Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore DOCA4000044477พระมหากษัตริย์ไทย๙รัชกาล

DOCA4000044477พระมหากษัตริย์ไทย๙รัชกาล

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-07-26 04:56:13

Description: DOCA4000044477พระมหากษัตริย์ไทย๙รัชกาล

Search

Read the Text Version

หนงั สืออ่านนอกเวลา วิชาประวัตศิ าสตรไ์ ทย ระดับประถมศกึ ษา กล่มุ สาระการเรียนร้สู ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชดุ พระมหากษัตริย์ไทย ๙ รัชกาล เล่มที่ ๖ เร่ือง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยูห่ ัว สำ� นักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน

หนังสอื อา่ นนอกเวลา วิชาประวัตศิ าสตรไ์ ทย ระดบั ประถมศึกษา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชุด พระมหากษตั รยิ ์ไทย ๙ รชั กาล เล่มที่ ๖ เรอื่ ง พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หัว ลขิ สิทธิ์ของส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ผจู้ ดั พมิ พ์ กลมุ่ พฒั นาสอื่ การเรยี นรู้ สำ� นกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ถนนราชดำ� เนนิ นอก เขตดสุ ติ กรงุ เทพมหานคร ๑๐๓๐๐ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๓๗ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๒๖๐๒ พมิ พ์คร้งั ที่ ๑ แจกสถานศึกษาและหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้อง พ.ศ. ๒๕๕๘ จำ� นวน ๓๒,๐๐๐ เล่ม ISBN : 978-616-395-620-0 พิมพท์ ีโ่ รงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว ๒๒๔๙ ถนนลาดพรา้ ว แขวงสะพานสอง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๑๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๕๓๘ ๓๐๒๒, ๐ ๒๕๑๔ ๔๐๓๓ โทรสาร ๐ ๒๕๓๙ ๓๒๑๕ www.suksapan.or.th เลขงาน ๕๘๐๒๐๑๖

ค�ำ น�ำ เรอ่ื ง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ วั เปน็ หนงั สอื เล่มที่ ๖ ในชุด “พระมหากษตั ริย์ไทย ๙ รัชกาล” กรมวิชาการ (เดิม) กระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้คุณหญิงโสมรัศม์ิ จันทรประภา เป็นผู้เรียบเรียงเนื้อหา และจัดพิมพ์ครั้งแรกเม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยกำ�หนดให้เป็นหนังสืออ่านเพ่ิมเติมระดับ ประถมศกึ ษา มเี นอื้ หาเกย่ี วกบั พระมหากษตั รยิ แ์ ละประวตั ศิ าสตรไ์ ทย รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คณะกรรมการ จัดทำ�และคัดเลือกหนังสืออ่านนอกเวลา วิชาประวัติศาสตร์ไทย และหน้าที่พลเมอื ง สำ�นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พจิ ารณาเหน็ วา่ หนงั สอื เลม่ น้ี มแี นวการเขยี นในการนำ�เสนอเนอ้ื หา ที่คำ�นึงถึงความเหมาะสมกับวัย ความสามารถทางการอ่าน และ จติ วทิ ยาการเรยี นรขู้ องนกั เรยี นในระดบั ประถมศกึ ษา จงึ ไดป้ ระกาศ ให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา กลุ่มสถาบันพระมหากษัตริย์ และกลมุ่ ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย สำ�หรบั นกั เรียนระดับประถมศกึ ษา ในการจัดพิมพ์คร้ังน้ี สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพื้นฐาน ได้มอบหมายให้นางสายไหม จบกลศึก ที่ปรึกษา เกี่ยวกับงานด้านเอกสารและหนังสือ สำ�นักพระราชวัง นางสาว พรรณงาม แยม้ บญุ เรอื ง ขา้ ราชการบำ�นาญ สำ�นกั งานคณะกรรมการ

การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน และนางปราณี ปราบริปู ขา้ ราชการบำ�นาญ สำ�นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน เปน็ ผตู้ รวจเพมิ่ เติม เน้ือหาและภาพประกอบใหเ้ หมาะสมยงิ่ ขึ้นโดยใชโ้ ครงสรา้ งเดิมที่ ผ้ทู รงคุณวุฒิได้เรยี บเรียงไว้ สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานหวังเป็น อย่างยิ่งว่า หนังสืออ่านนอกเวลาเล่มนี้ จะช่วยให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน และสร้างบรรยากาศในการจัดกิจกรรมส่งเสริม การอ่าน รวมทั้งการจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทย ให้นา่ สนใจและบรู ณาการค่านิยมหลกั ๑๒ ประการ ไปพรอ้ มกนั ขอขอบคุณคณะกรรมการจัดทำ�และคัดเลือกหนังสืออ่าน นอกเวลาฯ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้ร่วมมือกันทำ�ให้หนังสือ สำ�เรจ็ ลลุ ่วงด้วยดีมา ณ โอกาสน้ี (นายกมล รอดคลา้ ย) เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗

สารบญั หนา้ บทน�ำ ๑ ๑. พระราชประวตั ิย่อ ๓ ๒. พระราชกรณยี กจิ ๕ ๓. พระราชกรณยี กจิ ดา้ นการปกครอง ๘ ๔. การเศรษฐกจิ และการสาธารณปู โภค ๑๑ ๕. การศกึ ษาและการศาสนา ๑๓ ๖. ความสมั พนั ธแ์ ละการเมอื งระหว่างประเทศ ๑๙ ๗. งานอักษรศาสตร์และศิลปกรรม ๒๕ ๘. ความคิดริเริม่ ๓๒ ๙. ความเปน็ ไทย ๓๗ ๑๐. พระบรมราชานสุ รณ ์ ๔๑

พระบรมราชานสุ าวรยี ์ ณ กระทรวงศึกษาธกิ าร

บทนำ� ชาตไิ ทยเราไดเ้ รมิ่ รวมกนั ตง้ั อาณาจกั รเปน็ ปกึ แผน่ มนั่ คงจน เปน็ ประเทศไทยปจั จบุ นั เมอื่ พ.ศ. ๑๘๐๐ โดยตง้ั ราชธานคี รง้ั แรก ทกี่ รงุ สุโขทัย ตอ่ มามรี าชธานีใหญ่อยู่ ณ กรงุ ศรอี ยุธยา กรุงธนบรุ ี และกรงุ รัตนโกสินทร์ คอื กรุงเทพมหานคร ปัจจุบัน ตามล�ำดบั นบั ถึง พ.ศ. ๒๕๕๘ เปน็ เวลา ๗๕๘ ปี เกอื บตลอดเวลาอนั ยาวนาน นี้ประเทศไทยได้เป็นเอกราช คนไทยได้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา เพราะเรามีพระมหากษัตริย์หรือเรียกกันอย่างสามัญว่าพระเจ้า แผ่นดิน เป็นหัวหน้าปกครองบ้านเมือง เม่ือมีข้าศึกมารุกราน พระมหากษตั รยิ ก์ ท็ รงนำ� กองทพั ออกทำ� สงครามสรู้ บขบั ไลศ่ ตั รใู ห้ พ้นจากแผ่นดินไทย ในยามสงบก็ทรงดูแลทุกข์สุขของประชาชน ชาวไทย ปกครองและพัฒนาบา้ นเมืองให้เจริญย่ิงๆ ขึ้นไป ตอ่ มาเมอ่ื คนไทยตอ้ งการจะบรหิ ารประเทศกนั เอง พระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๗ แห่งพระบรมราชจักรี วงศ์ ก็พระราชทานอ�ำนาจการปกครองให้ประชาชนชาวไทยได้ ปกครองกันเองมาตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยเปน็ พระราชประสงคอ์ ยู่ กอ่ นแล้ว ในปจั จบุ นั ประเทศไทยเราจงึ มรี ะบอบการปกครองแบบ ประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ของชาติ พระมหากษตั รยิ ใ์ นสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทรห์ รอื กรงุ เทพมหานคร เป็นราชธานี เปน็ พระมหากษตั ริยใ์ นพระบรมราชจักรีวงศ์ ต้งั แต่ 1

วันท่ี ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันมีพระ มหากษตั รยิ ์ ๙ พระองค์ หรือ ๙ รัชกาล ทกุ พระองคท์ รงดำ� รงอยู่ ในทศพิธราชธรรมอันเป็นธรรมของพระเจ้าแผ่นดินอย่างดีเยี่ยม ท�ำให้บ้านเมอื งพัฒนาถาวรยง่ิ ๆ ขนึ้ สืบต่อมาจนปจั จุบนั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยหู่ ัว พระชนมายุ ๕ พรรษา พระมหากษตั รยิ พ์ ระองคห์ นง่ึ ในพระราชวงศน์ ท้ี ท่ี รงพฒั นา บ้านเมืองให้เทียมทันนานาอารยประเทศ คือ พระบาทสมเด็จ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั เป็นพระมหากษัตริย์พระองคท์ ี่ ๖ หรือ รัชกาลที่ ๖ ในพระบรมราชจักรวี งศ์ โดยเหตุท่ีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น พระมหากษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถมาก จึงได้รับการถวาย พระนามวา่ “สมเดจ็ พระมหาธีรราชเจ้า”แปลว่า พระมหากษัตริย์ ผ้ทู รงเป็นนกั ปราชญ์ 2

๑. พระราชประวตั ิย่อ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชสมภพ เม่ือวนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓ เปน็ พระราชโอรสในพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมชนกนาถพระราชทานพระนาม เม่ือแรกทรงพระราชสมภพว่า “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า มหาวชิราวุธ” ทรงด�ำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรม โอรสาธริ าช ฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร พระองคท์ ี่ ๒ ของกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗ พระชนมายุ ๑๔ พรรษา พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หวั ทรงฉายกับสมเดจ็ พระบรมชนกนาถและสมเดจ็ พระบรมราชชนนี 3

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปทรง ศกึ ษาทป่ี ระเทศองั กฤษ ศึกษาวิชาอกั ษรศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัย อ๊อกฟอร์ดและศึกษาวิชาทหารบกท่ีโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์ส ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงด�ำรงพระยศทหารเป็นนายพลเอก ราชองครกั ษ์ จเรทหารบก ทรงเปน็ ผบู้ งั คบั การกรมทหารมหาดเลก็ และชว่ ยสมเดจ็ พระบรมชนกนาถบรหิ ารราชการแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น ครองราชย์เม่ือวันที่ ๒๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ครองราชยไ์ ด้ ๑๕ ปี ก็ทรงพระประชวรโรคพระโลหิตเป็นพิษ เสด็จสวรรคตเมื่อ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘ พระชนมพรรษา ๔๕ พรรษา มีพระราชธิดาพระองค์เดียว คือ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้า เพชรรตั นราชสดุ า สริ โิ สภาพณั ณวดี ประสตู แิ ตพ่ ระนางเจา้ สวุ ทั นา พระวรราชเทวี ก่อนพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสดจ็ สวรรคตเพยี ง ๒ ช่ัวโมง 4

๒. พระราชกรณยี กิจ คนไทยโดยทวั่ ไปตระหนกั ในพระราชกรณยี กจิ ของพระบาท สมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ วั ในแงท่ วี่ ่า สว่ นใหญเ่ ปน็ ด้านอกั ษร ศาสตรแ์ ละนาฏศลิ ป์ ดรุ ยิ างคศลิ ป์ บางคนเขา้ ใจวา่ ทรงสนพระราช หฤทัยแต่ในด้านการละคร เพราะได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละคร ไว้หลายรสหลายแบบ ตลอดจนพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ ในการละครนานาประการ ผใู้ ดเขา้ ใจพระราชกรณยี กจิ ของพระบาท สมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั แตเ่ พยี งเทา่ นจ้ี ดั วา่ เปน็ ความเขา้ ใจ ที่ยังไม่ถูกต้อง เพราะพระราชกรณียกิจของพระเจ้าอยู่หัว พระองค์น้ีท่ีทรงท�ำเพื่อบ้านเมือง เพื่ออาณาประชาราษฎร์นั้น อเนกอนันต์นานาประการทุกด้าน เช่น การพัฒนาประเทศ การบำ� บดั ทกุ ขบ์ ำ� รงุ สขุ อาณาประชาราษฎร์ การบรหิ าร เศรษฐกจิ การเมือง ความม่ันคงของชาติ การต่างประเทศ การศึกษา รวมท้ังการพัฒนาจิตใจชาวไทย ซ่ึงเป็นส่ิงส�ำคัญอย่างย่ิงต่อ การพฒั นาประเทศ ท้ังนี้เพราะพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงดำ� รงต�ำแหน่งสมเดจ็ พระยุพราชเป็นเวลาถึง ๑๖ ปี ตัง้ แต่ พระชนมายุ ๑๔ พรรษาถึง ๓๐ พรรษา เป็นเวลานานพอที่จะ ทรงศึกษาการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดจนสภาพต่างๆ 5

ของบ้านเมอื ง เพอ่ื เตรยี มพระองคใ์ นการปกครองประเทศต่อจาก สมเด็จพระบรมชนกนาถ สิ่งหน่ึงซ่ึงทรงตระหนักในขณะนั้นก็คือ เมืองไทยขาดก�ำลังคนที่มีคุณสมบัติต่างๆ ท่ีจ�ำเป็นในการบริหาร และพัฒนาประเทศอยู่มาก จึงได้ทรงพระราชอุตสาหะอบรมคน ไทยทกุ ชนชัน้ ให้เจรญิ ขึน้ ในทกุ ด้านด้วยวธิ กี ารและรูปแบบต่างๆ หลกั ฐานทปี่ รากฏไดช้ ดั วา่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อย่หู วั ทรงท�ำงานอย่างไรนัน้ จะเหน็ ได้จากพระราชหัตถเลขา รายวันเกี่ยวแก่ราชการแผ่นดิน พระราชหัตถเลขานี้ทรงไว้ด้วย พระองคเ์ อง เปน็ จดหมายเหตรุ ายวนั สมยั เมอ่ื ดำ� รงพระราชอสิ รยิ ยศ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๑ จนสิ้นรัชกาลของพระองค์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๘ เป็นเวลา ๑๗ ปี มีเร่ืองมากมายเป็นพระราชกรณียกิจประจ�ำวัน แสดงถงึ พระปรชี าสามารถ ทรงรอบรกู้ ารบรหิ ารราชการแผ่นดิน การพัฒนาประเทศในทุกด้าน รวมทั้งการพัฒนาจิตใจคนไทย ในรัชสมยั ของพระองคด์ ว้ ย ขออญั เชญิ หวั ขอ้ เรอื่ งทที่ รงบนั ทกึ ไวเ้ ปน็ พระราชกรณยี กจิ รายวันเพียงบางหัวข้อบางปี มาแสดงไว้ดังนี้ เช่น เร่ืองน�้ำกิน ในกรุงเทพฯ เร่ืองการศึกษาและเร่ืองการปกครองในหัวเมือง เร่ืองคนท่ีรับราชการ เร่ืองค�ำไทยใช้แทนค�ำฝรั่ง เรื่องข้าวแดงแก้ โรคเหน็บชา เร่ืองเห็นอัศจรรย์พระปฐมเจดีย์ เร่ืองตั้งกองเสือป่า เร่ืองสนทนากบั พระยากัลยาณไมตรี เร่ืองโทษของความเจรญิ ตาม 6

แบบแผนยโุ รป เรอ่ื งความจำ� เรญิ ของชาตไิ ทย เรอ่ื งการแตง่ งานและ การหย่า เรื่องช่ือตระกูล เรื่องคอนสติติวช่ัน (รัฐธรรมนูญ) เร่ืองโซเชียลิสม์ (สังคมนิยม) เร่ืองกฎหมายว่าด้วยหนังสือพิมพ์ และหนังสือ เรื่องการเปิดใช้ราดิโอ (สถานีวิทยุ) โทรเลข เรื่อง พระเจดีย์สมเด็จพระนเรศวร เรื่องมหาสงคราม (สงครามโลก คร้ังท่ี ๑) เร่ืองความรู้สึกอันเกิดแต่การไปคาบสมุทร (การเสด็จ เย่ียมเยียนราษฎรภาคใต้) เร่ืองธงสยามใหม่ (ธงไตรรงค์) เรื่อง เปลย่ี นวธิ นี บั เวลา เรอื่ งสทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขต และยงั มเี รอื่ งอนื่ ๆ นอกจากนอี้ กี มากมายทท่ี รงบรหิ ารงานเพอ่ื ความเจรญิ ของเมอื งไทย ธงชาติไทย 7

๓. พระราชกรณยี กจิ ด้านการปกครอง พระราชกรณยี กจิ เกยี่ วแกก่ ารปกครองมเี ปน็ อเนกประการ จะขอสรุปแต่เพียงที่ส�ำคัญ คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว ได้ทรงปรับปรุงการปกครองแผ่นดินท้ังในส่วนกลาง และสว่ นภมู ภิ าค ตอ่ จากทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงไว้ เปน็ ต้นวา่ โปรดเกล้าฯ ให้ตราขอ้ บังคบั ลกั ษณะปกครอง หัวเมืองชั่วคราวเม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๕ เพ่ือการบริหารราชการ ส่วนภูมิภาค เปล่ียนค�ำเรียกชื่อเมืองเป็นจังหวัด รวมมณฑลเป็น ภาค เปน็ ตน้ นอกจากนย้ี งั ไดท้ รงจดั ตง้ั และปรบั ปรงุ กระทรวงตา่ งๆ ในการบริหารราชการเพิม่ ข้ึนจากเดิม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนัก ประชาธิปไตยพระองค์หนึ่ง แม้ว่าการปกครองในสมัยน้ันจะอยู่ ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ก็ได้พระราชทานเสรีภาพให้ นกั เขียน นกั หนงั สือพมิ พ์เขยี นวิพากษ์วิจารณก์ ารปฏบิ ัติใดๆ ของ รัฐบาลได้ พระราชประสงค์ก็เพ่ือจะสอนประชาธิปไตยทางอ้อม แกป่ ระชาชน ความปรากฏในพระราชหตั ถเลขารายวนั ทท่ี รงไวด้ ว้ ย พระองคเ์ องนน้ั ชดั แจง้ วา่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั มีพระราชด�ำริถึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันเป็น พระราชนยิ มมาชา้ นานแล้ว เปน็ แตท่ รงเห็นวา่ ในขณะนน้ั คนไทย 8

ยังไม่พร้อมท่ีจะรับระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยมาใช้ ในการบริหารประเทศ พระราชนิยมในระบอบการปกครองแบบ ประชาธปิ ไตยดงั กลา่ ว ปรากฏอยใู่ นพระราชหตั ถเลขารายวนั เดอื น มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ เมือ่ ทรงครองราชยไ์ ด้ ๑ ปีเศษ หลกั ฐานอนื่ ทย่ี นื ยนั วา่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั มีพระราชนิยมในการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยมี รัฐธรรมนูญเป็นหลักในการปกครองก็คือ ทรงจัดตั้ง “ดุสิตธานี” เป็นเมืองจ�ำลองเล็กๆข้ึนในเขตพระราชฐานเพ่ือทดลองตลอดจน อบรมส่ังสอนการบริหารการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ทรงพระราชนิพนธ์บทความต่างๆ เกี่ยวกับการเมือง ด้วยพระนามแฝงวา่ “อัศวพาหุ” บ้าง “รามจิตติ” บา้ ง ส่งไปลง หนังสือพิมพ์ ถ้ามีผู้เขียนโต้แย้งก็ทรงตอบด้วยน้�ำพระราชหฤทัย เป็นนักประชาธิปไตย มิได้ทรงใช้พระราชอ�ำนาจ ซึ่งทรงมีอยู่ เตม็ เปี่ยมโตต้ อบเลย พ.ศ. ๒๔๕๕ ไดม้ บี คุ คลคณะหนง่ึ คดิ ทำ� การปฏวิ ตั เิ ปลย่ี นแปลง การปกครอง แต่ทำ� ไมส่ �ำเรจ็ เรยี กการปฏวิ ตั ิคร้ังนว้ี ่า “การปฏิวตั ิ ร.ศ. ๑๓๐” ได้ถูกจับกุมมาลงโทษตามค�ำพิพากษาของศาล จำ� นวน ๒๑ คน ซ่ึงตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ พระราชทานอภยั โทษใหห้ มดทกุ คน นำ�้ พระราชหฤทยั อันประเสรฐิ สดุ นไี้ ด้แสดงถึงพระราชนยิ มในระบอบประชาธปิ ไตย ของพระองคอ์ ยา่ งชดั เจน 9

ในด้านการปกครองและบริหารบ้านเมืองน้ัน นอกจาก จะได้ทรงจัดกิจการทะนุบ�ำรุงบ้านเมืองประการต่างๆ ดังกล่าว ขา้ งตน้ แลว้ ยงั ไดท้ รงกำ� หนดพระราชนยิ มตา่ งๆ ขนึ้ ไวเ้ ปน็ จำ� นวนมาก เชน่ พระราชนยิ มเรอ่ื งใหใ้ ชส้ รรพนามสงิ่ ตา่ งๆ และการเขยี นหนงั สอื เป็นต้น ปรากฏหลักฐานรักษาไว้ ณ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ พระราชนยิ มเหลา่ น้ีบางอย่างไดใ้ ช้มาจนปัจจุบัน 10

๔. การเศรษฐกจิ และการสาธารณปู โภค พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงริเริ่ม สง่ เสรมิ ตลอดจนสบื ทอดการเศรษฐกจิ ของประเทศ จากรชั สมยั ของ สมเดจ็ พระบรมชนกนาถ เปน็ ตน้ วา่ ทรงตง้ั กรมรถไฟหลวง ปรบั ปรงุ และขยายการรถไฟออกไปเปน็ อันมาก ทรงวางรากฐานการคมนาคมทางอากาศ มีการขนส่ง ไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศระหว่างกรุงเทพมหานครกับจังหวัด นครราชสีมาเป็นคร้ังแรก เม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๓ ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตง้ั กรมอากาศยานข้นึ ในด้านการส่ือสาร ได้มีการเปิดวิทยุโทรเลขและมีการจัด ต้งั สถานีวทิ ยุโทรเลขขน้ึ ในรชั กาลน้ี ปรบั ปรงุ การทดนำ้� คอื กรมชลประทานปจั จบุ นั สรา้ งเขอื่ น ในการชลประทานเพือ่ การเกษตรกรรมของราษฎร ในรัชกาลนี้ได้ทรงเริ่มงานด้านสหกรณ์ โดยเปิดสหกรณ์ แห่งแรกของประเทศไทย คือ สหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จ�ำกัดสินใช้ ตั้งอยู่ตำ� บลวัดจนั ทร์ อำ� เภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โปรดเกล้าฯ ใหจ้ ดั ตงั้ คลังออมสิน รับฝากเงนิ ของราษฎร เพื่อฝึกให้รู้จักออมทรัพย์ ได้เจริญขึ้นเป็นกิจการธนาคารออมสิน ปจั จุบัน 11

พ.ศ. ๒๔๕๘ โปรดเกล้าฯ ให้จัดต้ังกรมพาณิชย์ กรมสรรพากร กรมตรวจเงนิ แผ่นดิน กรมสถติ พิ ยากรณ์ เลกิ หวย ก ข ซง่ึ เป็นการพนนั อย่างหนึ่ง เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๙ และ พ.ศ. ๒๔๖๐ ก็ได้เลิกการพนนั บอ่ นเบีย้ ด้วย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หัว เสดจ็ ฯ เปดิ “วชิรพยาบาล” ในรัชกาลนี้ได้เปิดการไฟฟ้าหลวงสามเสน และจัดตั้ง วชิรพยาบาล เปน็ การให้สาธารณูปโภคส�ำคัญแกป่ ระชาชน 12

๕. การศกึ ษาและการศาสนา การศึกษา พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงดำ� เนนิ การ พัฒนาการศึกษาของประเทศไทย ต่อจากที่สมเด็จพระบรม ชนกนาถทรงจดั ไว้ กล่าวโดยสรุปไดด้ งั น้ี โรงเรียนวชิราวธุ วิทยาลยั พ.ศ. ๒๔๕๓ โปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินและ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดต้ังโรงเรียนมหาดเล็กหลวง เป็นโรงเรียนในพระองค์ คือโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน เพือ่ จดั การศึกษาระดับประถมศกึ ษาถึงมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กรมศลิ ปากร หลักจากทรงครองราชยไ์ ด้ ๑ ปี พ.ศ. ๒๔๕๔ โปรดเกลา้ ฯ ให้โอนกิจการช่างสิบหมู่มหาดเล็ก และโอนกรมพิพิธภัณฑ์จาก กระทรวงธรรมการตงั้ เปน็ กรมศลิ ปากร เพอื่ ใหก้ ารศกึ ษาและอนรุ กั ษ์ วัฒนธรรม ศิลปกรรม โบราณคดี และโบราณสถานของชาติ 13

โรงเรยี นอาชวี ศกึ ษา พ.ศ. ๒๔๕๓ ได้จัดตั้งโรงเรียนอาชีวศึกษาแห่งแรก คือ โรงเรยี นพาณชิ ยการวดั มหาพฤฒารามและวดั ราชบรู ณะ เพอื่ ใหก้ าร อาชวี ศกึ ษาแกร่ าษฎรเปน็ เบอื้ งตน้ และ พ.ศ ๒๔๕๖ จดั ตง้ั โรงเรยี น เพาะชา่ ง เพอ่ื ใหก้ ารศึกษาการช่าง เนติบณั ฑติ ยสภา ดา้ นการศกึ ษาวชิ าการกฎหมาย ไดม้ กี ารยกฐานะโรงเรยี น กฎหมาย ซึ่งเร่ิมก่อตั้งในรัชกาลท่ี ๕ ให้เป็นโรงเรียนข้ึนอยู่กับ กระทรวงยุติธรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้ต้ัง เนติบัณฑิตยสภาขึ้น ทำ�หน้าที่ให้การศึกษาด้านกฎหมายและ ควบคมุ จรรยาบรรณในการปฏบิ ตั ิงานของนกั กฎหมาย โรงเรียนฝึกหัดครูสตรี เพ่ือส่งเสริมการศึกษาของสตรี ได้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัด ครูสตรีข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๖ คือโรงเรียนเบญจมราชาลัยปัจจุบัน ซงึ่ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ มรพุ งศศ์ ริ พิ ฒั นป์ ระทานวงั ใหจ้ ดั ตง้ั และก�ำหนดให้มณฑลต่างๆ คัดเลือกนักเรียนสตรีของมณฑล ส่งมาเรียนการฝึกหัดครูเพ่ือกลับไปเป็นครู และเปิดโรงเรียนสตรี ตามจังหวัดต่างๆ เป็นผลให้การศึกษาของสตรีแพร่หลายพัฒนา ถาวรแตน่ ้นั มา 14

โรงเรยี นนางพยาบาลและโรงเรยี นแพทย์ทหารบก พ.ศ. ๒๔๕๗ ได้จัดตั้งโรงเรียนนางพยาบาล ซ่ึงเปิดสอน วิชาการพยาบาลขึ้นเป็นครั้งแรกในสยาม และ พ.ศ. ๒๔๖๐ กอ่ ตั้งโรงเรยี นการแพทยท์ หารบก จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย พ.ศ. ๒๔๕๓ โปรดเกลา้ ฯ ใหย้ กฐานะโรงเรยี นมหาดเลก็ เปน็ โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจา้ อยหู่ วั และ พ.ศ. ๒๔๕๙ ไดส้ ถาปนาเปน็ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั โดยพระราชทานทดี่ นิ สว่ นของพระมหากษตั รยิ ์ และพระราชทานเงนิ ซงึ่ พระบรมวงศานวุ งศ์ ขา้ ราชการ พอ่ คา้ ประชาชนรว่ มกนั บรจิ าค ในการสรา้ งพระบรมรปู ทรงมา้ และเหลอื อยเู่ ปน็ จำ� นวน ๙๘๒,๖๗๒ บาท ๔๗ สตางค์ ให้เป็นเงินทุนประเดิม เพื่อให้จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาของชาติแห่งแรกท่ีให้ การศกึ ษาแกเ่ ยาวชน เปน็ คณุ เปน็ ประโยชนม์ หาศาลแกบ่ า้ นเมอื งไทย ของเรามาจนทุกวันนี้ โรงเรียนครูประถมกสิกรรม พ.ศ. ๒๔๖๐ โปรดเกล้าฯ ให้ก่อต้ังโรงเรียนครูประถม กสกิ รรม เพอ่ื ให้การศึกษาด้านการเกษตรกรรมแพรห่ ลาย 15

ตราพระราชบญั ญตั ปิ ระถมศึกษา พ.ศ. ๒๔๖๐ โปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญตั ปิ ระถมศกึ ษา เป็นการเร่มิ ต้นจัดการศึกษาภาคบงั คับในประเทศไทย นอกจากนนั้ ในรชั กาลนไ้ี ดม้ กี ารตราพระราชบญั ญตั โิ รงเรยี น ราษฎร์ขึน้ เมือ่ พ.ศ. ๒๔๖๑ เพอื่ ควบคุมโรงเรียนทค่ี ณะบุคคลหรอื องคก์ ารใดๆ จดั ตงั้ ขนึ้ ใหอ้ ยใู่ นความเปน็ ระเบยี บของการจดั การศกึ ษา ของเยาวชนในสมัยนน้ั การพระศาสนา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระ ราชหฤทยั ศกึ ษาศาสนาสำ� คัญๆ ของโลกทุกศาสนา ดังไดท้ รงเปน็ อคั รศาสนปู ถมั ภกศาสนาอ่ืนทุกศาสนาทมี่ ผี นู้ บั ถือในประเทศไทย ทรงเล่ือมใสในพระพุทธศาสนาอย่างย่ิง เสด็จออกทรงพระผนวช ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ๑ พรรษา ได้ทรงศึกษาพระพุทธศาสนา อย่างแตกฉาน ทรงชักชวนข้าราชบริพารและคนไทยท่ัวประเทศ สวดมนต์ไหว้พระ ร�ำลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และ พระสังฆคุณ โดยทรงพระราชนิพนธ์บทสรรเสริญพระรัตนตรัย จดั ใหม้ กี ารแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ และทรงแสดงพระองคเ์ องดว้ ย นบั วา่ พระองคเ์ ปน็ ชาวไทยพระองคแ์ รกทแ่ี สดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ ทรงทะนุบ�ำรุงวัดวาอารามต่างๆ ทรงปรับปรุงระเบียบแบบแผน การปกครองคณะสงฆ์และขยายการศึกษาของสงฆ์ใหก้ วา้ งขวาง 16

ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องท่ีเก่ียวกับศาสนาไว้หลายเร่ือง เชน่ เทศนาเสอื ปา่ พระพทุ ธเจา้ ตรสั รอู้ ะไร พระราชนพิ นธแ์ ปลเทศนา มงคลวเิ ศษกถา*ทที่ รงไวเ้ ปน็ ภาษาองั กฤษ ซง่ึ รฐั บาลพมา่ ในขณะนนั้ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตน�ำไปใช้สอนทหารดว้ ย พระราชนพิ นธ์ “เทศนาเสอื ปา่ ” ทรงแสดงแกบ่ รรดาเสอื ปา่ ในวนั ประชมุ ไหวพ้ ระวนั เสาร์ ระหวา่ งวนั ท่ี ๕ เมษายน พ.ศ.​๒๔๕๗ - ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ มุ่งให้คณะเสือป่าและคนไทย เหน็ ความจำ� เปน็ ทคี่ นในชาตติ อ้ งมศี าสนา โดยเฉพาะพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ เป็นศาสนาประจ�ำชาตไิ ทยมาแต่โบราณ ควรช่วยกนั ท�ำนบุ ำ� รงุ ไว้ใหม้ ่นั คง ด้วยการปฏบิ ัตติ นตามพระธรรมค�ำสอน บูรณปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์ พระปฐมเจดยี ์ จังหวดั นครปฐม เปน็ โบราณสถานท่เี ก่าแก่ องค์หน่ึง เป็นปูชนียสถานศักด์ิสิทธิ์ท่ีมีความสง่างามใหญ่โต ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบูรณะบ�ำรุงจากเจดีย์ โบราณ เมอื่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ประพาส หัวเมืองท่ีเมืองศรีสัชนาลัย (จังหวัดสุโขทัย) โปรดเกล้าฯ ให้น�ำ พระพทุ ธรปู ชำ� รดุ ท่ีจมดนิ อยู่ใตพ้ ระวหิ ารโบราณ มีเพียงพระเศยี ร _พ_ร_ะ_ห__ตั _ถ__แ์ _ล_ะ_พ__ร_ะ_บ__า_ท_ โปรดใหเ้ ชญิ ลงมากรงุ เทพมหานคร ครนั้ เสดจ็ * พระธรรมเทศนาจดั ถวายในการเฉลมิ พระชนมพรรษา เปน็ การพรรณนาถงึ พระราชกรณยี กิจและพระราชจรยิ วตั รของพระมหากษัตริย์ 17

เถลิงถวัลยราชสมบัติ โปรดให้ปฏิสังขรณ์ให้บริบูรณ์ทั้งองค์ เปน็ พระพทุ ธรูปยนื ปางห้ามญาติ สูง ๑๒ ศอก ๔ นิ้ว พระราชทาน นามวา่ “พระรว่ งโรจนฤทธศ์ิ รอี นิ ทราทติ ยธ์ รรโมภาส มหาวชริ าวธุ ราชปูชนยี บพิตร” แล้วอญั เชญิ มาประดษิ ฐานทซี่ ุ้มดา้ นเหนอื องค์ พระปฐมเจดีย์ เป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามด้วยศิลปะอันเลิศ เชื่อกันว่า พระปฐมเจดีย์ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน ไดแ้ สดงปาฏิหารยิ ์ แผร่ ศั มีสวา่ งไสวในเวลากลางคนื ซึง่ พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นถึง ๒ คร้ัง เม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๒ คร้งั หนง่ึ และ พ.ศ. ๒๔๕๗ อีกครงั้ หนึง่ พระปฐมเจดยี ์ จังหวดั นครปฐม 18

๖. ความสมั พนั ธ์และการเมืองระหว่างประเทศ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั ทรงประกอบพระราชพิธีประกาศสงคราม 19

ในด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศน้ัน ในรัชกาลน้ี ประเทศไทยได้มีความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ท้ังในทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชยี สงครามโลกครงั้ ที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครอง ราชย์ได้ ๔ ปี ไดเ้ กิดสงครามโลกครงั้ ท่ี ๑ ข้นึ ในยุโรป เมือ่ เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ฝา่ ยหนง่ึ ไดแ้ ก่ ฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร ประกอบดว้ ย สหรฐั อเมรกิ า อังกฤษ ฝรง่ั เศส เบลเยียม อิตาลี อีกฝา่ ยหนง่ึ ไดแ้ ก่ ฝ่ายมหาอำ� นาจกลาง ประกอบดว้ ย เยอรมนี ออสเตรยี - ฮังการี ในชั้นต้นทรงรักษาความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด แต่ต่อมาเม่ือ ได้ทรงติดตามเหตุการณ์สงครามโลกอย่างใกล้ชิดแล้วทรงตัดสิน พระราชหฤทยั นำ� ประเทศไทยเขา้ รว่ มสงครามกบั ฝา่ ยสมั พนั ธมติ ร มขี ้อความบางตอนวา่ อาศัยเหตุท่ีงานมหาสงครามในยุโรป ได้ปรากฏโดยแน่ชัดแล้วว่า เป็นสากลสงคราม ข้าพเจ้าได้วิเคราะห์ดูโดยดีด้วยแล้วรู้สึกว่าการ ทก่ี รงุ สยามจะเพกิ เฉยละเลยอยตู่ อ่ ไปอกี นนั้ หา ได้ไม่ และเมื่อค�ำนงึ ถึงประโยชนข์ องกรงุ สยาม และสนั ตภิ าพของโลกแลว้ กไ็ มม่ หี นทางอยา่ งอนื่ 20

ท่เี ลอื กได้ นอกจากจะต้องประกาศสงครามต่อ ประเทศเยอรมนี และออสเตรีย - ฮังการี ซง่ึ จะ เพกิ เฉยตอ่ ธรรมระหว่างประเทศโดยมไิ ด้ละลด เม่ือวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศรับทหารอาสาสมัคร จ�ำนวน ๑,๒๐๐ คน เป็นทหาร อาสาออกไปร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรรบกับเยอรมัน เดินทางไป สมรภมู ใิ นยุโรป เม่อื วันท่ี ๑๙ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๖๑ มนี ายพลตรี พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ซึ่งต่อมาได้ เล่ือนยศเป็นนายพลโท พระยาเทพหัสดนิ เปน็ แม่ทพั ควบคุมไป พระบรมราชโองการใชธ้ งไตรรงคเ์ ป็นธงชาติ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราช ด�ำรวิ า่ กองทหารอาสาของไทยท่จี ะไปชว่ ยรบกบั ฝา่ ยสัมพันธมิตร ในยุโรปจะต้องน�ำธงชาติไปด้วย แต่ธงชาติในขณะน้ันเป็น รูปช้างเผือก ยังไม่สง่างามพอส�ำหรับประเทศ ควรเพ่ิมสีน้�ำเงิน แก่เข้าอีกสีหนึ่ง เป็นสามสี เข้าลักษณะของธงชาติประเทศ ทเ่ี ปน็ ฝา่ ยสมั พนั ธมติ รใชอ้ ยโู่ ดยมาก อกี ทง้ั สนี ำ้� เงนิ เปน็ เครอื่ งหมาย แห่งพระมหากษัตริย์ อันเป็นสิริมงคลแก่พระชนมวารด้วย จึงมีพระบรมราชโองการให้ใช้ธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทยแทน 21

ดังพระราชปรารภในพระราชบัญญัติแก้ไขพระราชบัญญัติธง พ.ศ. ๒๔๖๐ ดงั น้ี มพี ระบรมราชโองการในพระบาทสมเดจ็ พระรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าวธุ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ใหป้ ระกาศใหท้ ราบทวั่ กนั วา่ ไดท้ รงพระ ราชคำ� นงึ ถงึ การทกี่ รงุ สยามไดป้ ระกาศสงคราม ตอ่ ชาตเิ ยอรมนั และออสเตรยี - ฮงั การี เขา้ เปน็ สัมพันธไมตรีร่วมศึกกับมหาประเทศในยุโรป อเมรกิ า และอาเซยี ผทู้ รงไวซ้ ง่ึ ธรรมาธปิ ไตยครงั้ นี้ นบั วา่ ชาตสิ ยามไดก้ า้ วขนึ้ สคู่ วามเจรญิ ถงึ ขน้ั อนั สำ� คญั ยงิ่ แลว้ สมควรจะมอี ภลิ กั ขติ วตั ถเุ ปน็ เครอ่ื ง เตือนให้ระลึกถึงอภิลักขิตสมัยนี้ไว้ให้ปรากฏ อยูช่ ว่ั ฟ้าแลดนิ เมื่อกองอาสาของไทยไปร่วมสงครามโลกคร้ังที่ ๑ กับ ฝ่ายสมั พันธมิตรทีท่ วปี ยโุ รป พ.ศ. ๒๔๖๑ ธงไตรรงคไ์ ดโ้ บกสะบดั ปรากฏแกส่ ายตาชาวโลกเปน็ ครง้ั แรกตง้ั แตเ่ ดนิ ทางจากประเทศไทย ถงึ สมรภมู ิ และคงเปน็ ธงชาตไิ ทย ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๔๖๐ สบื มาจนบดั น้ี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราช นิพนธค์ วามหมายของธงไตรรงค์ไว้ดังนี้ 22

ขอร่�ำรำ� พนั บรรยาย ความคดิ เครือ่ งหมาย แหง่ สีท้ังสามงามถนดั หมายพระไตรรตั น์ ขาวคือบรสิ ทุ ธิ์ศรีสวัสด ์ิ ซงึ่ ยอมสละได้ และธรรมะคุม้ จิตไทย อันจอมประชา แดงคอื โลหิตเราไซร ้ จงึ เปน็ สธี ง เพอ่ื รกั ษาชาติ ศาสนา ยงยุทธ์วชิ ัย นำ้� เงนิ คือสโี สภา ธ โปรดเปน็ ของส่วนองค์ จดั ร้วิ เข้าเป็นไตรรงค์ ทร่ี ักแห่งเราชาวไทย ทหารอวตารนำ� ไป วิชติ กช็ เู กยี รติสยาม สงครามโลกคร้ังท่ี ๑ ได้สิ้นสุดลง ฝ่ายสัมพันธมิตร เป็นฝ่ายชนะ กองทหารอาสาของประเทศไทยได้เดินทางกลับ เมอื่ วนั ท่ี ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๒ อนสุ รณแ์ ห่งการสง่ กองทหาร อาสาเข้าสู่สงครามโลกคร้ังที่ ๑ คือ “วงเวียน ๒๒ กรกฎาคม” และ “อนุสาวรีย์ทหารอาสา” ได้มีการวางพวงมาลาระลึกถึง วีรกรรมของทหารหาญที่เสียชีวิต ซึ่งกำ�หนดเป็นวันรัฐพิธี วนั ท่ี ๑๑ พฤศจิกายน เปน็ ประจำ�ทุกปี 23

การทป่ี ระเทศไทยไดเ้ ขา้ ร่วมสงครามโลกคร้ังที่ ๑ ไดก้ อ่ ให้ เกิดผลประโยชน์หลายประการ นับเป็นความสำ�เร็จของพระบาท สมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทที่ รงเหน็ การณไ์ กลและทรงคำ�นงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องบา้ นเมอื งและประเทศชาติ สง่ิ ทป่ี ระเทศไทยได้ รับจากการเขา้ รว่ มสงครามโลกคร้งั นี้ คือ ๑. ท่วั โลกรู้จักประเทศไทยมากขน้ึ พร้อมกันนนั้ ชาติไทย ได้รบั เกยี รติยกยอ่ งใหเ้ ทา่ เทยี มกบั อารยประเทศ ๒. ความไมเ่ สมอภาคกบั นานาชาตทิ เี่ คยมอี ยกู่ บั ไทยกค็ อ่ ยๆ ลดน้อยลง ๓. ไทยไดย้ กเลกิ สญั ญาทเ่ี คยทำ�ไวก้ บั เยอรมนี ออสเตรยี - ฮังการี เช่นเดียวกับสิทธิสภาพนอกอาณาเขตก็ได้ยกเลิกไปต้ังแต่ วนั ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๑ ๔. ไทยตั้งพิกัดอัตราภาษีสินค้าขาเข้าได้อย่างเสรี นอกจากบางอยา่ งซง่ึ ไดท้ ำ�ไวก้ บั องั กฤษ อติ าลี เปน็ สนธสิ ญั ญาพเิ ศษ ๕. เม่ือหมดอายุสัญญาลงแลว้ ไทยก็ไดม้ ีความเสมอภาค เท่าเทยี มกบั นานาประเทศโดยสมบูรณ์ ๖. ประเทศไทยไดเ้ ขา้ เปน็ สมาชกิ สนั นบิ าตชาติ ซงึ่ นานาชาติ ตง้ั ขน้ึ หลงั สงครามโลกครงั้ ที่ ๑ ยตุ ลิ ง เพอื่ วตั ถปุ ระสงคป์ อ้ งกนั มใิ ห้ ชาตใิ หญข่ ม่ เหงชาตเิ ลก็ ตอ่ มา สนั นบิ าตชาตไิ ดว้ วิ ฒั นาการมาเปน็ “องค์การสหประชาชาต”ิ ในปัจจบุ ัน 24

๗. งานอกั ษรศาสตร์และศิลปกรรม การทรงงานดา้ นอกั ษรศาสตรแ์ ละวรรณกรรม พระราชสมัญญาแห่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจา้ อยหู่ วั คอื “สมเดจ็ พระมหาธรี ราชเจา้ ” แปลวา่ พระมหากษตั รยิ ์ ผู้ทรงเป็นนักปราชญ์ ทรงเป็นเลิศในด้านอักษรศาสตร์ สามารถ ทรงพระราชนพิ นธ์ร้อยแก้วและร้อยกรองไดท้ ุกลกั ษณะ ท้ังโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เป็นพระมหากษัตริย์ท่ีทรงพระราชนิพนธ์ หนงั สอื มากทส่ี ดุ แมจ้ ะมพี ระราชภาระในการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ มากมายเพยี งใด พระอจั ฉรยิ ภาพในการทรงพระราชนพิ นธข์ องพระองคน์ นั้ เปน็ ท่ีน่าพศิ วง ยากท่ีจะหาผู้ใดเทียบพระองคไ์ ด้ เพยี งระยะเวลา ๑๕ ปีที่ทรงครองราชย์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือต่างๆ เป็น จ�ำนวนถึง ๑,๒๓๖ เรื่อง และเมื่อรวมหนังสือพระราชนิพนธ์ ทัง้ หมดของพระองค์แลว้ มีจ�ำนวนมากกว่า ๒,๐๐๐ เรอื่ ง ผลงาน ของพระองคม์ ใิ ชม่ ากแตเ่ พยี งปรมิ าณเทา่ นน้ั ยงั เปย่ี มดว้ ยคณุ ภาพ ทั้งในด้านลักษณะการประพันธ์ เน้ือหาและแนวพระราชด�ำริ ทง้ั ภาษาไทยและภาษาตา่ งประเทศ บทพระราชนพิ นธม์ ที ง้ั ประเภท วรรณคดี ประวตั ศิ าสตร์ โบราณคดี บทละคร ตำ� รา หนงั สอื ธรรมะ การทหาร บทปลกุ ใจ นทิ าน พระราชวจิ ารณ์ การเมอื ง การสาธารณสขุ 25

ทรงใชพ้ ระนามแฝงในการทรงพระราชนพิ นธห์ ลายพระนาม เชน่ ศรอี ยธุ ยา อศั วพาหุ รามจติ ติ พระขรรคเ์ พชร นายแกว้ นายขวญั พนั แหลม นอ้ ยลา สคุ รพี เปน็ ตน้ ได้มีการจ�ำแนกงานพระราชนิพนธ์ไว้เป็น หมวดได้ ๗ หมวดคือ ๑. หมวด ข. โขน ละคร ๒. หมวด ด. พระราชดำ� รสั พระบรมราโชวาท พระบรม ราชานศุ าสนยี ์ เทศนาเสอื ปา่ ปลกุ ใจเสอื ปา่ ๓. หมวด น. นิทานและบทชวนหวั ๔. หมวด บ. บทความทลี่ งหนังสอื พมิ พ์ ๕. หมวด ร. ร้อยกรอง ๖. หมวด ส. สารคดี ๗. หมวด อ. อน่ื ๆ เชน่ พระราชบนั ทกึ พระราชหตั ถเลขา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้ริเริ่ม การใช้บทละครเพ่ือการศึกษาอบรมจิตใจพลเมือง บทพระราช นพิ นธข์ องพระองคเ์ กอื บทกุ เรอื่ ง มคี ตสิ อนใจใหเ้ ปน็ คนดมี ศี ลี ธรรม ซอื่ สัตยส์ จุ รติ รกั เกยี รติ รักหน้าที่ มที ง้ั บทปลุกใจใหร้ ักชาติ และ รู้จกั เสยี สละความสุขส่วนตัวเพอื่ ประโยชน์สขุ ของคนกลุ่มใหญ่ พระปรีชาสามารถอีกประการหน่ึงของพระองค์คือ ทรงสามารถแปลบทละครของวิลเลียม เชกสเปียร์ เป็นกลอน บทละครภาษาไทยได้อย่างไพเราะ เช่น เวนิสวาณิช ตามใจท่าน โรเมโอและจเู ลียต 26

ทรงแสดงละครเรื่อง กศุ โลบาย เหตทุ มี่ พี ระราชอตุ สาหะทรงพระราชนพิ นธห์ นงั สอื มากมาย หลายประเภท เพราะทรงตระหนักดีว่าเมืองไทยขาดก�ำลังคน ท่ีมคี ณุ สมบตั ิในการบรหิ ารและพัฒนา จงึ ไดท้ รงพระราชอตุ สาหะ ในการอบรมคนไทยให้เป็นพลเมืองท่ีพัฒนาตัวเองในทุกวิถีทาง เพ่อื ช่วยกนั พัฒนาบ้านเมืองและรบั ความเปล่ียนแปลงใหม่ๆ ท่ีจะ เกดิ ข้นึ ตามววิ ัฒนาการ โดยเหตทุ ที่ รงเปน็ ทงั้ นกั อกั ษรศาสตร์ และเปน็ นกั การทหาร การพระราชทานการอบรมจงึ ออกมาในรปู แบบต่างๆ ท้ังทางตรง และทางออ้ ม การอบรมทปี่ รากฏออกมาในรปู แบบพระราชนพิ นธ์ มมี ากมาย เชน่ พระราชนพิ นธ์ เรอื่ ง “โคลนตดิ ลอ้ ” ซงึ่ อรรถาธบิ ายถงึ อปุ สรรคตา่ งๆ อนั เกดิ จากคนไทยดว้ ยกนั เองในการพฒั นาบา้ นเมอื ง หรอื เรอ่ื ง “หลกั ราชการ” ทส่ี อนใหร้ จู้ กั หนา้ ทใ่ี นการทำ� งาน เปน็ ตน้ 27

พระราชนพิ นธ์บทความทเ่ี ป็นข้อคดิ เห็นตา่ งๆ ซึ่งโน้มนา้ ว จิตใจของคนไทยให้มีทัศนคติที่ถูกต้องและชอบธรรม พิมพ์ใน หนงั สือพมิ พร์ ายวันทัง้ ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ อาทิเรื่อง “เมืองไทยจงตื่นเถิด” “ความเห็น ๑๐ เรื่อง” บทความเหล่านี้ มีพระราชประสงค์จะให้เป็นการปลุกใจคนไทยให้ต่ืนตัวตื่นใจ ในเรอื่ งความรกั ชาตบิ า้ นเมอื งและเพอื่ เปน็ การพระราชทานความรู้ ในด้านตา่ งๆ ให้แก่ไพร่ฟา้ ประชาชนของพระองค์ ต้งั วรรณคดีสโมสร พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ยงั ทรงทะนบุ ำ� รงุ วรรณกรรมของชาตไิ ทย โดยโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ งั้ “วรรณคดสี โมสร” เพอื่ สง่ เสรมิ งานและกจิ กรรมดา้ นวรรณกรรม ทรงสนบั สนนุ ผใู้ ฝใ่ จ ในการประพนั ธแ์ ละทรงให้เสรีภาพแกน่ ักเขียนเหลา่ น้นั ทำ� ใหเ้ กิด กวีและนักประพันธส์ ำ� คัญๆ ขึน้ ในรชั กาลน้หี ลายท่าน การทรงงานดา้ นศิลปกรรม ดา้ นศลิ ปกรรมนน้ั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงทะนบุ ำ� รงุ เปน็ อยา่ งยงิ่ ทรงฟน้ื ฟศู ลิ ปกรรมของไทยทกุ สาขา โปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ง้ั “กรมศลิ ปากร” เมอ่ื วนั ที่ ๒๗ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๕๔ ทำ� หนา้ ทด่ี แู ลรกั ษาฝกึ อบรมและสบื ทอดสง่ิ ซงึ่ เปน็ ศลิ ปวฒั นธรรม ของชาติ ซงึ่ การกไ็ ดเ้ ปน็ ไปตามพระราชประสงคส์ บื ตอ่ มาถงึ ปจั จบุ นั 28

ดา้ นการชา่ ง โปรดใหก้ อ่ ตง้ั “โรงเรยี นเพาะชา่ ง” เพอื่ ฝกึ ฝน เยาวชน เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๖ เปน็ การสบื ทอดงานศิลปกรรมอันเป็น เอกลักษณไ์ ทย โรงเรยี นเพาะช่าง ถนนตรเี พชร กรงุ เทพมหานคร (กอ่ นถกู ระเบดิ ทำ�ลายระหวา่ งสงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕) งานสถาปัตยกรรมไทยอันงดงามในรัชสมัยแสดงถึงความ รงุ่ เรอื งทางการสรา้ งสรรคท์ ค่ี วรรจู้ กั ไดแ้ ก่ พระราชวงั สนามจนั ทร์ จงั หวดั นครปฐม พระราชวงั พญาไท (ซงึ่ บรเิ วณพระราชวงั บางสว่ น เป็นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า) และพระราชนเิ วศนม์ ฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี ล้วนเป็นแหล่งการเรียนรู้งานศิลปกรรมท่ีมีค่า ซึ่งมีส่วนชว่ ยในดา้ นเศรษฐกจิ ของประเทศเป็นอนั มาก ด้านนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์ โปรดเกล้าฯ ให้รวบรวม ศลิ ปนิ ผมู้ ฝี มี อื ในด้านนี้ จดั ตงั้ “กรมมหรสพ” ขน้ึ เพอื่ ฝกึ ฝนนาฏศลิ ป์ และดนตรไี ทยให้ด�ำรงอยแู่ ละเจริญวัฒนาเปน็ เอกลักษณข์ องชาติ 29

นอกจากทรงทะนบุ ำ� รงุ นาฏศลิ ปแ์ ละการละครทกุ แบบทกุ สาขาแล้ว ทรงฟื้นฟูและทะนุบ�ำรุงนาฏกรรมประเภทโขนซ่ึงเป็น นาฏศลิ ปช์ ้นั สูงของไทยเป็นพิเศษ โปรดเกล้าฯ ให้จัดต้งั คณะโขน สมัครเลน่ ข้ึน ฝึกหดั ข้าราชบริพารใหเ้ ล่นโขนตามแบบโบราณของ ไทย ทรงปรับปรุงบทท่ีใชใ้ นการแสดงและทรงควบคมุ การฝึกซอ้ ม ดว้ ยพระองคเ์ อง ทง้ั นด้ี ว้ ยมพี ระราชประสงคท์ จ่ี ะแสดงว่า นาฏศลิ ป์ ไทยชน้ั สงู ของโบราณนนั้ เปน็ ศลิ ปะทค่ี วรจะชว่ ยกนั อนรุ กั ษไ์ วเ้ ปน็ สมบตั ิสืบทอดถึงอนชุ นไทยรุ่นต่อๆ ไป ไม่ควรใหเ้ สอ่ื มสญู พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ วั มพี ระราชนยิ มใน คุณคา่ ของศิลปกรรมอยา่ งไรน้ัน จะเห็นไดจ้ ากบทพระราชนพิ นธ์ บทเสภาสามคั คเี สวก – วศิ วกรรมมา ซง่ึ จะไดอ้ ญั เชญิ มาดงั ตอ่ ไปนี้ ศลิ ปกรรมนำ�ใจใหส้ รา่ งโศก ชว่ ยบรรเทาทกุ ขใ์ นโลกใหเ้ หอื ดหาย จำ�เรญิ ตาพาใจใหส้ บาย อกี รา่ งกายกพ็ ลอยสขุ สราญ ............................................ แมผ้ ูใ้ ดไม่นิยมชมสง่ิ งาม เม่ือถึงยามเศรา้ อุรานา่ สงสาร เพราะขาดเคร่ืองระงบั ดับรำ�คาญ โอสถใดจะสมานซ่ึงดวงใจ ............................................ 30

เพราะการช่างน้ีสำ�คัญอันวเิ ศษ ทุกประเทศนานาทงั้ น้อยใหญ่ จงึ ยกยอ่ งศลิ ปกรรมน์ น้ั ท่ัวไป ศรีวไิ ลวลิ าสดีเป็นศรีเมอื ง ............................................ แตก่ รงุ ไทยศรวี ไิ ลทนั เพื่อนบ้าน จงึ มีช่างชำ�นาญวเิ ลขา ท้ังช่างป้ันชา่ งเขียนเพยี รวชิ า อีกช่างสถาปนาถูกทำ�นอง ทัง้ ชา่ งรูปพรรณสวุ รรณกิจ ช่างประดิษฐ์รชั ดาสง่าผอ่ ง อีกช่างถมลายลักษณะจำ� ลอง อีกช่ำ� ชองเชิงรตั นประกร ............................................ ควรไทยเราช่วยบำ�รุงวิชาช่าง เครื่องสำ�อางแบบไทยสโมสร ชว่ ยบำ�รุงชา่ งไทยใหถ้ าวร อย่าให้หย่อนกวา่ เขาเราจะอาย อันของชาตไิ พรชั ชา่ งจัดสรร เปน็ หลายอยา่ งตา่ งพรรณเขา้ มาขาย เราตอ้ งซ้ือหลากหลากและมากมาย ตอ้ งใช้ทรัพย์สรุ ุ่ยสรุ า่ ยเปน็ ก่ายกอง ............................................ แมพ้ วกเราชาวไทยตงั้ ใจช่วย เอออำ�นวยช่างไทยให้ทำ�ของ ชา่ งคงใฝใ่ จผกู ถูกทำ�นอง และทำ�ของงามงามขึน้ ตามกาล เราชว่ ยชา่ งเหมอื นอยา่ งชว่ ยบา้ นเมอื ง ใหป้ ระเทืองเทศไทยอนั ไพศาล สมเป็นเมอื งใหญโ่ ตมโหฬาร พอไมอ่ ายเพอื่ นบา้ นจงึ่ จะดี 31

๘. ความคดิ ริเริ่ม การจัดตัง้ กองเสือปา่ และลูกเสือ วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงจัดตั้งกองเสือป่าขึ้น เพื่อฝึกหัด ขา้ ราชการตลอดจนพลเรอื นทว่ั ไปผยู้ งั ไมเ่ คยเปน็ ทหารใหม้ คี วามรู้ ในการยุทธวิธี เพ่ือป้องกันบ้านเมืองเมื่อจ�ำเป็น ตลอดจนฝึก ความสามคั คใี นหมคู่ ณะและความรกั ชาตบิ า้ นเมอื ง ไดท้ รงตรากตรำ� พระวรกายในการนี้โดยทรงฝึกสอน ทรงรว่ มการปฏบิ ัตฝิ ึกซอ้ มรบ ดว้ ยพระองคเ์ องเปน็ เวลาแรมปี ตลอดจนทรงฝกึ หัดผูท้ จ่ี ะสืบทอด งานต่างๆ ไปด้วย เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ โปรดเกล้าฯ ให้ จัดต้ังกองลูกเสือไทยขึ้น เพ่ือฝึกหัดเยาวชนของชาติซึ่งศึกษา อยู่ในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้มีระเบียบวินัย มีวัฒนธรรมทางจิตใจ รูจ้ กั บ�ำเพญ็ ประโยชน์เพื่อสว่ นรวม ปลูกฝัง ให้มคี วามรกั ชาติบา้ นเมือง ใหม้ ีความเปน็ นกั รบเพอ่ื เป็นผ้ชู ว่ ยรบ เมื่อชาตติ ้องการ อบรมให้เปน็ พลเมอื งดีของชาตเิ ม่อื โตขน้ึ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ วั ตง้ั พระราชหฤทยั ใหก้ จิ การลกู เสอื เปน็ การสง่ั สอนอบรมใหเ้ ดก็ ไทยสำ� นกึ ในหน้าทที่ งั้ ในปัจจบุ ันและอนาคต ใหร้ ู้จักคา่ ของตัวเอง รูจ้ ักพึ่งตัวเอง รูจ้ กั ใช้ 32

ความคิด ความสามารถของตัวเอง มีความเช่ือม่ันในคุณความดี เชอ่ื ฟงั คำ� สอนทถ่ี กู ตอ้ ง ลกู เสอื ตอ้ งสภุ าพเรยี บรอ้ ย เคารพในโอวาท ท่ีดงี ามของผู้ใหญ่ และมีความซ่อื สัตยส์ จุ ริต ทรงฉายร่วมกับขา้ ราชบรพิ ารในชดุ เสอื ป่า พระองค์ได้พระราชทานคติประจ�ำใจลูกเสือทุกคนว่า “เสยี ชีพอย่าเสียสัตย์” สรปุ กค็ อื การทที่ รงจดั ตงั้ กองลกู เสอื ขน้ึ กเ็ พอ่ื เตรยี มเยาวชน ของชาตใิ หร้ บั ความเปลยี่ นแปลงในการพฒั นาบา้ นเมอื งใหเ้ ทยี มทนั นานาอารยประเทศ เป็นพลเมืองดีของชาติและเป็นรากแก้วแห่ง ความเจรญิ ของประเทศ 33

การลูกเสือได้เจริญรุ่งเรืองเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ บา้ นเมอื งไทยของเรามาจนปจั จบุ นั และไดว้ วิ ฒั นาการแตกสาขาออก ไปเปน็ กองอาสารกั ษาดินแดน ลูกเสอื ชาวบ้าน เนตรนารี เป็นต้น การกำ�หนดให้มีนามสกุล คนไทยกอ่ นรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไมม่ ีนามสกลุ คงมีแต่เพียงชอื่ จึงทรงก�ำหนดใหค้ นไทยมีนามสกลุ โดยประกาศใช้ “พระราชบญั ญตั ขิ นานนามสกลุ ” เมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๖ สาเหตุท่ีทรงก�ำหนดให้คนไทยมีนามสกุลก็เพราะว่ามี คนช่ือเหมือนกันหลายๆ คน ท�ำให้เป็นที่ฉงน ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร 34

ท่ีแท้จริง การท่ีในตอนต้นๆไม่มีปัญหาเร่ืองนี้ เพราะเหตุว่าใน สมัยโบราณคนไทยยังมีจ�ำนวนไม่มาก อยู่กันเป็นหมู่เล็กๆ ก็อาจ เลือกช่ือที่ไม่ซ้�ำกันได้ ต่อมาเมื่อบ้านเมืองเจริญข้ึน คนไทยก็รวม กนั เขา้ เป็นสังคมใหญ่ ปญั หาคนช่ือซ้�ำกนั เนอื งๆ กเ็ กิดข้นึ จงึ เกิด การใหฉ้ ายาท้ายชือ่ เช่น แดงใหญ่ แดงเล็ก บุญดำ� บุญขาว ตา่ งๆ ออกไปมากมาย บางทีก็ใช้เจาะจงลงไปว่าลูกใครต่อท้ายช่ือ เช่น หาญลูกเหิม ศรีลูกเย้ือน เป็นต้น จึงมีพระราชด�ำริก�ำหนดให้คน ไทยใชน้ ามสกลุ ตอ่ ทา้ ยชอื่ เปน็ สกลุ วงศข์ องครอบครวั เชน่ เดยี วกบั นานาอารยประเทศทงั้ หลาย ซง่ึ นอกจากจะปอ้ งกนั ความสบั สนใน ส่วนบุคคลในกรณีท่ีมีชื่อซ้�ำกันแล้ว สกุลวงศ์ยังเป็นเคร่ืองช่วยให้ คนในสกุลท�ำความดี เพื่อรักษาเกียรติยศของวงศ์สกุล หลีกเล่ียง ไมท่ ำ� ความชั่วให้เส่อื มเสีย ในตอนแรกท่ีประกาศใช้พระราชบัญญัตินามสกุลนั้น พระราชทานนามสกุลแก่ผู้ขอด้วยพระราชด�ำริของพระองค์เอง เป็นสกุลวงศ์สืบต่อๆ กันมาในเมืองไทย ปัจจุบันมีมากมายหลาย สกุลวงศ์ ก่อให้เกิดความสามัคคีในคนสกุลเดียวกัน ช่วยให้คน ท�ำความดีเพ่ือช่ือเสียงของสกุล และเป็นผลดีแก่ส่วนรวมคือ บา้ นเมอื งไทยของเราในปัจจุบนั พระราชปรารภให้คนไทยมีนามสกุลปรากฏในพระราช หตั ถเลขารายวันทรงไวด้ ว้ ยพระองค์เอง ซ่ึงขออัญเชญิ มาดงั นี้ 35

...ยงั มอี กี เรอื่ งหนงึ่ ซง่ึ ไดพ้ ดู ลงความเหน็ กนั คอื วา่ ดว้ ยชอ่ื แซห่ รอื ตระกลู ซง่ึ ในบา้ นเมอื งอน่ื ๆ เขามกี นั แทบทว่ั ไป แตใ่ นเมอื งเราหามไี ม่ และเหน็ วา่ ดถู งึ เวลาอยแู่ ลว้ กจ็ ะตอ้ งจดั ใหม้ ขี นึ้ การมชี อ่ื ตระกลู เปน็ ความสะดวกมาก อยา่ งตำ่� ทใี่ ครๆ กย็ อ่ มจะมอง พบเหน็ ไดค้ อื ชอื่ คนในทะเบยี นสำ� มะโนครวั จะได้ ไม่ปะปนกัน แต่อันท่ีจริงจะมีผลส�ำคัญยิ่งกว่า น้ันคือ จะท�ำให้คนเรารู้จักร�ำลึกถึงบรรพบุรุษ ของตนผู้ได้อุตส่าห์ก่อร่างสร้างตัวมาและได้ต้ัง ตระกูลไว้ให้มีช่ือในแผ่นดิน เราผู้เป็นเผ่าพันธุ์ ของทา่ น ไดร้ บั มรดกมาแลว้ จำ� จะตอ้ งประพฤติ ตนให้สมกับท่ีท่านได้ท�ำดีมาไว้และการที่จะ ตั้งใจเช่นนี้ ถ้ามีช่ือก็ต้องรักษามิให้เสื่อมทราม ไปแล้ว ย่อมจะท�ำให้เป็นเครื่องยึดเหน่ียว หน่วงใจคนมใิ ห้ตามใจตนไปฝา่ ยเดยี ว จะถือว่า “ตวั ใครกต็ วั ใคร” ไมไ่ ดอ้ กี ตอ่ ไป จะตอ้ งรกั ษาทง้ั ชอื่ ของตวั เอง ทง้ั ชอื่ ของตระกลู ดว้ ยอกี สว่ นหนงึ่ ... 36

๙. ความเป็นไทย การบำ�รงุ กำ�ลงั รบและปลกุ ใจพลเมอื งใหร้ กั ชาติ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั ถงึ ภยั อนั ตรายอนั ใหญห่ ลวง ซง่ึ จกั บงั เกดิ จากบรรดาประเทศมหาอำ� นาจท่ี กำ� ลงั แสวงหาเมอื งขนึ้ ในขณะนนั้ จงึ ทรงบำ� รงุ กำ� ลงั รบของบา้ นเมอื ง ให้มีสมรรถภาพเข้มแข็ง เพื่อป้องกันประเทศตั้งแต่ทรงด�ำรง พระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงวางระเบยี บแบบแผนการฝกึ ทหารแบบตะวนั ตกตามหลกั วชิ า ซ่ึงได้ทรงศึกษาวิชาการทหารจากโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์ส ประเทศอังกฤษ จะเห็นได้ชัดว่าทรงท�ำนุบ�ำรุงกิจการทหารเพ่ือ เป็นก�ำลังของบ้านเมืองตั้งแต่เสด็จด�ำรงสิริราชสมบัติ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๕๓ นอกจากทหารบก ทรงจัดตัง้ “กระทรวงทหารเรือ” ในปีเดียวกันทรงขยายกิจการกรมทหารเรือเดิมขึ้นเป็นกระทรวง แลว้ ทรงจดั ตง้ั “กองบนิ อากาศ” และดำ� เนนิ การใชพ้ ระราชบญั ญตั ิ การเกณฑท์ หารท่ัวประเทศ ทรงอบรมปลุกใจคนไทย ทงั้ ทางตรง และทางอ้อมให้รักชาติ ให้ส�ำนึกในหน้าที่ของคนไทยซ่ึงต้องมี ตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ใหร้ จู้ กั เสยี สละและมคี วามสามคั คี ในหม่คู ณะย่งิ ข้นึ 37

ทรงพระราชนิพนธ์บทปลุกใจประเภทต่างๆ ท้ังร้อยแก้ว รอ้ ยกรอง บทความ บทละคร บทเพลง ตลอดจนพระบรมราโชวาท ต่างๆ เป็นจ�ำนวนมาก ท�ำให้เกิดผลในด้านการปลุกใจและด้าน การปลกู ฝังความรกั ชาตใิ ห้แกค่ นไทยตลอดมาตราบปัจจุบัน พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั “สมเดจ็ พระมหา ธรี ราชเจา้ ” ของชาตไิ ทย แมพ้ ระราชกรณยี กจิ ทไี่ ดอ้ ญั เชญิ มาเพยี ง บางสว่ นกต็ าม ลว้ นเป็นคุณประโยชน์อเนกอนันต์แกป่ ระเทศชาติ ตลอดมาและจะมน่ั คงสบื ตอ่ ไปในอนาคต จงึ เป็นทปี่ ระจกั ษใ์ นน�้ำ พระราชหฤทยั ทท่ี รงแสดงความหว่ งใยประเทศชาตแิ ละประชาชน ชาวไทยตลอดเวลาแห่งพระชนม์ชีพ ซึ่งปรากฏในพระราชนิพนธ์ ท่อี ัญเชญิ มาเพยี งส่วนน้อย ดังต่อไปนี้ ยามยืนเดินนง่ั นอ้ ม กมล ร�ำลึกถึงเทศตน อยู่ยงั้ เป็นรฐั มณฑล ไทยอยู่ สราญฮา ควรถนอมแน่นตงั้ อย่เู พ้ียงอวสานฯ ใครรานใครรกุ ด้าว แดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดน้ิ เสียเน้อื เลือดหลัง่ ไหล ยอมสละ สิ้นแล เสียชพี ไปเ่ สยี สิ้น ชื่อก้องเกยี รตงิ ามฯ 38

หากสยามยังอยยู่ ง้ั ยืนยง เราก็เหมอื นอยคู่ ง ชีพดว้ ย หากสยามพนิ าศลง ไทยอยู่ ไดฤ้ ๅ เราก็เหมือนมอดม้วย หมดสน้ิ สกลุ ไทย จากพระราชนิพนธ์ สยามานสุ สติ รว่ มชาตติ ้องรว่ มรกั และสมคั รสามคั คี จงรกั ษะภกั ดี ต่อพระปน่ิ นรากร ทั่วกนั จงกั่นกาจ รกั ษาชาติสโมสร ศาสนาใหถ้ าวร อสิ ระอวสาน ใหเ้ กียรติขจรจบ บรรฦๅลบถึงบาดาล เทพไทในวิมาน ให้สรรเสริญทงั้ โลกาฯ จากพระราชนิพนธ์บทละคร หนามยอกเอาหนามบ่ง 39

ไทยรวมก�ำลงั ตงั้ ม่ัน จะสามารถปอ้ งกันขนั แขง็ ถงึ แม้ว่าศตั รผู ู้มแี รง มายุทธ์แย้งกจ็ ะปลาตไป ขอแตเ่ พยี งไทยเราอยา่ ผลาญญาต ิ รว่ มชาติร่วมจิตเป็นข้อใหญ่ ไทยอย่ามงุ่ ร้ายท�ำลายไทย จงพรอ้ มใจพรอ้ มกำ� ลงั ระวงั เมอื ง ใหน้ านาภาษาเขานิยม ชมเกยี รติยศฟเู ฟอ่ื ง ช่วยกนั บำ� รงุ ความรงุ่ เรือง ให้ชอื่ ไทยกระเดื่องทัว่ โลกา ช่วยกันเต็มใจใฝ่ผดงุ บ�ำรุงทั้งชาตศิ าสนา ให้อยู่จนส้ินดนิ ฟา้ วฒั นาเถิดไทย ไชโย จากพระราชนิพนธ์บทละคร พระรว่ งคำ� กลอน จากพระราชนิพนธ์ดังกล่าวน้ี สมควรท่ีชาวไทยทุกคน จะน้อมรับไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมและปฏิบัติตาม เพื่อช่วย กนั จรรโลงประเทศชาตขิ องเราใหเ้ จรญิ วฒั นาถาวร ดำ� รงความเปน็ ไทยอยูต่ ลอดกาลนริ นั ดร 40

๑๐. พระบรมราชานุสรณ์ พระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว ท่ีพระราชทานไว้แก่ประเทศและประชาชนชาวไทย เป็นรากฐานความเจรญิ ทเ่ี ชอ่ื มต่อสูค่ วามกา้ วหนา้ ในปัจจุบนั อยา่ ง กว้างขวาง รัฐบาลและหลายหน่วยงานได้สร้างสิ่งอนุสรณ์ขึ้นไว้ สกั การบชู า ดงั เช่น พระบรมราชานสุ าวรยี ์ ณ สวนลมุ พินี รฐั บาลในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ท มหิดล พระอัฐมรามาธบิ ดนิ ทร รชั กาลที่ ๘ ได้ร่วมกบั ประชาชน สรา้ งพระบรมราชานสุ าวรยี พ์ ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประดิษฐานอยดู่ า้ นหน้าสวนลมุ พนิ ี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เปน็ พระบรมรูปทรงเคร่อื งแบบทหารบกเตม็ ยศ พระหัตถข์ วาทรง ถอื คธา พระหัตถซ์ า้ ยทรงถือพระแสงกระบี่ เม่ือวนั ท่ี ๒๘ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ไดม้ พี ธิ เี ปดิ พระบรม ราชานสุ าวรีย์ และทางราชการได้กำ� หนดให้วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน อนั เปน็ วนั คลา้ ยวนั เสดจ็ สวรรคตของพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หัว เป็นวันส�ำคัญของชาติ เป็นวันพระราชพิธี มีการถวาย บังคมพระบรมรูปดว้ ยพานพุม่ ประจำ� ทุกปีตลอดมา 41

พระบรมราชานสุ าวรยี ์ ณ โรงเรียนวชิราวธุ วิทยาลัย พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว ประดิษฐาน ณ โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ซ่ึงเป็นสถานศึกษาที่พระองค์พระราชทาน ก�ำเนิด เป็นพระบรมรูปทรงพระภูษาโจงกระเบน ฉลองพระองค์ แบบผา่ อกคร่งึ กลดั กระดุม ๕ เม็ด คอตง้ั แขนยาวพับปลายขอ้ มือ มผี า้ คาดฉลองพระองคผ์ กู หอ้ ยชายไวข้ ้างซา้ ย พระหตั ถซ์ ้ายทรงถอื พระแสงดาบคาบค่าย พระหัตถ์ขวาทรงถือช่อชัยพฤกษ์ ที่ฐาน พระบรมราชานุสาวรยี ์ มีขอ้ ความว่า …เจ้าเหล่านี้ ข้าถือเสมอื นลกู ขา้ ส่วนตัวเจา้ เจ้าก็ตอ้ งรสู้ ึกว่าขา้ เป็นพอ่ เจ้า ธรรมดาพ่อกบั ลกู พอ่ ยอ่ มอยากให้ลกู ได้ดีเสมอ ถา้ ลกู ประพฤตติ ัวดีสมใจพ่อ พ่อก็มีใจยนิ ดี ถา้ ลกู เหลวไหลประพฤตแิ ตค่ วามเสื่อมเสีย พ่อกโ็ ทมนัส ลูกคนใดท่ีประพฤตติ นเลวทรามต่�ำช้า เปน็ เหตุให้พ่อไดค้ วามโทมนัส ลกู คนนั้นเปน็ ลกู เนรคณุ พอ่ … 42

พระบรมราชานสุ าวรยี ์ ณ จังหวัดนครปฐม กองลกู เสอื มณฑลนครชยั ศรที ี่ ๑ โรงเรยี นพระปฐมวทิ ยาลยั จังหวัดนครปฐม ได้ปฏิบัติการเป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นอัน มาก ในระหว่างท่ีเสด็จประทับพักแรมที่พระราชวังสนามจันทร์ จงึ พระราชทานเงิน ๖๐ บาท และให้สิทธิแต่งตัวพเิ ศษกวา่ ลูกเสือ กองอ่ืนๆ คือหมวกเสียบขนนก และมีขลิบเหลืองโดยรอบหมวก นับเปน็ เกยี รตปิ ระวัติแก่ลูกเสือจงั หวดั นครปฐม จังหวัดนครปฐมร่วมด้วยลูกเสือชาวบ้านและประชาชน จังหวัดนครปฐม ได้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ประดษิ ฐานอยกู่ ลางพระราชวงั สนามจนั ทร์ ดา้ นหลงั เทวาลยั คเณศร์ ในพระราชวงั สนามจนั ทร์ เปน็ พระบรมรปู ในเครื่องทรงชุดเสือป่าราบหลวง ประทับนั่งบนพระเก้าอี้อยู่บน ฐานส่ีเหล่ยี ม มคี ำ� จารกึ ที่พระบรมราชานุสาวรยี ์ ดังนี้ พระบรมราชานสุ าวรยี แ์ หง่ น้ี ชาวจงั หวดั นครปฐมได้ร่วมสร้างและประดิษฐานไว้ เพ่ือ เฉลมิ พระเกยี รตแิ ดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ - เจา้ อยู่หวั พระผพู้ ระราชทานก�ำเนดิ ลกู เสือไทย พระองค์ได้ทรงต้ังกองเสือป่า เมื่อวันท่ี ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ โดยฝกึ หดั ขา้ ราชการพลเรอื นใหร้ วู้ ชิ าทหาร และทรงตง้ั 43

กองลกู เสือข้นึ เมอ่ื วันท่ี ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ เพ่ือฝึกฝนและ อบรมเยาวชน นับเปน็ ประเทศทสี่ ามท่ีมกี ารลูกเสอื ขน้ึ ในโลก ด้วยพระปรีชาสามารถและพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณ เป็นประโยชน์ดังได้สรุปมาในตอนต้นๆ แล้ว จึงทรงได้รับการ ถวายพระราชสมัญญา “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” และองค์การ การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ยกย่องพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นบุคคลส�ำคัญของโลกด้านวัฒนธรรม ในโอกาสฉลองวัน พระราชสมภพครบรอบ ๑๐๐ พรรษา วนั ท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๔ “หอวชริ าวธุ านุสรณ์” ในบริเวณหอสมุดแห่งชาติ ทา่ วาสกุ รี พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้เปิดอาคาร “หอวชิราวุธานุสรณ์” ในบริเวณหอสมดุ แห่งชาติ ทา่ วาสุกรี เขตดสุ ติ กรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับพระราช กรณยี กจิ พระราชประวตั ิ ผลงานดา้ นวรรณกรรม ฯลฯ ของพระองค์ สำ� หรบั ใหป้ ระชาชนไดศ้ กึ ษาหาความรู้ได้ตลอดไปดว้ ย 44


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook