พ ร ะ อ า จ า ร ย ์ ค ร ร ชิ ต อ ก ิ ญฺ จ โ น 151 สรา้ งจงั หวะอกี ๑๐ นาท ี ทกุ คนกพ็ ดู เหมอื นกนั หมดวา่ ตอนนงั่ นง่ิ ๆ มันทรมานมาก จิตมันวิ่งส่าย เพราะมันไม่มีวิหารธรรม มันก็จะ ว่ิงไปขาท่ีปวดบ้าง ความคิดบ้าง เยอะแยะมากมาย แต่พอยกมือ สร้างจงั หวะ จิตมันก็นงิ่ ก็จะรู้สกึ วา่ ปวดนอ้ ยลง แตส่ องคนนเ้ี ขาบอกวา่ ตอนนง่ั นง่ิ ๆ เขาสบายมากเลย แตพ่ อ ยกมือเท่าน้ัน เขารู้สึกปวด มันสวนทางกับคนอื่นเลยนะ ท�ำไมเป็น อยา่ งนน้ั ...เขาบอกวา่ พอดตี อนนง่ั นงิ่ ๆ มนั มแี มงมมุ อยตู่ วั หนง่ึ มนั วิง่ ๆ ไม่รู้จะเข้าเบาะไหน สองคนน้เี ขาก็ลนุ้ กบั แมงมุมอย่ ู ๒๐ นาที ไมท่ ำ� อะไร ลนุ้ แมงมมุ อยา่ งเดยี ว พอจงั หวะพระอาจารยบ์ อกยกมอื สร้างจังหวะได้ จังหวะน้นั แมงมุมกม็ ดุ เข้าไปใต้เบาะเพ่ือนพอดี พอ ๒ คนยกมอื กเ็ ลยรสู้ กึ วา่ ปวดมากเลย กม็ นั กลบั มาอยกู่ บั เนอื้ กบั ตวั แลว้ แตต่ อนนนั้ มนั สงิ แมงมมุ อย ู่ ๒๐ นาท ี มนั กเ็ ลยไมร่ ไู้ ง ว่าตวั เองปวดหรอื ไม่ปวด เหมือนกบั พวกเลน่ ไพ ่ เล่นการพนัน เล่น ไฮโล มันไม่เคยปวด น่ังได้ท้ังวันท้ังคืน หิวก็ไม่หิว ง่วงก็ไม่ง่วงด้วย นิวรณ์ไม่อาจเข้าแทรก เพราะขณะน้ันจิตเต็มไปด้วยโลภะ โมหะ โทสะเพยี บ มนั ลนุ้ อยกู่ บั ไพ ่ มนั ตงั้ มน่ั มากเลย แตเ่ ปน็ การสง่ ออกไป ขา้ งนอก เอาไปตง้ั ไวก้ บั ภายนอก เหมอื นพวกทำ� กสณิ ทมี่ นั เพง่ ขา้ ง นอก แบบว่าค่อยๆ สร้างจินตนาการเป็นภาพเป็นอะไรข้ึนมา อันน้ี ก็เหมือนกัน มันก็ไปลุ้นกับแมงมุม อันตรายนะ เกิดขาดใจตายไป ตรงนั้นไปเกดิ เป็นลูกแมงมุมเลย จะเล่าเหตุการณ์หน่ึงให้ฟัง มีคุณโยมคนหนึ่ง แกกังวลเร่ือง ผา่ ตดั แกกลวั แตว่ า่ แกตอ้ งผา่ ตดั แกกก็ งั วล...เมอื่ ไรจะผา่ ตดั …ขนาด เขา้ หอ้ งผา่ ตดั แกกถ็ ามพยาบาล...เมอื่ ไรจะผา่ ตดั แกกงั วลมากเรอื่ งน้ี แลว้ ระหวา่ งนนั้ เวลาเขา้ หอ้ งผา่ ตดั เขากจ็ ะชวนเราพดู เราคยุ แตเ่ ขา
ล ํ า ด ั บ แ ห่ ง ก า ร พ ้ น ทุ ก ข์ 152 วางยาเราไวแ้ ลว้ ทนี แี้ กกส็ ลบไป เขากผ็ า่ ตดั พอแกฟน้ื ขน้ึ มา คำ� ถาม แรกที่แกถามคือ...เม่ือไรจะผ่าตัด ตรงน้ีท่ีพระอาจารย์พูดเรื่องน้ี ใหฟ้ งั กเ็ พราะวา่ นเี่ ปน็ แบบจำ� ลองใหเ้ ราเหน็ วา่ ...จติ ดบั ลงไปอยา่ งไร... มันกเ็ กดิ อย่างนนั้ นี่คือการท�ำให้เห็นว่าจิตดับลงไปพร้อมกับเร่ืองใด มันจะเกิด ใหม่พร้อมกับเรื่องน้ัน เอาเรื่องน้ันไปเกิด เพราะในขณะที่ช่วงวาระ สุดท้าย ถ้าเกิดมันไปพร้อมกับความห่วง ความกังวล การไม่ปล่อย วาง ยังมีอะไรคาใจ ทุกข์ใจ อะไรก็ตาม...มันก็ไปด้วยความกังวล ความหว่ ง...อันตราย เพราะว่ามนั จะเป็นอบายภมู ิกับเรอื่ งเหลา่ นนั้ เพราะฉะน้ันการฝึกที่จะปล่อยวางทุกอย่าง ที่เราเห็น ที่เรา รสู้ กึ ตวั แลว้ เหน็ ความรสู้ กึ ความนกึ คดิ ตา่ งๆ มนั เกดิ ขนึ้ แตเ่ ราไม่ เขา้ ไปเปน็ กบั มนั เลย เรารสู้ กึ ตวั ความคดิ มากผ็ า่ นไป... อารมณใ์ ด มาก็ผา่ นไป...สง่ิ ใดเกดิ ขนึ้ กร็ ับรู้ แตไ่ ม่เปน็ กบั มัน...คือคนเราจะเกิด เพราะยังมีเชื้อที่จะเกิด แต่การท่ีไม่มีเช้ือจะเกิดก็คือ การท่ีจิตของ เราไม่มีอุปาทาน ไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดๆ ท่ีมันปรากฏข้ึน เห็นเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีใจท่ีจะเข้าไป ยินดีหรือยินร้าย นั่นคือเหตุผลท่ีท�ำไมพระพุทธเจ้าถึงใช้ค�ำว่า ให้เธอเห็นกาย เวทนา จิต ธรรม แล้วก็ถอนความยินดียินร้ายนั้นออก ให้แค่เห็น ให้สักแต่ว่า แล้วก็เห็นสิ่งเหล่านี้ตามกฎพระไตรลักษณ ์ ก็ย�้ำลงไป ว่ามันไม่อาจยึดม่ันถือม่ันได้ เพราะฉะน้ันที่บอกว่าเอาจิตส่งไปดูมัน เปน็ การสง่ ออกขา้ งนอก มนั เพง่ ไปทข่ี า้ งนอก ไมเ่ อา อนั นไ้ี มไ่ ด ้ เรา ก็แค่ไม่ต้องกลัวเรื่องจิตมันจะวอกแวก เรื่องจิตมันจะสับสน ขอให้ มนั เห็น แล้วมันจะคอ่ ยๆ ส�ำรวมข้ึนมาเอง
พ ร ะ อ า จ า ร ย ์ ค ร ร ชิ ต อ ก ิ ญฺ จ โ น 153 ปกติแล้ว จิตจะไม่มีรูปร่างหน้าตาใช่ไหมคะ...จะเป็น ความรสู้ กึ ตอนนง่ั กรรมฐาน เวลาหนคู ดิ มคี วามสขุ หรอื ปวดขา หนู รู้สึกว่าจิตมันจะวิ่งกระโดด มันจะวิ่งกระโดดแรงอยู่เหนือหน้าอก แต่พอเวลาหนูเข้าสมาธิเฉยๆ หรือสงบ หนูก็จะรู้สึกเบาๆ นิ่งๆ อยู่ กลางหนา้ อก อยา่ งนหี้ นคู ดิ ไปเองหรอื เปลา่ คะ...หรอื วา่ หนเู ปน็ โรคหวั ใจ หวั ใจเตน้ ไมส่ มำ�่ เสมอ ผดิ จงั หวะ คอื สรปุ แลว้ หนมู อี าการแนน่ หนา้ อก เป็นช่วงๆ ขณะปฏิบัติกรรมฐาน หรือเวลารู้ตัวว่าก�ำลังโมโหตอน ขบั รถ ตรงนี้แหละท่ีคนชอบบอกว่าจิตมันอยู่กลางอก มันมี อกี ตวั หนง่ึ เขาเรยี กวา่ หวั ใจนะ มนั ไมใ่ ชจ่ ติ แตห่ วั ใจมนั จะมภี าวะแหง่ การตอบรบั กบั จติ ไวมาก เวลามนั รสู้ กึ อดึ อดั ดว้ ยกระบวนการปรงุ แตง่ ของจิต ไอ้น่ีจะรู้สึกเปล่ียน มีการกระเพื่อมผิดจังหวะ เพราะฉะนั้น ในคัมภีร์บางคัมภีร์ท่ีเขียนมาภายหลัง ไม่ใช่พระไตรปิฎก บางทีเขา กำ� หนดวา่ จติ อยตู่ รงอก จรงิ ๆ แลว้ มนั ไมใ่ ช ่ จติ ไมไ่ ดอ้ ยตู่ รงน ้ี อาการ ท่ีมันเกิดอาการผิดปกติตรงนี้ ก็คืออาการท่ีมันส่งผลมาท่ีกายแล้ว ความเปล่ียนแปลงของจิตนน้ั มันส่งผลมาทก่ี ายแลว้ บางคนเวลาโกรธมากๆ แล้วมันช็อคไปเลย น่ันเพราะว่าตัวนี้ มันตอบสนองกับเร่ืองจิตได้ไว เขาเรียกว่า...หทัยวัตถุ หรือว่าหัวใจ บางทมี นั ไมแ่ สดงออกทางกาย วาจา แตว่ า่ ตวั ขา้ งในมนั ผดิ จงั หวะ เรา กร็ บี กลบั มารสู้ กึ ตวั ซะ มนั สามารถตอบสนองไดไ้ ว สามารถเชค็ ไดว้ า่ ขณะน้ันจิตของเรามันมีความกระเพ่ือมไหวไหม ถ้าจิตเราผิดปกติ มากๆ มนั จะสง่ ผลออกมาทีก่ าย โดยทต่ี ัวนี้เป็นตวั เรม่ิ แรก
ลํ า ดั บ แ ห ่ ง ก า ร พ้ น ทุ ก ข์ 154 วนั นข้ี ณะนง่ั กรรมฐานตอนหนเู รมิ่ จะรสู้ กึ งว่ ง พอรวู้ า่ มนั เรมิ่ มา หนกู น็ กึ ถงึ หนา้ พระอาจารยค์ ะ่ เวลาทกุ ครง้ั ทพี่ ระอาจารย์ ปลอ่ ยมกุ ตลกเสรจ็ พระอาจารยจ์ ะท�ำตาโต หนกู เ็ ลยบรหิ ารใบหนา้ ของหนใู หท้ ำ� ตาโตบา้ ง แลว้ สำ� เรจ็ คะ่ พระอาจารย ์ ๓ - ๕ ครงั้ ได ้ เอาจติ มาไลธ่ รรมารมณอ์ ย่างนี้ไดไ้ หมคะ ได้ เพราะขณะท่ีเราท�ำตาโต มันมีการขยับของกาย จิตมันก็มารับรู้ มันก็... ได้ๆ เอาเหอะ ท�ำๆ ไป ในเรื่องของการที่ จิตของเรามันเคลื่อนออกจากฐานแล้ว แล้วเราสามารถรู้ทันได้เร็ว เท่าไร...มันก็จะท�ำให้เราสามารถที่จะท�ำให้จิตกลับคืนสู่ฐานได้ไว เท่านั้น อันนี้มันอยู่ที่ความต้ังมั่นของจิตท่ีมีมากเท่าไร เรากจ็ ะเหน็ การเคล่ือนได้ง่ายมากเท่าน้ัน แต่ถ้าจิตมันซัดส่ายๆ อยู่ตลอดเวลา มันก็มองยาก เพราะฉะนั้น นี่แหละคือเหตุผลว่า ท�ำไมเราต้องมี วหิ ารธรรมทชี่ ดั เจน ทใ่ี ดทหี่ นง่ึ เปน็ กรรมฐานอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ เอาไว้ สมยั เมอื่ พระอาจารยไ์ ปสอนแพทยบ์ รรจใุ หมท่ บี่ รุ รี มั ย ์ ปรากฏ ว่าพวกเขาหลายคนก็คงจะเคยปฏิบัติอยู ่ ตอนเราพาท�ำ เขาก็ท�ำ... ยกมอื แตพ่ อเราไมพ่ าทำ� เราบอกใหท้ ำ� เอง เขากน็ งั่ กนั เฉยๆ กเ็ ลย ถามเขาวา่ ทำ� อะไร เขาบอกเขาดจู ติ อย่ ู พระอาจารยก์ เ็ ลยถามวา่ เขา ดจู ติ เขาใช้อะไรเปน็ วหิ ารธรรมในการดู เขามองหน้าพระอาจารย์ เขาไม่เข้าใจม้ัง แล้วเอาจิตไว้ที่ไหน ก่อนเพื่อจะดูมัน เขาบอกไม่มีครับ ก็ปล่อยมัน มันคิดอะไรก็รู้ไป มนั เปน็ ยงั ไงกร็ ไู้ ป เรากบ็ อกอยา่ งน ้ี มนั นา่ จะหลงไดน้ ะลกู เพราะวา่ มันไม่มีฐานในการที่จะดู ช่วยกระดิกนิ้วเพ่ิมได้ไหม ถ้าไม่อยาก ยกมอื กช็ ว่ ยกระดกิ นว้ิ หนอ่ ย คอื ขออยา่ งเดยี ว จะมอี ะไรกไ็ ดข้ องกาย
พ ร ะ อ า จ า ร ย ์ ค ร ร ชิ ต อ ก ิ ญฺ จ โ น 155 ทข่ี ยบั เขาก็นง่ั กระดกิ นว้ิ อาจารย์ก็เดินถามกลุ่มโน้นกลุ่มน้ี เรียบร้อยแล้วก็กลับมาหา พวกเขาใหม ่ เปน็ อยา่ งไรบา้ ง... พระอาจารยค์ รบั มนั คมกวา่ เดมิ ครบั เมอื่ กอ่ นทยี่ งั ไมไ่ ดก้ ระดกิ นวิ้ มนั ดเู หมอื นดจู ติ ดเู หน็ ความคดิ แตม่ นั เหมอื นเขา้ ไปเปน็ ดว้ ย คอื มนั ดเู หมอื นเราเขา้ ไปอยใู่ นนนั้ แลว้ เขา้ ไป เหน็ อยกู่ บั สงิ่ นน้ั มนั ยงั รสู้ กึ หนกั ๆ อย ู่ แตพ่ อกระดกิ นวิ้ มนั ดจู รงิ ๆ พระอาจารย์ ความคิดใดปรากฏมันเห็นเลยนะ มันเห็นแล้วไง... มันก็กลับมาน่ี กลับมาพักตรงน้ีครับ แล้วพอสักพักมันหลุด มันก็ เห็นชดั เลยครับ แล้วก็กลับมาพกั ตรงน้ี นนั่ แหละ พระพทุ ธเจา้ จงึ บอกวา่ ...แมต้ ถาคตเองกม็ ี “อานา- ปานสต”ิ เปน็ วหิ ารธรรม...แมแ้ ตต่ ถาคตเองกม็ ี “กายคตาสต”ิ เปน็ วหิ ารธรรม คอื มสี ตไิ ปในกายเปน็ ตวั ตง้ั เพราะฉะนนั้ ถา้ เราไมย่ อมมี วหิ ารธรรม แปลวา่ เราเกง่ กวา่ พระพทุ ธเจา้ ถา้ เกง่ กวา่ พระพทุ ธเจา้ ก็ นา่ กลวั พระพทุ ธเจา้ ทา่ นยงั บอกวา่ ทา่ นยงั มวี หิ ารธรรม แตเ่ ราไมย่ อม มวี หิ ารธรรม อนั นนี้ า่ กลวั อยา่ ไปไมม่ ี อยา่ ไปไมต่ ง้ั ฐานนะ อนั ตราย มาก เพราะว่าพระอาจารย์เคยท�ำแบบนัน้ มาแล้ว ตอนน้ันหลวงพ่อค�ำเขียน พอเราไปบอกท่านว่าเราแยกกาย แยกจิต แยกรูป แยกนาม เราไปเล่ากระบวนการบางอย่างให้ท่าน ฟังแล้ว หลวงพ่อก็บอกว่าต่อไปให้บ�ำเพ็ญทางจิตนะ พระพุทธเจ้า ทรงบรรลุธรรมด้วยการบ�ำเพ็ญทางจิต ก็คือเฝ้า... คอยเฝ้าดูจิต พระอาจารย์เลยเข้าใจว่าหลวงพ่อให้พระอาจารย์ไปเฝ้าดูจิต ไม่ต้อง ยกมอื สรา้ งจังหวะ ลมื ไปวา่ ส่ิงทห่ี ลวงพอ่ พดู หลวงพอ่ ละไวใ้ นฐานะ ที่เข้าใจว่า...มันต้องดูกายเพื่อจะเห็นจิต เพราะนิยามของหลวงพ่อ มีอยู่แล้วคือ “ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม” หลวงปู่เทียนก็บอก
ลํ า ดั บ แ ห่ ง ก า ร พ้ น ทุ ก ข์ 156 “ดกู ายเคลอื่ นไหว...รเู้ ทา่ ทันใจนกึ คิด” ทีน้ีเราก็ไม่สร้างวิหารธรรม วันท้ังวันเราก็คอยน่ังดูจิตว่ามัน เป็นอย่างไรบ้าง ก็เห็นมันคิด เห็นมันเปล่ียนไปอย่างน้ัน อย่างน้ี แรกๆ มนั กเ็ รม่ิ ดชู ดั อย ู่ แตห่ ลงั ๆ มา พอมนั เกดิ ขนึ้ เยอะๆ มนั เหน็ นะ แตม่ ันมอี าการเข้าไปเปน็ ด้วยในบางครั้ง ในขณะท่ีมันเฝ้าดูน้ัน ความรู้มันเกิดเยอะมากเลย มันเป็น คดิ ร ู้ แตส่ งิ่ หนง่ึ ทม่ี นั ตามมาคอื ความมนั่ ใจวา่ ตวั เองรแู้ ละเขา้ ใจมากขน้ึ เรอ่ื ยๆ มนั ไมส่ นใจเลยนะทนี ้ี เขาเปดิ เทศนค์ รบู าอาจารยใ์ หฟ้ งั ปดิ ๆ ไมถ่ งึ ขนั้ มนั วา่ มนั ถงึ ขนั้ กวา่ มนั มอี าการอยา่ งนนั้ นานๆ เขา้ เรากเ็ รมิ่ สงั เกตตวั เอง เรม่ิ เหน็ วา่ ตอนกอ่ นทเี่ ราจะปฏบิ ตั ิ เรากอ็ ยกู่ บั ความคดิ แบบนี้ แล้วพอเราปฏิบัติอยู ่ เราก็ยังมาอยู่กับความคิดอย่างน ้ี แล้ว มนั ตา่ งกนั ตรงไหน...มนั ไมต่ า่ ง แปลวา่ เราตอ้ งทำ� อะไรผดิ แนๆ่ จาก ท่ีนั่งคอยดูจิต ก็ลุกข้ึนแล้วก็ทำ� จงกรม คราวน้ีความคิดมันเกิดข้ึนก็ ฟบ้ึ ทนั กห็ ายไป โผลม่ าอกี กฟ็ บ้ึ ...มนั ทนั นเี่ องคอื วธิ กี ารด ู คอื มนั ตอ้ ง มฐี านท่จี ะดู แล้วมนั จะไม่เขา้ ไปเปน็ คือมันไมไ่ หลไปด้วยกัน ต้ังแต่น้ันมา พระอาจารย์ก็มุ่งอยู่กับวิหารธรรมเลย มันเป็น องค์ความรู้ที่ท�ำให้เราค่อยๆ ไถ่ถอนตัวเองออกมาจากความหลงติด ยึดม่ัน มันคลายออก ทุกข์มันน้อยลงจริงๆ เพราะมันเริ่มมองเห็น ส่ิงรอบๆ ทุกอย่างเป็นแค่ความคิดหมดเลย แล้วเราก็หลงไปเอาถูก เอาผิด ยึดม่ันถือมั่นกับความคิดท่ีมันปรุงขึ้นมา ขณะปัจจุบันคือ ความจริงที่สุด ในขณะเดียวกัน วิหารธรรมมันก็แค่เป็นแค่อะไร บางอยา่ งใหร้ ะลกึ รเู้ พยี งชว่ั ขณะ รแู้ ลว้ กด็ บั ไป แลว้ กป็ รากฏตวั รขู้ น้ึ มา อกี ขณะ แลว้ กด็ บั ไป แตเ่ ปน็ ขณะทตี่ อ่ เนอ่ื งเทา่ นน้ั เอง ตวั ทถี่ กู รกู้ บั ตวั ทรี่ มู้ นั กเ็ กดิ แลว้ มนั กด็ บั พรอ้ มกนั มนั ไมไ่ ดม้ อี ะไรทไ่ี มด่ บั เพยี งแต่
พ ร ะ อ า จ า ร ย ์ ค ร ร ชิ ต อ ก ิ ญฺ จ โ น 157 มันมีการเกิดตัวใหม่ข้ึนมา แล้วตัวรู้มันก็ปรากฏตาม รู้แล้วก็ดับลง ไปเท่าน้นั เอง มันก็ไม่มีอะไรจรี งั ยง่ั ยืน ตอนนน้ั พรรษาท ่ี ๒ หลงั จากพระอาจารยเ์ จอหลวงพอ่ คำ� เขยี น คนื เดยี ว อาจารยก์ ไ็ ดต้ น้ ทางเลย แยกกาย แยกจติ แยกรปู แยกนาม ได้เลย เพราะว่าเรามีพ้ืนฐานอยู่แล้ว หลวงพ่อคลิ๊กใหพ้ ระอาจารย์ เลยนะ ด้วยหลักการที่หลวงพ่อท�ำ สร้างจังหวะอย่างนี้ ตั้งใจท�ำ ที ล ะ ค รั้ ง รู ้ ที ล ะ ค รั้ ง จ บ ล ง ที ล ะ ค ร้ั ง . . . แ ค ่ นี้ น่ั น แ ห ล ะ คื อ จุ ด ที่ พระอาจารย์จบั แล้วกเ็ ขา้ สกู่ ารปฏิบตั ิ เพราะฉะน้ัน เร่ืองของวิหารธรรม เรื่องของการสังเกตการ ปรากฏขึ้นของธรรม การดับลงแห่งธรรม เรื่องนี้เป็นเร่ืองที่ส�ำคัญ มนั อยใู่ นตวั ของมนั อยใู่ นขณะนน้ั ใหเ้ ราตงั้ ใจทำ� แลว้ กส็ งั เกตดมู นั ไป รู้ ดูมันมีช่วงของมันอยู่ มันไม่ใช่ไม่มี เพียงแต่การสังเกตของเรา ไม่แยบคายพอ เพราะฉะน้ันขอให้เราสังเกตให้มันชัดขึ้น มองดีๆ กบั ส่งิ ทเ่ี กิดขึน้ อกี ปญั หาหนงึ่ คนทสี่ งั เกตไดไ้ มด่ คี อื คนท ่ี “ตง้ั ธง” เอาไวเ้ สมอ ตั้งธงว่าต้องเป็นอย่างนั้น อย่างน้ีนะ ถ้าคนท�ำแบบนี้เมื่อไร จะขาด การสังเกตอย่างย่ิง เหมือนคนตั้งธงว่าอยากให้มันสงบ เขาจะ กระเสอื กกระสน ตะบต้ี ะบนั กพ็ ยายามจะหาวธิ ที ำ� ใหม้ นั สงบ แตก่ ลบั ไมม่ องวา่ ระหวา่ งการเดนิ ทางในแตล่ ะกา้ วๆ มนั เกดิ อะไรขน้ึ บา้ ง แตล่ ะ ลมหายใจทเี่ ขา้ ทอี่ อก มนั เกดิ อะไรขนึ้ บา้ ง ตง้ั แตก่ ารขยบั ในแตล่ ะขณะๆ มันเกิดอะไรขนึ้ บ้าง อันนีค้ อื สิ่งทค่ี นทชี่ อบต้งั ธงจะมองไม่ออก แต่ถ้าปฏิบัติอย่างที่พระอาจารย์บอกคือ ตั้งใจท�ำทีละคร้ัง รู้ ทลี ะครง้ั จบลงทลี ะครงั้ มนั ไมม่ ธี งตง้ั มนั มแี ตก่ ารวา่ อยกู่ บั ปจั จบุ นั ขณะแล้วเห็นตรงน้ัน เพราะฉะนั้นจังหวะที่หน่ึงมันเป็นอย่างไร มัน
ลํ า ด ั บ แ ห ่ ง ก า ร พ ้ น ท ุ ก ข์ 158 เปน็ อยา่ งนน้ั พอจงั หวะท ่ี ๒ มนั เกดิ อะไรขน้ึ มนั ไมใ่ ชข่ องจงั หวะทห่ี นง่ึ แลว้ เพราะฉะนนั้ กระบวนการเรยี นร ู้ เราเหน็ มนั ทลี ะขณะๆ แลว้ เรา จะรู้เลยว่า ชีวิตจริงๆ มันเป็นแค่ขณะ มันไม่ได้ยืนยาวอะไรเลย ทด่ี ำ� รงมาอยนู่ ค่ี อื ความเปน็ ขณะ ทมี่ นั ตอ่ เนอ่ื งมาเทา่ นนั้ เอง มนั เปน็ เร่อื งของการสังเกต
๑๙ “นามรูป” ไม่ใช่ “รูปนาม” บรรยาย ณ วันท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ ช่วงบา่ ย ได้ฟังซีดีหลวงพ่อค�ำเขียนว่า อย่าท�ำอะไรตามที่คิด ในทันทีทันใด เพราะเป็นการท�ำตามความเคยชิน เรียกว่าหลง ให้ รตู้ วั เสยี กอ่ นแลว้ ทำ� ดว้ ยสต ิ คำ� ถามคอื การทำ� จงั หวะเรว็ ๆ เหมอื นตี กลอง ไมข่ าดเปน็ ชว่ งๆ จะเปน็ การทำ� ไปเพราะเคยชนิ คอื หลงหรอื ไม่ จ�ำเม่ือคืนได้ไหม นั่นเขาก็เข้าใจว่าเขาเจริญสติ เขา ตอ้ งการทำ� อยา่ งไรกไ็ ดใ้ หร้ า่ งกายเขาตน่ื ไว ้ มนั เหมอื นกบั เราไปมอง เหน็ การงว่ งเป็นศัตรทู ่ตี อ้ งทำ� ลาย ตอ้ งตอ่ สู ้ ตอ้ งเอาชนะ แต่ถ้าเรา มองวา่ ความงว่ งมนั คอื คร.ู ..ทกุ อยา่ งเปน็ ครไู ปหมด หลงกย็ งั เปน็ ครู เลย เพราะหลงไปแลว้ เราจงึ ร ู้ งว่ งมนั กเ็ ปน็ สภาวธรรมทปี่ รากฏ มนั ไมใ่ ชส่ ง่ิ ทต่ี อ้ งเอาชนะ แตเ่ ราสามารถเรยี นรู้ แลว้ เราไมเ่ ปน็ ทกุ ขก์ บั
ลํ า ดั บ แ ห่ ง ก า ร พ้ น ท ุ ก ข์ 160 มัน ซึ่งต่อไปก็จะท�ำให้มันไม่มีอ�ำนาจเหนือเรา มันแปลกตรงที่ว่า พอเราไม่ตกอยู่ใต้อ�ำนาจของมัน คือเราเรียนรู้เข้าใจมันแล้ว สิ่งนั้น กลับไม่มีอำ� นาจเหนือเราอีกต่อไป นคี่ อื สงิ่ ทตี่ อ้ งเรยี นรใู้ หเ้ ขา้ ใจ แตว่ า่ หลายคนทเี่ คลอ่ื นไหวเรว็ ๆ เพราะความคดิ มนั เรม่ิ เรว็ ขน้ึ กไ็ มอ่ ยากใหค้ วามคดิ มนั โผล ่ กเ็ ลยทำ� เรว็ เพอ่ื ทจี่ ะจดั การกบั ความคดิ แตถ่ า้ เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั เิ จรญิ สต ิ ความคดิ มันก็จะมาช้าจะมาเร็ว เราก็จะไปอย่างสม�่ำเสมอ นั่นคือความต้ังใจ ทำ� ของเรา มนั จะไมม่ อี ทิ ธพิ ลเหนอื เรา เพราะมนั จะเปน็ เพยี งภาวะท่ี โผลม่ าให้เราได้รู้จัก เรียนรู้กับมนั และเข้าใจ และจบไปเท่าน้ันเอง ความส�ำคัญมันไม่ได้อยู่ท่ี ๑๔ จังหวะ แต่ความส�ำคัญอยู่ท่ี ความตง้ั ใจ...ทลี ะจงั หวะ นค่ี อื ความเปน็ ตวั ของตวั เอง ทไ่ี มถ่ กู ความคดิ มันลากไป มีความต้ังใจต้ังมั่นท่ีจะท�ำ ขอให้เป็นจังหวะของเราที่เรา รสู้ ึกวา่ เราชัดเจน กราบเรยี นพระอาจารย ์ ตอนทดี่ ฉิ นั นงั่ เครอื่ งบนิ จะกลบั จากตา่ งประเทศ ได้รวู้ ่าเคร่ืองบินนอ้ี าจจะต้องประสบกบั หางๆ ของ พาย ุ แตก่ เ็ ลอ่ื นไมไ่ ดแ้ ลว้ เลยตอ้ งเดนิ ทาง ในใจกค็ ดิ วา่ จะตอ้ งปฏบิ ตั ิ อย่างไร ตามที่เคยได้รับคำ� สอนจากพระอาจารย ์ เมื่อข้ึนเครื่องแล้ว ดิฉันและกัลยาณมิตร ก็รีบปฏิบัติภารกิจท่ีจะต้องกระทำ� ตามหน้าท่ี ผู้โดยสารแล้ว ก็พอดีมีสัญญาณว่าเราก�ำลังโดนพายุแล้ว ก็พากัน ตงั้ สตกิ ำ� หนดจติ กลบั มารสู้ กึ ตวั โดยการพลกิ มอื ไปเรอ่ื ยๆ แตถ่ า้ เหตุ นน้ั เกดิ อยา่ งกะทนั หนั เราจะครองสตแิ ละปฏบิ ตั เิ พอ่ื ใหก้ ลบั มารสู้ กึ ตวั ได้อย่างไร เพราะมันคงจะท้ังตกใจท้ังกลัว ขอความเมตตาจากพระ อาจารยส์ อนวิธีปฏิบตั ิในเหตุการณ์อยา่ งนีด้ ว้ ยคะ่
ล ํ า ดั บ แ ห่ ง ก า ร พ ้ น ทุ ก ข์ 162 น่ีไงเราถึงต้องมาฝึกให้มาก เราไม่รู้ว่าเหตุนั้นจะเกิด เม่อื ไร ในชีวิตจรงิ มนั เตือนเราอย่ทู กุ ขณะเลย ในแตล่ ะวัน คุณคาด การณล์ ว่ งหนา้ ไมไ่ ดว้ า่ เรอ่ื งนจี้ ะเกดิ อยๆู่ วนั นมี้ คี นมาหา หรอื วนั น้ี ไฟดับ น�้ำไม่ไหล มันมีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดอยู่ทุกขณะ นี่คือสิ่งที่ บอกให้เรารู้ว่ามันไม่มีก�ำหนด ไม่มีนิมิตหมาย พระพุทธเจ้าบอกว่า ความตายไมม่ นี มิ ติ หมายใหเ้ รารลู้ ว่ งหนา้ วา่ มนั จะเปน็ อยา่ งไร มนั จะ เกดิ ขน้ึ เมอื่ ไร ทางทด่ี ที ส่ี ดุ คอื ... เตรยี มความพรอ้ มเสมอ เรามองเหน็ การเตอื นทมี่ นั เกดิ ขน้ึ กบั เราไหม...มนั บอกเราอยตู่ ลอดเวลาถงึ ความ ไมเ่ ทย่ี ง มนษุ ยค์ วรจะหวาดหวนั่ กบั ความไมเ่ ทย่ี งตรงน ้ี แลว้ ตนื่ ตวั ท่ี จะวางใจในแตล่ ะขณะน้ันใหพ้ ร้อมเสมอ พระอาจารยเ์ คยท�ำกจิ กรรม ถา้ คณุ มเี วลาอยสู่ องวนั คณุ จะท�ำ อะไร หลายคนเขยี นเยอะมาก ถา้ เวลามแี คส่ องวนั จรงิ ๆ จะทำ� อะไรได้ ตอนน้ันเราแทบจะประคองลมหายใจอยู่ยังไม่ได้เลย แค่ลมหายใจ สะดดุ กต็ ายแลว้ เพราะฉะนน้ั ทเ่ี ขยี นไวจ้ ะทำ� โนน่ ทำ� น ่ี มนั เปน็ ไปไมไ่ ด้ เลย แต่ว่าต้องรอให้ถึงสองวันน้ันไหม เราถึงจะท�ำเร่ืองเหล่าน้ี เรา สามารถท�ำเรื่องน้ันได้ทันที เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรข้ึน เพราะ ฉะนน้ั เคลยี รไ์ ปเลย คดิ อะไรได ้ ทจี่ ะตอ้ งเคลยี รไ์ ปจากตวั เคลยี รเ์ ลย แล้วเราจะเกดิ ความรู้สึกว่า เรามคี วามพร้อมขึ้นเร่อื ยๆ ทุกขณะๆ อนั นส้ี ำ� คญั นะ ไมต่ อ้ งรอสองวนั แตถ่ า้ เราเตรยี มตวั ไวใ้ หพ้ รอ้ ม เสมอ พระพทุ ธเจา้ ถงึ ถามพระอานนท ์ อานนท ์ เธอคดิ ถงึ ความตาย วนั ละกคี่ รง้ั พระอานนทบ์ อก วนั ละพนั ครง้ั พระพทุ ธเจา้ บอกนอ้ ยไป เราคดิ ถงึ มนั ทกุ ลมหายใจเขา้ ออก การหมนั่ ระลกึ ถงึ ความตาย จะทำ� ให้ เราไมม่ วั เมา ไมห่ ลง มนั จะทอนความหลง ทำ� ใหเ้ ราตระหนกั วา่ ชวี ติ นี้ มนั มอี ะไรทเ่ี ราจะตอ้ งรบี ๆ ทำ� จดั การกบั มนั ใหเ้ รยี บรอ้ ย ตอ้ งทำ� ให้
พ ร ะ อ า จ า ร ย ์ ค ร ร ชิ ต อ ก ิ ญฺ จ โ น 163 พรอ้ มอยเู่ สมอ ความเจบ็ ปว่ ยมนั ยงั มเี วลานะ ตอ่ ใหค้ ณุ เปน็ โรครา้ ย ขนาดไหนกต็ าม มนั ยงั มเี วลาใหค้ ณุ ไดท้ ำ� อะไรบางอยา่ ง อาจจะเปน็ เดือนสองเดือน หรือปีสองปี แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุนี่มันตัดเลย มัน ตดั รอนทุกอย่าง เพราะฉะนน้ั การทำ� ความรสู้ กึ ตวั ทต่ี อ่ เนอื่ งๆ ใหจ้ ติ มนั คนุ้ ชนิ กบั การกลบั มารสู้ กึ ตวั หรอื ไมก่ ใ็ หจ้ ติ มนั คนุ้ ชนิ ตอ่ การระลกึ ถงึ ความดี บญุ กศุ ลทเ่ี ราสรา้ ง เราทำ� ถา้ จะคดิ เราจะคดิ ถงึ ความด ี ถา้ เราจะไมค่ ดิ เราจะอยกู่ บั ความรสู้ กึ ตวั ถา้ ความรสู้ กึ ตวั มนั ไมแ่ รงพอ มนั กว็ ง่ิ ไปเอา บญุ กศุ ล มนั กย็ งั ด ี กย็ งั เปน็ สขุ คติ จติ เราดบั ไปในเรอ่ื งใด มนั กเ็ กดิ กับเร่อื งนัน้ พอมนั เกดิ มันก็เอาเรื่องน้นั ไปเกิด ขอความเมตตาทา่ นอาจารยเ์ ลา่ ประสบการณท์ สี่ ำ� คญั ๆ ระหวา่ งปฏบิ ตั ธิ รรมกบั หลวงพอ่ คำ� เขยี น ทที่ ำ� ใหม้ น่ั ใจวา่ พงึ่ ตวั เองได้ และเป็นทพี่ งึ่ ผ้อู ่ืนได้จนถงึ วันนี้ ...เรอ่ื งสทิ ธสิ ว่ นบคุ คล หา้ มละเมดิ เลา่ ไปมนั กไ็ มเ่ กดิ ประโยชน ์ มนั กไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ ไปเพอ่ื ใหพ้ วกเราพน้ ทกุ ข์ แตส่ ง่ิ หนงึ่ ทท่ี ำ� ให้ พระอาจารย์ม่ันใจกับเรื่องของการปฏิบัติก็คือ การท่ีพระอาจารย์ เห็นรูป เห็นนาม และเห็นปฏิจจสมุปบาท การเห็นปฏิจจสมุปบาท จะทำ� ใหเ้ รามน่ั ใจถงึ บนเสน้ ทางของการปฏบิ ตั ิ และเหน็ การเปน็ เหตุ ปัจจัยหนุนเน่ืองของสภาวธรรมที่เกิด จนกระทั่งเห็นว่าการเกิดข้ึน ของทกุ ขม์ นั เปน็ อยา่ งไร และความดบั ลงแหง่ ทกุ ข ์ มนั จะทำ� ไดอ้ ยา่ งไร ตรงปฏิจจสมุปบาทท่เี ราเข้าใจ
ลํ า ดั บ แ ห่ ง ก า ร พ้ น ทุ ก ข์ 164 อยา่ งทอ่ี าจารยบ์ อกวา่ ตวั สำ� คญั มนั อยทู่ เ่ี ราไปรจู้ กั เทา่ ทนั ผสั สะ ท่ีอยู่ภายในจิต เมื่อนามรูปปรากฏ ซึ่งมันมีค�ำพูดหน่ึงของหลวงพ่อ คำ� เขยี นทเ่ี ราดใู นวดี ที ศั นข์ องทา่ น เราเหน็ รปู นามตามความเปน็ จรงิ มาแลว้ ๔๙ ป ี การปฏบิ ตั ดิ ว้ ยวธิ กี ารน ี้ จะนำ� พาเราไปสกู่ ารเหน็ การ ดบั ไมเ่ หลอื แหง่ นามรปู จะพาเราไปเหน็ การดบั ไมเ่ หลอื แหง่ นามรปู บรรทดั แรก ทา่ นบอกวา่ เหน็ รปู นามใชไ่ หม...แตบ่ รรทดั สดุ ทา้ ย ทา่ น บอกวา่ เหน็ นามรปู การดบั ไมเ่ หลอื แหง่ นามรปู เพราะฉะนน้ั คำ� วา่ “นามรปู ” กบั “รปู นาม” มันคนละอัน มใี ครบางคนเขยี นเรอื่ งเหน็ นามรปู แลว้ กเ็ หน็ รปู นาม ใครพดู ถงึ การเห็นแมว ท่ีบอกว่าเห็นความคิดก่อน พอเห็นความคิดตรงนั้น คณุ บอกวา่ เหน็ นามรปู แต่พอคุณหันไปเหน็ มนั เหน็ แมว แล้วกม็ นั เปน็ แมวจรงิ ๆ กเ็ หน็ รปู นามนน่ั แหละ เพราะฉะนนั้ “รปู นาม” มนั คอื กายกบั จติ ทเี่ หน็ อย ู่ แต ่ “นามรปู ” คอื รปู ทม่ี นั เกดิ จากนามสรา้ งขน้ึ มา กค็ อื ...รปู คดิ เพราะฉะนน้ั การดบั ไมเ่ หลอื ของรปู คดิ ทหี่ ลวงพอ่ พดู นะ เหน็ การดบั ไมเ่ หลอื ของนามรปู มนั จงึ มคี วามสำ� คญั มาก เพราะการดบั ของนามรูป จะท�ำให้เกิดการหมุนต่อไปของปฏิจจสมุปบาทไม่ได้ มนั จะจบลงแคน่ ้นั เพราะฉะนนั้ การเหน็ การปรากฏขน้ึ แหง่ นามรปู แลว้ เหน็ มนั ผัสสะอยู่ท่ีจิต ดับลงตรงน้ัน มันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามันดับตรงน้ัน ไมท่ นั มนั จะเกดิ ความรสู้ กึ ทเี่ รยี กวา่ ...เวทนา คอื ความรสู้ กึ บางอยา่ งท่ี เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเห็นนามรูปคิดที่ปรากฏ เราก็เห็นมัน ถ้าเรา ทนั ตรงน ี้ กลบั มารสู้ กึ ตวั อกี มนั กจ็ บ ปฏจิ จสมปุ บาทมนั เปน็ สองฝง่ั คร่ึงหนึ่งเป็นฝ่ายเหตุ อีกครึ่งหน่ึงเป็นเรื่องทุกข์ เพราะฉะนั้นถ้า มนั เลยตณั หา เขา้ สอู่ ปุ าทาน อปุ าทาน ภพ ชาต ิ ชรา มรณะ นค่ี อื
พ ร ะ อ า จ า ร ย ์ ค ร ร ชิ ต อ ก ิ ญฺ จ โ น 165 กระบวนการผลกั ดนั จนเกดิ ความเปน็ ทกุ ขท์ างจติ แลว้ แตถ่ า้ เราเหน็ เป็นนามรูป ก็แปลว่าเกิดการผัสสะแล้วมันจบลงตรงนี้ได้ มันจะ ไมผ่ ลกั ดนั ไป แตถ่ า้ มนั ไปถงึ เวทนา มนั กย็ งั พอแกไ้ ด ้ ถา้ ไปถงึ ตณั หา อปุ าทานน่เี สร็จเลย ตวั สำ� คญั มนั อยทู่ วี่ า่ ใหเ้ ราเหน็ ตรงนามรปู ใหไ้ ด ้ เขา้ ใจตรงนน้ั ใหท้ นั …จบลงตรงนนั้ เพราะเราจะเหน็ เลยวา่ นามรปู มนั กแ็ คเ่ ปน็ ปรากฏการณข์ องจติ ทม่ี นั สรา้ งขนึ้ แตม่ นั กลบั มผี ลตอ่ การผลกั เรา สตู่ ณั หา อปุ าทาน ถา้ เราจดั การได ้ ตงั้ แตค่ วามคดิ ทมี่ นั ปรงุ ขนึ้ มา แลว้ มนั จบลงตรงนนั้ ได ้ กระบวนการตอ่ เนอ่ื งมนั จะไมเ่ กดิ ไมต่ อ่ ออกไปสู่กระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท สายเกิดทุกข์มันก็จะไม่เต็ม เพราะมันเห็นสมทุ ยั แล้วมนั ละทนั ที ตรงนส้ี ำ� คัญ เพราะฉะนน้ั กอ่ นทเ่ี ราจะมาเขา้ ใจเรอ่ื งนามรปู ชดั มนั ตอ้ งเคย เจอเรื่องของความผลักดันของความปรุงแต่งทางจิตแล้วเราเป็นทุกข์ ซ้�ำแล้วซ้�ำเล่ามามากแล้ว พอสติเรามาทัน มันจะเห็นว่า ตัวท่ีมัน ผลกั ดนั ไปสคู่ วามทกุ ขท์ างจติ มนั คอื ตวั น ้ี ตวั รปู คดิ ทมี่ นั ปรงุ ขน้ึ มาตอ่ พอตาเหน็ รปู แลว้ หไู ดย้ นิ เสยี ง การทำ� งานของอายตนะมนั จบลงแคน่ น้ั แล้วนะ แต่ที่มันสำ� คัญหมายว่าน่ีคือน่ัน นี่คือเสียงน่ัน นี่คือสิ่งนั้นที่ ตาเราเหน็ นเี่ ปน็ หมา นเี่ ปน็ แมว นคี่ อื ...สญั ญา...ความจ�ำไดห้ มายรู้ เขา้ มาทำ� งาน จงึ เกดิ ...สงั ขาร...คอื ภาวะแหง่ การปรงุ แตง่ จติ ใหด้ ใี หช้ วั่ ใหย้ นิ ดใี หย้ นิ รา้ ย มกี ระบวนการปรงุ เขา้ ไปซำ�้ ๆ ตากระทบรปู มนั จบลง ตรงนน้ั แตท่ ตี่ อ่ จากการนนั้ คอื เรอื่ งของการทำ� งานในปฏจิ จสมปุ บาท หรือการท�ำงานของขันธ์ ๕ แล้วก่อเกิดเป็นนามรูปขึ้น คือรูปคิด นนั่ เอง
ลํ า ดั บ แ ห ่ ง ก า ร พ ้ น ทุ ก ข์ 166 มนั กจ็ ะเกดิ กระบวนการเปน็ รปู คดิ ขนึ้ เปน็ เรอื่ งราว เปน็ ทงั้ รปู เปน็ ทง้ั รส เปน็ ทงั้ กลนิ่ เปน็ ทงั้ เสยี ง ไดห้ มด เราจงึ เรยี กมนั วา่ นามรปู เป็นเหตุปัจจัยให้เกิด...สฬายตนะ เป็นอายตนะทั้ง ๖ แต่อายตนะ ทงั้ ๖ ตรงนไี้ มใ่ ชห่ มายถงึ ตา ห ู จมกู ลน้ิ กาย ใจ แตห่ มายถงึ รปู รส กลน่ิ เสยี ง โผฏฐพั พะ และธรรมารมณ.์ ..อนั ถกู สรา้ งขน้ึ ดว้ ยจติ หรอื นามทมี่ นั สรา้ งขนึ้ แตห่ ลายคนทไ่ี ปตคี วาม ทอี่ ธบิ ายเรอื่ งปฏจิ จ- สมปุ บาทตรงนกี้ ค็ อื ไปอธบิ ายวา่ นามรปู เปน็ รปู นาม เพราะมนั มคี ำ� วา่ สฬายตนะต่อเนอ่ื ง พอบอกว่ามันเป็นรูปนาม สฬายตนะของเขาจะเป็น ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ นเี่ ปน็ เรอื่ งของรปู นามแลว้ แลว้ กไ็ ปเกดิ ผสั สะอกี ครงั้ หนงึ่ ผสั สะทพี่ ดู ถงึ จะเปน็ ผสั สะของอายตนะภายนอกกบั อายตนะ ภายในกระทบกัน แล้วจึงเกิดเวทนา มันย้อนกลับเข้าไปข้างในอีก เรื่องราวมันอยู่ข้างใน แล้วก็โดดออกมาข้างนอก แล้วก็ผลุบเข้าไป ข้างในใหม ่ แต่ถ้าอธิบายอย่างท่ีอาจารย์อธิบายคือ พอตากระทบรูป อวชิ ชาคอื ความหลง คอื ความไมม่ สี ต ิ เอางา่ ยๆ มนั กป็ รงุ ตอ่ เทา่ นนั้ เอง มนั กเ็ อารอ่ งรอยแหง่ การกระทบระหวา่ งตากบั รปู กระทบกนั มนั ก.็ .. อวิชชาก็ท�ำงาน ก็ไปสังขาร มันก็ปรุงแต่งข้ึนมา แล้วก็เป็นนามรูป เป็นเรอื่ งราวของความคดิ ขน้ึ มาเทา่ นน้ั เอง แลว้ ความคดิ ทม่ี นั ปรากฏ ข้ึนมา ก็เป็นท้ัง รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ ก็เปน็ สฬายตนะ ก็เป็นอยภู่ ายใน สฬายตนะตัวน้ีมันเป็นมโนผัสสะ ก็อยู่ข้างในใจ มันก็จะเกิด เป็น...เวทนาทางใจ เกิด...ตัณหาอยู่ท่ีใจ...อุปาทานก็อยู่ท่ีใจ... ภพทใี่ จ...ทกุ ขท์ ใี่ จกเ็ กดิ มนั เปน็ เรอื่ งของใจลว้ นๆ ชวั่ ขณะหนงึ่ เทา่ นนั้
พ ร ะ อ า จ า ร ย ์ ค ร ร ชิ ต อ ก ิ ญฺ จ โ น 167 เอง มันไม่ไดเ้ ก่ียวข้องกับการกระโดดออกมา แล้วกผ็ ลุบเข้าไปใหม่ มันคือการอธิบายปฏิจจสมุปบาทแบบข้ามภพข้ามชาติ มันชั่วขณะ เดียว เพราะฉะน้ันตรงน้ี มันจึงมีความส�ำคัญของการปฏิบัติอย่าง มาก การท�ำงานของอายตนะและการท�ำงานของขันธ์ ๕ หรือการ ท�ำงานของปฏิจจสมุปบาทต่อเนอ่ื งจากการกระทบทางอายตนะ มนั จึงเปน็ เรือ่ งส�ำคัญ มีคนเขียนอีกคนหนึ่งบอกเห็นการทำ� งานของขันธ์ ๕ ชัดเจน ท่ีปรากฏขึ้นท่ีจิต เห็นชัดเลยว่ามันมีหมดเลย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันอยู่ในนี้หมดเลย อยู่ภายในจิตล้วนๆ เพราะ ฉะน้ัน ตัวขันธ์ ๕ หรืออุปาทานขันธ์ ๕ มันอยู่ในหมวดธัมมานุ- ปัสสนาสติปัฏฐาน เพราะว่ามันเป็นธรรมารมณ์ที่ปรากฏขึ้นที่จิต น่ันเอง ค�ำว่าขันธ์ ๕ ใน ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน จึงหมายถึง ภาวะแห่งการเกิดขึน้ แลว้ เกดิ อุปาทานในขนั ธ ์ ๕ คอื ศพั ท์อย่ใู นนน้ั คือเรื่องราวท่ีอยู่ภายในจิต เป็นธรรมารมณ์ที่ปรากฏ เร่ืองเหล่านี้ ไมอ่ ยากจะพดู ใหม้ นั มาก แตอ่ ยากใหเ้ ขา้ ไปเหน็ มากกวา่ อยากใหเ้ รา เข้าไปสมั ผสั กับมัน มนั จะชว่ ยให้เราเหน็ ความจรงิ ไดง้ ่ายข้ึน
พ้นแหล�ำ่งทดกับากุ ร ข์ พระอาจารย ์ ครรชิต อกิญจโน กลับมา...รูส้ กึ ตัว พระอาจารยค์ รรชิต อกญิ ฺจโน วัดวีรวงศาราม อ.เมอื ง จ.ชัยภมู ิ ชมรมกัลยาณธรรม หนังสือดีล�ำดับท่ี ๓๘๘ สัพพทานงั ธมั มทานัง ชนิ าติ การใหธ้ รรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ท้งั ปวง พมิ พค์ ร้ังที ่ ๑ : กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ จ�ำนวนพิมพ์ ๘,๐๐๐ เลม่ เจ้าภาพจดั พมิ พ์ • “กองทุนผลติ สื่อธรรมะของพระอาจารย์ครรชติ อกญิ จโน และคณะศิษยก์ ลุ่มกลับมาร้สู ึกตวั ” ๕,๐๐๐ เล่ม • ชมรมกัลยาณธรรม ๓,๐๐๐ เลม่ จดั พมิ พโ์ ดย ชมรมกลั ยาณธรรม ๑๐๐ ถนนประโคนชยั ตำ� บลปากนำ้� อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั สมทุ รปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศพั ท์ ๐-๒๗๐๒-๗๓๕๓ และ ๐-๒๗๐๒-๙๖๒๔ ภาพประกอบ เซมเบ ้ ออกแบบปก/รปู เลม่ คนข้างหลัง ถอดค�ำบรรยาย คณะศิษย์ เรยี บเรียงคำ� บรรยาย ภรณี โสรจั กุล พิสูจน์อกั ษร ทมี งานชมรมกลั ยาณธรรม พิมพท์ ี ่ บริษทั ส�ำนกั พมิ พส์ ุภา จำ� กดั โทร. ๐-๒๔๓๕-๘๕๓๐ www.kanlayanatam.com kanlayanatam
ในพระพทุ ธศาสนา ประเดน็ ทสี่ ำ� คญั ทส่ี ดุ คอื “การพน้ ทกุ ข”์ เรอื่ งความทกุ ขแ์ ละการพน้ ทกุ ข ์ คอื หลกั การใหญ ่ เรอื่ งละชว่ั ทำ� ดี ทกุ ศาสนาสอนหมด แตส่ ง่ิ ทเ่ี หนอื กวา่ นน้ั คอื การหลดุ พน้ จากการ ถกู จองจำ� หรอื เหนย่ี วรง้ั การผกู พนั ดว้ ยอะไรกต็ าม ทงั้ รปู ธรรมและ นามธรรมนนั้ เราจะตอ้ งไมต่ ดิ ไมย่ ดึ มน่ั กบั สงิ่ เหลา่ นน้ั ทางพทุ ธ ศาสนาจงึ ถอื วา่ “การหลดุ พน้ ” นเ้ี ปน็ สาระ เปน็ แกน่ สาร “คำ� สอน แหง่ ตถาคตนน้ั ม ี ‘ความหลดุ พน้ ’ เปน็ แกน่ สาร” ความหลดุ พน้ มนั กม็ หี ลดุ พน้ ตงั้ แตร่ ะดบั เลก็ ๆ ไปถงึ ระดบั สงู สดุ คอื การหลดุ พน้ จากอาสวะกิเลสทงั้ หลาย www.kanlayanatam.com Facebook : kanlayanatam
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170