Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มีความสุขกับหุ้นปันผล by หมีส้ม เล่ม 3 revised 20140921 (small file)

มีความสุขกับหุ้นปันผล by หมีส้ม เล่ม 3 revised 20140921 (small file)

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-04-07 12:14:16

Description: มีความสุขกับหุ้นปันผล by หมีส้ม เล่ม 3 revised 20140921 (small file)

Search

Read the Text Version

หากเขา้ ลงทุนผดิ จงั หวะกจ็ ะทําใหข้ าดทุนมหาศาลได้ โดยเฉพาะอย่างยงิ ทดี นิ เป็นสงิ ทไี ม่ไดม้ งี บการเงนิ มาแจกแจงได้ อยา่ งหุน้ และอาจจะโดนหลอกลวงในเรอื งของเอกสารสทิ ธติ ่างๆ ได้ (ซงึ เกดิ ขนึ เป็นประจาํ ) ซงึ ในความเป็นจรงิ เรากจ็ ะพบวา่ เศรษฐที งั หลาย ชอบสะสมทดี นิ และเจ้าสวั ในอดตี กล็ ้วนแต่มที ีดนิ มากมาย ลูกหลานของเค้าทงั หลาย ก็เป็นผู้ทีเก็บกินประโยชน์ในทีดนิ ของบรรพบุรุษ อาจจะสรา้ งเป็นอาคารปล่อยเช่า หรอื อาจจะตัดขายนําเงนิ มาลงทุนในโอกาสต่างๆ และสงิ ทีเป็นแหล่งเงินทีสําคญั ผมเชอื ว่าก็มาจากทีดนิ หรือ อสงั หารมิ ทรพั ยท์ สี ะสมไวท้ งั นนั แมแ้ ต่การลดความเสยี งในการดาํ เนินธุรกจิ นกั ธุรกจิ กจ็ ะนําเงนิ มาฝงั ไวใ้ นรูปของทีดนิ เพอื ใหม้ ลู คา่ เตบิ โตอยา่ งมนั คง เรอื งการลงทุนใน ”ทีดิน” นี จึงเป็นเรืองทีได้รบั การพิสจู น์แล้วจากหลายๆ เหตุการณ์ทีผมไดป้ ระสบพบ เจอมาโดยตรง สรปุ เป็นความคดิ อนั สาํ คญั ยงิ ทอี ยใู่ นหวั เป็นสงิ ที “คนทเี ชอื มนั ในการลงทุนในหุน้ ปนั ผล ” อย่างผมเอง ยงั ตอ้ งยอมรบั วา่ “การลงทุนในทดี นิ ทีมศี กั ยภาพชดั เจนในชว่ งเวลาทดี ี โดยไดส้ ทิ ธิครอบครองเป็นโฉนดทีชดั เจน” เป็นสงิ ทวี เิ ศษทสี ดุ ไมว่ า่ จะเปรยี บเทยี บกบั การลงทุนประเภทอืนในระยะยาว สําคญั แต่เพยี งวา่ เรามกี าํ ลงั เงนิ มากพอ ในการลงทุนหรอื ไมเ่ ท่านนั เอง 51 | P a g e

บทที 20 บทสรปุ ของหนงั สือเลม่ นี บทสรุปนี ก็คงไม่ได้กล่าวถึงสิงใดเพิมเติมจากเนือหาในเล่ม เพียงแต่จะขอตัดบทให้ตรงไปตรงมา แบบไม่ยืดเยืออ้อมค้อมก็คอื ว่า วตั ถุประสงค์ของหนังสือ ยงั คงเด่นชดั ตังแต่เล่มแรก มาจนจบเล่มทีสาม ก็คือ การมุ่งหวงั ใหผ้ อู้ ่านไดร้ บั ความรแู้ ละไดเ้ ลง็ เห็นถึงโอกาสในการ “ลงทุน” ผ่าน “ตลาดหลกั ทรพั ย์” ซงึ ไม่ตอ้ งใชเ้ วลา มากนักเมอื เปรียบเทียบกบั การลงทุนประกอบกจิ การด้วยตนเองหรอื การลงทุนในรูปแบบอืนๆ และขณะเดียวกนั กย็ งั ไดผ้ ลตอบแทนมากกวา่ เงนิ ฝากธนาคาร หุน้ กู้ หรอื พนั ธบตั รรฐั บาล แต่ถงึ แมก้ ระนนั การ ”ลงทุน” ผา่ นตลาดหลกั ทรพั ย์ กย็ งั แฝงไปดว้ ยการ “เกง็ กําไร” หรอื อาจจะมี “มจิ ฉาชพี ” ล่อหลอกใหเ้ รา “ลงแทง” แทนทจี ะ “ลงทุน” ทาํ ใหเ้ งนิ เกบ็ ซงึ เราคาดหวงั วา่ จะใหเ้ ติบโตดจุ ดงั การปลูกไมย้ ืนตน้ เพอื เกบ็ กนิ ดอกผล กลายเป็นการปลูกวชั พชื ซงึ ไมไ่ ดอ้ ะไรกลบั มานอกจากความสูญเสยี เงนิ ลงทุน ซึงท่านทงั หลายกค็ งพอจะ ทราบในรายละเอยี ดมาบา้ งแลว้ (จากคาํ บอกเลา่ หรอื ประสบการณ์ตรง) เป็นทีแน่นอน การเกง็ กําไร ทําให้ “กําไร” ของคนหนึง มาจากการ “ขาดทุน” ของคนหนึงหรอื หลายคน แลว้ ถา้ มคี นกาํ ไรมหาศาล 1 คน แลว้ ใครจะเป็นผขู้ าดทุน ถ้าเราคดิ อย่างเป็นเหตุเป็นผล เรากจ็ ะทราบวา่ การเกง็ กาํ ไร ในตลาดหลกั ทรพั ย์เป็นเรอื งที เสยี งมาก กค็ งคล้ายๆ กบั การเออื มมอื ไปควา้ ทองทอี ยู่รอบบอ่ นําทีรายล้อมดว้ ยงูพิษ แม้จะคว้าทองได้เกา้ ครงั บางทีครงั ทีสิบเราก็ยังอาจจะเสียชวี ิตไดอ้ ยู่ดี ดงั นันแนวทางทีผมเชือว่าถูกต้อง ก็คือ การลงทนุ และหวงั การเติบโตคู่ไปกบั บรษิ ทั และหากบรษิ ทั ไม่เติบโตเรากค็ งจะตอ้ งพจิ ารณาถอนการลงทุน ซึงทําได้ โดยงา่ ยเพยี งสงั ขายหุน้ หรอื กองทนุ ออกมา อยา่ งไรเสยี ผมกไ็ ดพ้ ยายามเป็นอย่างยิงทีจะนําเสนอในทุกมุมทุกดา้ นของการลงทุน เพือใหท้ ่านทงั หลาย ไดน้ ําไปศึกษาเปรียบเทียบ โดยเฉพาะอย่างยิงในเล่มนีไดก้ ล่าวถึงการลงทุนใน “กองทุนรวม” ค่อนข้างชดั เจน อนั เนอื งมาจากว่า “การรอคอยจงั หวะเวลาทเี หมาะสม” อาจจะไมส่ ามารถทําไดจ้ รงิ หากเศรษฐกจิ ตกตําหรอื เฟืองฟู ตดิ ต่อกนั ยาวนาน (ดงั ทกี ลา่ วถงึ ในบทกอ่ นหนา้ นี) กจ็ ะทําใหเ้ สยี โอกาสในการสรา้ งความมงั คงั ไปได้ แมก้ ระนัน โดยส่วนตวั กย็ งั เชอื วา่ “จังหวะทีดใี นการลงทุน” ในวนั ทีหุ้นคุณภาพมรี าคาถูกจากวกิ ฤตการณ์ ทางเศรษฐกจิ จะตอ้ งผา่ นมาให้ทุกท่านไดเ้ ขา้ ลงทุนอย่างแน่นอน เพียงแต่เราทงั หลายจะพรอ้ มในเวลานันๆ หรอื ไม่ เท่านนั เอง ซงึ ตวั ผมเองนีกร็ สู้ กึ เป็นเกยี รตอิ ย่างยงิ ทที า่ นผอู้ า่ น (ซงึ ถา้ อา่ นมาถงึ หนา้ นี กน็ ่าจะอ่านไปเกอื บทงั เล่มแล้ว) ไดส้ ละเวลาศกึ ษาหาความรจู้ ากหนังสอื เล่มนี ซึงมุ่งหวงั ทีจะเป็นสว่ นหนึงในการสร้างความพรอ้ มในการลงทุนให้ แกท่ ุกทา่ น และจะไดน้ ําไปตอ่ ยอดสรา้ งความเจรญิ กา้ วหนา้ แกช่ วี ติ ของผอู้ ่านทุกทา่ นตอ่ ไป สดุ ทา้ ยนี ขอใหท้ กุ ท่านประสบผลสาํ เรจ็ ในการลงทุนและดํารงตนดว้ ยสตแิ ละถึงพรอ้ มดว้ ยความไม่ประมาท ขอขอบพระคณุ อกี ครงั ครบั 52 | P a g e

บทความในเพจ Facebook “มีความสขุ กบั ห้นุ ปันผล by หมีส้ม” 53 | P a g e

การลงทนุ ห้นุ ปันผล – Passive income เพือความมันคงในชีวติ พอดไี ด้หยดุ ยาว เลยมเี วลาว่างมานังพิมพ์อะไรบ้าง.. สหายหลายๆ ท่านทีได้เสียสละเวลาอ่านหมีส้มทังเล่ม 1 และ 2 จนจบ แล้วยังต่อเนืองมาปรึกษาหมีเกียวกับแผนการลงทนุ ว่าทําถูกแนวทางหรือไม่ หมีส้มจะตอบในหลายๆ ประเดน็ รวดเดยี วเลยนะ.. เรืองแรกกค็ อื เราไม่ต้องสนใจวา่ สงิ ทีเราทํา เป็ น Value Investor หรือไม่ เกง็ กาํ ไรรเึ ปลา่ ขอให้เรายดึ ถือผลลพั ธ์ ทไี ด้เป็ นสาํ คญั ซงึ ผลลพั ธ์ทีเราต้องการกค็ อื การได้ปันผลจากห้นุ ในระยะยาว กอ่ ให้เกดิ รายได้มากมายและเติบโตต่อเนือง หรือทีเรียกกันว่า “Cash cow” การทีเราลงทุนในหุ้นปันผล ก็เพราะเราต้องการลงทุนใน “ธุรกิจทีดี” ทีมี “การเติบโต สมาํ เสมอ” โดยเราจะต้องไม่อาศยั ความรู้สกึ เราอาศยั ข้อมูลในอดีตย้อนหลงั 10 ปี (ซงึ ก็แน่นอนว่าอาจจะคลาดเคลือนก็ เป็ นได้ แตก่ ็ยงั ดกี ว่าทจี ะไมม่ ีอะไรชีวดั เลยเนอะ) สรุปก็คือ เรากาํ ลงั ทาํ ธรุ กิจ ซงึ หมายความว่า เราก็ต้องทําตวั เป็ นนักธุรกิจ คือเลง็ เหน็ ดอกผลจากการลงทนุ ในระยะยาว มิใช่ว่าห้นุ ขนึ ลงวนั สองวัน หรือสปั ดาห์สองสปั ดาห์เราก็ขายทิงแล้ว ประเด็น สาํ คญั คอื “เรายดึ ความสบายใจเป็ นหลกั ” และเราต้อง “กนิ ได้ นอนหลบั ” เมือเราลงทนุ .. เรืองทสี อง จากการทีเราต้องเป็ นนักธุรกิจ นกั ธุรกิจทีดี ก็มกั จะมองเห็นถงึ โอกาสและความเสยี ง ความถูกแพง ของสงิ ทีจะได้มา ถ้าเราเป็ นนกั ธุรกิจทีดี แล้วเราไปซือกิจการทีราคาสงู ทงั ทีกําไรน้อยและอาจจะตามกระแส นกั ธุรกิจ กอ็ าจจะรีบๆ ขายมนั ออกไปในราคาแพงกว่า หรือถ้าเหน็ ท่าไมด่ กี ็จะถอยกอ่ น ในขณะทีหากเค้าเจอธุรกิจทีดี ทีมีกําไรและ อตั ราการเตบิ โตสมาํ เสมอ เค้ากอ็ าจจะรอคอยให้อย่ใู นราคาทีเหมาะสม แล้วค่อยเข้าลงทุน จากนนั ก็ถือเอาไว้ตราบเท่าที มนั ยงั เป็ นธุรกจิ ทีดี (มีอตั ราการเติบโตเป็ นไปตามทีตงั เป้ าไว้) หรือไม่งนั กอ็ าจจะได้มโี อกาสขายออกไป หากมีคนทีต้องการ เข้ามาซอื และให้ผลตอบแทนเป็ นทนี า่ พอใจ เรืองทสี าม จากเรืองที 1 และ 2 จะเหน็ ได้วา่ ทกุ อยา่ งมนั เป็ นเรืองทีเราๆ กร็ ู้กนั อยู่ ซงึ มนั กเ็ ป็ นเรืองที “พดู ง่าย แต่ ทาํ ยาก” ซงึ จริงๆ แล้วเรืองนี หมียนื ยนั ว่ามนั กไ็ มไ่ ด้ทํายากเสมอไป แต่อาจจะเป็ นเพราะเรายังไม่มันใจในการลงทุนในหุ้น และราคาทีสวิงตวั ของหุ้นทําให้จิตใจเราสนั คลอน สมัยเด็กๆ หมีจําได้ว่า เคยลงทนุ กิจการหมดเงินไปหลายแสน ตวั เอง รู้สึกว่าได้นําได้เนือ ไม่เสียดายเท่าไหร่ แต่พอหุ้นทีถือตกลงมาหลักแสนพอๆกัน กับรู้สกึ ว่าทนไม่ได้ ทังๆ ทีมูลค่า การเสยี หายแทบจะเท่ากนั (แตธ่ รุ กิจของหุ้นยังดีอยู่) เวลาผ่านไปเงินทีลงในกิจการไม่มีวันได้คืนกลบั มาเพราะละลายไป หมดแล้ว ส่วนหุ้นทีถือเด้งกลับมาจนมีกําไรพอสมควร อันนีก็ต้องให้เครดิตตัวเองทีซือหุ้นทีมันคง ในราคาทีไม่แพง จนเกินไป (แต่จะดีกว่าถ้าซอื ได้ตอนมนั วิกฤต 55) เรืองทสี ี จากเรืองที 3 เราจงึ เหน็ ได้วา่ การลงทนุ ในห้นุ ก็คือการทเี ราลงทนุ ในธุรกิจ ถ้าเรามีต้นทนุ ทีดี ในกิจการที โอเค เราก็ยังได้กินดอกผลของกิจการเหล่านัน ซึงมันจึงเป็ นเหตุผลว่า ทําไมหมีถึงชอบแนะนําให้ลงทุนในหุ้นตวั ใหญ่ หรือ “Blue Chip” นันก็เนืองมาจากความมนั คงและยืนยงยาวนานของมัน ซงึ มีความสามารถในการผูกขาดบางอย่าง ซงึ จะทาํ ให้มนั จะยงั คงอยตู่ ราบนานเทา่ นาน มนั เป็ นการล๊อคความเสียงปัจจัยทางธุรกิจให้กับเราจนเกือบหมด ทําให้เรา 54 | P a g e

มุ่งไปเพียงจุดเดียว คือ “ราคาห้นุ ” ว่าเหมาะสมหรือควรค่ากับการซือหรือไม่ หมีส้มขอเรียนว่า “การรอคอยทีเหมาะสม ในการลงทนุ เป็ นสงิ ทีสาํ คญั ” และถ้าเราเลอื กห้นุ ได้ดแี ละทาํ สาํ เร็จ เราอาจจะสบาย “ยนั ลกู บวช” เลยก้อได้นะ.. เรืองทีห้า ต่อเนืองมาจากเรืองที 4 ก็คือ หุ้นขนาดเลก็ ทีเติบโตดี หรือหุ้นเติบโตดีทีมี P/E สงู ลงทุนได้หรือไม่ หุ้นขนาดเล็กทีเติบโตดี เป็ นเรืองทีดี แต่เราอาจจะกงั วลเรืองความสมําเสมอหรือต่อเนือง เพราะถ้าปี ใดมันไม่เป็ นไป ตามนนั มนั อาจจะทรุดฮวบลงไปเลย เพราะขนาดของห้นุ ขนาดเล็ก มันไม่ได้ทนทานต่อเจ้าใหม่ทีอาจจะมีทุนสงู เข้ามาตี ตลาด เพราะทุกวันนีคนแย่งกันทํามาหากิน ทําธุรกิจ อะไรทีมีช่องว่างหรือ GAP รอไม่นานก็จะมีคนเข้ามาแข่ง ยกเว้นเสยี แตเ่ ราจะเจอห้นุ Super stock จริงๆ คือมีความเก่งและเก๋าเฉพาะด้านจริงๆ (บ้านปเู คยมีราคาอยู่ที 15 บาท ด้วยนะ เมือ 10-15 ปี ทีผ่านมานีเอง ใครทียังไม่ขาย เค้ าก็คงไม่อยากขายแล้วล่ะมัง กินปั นผลก็เพียงพอแล้ว) สว่ นห้นุ ที P/E สงู และ P/BV สงู มากๆ มนั จะยืนด้วยความคาดหวงั จากข้อมูลในอดีต ทีเราคาดว่ามันจะโตอย่างต่อเนือง ทงั ๆทตี ลาดมนั อาจจะอิมตัวหรือไม่ได้มีช่องว่างมากเหมือนกบั ในช่วงแรกๆ วันใดทีมันชลอตัว ระดับราคาจะหลน่ ฮวบๆ ทนั ที ทงั หมดนีจงึ เป็ นเหตผุ ลทที าํ ไมเราถงึ ต้องดหู ้นุ ขนาดใหญ่ทีเตบิ โตต่อเนือง และดยู ้อนหลงั เป็ นสบิ ๆ ปี โดยเฉพาะธุรกิจ ทผี กู ขาดโดยทไี ด้สมั ปทานหรือได้สทิ ธิพิเศษบางอย่าง หรือผกู ขาดตลาดด้วยตวั มนั เอง อนั นีหมีส้มจะชอบมากเป็ นพเิ ศษ เรืองทีหก หลายคนสงสยั ว่า จะเข้าซือเมือใดดีน่อ คําตอบก็คือขึนอยู่กบั ความพงึ พอใจของแต่ละคน รับได้ที ราคาไหน ผลตอบแทนเท่าไหร่ ถ้าเราเลอื กหุ้นแบบทีหมีส้มกล่าวมาแล้วนัน สงิ ทีเราต้องรออย่างเดียว คือ “ราคา” หมีส้ม มีเรืองจะเล่าให้ฟัง ว่าเมือปี 2550 มีเพือนหมีมาถามว่า หม่าม๊าอยากลงทนุ ห้นุ เอาตวั ไหนดี แกกล้าๆกลวั ๆ เพราะเข็ด ปี 2540 หมกี เ็ ลยแนะนําห้นุ AAA (ในเล่มที 2) ไปให้เค้า เค้าก็ซือไปทีราคา 80 บาท ซือไปหลายล้านบาทอยู่.. ตอนนนั ปันผลเกือบ 5 บาท ก็ได้ราวๆ 5% กว่า ซึงเค้าก็พึงพอใจ ดีกว่าเงินฝาก แต่ก็ยังกังวลเรืองความเสียง พอปี 2551 วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ร่วงลงไปถงึ 50-60 บาท พอเราเช็คดผู ลประกอบการแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้แย่ลงไปเลย กระแสเงินสด ก็ยงั ดี ก็เลยซือเพิมไปอีก ทําให้มีหุ้นเพิมขึนมาเท่าตวั ทีต้นทนุ เฉลียที 70 บาท มาปัจจุบันหุ้นตัวนีก็ราคาดีดกลบั มาที 130 กว่าบาท และเคยไปที 160 บาทด้วย แต่หม่าม๊าไม่สนใจราคาหุ้นแล้ว เพราะหม่าม๊าได้ปันผลตอนนี ปี ละ 6 บาท ได้มาเกือบ 10% ต่อปี ซึงแฮปปี มากๆแล้ว สิงทีหม่าม๊าบอก มีเพียงอย่างเดียว คือ ให้หมีดูกิจการให้หน่อย ว่าเรืองมี สญั ญาณไม่ดีรึเปล่า หมายถงึ งบการเงินหรือกระแสเงินสดแย่ลงบ้างไม๊ ถ้าวนั ไหนมนั เริมไม่ดีแล้ว แกค่อยขายออก.. ซงึ จากเรืองทีเลา่ มา ถ้าหม่าม๊ามัวแต่รอราคาทีถูกทีสดุ อาจจะไม่ได้ซือเลยก็ได้ ดังนนั จงึ ควรซือในราคาทีเราคิดว่ามัน สมเหตสุ มผล แต่ยําวา่ มนั ต้องเป็ นธุรกจิ ทดี ี และต้อง “รอคอยเวลา” แตไ่ มใ่ ช่รอ “ราคาทีถกู ทีสดุ ” เรืองทีเจ็ด ทีนีหลายคนจะเริมงง บอกว่า เอ๊ะ!! “เด๋วให้รอ” เด๋วให้ “ซือไปเลย” หมีส้มจงึ ขยายความให้สกั นิด การซือไปเลยนนั คือซือในราคาทีเหมาะสม และ รอให้ราคามันเหมาะสม ถามว่ายดึ จากอะไร อย่างแรก หมีส้มดู ROE ย้อนหลงั เอามาหาร P/BV ปัจจุบัน ถ้าได้ย้อนหลงั 10 ปี เฉลียเกิน 12% ถือว่าพอโอเค แต่ในหนงั สอื หมีอยากให้รอ “วิกฤต” เพราะวิกฤต นํามาซงื “โอกาส” ทีจะซือห้นุ ทีดีในราคาทีตาํ มากๆ เพราะทกุ คน “เจ๊ง” กนั ไปหมดแล้ว การทีซือห้นุ ที บอกว่า 12% เฉลีย เราก็อาจจะซือไปครึงหนึงหรือบางส่วน และเก็บอีกครึงไว้รอวิกฤต ก็เป็ นไปได้ จะได้ไม่ตกรถเนอะ สาํ คญั แตว่ ่าจะหาห้นุ 12% เฉลยี มนั ยากเหลอื เกิน.. แต่ถ้าเป็ นช่วงวกิ ฤต ของบอกวา่ เพียบ... 55 | P a g e

เรืองทีแปด หากเลือกทีจะลงทนุ แวะดูกราฟราคาย้อนหลงั หน่อยก็ดี จะได้รู้ความเป็ นไปของธุรกิจทีเราลงทนุ เพราะกราฟจะสะท้อนราคา และเราเอามาเปรียบเทียบกับข้อมูลสถิติการประกอบการจริงทีเราได้ ว่ามันเป็ นอย่างไร ช่วงวิกฤตกําไรตกจริงไม๊ อย่างไร ถ้าสงสยั อะไรขึนมาจริงๆ ให้ไปดูที “กระแสเงินสด” ซึงมันจะตอบทุกอย่าง เพราะ บางกิจการมีกําไร แต่ต้องเอาไปลงทนุ ต่อเรือยๆ มันก็กลายเป็ นว่า กิจการมีกําไร แต่กําไรเราเอามาใช้ไม่ได้ ไปลงกับ พวกเครืองจกั รอะไรมากมาย ซงึ พอมนั เสอื มค่ามูลค่ามนั ก็ละลายลงไปเรือยๆ แต่ถ้าได้กําไรเอามาปันผลและยังเติบโตได้ อกี อนั นดี มี าก.. เรืองทีเก้า หลายคนยงั สงสยั ว่า กิจการทีเราลงทุนจะล้มหายตายจากได้หรือไม่ เมือเกิดวิกฤต นีเป็ นเหตุผลที ทําไมเราถึงเลือกหุ้น Blue chip เพราะหุ้นเหล่านีมักจะเป็ นผู้นําตลาด ถ้าเศรษฐกิจจะพัง ตัวเล็ๆ มันจะไปก่อน หมีส้มแนะนําให้เวลาเราดูหรือเลือกหุ้น ให้เลอื กหุ้นทีหนีสินน้อยๆ (หรืออย่างน้อยก็ตํากว่าค่าเฉลียของอตุ สาหกรรม) ซงึ หมีส้มจะชอบมาก เทคนดิ ในการเลอื กห้นุ ทงั หลายนนั เวลาเราจะวดั อะไรสกั อยา่ ง ให้พยายายามหาตัวทีธุรกิจใกล้เคียง กนั และเปรียบเทียบสดั สว่ นทางการเงิน นนั หมายความวา่ เราจะได้รู้จกั อตุ สาหกรรมนันมากขนึ ด้วย นอกไปจากนี เราเอง กต็ ้องพยายามอ่านบทความหรือความเห็นผ้บู ริหารในอตุ สาหกรรมนนั ๆ จะได้มขี ้อมลู มากขนึ ก็เราเป็ นนกั ธรุ กจิ แล้วนีนา เรืองทีสบิ เรืองสดุ ท้าย ต้องรู้จกั “กระจายความเสียง” อย่าไปมันใจกบั อะไรทีมากจนเกินไป เพราะมนั อาจจะ ไม่ได้เป็ นอย่างทีเราคิด ไม่เฉพาะเรืองการลงทุนแต่หมายถึงเรืองทัวๆ ไปด้วย นอกจากนีก็ต้องพยายามทําใจ คือ “ปล่อยวาง” บางส่วน ในกรณีทีพลาดหวัง มันจะทําให้จิตใจของเรามีเสถียรภาพมากขึน และเราจะมีความสขุ ขึน เอาเฉพาะเรืองลงทนุ ห้นุ เชือไม๊วา่ หลายๆ คนไมไ่ ด้เจ๊งห้นุ เพราะเลอื กห้นุ ผดิ นะ แต่เจ๊งห้นุ เพราะ “ตัดสินใจผิด” เร็วไปบ้าง ช้าไปบ้าง กลวั ไปบ้าง หรือมีกําไรไม่ทนถือบ้าง เค้าเรียกว่า “แพ้หัวใจตัวเอง” หมีส้มเองก็เป็ น ก็คือ “แพ้หวั ใจตัวเองมา 10 ปี ” เพงิ จะมาชนะได้เมือ 2-3 ปี นีเอง ไม่งนั รวยกว่าบลิ เกตต์ไปละ.. ล้อเลน่ นะคฟั .. สดุ ท้ายนีขอให้ทกุ คนโชคดีในการลงทุนนะคับ หวังว่าบทความและหนังสอื หมีส้ม จะเป็ นประโยชน์บ้างไม่มาก กน็ ้อย ยงั ไงอย่าเพงิ เชอื หมี ให้ลองนําไปไตร่ตรองและปรบั ใช้ดนู ะครับ.. 56 | P a g e

Forward P/E และ Super stock มนั หายากจังนะ.. หมีส้มอา่ นเจอในหนงั สอื บ่อยๆ เค้าว่า “ให้ซอื ห้นุ ทีดเี ยียมในราคาปานกลาง ดีกว่าซือหุ้นปานกลาง ในราคาตํา” เข้าใจวา่ คนทีกลา่ วกค็ อื ปรมาจารย์วอร์เรน บฟั เฟตต์ (Warren Buffet) ซงึ เค้าได้ประยกุ ต์เอาแนวทางการวิเคราะห์ห้นุ ของ เบนจามิน เกรแฮม (Benjamin Graham) บิดาแห่งการวิเคราะห์มูลค่าห้นุ มาปรับใช้หลงั จากทีบัฟเฟตต์เองได้เข้า ร่วมงานกบั อาจารย์ของเค้าอย่หู ลายปี ซงึ ห้นุ ทีดีเยียมในราคาปานกลาง ก็คือ ห้นุ Super Stock ทีมาอตั ราการเติบโตสงู และกําไรโตอย่างก้าวกระโดดสมาํ เสมอ จนทาํ ให้คา่ P/E ปัจจบุ นั ทเี กดิ ขนึ ทีดเู หมือนสงู (PE อาจจะ 10-30 เท่า) ลดลงมา ในอนาคต เค้าก็เลยบอกๆกนั วา่ ให้มองที Forward P/E หรือ P/E ในอนาคต (ซงึ คาดวา่ จะตําลงมา) นนั เอง ทีนีก้อเลยมีคนมาถามหมีว่า “ทําไมหมีไม่ชอบซือหุ้นทีดีเยียมในราคาปานกลาง แต่ว่าไปซือหุ้นปานกลาง ในราคาตํา” หมีก้อเลยตอบไปว่า “ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่หมีไม่รู้ว่าหุ้นตวั ไหนเป็ นหุ้นทีดีเยียม กว่าหมีจะรู้ว่ามนั เป็ น Super stock คนกร็ ู้กนั หมดทงั ตลาดแล้ว คือรู้พร้อมกบั คนอืน แล้วราคาก็ดีดไป 5-10 เท่าแล้ว ซึงมันก้อคงไม่ใช่ราคาทีจะเข้าไป ซือแล้ว” ดงั นนั จะเห็นได้ว่า หมีส้มก็ยดึ แนวทางการลงทนุ ในห้นุ แบบทปี ถุ ชุ นทวั ไปเค้าลงทนุ กัน คือการเอาข้อมลู ย้อนหลงั มาดดู ้วยเหตดุ ้วยผล ถ้าระดบั ราคากับผลตอบแทนอย่ใู นจุดทีเราพอใจ (ของหมีคือ ROE เฉลียที 12% ต่อปี ) เราก็เข้าซือ เป็ นไปตามแนวทางทีเขียนในหนังสือหมีส้มทังสองเล่มชัดเจน ยิงเป็ นหุ้นขนาดใหญ่ทีผูกขาดกิจการระดับประเทศ หรือพวกขายไฟฟ้ า ยิงชอบใหญ่เบยย.. ทีเอามาเลา่ ส่กู นั ฟัง เพราะว่าในตลาดมีหุ้น Super Stock หรือห้นุ เทพๆ มาให้เห็นอย่เู นืองๆ และก้อจะมีเทพ (ซงึ อาจจะเป็ นเพียง 0.01% ของคนทงั ตลาด) มาโชว์สเตปว่าได้กําไรเท่านันเท่านี ซึงเราก้อยินดีกบั เค้า เพราะคนทีจะได้ กําไรมหาศาลตรงนี ก้อคงจะมีเพียงกล่มุ เจ้าของหุ้นทีรู้ข้อมูลลว่ งหน้า กบั กล่มุ มหาเซียนทีได้กล่าวมาขันต้น ซึงอาจจะได้ เคลด็ วิชาบางอยา่ ง หรืออย่ใู นตลาดมานานจนแตกฉาน.. ประเดน็ ก็คือว่า ช่วงทีผ่านมา หมไี ด้คยุ กบั หลายๆ คน ทีได้ไปซือห้นุ เทพเหลา่ นี แล้วปรากฏว่าติดลบไปถึง 30% ก็มี หรือ 50% ก็มี และได้ ถามหมี ว่าควรทําอย่างไร.. หมีถามไปว่าทําไมถึงซือตัวนี ก็ได้ รับคําตอบกลับมาว่า “มนั เป็ นห้นุ โตเร็ว เลยคดิ ว่าราคามนั จะขนึ สงู ไปเรือยๆ” หรือไมก่ ้อ “ซอื หวงั ว่าจะกินปันผล ระยะยาว แต่พอราคาร่วงลงมา ก็อดทาํ ใจไม่ได้” หมีจบั ประเดน็ ได้มาหนงึ อนั กค็ ือ ซอื เพราะหวงั วา่ ในอนาคตมันจะดี (ซึงมันก็อาจจะดีก้อได้) แต่ก่อนทีจะ ซือเราต้องลองพิจารณาอย่างเป็ นเหตุเป็ นผล คือ เรืองแรก “หุ้นทุกตัวมนั ก็ดี แต่มนั ดีทีราคาเท่าไหร่” และเรืองทีสอง “การเตบิ โตของมนั จะเป็ นไปในทางใดได้บ้าง” เรืองแรก “หุ้นทุกตัวมันก็ดี แต่มันดีทีราคาเท่าไหร่” นัน หมีหมายความว่า สมมติเราอยากซือหุ้นตัวหนึง ซึงเราบอกว่ามันเติบโตสมําเสมอ สมมติปี ละ 40% ถ้าหมีคิดว่า มนั จะเติบโตแบบนีไปอีก 5 ปี เท่ากบั ว่า หมีเอามูลค่า ปัจจบุ นั คณู อตั ราการเติบโต ก็คอื (1*1.4*1.4*1.4*1.4*1.4) กเ็ ท่ากบั 5.37 หมายความว่าราคามนั อาจจะสงู ไปได้อีก 5.37 เท่าในสายตาของหมี แต่ปรากฏว่าวนั ทีหมีคิดได้แบบนี ราคามนั ได้ขยบั ขึนมา 5-10 เท่าแล้ว ซึงก็เท่ากบั ว่าเราก็ ไม่ได้ประโยชน์จากการเติบโตนีเลยรึเปล่า และยิงไปกว่านัน ถ้าหากว่ามันไม่โตตามเป้ าล่ะ.. เพราะเราคาดหวงั ว่ามนั จะ 57 | P a g e

เติบโตไปเรือยๆ และพอมนั ไม่โตตามเป้ า ราคามนั ก็เลยร่วงลงมา ดงั ทีเห็นกนั ในห้นุ หลายๆตวั ซึงตวั ธุรกิจของมันดีเยียม แนน่ อน แตร่ าคากลบั ขนึ ไปสงู มากจนน่าตกใจคบั .. เรืองทสี อง “การเติบโตของมัน จะเป็ นไปในทางใดได้บ้าง” ส่วนมากการเติบโตของหุ้น Super Stock เกิดจาก การทีรายได้ เพิมสูงขึน ในขณะทีต้ นทุนตามไม่ทัน อาจจะเนืองมาจากต้ นทุนค่าระบบ ค่าใช้ จ่ายส่วนกลาง (Overhead cost) ไม่เพมิ ขนึ ทาํ ให้เวลายอดขายโต หรือสาขาเพมิ ทาํ ให้อตั รากําไรสงู ขึน ยกตวั อย่างเช่น ร้านสะดวกซือ ทีต้องลงทนุ ค่าระบบและคนดูแลระบบกระจายสินค้า สมมติ 5 ล้านบาท ถ้ามี 100 สาขา ก็ตกเป็ นต้นทนุ สาขาละ 50,000 บาท (5,000,000/100) แต่พอมี 1,000 สาขา ปรากฏว่าต้นทุนอาจจะเพิมอีก 2 ล้านบาท (ใช้คนเพิม) กลายเป็ น 7 ล้านบาท แต่ต้นทุนต่อสาขาจะอยู่ทีเพียง 7,000 บาท (7,000,000/1,000) เท่านนั เอง ซึงการทีอัตรากําไร เพมิ ในลกั ษณะนี อาจจะเกิดขนึ กบั บริษัทเช่นโทรคมนาคม ทีกําลงั ขยายตลาดลกู ค้าสว่ นของ DATA หรือธุรกิจดาวเทียม หรืออาจะเป็ นโรงงานทีเพิมกาํ ไรการผลติ จากยอดขายทสี งู ขนึ แตต่ ้นทนุ overhead cost วิงตามไม่ทนั เป็ นต้น ซึงสงิ ทีเกิดขนึ ดังกลา่ ว มักจะสมั พนั ธ์กนั กบั ตลาดหรือกลมุ่ ลกู ค้า ทีเค้าเรียกกนั ว่า Blue Ocean หรือ ตลาดที ยงั สามารถเติบโตไปได้ หรือทีช่วงนีฮิตใช้คําว่า Mega Trend หรือการทีเราเห็นเทรนด์ในต่างประเทศ และมันก็น่าจะ เกิดขึนในประเทศเราด้วย ซงึ ทีผ่านมาก็เป็ นเทรนด์ของ Modern trade หรือ 3G ซึงตรงนีถ้าใครมองออกและใจถึง ก็จะสามารถตักตวงผลประโยชน์ตรงนีได้ สําหรับหมีเอง ยอมรับว่าชอบมาสาย มาไม่ทนั ชาวบ้านเค้า พอลงไปนังโต๊ะ ปรากฏว่าเค้ากนิ กนั เสร็จเรียบร้อย ลกุ กันหมด สดุ ท้ายหมีจ่ายรอบวง เพราะว่าวนั ทีหมีไปเจอห้นุ ทีโตดีๆ หรือกว่าจะอ่าน เทรนด์ออก มนั กอ็ าจจะผา่ นชว่ งพคี ของกจิ การไป 2-3 ปี แล้ว เราต้องไม่ลมื ว่าทกุ อย่างมันมี “กฏแห่งการลดน้อยถอยลง” หรือ “Law of Diminishing return” อยู่ อธิบายง่ายๆ ว่า อรรถประโยชน์ทีเกิดขึนมันจะลดน้อยถอยลงเรือยๆ เช่น เวลาเราหิวๆ ข้าวจานแรกจะอร่อยกว่าจานทีสอง เป็ นต้น ทีนหี มีก้อเลยมโนด้วยตนเองวา่ การเติบโตของกิจการ มันก็น่าจะ มีการลดน้อยถอยลงเช่นเดียวกนั อย่างเชน่ ห้างค้าปลกี หรือห้างขายวัสดุก่อสร้าง ซงึ เดิมทีมีไม่กีสาขา แต่พอเปิ ดขยายไป เรือยๆ ปี แรกๆ เติบโตดีมาก แต่พอปี หลงั ๆ ทําเลทองในการเปิ ด มันก็จะลดน้อยลง และต้องเปิ ดในพืนทีเกรดทีตําลง กาํ ไรสทุ ธิโดยเฉลยี ก็จะตาํ ลง และจากการทีมีอัตรากําไรสงู อาจจะเกิดช่องว่างให้ค่แู ข่งสนใจมาเปิ ดแข่งก็เป็ นได้ ซึงมนั ก็ เป็ นเหตผุ ลทีอตั รากาํ ไรเติบโตลดลง อาจจะไม่ใช้ 40% ทุกปี ต่อเนือง แต่อาจจะเป็ น 40% 35% 30% 25% 20% ก็เป็ นไป ได้ ซงึ การทีเราตระหนกั ถงึ เรืองนี ก็จะทําให้เราประเมินราคาทีจะเข้าลงทุนได้ดีขึน เพราะทีหมีรู้จักบางคน หรือบางโบรค เค้าวางเป้ าโตได้สงู ขึนเรือยๆ (แต่ก็เป็ นไปได้ ถ้าตลาดยังขยายต่อได้อีก แล้วแต่ดุลพินิจของแต่ละคนเน่อ) แล้วในแต่ละ อุตสาหกรรมมันก็จะมีเกณฑ์การชีวัดบางอย่างเฉพาะตัว เช่น ห้ างค้าปลีกในญีป่ ุน คือ 7,000 คนต่อหนึงสาขา แต่ไทยตอนนีอยทู่ ี 20,000 คนตอ่ หนงึ สาขา ดงั นนั นา่ จะยังขยายได้อีก เป็ นต้น (อันนีตัวเลขสมมตินะ จําตัวเลขจริงไม่ได้ แต่คอนเซปต์ประมาณนี) หรืออาจจะเป็ นอัตราการดาวโหลดสามจีในประเทศทีพัฒนามาก่อนไทยแล้ว เป็ นต้ น ซงึ มนั ก้อน่าจะใช้ได้ละ่ มงั ทีนีเรืองทีกล่าวมา มนั ก็คือการประเมิน Forward P/E นันเอง โดยการนําไปใช้หรือการมองให้ออกว่าอันนัน จะเป็ นยงั ไงนนั เป็ นเรืองทยี ากกว่ามาก เรียกได้ว่าใครอา่ นออกก้อรวยกนั ไปคฟั ฟ.. 58 | P a g e

ห้นุ P/BV ตํา ดจี ริงๆ หรือไม่ พอดวี นั นมี ีสหายในเพจ ได้จดุ ประเด็นมาหนงึ อยา่ งทหี มีค่อนข้างให้ความสาํ คญั กค็ ือ ถงึ แม้หมีจะชอบหุ้น P/BV ตํา เพราะความเสียงมนั จะน้อยกว่าพวก P/BV สงู อารมณ์ประมาณว่า มี Margin of safety หรือ “สว่ นเผือเพือความ ปลอดภยั ) แตถ่ ้ามองในแงค่ วามเป็ นจริงแล้ว ห้นุ P/BV ตาํ กค็ อื “ของถกู ” ซงึ ทาํ ไมมนั จึง “ถูก” ละ่ แสดงว่ามนั ต้องมีอะไร ทีไม่ดีแน่ๆ เลย วนั นเี ลยจะมาเลา่ เรืองนีให้ฟังเด้อ ถกู ผิดอย่างไร ลองเกบ็ ไปไตร่ตรองดนู า.. ในความคดิ ของหมี ห้นุ ที P/BV ตํา หมีแบง่ ออกเป็ นสามประเภท ประเภทแรก หุ้นทีมีสินทรัพย์เยอะ แต่เป็ นกิจการตะวันตกดิน ทําให้กําไรต่อหุ้นน้อยมาก ตลาดจงึ ไม่สนใจ หุ้นตวั นี บางตวั P/BV 0.3 – 0.5 ถูกเรือรัง แต่ก็อยู่อย่างนีมายาวนาน เพราะถูกกดดันจากผลประกอบการทีไม่ไปไหน กจ็ ะคอนวนเวยี นอยู่ในตลาดห้นุ แบบความชัวไม่มี ความดีไม่ปรากฏ บางตวั โครงสร้างทางการเงินดีมาก มีเงินสดเยอะ มาก (แต่ก็ไม่เอาไปทําอะไร) ประมาณว่ามลู ค่าทางบัญชี 9 บาทต่อหุ้น ราคาปัจจุบนั 7 บาทต่อหุ้น แต่มีเงินสดในมือที 6 บาทตอ่ ห้นุ ประเภททีสอง ห้นุ P/BV ตําทีเน่า เป็ นการกลายร่างมาจากห้นุ ประเภทแรก คือดูเหมือนจะมีสนิ ทรัพย์มาก แตก่ ลบั กลายเป็ นวา่ สนิ ทรัพย์อยใู่ นรูปเครืองจกั ร หรือค่าความนยิ ม หรืออนื ๆ ทแี ปลงเป็ นเงินสดได้ยาก และพอไปดเู งินสด กบั หนีสนิ ระยะสนั (เชน่ พวกเงนิ เบิกเกินบญั ช,ี เจ้าหนกี ารค้า) ปรากฏว่ากระแสเงินสดตดิ ลบเป็ นหลกั ร้อยหลกั พนั ล้านบาท หุ้นพวกนีคือพวกทีกําลงั จะลงนรก หรือมีโอกาสสูงทีจะลงนรก เพราะสนิ ทรัพย์มีการด้อยค่าลงไปเรือยๆ และโดยมาก กจิ การพวกนีก็จะมกี ารขาดทนุ ขนาดหนกั เนืองมาจากโครงสร้างทางการเงินทียาํ แย่ (และสงั เกตดู เจ้าของห้นุ หรือผู้บริหาร มักจะถือหุ้นน้อย หรือชอบเพิมทนุ ลากคนอืนเข้าไปเจ็ง) แต่ด้วย P/BV ทีตํามาก จึงทําให้มีคนสนใจเข้าลงทุนอย่าง สมําเสมอ และประเภทสดุ ท้าย คือ หุ้น P/BV ตําทีเป็ นวัฏจกั ร หรือ ทีเรารู้จกั กันว่า “Cycle” และรอวันทีมันฟื นกลบั มา โดยห้นุ พวกนี อาจจะเป็ นห้นุ ประเภททหี นงึ หรือสองกไ็ ด้ ทมี ีสายป่ านยาวพอทจี ะพ้นช่วงวิกฤต ทําให้สามารถกลบั มาสร้าง กาํ ไรมหาศาล ห้นุ พวกนี มกั มีการขาดทุนสต๊อก หรือมีเรืองของโภคภัณฑ์เข้ามาเกียวข้อง ถ้าลงทุนถูกจงั หวะ ก็สามารถ ทีจะทํากําไรได้มหาศาล แต่ถ้าสงั เกตดีๆ จะพบว่าห้นุ ประเภททีสามนี จะต่างกบั หุ้นประเภททีสอง ตรงนีมีลกั ษณะของ กระแสเงินสดดี อาจจะขาดทนุ เลก็ น้อย แต่โครงสร้างทางธรุ กิจยงั แขง็ แกร่ง เพยี งแต่ยงั คงหลบั อยู่ อยา่ งไรกต็ าม การดู P/BV หมายถงึ การดวู า่ มีสนิ ทรัพย์เทา่ ไหร่ เมอื เทยี บกบั ราคา ซงึ สนิ ทรัพย์ทีประกอบมาเป็ น P/BV มนั กม็ หี ลายประเภท และมีคณุ ค่าทีไม่เท่ากนั (หรือจะกล่าวได้ว่า มนั คิดเป็ นเงินได้ไม่เท่ากัน) ทังๆทีก็มีการบันทึก บัญชีไว้ในมูลค่าทีสงู โดยคอนเซปต์คร่าวๆ หมีให้เป็ นแบบนี ยกตัวอย่างให้ดู.. สมมติบริษัท A มีหุ้น 100ล้านหุ้น ขายทีราคาปัจจบุ นั 2 บาท 59 | P a g e

ในด้านสนิ ทรัพย์ ประกอบด้วยเงินสด 50ล้าน บาท ลกู หนีการค้า 100 ล้านบาท สนิ ค้าคงเหลอื 100 ล้านบาท ทดี ินและเครืองจกั ร 500ล้านบาท และคา่ ความนยิ ม 50 ล้านบาท รวมมีสนิ ทรัพย์ 800 ล้านบาท ในขณะทีหนีสนิ ประกอบด้วย หนีระยะสนั 100 ล้านบาท และหนีระยะยาว 300 ล้านบาท รวมมีหนีสนิ เป็ น 400 ล้านบาท ซงึ เมือเอาสนิ ทรัพย์มาลบหนีสนิ แล้ว ทางตวั เลขจะได้ส่วนของผ้ถู ือหุ้นที 400 ล้านบาท บริษัมนีมีหุ้นอยู่ 100 ล้านห้นุ ดงั นนั จงึ มีมูลค่าทางบญั ชีต่อหุ้นที 4 บาทต่อห้นุ (400/100) ในขณะทีปัจจบุ ันหุ้นมีราคา 2 บาท คิดเป็ น P/BV ที 0.5 เท่า (2/4) ซงึ ดเู หมือนจะปลอดภยั นะ.. แต่ถ้าเป็ นหมีคํานวณ สนิ ทรพั ย์ของบริษัทนี จะลดลงไปเยอะทีเดียว เพราะหมีจะคิดว่า สมมติว่าหมีเทคโอเวอร์ บริษัทนี แล้วเลกิ กิจการ มันจะ “มีมูลค่าเท่าไหร่” กันแน่ ในด้านหนีสนิ ชดั เจนอยู่แล้วว่า หนีก็คือหนี ดังนันมันอยู่ครบ 400 ล้านบาทแนน่ อน แตใ่ นด้านสนิ ทรพั ย์ละ.. 1.สว่ นของเงินสด หมีไม่ติดใจ อยทู่ ี 50ล้านบาท กเ็ งินมนั กค็ อื เงินนนี า.. 2. สว่ นของลกู หนีการค้า หมีจะไปดูในรายงานรายไตรมาส ว่าบริษัทในช่วงทีผ่านมา โดนชักดาบกีเปอร์เซนต์ สมมตวิ า่ 10% หากลกู หนกี ารค้าอยทู่ ี 100 ล้านบาท หมีจะตีคา่ ว่า มนั มจี ริงๆ แค่ 90ล้านบาท.. 3. สินค้าคงเหลือ หมีก็จะไปดวู ่ามันมีอะไรบ้าง แต่โดยทัวไป หมีให้ที 20-50% ของมูลค่า อนั นีคิดที 50% แล้วกนั เลขง่ายดี ก็จะถือวา่ สนิ ค้าคงเหลอื มมี ลู คา่ 50ล้านบาท 4. รายการนีสําคัญมาก คือทีดินและเครืองจักร อันนีต้องไปเช็คดูว่ามันมีอะไรบ้าง โดยทัวไป ถ้าเป็ นทีดิน หมีให้ที 50% แตถ่ ้าเป็ นเครืองจกั ร หมตี เี ป็ น 0 เลย ในการคํานวณอนั นี เผือให้งา่ ย หมีตไี ปที 50% ก็แล้วกัน จากรายการนี 500ล้านบาท ก็อย่คู ิดให้ที 250ล้านบาท ในรายการนี มักเป็ นจุดทีสะสม hidden asset เอาไว้ โดยมากจะเป็ นทีดินที ใช้ราคาประเมนิ เดมิ อาจจะเมอื 20-30 ปี ก่อน พอปรับใหม่ กอ็ าจจะทําให้มลู คา่ ขนึ ไปเป็ นสบิ ๆเท่า 5. ค่าความนิยม หมตี เี ป็ น 0 เลย สรุปว่าสินทรัพย์ตามราคาประเมินของหมี ก็คือ 50+90+50+250 = 440ล้านบาท ซึงพอหักกับหนีสิน 400 ล้านบาทแล้ว เหลอื สว่ นของผ้ถู ือห้นุ เพยี ง 40ล้านบาท คิดเป็ นมูลค่าทางบัญชี 0.4 บาทต่อหุ้นเท่านนั เอง (40/100) ดงั นันทีราคาปัจจบุ ัน 2 บาท กลายเป็ นว่า P/BV ในสายตาหมีส้ม จะเป็ น 2/0.4 = 5 เท่า ซงึ ต่างจากมุมมองตรงๆ ทาง บญั ชที ี P/BV ที 0.5 เท่า เท่านันเอง ทงั นีการประเมินจะแม่นยําหรืออะไรยงั ไง ก็ขึนอยู่กบั ความชํานาญและสมมติฐาน ของแต่ละคน ซึงจะเห็นได้ ว่า การอ่านเอกสาร 56-1 และงบการเงินตัวฉบับเต็ม จึงมีส่วนสําคัญอย่างมาก และ ”จาํ เป็ นต้องอ่าน” บางบริษัทอาจจะมีคดีความ ซึงหากแพ้คดี ก็จะมีหนีสนิ ก้อนโตตามมาก็ได้ ซึงหากบริษัท ยังไม่กนั เงิน สาํ หรบั ความเสยี หายสว่ นนเี อาไว้ กอ็ าจจะมปี ัญหาในอนาคตกเ็ ป็ นได้.. 60 | P a g e

สุดท้ายนีก็คือ การลงทุนในหุ้น P/BV ตํา ถึงจะมีสินทรัพย์มาก แต่ถ้าขาดทุนหนักๆ ต่อเนือง ไม่ช้านาน ทนุ เก่าก็จะถูกกินจนหมด (หรือเจ้าของอาจจะไซ่ฟ่ อนของดีๆ ไปอยู่ทีบริษัทอืน ทิงความเน่าไว้ให้เม่าอย่างเรา) ดังนัน หุ้นทีขาดทุนแบบซําซาก ขาดทุนแบบหนักๆ และมองไม่เห็นทางว่าจะฟื น ถึงแม้จะ P/BV ตํามาก (0.2-0.5 เท่า) ก็ควรหลกี เลยี งคบั 61 | P a g e

ประเมินสินทรัพย์ (ตอนที 2 ต่อจากเรือง P/BV ตํา ดจี ริงหรือไม่) จากคราวก่อน เรารู้แล้วว่า มลู คา่ ทีแท้จริง บางทีอาจไม่ได้เทา่ กบั ราคาประเมินในงบการเงินก็ได้ เพราะสมมติเรา ซอื ของ เอาเป็ นมือถือสกั เครืองแล้วกัน เราซือเครืองมือหนึงมา พอเราเดินออกจากร้านไป แล้วหนั หลงั กลับเข้ามาทีร้าน ทันที เราบอกเราเปลียนใจไม่เอาแล้ว ขอขายคืน ชวั ร์ว่าเราไม่มีทางขายได้ในราคาทีเราซือมาเลยนะ โดยเฉพาะถ้าเอา กลบั ไปบ้านแล้ววนั นงึ เรายิงจะโดนกดราคาตํา เพราะสนิ ค้าไม่ใชข่ องใหม.่ . ในทางงบการเงินนัน สินทรัพย์เหล่านี อาจจะอยู่ในรูปของเครืองจักร หรือพวกสินค้าคงเหลือ รวมไปถึง “สนิ ทรัพย์ไม่หมนุ เวยี นอืน” เชน่ พวกเฟอร์นิเจอร์ รถยนต์ หรืออะไรจิปาถะ จากการทปี ระเมินมลู ค่าลําบาก หมีเลยตีพวกนี เป็ น 0 หมดเลย เพือความไม่ประมาท แต่มันก็ยังมีสินทรัพย์อีกบางประเภท ทียากจะตีมูลค่า แต่ก็ถือเป็ นส่วนทีมี ความสาํ คญั ในด้านของสนิ ทรพั ย์ รายการประเภทนี หมแี บ่งออกเป็ น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ประเภทที 1 ทดี นิ และอาคาร อนั นมี ลู ค่ามหาศาล และมกั จะเป็ นสนิ ทรัพย์หลกั ของหลายๆ กิจการ ประเด็นก็คือ ว่า ราคาทีลงบญั ชีไว้ มันสมเหตุสมผลกับความเป็ นจริงไม๊.. วิธีดูก็คือ เราต้องเข้าไปดูในคําอธิบายงบการเงินรายปี หรือ รายไตรมาส หรือว่าอาจจะเข้าไปดใู นเอกสาร 56-1 ก็ได้ เพือดวู ่าเค้าบันทึกราคาไว้เท่าไหร่ แล้วเค้าคิดว่ามูลค่าของมนั ตอนนเี ป็ นเท่าใด.. ขณะทีเรากดเข้าไปดเู ราก็จะเจอ 1. มที ดี นิ อยู่ตรงไหนบ้าง 2. มลู ค่าทีลงบญั ชีไว้ เป็ นเท่าใด ทีนีปัญหา ก็คือ ถึงแม้เราจะเจอว่าเค้ าลงบันทึกไว้เท่าใด แต่เค้ าบอกมาเป็ นก้ อน ไม่ได้ แยกรายแปลง (ซึงบริษัทนึงอาจจะมี 40-50 แปลง) สิงทีหมีทําก็คือ เข่าเว็บไซด์ของกรมธนารักษ์ พยายามกดดดูแปลงใกล้เคียง แล้วตีราคาให้ตําทีสดุ (เพราะบางแปลงติดถนน ไมต่ ิดถนน ราคากไ็ ม่เท่ากนั จริงไม๊) หรืออาจจะใช้วิธีดใู นเวปขายทีดิน ดรู าคาตลาดของมนั ก็ได้.. ทีดินหรืออาคารบางส่วน มีคนจับจองไว้แล้ว (คือติดจํานองไว้กับธนาคาร) อันนีเราก็ต้ องจดเอาไว้ด้ วย วา่ ถงึ กิจการมปี ัญหา มนั กไ็ ม่สามารถขายตดั ออกมาใช้ได้ทนั ที ซงึ หลงั จากทีเราได้มลู ค่าของสิงเหล่านีมาแล้ว ถ้าเราเช็คดู ว่าราคาตลาดแพงกว่ามลู ค่าทีลงบญั ชีไว้ เราก็สบายใจได้ในระดับหนึง (แค่ระดับหนึงเท่านัน) แต่ถ้ามันตํากว่าราคา ทลี งบญั ชีไว้ อนั นีกเ็ ริมทะแม่งๆ ละ.. และสงิ ทตี ้องดตู อ่ ไปคอื อาจจะต้องย้อนไปดูการใช้ทีดินทีมีอยู่ ว่าปัจจบุ ันใช้ทําอะไร เกียวข้องกบั การดําเนินกิจการหรือไม่ ถ้าหากเป็ นทีดินเปลา่ หรือทีดินทีไม่ได้ใช้ทําอะไร ให้รีบพยายามเช็คว่าได้มายังไง ซือมาจากใคร ทีไหน เมือไหร่ แล้วซือมาทําไม หรือเป็ นเพียงการซือทีดินมาจากใครบางคน เพือผ่องถ่ายเงินของบริษัท ออกไป.. ทีนีสดุ ท้ายก้อดูมูลค่ารวมทีเราประเมินได้ เอามาลองเทียบกับราคาทีลงบัญชีไว้ อย่าลมื หัก 50% ด้วยล่ะ เพราะทีดนิ มนั ขายยาก ตีวา่ ขายได้แค่ครึงเดยี วก้อพอ (เลยคดิ ที 50%) ประเภทที 2 ได้แก่ เงินให้ก้ยู ืม ซงึ รายการนี โดยมากไม่ค่อยให้กรรมการยืมหรอก (แตท่ ําได้นะ) เพราะมันโจ่งแจ้ง โดยมากจะเป็ นให้”บริษัทลูก” หรือใช้คําว่า “กิจการในเครือ” ยืมไป (แล้วบริษัทลกู ค่อยผ่องถ่ายให้กรรมการต่อไป) รายการเหล่านี เป็ นรายการทีอันตราย เพราะเคยเจอบางบริษัท ให้บริษัทลกู ทีอยู่ในตลาดด้วยกันยืมไป แล้วปรากฏว่า บริษัทลกู งบการเงินเละมาก ดงั นนั รายการนี หมตี เี ป็ น 0 ไปกอ่ นเลย 62 | P a g e

ประเภทที 3 สดุ ท้าย ท้ายสดุ เลย.. อนั นีฟิ นาเร่ทีสดุ เลอื ยกนั ไปได้ตลอดและต้องใช้ความรู้อืนๆ ในการตรวจสอบ นิดนงึ แบ่งออกเป็ นสองสว่ น ตีราคากันสองวิธี ถือว่าโหดมากสาํ หรับมือใหม่ ยังไงสงสยั ก้อถามมาอีกทีเด้อ รายการนี หมีแบง่ ออกเป็ น 2 สว่ น คอื ส่วนที 1 เงินลงทุนระยะสนั หรือพวกเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ รายการนี บางบริษัทมีเงินลงทุนถึง 7-800ล้านบาท แตพ่ อไปดใู นรายละเอียด (เข้าไปดูในคําอธิบายงบการเงินรายปี หรือรายไตรมาส หรือว่าอาจจะเข้าไปดู ในเอกสาร 56-1 เหมอื นเดมิ มีหมด..) ปรากฎว่าเป็ นเงินฝากธนาคารกับพนั ธบัตรรวม 750 ล้านบาท แบบนีเราสบายใจ เลย เพราะไปลงทนุ แค่ฝากเงินกินดอก ต้นไม่หายแน่นอน.. บางบริษัทเอาไปลงทุนในห้นุ หรือหลกั ทรัพย์ ชือทีพบบ่อยๆ ก็คือ “เงินลงทนุ ในหลกั ทรพั ย์เพือค้า” และ “เงินลงทนุ ในหลกั ทรพั ย์เผอื ขาย” อนั นีหมีเดาเองจากความเข้าใจ คือเอาไปซือ ห้นุ ในตลาด ทีนี รายการนี ปกติมนั จะถูกประเมินจากราคาตลาด ณ วันสินงวด (สินไตรมาส) เราก็อาจจะประเมินได้ คร่าวๆ ว่ารายการนี ในสนิ ไตรมาส มนั นา่ จะอย่ทู ีเท่าใด แตค่ งไม่เป๊ ะๆ เพราะว่าเค้าไม่ได้บอกวา่ มหี ้นุ อะไรบ้าง.. บางบริษัท หมเี คยสงั เกตวา่ เจ๊งห้นุ แล้วพยายามขายออก ทาํ ให้กดดนั กําไรจากการประกอบการอยู่ 2-3 ปี (แบบว่าเจ๊งเยอะ เลยค่อยๆ รินขายอยู่หลายปี ) จนกระทังรายการนีหมดไป กําไรของกิจการก็ดีดขึนมาเลย โชคดีตัวนีหมีเดาถูก เลยซือไว้ ได้กําไรมาพอสมควร.. และสว่ นที 2 ทียากทสี ดุ คอื ลงทนุ ในกิจการในเครือ และกจิ การร่วมค้า รายการเหล่านี บริษัทอาจจะถือห้นุ เยอะ มากบ้าง น้อยบ้าง แต่เงินทีลงไปกค็ อื การลงทนุ เราต้องเข้าไปดวู ่ามลู ค่าของเงินทจี ะลงทนุ มนั อยู่ครบไม๊ กิจการทีลงทุนไป อย่ดู ีไม๊ ยกตวั อย่างเช่น บริษัทหนงึ ลงทุนเปิ ดบริษัทลกู เพือกระจายสินค้า ถือหุ้น 99.99% (บางคนสงสยั ว่าทําไมต้องถือ 99.99% ไม่ถอื ให้ครบ 100% เทา่ ทีหมเี ข้าใจ ไม่รู้ถูกป่ าวนะ ก็คือ การเรียกประชุม ผู้ถือห้นุ ต้องมีสองคนขนึ ไป คนเดียว เรียกประชุมตัวเองไม่ได้ ก็เลยให้อีกคนถือ 0.01%) ตอนทีลงทุนไป ลงทุนไป 250ล้านบาท แต่ปัจจุบนั มลู ค่ากิจการ (ส่วนของผ้ถู ือหุ้น) อยู่ที 500ล้านบาท พอเข้าไปดูในงบการเงิน บันทุกเอาไว้ทีราคาทุน 250ล้านบาท หมายความว่า วนั นีถ้าขายบริษัทลกู ทิงไป กน็ า่ จะได้เงิน 500ล้านบาทรึเปล่า (คงได้ไม่ถงึ หรอก เพราะมนั เป็ นสินทรัพย์ทีขายไม่ได้ราคา เต็มหรอก อย่างทเี รารู้ๆกนั ) แตก่ ็เรียกได้ว่าเป็ น Hidden asset ในทางตรงข้าม หากไปเช็คดแู ล้ว พบว่าสว่ นของผู้ถือห้นุ เหลอื อยเู่ พียง 50ล้านบาท หรือติดลบ อนั นีกต็ ดั เงนิ ลงทนุ เป็ น 0 ได้เลย ทนี ีบางคนบอกว่า ถ้าบริษัทลกู อยู่ในตลาด ยงั พอเช็คได้ ถ้านอกตลาด จะเช็คยงั ไง คําตอบก็คือให้กดเข้าไปใน เว็บไซต์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) ซงึ หมีเคยแนะนําไปแล้วเมือสองเดือนก่อนมัง ข้างในมันจะมี รายละเอยี ดงบการเงนิ ชือกรรมการทงั หลาย ให้เราได้เอาไว้ตรวจสอบนะคฟั รายการทังหมดเหลา่ นี เป็ นการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ ซึงสินทรัพย์เหล่านีอยู่ภายใต้อํานาจการบริหารของ ผ้บู ริหาร และอย่ใู นความควบคมุ ของผ้ถู ือห้นุ รายใหญ่อย่ดู ี ดงั นนั แม้ว่าเราจะประเมินออกมาได้ ก็จะมีประโยชน์ในระดบั หนงึ คอื การทเี ราได้รู้มลู คา่ ปัจจบุ นั ทีแท้จริงของกิจการ เป็ นรากฐานเพือความปลอดภัยในการลงทนุ แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า กิจการหรือราคาห้นุ ทดี ี ขนึ อยกู่ บั ความสามารถในการสร้างกําไรทงั ในปัจจบุ นั และอนาคต ทตี ้องพจิ ารณาควบคกู่ นั ไป 63 | P a g e

เอาล่ะ.. ทังหมดนี เป็ นการประเมินมูลค่าเบืองต้นทีหมีส้มใช้อยู่ ของท่านอืนๆ อาจจะมีวิธีทีง่ายกว่า ดีกว่า ลกึ กวา่ ของหมีกเ็ ป็ นได้ ของหมียงั เบสคิ กเ็ ลยเอามาเล่าเท่าทีพอมีความรู้อย่บู ้าง ซึงสิงทีเราทําอยู่ คือ การประเมินมลู ค่า กจิ การในด้านของสนิ ทรพั ย์ เป็ นเสยี วหนงึ ของ “การลงทนุ แบบเน้นคณุ ค่า” หรือ “Value Investing” หลายๆ คนทีมาถึงตรงนี อ่านจะเบือๆ หรือเริมท้อ หมีก็จะบอกว่า มันไม่ใช่เรืองคอขาดบาดตาย ค่อยๆดู ค่อยๆศกึ ษา เด๋วเราก็จะชํานาญไปเอง อะไรทีได้มาง่ายๆ คนอืนก็ได้มาง่ายเช่นกัน แล้วเราจะลงทุนชนะตลาด ซงึ เป็ น คนสว่ นใหญ่ในตลาดได้อย่างไร.. โดยเฉพาะอยา่ งยิง ในวนั ทีเราต้องใช้ความเชอื มนั อย่างมาก ในการลงทุนหุ้นทีดี ในภาวะ วิกฤต ท่ามกลางความหวาดกลวั ของคนทงั ตลาด เราจะมีอาวธุ อะไรทีจะเอาไปสงั หารห้นุ ราคาถกู (ซึงเราได้ตรวจสอบ มาแล้ววา่ ถกู จริง ไมไ่ ด้กลวงๆ หรือมแี ตบ่ ริษัทลกู เนา่ ๆ อยเู่ ต็มไปหมด) 64 | P a g e

สงิ ทตี ้องทํา คอื “ต้องลงทนุ ในบริษัททที ําธุรกิจจริงๆ ในราคาทเี หมาะสม” ชว่ งนี ตลาดห้นุ ไทยอภินิหารเยอะ พอดีป่ วย เลยมเี วลาหยดุ งานมาเขียนบทความอีกครงั หนงึ .. วนั นกี เ็ ลยมาเขยี นบทความออกแนวฮาร์ดคอร์นิดหนงึ อาจจะมีคนไม่เห็นด้วยหรือไม่พอใจบ้าง แต่ถ้ามันทําให้ หลายๆ คนได้สตแิ ละไมห่ ลงไปกบั ภาพลวงตาของการเกง็ กําไรในตลาดได้ มนั ก็นา่ จะดนี ะ.. เรืองของเรืองกค็ อื ว่า ในช่วงทีผ่านมานี หมีได้รู้จกั หรือได้ยินว่า คนรอบตัวหลายคนเข้ามาเป็ นนกั ลงทุนหน้าใหม่ กนั เป็ นจํานวนมาก ซงึ เข้ามาในตลาดหุ้น พร้ อมกับ “ภาพทีสวยงาม” อาจจะเพราะเนืองมาจากช่วง 3-4 ปี ทีผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเป็ นขาขนึ มาโดยตลอด ทําให้ภาพทีเกิดขึนคือ “ซือตัวไหนก็ขึน” หรือ “ซือไปเถอะ เด๋วเจ้ามือก็มาปัน” ซงึ หมีเองก็รู้สกึ ไม่คอ่ ยดที ีได้ฟัง แม้ว่าจะไมใ่ ชเ่ งนิ ลงทนุ ของหมเี อง แต่หมกี เ็ กดิ ความเป็ นหว่ ง เนืองจากประเด็นดงั ต่อไปนี ประเด็นทีหนึง นกั ลงทุน โดยเฉพาะหน้าใหม่ มีความคาดหวังทีจะได้ผลตอบแทนทีรวดเร็ว (บางคนหวังไว้ถึง 200-300% ตอ่ ปี หรือมากกวา่ ) ทังๆทีแต่เดิมนัน เราสามารถทนรอดอกเบียเงินฝาก ปี ละ 2-3% ได้สบาย... เพราะอะไร เราจงึ ยนิ ดที จี ะฝากเงนิ ได้ดอกเบยี 2-3% ในขณะทีพอเข้ามาในตลาด เรากลบั ต้องการผลตอบแทนทีสงู กว่านันเป็ นหลาย สบิ เท่าตัว โดยทําการลงทุนโดยขาดความระมดั ระวัง และไม่สนใจผลตอบแทนทีค่อนข้างสมําเสมอและแน่นอนทีระกับ 7-15% ต่อปี ซึงหมีคิดว่าเป็ นทางสายกลางในการลงทุน ในประเด็นนี มีการอ้างอิงข้อมลู จริงอย่เู สมอมาว่า ตลาดห้นุ ทวั โลกจะให้ผลตอบแทนเฉลยี 8-14% ตอ่ ปี ตลอดอายขุ องมนั ประเด็นทีสอง นักลงทุนหน้าใหม่ มีความมนั ใจในศักยภาพของตนเองสงู เกินไป ว่าจะสามารถชนะตลาดได้.. เพราะอะไรทีเราซงึ เป็ นคนๆหนึง ทีอาจจะเพิงรู้จักการลงทุนหรือการเล่นหุ้นเพียงเวลาไม่ถงึ ปี และอาจจะไม่มีความรู้ด้าน การวิเคราะห์งบการเงินเลย อาจหาญจะชนะกองทุน โบรกเกอร์ และผู้เล่นรายใหญ่ซึงมีทังคอนเนคชัน กําลงั เงินทุน และเทคนคิ ชนั สงู (รวมไปถงึ อาจรู้ต้นทนุ ห้นุ ในมอื เราด้วยซํา) ซงึ หลายๆ คนทีหมไี ด้ประสบ ยงั ไม่รู้ด้วยซําว่าหุ้นทีตนเองถือ มีความเสยี งในการล้มละลายสงู มาก หรือเป็ นกจิ การทีเจ้าของปันราคาขนึ มาเป็ นรอบๆ และพอขาดทุนก็ยังไม่ขายเพราะ เชือว่ามนั จะกลบั มาทีเดิม ในประเด็นนี มีการอ้างอิงข้อมลู จริงอยู่เสมอมาว่า คนทีจะได้กําไรจากตลาดจะมีเพียง 1 คน ทีกาํ ไร อีก 1 คนทเี สมอตวั และอีก 8 คนทีขาดทนุ จากจํานวนสดั สว่ นทงั หมด 10 คน ทําไมหมีจึงเขียนออกมาค่อนข้างดดุ ัน.. อนั เนืองมาจากว่าหมีเห็นหลายคน นําเงินเก็บเกือบทังชีวิต หรือส่วน ใหญ่ ออกมาลงทุนห้นุ ซึงเป็ นเรืองทีน่าตกใจมาก และถ้าเค้าได้อ่านบทความนี เค้าอาจจะมีความระมัดระวงั มากขึน ซงึ พออ่านมาถงึ จดุ นี กค็ งจะมคี ําถามในใจวา่ สงิ ทเี ราควรทาํ คืออะไร เพราะบางคน อาจจะไม่ได้เข้ามาด้วยความโลภ แต่ กาํ ลงั หลงทางไปกบั กระแสเก็งกําไรทีถาโถมเข้ามา.. ในความเหน็ ของหมี สงิ ทีควรทาํ และสงิ ทตี ้องระมดั ระวงั มดี งั นี 65 | P a g e

ข้อแรก การลงทนุ ควรต้องลงทนุ ในธรุ กิจทที าํ กจิ การจริงๆ ข้อนีหมีจงใจเขียนเพือเตือนสติ หลายๆคนทีชอบเล่น ห้นุ ปันแปะ โดยอาศยั “เจ้ามอื ” ในการทํากาํ ไร นนั เพราะว่าในหลายๆ กิจการเหล่านนั ราคาห้นุ ทีวูบวาบ อันเนืองมาจาก แรงกรรม ทีเกิดจาก ”ความโลภ” เข้ามาอย่รู วมกัน บางกิจการขาดทนุ ต่อเนืองทกุ ปี จนต้องเพิมทนุ บ่อยๆ (เงินทีเพิมทุน ก็มาจากการปันห้นุ นนั แหละ) พร้อมสร้างขา่ วลอื ข่าวว่าได้งาน ข่าวว่ากําไร มีทงั ตวั เล็กตวั ใหญ่ ตวั เลก็ หน่อยก็อาจจะลือ ว่าได้งานทีโน่นทีนี กําไรจะโตเท่านันเท่านี ตัวใหญ่หน่อยก้บอกว่าจะตังกองทุนอินฟรา อะไรสักอย่าง แล้วก็บอกว่า สญั ญาณดีทีสดุ (ทําให้คนอาจจะคิดไปว่า สัญญาณแรงสดุ อีกหน่อยลูกค้าน่าจะย้ายมาอยู่เยอะ กําไรน่าจะโต น่าจะ พลกิ จากขาดทนุ มโหฬาร เป็ นกาํ ไรได้บ้าง โดยทีไมไ่ ด้คิดถงึ หนีทีไปกอ่ ไว้จากการทีทาํ ให้สญั ญาณมันแรง และเมือเทียบกับ ผ้นู ําตลาด ทีเค้าคอ่ ยๆลงทนุ เป็ นระบบ และทีสาํ คญั มีปันผลสงู ทกุ ปี ) เรืองของเรืองก็คือ ทําไมเราจึงต้องเสียงลงทุนกับกิจการทีขาดทุนสมําเสมอ และไปวัดดวงกบั ลมปากของ ใครบางคนว่าอนาคตกําไรมันจะดี ซึงสิงทีเรารับรู้ ก็มาจากสอื สาธารณะทีทุกคนรับรู้พร้ อมกนั เหมือนกันหมด อันทีจริง เค้าบอกว่า “ความได้เปรียบเกิดจากการทีเรารู้อะไรก่อนคนขนึ หรือรู้อะไรมากกว่าคนอืน” ถามว่าวนั นีเราเป็ นเช่นนัน หรือไม่ ซงึ สงิ ทจี ะตามมาก็คือ หากเราหลงเข้าไปในวังวนของกิจการเหลา่ นี คือ เผลอไปซือหุ้นเน่าเหล่านี แล้วอาจจะไม่ สามารถสร้างความยังยืนด้านการเงินของเราได้ เหมือนกับเวลาเราเข้าเซเว่น เราอยากกินโยเกิตบลั แกเรีย แต่มันหมด ไม่มขี าย เราเคยบอกไม๊วา่ พีจ่ายตงั ให้น้องก่อน แล้วพรุ่งนีพีมาเอา.. แน่นอนว่าเราไม่เคยทํา เพราะถ้าไม่มี เราก็ไม่กิน.. แล้วทําไมเราจงึ ไปเชือใครก็ไม่รู้ ทีเรารู้อย่เู ต็มอกว่าอาจจะเป็ นมิจฉาชีพในตลาดหุ้นทีจะมากินเงินเรา โดยทีเค้าบอกว่า อนาคตมนั จะดี และเราเข้าซือหุ้นโดยทียังไม่เห็นอะไรเลย.. (แรงส์ มะนี) แน่นอนว่าครังนีเราอาจจะทําสําเร็จได้ผลดี แต่ถ้าพลาดมาครังเดียว อาจจะไมเ่ หลอื อะไรเลยกไ็ ด้ ข้อสอง สบื เนอื งจากข้อแรก ดงั นัน ความรู้พืนฐานทีเราสามารถหาได้เอง วิเคราะห์ได้เอง และทําให้เรายืนด้วย ขาของตนเองได้ กค็ ือ “การวิเคราะห์สดั สว่ นทางการเงิน” ซงึ ไมม่ สี ตู รซบั ซ้อน แต่ต้องอาศยั เวลา และความเข้าใจ จะทําให้ เราสามารถยืนด้วยขาของตนเองได้ และคัดแยกระหว่างของดีและของเสยี ออกมาได้ นอกจากนี มนั จะทําให้เรารู้ว่า ถึงแม้หุ้นทีเราชอบนัน จะมีกิจการทีดีและมันคง เราจะได้พบกับอีกมุมมองหนึง ทีเราสามารถทําได้ด้วยตนเองก็คือ “มนั ค้มุ ค่าทจี ะซอื หรือไม”่ โดยทีในชว่ งเวลาทผี ่านมา หมีชอบกดตัวเลขให้เจ้านายดวู ่า หุ้น A เติบโตอย่างต่อเนือง 4-5 ปี หลายเท่าตัว แต่ราคาขยับขึนไปมากกว่าการเติบโต 4-5เท่าของ “หลายเท่าตัว” นัน ซึงหมีชอบเรียกหุ้นพวกนีว่า “กาํ ไรแรง แต่ราคาขนึ ไปแรงกว่า” ข้อสาม ถ้าเรายงั ไมม่ นั ใจในความรู้ด้านการลงทนุ เราควรค่อยๆลงทนุ ตลาดหุ้นไทยอย่มู าตงั แต่ปี 2518 และมนั ไม่เคยปิ ดมาจนถึงปัจจุบัน และมันจะเป็ นเช่นนันต่อไป มันยังคงซือขายตังแต่ก่อนหมีจะเกิด (ถ้าไม่นับชาติทีแล้ว) ยงั คงเปิ ดอยใู่ นวนั ทหี มีมชี ีวิต และกแ็ นน่ อนว่าจะเปิ ดตอ่ ไปหลงั จากทีหมจี ากไปแล้ว ซงึ เราไม่ต้องรีบร้อนลงทนุ ไม่ต้องทุ่ม.. ไม่ต้องกลวั วา่ คนอืนจะกําไรมากกว่าเรา หรือพลาดโอกาสทอง.. เพราะในช่วงก่อนวิกฤตราชาเงินทนุ (2522) ก่อนวิกฤต รสช. (2534) ก่อนวิกฤตต้มยําก้งุ ( 2540) กอ่ นวกิ ฤตไข้หวดั นก (2547) ก่อนวิกฤตซัพไพร์ม (2551) รวมไปถงึ ชอตทีดัชนี เพิงขึนไปถึง 1650 จุดเมือต้นปี 2556 ทีผ่านมา คนทีซือในช่วงเวลาทังหลายเหล่านัน ก็คิดว่าจะตกรถกันทังสิน.. 66 | P a g e

แต่จริงๆ แล้ว ปัญหามนั ก็อาจจะไม่ได้อย่ทู ีว่าซือทีดัชนีเท่าไหร่ ปัญหามนั อย่ทู ีว่า เราซือ “ห้นุ อะไร ในราคาใด” มากกว่า เพราะในห้างทีดี ขายของราคาแพง กย็ งั มีของทคี ้มุ คา่ ค้มุ ราคา ในขณะทีตลาดสด กย็ งั มีของที “เนา่ ” ทีไม่ควรซอื อย่ดู ี ข้อสี ข้อสดุ ท้าย หมีจงึ อยากให้เราลองสาํ รวจใจเราเอง ว่าเราอยากวัดดวง “เวียนว่ายตายเกิด” กับหุ้นทีผนั ผวน หรือเราอยากมชี ีวิตทมี นั คง มีพอร์ทห้นุ ทีเติบโตทุกปี 15% (เอาเงินมาปันผลให้เรา 5% แล้วทีเหลอื นําไปลงทุนต่อ 10%) ทาํ ให้เรากล้านําเงินฝาก หรือเงินจากประกนั ชวี ิต มาลงทนุ ในหุ้น เพือสร้างความสขุ ทียังยืนให้ชีวิต เก็บไว้เป็ นมรดกให้ลกู ให้หลานได้มีชีวิตทีดี ไม่ต้องทํางานลําบากเหมือนเรา ให้เค้าได้สามารถ “ทําอะไรก็ได้ในชีวิต” แต่ไม่ต้องมากขนาดทีว่า “เค้าไม่ต้องทาํ อะไรเลย” เอาแค่นีละกัน ทังหมดเป็ นความเห็นส่วนตวั โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อาจมีจะดราม่าไปนิด แต่เขียน ด้วยความปรารถนาดี ผดิ พลาดอย่างไรขออภัย.. 67 | P a g e

ชิมหุ้น หมีส้มเริมจะพอมีเวลาว่างแล้ว หลงั จากว่นุ วายขายปลาทมู าตลอดช่วงสองสามเดือนทีผ่านมา วนั นีทีจะมาเลา่ ให้ฟังก็เป็ นเรืองบ้านๆ หลงั จากทีได้คยุ กบั เพือนเกา่ .. วนั ก่อนได้มีโอกาสคุยกับเพือนเก่า สนิทกนั มาก รู้จักทังผัวทังเมียทีเดียว มาปรึกษาว่า มีเงินหนึงล้านบาท เอาไปทาํ ไรดี.. หมเี ลยถามว่าแผนตอนนีคดิ จะทาํ อะไร เค้าบอกว่าอาจจะเอาไปซือสลากออมสนิ หมีจงึ แนะนําอย่างนี.. ข้อแรก เราได้รู้มาว่า อัตราเงินเฟ้ อ หรือการทีเงินด้อยค่า ปี ๆหนึงน่าจะไม่ตํากว่า 3-4% การลงทุนโดยได้ ผลตอบแทนตํากว่า 4% จึงไม่ควรทํา คือมีเงินสดส่วนนีไว้พอทีจะใช้จ่ายประจําวันและเพือความฉุกเฉินของชีวิต.. พอจบข้อแรกนีป๊ บุ เพือนถามวา่ แล้วจะเอาไงดี หมีกเ็ ลยเลา่ ตอ่ .. ข้อทีสอง เรารู้มาว่า คนทีมี “อิสรภาพทางการเงิน” (หมีไม่อยากใช้คําว่า “รวย” เพราะมนั ไม่ตรงจุดเท่าไหร่) เรียกวา่ คนทีรายรบั มากกวา่ รายจ่าย โดยทีไม่ต้องทํางานหนกั มากละกนั “สว่ นใหญ่ใช้เงินทาํ งานให้ดอกผลเติบโตงอกเงย” หรือวา่ มกี ารเสริมแรงจากรายรบั ทไี ด้จากการลงทนุ เข้ามาเพิม (ข้อสองนี หมีขอเสริมนิดหนงึ คือ การมีอิสรภาพทางการเงิน ไม่จําเป็ นว่าจะนงั กินนอนกินเฉยๆ หมีเจอหลายๆคนทีเค้าถึงจดุ นันๆแล้ว แต่ก็ยงั ทํางานอยู่ แต่อาจจะทําน้อยลงบ้าง หรือเปลียนไปทํางานทีรักบ้าง ส่วนหนึงทีเค้าทํางาน เพราะการทํางานทําให้เราเกิดการกระตือรือล้น มีข้ อมลู เอามา วิเคราะห์ และอยใู่ นเทรนด์ของโลกเสมอ) ข้อทีสาม จากข้ อทีสอง แสดงว่าเราต้องลงทุน “ลงทุนอะไร” ช่วงนีคนนิยม “เล่นหุ้น” กันเยอะ เสียงไม๊.. หมีขอบอกว่า เวลาทีเราไปกินร้านอาหารร้านนึงทีเรากินประจํา เราจะค่อนข้างรู้ว่าร้านทีถูกหรือแพง แต่เวลาเราเข้าไป เราจะรู้ว่าร้านนีให้หมเู ยอะ ให้ไกน่ ้อย ก้งุ ทีนีไม่สด หรือปลาทีนที ําดี เรากจ็ ะเลอื กสงั เป็ นเมนๆู ไป ก็เหมือนกับตลาดห้นุ ไทย เราไมร่ ู้หรอกวา่ มนั ถกู หรือแพงเทา่ ไหร่ ขอให้เราสนใจ “ห้นุ ” เป็ นตวั ๆ ไป ภาพรวมของดชั นีก็เป็ นองค์ประกอบหนึง แต่ไม่ใช่ ทงั หมด แตเ่ ราต้องเข้าใจตรรกะของการลงทนุ ก่อน.. ข้อทีสี “ตรรกะอันที 1” ก็คือ ถ้าเราจะฝากเงินในธนาคาร ดอกเบียถกู มากเลยนะ ทําไมกดดอกเบียขนาดนี ขนาดฝากประจํายงั ได้ดอกแค่นี อนั ทจี ริงถ้าธนาคารเอาเปรียบเราขนาดนี และเรายังยอมฝากกับเค้า เราก็น่าจะรู้ว่าเค้ามี อํานาจตอ่ รอง เอาเงินเราไปลงทนุ ตอ่ “ทาํ ไมเราไมซ่ ือห้นุ ธนาคารแห่งนัน” หรือว่าประกนั ทีความค้มุ ครองดีมาก ล่อหลอก เรามากมาย มีประกนั อย่แู ล้วก็จะให้ทาํ เพมิ ๆๆๆๆ ถ้าประกนั ไม่ได้ประโยชน์ เค้าคงไม่ขยันชวนเราหรอกมงั “ทําไมเราไม่ซือ หุ้นประกันภัย” เซเว่น แมคโคร บิกซี ขายดิบขายดี ซีพีเอฟ เรากินไก่ทุกวัน ใช้ มือถือมีสามเครืองใช้มันทุกค่าย “ทาํ ไมเราไมซ่ อื ห้นุ บริษัทเหลา่ นนั ” เพราะสงั เกตดู ถ้าการฝากเงินเฉยๆ มนั เป็ นเรืองทีดีหรือควรทํา ทําไมคนยงั ต้องลงทนุ และไมเ่ คยเหน็ เศรษฐีติดอนั ดบั โลก รวยจากการฝากเงินในธนาคารเลยนะ.. ข้อทีห้า “ตรรกะอันที 2” ซึงสําคญั มาก ก็คือ “ไม่มีใครรักเงินของเราเท่ากับตัวเราเอง” ไม่ว่าจะฝากธนาคาร ซือประกัน ลงทนุ ร้านขายเสือผ้า สิงทีเป็ นอุปสรรคทีเราต้องเจอ ก็คือ “มันควรจะทําอย่างไร” “ตําแหน่งทีควรเป็ นอยู่ 68 | P a g e

ตรงไหน” “อตั ราดอกเบียควรได้เท่าไหร” ทกุ คําถามเหลา่ นี เป็ นคําถามในหมวดหม่เู ดียวกนั ก็คือ “หมวดหม่ขู องความไม่รู้” ซงึ คนทเี ค้ารู้เค้าทราบ ก็มาจากการที “เค้าอย่มู าก่อน ได้เรียนรู้มาก่อน หรือเจ็บมาก่อน” หรือ “จากการค้นคว้า อ่านตํารา ศกึ ษาจากความผิดพลาดของผ้อู นื ” การลงทนุ ในห้นุ ก็เหมอื นกนั (สงั เกตวา่ เปลยี นจากการ “เลน่ ห้นุ ” เป็ น “ลงทนุ ” แล้วนะ) ต้องอาศยั ความจริงจงั ไมแ่ พ้การประกอบธุรกิจ และสามารถเรียนรู้ได้ เป้ าหมายของเรา คือ “การลงทนุ ในกิจการทีมนั คง และเติบโตไปกับมนั ” หมีส้มจําได้ว่า เมือครังยังเด็ก ช่วงทีเกิดวิกฤตปี 2540 หุ้นมาม่า (TF) ราคาอยู่ที 70 บาทก่อน แตกพาร์ ถ้าซือในวนั นนั และถือมาถึงวนั นี จะได้ปันผลปี ละ 30 บาทต่อหุ้นเทียบกับราคาทีซือ และยงั เติบโตต่อเนือง.. (ลองอ่านหนงั สือมีความสขุ กบั ห้นุ ปันผม by หมีส้ม เล่ม 1 และ 2 เพิมเติมดู แจกฟรีอย่ใู นเพจนะ.. ถ้าอยาก advance ก็โน่นเลย ร้าน SE-ED มีเพยี บเลย.. ข้อทีหก “ตรรกะอนั ที 3” กฏ 80/20 ของวิลเฟรโด พาเรโต้ ใช้ได้เสมอ โดยเค้าบอกว่าอะไรก็ตาม มนั จะเข้ากับ กฏนีเสมอ (แตไ่ มต่ ายตวั อาจจะ 70/30 หรือ 90/10) ยกตวั อย่างเชน่ ชนิดของสนิ ค้าทผี ลิตออกมาเพียง 20% จะทํากําไร ให้แก่บริษัทถึง 80% หรือเวลาทีเราใช้ 20% เป็ นผลให้เกิดความสําเร็จ 80% ของเรา แต่ทังนีทงั นนั ไม่ได้หมายความว่า เราจะละเลยกบั 80% ทีเหลอื นะ.. ในทางการลงทนุ ก็คล้ายๆ กนั คือ 20% ของนักลงทุน จะได้กําไร 80% ของตลาด ทงั หมด ดงั นนั สงิ ทจี ะบอก คือ ถ้าเราคิดจะไปแข่งกินเงินคนอืนในตลาดหลกั ทรัพย์ หรือซือๆขายๆ ลงทุนระยะสนั เข้าไว ออกไว มนั กอ็ าจเป็ นเรืองยากทีต้องไปแข่งขนั เพราะมันก็คือการ ”เก็งกําไร” นอกจากนี เรายงั ประยกุ ต์ใช้ในการศกึ ษา จงั หวะการลงทนุ ได้ด้วย เพราะถ้าเราเชอื ว่ามนั เป็ นแบบนนั แล้ว ชว่ งเวลาทีคนอืนขาดทุน จะเป็ นเวลาทีราคาหุ้นได้ปรับตวั ลงมามากแล้ว และผู้ลงทุนมักจะทนไม่ไหวขายไปเมือถึงจุดตําสุดพอดี การทีเราได้แนวคิดนีมา ก็เหมือนว่าได้ รู้ แนวทางการเข้าซือแล้ว แต่เราต้องไปหาวิธีการดูว่า จะซือเมือใด เพราะคําว่า “จุดตําสดุ ” คงไม่มีใครจะสามารถทราบ ลว่ งหน้าได้ ข้อทเี จ็ด ข้อสดุ ท้ายแล้ว ก็คือ จากทีกลา่ วมาทังหมด ประหนึงว่า เรากําลงั จะต้องการเปลียนจาก “คนฝากเงิน ในธนาคาร” เป็ น “เจ้าของกิจการผ่านตลาดหลกั ทรัพย์” ซงึ อาจจะไม่ต้องเหนือยบริหาร แต่ต้องเหนือยในการ monitor หรือตรวจสอบ ซงึ เราเองก็กล้าๆ กลวั ๆ เพราะเราเองอาจจะใหม่ต่อเรืองเหลา่ นี ดังนัน “การศกึ ษาหาความรู้ และการลอง ผิดลองถูก” เป็ นเรืองสาํ คัญ จึงแนะนําให้ “ชิมหุ้น” คือ ซือขําๆ เพียงเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละตัวดูก่อนว่า “ตวั ไหนอร่อย ตวั ไหนไมอ่ ร่อย” ใช้เงินเลก็ ๆ น้อยๆ ของเรา ซึงจะว่าไปก็ไม่มากไปกว่าเงินทีเราไปเทียวต่างประเทศ หรือผ่อนรถด้วยซํา เรียกได้ว่า “เรียนรู้จากการปฏิบตั ิ” ควบคู่ไปกับ “การค้นคว้า” แต่ความรู้ทังสินทีได้อาจจะเป็ นการออกแรงเพียง 20% เพอื เพิมรายได้อกี 80% ในอนาคตก็ได้นะเออ.. 69 | P a g e

ผลกระทบของอัตราแลกเปลียนกับหุ้นส่งออก.. มี สมาชกิ ถามมาวา่ อตั ราแลกเปลยี นมผี ลกระทบยงั ไงกบั ห้นุ สง่ ออก อยากให้ช่วยคํานวณให้ดูแบบเป็ นรูปธรรม หมีเองกไ็ ม่ค่อยมนั ใจ แตล่ องคํานวณดใู ห้คร่าวๆ นะ ขันแรกเราต้องมีความรู้เกียวกบั อตั รากําไร หรือ “margin” ก่อน คือยังงีนะ.. สมมติเราผลิตปากกาได้ 1 ด้าม เอาไปขายทีราคา 10 บาท โดยทีเรามีต้นทุนทังสินของปากกาด้ามนนั อย่ทู ี 9.5 บาท เท่ากับว่า เราจะมีกําไรต่อปากกา 1 ด้าม อย่ทู ี 0.5 บาท หรือคดิ เป็ นอตั รากาํ ไร 5% ของราคาขาย แต่สมมตวิ ่ามอี ะไรกต็ ามทีทําให้ราคาขายสามารถขยบั ขึน ได้ ยกตวั อยา่ งเชน่ จากราคาขาย 10 บาท กลายเป็ น 11 บาท ต้นทนุ สนิ ค้ายงั คงเดิมที 9.5 บาท กลายเป็ นว่ากําไรต่อด้าม อย่ทู ี 1.5 บาทต่อด้าม หรือมีกาํ ไรเพมิ ขนึ ถงึ 200% ทเี ดยี ว ทงั ๆ ทีรายรบั รวมสงู ขนึ เพยี ง 10% เรามาลองใส่ตวั เลขให้มันสมจริงขนึ มานิดนงึ นะ (เพือให้ง่ายในการอธิบาย หมีจะสมมติให้ต้นทุนต่อการผลิต ต่อหนว่ ย ไมว่ า่ จะมากหรือน้อย เป็ นอตั ราเดยี วกนั หมด และหมไี ม่เอาภาษีมารวมคํานวณนะ ไม่งนั เลขมนั จะไม่กลม) ทีนี ถ้าเราขาย 1,000,000 ด้าม ทีราคาเดิม คือ 10 บาทต่อด้าม เราก็จะมีรายรับ 10,000,000 บาท มีต้นทุน ทงั สนิ 9,500,000 บาท กาํ ไร 500,000 บาท แตถ่ ้าสมมตวิ า่ บริษัทนีเป็ นบริษัททีผลิตปากกาสง่ ออกเท่านนั ค่าเงินทีอ่อน คา่ ลงจาก 30 บาทตอ่ 1 USD กลายเป็ น 33 บาทต่อ 1 USD ทําให้ราคาขายเมือแปลงกลบั เป็ นบาท กลายเป็ น 11 บาท ต่อด้ามทนั ที (ค่าเงินอ่อนลง ทําให้ขายได้ราคาสงู ขึนโดยเปรียบเทียบ) ก็จะมีรายรับรวมอย่ทู ี 11,000,000 บาท ต้นทนุ 9,500,000 บาท กาํ ไร 1,500,000 บาทนนั เอง ฟังดูเหมือนจะเข้าใจได้ง่ายๆ แต่พอเอาไปใช้จริง มันจะติดขัดและสามารถประเมินผิดพลาดได้ จากประเด็น ดงั ตอ่ ไปนี อนั แรก “สดั สวนการขายของบริษัท” บริษัททสี ง่ ออก มักขายในประเทศด้วย ดงั นันเราต้องดวู ่าเค้ามีสดั สว่ นการ สง่ ออก (Proportion) อย่ทู ีกี % ของยอดขายทงั หมด ยกตัวอย่างเช่น บริษัท A ขายในประเทศ 70% และสง่ ออก 30% หากค่าเงินออ่ นลงจาก 30 ไปเป็ น 33 บาทต่อ 1 USD รายรับก็อาจจะเพิมขนึ แค่ 3% (มาจาก 10% ของ 30%) ในกรณีที เราใช้ตัวเลขสมมติเดิม รายรับรวมก็จะกลายเป็ น 10,300,000 บาท หากต้นทุนเท่าเดิมอยู่ที 9,500,000 บาท ทาํ ให้มกี าํ ไรที 800,000 บาท หรือเพิมขนึ 300,000 บาท คดิ เป็ นอตั รากําไรทเี พมิ ขนึ 60% เท่านนั อนั ทสี อง “ต้องไปดูว่าวตั ถุดิบนําเข้าหรือไม่” หรือว่ามีเงินกู้ต่างประเทศหรือไม่ เพราะถ้ามี ก็จะมีผลกระทบใน มมุ กลบั กนั คือต้นทนุ จะสงู ขนึ อนั ทีสาม “บริษัทมกี ารประกนั ความเสยี งด้านค่าเงินหรือไม”่ เพราะหลายๆ บริษัทมีการป้ องกนั ความเสยี งเอาไว้ ดงั นนั การทีคา่ เงนิ อ่อนลง การจะไม่มีผลต่อกําไรขาดทนุ เลยกไ็ ด้ 70 | P a g e

อันทีสี ความได้เปรียบด้านราคาขายตรงนีอาจจะดํารงอยู่ไม่ได้นาน (แต่ก็อาจจะกินระยะเวลาเป็ นปี หรือ หลายไตรมาส) เพราะว่าลกู ค้าของบริษัทก็รู้ ว่าค่าเงินเราอ่อนลง ก็คงต้องหาโอกาสต่อรองราคา หรือในทางเดียวกัน ลกู จ้างของบริษัท โดยเฉพาะทีมีสหภาพ ก็มักจะรู้เรืองราวของกําไรทีเพิมขึน และเรียกร้ องมากขึน ทําให้อัตรากําไรไม่ สามารถยนื อย่ใู นระยะยาว ฉนั ใดก็ฉนั นัน ในตรรกะเดียวกนั ถ้าเราบอกว่ามีประเด็นอืนอีกไม๊ ทีจะสามารถขยับราคาขายได้ในลกั ษณะนี กต็ ้องบอกวา่ ห้นุ บางประเภททีมรี ะยะเวลาสมั ปทาน อาจสามารถขยบั ราคาได้ตามช่วงเวลา ทําให้อัตรากําไรก้าวกระโดด ได้ ดังเช่น ค่าทางด่วน ค่าธรรมเนียมสนามบิน หรือค่าโดยสารรถไฟฟ้ า หุ้นพวกนีก็มีโอกาสทีจะทําให้อัตรากําไรก้าว กระโดดขนึ มาได้ แต่หากพจิ ารณาลงไป เราก็จะทราบว่าทีราคาขึนอาจจะสว่ นหนงึ เพราะในเวลาอนั ใกล้อาจจะมีค่าซ่อม บํารุงทมี ากขนึ กเ็ ป็ นได้ แต่อย่างน้อย ในวนั ทีราคาปรบั ขนึ มาใหม่ๆ “ต้นทนุ ยงั ขนึ ตามมาไมท่ นั ” ยําว่า “ต้นทุนยงั ขึนตามมา ไม่ทัน” ตรงนีแหละเป็ นช่วงพีคของกําไรทีเดียว ซึงหากราคาขึนและยังควบคุมต้นทุนหรือต่อรองกับซับพลายเออร์ได้ดี กาํ ไรทหี อมหวานตรงนีก็จะยงั คงอยแู่ บบยาวๆ นา่ จะประมาณนีละ่ มงั ถ้างงต้องขออภยั ผิดถกู อยา่ งไรไตร่ตรองดกู นั ด้วยนะคฟั .. 71 | P a g e

ความคาดหวังของเรากับข่าวทเี กยี วข้องกับการลงทนุ ใหม่ๆ ของบริษัท.. ทีผา่ นมา จะมีคําถามทีได้พดู คยุ กบั เพอื นๆ เสมอมา ก็คือ เพือนๆ มกั จะถามหมีส้มว่า “บริษัท ABC ประกาศจะ ลงทนุ ในโครงการ 123 จะทาํ ให้ได้กาํ ไร แล้วหุ้นจะขึนหรือไม่ ระยะยาวมนั จะดีหรือไม่” หรือถามว่า “ห้นุ กขค ตังแต่ออก ข่าววา่ ประมลู งานได้ ราคาก็ดงิ ลงอย่างเดยี ว เพราะเค้าเลกิ เลน่ กนั แล้ว หรือวา่ เด๋วมนั กจ็ ะกลบั มา” เช่นเคย.. หมีส้มออกตัวก่อนว่าไม่ได้ เป็ นกูรู หรือผู้เชียวชาญการลงทุน แต่หมีส้มลองสมมติว่าหมีส้มอยู่ ในสถานการณ์นนั ๆ หมสี ้มจะทาํ อย่างไร ดงั ต่อไปนี เวลาทีได้ยินข่าวอะไรบางอย่าง เกียวกบั หุ้นตัวหนงึ หมีส้มสงั เกตเห็นว่ามนั จะออกมาสองแนว แนวแรกก็คือ ยอดขายจะโต กําไรจะสงู ขึน อนั นี ทรัพยากรจะเพิมขึนในส่วนของต้นทุนสินค้าหรือบริการเป็ นหลกั สว่ นพวก Fixcost อนั ได้แก่ คา่ บริหารจดั การ คา่ การตลาด จะสงู ขนึ แตไ่ มม่ าก (อาจจะมพี วกโอทเี พมิ เข้ามา) กับแนวทีสอง คือข่าวการลงทนุ เฟสใหม่ ยกตวั อย่างเช่น มีโครงการใหม่ ต้องเซ็ทอพั โมดลู ใหม่ๆ ออกมาเลย หรืออาจจะเป็ นการเพิมสาขาใหม่ของร้านค้า ตา่ งๆ สงิ เหลา่ นี อาจจะเพมิ ทงั ในสว่ นของต้นทนุ สนิ ค้าและค่าบริการ รวมไปถงึ ต้นทนุ Fixcost ตา่ งๆ อยา่ งไรกต็ าม ไม่ว่าจะลงทนุ ประเภทใด ถ้าการลงทนุ เกดิ ขนึ จริง มนั กน็ ่าจะเป็ นเรืองทีดีมากกว่าเรืองทีไม่ดีละ่ มัง (เพราะหลายๆ บริษัท ประกาศว่ายอดขายเพิม หรือมีโครงการใหม่ๆ สดุ ท้ายแล้วไม่เกิดขึนจริง อ้างว่ามีปัญหา 12345 ทาํ ให้ดําเนนิ โครงการไมไ่ ด้ หลงั จากนนั ห้นุ ก็ร่วงลงมาเรือยๆ) แต่ทนี ี เรืองทีเกียวกบั เราก็คอื เราจะประเมินอยา่ งไร ว่าโครงการทีเกดิ ขนึ มนั จะดหี รือไม.่ . หมีส้มจะดยู งั ไงนะ.. อย่างแรก ลองสังเกตดูว่า ตัวกิจการทีเข้ าไปลงทุนนัน มันน่าจะเวิกไม๊ คือมันก็คงต้องใช้การคาดการณ์ อาจจะซพั พอร์ทจากข้อมลู ทเี ราหาได้จากอนิ เตอร์เน็ท ซงึ ก็ช่วยได้เยอะ ไม่ใช่ดแู ค่ว่า “เค้าไปลงทุนแล้ว น่าจะดีกับหุ้นนะ” ยกตวั อย่างเช่น ถ้าห้างค้าปลกี ไปเปิ ดสาขาเพมิ ทงั ประเภท Hyper หรือร้านย่อย อนั นีดีแน่นอน เพราะว่าเค้าเปิ ดมาเป็ น สิบๆ สาขา ดังนันระบบจะค่อนข้างแข็งแกร่ง อันนีเราก็ดูแล้วไม่น่าห่วง แต่บางบริษัท ขยายไลน์ไปยังธุรกิจทีไม่ถนัด หรืออาจจะไม่เคยทาํ เลย อยา่ งเชน่ ไปลงทนุ พลงั งานทดแทน เช่น พลงั งานลม ซงึ หมีส้มพอจะทราบ (จากการทีเคยทํางาน ทีศูนย์พลงั งาน) ว่ามนั ไม่เวิกในเมืองไทย และการคืนทุนก็ไม่ตํากว่า 15-20 ปี หมีส้มก็เลยคิดว่าในระยะเวลาอันใกล้นี ตวั ธุรกจิ มนั ก็ไมน่ า่ จะเวิกรึเปลา่ ทจี ะขยายการลงทนุ ไปตรงนนั ซงึ การลงทนุ มีความเสยี ง เราซือห้นุ ลงทุนหลกั ไม่กีมากน้อย เรายงั เสยี วๆ เลย ผ้บู ริหารทจี ะลงเงนิ หลายร้อยหลายพันล้าน มนั จะเสยี งหรือไม่นะ เอ๊ะ หรือเค้าแค่ออกข่าวมาหลอกเรา แล้วเดว๋ ทเี ค้าระกาศว่าลงทนุ 5-600ล้านบาท อาจจะลงจริงๆ แค่ 50-60ล้านบาท.. อย่างทสี องเนยี เราต้องไม่ลมื ว่าทุกอย่างมีต้นทนุ เงินก็มีต้นทุน หลายๆ บริษัททีประกาศลงทนุ เพิม บางทีอ่าน จากข่าวแล้วก็งงๆ เพราะเงินสดตัวเองยงั ไม่พอจะหมนุ ในกิจการปกติเลย บางกิจการ หนีระยะสนั 800 ล้าน มีเงินสด ในมือ 30 ล้าน แต่ประกาศลงทุนเพิม แล้วราคาหุ้นก็ดีดขึน อันนีเราถึงต้ องมองในงบการเงิน ดูกระแสเงินสด ของบริษัทนันๆ ว่ามีความเป็ นไปได้แค่ไหน ทีเค้าจะลงทุนจริงๆ ไม่ใช่สร้ างข่าวมาหลอกเราเล่นๆ ซงึ หากเงินสดไม่พอ 72 | P a g e

แล้วต้องไปกู้มา ยังไงก็ต้องเสียดอกเบีย 6-10% ถามว่าต้นทุนตรงนี กับโครงการทีไม่ได้ ถนัดรือไม่ได้ชัวร์มากนัก หรือกลา่ วได้ว่า เรากาํ ลงั พจิ ารณาวา่ ถ้าต้องมีหนีเพมิ หรือลงทนุ เพมิ ในความรู้สกึ ของเรา มนั เกดิ ตวั หรือว่าไหวไม๊.. อย่างทีสาม ก็คือ หมีส้มจะย้อนไปเช็คเลยว่าบริษัทเจ้าของเป็ นใคร มีประวัติการหลอกลวงมากน้อยแค่ไหน และห้นุ ทเี ค้าเกยี วข้องมีลกั ษณะเป็ นอย่างไร ราคาเคลือนไหวเป็ นแบบไหน เราก็ใช้กเู กิลนีล่ะง่ายๆ เช็คดคู รับ บางบริษัท ขาดทุนมหาศาลจนติดลบแล้วยังมีข่าวโน่นนี ให้หุ้นพุ่งไปหลายเท่าตวั จากประสบการณ์ทีผ่านมา (ซงึ อาจจะผิดก็ได้) บริษัททีขาดทนุ หนกั ๆ แล้วฟื นกลบั มา ราคาพ่งุ เป็ นหลายเทา่ ๆ มกั จะมีการ “ล้มกระดาน” มาแล้ว อย่างเช่น ทําการลดทุน เปลยี นโครงสร้างผ้ถู ือหุ้น บางตัวออกจากตลาดไปแล้วแปลงหนีเป็ นทนุ บีบให้รายยย่อยขายออกแล้วกลบั เข้ามาใหม่ สรุปก็คอื ห้นุ อยใู่ นมอื พวกเค้าหมดแล้ว รายย่อยคายห้นุ หรือถกู เจอื จางห้นุ ไปหมดแล้ว อะไรทํานองนนั ,, ทังหมดนีก็เป็ นข้อสงั เกตของหมีส้มเฉยๆ นะ พิมพ์มาเล่าส่กู ันฟัง.. ถูกผิดอย่างไรลองไตร่ตรองกันดูนะครับ เงินเป็ นของเรา รวยเป็ นของเรา เจ๊งเป็ นของเรานะครับ แล้วกอ็ ยา่ ลมื นะครับวา่ “ห้นุ ทกุ ตวั มนั ก็ดีหมดแหละ แต่มนั ดีทีราคา เท่าไหร่” และ “กเู กลิ มขี ้อมลู ทกุ อยา่ ง เราต้องใช้ให้เยอะๆ” ขอให้ทุกคนโชคดี รํารวยกนั ทุกคนนะครับ มีความสขุ กบั ห้นุ ปันผล by หมสี ้ม เล่ม 3 จบแล้วครบั 73 | P a g e