ทางเลอื กอาชีพดา้ นพชื - ยบั ยงั้ การวางไข่ และการลอกคราบของแมลง - เป็นพิษต่อไข่ของแมลง ทำ� ให้ไข่ไม่ฟัก - ยบั ย้ังการสร้างเอนไซม์ในระบบยอ่ ยอาหารของแมลง ทั้งนี้มีข้อควรระวัง คือ พืชบางชนิดเม่ือได้รับสารนี้แล้วอาจเกิดอาการใบไม้ เหีย่ วยน่ หรือตน้ แคระแกร็น ดงั น้ัน หากพบอาการดังกล่าวควรงดใชท้ นั ที หรือใช้ใน ปรมิ าณท่ีตำ่� ลง 51
ทางเลอื กอาชีพด้านพชื ออ้ ยคัน้ น�ำ้ ครบวงจร น้�ำอ้อยเป็นผลผลิตทางการเกษตรท่ีเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไปว่าเป็น เครอ่ื งดม่ื ทมี่ ปี ระโยชนร์ สชาตหิ วานหอมอรอ่ ยแกก้ ระหายไดท้ กุ เมอื่ โดยเฉพาะในเขต ท่ีเป็นแหล่งท่องเที่ยว การจ�ำหน่ายน้�ำอ้อยจึงเป็นอีกอาชีพหน่ึงที่ท�ำรายได้ให้แก่ ผปู้ ระกอบการไดเ้ ปน็ อยา่ งดี พนั ธข์ุ องออ้ ยทน่ี ยิ มนำ� มาคน้ั นำ้� กนั มาก ไดแ้ ก่ พนั ธส์ุ งิ คโปร์ พนั ธ์ุสุพรรณบุรี 50 พันธสุ์ พุ รรณบุรี 72 พันธุ์เมอริชาร์ท ปัจจยั ท่ใี ชใ้ นการปลูกอ้อยพันธ์คุ ้นั นำ�้ สภาพพ้ืนทท่ี ่ีเหมาะสมเป็นทด่ี อนน�้ำไมท่ ว่ มขัง การคมนาคมสะดวก ห่างไกล แหลง่ มลพิษควรเปน็ ดินร่วนหรือดนิ ร่วนเหนียว รว่ นปนทรายหรอื ดินเหนียว มคี วาม อุดมสมบูรณ์ของดินปานกลางข้ึนไประดับหน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ระหว่าง 5.5-7.0 สภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการ เจริญเติบโต 30-35 องศาเซลเซียส ปริมาณน้�ำฝนกระจายสม�่ำเสมอ 1,000-1,200 มลิ ลเิ มตรตอ่ ปี และมแี หล่งน�ำ้ เพียงพอ 52
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพชื ลกั ษณะพันธุ์ พนั ธ์สุ ุพรรณบุรี 50 ใบสีเขยี วเขม้ ล�ำมขี นาดใหญส่ ีเขยี วอมเหลือง ปลอ้ งยาว เปน็ รปู ทรงกระบอกแตกกอ 5-6 ลำ� ตอ่ กอ ไวต้ อได้ 3-4 ครงั้ ทนทานตอ่ โรคลำ� ตน้ เนา่ แดง อายเุ กบ็ เกี่ยวประมาณ 8 เดอื น ผลผลติ น�ำ้ อ้อย 4,600-5,200 ลติ รตอ่ ไร่ ความหวาน 15-17 บรกิ ซ์ เหมาะส�ำหรบั ปลูกทัง้ ในสภาพท่ดี อนและที่ลมุ่ พนั ธส์ุ งิ คโปร์ เปน็ พนั ธท์ุ เี่ กษตรกร อำ� เภอลาดบวั หลวง จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา นิยมปลูกในอดตี ใบสเี ขยี วออ่ น ลำ� มขี นาดใหญส่ เี หลอื งเขม้ ปลอ้ งสน้ั เปน็ รูปขา้ มตม้ หรือป่องกลาง แตกกอ 3-4 ล�ำต่อกอ ไว้ตอไม่ได้ อ่อนแอต่อโรคล�ำต้นเน่าแดง อายุเก็บเกยี่ วประมาณ 8 เดือน ผลผลติ นำ�้ อ้อย 2,100-2,800 ลิตรตอ่ ไร่ ความหวาน 13-15 บรกิ ซ์ เหมาะสำ� หรับปลกู ในสภาพที่ล่มุ การเตรยี มดนิ การปลูกอ้อยในพ้ืนที่ตา่ งกนั จะต้องเตรียมดนิ ต่างกนั ดงั นี้ - ในสภาพท่ีลุ่ม ต้องขุดเป็นร่องหรือยกร่อง โดยมีสันร่องกว้าง 5-6 เมตร ความยาวรอ่ งตามขนาดพื้นท่ี และให้มคี ูนำ้� รอบแปลงลกึ ประมาณ 1 เมตร - ในสภาพท่ีดอน เป็นการปลูกในพ้ืนที่ราบ จึงควรมีการปรับระดับพื้นให้มี ความลาดเอยี งประมาณ 1 เปอรเ์ ซน็ ต์ กรณถี า้ ดนิ มอี นิ ทรยี ว์ ตั ถตุ ำ�่ กวา่ 1.5 เปอรเ์ ซน็ ต์ ควรหวา่ นปยุ๋ อนิ ทรยี ห์ รอื ปยุ๋ คอกทย่ี อ่ ยสลายดแี ลว้ อตั รา 1,000-2,000 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ แล้วพรวนกลบไถด้วยผานสาม 1 คร้ัง ลึก 30-50 เซนติเมตร ตากดิน 7-10 วัน พรวนดว้ ยผานเจด็ 1-2 ครงั้ แลว้ คราดเกบ็ เศษ ซาก ราก เหงา้ หวั และไหล่ ของวชั พชื ข้ามปอี อกจากแปลง การเตรียมทอ่ นพนั ธ์ุ - ใช้ท่อนพันธุ์อายุ 6-8 เดือน จากแหล่งและแปลงท่ีไม่มีโรคล�ำต้นเน่าแดง ระบาด หรอื จดั ทำ� แปลงพนั ธไ์ุ วใ้ ชเ้ อง เพอ่ื ลดตน้ ทนุ การผลติ โดยเตรยี มแปลงพนั ธ์ุ 1 ไร่ ส�ำหรบั แปลงปลกู 10 ไร่ 53
ทางเลือกอาชีพดา้ นพืช - ใช้มีดตัดล�ำอ้อยชิดโคน และตัดยอดอ้อยต่�ำกว่าคอใบสุดท้ายท่ีคลี่แล้ว ประมาณ 20 เซนติเมตร ลอกกาบใบตดั ออ้ ยเป็นทอ่ น จ�ำนวน 3 ตาต่อทอ่ น แล้วน�ำ ไปปลกู ทันที ไมค่ วรท้งิ ไว้เกนิ 7 วนั - ตรวจแปลงพันธุ์อย่างสม่�ำเสมอ ถ้าพบการระบาดของโรคล�ำต้นเน่าแดง ตอ้ งขุดกอออ้ ยออกเอาท�ำลายนอกแปลงปลูกทนั ที วธิ กี ารปลกู - ปลูกเปน็ แถวเดยี่ วทง้ั ในแปลงพันธุแ์ ละแปลงปลกู - วางท่อนพนั ธใุ์ นร่อง ใหม้ รี ะยะระหว่างท่อน 50 เซนตเิ มตร - กลบดนิ ใหส้ ม่�ำเสมอ ส�ำหรับพนั ธุ์สพุ รรณบรุ ี 50 กลบหนา 3-5 เซนติเมตร สำ� หรับ พันธ์ุสงิ คโปร์ กลบหนา 1-2 เซนตเิ มตร การใหป้ ยุ๋ ให้ปุ๋ยหลงั ปลกู หรอื หลังแต่งตออ้อย 2 ครั้ง - ลกั ษณะดนิ รว่ น ดนิ รว่ นเหนยี ว หรอื ดนิ เหนยี ว ใหป้ ยุ๋ ครงั้ แรกเมอ่ื อายุ 1 เดอื น อัตรา 35 กิโลกรัมตอ่ ไร่ ครงั้ ที่สองเมอ่ื อายุ 3 เดือน อัตรา 40 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ - ลกั ษณะดินรว่ นปนทราย ให้ป๋ยุ คร้ังแรกพรอ้ มปลกู อตั รา 30 กโิ ลกรมั ต่อไร่ คร้งั สอง เมอ่ื 3 เดอื น อัตรา 50 กิโลกรัมตอ่ ไร่ ท้งั น้อี าจใชป้ ยุ๋ คอกหรอื ปุ๋ยหมักเกษตร เพอ่ื เปน็ การประหยดั และชว่ ยลดภาวะโลกร้อน ได้ การให้น�้ำ - ใหน้ ำ้� ทนั ทหี ลงั ปลกู เพอ่ื ใหอ้ อ้ ยงอกสมำ่� เสมอหลงั จากนนั้ ใหน้ ำ�้ ทกุ 2-3 สปั ดาห์ ในสภาพทลี่ มุ่ ใหน้ ำ้� โดยการตกั นำ�้ สาดหรอื ใชเ้ ครอื่ งสบู นำ้� วางลงในเรอื ขนาดเลก็ สบู นำ�้ วางลงในเรอื ขนาดเลก็ สบู นำ�้ จากรอ่ ง ในสภาพทดี่ อนใหน้ ำ�้ ประมาณครง้ั รอ่ ง โดยไมต่ อ้ ง ระบายน้ำ� ออก - งดใหน้ ำ�้ 2 สปั ดาหก์ อ่ นเกบ็ เกย่ี ว ถา้ ในชว่ งเกบ็ เกยี่ วมฝี นตกหนกั ตอ้ งระบายนำ้� ออกจากร่องทันทใี ห้เหลอื ไม่เกนิ ครั้งรอ่ ง 54
ทางเลอื กอาชีพด้านพชื ระยะเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม - เก็บเกย่ี วออ้ ยทีอ่ ายปุ ระมาณ 8 เดือน - น้ำ� อ้อยมคี วามหวาน 13-17 บริกซ์ - ลำ� อ้อยมคี วามยาวไม่น้อยกวา่ 2 เมตร - ควรเก็บเกี่ยวในชว่ งเช้าหรือเย็น ขณะท่ีอากาศไม่ร้อนจดั วธิ กี ารเก็บเกยี่ ว - ตัดเฉพาะล�ำออ้ ยท่มี ีอายุ 8 เดือน สังเกตไดค้ ือ พันธุ์สพุ รรณบรุ ี 50 จะมลี �ำ สเี ขียวอมเหลอื ง ส�ำหรับพนั ธส์ุ ิงคโปรจ์ ะมสี เี หลอื งเขม้ - ใชม้ ดี ถากใบและกาบออกทง้ั สองดา้ น อยา่ ใหเ้ ปลอื กหรอื ลำ� เสยี หาย ตดั ลำ� ออ้ ย ชิดดิน แล้วตัดยอดอ้อยต�่ำกว่าจุดคอใบประมาณ 25 เซนติเมตร วางบนแคร่หรือ พ้ืนที่สะอาด หา้ มวางบนพน้ื ดิน การท�ำน้ำ� ออ้ ยคนั้ ปจั จยั ท่ีจ�ำเปน็ ตอ้ งใช้ทำ� อ้อยคน้ั นำ้� 1. ท่อนออ้ ย ความยาวประมาณ 75-90 เซนติเมตร 2. เคร่ืองค้ันน้ำ� อ้อย กอ่ นใชล้ ้างลูกหีบดว้ ยน�้ำสะอาดแลว้ ทิง้ ไวใ้ ห้แหง้ 3. ภาชนะบรรจุน�้ำอ้อย ภาชนะที่ใช้อาจเป็นขวดแก้ว หรือขวดพลาสติก พร้อมฝาปิดสามารถปิดได้สนิท ซ่ึงก่อนบรรจุต้องล้างท�ำควาสะอาดและคว่�ำขวดไว้ จนกว่าจะแห้ง 4. วัสดุการผลิตอ่ืนๆ เช่น ผ้าขาวบาง มีด ตระกร้า และภาชนะรับอ้อย ตอ้ งท�ำความสะอาดก่อนนำ� มาใช้ทกุ ครั้ง ขัน้ ตอนการดำ� เนินงาน 1. นำ� ทอ่ นออ้ ยทหี่ นั่ เปน็ ทอ่ นแลว้ ไปปอกเปลอื กออกใหท้ ว่ั ทง้ั ลำ� แลว้ นำ� ไปลา้ ง ดว้ ยน�้ำสะอาดทง้ิ ไว้ใหส้ ะเดด็ นำ�้ 2. นำ� ทอ่ นอ้อยทล่ี ้างสะอาดแลว้ เขา้ เครอ่ื งค้นั น�ำ้ ออ้ ย ลูกหีบจะดงึ ท่อนออ้ ย เขา้ ไปเองชา้ ๆ จนตลอดทอ่ นออ้ ย เพอ่ื แยกชานออ้ ยกบั นำ้� ออ้ ยออกจากกนั นำ� นำ�้ ออ้ ย 55
ทางเลือกอาชีพดา้ นพชื ทไ่ี ดก้ รองดว้ ยผา้ ขาวบางทส่ี ะอาดหนา 4 ชนั้ (เพอ่ื ความสะดวกในการทำ� งานและความสะอาด ของนำ�้ ออ้ ย ควรตอ่ ทอ่ จากภาชนะรองรบั นำ้� ออ้ ยของเครอ่ื งคนั้ นำ้� ออ้ ยจนถงึ ภาชนะใสน่ ำ้� ออ้ ย โดยผ่านผ้าขาวบางที่ปิดคลุมภาชนะใสน่ �้ำออ้ ยไว)้ ผลผลิต น�้ำอ้อยพร้อมด่ืมท่ีบรรจุขวดสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นหรือแช่ไว้ในถังน�้ำแข็งท่ีมี อณุ หภูมปิ ระมาณ 4 องศาเซลเซยี ส จะเกบ็ ไว้ได้นานถงึ 4 วนั หากจะเก็บนานกวา่ นน้ั ควรเกบ็ ในลกั ษณะแช่แข็ง 56
ทางเลือกอาชีพด้านพชื การปลูกมะพรา้ วออ่ น มะพร้าว เปน็ พืชเศรษฐกจิ เมอื งร้อนทีม่ ีประโยชน์มากท่สี ุด ทงั้ นี้ เพราะแทบ ทกุ สว่ นของมะพรา้ วมปี ระโยชนท์ งั้ สนิ้ นบั ตง้ั แตร่ ากไปจนถงึ ยอด และมะพรา้ วนำ้� หอม เป็นมะพร้าวอีกชนิดหน่ึงที่ปลูกกันอย่างกว้างขวางเพราะมีคุณสมบัติพิเศษคือ นำ�้ มะพร้าวหอม เนอ้ื มะพร้าวมีรสชาติหวาน กลมกลอ่ ม และมกี ลิ่นหอมช่ืนใจ ปัจจัยทีจ่ ำ� เปน็ สภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสม น้�ำฝน ควรอยู่ในพ้ืนท่ีที่มีฝนตกกระจายสม�่ำเสมอประมาณ 1,500-2,000 มิลลลิ ิตรต่อปี และไม่ควรมีฝนตกนอ้ ยกว่า 50 มิลลลิ ติ ร นานเกนิ 3 เดอื น สภาพภูมอิ ากาศ ควรเปน็ พ้นื ท่ีท่อี ณุ หภมู เิ ฉลยี่ 27 องศาเซลเซียส แสงแดด ควรได้รับแสงแดดอย่างน้อย 5 ชั่วโมงต่อวัน แสงแดดสาดส่อง สมำ่� เสมอตลอดปี จงึ จะเติบโตดี ลม ควรมีลมพัดอ่อนๆ แต่สม�่ำเสมอ 57
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพืช ดนิ ไมเ่ ปรยี้ วหรอื เคม็ จดั เปน็ ดนิ อะไรกไ็ ดท้ มี่ ปี ยุ๋ เพยี งพอ และความชนื้ พอเหมาะ แหลง่ นำ�้ เปน็ สงิ่ จำ� เปน็ อยา่ งยง่ิ เพราะจะชว่ ยใหผ้ ลผลติ มะพรา้ วออ่ นตลอดปี ถ้าขาดนำ�้ จะท�ำให้ผลมะพร้าวมีทิง้ ชว่ ง ข้อควรจ�ำ ถ้าเป็นดินน้�ำไหล ทรายมูล ท่ีเกิดจากน�้ำพัดพามาสะสม เช่น ดินรมิ แมน่ ำ�้ จะปลูกมะพรา้ วไดด้ ที สี่ ุด ข้ันตอนการดำ� เนนิ งาน การปลกู ในทล่ี มุ่ พนื้ ท่ลี มุ่ น�้ำทว่ มขงั จำ� เป็นต้องยกรอ่ งให้สงู กวา่ ระดบั น�ำ้ ไม่ น้อยกวา่ 50 เซนติเมตร คนั ร่องกวา้ ง 5-8 เมตร รอ่ งลกึ 10 เมตร กวา้ ง 1.5-2 เมตร ขอ้ ควรจำ� ไมค่ วรปลูกในทลี่ ุม่ มนี ำ้� ขงั การปลกู ในทด่ี อน ถา้ เปน็ พนื้ ทร่ี กรา้ ง ตอ้ งถางใหเ้ ตยี น โคน่ ตน้ ไม้ และขดุ ออก ให้หมด เพือ่ สะดวกในการดแู ลรักษาต่อไป ขอ้ ควรจำ� ไมค่ วรปลกู พน้ื ทเี่ ปน็ ดนิ ดาน หรอื เปน็ ชน้ั หนิ ทม่ี หี นา้ ดนิ ลกึ นอ้ ยกวา่ 1 เมตร วธิ ีปลกู - การเตรยี มหลมุ ขุดหลมุ ขนาดกวา้ ง ลึก ยาวประมาณ 1 เมตร ล่วงหนา้ ประมาณ 1-2 เดือน ก่อนปลูกแยกดินบนและดินล่างไว้คนละด้านของขอบหลุม ทงิ้ ไว้ 7 วนั ใชเ้ ศษหญา้ หรอื ไมร้ องกน้ หลมุ ใชด้ นิ บน 1 สว่ นผสมปยุ๋ คอก 7 สว่ น รองกน้ หลมุ แลว้ ใสด่ นิ ลา่ งผสมกบั ปยุ๋ รอ็ คฟอสเฟต 1½ ตอ่ หลมุ ใสล่ งใหเ้ ตม็ หลมุ ทงิ้ ไวจ้ นถงึ ฤดฝู น - การปลกู หลังจากฝนตกหนัก 2 ครั้ง ในช่วงฤดูฝนจึงเริ่มปลูก โดยขุดดิน ตรงกลางหลมุ ขนาดเทา่ ผลมะพรา้ ว เอาหนอ่ มะพรา้ ววางลง จดั รากใหแ้ ผต่ ามธรรมชาติ เอาดนิ กลบเหยยี บดา้ นขา้ งใหแ้ บนกลบดนิ ใหเ้ สมอผวิ ของผลมะพรา้ ว ปกั หลกั กนั ลมโยก ในระยะแรกๆ ควรทำ� รม่ บงั แดดด้วย หมายเหตุ ระยะปลูกท่ีเหมาะสมในฤดูการปลกู คอื ระยะระหว่างตน้ x ระยะ ระหว่างแถว 6x6 เมตร การดแู ลรักษา ในช่วง 1-2 ปีแรก การให้น้�ำเป็นส่ิงจ�ำเป็น ในฤดูแล้งควรรดน้�ำอย่างน้อย อาทิตยล์ ะคร้งั และใช้เศษหญา้ คลมุ โคนเพ่ือรกั ษาความชนื้ 58
ทางเลือกอาชีพด้านพืช ศัตรูพชื - ด้วงแรด จะกดั ยอดมะพร้าว ท�ำใหใ้ บขาดเป็นริ้วๆ รปู สามเหลี่ยม ตอ่ มาทาง มะพร้าวจะหกั ทบั ลง ท�ำใหม้ ะพร้าวโทรม หรือตายได้ ปอ้ งกนั และกำ� จดั โดยใชด้ นิ นำ�้ มนั อดุ หรอื ทารอยแผลทเ่ี กดิ ขน้ึ และพรวนดนิ ถมโคนมะพร้าวอย่างให้รากลอย ใช้สารสกัดชีวภาพท่ีมีฤทธ์ิในการก�ำจัดแมลงผสม หรอื ข้ีเลอ่ื ยใส่ตามยอดมะพรา้ ว หรอื รทู ่ีพบตัวดว้ งท�ำลาย การกำ� จัดวชั พืช โดยใช้วิธีไถพรวน ใช้มีดดาย การใสป่ ยุ๋ ใสป่ ยุ๋ 2 ครง้ั ในชว่ งฤดฝู น โดยควรใสป่ ยุ๋ คอกประมาณ 2 ปบ๊ิ /ตน้ /ปี และใสป่ ุ๋ยห่างจากโคนตน้ ออกมา 15 เซนติเมตร จนถึงรัศมี 1.5 เมตร รอบตน้ การปลูกพชื แซม ในปที ี่ 1-2 มะพร้าวออ่ นยงั มีขนาดทรงพมุ่ ไม้ใหญน่ กั และ ยงั ไม่ได้ผลผลิตจงึ ควรปลกู พชื อายุสน้ั เช่น พืชตระกลู ถัว่ พชื ไร่ เพือ่ เพมิ่ รายได้ การเกบ็ เกยี่ ว ท�ำประมาณ 20 วัน ต่อ 1 คร้ัง เป็นระยะที่มะพร้าวมีเนื้อเต็มกะลาพอดี ไม่อ่อนหรือแก่เกินไปหรือที่เรียกว่ามะพร้าวเนื้อสองชั้น การเก็บเก่ียวควรใช้เชือก ผกู ทะลาย แล้วหย่อนลงพนื้ เพราะจะทำ� ให้ไมช่ ้ำ� หรอื แตกง่าย เก็บได้นานขน้ึ ขอ้ ควรจำ� สงั เกตจากสผี ลบรเิ วณรอยตอ่ ผลกบั ขวั้ ผล ถา้ เหน็ สขี าวเปน็ วงกวา้ ง แสดงว่าบริเวณรอยตอ่ เหลือเพยี งเลก็ นอ้ ยแสดงว่า ไดร้ ะยะเก็บเก่ียวพอดี ผลผลติ และลักษณะมะพรา้ วออ่ นทีด่ ี ใบ มีทางใบเส้นแผ่กระจายรอบล�ำต้น เม่ือมองทรงพุ่มจากภายนอกจุก คลา้ ยรูปวงกลม จั่น มีจั่นอยทู่ กุ โคนทาง และที่จนั่ มผี ลมะพรา้ วทกุ ขนาดอายตุ ดิ อยู่ ผล มีผลโตสม่�ำเสมอทั้งทะลาย น�้ำหนักผลประมาณ 900 กรัม/ผล ผลยาวรีเล็กน้อย และตรงก้นเป็นจีบเล็กน้อย น้�ำมีรสหวาน และกลิ่นหอม เน้ือนุ่ม รสชาตกิ ลมกล่อม ตน้ ลำ� ต้นตงั้ ตรง 59
ทางเลอื กอาชีพด้านพชื การปลูกไผ่ตง ไผ่ ถกู จดั ใหเ้ ปน็ พชื เอนกประสงค์ และสารพดั ประโยชน์ เนอ่ื งจากสว่ นตา่ งๆ ของไผ่ สามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ หน่อสามารถน�ำมา ประกอบอาหาร หรือแปรรูปเป็นหน่อไม้ปิ๊บ (ต้มบรรจุปิ๊บ) ล�ำต้นสามารถใช้ในการ ก่อสร้าง เช่น ท�ำนั่งร้าน เคร่ืองใช้ในครัวเรือน หรือท�ำเย่ือกระดาษใบใช้ห่อขนม ท�ำหมวก ท�ำหลังคา กิ่งและแขนงใช้ท�ำเฟอร์นิเจอร์ และกิ่งแขนงของไผ่ยังนิยมใช้ มาเป็นส่วนขยายพนั ธ์ุ พันธุไ์ ผ่ท่ีสำ� คัญ และเปน็ ที่นยิ มปลูกในการบรโิ ภค ไดแ้ ก่ ไผต่ ง ซงึ่ เกษตรกรสามารถปลกู ไผต่ งเปน็ อาชพี หลกั หรอื อาชพี เสรมิ กไ็ ด้ เพราะไผต่ งเปน็ ไม้ โตเรว็ สามารถขนึ้ ไดด้ ใี นดนิ เกอื บทกุ ชนดิ และเปน็ ทตี่ อ้ งการของตลาด ทงั้ ตลาดภายใน และตลาดตา่ งประเทศ 60
ทางเลือกอาชีพดา้ นพชื ปจั จยั จ�ำเป็นท่ตี ้องใช้ 1. พนั ธไุ์ ผต่ ง ไผ่ตง สามารถจ�ำแนกเป็นพนั ธ์ุต่างๆ ได้ 5 พนั ธ์ุ ดว้ ยกนั คอื “ตงด�ำหรือตงจนี ” เป็นพันธ์ทุ ่นี ยิ มปลูกกันมากท่ีสดุ เนอื่ งจากมรี สชาตดิ ี เป็นทน่ี ิยมของผูบ้ ริโภค และตลาดมคี วามต้องการมาก ให้ผลผลติ สงู และเปน็ พนั ธทุ์ ี่ นยิ มนำ� มาใชเ้ ปน็ ตงหมก (ไผต่ งหวาน) ซง่ึ จะขายไดร้ าคาสงู กวา่ ไผต่ งธรรมดาทไี่ มไ่ ดห้ มก ถึง 2 เท่าตวั “ตงหมอ้ หรอื ตงใหญ”่ เปน็ พนั ธท์ุ ม่ี ตี น้ ขนาดใหญแ่ ละมกี ารแตกกงิ่ แขนงนอ้ ย ท�ำใหก้ ารขยายพนั ธ์เุ ปน็ ไปได้นอ้ ยและช้า การออกหนอ่ ไม่ดก เพราะออกเฉพาะช่วง กลางฤดฝู น และชว่ งเวลาทอี่ อกหนอ่ สน้ั มากกวา่ พนั ธอ์ุ นื่ ๆ ทำ� ใหไ้ มเ่ ปน็ ทนี่ ยิ มปลกู มากนกั “ไผ่ตงเขียว” เป็นไผ่ขนาดกลาง และสามารถทนความแห้งแล้งได้ดี ให้ผลผลติ สงู มีช่วงการออกหนอ่ กว้างกว่าพนั ธุ์อนื่ คอื จะออกหนอ่ ถึง 2 ชว่ ง คือฤดู ฝนและระหวา่ งเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงท่ีมีไผ่ตงออกสตู่ ลาดน้อย ท�ำให้ ขายไดร้ าคาสงู แมค้ ณุ ภาพจะด้อยกวา่ ไผ่ตงด�ำ “ไผต่ งไตห้ วนั ชนดิ ใหญ”่ หรอื เรยี กอกี ชอ่ื หนงึ่ วา่ “มาจ”ู และไผต่ งไตห้ วนั ชนดิ เล็ก หรอื “ล่วิ จู” ซง่ึ หน่อของไผ่ตงทงั้ 2 ชนดิ น้ี สามารถรับประทานดิบๆ ได้ เพราะมรี สหวานกรอบ และเน้อื ละเอยี ด หมายเหตุ การปลูกไผ่ตงพันธ์ุไต้หวนั เชน่ ไผ่มาจจู ะตอ้ งมีการกลบดินสงู ประมาณ 30-40 เซนติเมตร ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ก่อนที่จะแทงหน่อ เพราะหากหน่อถูกแสงแดดกาบจะเป็นสีเขียว มรี สขมและไมส่ ามารถรับประทานได้ 2. ดิน ไผต่ งจะข้ึนได้ดใี นดนิ ร่วนปนทรายทีม่ กี ารระบายน้ำ� ที่ดี ไม่ชอบสภาพดนิ ปลกู ทม่ี ีน้ำ� ทว่ มขงั เพราะถ้าโดนน�้ำทว่ มขังจะท�ำให้ราก หน่อ และเหงา้ เน่าตายได้งา่ ย และ ดนิ ท่เี หมาะกบั การปลกู ควรเป็นดนิ กรดหรือดินเปรย้ี ว หมายเหตุ ถา้ จะปลกู ในบรเิ วณทลี่ มุ่ มนี ำ้� ทว่ มถงึ ควรทำ� การยกรอ่ งใหส้ งู พน้ นำ้� 61
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพืช 3. ภูมอิ ากาศ ไผ่ตงเป็นพืชท่ีทนความแล้งได้ดี พื้นท่ีที่มีปริมาณน้�ำต้ังแต่ 1,100 มิลลิเมตร ขึ้นไป กส็ ามารถปลูกได้ ขัน้ ตอนการด�ำเนินการ 1. การเตรยี มดิน ควรทำ� ในชว่ งกอ่ นฤดฝู น โดยกำ� จดั วชั พชื ออกจากแปลงปลกู ใหห้ มด ไถพรวนดนิ 2 คร้ัง คร้ังแรกให้ไถดะตากดินไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงไถพรวนอีกครั้งให้ดิน ยอ่ ยละเอียด 2. ระยะปลกู ระยะปลูกของไผตง ควรค�ำนึงถงึ เรอื่ งพันธุ์สภาพดนิ เปน็ หลัก ดังนี้ - ไผต่ งหมอ้ หรอื ตงใหญ่ ตอ้ งใชร้ ะยะปลกู กวา้ งกวา่ พนั ธอ์ุ น่ื ระยะทเ่ี หมาะสม คอื 8x8 เมตร ไรห่ นึง่ ปลูกได้ 25 ตน้ - ไผต่ งดำ� ระยะปลกู ในพชื ทด่ี นิ ดี มธี าตอุ าหารพชื สมบรู ณ์ ระยะปลกู ควรเปน็ 8x8 เมตร ไร่หนึ่งปลูกได้ 25 ตัน แต่ในสภาพดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง หรอื ตำ่� อาจใชร้ ะยะ 6x6 เมตร ซง่ึ ตอ้ งมกี ารปฏบิ ตั ดิ แู ลรกั ษาอยา่ งดี โดยการตดั แตง่ กอ และใหป้ ุ๋ยอยา่ งถกู วธิ ี - ไผต่ งเขยี ว ระยะปลกู ควรเปน็ 8x8 เมตร หรอื 6x8 เมตร สามารถปลกู ได้ 35-45 ตน้ /ไร่ หมายเหตุ ถ้าในสภาพท่ีดินไม่ดีนัก ฝนตกไม่สม�่ำเสมอ ควรปลูกเฉพาะ ไผ่ตงสเี ขียวเพราะเป็นพนั ธท์ุ ีท่ นแลง้ ได้ดีกว่าไผต่ งด�ำ 3. วิธีปลกู ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน เน่ืองจากดนิ จะมีความชุม่ ชน้ื อยเู่ สมอ โดยการปลกู จะวางกงิ่ ใหเ้ อยี ง 45 องศาเซลเซยี สกบั พน้ื ดนิ จะทำ� ใหไ้ ผต่ งแทงหนอ่ ไดเ้ รว็ กวา่ การปลกู โดยไมเ่ อยี งกิ่งพนั ธุ์ หมายเหตุ ในการปลูกปีแรก-ปีที่ 3 ควรปลูกพืชแซม เช่น พริก มะเขือ ซึง่ นอกจากจะช่วยเสรมิ รายไดแ้ ลว้ ยงั ช่วยเพม่ิ ธาตุอาหารแก่ดนิ อีกดว้ ย 62
ทางเลือกอาชีพด้านพืช 4. การเก็บเกี่ยว ไผต่ งทมี่ อี ายุ 3 ปขี นึ้ ไป สามารถตดั หนอ่ ออกขายได้ โดยสามารถตดั หนอ่ ออกขาย ไดท้ ุก 4-5 วนั นิยมตดั หน่อในตอนเชา้ เนือ่ งจากจะได้หน่อทส่ี ด และมีรสชาตหิ วาน ตลาด และผลตอบแทน ในการจ�ำหน่ายหน่อไม้ไผ่ตงสด เกษตรกรจะจ�ำหน่ายให้แก่พ่อค้าคนกลาง จากปากคลองตลาดสว่ นหนงึ่ และโรงงานหนอ่ ไมอ้ ดั ปบ๊ี สว่ นหนง่ึ โดยในระยะตน้ ฤดู คอื ช่วงมถิ ุนายนถงึ กรกฎาคม และสงิ หาคมถึงพฤศจิกายน เป็นช่วงทม่ี ีหน่อไม้ออกสู่ ตลาดนอ้ ย และมรี าคาดี อาจมรี าคากโิ ลกรมั ละ 10-15 บาท ผลผลติ สว่ นใหญจ่ ะขายให้ กบั พอ่ คา้ คนกลาง ซงึ่ จะเสยี คา่ ขนสง่ เองเพอ่ื นำ� ไปจำ� หนา่ ยใหผ้ บู้ รโิ ภคตอ่ ไป แตใ่ นระยะ ที่ไผ่ตงมีหน่อออกสู่ตลาดมากประมาณเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมราคาจะต่�ำลง บางครง้ั ราคากโิ ลกรัมละ 1.00-1.50 บาท ในชว่ งน้ีเกษตรกรจะจ�ำหน่ายใหก้ บั โรงงาน ผลิตหน่อไม้ตงอัดปี๊บเพื่อจ�ำหน่ายในประเทศ และส่วนหนึ่งจะส่งออกต่างประเทศ โดยมีตลาดใหญ่อยู่ท่ีประเทศญ่ีปุ่น ไผ่ตงจะสามารถให้ผลผลิตเต็มที่ต้ังแต่ปีที่ 5 เปน็ ตน้ ไป แตล่ ะกอมีผลผลติ ประมาณ 30-40 หนอ่ และมีนำ้� หนักประมาณ 45-80 กิโลกรัม หรือใน 1 ไร่ จะมีผลผลิตเป็นน�้ำหนักประมาณ 1,125-2,000 กิโลกรัม และตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป เกษตรกรจะเสียค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกต่อไร่เฉล่ีย 2,790 บาท แหลง่ ข้อมลู : กรมส่งเสริมการเกษตร 63
ทางเลอื กอาชีพด้านพชื การผลติ ฝรงั่ คุณภาพ ฝร่ัง เป็นผลไม้ที่คุ้นเคยกับชีวิตประจ�ำวันของคนไทยมาช้านานทั้งเป็นผลไม้ ทมี่ ขี ายตลอดทงั้ ปี สามารถปลกู ไดใ้ นดนิ แทบทกุ ชนดิ แตถ่ า้ ปลกู ในดนิ รว่ นซยุ มอี นิ ทรยี ์ วตั ถมุ าก และมกี ารระบายนำ�้ ดกี จ็ ะไดผ้ ลผลติ ทดี่ ี ตน้ ฝรงั่ สามารถทนสภาพความแหง้ แลง้ ไดด้ ี เกษตรกรสามารถปลกู ฝร่ังเป็นอาชีพหลกั หรอื เป็นอาชพี เสรมิ แม้กระทงั่ ปลูก เพ่ือเกบ็ ผลมาบริโภคภายในครัวเรือนก็ได้ ปจั จยั จ�ำเปน็ ทีต่ ้องใช้ 1. พนั ธ์ุ ฝรงั่ สามารถจัดประเภทพนั ธอ์ุ อกได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกนั คอื - กลุ่มรับประทานสด ได้แก่ ฝรั่งที่ผลใหญ่ มีรสชาติอร่อยกลมกล่อม เช่น 64
ทางเลอื กอาชีพด้านพชื พันธุพ์ ้นื เมอื ง ไดแ้ ก่ พนั ธขุ์ ้นี ก ฝรง่ั พนั ธจ์ุ ีน ได้แก่ พนั ธ์ุบางเสาธง พันธ์หุ ลวงทอ่ งสื่อ ฝรั่งพันธุ์อินเดีย ได้แก่ พันธุ์อีแห้ว พันธุ์อาสาฮาบัด พันธุ์เบอมองท์ พันธุ์คาฮัวลูคา โดยสว่ นใหญจ่ ะมขี นาดผลไมใ่ หญม่ ากนกั ทสี่ ำ� คญั เนอ้ื มสี ชี มพมู กี ลนิ่ หอมและฉำ่� นำ้� มาก 2. ดนิ ฝรงั่ เปน็ ผลไมท้ ข่ี นึ้ และออกดอกผลไดใ้ นดนิ เกอื บทกุ ชนดิ ไมว่ า่ จะเปน็ ดนิ เหนยี ว ดนิ ปนทราย แตด่ นิ ท่ีจะให้ผลดที สี่ ดุ คอื ดนิ รว่ นปนทราย หรือดนิ ตกตะกอนริมแม่นำ�้ ล�ำคลอง หากปลูกในดินเหนียวจะต้องยกร่อง เพ่ือให้ระบายน�้ำได้สะดวก โดยร่อง ทจี่ ะยกไม่ควรตำ่� กวา่ 6 เมตร และท้องรอ่ งควรกว้าง 1.5 เมตร 3. ปยุ๋ ปุย๋ มีความส�ำคัญตอ่ ฝรัง่ เป็นอย่างมาก หากไม่ใสป่ ยุ๋ จะไดผ้ ลน้อยลงเปน็ ล�ำดบั ปยุ๋ ทน่ี ยิ ม ไดแ้ ก่ ปยุ๋ หมกั ปยุ๋ มลู สตั ว์ โดยควรใสป่ ยุ๋ ตง้ั แตแ่ รกปลกู จากนน้ั กใ็ สส่ มำ�่ เสมอ ทกุ ๆ ปี ปลี ะ 3 คร้งั หมายเหตุ ฝรง่ั เปน็ พชื ทช่ี อบแสงแดด แตไ่ มช่ อบลมพดั แรง ดงั นน้ั หากปลกู ใน ทีโ่ ล่งควรมีต้นไมก้ ำ� บัง ขัน้ ตอนการด�ำเนนิ งาน 1. การเตรียมดนิ ฝรง่ั เปน็ ตน้ ไมท้ ข่ี นึ้ งา่ ย แมไ้ มต่ อ้ งเตรยี มหลมุ กส็ ามารถขนึ้ ได้ แตถ่ า้ ตอ้ งการให้ ฝร่ังโตเร็วและออกผลต่อเน่ืองกันโดยไม่ขาดตอน ควรมีการเตรียมหลุมปลูก และ เตรยี มดนิ ทีใ่ ช้ปลูก ดงั นี้ วธิ ีเตรียมหลมุ ปลูก - ขดุ หลมุ กวา้ ง ยาว ลกึ อยา่ งละ 1 เมตร แยกดนิ ชนั้ บนและชน้ั ลา่ งไวต้ า่ งหาก คนละกอง นำ� เอาเศษไมใ้ บหญา้ แหง้ มาใสห่ ลมุ น้ี แลว้ เอามลู สตั วท์ บั ชนั้ บน รดนำ�้ ใหช้ มุ่ ปลอ่ ยทงิ้ ไวป้ ระมาณ 3-4 เดอื น หมายเหตุ หากขดุ หลมุ แล้วมนี �้ำซึมออกมาจากก้นหลุมให้เปลีย่ น เพราะ รากฝรั่งจะแช่นำ้� ท�ำใหป้ ลกู ไมไ่ ด้ผล 65
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพชื วิธีเตรยี มดินปลูก - นำ� เอาดนิ ชนั้ บนทขี่ ดุ แยกไว้ มาผสมปยุ๋ หมกั หรอื ปยุ๋ คอก โดยผสมดนิ 1 สว่ น ปยุ๋ 1 สว่ น คลกุ เคลา้ ดนิ และปยุ๋ ใหเ้ ปน็ เนอ้ื เดยี วกนั ตากเกบ็ ไว้ กจ็ ะไดด้ นิ ปลกู ฝรงั่ ชนั้ เยยี่ ม 2. การปลกู ส�ำหรับในดินที่อุดมสมบูรณ์ดี ควรใช้ระยะปลูก 6x6 เมตร แต่ถ้าดิน ไมอ่ ดุ มสมบรู ณ์ ควรปลกู ระยะ 5x5 เมตร โดยน�ำก่ิงพนั ธ์ทุ ่ีตอ้ งการปลูกมาใสใ่ นหลมุ ทเี่ ตรียมไวแ้ ล้วกลบ จากนัน้ ใชไ้ มห้ ลกั ปกั ยดึ ก่งิ พนั ธไุ์ วไ้ ม่ใหโ้ ยก ผลผลติ ฝรง่ั เป็นผลไมท้ ่ปี ลกู งา่ ย โตเรว็ ถ้าเพาะจากเมลด็ จะเริม่ ออกผลในระยะ 1 ปี แตจ่ ะไดผ้ ลเตม็ ทเ่ี มอ่ื มอี ายุ 5-6 ปี การเกบ็ ผลฝรง่ั นน้ั จะตอ้ งเกบ็ เมอื่ ผลแกจ่ ดั ระยะเวลา ตั้งแต่ดอกบานแล้วถึงผลแก่ประมาณ 5 เดือน โดยฝรั่งสามารถจ�ำหน่ายเป็นผลสด ในลกั ษณะเปน็ กิโลกรมั หรอื นำ� ไปแปรรปู เป็นนำ้� ฝรั่ง เยลลี่ฝรงั่ แยมฝรั่ง เป็นต้น แหล่งขอ้ มลู : กรมส่งเสริมการเกษตร 66
ทางเลือกอาชีพด้านพชื การปลกู ส้มโอ ส้มโอ เป็นผลไม้ก่ึงร้อนท่ีสามารถเจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทย และเป็น ผลไม้ที่มีความส�ำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง เพราะนิยมบริโภคท้ังภายในและ ต่างประเทศ เนอื่ งจากมีคุณคา่ ทางโภชนาสงู และมีระยะเวลาในการวางตลาดไดน้ าน จงึ ท�ำให้เปน็ พชื ทม่ี ีศกั ยภาพสงู ในการสง่ ออก ปัจจยั จ�ำเป็นทีต่ อ้ งใช้ 1. พันธุ์ ส้มโอท่ีวางจ�ำหน่ายในตลาดท้องถิ่นมีมากกว่า 30 พันธุ์ แต่พันธุ์ท่ีนิยม ปลูกกันมาก ได้แก่ - พันธุ์ขาวทองดี มีขนาดผลปานกลาง ทรงผลกลมแป้น ส่วนหัวนูน นำ้� หนักผลประมาณ 940-1,060 กรมั เปลือกผลคอ่ นข้างบางมีความหวานสงู 67
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพืช - พันธุ์ขาวน�้ำผ้ึง มีผลขนาดใหญ่ ทรงผลกลมน�้ำหนักผลประมาณ 1,800 กรมั เปลอื กผลหนา รสชาติปะแล่มๆ หรอื หวานอมเปรย้ี ว 2. ดนิ สม้ โอสามารถปลกู และเจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นดนิ ทกุ ชนดิ ไมว่ า่ จะเปน็ ดนิ ทราย ดนิ รว่ น ดนิ รว่ นปนทรายหรอื รว่ นดนิ เหนยี วทไี่ ดร้ บั การปรบั ปรงุ สภาพใหร้ ะบายนำ�้ ไดด้ ี ไม่ท่วมขงั หรือแฉะ ดินท่ปี ลูกสม้ โอแลว้ ใหผ้ ลผลติ คุณภาพควรลกึ อย่างนอ้ ย 1 เมตร มีความเป็นกรดด่าง (pH) 5.5-6.5 หมายเหต ุ ผลผลติ ที่ได้จะตา่ งกนั ขึน้ อยูก่ บั สภาพดนิ แตล่ ะท่ี 3. ปุย๋ สม้ โอ เป็นพืชท่จี ำ� เปน็ ตอ้ งให้ปยุ๋ เพอ่ื ปรับปรุงคณุ ภาพ ไดแ้ ก่ ปุ๋ยอินทรยี ์ อาทิ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ข้ันตอนการดำ� เนนิ งาน 1. การปลกู - การปลูกในพื้นท่ีดอนที่น้�ำไม่ขัง ไม่ต้องยกร่อง ควรปรับพ้ืนให้เรียบ แลว้ กำ� จดั วชั พชื การปลกู เปน็ แถว ควรขดุ หลมุ ปลกู ขนาดประมาณ 50x50x50 เซนตเิ มตร ควรใช้ระยะปลูก 8x8 เซนตเิ มตร เพราะรากจะเจรญิ ลกึ ในแนวดงิ่ - การปลูกในท่ีลุ่ม ท�ำการเตรียมดินในช่วงฝนแล้ง แล้วทิ้งไว้ให้ดินสุก (ดนิ สกุ คอื ดนิ ทแี่ หง้ รว่ นและระบายนำ้� ไดด้ )ี โดยขดุ เปน็ รอ่ งใชส้ นั รอ่ งปลกู สนั รอ่ งกวา้ ง ประมาณ 6.5 เมตร สำ� หรับร่องน้ำ� กวา้ งประมาณ 1.5 เมตร ลกึ 1 เมตร ควรยกร่อง ขวางทางแสงอาทติ ยจ์ ะทำ� ใหไ้ ดร้ บั แสงแดดสมำ�่ เสมอ ถา้ เปน็ ทล่ี มุ่ มาก ตอ้ งทำ� คนั กน้ั นำ�้ รอบสวน โดยฝังท่อระบายน้�ำเข้า-ออกจากสวน ขุดหลุมปลูกโดยใช้ระยะประมาณ 6-8 เซนตเิ มตร - น�ำพนั ธุส์ ม้ โอที่ตอ้ งการปลกู มาใสต่ รงกลางหลมุ ทเ่ี ตรยี มไว้ กดดินบริเวณ โคนกงิ่ พันธ์ใุ หแ้ น่นพอประมาณ จากนน้ั ใชไ้ ม้หลกั ปักยดึ กิ่งพันธไ์ุ มใ่ หโ้ ยก รดน�้ำใหช้ ่มุ แล้วหาเศษฟางแห้งมาคลุมดิน เพ่ือช่วยลดการสูญเสียน้�ำในระยะที่ต้นยังเล็กอยู่ ซง่ึ จะชว่ ยใหต้ น้ ส้มโอตงั้ ตัวไดเ้ ร็วขนึ้ 68
ทางเลอื กอาชพี ด้านพชื 2. การให้นำ้� ให้นำ�้ อยา่ งสมำ่� เสมอหลังการปลูกโดยควรให้น้�ำในตอนเช้า และเมอ่ื ต้นส้มโอ ใกล้ออกดอกควรงดให้นำ้� ประมาณ 5-30 วนั 3. การเกบ็ เก่ียว โดยทว่ั ไปสม้ โอจะออกดอกปลี ะ 2 ครง้ั ครงั้ แรกระหวา่ งเดอื นมกราคม-กมุ ภาพนั ธ์ คร้ังท่ี 2 ชว่ งเดอื นสงิ หาคม-ตลุ าคม ส้มโอจะเจริญเติบโตนบั จากช่วงออกดอกตดิ ผล ถงึ ผลแกเ่ กบ็ เกย่ี วไดป้ ระมาณ 7-8 เดอื น โดยคณุ ภาพของสม้ โอ 2 ชดุ นจ้ี ะแตกตา่ งกนั สม้ โอทต่ี ดิ ผลชดุ หลงั (สงิ หาคม-ตลุ าคม) จะมรี สชาตทิ เี่ ขม้ ขน้ กวา่ เพราะมปี รมิ าณกรด และน้�ำตาลสูงกว่า (มีปริมาณน�้ำในผลน้อยกว่าเพราะเจริญเติบโตในช่วงฤดูหนาว และเก็บเก่ยี วในฤดูแล้ง) ผลผลิต สม้ โอสามารถจำ� หนา่ ยตามนำ�้ หนกั เปน็ กโิ ลกรมั หรอื จำ� หนา่ ยตามขนาดของผล และสามารถนำ� มาแปรรูปไดเ้ ป็นหลายชนิด อาทิ ส้มโอแก้วส่รี ส สม้ โอเชอ่ื ม เปน็ ตน้ ตลาด และผลตอบแทน สม้ โอเปน็ ทน่ี ยิ มบรโิ ภคในตลาด ทงั้ ภายในและตา่ งประเทศ โดยสม้ โอทจ่ี ำ� หนา่ ย ในตลาดภายในประเทศในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน มีผลผลิตออกสู่ตลาดมาก สำ� หรบั ตลาดสม้ โอในตา่ งประเทศพนั ธท์ุ เี่ ปน็ ทน่ี ยิ มในตลาดตา่ งประเทศคอื พนั ธข์ุ าวนำ�้ ผงึ้ และขาวทองดี โดยมีตลาดส�ำคัญคือ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเชีย แคนาดา ฝร่ังเศส และอังกฤษ 69
ทางเลอื กอาชพี ดา้ นพชื กเพาือ่ รกาผรลสติง่ อมอะกมว่ ง มะม่วง จัดเป็นผลไม้เศรษฐกิจท่ีนิยมปลูกกันมากในปัจจุบัน เพราะสามารถ ปลูกได้ดีในพื้นท่ีทุกจังหวัดท่ัวทุกภาคของประเทศ เกษตรกรจึงสามารถปลูกมะม่วง เพือ่ เป็นพืชเสรมิ รายได้ หรือปลูกในลักษณะเป็นสวนเพื่อส่งออก ปจั จยั จำ� เปน็ ที่ตอ้ งใช้ 1. พันธ์ุ มะมว่ งพันธมุ์ ากมายประมาณว่า 150 สายพนั ธ์ุ แบง่ ตามลกั ษณะ การใช้ประโยชน์ คือ - มะม่วงสำ� หรับรับประทานผลดิบ เช่น เขยี วเสวย ฟ้าลน่ั พิมเสนมัน แรด มันหนองแซง เปน็ ตน้ 70
ทางเลือกอาชีพดา้ นพชื - มะมว่ งสำ� หรับรบั ประทานผลสุก เช่น น�ำ้ ดอกไม้ อกรอ่ ง หนังกลางวนั ทองค�ำ เปน็ ตน้ - มะมว่ งทป่ี ลกู เพอ่ื การอตุ สาหกรรมแปรรปู ไดแ้ ก่ มะมว่ งแกว้ มะมว่ งสามปี และมะมว่ งโชคอนันต์ 2. ดนิ มะมว่ งชอบดนิ รว่ นหรอื ดนิ รว่ นปนทราย ดนิ รว่ นเหนยี วทมี่ ี ความอดุ มสมบรู ณ์ สามารถระบายนำ้� ไดด้ ี หากปลกู ในทร่ี าบลมุ่ ซงึ่ ดนิ สว่ นใหญจ่ ะเปน็ ดนิ เหนยี ว จะตอ้ งยกรอ่ ง และดนิ ควรมคี วามเป็นกรดดา่ งอยรู่ ะหวา่ ง (pH) 5.5-7.5 3. ระดบั นำ�้ ในดิน และความลกึ ของหนา้ ดินถา้ ระดบั นำ้� ในดินต้นื รากมะม่วง จะไมส่ ามารถเจรญิ เตบิ โตไดด้ เี ทา่ ทคี่ วร เพราะไมส่ ามารถยดึ ดนิ เพอ่ื ประคองลำ� ตน้ ได้ ทำ� ให้ลำ� ต้นแคระแกร็น และโค่นลม้ ได้ง่าย (ควรมเี นื้อดนิ ไมน่ ้อยกว่า 1 เมตร) 4. อุณหภูมิ มะม่วงเป็นพืชท่ีเจริญเติบโตท่ีอุณหภูมิ 20-34 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิกอ่ นการออกดอก 15-20 องศาเซลเซยี ส ตอ่ เนื่องกนั 2 สปั ดาห์ ขัน้ ตอนการดำ� เนินงาน 1. การเตรยี มดิน - การปลกู ในทลี่ มุ่ ตอ้ งขดุ รอ่ งสวนไถพรวนดนิ แลว้ ตากดนิ ไวจ้ นสกุ (ประมาณ 15-30 วัน) จากนั้นจึงขุดยกร่องส�ำหรับการระบายน้�ำ ขนาดของร่องสวนท่ัวไปนั้น ฐานร่องกวา้ งประมาณ 6-6.5 เมตร สนั ร่องกว้าง 5.5 เมตร ทอ้ งร่องกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1.4 เมตร ใหม้ ีค่าความเปน็ กรด-ดา่ ง เหมาะสมเมอ่ื ขุดยกรอ่ งเสรจ็ แลว้ ตอ้ งปรับ สภาพดินแล้วจึงปรบั ใหด้ ินรว่ นซุย โดยการใส่ปยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมัก จากนน้ั ใหต้ ากดนิ อกี คร้ังหนง่ึ แล้วจึงพรวนดินบนสนั รอ่ งเพือ่ กลับหนา้ ดิน และเรม่ิ ลงมือขดุ หลุมปลูก - การปลูกในที่ดอน ก่อนท่ีจะปรับปรุงดิน วิเคราะห์ค่า (pH) ความเป็น กรดด่างของดิน แล้วปรับสภาพดินโดยการพรวนดินประมาณ 1-2 คร้ัง ส�ำหรับดิน ท่ีอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว ก�ำจัดวัชพืชแล้วลงมือขุดหลุมปลูกได้เลย แต่ถ้าหากเป็น ดนิ ทรายจดั มอี ินทรีย์วตั ถอุ ยู่นอ้ ยก็ให้ใส่ป๋ยคอกหรอื ปุย๋ หมักเพ่ิมเตมิ 2. การขดุ หลุมปลกู - โดยปกตจิ ะก�ำหนดให้หลมุ มคี วามกว้าง ยาว และลึกประมาณ 71
ทางเลือกอาชีพดา้ นพชื 50 เซนตเิ มตร (หากดนิ ดสี ามารถขดุ หลมุ ขนาดเลก็ ได)้ ระยะของการปลกู มหี ลายระยะ ข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ของการปลูก หากมีระยะการปลูกแบบถี่หรือระยะชิด และ จำ� เปน็ ตอ้ งดแู ลตดั แตง่ กงิ่ อยเู่ สมอ เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลผลติ ทดี่ ที ง้ั คณุ ภาพและปรมิ าณ สว่ นระยะ การปลูกแบบห่าง (ประมาณ 6x6 เมตร ขนึ้ ไปจนถึง 10x10 เมตร) เปน็ การปลูกท่ี เหมาะสมสำ� หรบั มะม่วงทีข่ ยายพันธุ์โดยการทาบกงิ่ 3. วิธปี ลูก - การปลกู ด้วยการทาบกิ่ง ติดตา ให้ปลกู ลึกระดับเดยี วกับดินในภาชนะ ปลกู เดมิ หรอื สูงกวา่ แตต่ อ้ งไมป่ ดิ รอยทตี่ ดิ ตาหรอื ตดั ต่อกิ่งไว้ เพือ่ สะดวกในการลอก พลาสตกิ พันแผลออกและเป็นการป้องกนั ไม่ใหต้ ิดโรคทางรอยแผลได้ - การปลูกด้วยก่ิงตอน ให้ปลูกลึกระดับเดียวกับดินในภาชนะปลูกเดิม หรือใหเ้ หลือขยุ มะพร้าวในการตอนโผล่อยเู่ ลก็ นอ้ ย ไม่ควรกลบดินจนมดิ ขยุ มะพรา้ ว เพราะจะทำ� ให้เน่าไดง้ ่าย - เม่ือปลูกเสร็จ ให้ปักไม้เป็นหลัก ผูกต้นกับลมโยกแล้วลดน้�ำให้ชุ่ม โดยควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน (ประมาณเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม) เพ่ือให้มะม่วง ตัง้ ตัวไดเ้ รว็ ขึ้น 4. การเก็บเกี่ยว การออกดอกของมะม่วง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พันธุ์มะม่วง ความอุดมสมบูรณ์ของต้นรวมไปถึงสภาพอากาศด้วย อายุการเก็บเก่ียวนับต้ังแต่ ออกดอกจนถึงวันเกบ็ เก่ียวประมาณ 95-115 วนั ผลผลติ ตลาดและผลตอบแทน มะมว่ ง สามารถจำ� หนา่ ยเปน็ ผลสด โดยจำ� หนา่ ยเปน็ กโิ ลกรมั หรอื นำ� ไปแปรรปู ได้ ท้ังนีข้ ้นึ อย่กู บั พันธแ์ุ ละความนิยมในการบริโภค เชน่ มะม่วงแกว้ นิยมน�ำมาดอง มะมว่ งน�ำ้ ดอกไมจ้ ะมรี าคากิโลกรมั ละ 20-40 บาท ถ้ามะม่วงนำ้� ดอกไมเ้ พ่อื การสง่ ออก ราคาอยู่ระหวา่ ง 50-70 บาทตอ่ กิโลกรัม แหล่งข้อมลู : กรมสง่ เสรมิ การเกษตร 72
ทางเลอื กอาชพี ด้านพชื การผลิตชมพู่ ชมพู่ เป็นผลไม้เขตร้อนซึ่งมีถิ่นก�ำเนิดในประเทศอินเดีย เป็นพืชจัดอยู่ใน ตระกลู เดยี วกบั ฝรงั่ หวา้ ยคู าลปิ ตสั เปน็ พชื ทช่ี อบนำ้� จดั เปน็ ผลไมท้ มี่ ลี ำ� ตน้ ขนาดใหญ่ ดอกมกี ลน่ิ หอมคลา้ ยกหุ ลาบ ผลมรี สหวานกรอบ คนไทยนยิ มปลกู เปน็ ไมม้ งคลประจำ� บา้ น ชมพู่เปน็ ผลไม้ทีอ่ ุดมไปด้วยวิตามินเอ ผลนอกจากจะรบั ประทานสดแลว้ ยงั สามารถ น�ำไปแปรรูปเป็นผลผลติ ตา่ งๆได้ เช่น เยลลี่ แยม และแชอ่ ่มิ เปน็ ตน้ ปัจจยั จ�ำเปน็ ท่ตี อ้ งใช้ ชมพู่ เป็นผลไม้ที่สามารถเจริญเติบโตได้ทุกสภาพพื้นที่ แต่เจริญเติบโตได้ดี ทมี่ นี ำ้� อดุ มสมบรู ณด์ นิ ทเี่ หมาะสม คอื ดนิ รว่ นปนทราย ดนิ รว่ นเหนยี ว ในบรเิ วณทร่ี าบลมุ่ ภาคตะวนั ตก สภาพความเป็นกรดดา่ ง (pH) อยรู่ ะหว่าง 6.5-7.0 73
ทางเลือกอาชีพด้านพชื ขนั้ ตอนการด�ำเนินงาน 1. การเตรยี มแปลงปลกู ในการปลูกชมพู่ สามารถปลูกได้แบบยกร่องในท่ีราบลุ่มภาคกลาง ภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ตก ซง่ึ การปลกู แบบยกรอ่ งน้ี สว่ นหลงั รอ่ งกวา้ งประมาณ 3 เมตร ร่องน�้ำกว้าง 1-1.50 เมตร มีแนวชายร่องข้างละ 0.50 เซนติเมตร ซง่ึ หลงั ยกรอ่ งแลว้ ควรตากดนิ ไว้ 10 เดอื น แลว้ จงึ พลกิ หนา้ ดนิ ใหด้ นิ ลา่ งลงไปอยดู่ า้ นลา่ ง และดนิ บนซ่ึงถูกทบั ขณะขดุ รอ่ งกลบั มาอย่ดู า้ นบนตามเดิม ช่วงพลกิ นีเ้ องทช่ี าวสวน สามารถทำ� การปรับสภาพดิน และใส่ปุ๋ยคอก 2. ก�ำหนดระยะการปลูก 2.1 แบบยกรอ่ ง สว่ นใหญใ่ ชร้ ะยะห่างระหวา่ งต้น 4 เมตร 2.2 บนพ้นื ทีด่ อน ใช้ระยะ 4x4 เมตร หรือ 6x6 เมตร แล้วแตส่ ภาพ ความสมบรู ณข์ องดนิ ด้วย ถ้าดินอดุ มสมบูรณ์ควรปลูกระยะ 6x6 เมตร 3. การเตรียมหลมุ ปลกู โดยท่ัวๆ ไปหลุมปลูกจะใชข้ นาด 50x50x50x เซนตเิ มตร (กว้างxยาวxลึก) โดยแยกดนิ หนา้ ไวข้ า้ งหนง่ึ และดนิ ลา่ งไปดา้ นหนงึ่ แลว้ เอาปยุ๋ คอกประมาณ 50 กโิ ลกรมั ผสมกบั หนา้ ดนิ อตั ราสว่ น 1:1 และปยุ๋ รอ็ คฟอสเฟต 500 กรมั กลบลงไปในหลมุ จนพนู 4. การปลกู ตน้ พนั ธช์ุ มพทู่ ค่ี ดั เลอื กไวแ้ ลว้ นำ� มาถอดภาชนะเพาะชำ� ออก แลว้ ตรวจดวู า่ มรี ากขดหรอื ไมข่ ยายรากออก หนั ทศิ ทางของกง่ิ ใหเ้ หมาะสม แลว้ ฝงั ลงในหลมุ ทเ่ี ตรยี มไว้ โดยใหร้ ะดบั สงู กวา่ ระดบั ดนิ เดมิ เลก็ นอ้ ย หลงั จากบม่ นำ� ดนิ ลา่ งมาเตมิ ดนิ บนปากหลมุ จนพูนแล้วอัดดินให้แน่น ปักไม้และผูกเชือกล�ำต้น พร้อมปักทางมะพร้าวพรางแสง ในทศิ ทางตะวนั ตก และตะวนั ออก เสรจ็ แลว้ รดนำ้� ใหช้ มุ่ ทนั ที เพอื่ ปอ้ งกนั ไมใ่ หต้ น้ ชมพู่ ที่ปลกู ใหม่เหย่ี วเฉา หลังจากต้นชมพู่ต้ังตวั ไดแ้ ลว้ จึงค่อยน�ำทางมะพรา้ วออก ผลผลิต สามารถให้ผลผลติ หลงั จากปลกู ไปแล้ว 15-18 เดอื น 74
ทางเลอื กอาชพี ด้านพชื ตลาด และผลตอบแทน ตลาดชมพสู่ ว่ นใหญ่ เปน็ ตลาดภายในประเทศ ไดแ้ ก่ ตลาดประจำ� จงั หวดั ตา่ งๆ ตลาดกรงุ เทพฯ ได้แก่ ตลาดสมี่ มุ เมอื ง ปากคลองตลาด ตลาดไท เป็นต้น ราคาชมพู่ ในช่วงฤดูกาล ประมาณกิโลกรัมละ 20-25 บาท ส่วนนอกฤดูกาลราคากิโลกรัมละ 50-80 บาท ต้นทุน และผลตอบแทน ต้นทุนในการผลิตชมพู่ ประมาณ 3,400 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนประมาณ 23,400 บาทต่อไร่ ท้งั นค้ี ดิ จากราคาทจ่ี ำ� หน่ายท่ี 13.70 บาท 75
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพืช การผลิตถคั่วเรขบยี ววงจร ถั่วเขยี ว เปน็ พชื ทีม่ ีอายุ ใช้น�ำ้ น้อยมคี วามทนทานต่อความแห้งแล้ง สามารถ เจรญิ เตบิ โตไดด้ ใี นสภาพแวดลอ้ มของประเทศไทย อายกุ ารเกบ็ เกยี่ วประมาณ 60-75 วนั ปลูกได้ตลอดปีคือ ฤดูแล้งหลังท�ำนาปี ต้นฤดูฝน และปลายฤดูฝนหลังเก็บเกี่ยว พชื ไร่หลัก เชน่ ขา้ วโพด ข้าวฟ่าง ปอ เป็นตน้ พืน้ ทีป่ ลกู ถ่วั เขยี วในแต่ละปีประมาณ 9 แสนไร่ ปจั จัยท่ีจ�ำเปน็ ตอ้ งใช้ 1. พันธุ์ ใช้พันธุ์ก�ำแพงแสน1 ,ก�ำแพงแสน2, ชัยนาท 60, ชัยนาท 72, ชยั นาท 36, มอ 1, มทส 1, ท่ีมีความพอดี อตั ราสว่ น 1 ถงุ (200 กรมั ) ตอ่ ไร่ 76
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพชื 2. เช้อื ไรโซเบยี ม 1 ถงุ (200 กรมั ) ต่อไร่ หมายเหตุ : หากดินเป็นกรดจดั (pH ตำ่� กวา่ 5.0) ต้องมกี ารปรบั ปรงุ ดินด้วยปูนขาว หรือปูนบดเสียกอ่ นเพื่อลดความเปน็ กรด และลดพษิ อลมู นิ ม่ั และเหล็ก ขน้ั ตอนการด�ำเนนิ งาน การเตรยี มดิน ควรไถดว้ ยผาน 3 ตากดนิ ทงิ้ ไว้ คราดเกบ็ เศษวชั พชื ออกใหห้ มด แลว้ จงึ ไถผาน 7 จากนั้นควรท�ำร่องระบายน�้ำระหว่างร่องปลูกเพ่ือกันมิให้น้�ำท่วมขัง แล้วจึงหยอด หรือหว่าน การปลูก ปลกู ได้ 2 วธิ ี 1. การปลูกแบบหว่าน หลงั จากไถด้วยผาน 7 ให้หวา่ นเมล็ดทค่ี ลุกเช้ือไรโซเบียมแล้วใหส้ ม�ำ่ เสมอ ทแ่ี ปลงอัตราส่วนเมลด็ ท่ใี ช้ประมาณ 5-6 กิโลกรมั ต่อไร่ หลังไถคราดกลบเพอื่ รักษา ความช้นื ในดนิ 2. การปลกู แบบโรยเปน็ แถว โดยโรยเปน็ แถวระยะยาว 50 เซนติเมตร อตั ราการใช้เมล็ด 15-20 เมล็ด ตอ่ แถวยาว 1 เมตร ถั่วเขียวมคี วามต้องการไนโตรเจนสูงโดยธรรมชาติ พืชตระกลู ถวั่ สามารถตรงึ ไนโตรเจนจากอากาศมาใชป้ ระโยชนโ์ ดยการทำ� งานของจลุ นิ ทรยี ไ์ รโซเบยี ม ทรี่ ากจงึ ควรคลกุ เมลด็ ดว้ ยไรโซเบยี มถว่ั เขยี ว กอ่ นปลกู ทกุ ครง้ั ถา้ ปลกู ในดนิ รว่ นทราย ทม่ี อี นิ ทรยี ว์ ตั ถตุ ำ่� ควรหลกี เลยี่ งการเพาะปลกู แปลงทำ� ลายวชั พชื และควรใสป่ ยุ๋ คอก ปุย๋ หมักเพิม่ เติมและปุ๋ยไนโตรเจน 3 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ถ่ัวเขียวแม้จะเป็นพืชท่ีใช้น้�ำน้อย แต่ไม่ควรให้ขาดน้�ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในชว่ งออกดอกและตดิ ฝกั สรา้ งเมลด็ เพราะจะทำ� ใหผ้ ลผลติ ตำ่� ควรใหน้ ำ�้ ทกุ ๆ 10-14 วนั และหยดุ ใหน้ ำ้� เมอื่ ฝกั เขยี วแกเ่ ตม็ ท่ี ฝกั แรกเรม่ิ เปน็ ดำ� ซงึ่ ตลอดฤดปู ลกู จะใหน้ ำ้� ประมาณ 4 ครั้ง ส�ำหรับการปลูกถั่วเขียวในฤดูฝนควรมีการให้น้�ำระยะฝนท้ิงช่วง โดยเฉพาะ อย่างย่งิ ในช่วงระยะออกดอกถึงระยะสร้างฝกั และเมลด็ 77
ทางเลอื กอาชพี ด้านพชื ผลผลิต ถั่วเขียวนอกจากสามารถน�ำไปบริโภคได้โดยตรง เช่น น�ำไปต้มน�้ำตาล หรือ เตา้ สว่ น ยังน�ำไปเพาะถ่วั งอกได้ เพอื่ นำ� ไปประกอบอาหารมากมาย รวมทงั้ สามารถ แปรรปู ในระดบั อตุ สาหกรรม ไดแ้ ก่ การทำ� วนุ้ เสน้ การทำ� แปง้ ถวั่ เขยี ว การทำ� เนอ้ื เทยี ม จากโปรตนี สกดั และการน�ำแปง้ ถวั่ เขียวมาทำ� ซาหร่มิ ตลาด และผลตอบแทน การปลกู ถวั่ เขยี วเกษตรกรมกั ใช้เทคโนโลยตี �ำ่ ไม่บำ� รงุ ดแู ลเท่าทีค่ วร จงึ ท�ำให้ ผลผลติ ต�่ำ หากเกษตรกรสามารถให้น้ำ� สม่�ำเสมอ กำ� จดั วัชพชื ไดม้ ีประสทิ ธภิ าพ และ ปรบั ปรงุ ดนิ ใหม้ คี วามสมบรู ณพ์ อสมควร กจ็ ะทำ� ใหไ้ ดร้ บั ผลผลติ เฉลยี่ 200 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ราคาท่เี กษตรกรได้รับ ตน้ ทุนการผลติ ประมาณ 1,500 บาท/ไร่ ราคาที่เกษตรกรไดร้ บั เฉล่ีย 17-19 บาท/กิโลกรมั 78
ทางเลือกอาชีพด้านพชื การปลกู ถ่วั ลสิ ง ถั่วลสิ ง ชอบพ้นื ทีด่ อน ดินมกี ารระบายน�้ำดี ไม่ชอบทน่ี �้ำขัง ลกั ษณะดินร่วน/ ร่วนปนทราย มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง ชอบแสงแดดจัดอุณหภูมิที่เหมาะสม เฉลยี่ 30 องศาเซลเซยี ล ควรมแี หลง่ น�ำ้ พอเพยี ง ถวั่ ลสิ งสามารถปลูกได้ทง้ั ในฤดฝู น และฤดูแลง้ โดยมีช่วงระยะเวลาเพาะปลูกท่ีเหมาะสมดังน้ี การปลูกและดูแลรกั ษา การปลกู ถวั่ ลิสงควรเลือกสายพนั ธป์ุ ลูกตามความต้องการของตลาด คือ 1. ใช้เพื่อการกะเทาะเมล็ด เช่น เมลด็ ถั่วลิสงแหง้ ถ่วั ลสิ งแหง้ เมล็ดโตทีใ่ ช้ แปรรปู ผลติ ภณั ฑอ์ าหาร นยิ มใช้พันธุท์ ่ีมเี ยอื่ หมุ้ เมล็ดสีชมพอู ่อน พันธ์ไุ ทนาน9 พันธุ์ ขอนแกน่ 60-1 พันธข์ุ อนแก่น5 พนั ธ์ขุ อนแก่น4 และพันธุ์ขอนแก่น6 2. ใชผ้ ลผลติ ทง้ั ฝกั เชน่ ถวั่ ลสิ งตม้ (ฝกั สด) ถวั่ ลสิ งอบแหง้ ทงั้ ฝกั ซงึ่ ผลติ ภณั ฑ์ ดังกลา่ วนยิ มใชพ้ นั ธทุ์ มี่ ี 3-4 เมลด็ ต่อฝกั และมีเยอื่ หุม้ เมลด็ สแี ดง เช่น พนั ธ์ุ สข 38 79
ทางเลือกอาชีพดา้ นพืช พันธ์ุกาฬสินธุ์ 1 ส่วนพันธุ์มีเย่ือหุ้มเมล็ดสีชมพูอ่อนได้แก่ พันธุ์ขอนแก่น 60-2 พันธุข์ อนแก่น4 และพนั ธุ์ขอนแกน่ 6 นอกจากน้นั ยังมพี นั ธุ์กาฬสนิ ธ์2ุ (เยอื่ ห้มุ เมล็ด สชี มพูลายขีดสมี ่วง) การเตรียมดินปลูก ให้ไถ/พรวนดิน 1-2 คร้ัง มีความลึกประมาณ 10-20 เซนตเิ มตร ตากดนิ 7-10 วนั สำ� หรับการปลูกหลังนาในฤดูแล้ง ควรยกร่องเพอื่ ใหน้ ำ�้ ไหลตามร่องปลูก ระยะการปลูกถ่ัวลิสงที่เหมาะสมโดยทั่วไป ควรมีระยะห่างแถว 30-50 เซนติเมตร และระยะระหว่างหลุม 10-20 เซนติเมตร โดยหยอดเมล็ดพันธุ์ 2-3 เมล็ดต่อหลุม ท่ีความลึกประมาณ 5-8 เซนติเมตร ใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 25-30 กิโลกรัม (ท้ังฝักแห้ง) ต่อไร่ ก่อนปลูกควรคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยเช้ือไรโซเบียม (เพอื่ ชว่ ยใหร้ ากถวั่ ลสิ งมปี มตดิ ดขี นึ้ ทำ� ใหถ้ วั่ ลสิ งตรงึ ไนโตรเจนจากอากาศไดม้ ากขนึ้ ) และยากนั ราเพอ่ื ปอ้ งกนั โรคโคนเนา่ หรอื โคนเนา่ ขาด (สารไอโปรไดโอนหรอื คารเ์ บนดาซมิ ตามอตั ราแนะนำ� ) หรอื เชอ้ื ไตรโคเดอรม์ าซง่ึ เปน็ จลุ นิ ทรยี ป์ ฏปิ กั ษต์ อ่ โรค สำ� หรบั การใหน้ ำ้� ควรให้น�้ำทุก 7 วันในระยะเดือนแรก หลังจากนั้นควรให้น้�ำทุก 7-10 วัน อย่าให้ ถวั่ ลสิ งขาดนำ้� ในระยะออกดอก ลงเขม็ สรา้ งฝกั และเมลด็ เพราะจะทำ� ใหผ้ ลผลติ ลดลงมาก สว่ นการก�ำจดั วัชพชื ครัง้ แรกทอี่ ายุ 15 วัน และครง้ั ท่ี 2 ทอี่ ายุ 30 วนั หลงั งอก การเก็บเก่ียวถ่ัวลิสงเป็นขั้นตอนท่ีส�ำคัญในการผลิตถั่วลิสงให้มีคุณภาพดี ระยะการเกบ็ เกยี่ วทเี่ หมาะสมสงั เกตไดท้ สี่ ขี องเปลอื กฝกั ดา้ นในเปลย่ี นสเี ปน็ สนี ำ้� ตาลดำ� มากกว่า 60 เปอรเ์ ซน็ ต์ หรอื โดยการนับอายุ ถว่ั ลสิ งที่ปลกู เพ่ือบริโภคผัดสด (ถวั่ ตม้ ) อายปุ ระมาณ 85-95 วนั และฝกั แกเ่ ตม็ ทอี่ ายปุ ระมาร 95-110 วนั การเกบ็ เกยี่ วในขณะ ท่ีดินยังมีความชื้นจะช่วยให้ถอนต้นถั่วขึ้นได้โดยง่ายการปลิดฝักควรเลือกเฉพาะฝัก ท่ดี ีไมเ่ ป็นโรค และตากฝกั ถ่ัวลิสงบนตะแกรง ตาขา่ ย แคร่ หรือผ้าใบ เพื่อไม่ให้ฝกั ถวั่ สมั ผัสพ้นื ซ่ึงไม่ควรตากหนาเกิน 5 เซนติเมตร หมั่นพลิกกลบั กองถวั่ ท่ตี าก 2-3 ครง้ั ต่อวัน จะช่วยให้ฝักถั่วลิสงแห้งสม�่ำเสมอ ถ้าหากเป็นช่วงวันที่มีแดดจัดให้เวลาตาก ประมาณ 3-5 วนั ฝกั ถวั่ จะแหง้ มคี วามชนื้ ตำ่� กวา่ 9 เปอรเ์ ซน็ ต์ ซงึ่ เหมาะกบั การเกบ็ รกั ษา โดยบรรจุในกระสอบป่าน กระสอบสาน และเก็บไว้ในโรงเรือนท่ีอากาศถา่ ยเทได้ดี 80
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพชื ผลผลติ ผลตอบแทน 350-500 กโิ ลกรมั /ไร่ ผลผลิตเฉลี่ยฝักสด ประมาณ 250 กิโลกรมั /ไร่ ผลผลติ เฉล่ยี ฝักแห้ง 4,200 บาท/ไร่ ต้นทุนประมาณ 21 บาท/กิโลกรมั ราคาเฉลี่ยฝกั แห้งประมาณ 1,050 บาท/ไร่ ผลตอบแทนประมาณ กลมุ่ พชื น้�ำมนั และพืชตระกูลถว่ั กรมส่งเสริมการเกษตร ที่มาข้อมูล : 02-561-0453 โทรศพั ท์ หมายเหตุ : เกษตรกรสามารถตดิ ตอ่ ขอรบั การสนบั สนนุ เชอ้ื ไตรโคเดอรม์ า่ ไดท้ สี่ ว่ นบรหิ าร ศัตรูพืชส�ำนักพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร ถนนพหลโยธิน จตจุ กั ร กรุงเทพฯ 10900 โร 02-579-5178 และสามารถติดตอ่ ขอซื้อเชือ้ ไรโซเบียม กรมวชิ าการเกษตร ถนนพหลโยธนิ จตจุ ักร กรุงเทพฯ 10900 โทร 02-579-7522-3 81
ทางเลอื กอาชพี ดา้ นพชื การผลิตถ่ัวลสิ งหลังนา ถ่วั ลสิ งเป็นพืชตระกลู ถ่วั ทีใ่ ห้ประโยชน์ท้งั เป็นพชื บำ� รงุ ดินและขายเป็นรายได้ ส�ำหรับเกษตรกรน�ำมาปลูกหลังเก็บเกี่ยวข้าวได้ ทั้งในพ้ืนที่อาศัยน้�ำชลประทาน และไม่อาศัยน้�ำชลประทาน แต่การปลูกถั่วลิสงหลังเก็บเกี่ยวข้าวโดยไม่อาศัย นำ้� ชลประทานสามารถทำ� ได้ในบางพื้นทีเ่ ท่านั้น 1. การเลอื กพน้ื ที่ปลกู พ้ืนท่ีท�ำนาที่สามารถปลูกถ่ัวลิสงได้ดีโดยไม่อาศัยน�้ำชลประทานตลอด ฤดกู าล จะตอ้ งมรี ะดบั นำ�้ ใตผ้ วิ ดนิ ตนื้ ในชว่ งฤดแู ลง้ หลงั เกบ็ เกย่ี วขา้ ว หรอื กลา่ วอกี นยั หนง่ึ กค็ อื มคี วามชนื้ ในดนิ ดใี นชว่ งฤดแู ลง้ กลา่ วโดยทวั่ ไปพนื้ ทนี่ าดงั กลา่ วระดบั นำ�้ ใตผ้ วิ ดนิ จะคอ่ ยๆ ลดลงอยา่ งชา้ ๆ หลงั เกบ็ เกยี่ วขา้ วซง่ึ จะอยลู่ กึ ไมเ่ กนิ 1.50-2.00 เมตร ในชว่ ง เดอื นมนี าคม – เมษายน 82
ทางเลอื กอาชพี ด้านพืช 2. การปลูก นอกจากระดับน้�ำใต้ผิวดินตื้นจะเป็นปัจจัยก�ำหนดความส�ำเร็จของการ ปลกู พชื ฤดแู ลง้ ในนาหลงั เกบ็ เกยี่ วขา้ ว โดยไมอ่ าศยั นำ�้ ชลประทานแลว้ การเตรยี มดนิ การเตรยี มเมลด็ ความลกึ ของการปลกู และการใชว้ สั ดคุ ลมุ ดนิ กม็ คี วามสำ� คญั อยา่ งยงิ่ ต่อการเพมิ่ ผลผลิตของการปลูกพชื ฤดูแล้งในนาโดยไมอ่ าศยั น้�ำชลประทาน 2.1 การเตรียมดนิ หลังการเก็บเก่ียวข้าวเสร็จแล้ว รีบตัดตอซังข้าวออกจากแปลงนา และเกบ็ เกยี่ วไวท้ คี่ นั นา การตดั ตอซงั ขา้ วออกจากแปลงนาจะชว่ ยใหน้ ำ�้ ขงั อยใู่ นแปลงนา (ถ้ามี) ควรหยอดเมล็ดลงในร่องหรือหลุมลึก 10-15 เซนติเมตร การปลูกลึกท�ำให้ รากถว่ั ลสิ งหยงั่ ลงไปในดนิ ไดล้ กึ เพอ่ื ดดู ความชน้ื ใตด้ นิ ชน้ั ลา่ งไดม้ าก การใชต้ อซงั ขา้ ว ท่ีตัดออกแล้วน�ำน�ำกลับมาคลุมดินหลังจากปลูกถั่วลิสงได้ประมาณ 10-15 วัน จะชว่ ยรักษาความชน้ื ในดินไว้ได้นาน 2.2 การใสป่ ุ๋ย การปลกู ถวั่ ลสิ งหลงั เกบ็ เกยี่ วขา้ วอาจจะไมใ่ สป่ ยุ๋ เคมกี ไ็ ด้ โดยอาศยั ปยุ๋ ทเ่ี หลอื ตกคา้ งจากการทใี่ สใ่ หก้ บั ขา้ ว แตถ่ า้ จะใหไ้ ดผ้ ลผลติ สงู ขนึ้ ควรใสป่ ยุ๋ 25 กโิ ลกรมั /ไร่ โดยใส่ปุย๋ ในรอ่ งพรอ้ มกบั การหยอดเมลด็ 2.3 การกำ� จัดวชั พชื กล่าวโดยทั่วไป การปลูกถั่วลิสงในฤดูแล้งโดยไม่ให้น้�ำชลประทาน จะมวี ชั พืชนอ้ ยมาก ในกรณีที่มีวชั พืชเกดิ ข้นึ ใหใ้ ช้มือถอนออกจากแปลง 2.4 การปอ้ งกนั กำ� จัดโรคและแมลง ศัตรูพืชท่ีส�ำคัญในการปลูกถ่ัวลิสงก็คือ เสี้ยนดิน แต่การปลูกถ่ัวลิสง หลังเกบ็ เก่ยี วข้าวโดยที่ดนิ ผา่ นสภาพนำ้� ขงั มาก่อนจะมปี ญั หาเส้ียนดินน้อย 2.5 การเกบ็ เก่ยี ว ใชม้ ือถอนต้นจากดนิ แล้วปลิดฝกั ออกจากต้น ถา้ ดินแนน่ ให้ใชจ้ อบขดุ เมอ่ื ปลดิ ฝกั ออกจากตน้ แลว้ นำ� ฝกั ถวั่ ลสิ งตากแดดแลว้ นำ� ไปขายตอ่ ไป หรอื อาจจะขาย ในรปู ของฝกั สดกไ็ ด้ ตน้ ถวั่ ลสิ งทปี่ ลดิ ฝกั ออกแลว้ ทงิ้ เศษซากไวใ้ นแปลงนาเพอ่ื เปน็ ปยุ๋ 83
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพืช สำ� หรบั ขา้ วตอ่ ไป ควรหยอดเมลด็ ลงในรอ่ งหรอื หลมุ ลกึ 10-15 เซนตเิ มตร การปลกู ลกึ ทำ� ใหร้ ากถว่ั ลสิ งหยงั่ ลงไปในดนิ ลกึ เพอื่ ดดู ความชน้ื ในดนิ ชนั้ ลา่ งไดม้ าก การใชต้ อซงั ขา้ ว ท่ีตัดออกแล้วน�ำกลับมาคลุมดินหลังจากการปลูกถั่วลิสงได้ประมาณ 10-15 วัน จะช่วยรกั ษาความช้ืนดินไวไ้ ดน้ าน ต้นทนุ ในการผลิตถั่วลสิ งหลงั นา รายการ จำ� นวน (บาท) 1. คา่ จา้ งไถดะ 300 2. ค่าจ้างไถแปร 300 3. ค่าจ้างไถพรวน 300 4. คา่ เมล็ดพันธุ์ 3,000 5. คา่ จา้ งปลกู 300 6. ค่าปยุ๋ รองพนื้ 750 7. คา่ สารเคมีกำ� จดั ศัตรูพืชและแมลง (9 ครง้ั ๆ ละ 200) 1,800 8. คา่ จ้างเกบ็ เกี่ยว 1,500 รวมเป็นเงนิ ทงั้ สิน 8,250 ราคาถัว่ ลสิ ง ฝักสด ไร่ละ 17,000 บาท ตน้ ทนุ การผลิต 8,250 บาท กำ� ไร 8,750 บาท ผลผลิตเฉล่ียต่อไร่ ประมาณ 80-100 ถงั ตอ่ ไร่ ราคาจำ� หนา่ ย 170 บาทต่อถัง 84
ทางเลือกอาชีพดา้ นพชื การปลกู ผกั ลอยแพ ในสภาวะที่เกิดอุทกภัยน�้ำท่วมร้ายแรงครั้งใหญ่ในหลายพื้นท่ี ในปี 2554 บา้ นเรอื นทอ่ี ยอู่ าศยั เสน้ ทางสญั จรไปมารวมทงั้ พนื้ ทท่ี างการเกษตรเกดิ ความเสยี หาย มากมาย ผู้คนเดือดร้อนในเร่ืองของปัจจัย 4 ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานของชีวิต โดยเฉพาะเรอ่ื งอาหาร ซงึ่ เปน็ ปจั จยั หลกั ของชวี ติ แตด่ ว้ ยสภาพพนื้ ดนิ ทไ่ี ดเ้ ปลย่ี นเปน็ พนื้ นำ้� ทำ� ใหไ้ มส่ ามารถเพาะปลกู พชื ผลทางการเกษตรเพอ่ื ดำ� รงชวี ติ คณุ ฮวด ไมเ้ นอื้ แดง ชาวหมู่บ้านราชธานีอโศก ต�ำบลบุ่งไหม อ�ำเภอวารินช�ำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ได้ทดลองท�ำแพปลูกผักเพื่อเป็นทางเลือกส�ำหรับผู้ไม่มีท่ีดินเพาะปลูก ซึ่งคุณฮวด ไดล้ องผดิ ลองถกู หลายวธิ สี ำ� หรบั การทำ� แพปลกู ผกั จนไดแ้ พปลกู ผกั ทมี่ อี ายกุ ารใชง้ าน ไดห้ ลายปี 85
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพชื วสั ดทุ �ำแพปลกู ผกั 1. เศษโฟม 2. ไมไ้ ผ่ 3. สแลน 4. ถงุ ปยุ๋ และเข็มเยบ็ กระสอบ 5. เชือกพลาสติก 6. ผักตบชวาหรือพชื นำ�้ ยอ่ ยสลายง่าย 7. ดนิ และป๋ยุ อินทรยี ์ ขัน้ ตอนในการทำ� แพ 1. น�ำเศษโฟมขนาดใดก็ได้มาหักให้เป็นช้ินเล็กน�ำมาอัดลงในกระสอบปุ๋ย เหมอื นลกั ษณะนำ� นนุ่ มายดั หมอน เทคนคิ พเิ ศษ ควรหาโฟมทมี่ คี วามยาวและความกวา้ ง มาวางเป็นโครงตั้งรอบกระสอบปยุ๋ ในลักษณะ 5 หรือ 6 เหลี่ยม ซ่งึ สามารถลอยน�้ำ ได้ดีกว่า 4 เหลี่ยม จากนั้นน�ำโฟมขนาดพอดีกับปากกระสอบปุ๋ยมาวาง ใช้เข็ม เย็บกระสอบสานและเยบ็ เชือกปดิ ปากถงุ จะได้ทุ่นกระสอบโฟม 2. น�ำสแลนแบบหนาขนาดมาตราฐานมาซ้อนกัน 2 ผนื จากนั้นเย็บเป็นชอ่ ง โดยแตล่ ะชอ่ งจะใส่ทนุ่ กระสอบได้ 4 ทนุ่ 3. น�ำไม้ไผ่มาวางพาด ตามข้างๆ เป็นโครงการตามร่องของทุ่นกระสอบ แลว้ มดั ยึดกบั ทุน่ โฟมจะไดร้ ปู ร่างเปน็ แพลอยน�ำ้ 4. นำ� ผกั ตบชวามาใสบ่ นแพ ใหค้ นยำ่� ไปมาอดั ผกั ตบชวาใหแ้ นน่ จนไดค้ วามหนา ประมาณ 50 เซนตเิ มตร หรือมากกว่านี้ก็ได้ เม่ือหนาได้ตามขนาดทต่ี ้องการ จะใชม้ ีด สับใบและแกนของผกั ตบชวา เพอ่ื เวลาใส่ดินและปุ๋ยรองพ้นื ดินจะแนน่ ไม่ไหลหนี 5. เตรยี มดนิ นำ� ดนิ คลกุ กบั ปยุ๋ อนิ ทรยี ห์ รอื จะนำ� ดนิ ปลกู กไ็ ดใ้ สล่ งในผกั ตบชวา จากนนั้ ก็สามารถปลกู พชื ผกั ไดต้ ามตอ้ งการ จากการทดลองปลกู แลว้ ไดผ้ ลผลิตทด่ี ี คือ พืชผักสวนครัวทกุ ชนดิ เช่น ผักบุ้ง มะเขอื เทศ โหรพา ใบแมงลัก แตงกวา ถว่ั ฟักทอง และอีกหลายชนดิ ถ้าอยากให้ได้ ผลผลิตท่ีดีย่ิงขึ้น ควรจะน�ำน้�ำหมักจุลินทรีย์มารดก็จะช่วยให้ผลผลิตงามมากยิ่งขึ้น 86
ทางเลอื กอาชีพดา้ นพชื นอกจากนสี้ ามารถปลกู ขา้ วไดผ้ ลผลติ เปน็ ทน่ี า่ พอใจ ทงั้ ขา้ วเหนยี ว ขา้ วเจา้ ขา้ วหอมมะลิ และอีกหลายสายพันธุ์ ขอ้ ดี ไมต่ อ้ งลงทนุ สงู ไมต่ อ้ งรดนำ้� ประหยดั เวลา เงนิ และพลงั งาน อกี ทงั้ ยงั อนรุ กั ษ์ สิง่ แวดล้อม ชว่ ยก�ำจดั โฟม และผกั ตบชวา โดยเฉพาะสามารถลากแพไปทุกทีต่ ามท่ี ต้องการได้ และยังสามารถสร้างกระท่อมเล็กๆ อาศัยได้ การทำ� แพปลกู ผกั หวงั วา่ เปน็ อกี ทางเลอื กหนง่ึ ใหก้ บั ผทู้ ป่ี ระสบปญั หาอทุ กภยั และเดือดร้อนในเรือ่ งพื้นทสี่ ำ� หรบั เพาะปลกู อยใู่ นขณะนี้ แหลง่ ขอ้ มูล : ชุมชนราชธานีอโศก 99 หมู่ 10 หมู่บ้านราชธานีอโศก ตำ� บลบงุ่ ไหม อ�ำเภอวารินช�ำราบ จงั หวดั อบุ ลราชธานี 34190 โทรศพั ท์ 0-4524-0584-5, 08-4960-665, 08-50086174 โทรสาร 0-4532-3360 E-mail address: [email protected] 87
ทางเลือกอาชพี ดา้ นพชื 88
Search