีเกณฑ์การรบั รกั ษาผ้ปู ว่ ย (Inclusion Criteria) ในขอบเขตท่ีสามารถใหก้ ารดแู ลรักษาได้ รวมถงึ มรี ะบบการปรกึ ษาสง่ ตอ่ กบั แพทยแ์ ผนปจั จบุ นั หากมคี วามผดิ ปกตเิ กดิ ขนึ้ ในระหวา่ ง ขนั้ ตอนดแู ลรกั ษาผปู้ ่วย 90
3. การประเมนิ ผปู้ ว่ ยการซกั ประวตั แิ ละการตรวจรา่ งกายดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย(AHP) องคก์ รและหนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทย สรา้ งความมนั่ ใจวา่ ผปู้ ว่ ยทกุ รายจะตอ้ งไดร้ บั การวเิ คราะห์ ธาตุเจ้าเรือน ประเมินสมุฏฐาน มูลเหตุการเกิดโรค ความต้องการและปัญหาสุขภาพ การตรวจร่างกาย ด้านการแพทย์แผนไทยอย่างถูกตอ้ ง ครบถ้วน และเหมาะสม 1. การประเมนิ แรกรับผูป้ ว่ ยแต่ละรายประกอบด้วยธาตเุ จ้าเรอื นหลักของผ้ปู ่วย ธาตสุ มุฏฐาน อตุ สุ มฏุ ฐาน อายสุ มฏุ ฐาน กาลสมฏุ ฐาน ประเทศสมุฏฐาน 2. มกี ารประเมนิ มลู เหตแุ หง่ การเกดิ โรค 8 ประการตามหลกั การการแพทยแ์ ผนไทยประกอบดว้ ย อาหาร อิริยาบถ การกระทบความรอ้ นและเย็น การอดนอนอดข้าวอดน�้ำ การกลัน้ อจุ จาระ กล้นั ปัสสาวะ การท�ำงานเกินกำ� ลงั ความโศกเศร้าเสียใจ และการมีโทสะมาก เพ่อื ให้ทราบว่า สิ่งใดเปน็ ปจั จัยหลกั หรือปัจจัยส่งเสรมิ ท่ที �ำใหเ้ กิดความเจบ็ ป่วย 3. มกี ารประเมนิ ประวตั สิ ขุ ภาพแบบองคร์ วม27 รวมถงึ ปจั จยั ดา้ นอนื่ เชน่ วฒั นธรรมเศรษฐกจิ เป็นตน้ และการรับรคู้ วามต้องการของตนโดยผู้ป่วย 4. มีการประเมินปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพของผู้ป่วยอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และ เหมาะสม และมกี ารระบปุ ญั หาและความต้องการท่เี ร่งดว่ นและสำ� คญั 27 องค์รวม หมายถึง องค์รวมด้านองค์ประกอบสุขภาพ คือ กาย จิต ปัญญา (จิตวิญญาณ) และสังคม ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ 91 พ.ศ.2550 มาตรา 3
5. มีการตรวจรา่ งกายดา้ นการแพทย์แผนไทยอยา่ งถูกตอ้ ง ครบถว้ น และเหมาะสม 6. มีการบันทึกผลการประเมินในเวชระเบียนผู้ป่วย ระบบข้อมูลสารสนเทศ ได้อย่างถูกต้อง ครบถว้ น เพอ่ื ไปนำ� สกู่ ารวนิ จิ ฉยั และวางแผนการดแู ลรกั ษาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม และพรอ้ มทจี่ ะให้ ผ้เู ก่ียวข้องในการดูแลได้ใช้ประโยชน์จากการประเมนิ นนั้ 7. ผู้ป่วยทุกรายได้รับการประเมินซ�้ำตามช่วงเวลาท่ีเหมาะสม เพื่อประเมินการตอบสนอง ต่อการดูแลรกั ษา 8. มกี ารอธบิ ายผลการประเมนิ ใหแ้ กผ่ ้ปู ว่ ยและครอบครัวด้วยภาษาทีช่ ัดเจนและเข้าใจง่าย 4. การวินจิ ฉยั และกลไกการเกดิ โรคตามทฤษฎกี ารแพทยแ์ ผนไทย (DDM) องคก์ รและหนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทย สรา้ งความมนั่ ใจวา่ ผปู้ ว่ ยไดร้ บั การวนิ จิ ฉยั โรคทถ่ี กู ตอ้ ง โดยมขี อ้ มลู เพยี งพอเพอ่ื อธบิ ายเหตผุ ลของการวนิ จิ ฉยั โรค มกี ารทบทวนความเหมาะสมของการวนิ จิ ฉยั โรค และความสอดคลอ้ งของการวินิจฉยั โรคกับสหหวิชาชพี อย่างสม�่ำเสมอ 1. มกี ารนำ� ขอ้ มลู จากการวเิ คราะหธ์ าตเุ จา้ เรอื น ประเมนิ สมฏุ ฐาน การซกั ประวตั ิ และการตรวจ ร่างกายด้านการแพทย์แผนไทย มาใช้ในการพิจารณาประมวลผล จ�ำแนกโรค โดยใช้หลักการวินิจฉัยดา้ น การแพทย์แผนไทย เช่น การวินิจฉัยโรคตามตรีธาตสุ มุฏฐาน วินิจฉัยโรคตามธาตุ 42 ประการ วนิ จิ ฉัยโรค ตามเบญจอนิ ทรยี ์ วนิ จิ ฉยั โรคตามหมอสมมตใิ นพระคมั ภรี ์ เปน็ ตน้ รวมทง้ั บนั ทกึ การเปลย่ี นแปลงการวนิ จิ ฉยั โรค เม่ือมขี ้อมลู เพ่ิมเตมิ 92
2. มีการทบทวนความเหมาะสมของการวินิจฉัยโรคและความสอดคล้องของการวินิจฉัยโรค ของสหวชิ าชีพและมีการวางแผนการรกั ษาร่วมกันกับสหวิชาชพี อย่างสม่�ำเสมอ 5. การวางแผนกระบวนการดูแลรกั ษา (PLN) องค์กรและหน่วยงานการแพทย์แผนไทย มีการวางแผนกระบวนการดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกบั การวนิ จิ ฉัย และแก้ไขปญั หาตามทฤษฎกี ารแพทยแ์ ผนไทย รวมถึงมีการประสานกันอยา่ งดแี ละ มีเปา้ หมายที่ชัดเจน สอดคล้องกับปญั หาหรอื ความตอ้ งการด้านสขุ ภาพของผูป้ ว่ ย 1. การวางแผนกระบวนการดแู ลรกั ษาผปู้ ว่ ยเปน็ ไปอยา่ งเชอ่ื มโยง มกี ารสอื่ สาร ประสานงานกนั ระหวา่ งวชิ าชีพ แผนก และหน่วยงานต่างๆ 2. แผนการดูแลรักษาผู้ป่วยสอดคล้องกับการวินิจฉัย สามารถแก้ไขปัญหา และตอบสนอง ความต้องการของผปู้ ่วยท่ีได้จากการประเมินอย่างเปน็ องค์รวม 3. มกี ารนำ� หลกั ฐานวชิ าการทางการแพทยแ์ ผนไทย หรอื แนวทางเวชปฏบิ ตั ทิ เี่ หมาะสม รวมถงึ ภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ได้รับการยอมรับ28 มาใช้เป็นแนวทางในการวางแผนกระบวนการ ดูแลรกั ษา 4. ผู้ป่วยและครอบครัว มีโอกาสตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาหลังจากได้รับข้อมูลที่เพียงพอ และร่วมในการวางแผนกระบวนการดูแลรักษา 28 การยอมรบั หมายถงึ ไดร้ บั การยอมรบั ด้านประสิทธิผลและความปลอดภยั ในชุมชนน้ัน 93
5. แผนการดูแลผู้ป่วยครอบคลุมบริการการแพทย์แผนไทยที่จะให้ และเป้าหมายท่ีชัดเจน ทตี่ ้องการบรรลุ 6. มีการส่ือสารหรือประสานงานระหว่างสมาชิกขององค์กรหรือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เพื่อให้ มกี ารนำ� แผนการดแู ลผปู้ ว่ ยไปสกู่ ารปฏบิ ตั ทิ ี่ไดผ้ ลในเวลาทเี่ หมาะสม โดยสมาชกิ ขององคก์ ร และหน่วยงานมคี วามเขา้ ใจบทบาทของผู้เกย่ี วขอ้ งอนื่ ๆ 7. มีการทบทวนและปรับแผนกระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วยเม่ือมีข้อบ่งชี้จากสภาวะหรือ อาการของผู้ป่วยทีเ่ ปล่ยี นแปลงไป 6. การสง่ เสรมิ การปอ้ งกัน การฟ้นื ฟู ดว้ ยวิธีทางการแพทยแ์ ผนไทย (HPR) องค์กรและหน่วยงานการแพทย์แผนไทย วางแผนการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และ การฟ้ืนฟสู ภาพ ตามศาสตรก์ ารแพทยแ์ ผนไทยและเหมาะสม 1. มีการวางแผนการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคและการฟื้นฟูสภาพ สอดคล้อง กับกระบวนการการวางแผนดูแลรักษาตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยและเหมาะสม ตามมาตรฐานวิชาชีพ 2. มีการให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยและครอบครัวเพื่อสร้างความมั่นใจว่าวิธีการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการฟื้นฟูสภาพ มีความปลอดภัย และเหมาะสมกับปัญหาหรือ ความต้องการของผปู้ ว่ ย 94
7. การให้ค�ำแนะน�ำและการเสริมพลงั ทางการแพทยแ์ ผนไทย (AMP) องคก์ รและหนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทย ใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั การปรบั สมดลุ ของธาตใุ นรา่ งกาย สภาวะ สขุ ภาพแกผ่ ปู้ ว่ ยและครอบครวั และกจิ กรรมทวี่ างแผนไวเ้ พอื่ เสรมิ พลงั ผปู้ ว่ ยและครอบครวั ใหม้ คี วามสามารถ และรบั ผดิ ชอบในการดแู ลสขุ ภาพของตนเองรวมทงั้ เชอื่ มโยงการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพเขา้ ในทกุ ขนั้ ตอนของการดแู ล 1. มีการประเมินผู้ป่วยเพ่ือวางแผนและก�ำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ การประเมินครอบคลุม ปัญหาหรือความต้องการของผู้ป่วย ขีดความสามารถ ภาวะทางด้านอารมณ์ จิตใจ ความพรอ้ มในการเรยี นรแู้ ละดูแลตนเอง 2. มีการก�ำหนดกระบวนการดูแลตนเองท่ีเหมาะสมด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยร่วมกันกับ ผปู้ ว่ ยและครอบครัว 3. การให้ข้อมูล ความรู้ ค�ำแนะน�ำทางการแพทย์แผนไทยโดยเน้นเก่ียวกับการปรับสมดุล ของธาตุทั้ง 4 ในร่างกายเป็นหลัก สภาวะสุขภาพแก่ผู้ป่วย ครอบครัว และท�ำกิจกรรม ที่วางแผนไว้ เพื่อเสริมพลังผู้ป่วย ครอบครัวให้มีความสามารถและรับผิดชอบในการดูแล สุขภาพของตนเอง รวมทั้งเช่ือมโยงการสร้างเสริมสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย เข้าในทุกขน้ั ตอนของการดูแล ใหส้ อดคลอ้ งกบั ปัญหาหรือความต้องการของผู้ปว่ ย 4. มีการประเมินและปรบั ปรุงกระบวนการจัดการเรียนรู้และการเสริมพลังผู้ปว่ ย ครอบครวั 95
8. การประเมินผลกระบวนการดูแล (AOC) องค์กรและหน่วยงานการแพทย์แผนไทย มีการประเมินผลกระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วยทุกรายที่ เขา้ รับบริการการแพทย์แผนไทย 1. แสดงใหเ้ ห็นถึงอาการของโรค ภาวะแทรกซอ้ น ผลลัพธก์ ารดแู ลรกั ษาทีด่ ขี น้ึ ความพงึ พอใจ โดยใชต้ วั ชว้ี ดั สำ� คญั ของโรค และกระบวนการทางการแพทยแ์ ผนไทย มกี ารนำ� เสนอผลลพั ธ์ การดแู ลรักษาผูป้ ว่ ยด้วยการแพทย์แผนไทย 2. มีการน�ำเสนอผลลัพธ์การดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยการแพทย์แผนไทย ภายในองค์กรและ ภายนอกองค์กรตามเหมาะสม เพื่อให้เกิดการยอมรับ เชื่อม่ัน ศรัทธา และตระหนักถึง คุณค่าความส�ำคญั ของงานการแพทย์แผนไทย 9. การจ�ำหนา่ ยและสน้ิ สุดกระบวนการดูแล (DCP) องคก์ รและหนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทย มกี ารวางแผนจำ� หนา่ ยผปู้ ว่ ย เพอื่ ใหผ้ ปู้ ว่ ยและครอบครวั สามารถดแู ลตนเอง และไดร้ บั การดแู ลอยา่ งเหมาะสมกบั สภาพปญั หาและความตอ้ งการ หลงั จากจำ� หนา่ ยจาก โรงพยาบาล 1. มกี ารกำ� หนดแนวทาง ขอ้ บง่ ช้ี และโรคทเี่ ปน็ กลมุ่ เปา้ หมายสำ� คญั และมกี ารวางแผนจำ� หนา่ ย ส�ำหรับผู้ป่วยแต่ละราย ตั้งแต่เร่ิมแรกท่ีเป็นไปได้ โดยร่วมกันกับสหวิชาชีพท่ีเก่ียวข้อง รวมทงั้ ผู้ปว่ ยและครอบครัว มสี ่วนรว่ มในการวางแผนจำ� หน่าย 96
2. มกี ารประเมนิ และระบปุ ญั หา ความตอ้ งการของผปู้ ว่ ยทจี่ ะเกดิ ขน้ึ หลงั จำ� หนา่ ย และประเมนิ ซำ�้ เปน็ ระยะในชว่ งท่ีผู้ปว่ ยไดร้ บั การดูแลอยใู่ นโรงพยาบาล 3. มกี ารปฏบิ ตั ติ ามแผนจำ� หนา่ ยในลกั ษณะทเ่ี ชอื่ มโยงกบั แผนการดแู ลระหวา่ งอยใู่ นโรงพยาบาล ตามหลกั การใหค้ ำ� แนะนำ� และการเสรมิ พลงั ทางการแพทยแ์ ผนไทยเพอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ยและครอบครวั มีศกั ยภาพและความมน่ั ใจในการจดั การดแู ลสขุ ภาพของตนเอง 4. มีการประเมินผลและปรับปรุงกระบวนการวางแผนจำ� หน่าย โดยใช้ข้อมูลจากการติดตาม ผปู้ ่วยและขอ้ มลู สะทอ้ นกลบั จากหน่วยงานอนื่ ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 10. การตดิ ตามผลและการดแู ลต่อเนอ่ื ง (COC) องค์กรและหน่วยงานการแพทย์แผนไทย ร่วมกับหน่วยงานภายในและหน่วยงานภายนอก สร้างความรว่ มมอื และประสานงานเพ่ือให้มกี ารตดิ ตามดูแลผ้ปู ว่ ยตอ่ เนอื่ งท่ีใหผ้ ลดี ตอบสนองต่อปัญหาและ ความตอ้ งการของผปู้ ว่ ย 1. มีระบบนัดหมายผู้ป่วยกลับมารับการรักษาต่อเนื่องเม่ือมีข้อบ่งช้ี รวมท้ังมีระบบช่วยเหลือ และใหค้ �ำปรกึ ษาตามความเหมาะสม 97
2. องค์กรและองค์กรและหน่วยงานการแพทย์แผนไทย สร้างความร่วมมือและประสานงานกับ หน่วยบริการสุขภาพ ชุมชน และองค์กรอื่น เพ่ือให้เกิดความต่อเน่ืองในการติดตาม ดูแลผู้ป่วยและบูรณาการกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยเข้าใน กระบวนการดูแลรักษาผู้ปว่ ย 3. มกี ารสอ่ื สารขอ้ มลู ของผปู้ ว่ ยใหแ้ กห่ นว่ ยบรกิ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งในการดแู ลตอ่ เนอื่ งทงั้ ภายในองคก์ ร และภายนอกองค์กร โดยคำ� นึงถงึ การรกั ษาความลับของขอ้ มลู หรือ สิทธิของผปู้ ว่ ย 4. มกี ารตดิ ตามผลการดแู ลตอ่ เนอ่ื งเพอ่ื ใหม้ น่ั ใจวา่ ความตอ้ งการของผปู้ ว่ ยไดร้ บั การตอบสนอง และน�ำผลการตดิ ตามมาใช้ปรับปรุง วางแผนบรกิ ารการแพทย์แผนไทยในอนาคต 98
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116