Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ๘ กษัตริย์มหาราชของไทย

๘ กษัตริย์มหาราชของไทย

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2022-08-09 08:23:48

Description: ๘ กษัตริย์มหาราชของไทย

Search

Read the Text Version

1 คำนำ หนงั สือ อเิ ลคทรอนิกส์(E-book) ๘ กษัตรยิ ์มหาราชของไทยน้ี งานหอ้ งสมุดประชาชนอำเภอบางเสาธง กศน. อำเภอบางเสาธง ได้สบื ค้นและรวบรวมขอ้ มูลขึ้นมาเพื่อนำมาใชเ้ ปน็ องคป์ ระกอบในการนำมาเป็นข้อมูลใหผ้ ้สู นใจ นำไปใชใ้ นการทำแบบทดสอบออนไลน์ ในกจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านของหอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอบางเสาธง อกี ทั้ง ยงั สามารถนำไปเปน็ ฐานข้อมูลในการจัดทำเอกสารอืน่ ตามทเ่ี ห็นสมควรได้ งานหอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอบางเสาธง ๘ มหากษัตริย์มหาราชของไทย

2 ๘ กษัตรยิ ม์ หาราชของไทย มหาราช (The Great) เปน็ คำซึ่งมหาชนถวายเพ่อื เฉลิมพระเกียรติพระมหากษตั ริย์ ซ่ึงไมม่ ีหลักเกณฑท์ ี่ แน่ชดั ตามประวตั ศิ าสตร์โลกสันนิษฐานว่ามีการใช้คร้ังแรกในสมัยเปอร์เซีย คือ พระเจ้าไซรสั ท่ี 2 มหาราชองค์ ตอ่ มาคือพระเจ้าอเล็กซานเดอรท์ ี่ 3 แห่งมาซิโดเนยี พระเจา้ ปเี ตอร์มหาราชแห่งรัสเซีย พระเจา้ อโศกมหาราชแห่ง ราชวงศโ์ มริยะ และจนิ๋ ซีฮอ่ งเต้ จกั รพรรดิองคแ์ รกของจีน นอกจากนี้ยังมมี หาราชอีกหลายพระองค์ สุดแต่ละ ประเทศยกย่อง การได้รับการถวายพระนามวา่ “ มหาราช ” “ มหาราช ” ความหมาย ตามพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตสถาน พ.ศ.2525 หมายถงึ คำซึง่ มหาชน ถวายเพ่ือเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าแผ่นดิน การถวายพระราชสมัญญา “มหาราช” แด่พระมหากษตั ริย์ ของไทยในอดีตทผี่ า่ นมานัน้ ไมม่ ีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เป็นมติของ มหาชนในสมัยต่อมา ท่ีรูส้ ึกสำนกึ ในพระมหากรณุ าธิคุณ จึงได้ถวายพระราชสมัญญาว่า “มหาราช” ต่อทา้ ยพระ นาม หรอื พระราชสมญั ญาอ่ืนที่แสดงถึงพระเกยี รติคณุ เฉพาะพระองค์ และเปน็ ที่ยอมรับในการขานพระนามสบื มา การถวายพระราชสมัญญาว่า “มหาราช” สนั นษิ ฐานวา่ เรมิ่ มีขึ้นในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ ประมาณรัชกาลที่ ๔ และ ๕ เน่ืองจากเป็นสมัยท่ีมีการคน้ คว้าเรอ่ื งบรรพบรุ ุษ และ ประวตั ศิ าสตร์ของชาติมากข้นึ ทำใหป้ ระจักษถ์ งึ วรี กรรม และพระราชอจั ฉรยิ ภาพของพระมหากษัตรยิ ใ์ นสมัยน้นั ๆ จึงได้มีการยกย่องพระมหากษัตรยิ ์ทีม่ ีพระ เกียรติคุณเดน่ กวา่ พระมหากษตั ริยพ์ ระองคอ์ ื่น สำหรับมหาราชของไทย ถา้ นับแต่การเกดิ รฐั ไทยสมยั สุโขทัย การกอ่ ต้งั เปน็ สยามตงั้ แต่สมยั อยธุ ยา สมยั ธนบรุ ี และ รตั นโกสนิ ทร์ จนถึง พ.ศ.2482 รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัตเิ ปลี่ยนชอ่ื จากสยามเป็นประเทศไทย ซ่ึง ใช้เป็นนามประเทศมาถึงปจั จุบัน มหาราชของไทยมกี ารถวายพระนามด้วยมหาชนยกย่อง กับมหาราชที่มีพิธีกรรม เป็นทางการ โดยมีลำดับดงั น้ี ๑.พ่อขนุ รามคำแหงมหาราช พระองค์เป็นกษตั รยิ ์แห่งราชอาณาจักรสโุ ขทัย ไดท้ รงประกอบราชกจิ ท่ีสำคัญไว้มาก สมควรกล่าวถึง ดังน้ีคอื ๑. ทรงมคี วามเข้มแขง็ ในการรบ เม่ือมพี ระชันษาเพียง ๑๙ ปี ได้ช่วยพระราชบดิ าสรู้ บศัตรู อย่างกลา้ หาญได้ทรงชนชา้ งกบั ขนุ สามชน เจ้าเมืองฉอด ทีย่ กกองทพั มารุกรานกรุงสุโขทัยจนได้ชยั ชนะ พระราชบิดาจึง พระราชทานนามว่า พระรามคำแหง เม่ือเปน็ กษตั รยิ แ์ ล้ว พระองค์ได้ทรงรบขยายราชอาณาจกั รออกไปกว้างขวาง มาก เปน็ ทยี่ ำเกรงแก่ประเทศเพือ่ นบา้ นทงั้ ปวง ๘ มหากษัตริย์มหาราชของไทย

3 พระบรมราชานุสาวรียพ์ อ่ ขนุ รามคำแหงมหาราช ๒. ทรงเจริญทางพระราชไมตรกี บั ประเทศใกล้เคยี ง เชน่ ทรงเปน็ เพ่ือนสนทิ กบั พระยาเม็งราย (เจ้า เมอื งเชยี งใหม่) และพระยางำเมือง (เจ้าเมืองพะเยา) แห่งอาณาจักรลานนา ไกลออกไปทรงเจรญิ ทางพระราชไมตรี กับประเทศจนี ซง่ึ ขณะนน้ั มีกบุ ไลข่าน (พระเจา้ หงวนสโี จว๊ ฮ่องเต้) เปน็ กษัตริย์ ได้มกี ารติดต่อคา้ ขายระหวา่ ง ประเทศท้งั สอง ทงั้ ยงั ได้ทรงนำชา่ งทำถ้วยชามชาวจีนมาสอนคนไทย ตั้งเตาเผาถว้ ยชาม และเคร่ืองเคลือบข้ึน ที่ กรงุ สุโขทัย เมืองศรสี ัชนาลยั (เชลียง) และเมืองสวรรคโลก เครอื่ งเคลอื บชนิดน้ีเราเรียกว่า \"สงั คโลก\" ทรงติดตอ่ ค้าขายกบั ประเทศเพอื่ นบ้านอื่นๆ เชน่ ชวา มลายู และลงั กา นอกจากน้ี ยงั มีเหตุการณ์ทน่ี ่าสนใจคือ ขณะน้นั มี ชาวมอญผหู้ น่งึ ชอ่ื มะกะโท เป็นพ่อคา้ จากเมาะตะมะ เข้ามาอยู่กรงุ สโุ ขทัยไดล้ อบนำองคพ์ ระสุวรรณเทวี พระราช ธดิ า หนีไปอยเู่ มาะตะมะ ตอ่ มามะกะโทได้ต้งั ตัวเป็นกษัตริยม์ อญ ทรงพระนามวา่ พระเจ้าฟา้ ร่วั และมอญก็ได้เข้า มาขอเป็นเมืองข้ึนของกรงุ สุโขทัย ๓.ทรงปกครองพลเมืองให้ได้รับความร่มเยน็ เป็นสขุ ได้โปรดให้แขวนกระด่ิงไว้ที่ประตูพระราชวงั ผูใ้ ด มีทกุ ขร์ อ้ นก็มาส่ันกระด่งิ ถวายฎกี าได้ ในวันโกนวนั พระ ได้ทรงนิมนต์พระภิกษแุ สดงพระธรรมเทศนา บนพระแท่ นมนงั ศลิ าบาตร กลางดงตาล ในวนั ธรรมดา พระองค์กเ็ สดจ็ ออกว่าราชการ และให้ราษฎรเข้าเฝา้ อยใู่ กล้ชดิ และ ทรงอบรมศีลธรรมจรรยาแก่ราษฎร (พระแทน่ มนังศลิ าบาตรนี้ รชั กาลท่ี ๔ โปรดให้นำมาไว้ที่กรุงเทพมหานคร ครัง้ หนึ่งเคยอยใู่ นวหิ ารยอด ในวัดพระศรรี ตั นศาสดาราม ปัจจุบันน้ตี ้งั อยู่ ณ พิพธิ ภณั ฑ์วัดพระศรีรตั นศาสดาราม ใน พระบรมมหาราชวัง ตามพระบัญชาของสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี เม่อื พ.ศ. ๒๕๒๖) ๘ มหากษัตริย์มหาราชของไทย

4 ๔. ใน พ.ศ. ๑๘๒๖ ไดท้ รงคดิ แบบตวั หนงั สือไทยขึน้ แบบหนง่ึ ซึ่งเป็นต้นเค้าของตัวหนงั สอื ไทยใน ปัจจบุ นั และได้ทรงจารกึ เหตกุ ารณใ์ นสมยั น้ันลงไว้ หลักศลิ าจารึกของพระองค์น้ี มคี ุณค่ามากในการศึกษา ประวตั ิศาสตร์ คนในสมัยหลงั ได้ทราบเร่ืองราวตา่ งๆ ในสมัยกรงุ สุโขทัยจากศิลาจารึกนี้เปน็ อยา่ งมาก (ปัจจุบันศลิ า จารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อยใู่ นพิพธิ ภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร) การสรา้ งแบบหนงั สือไทยข้นึ นี้นับวา่ เป็นการประดิษฐ์อนั สำคัญย่งิ สำหรบั ชาติ ๒.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมัยราชอาณาจักรศรอี ยธุ ยา สมเดจ็ พระนเรศวรไดท้ รงกู้ชาตไิ ทยใหก้ ลบั มีอิสรภาพพ้นจากอำนาจ พม่าเม่ือ พ.ศ. ๒๑๓๕ (ซึง่ เดิมลงมติกนั แล้ววา่ ตรงกับวันท่ี ๒๕มกราคม) นบั วา่ เป็นชยั ชนะอันเยย่ี มยอดในรชั สมัย ของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ผลแหง่ ชัยชนะทีท่ รงมอบให้แก่ชาตไิ ทยคร้ังนี้ ทำให้พม่าไมก่ ลา้ ยกมาย่ำยีประเทศ ไทยอีกเป็นเวลานาน สมเดจ็ พระนเรศวรไดท้ รงใช้เวลาต่อมาจากนนั้ ยกทพั ไปปราบถึงพม่าจนเป็นทเี่ กรงขามท่ัวไป ทรงปราบปรามเขมรซงึ่ มักประพฤตติ นเปน็ ศึกสองหนา้ แทรกแซงอยธุ ยาขณะมีศกึ พมา่ อยู่บอ่ ยๆ ขณะเมือ่ สมเด็จพระนเรศวรมีพระชนั ษาเพยี ง ๙ ปี ประทับอยู่ ณ เมอื งพิษณโุ ลกกับสมเด็จพระมหา ธรรมราชาธิราช พระบิดานัน้ พระเจ้าบเุ รงนองแหง่ ประเทศพมา่ ไดย้ กทัพมาตรี าชอาณาจกั รศรอี ยุธยา ยดึ ได้เมือง พษิ ณโุ ลก บบี บงั คับสมเด็จพระมหาธรรมราชาธริ าชไว้ในอำนาจ และขอองคส์ มเด็จพระนเรศวรไปไว้ท่ีกรุงหงสาวดี โดยอ้างวา่ จะเลี้ยงดูในฐานะพระราชบตุ รบุญธรรม ท้งั ทีโ่ ดยแทจ้ รงิ คือ ยดึ พระองคไ์ ว้ในฐานะตัวประกนั แต่การก็ กลบั เป็นประโยชนแ์ กส่ มเด็จพระนเรศวร ทไ่ี ด้ทรงศึกษาถงึ นสิ ยั ใจคอภาษา และการทหารของชาวพม่าและมอญ จนไดท้ รงใช้เป็นประโยชน์ ในการกู้บา้ นเมืองในเวลาต่อมา ภาพเขยี นสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงเลน่ ชนไก่ กับมังสามเกยี ด (จติ รกรรมฝาผนังในวิหารวัดสุวรรณ ดาราราม เขยี นโดยพระยาอนศุ าสตร์จติ รกร) ๘ มหากษตั ริยม์ หาราชของไทย

5 คร้นั กรงุ ศรีอยธุ ยาตกอยใู่ ต้อำนาจพมา่ และพระเจา้ หงสาวดีบเุ รงนอง ยกสมเดจ็ พระมหาธรรม ราชาธิราชข้นึ เปน็ พระมหากษัตริยไ์ ทยแลว้ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชจึงทลู ขอสมเดจ็ พระนเรศวร กลบั มา ช่วยปกครองกรุงศรีอยุธยา นับแตน่ ั้นมา สมเดจ็ พระนเรศวรกไ็ ด้ทรงแสดงพระบารมี และพระปรชี าสามารถใน การทหาร ใหป้ รากฏแกช่ าวไทย มอญ พมา่ และเขมร หลายครัง้ หลายครา เช่น ทรงต่อตา้ นกองทหารเขมร ซง่ึ พระ ยาจีนจนั ตุ ขุนนางเขมรเป็นผ้นู ำเข้ามารบกวนพระราชอาณาเขตไทย และทรงขบั ไล่ออกไปพน้ จากพระราชอาณา เขตได้เปน็ ต้น เม่อื กรุงหงสาวดผี ลดั เปล่ยี นแผ่นดินใหม่ พระเจ้าบุเรงนองแหง่ หงสาวดี สิน้ พระชนม์ พระเจ้านันท บเุ รงขน้ึ เปน็ กษตั ริยส์ ืบตอ่ มา ทางพมา่ ได้แจ้งข่าวเปลีย่ นรัชกาลไปยังประเทศราชท้ังปวง ใหผ้ ู้ครองประเทศราชไป เขา้ เฝ้าตามพระราชประเพณี สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธิราช ไดโ้ ปรดให้สมเดจ็ พระนเรศวรเสด็จขึน้ ไปแทน พระองค์ เมื่อสมเดจ็ พระนเรศวรเสด็จถงึ เมืองแครง บังเอิญไดท้ รงทราบถึงแผนการของพมา่ ซง่ึ คิดประทุษร้ายต่อ พระองคจ์ ากบคุ คลสำคัญทางมอญหลายคนทีส่ นทิ สนมคุน้ เคยลอบมาทลู ก่อนจะถงึ เมืองพม่า สมเด็จพระนเรศวรจงึ ทรงถือโอกาสประกาศอสิ รภาพ ณ เมืองแครง ใน พ.ศ. ๒๑๒๗ แยกราชอาณาจักรศรีอยธุ ยาออกเปน็ อิสระจาก อำนาจพมา่ และเม่ือทางการพมา่ จดั ทัพใหญ่ใหพ้ ระมหาอุปราชา พระรชั ทายาทเสดจ็ นำเขา้ มาปราบปรามไทย สมเด็จพระนเรศวรซงึ่ เสดจ็ ขึ้นครองราชบังลงั ก์ใหมๆ่ ไดเ้ สด็จนำทพั ออกไปจากกรุงศรีอยธุ ยารับทัพขา้ ศึก ณ แขวง เมอื งสุพรรณบรุ ี ทรงทำสงครามยทุ ธหตั ถกี ับพระมหาอุปราชาจนไดช้ ยั ชนะ ภาพเขยี นสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ทรงคาบพระแสง ดาบนำทหารเข้าตีคา่ ยพมา่ (จิตรกรรมฝาผนังในวิหารวดั สวุ รรณดาราราม เขียนโดย พระยาอนุศาสตรจ์ ติ รกร) ๘ มหากษตั รยิ ์มหาราชของไทย

6 ด้วยเหตนุ ้ี พระเกียรติยศแห่งสมเดจ็ พระนเรศวร และชาติไทยยุคนนั้ จึงเปน็ ทีเ่ ลื่องลอื ยังความ เคารพยำเกรงใหเ้ กดิ แก่บคุ คลผู้มีส่วนเก่ียวขอ้ ง หรอื ไดร้ ู้จัก ทง้ั ภายใน และภายนอกพระราชอาณาจกั ร สมเดจ็ พระ นเรศวรจึงไดร้ บั การถวายพระราชสมญั ญา เป็น มหาราช ภาพเขียนสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ทรงประกาศ อิสรภาพ(จติ รกรรมฝาผนงั ในวิหารวัดสุวรรณดาราราม) พระบรมราชานุสาวรยี ์เฉลมิ พระเกยี รติของพระองค์ทา่ น ยงั คงมปี รากฏอยู่ ณ อนุสรณ์ดอนเจดยี ์ แขวงจงั หวดั สพุ รรณบุรี อนั เปน็ สมรภูมิคร้ังน้ันสืบต่อมา ๓.สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผเู้ ป็นที่เลือ่ งลอื พระเกยี รติยศในพระราโชบายทางคบค้าสมาคมกับชาว ต่างประเทศ รักษาเอกราชของชาตใิ หพ้ ้นจากการเบยี ดเบียนของชาวตา่ งชาติ และรับผลประโยชน์ท้งั ทางวิทยาการ และเศรษฐกิจ ท่ชี นต่างชาตินำเข้ามา นอกจากนี้ ยงั ได้ทรงอุปถมั ภบ์ ำรงุ กวีและงานด้านวรรณคดีอันเปน็ ศิลปะที่ รงุ่ เรืองทีส่ ดุ ในยุคนนั้ เม่ือสมเด็จพระนารายณ์เสด็จเถลงิ ถวัลยราชสมบัติ ณ ราชอาณาจักรศรีอยุธยาแล้ว ปญั หา กจิ การบ้านเมอื งในรัชสมัยของพระองค์เปน็ ไปในทางเก่ยี วข้องกับชาวต่างประเทศเป็นสว่ นใหญ่ ดว้ ยในขณะนัน้ มี ชาวตา่ งประเทศ เขา้ มาค้าขาย และอย่ใู นราชอาณาจักรไทยมากกว่าท่เี คยเป็นมาในกาลก่อน ทส่ี ำคัญมากคือ ชาว ยุโรปซงึ่ เปน็ ชาติใหญม่ ีกำลังทรพั ย์ กำลงั อาวุธ และผู้คน ตลอดจนมีความเจริญรงุ่ เรืองทางวิทยาการต่างๆ เหนอื กวา่ ชาวเอเชยี มาก และชาวยโุ รปเหลา่ นก้ี ำลังอยู่ในสมยั ขยายการคา้ ลทั ธิคริสตศ์ าสนา และอำนาจทางการเมืองของ พวกตนมาสู่ดนิ แดนตะวนั ออก ๘ มหากษัตริยม์ หาราชของไทย

7 เชวาลเิ อร์ เดอโชมองต์ ราชทูตฝรง่ั เศสและคณะ สมยั พระเจ้า หลยุ ส์ท่ี ๑๔เขา้ เฝา้ สมเด็จพระนารายณม์ หาราช เมื่อ พ.ศ.๒๒๒๘ ในรชั สมยั สมเด็จพระนารายณน์ ั้น ชาวฮอลันดา ได้กดี กนั การเดินเรือค้าขายของไทย ครั้งหนึ่งถงึ กบั ส่ง เรอื รบมาปดิ ปากแมน่ ้ำเจา้ พระยา ขูจ่ ะระดมยงิ ไทย จนไทยตอ้ งผอ่ นผนั ยอมทำสญั ญายกประโยชน์การค้าให้ตามที่ ตอ้ งการ แตเ่ พ่ือป้องกันมใิ ห้ฮอลันดาขม่ เหงไทยอกี สมเด็จพระนารายณจ์ งึ ทรงสร้างเมอื งลพบรุ ีไว้เป็นเมืองหลวง สำรอง อยูเ่ หนือขน้ึ ไปจากกรุงศรีอยุธยา และเตรยี มสร้างปอ้ มปราการไวค้ อยต่อตา้ นข้าศึก เป็นเหตุใหบ้ าทหลวง ฝร่ังเศส ท่ีมคี วามรูท้ างการช่าง และต้องการเผยแพร่คริสต์ศาสนา นิกายโรมนั คาทอลิก ไดเ้ ข้ามาอาสาสมัครรบั ใช้ ราชการจดั กจิ การเหลา่ น้ี ข้าราชการฝรัง่ ทีท่ ำราชการ มีความดีความชอบในการปรับปรงุ ขยายการค้าของไทย ขณะน้ัน คือ เจา้ พระยาวิชเยนทร์ซ่งึ กำลังมขี ้อขนุ่ เคืองใจกับบริษัทการค้าของอังกฤษ ทีเ่ คยคบหาสมาคมกันมาก่อน เจ้าพระยาวชิ เยนทรจ์ ึงดำเนินการเปน็ คนกลาง สนบั สนุนทางไมตรรี ะหวา่ งสมเดจ็ พระนารายณ์ กับทางราชการ ฝรั่งเศส ซ่งึ เปน็ รัชสมัยของพระเจา้ หลยุ ส์ท่ี ๑๔ ฝ่ายสมเดจ็ พระนารายณ์กำลงั มพี ระทยั ระแวง เกรงฮอลันดายกมา ย่ำยี และได้ทรงทราบถึงพระเดชานุภาพของพระเจา้ หลุยส์ที่ ๑๔ ในยุโรปมาแลว้ จงึ เตม็ พระทัยเจรญิ ทางพระราช ไมตรกี ับพระเจ้าหลุยสท์ ่ี ๑๔ ไว้ เพ่ือให้ฮอลันดาเกรงขาม ดว้ ยเหตนุ ้ี ในรชั กาลสมเด็จพระนารายณ์ จงึ ได้มกี ารส่ง คณะทตู ไปสู่พระราชสำนกั ฝรั่งเศส และตอ้ นรับคณะทูตฝรง่ั เศส อย่างเปน็ งานใหญ่ถงึ สองคราว แตก่ ารคบหา สมาคมกับชาติมหาอำนาจคือ ฝร่ังเศสในยุคนนั้ ก็มใิ ชว่ า่ จะปลอดภยั นัก ดว้ ยพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ มพี ระราโชบายที่ จะให้สมเดจ็ พระนารายณ์ และประชาชนชาวไทยรับนบั ถือศาสนา ซ่ึงบาทหลวงฝรง่ั เศสนำมาเผยแผ่ โดยพระเจ้า หลยุ สท์ ่ี ๑๔ ทรงสง่ พระราชสาสน์มาทูลเชิญสมเดจ็ พระนารายณ์ เข้ารับนบั ถือครสิ ต์ศาสนา พร้อมทั้งเตรียม บาทหลวงมาไวค้ อยถวายศีลด้วย แต่สมเดจ็ พระนารายณ์ได้ทรงใชพ้ ระปรชี าญาณตอบปฏเิ สธอยา่ งทะนุถนอมไมตรี ทรงขอบพระทัยพระเจา้ หลยุ ส์ ทม่ี ีพระทัยรักใคร่พระองค์ ถึงแสดงพระปรารถนาจะใหร้ ว่ มศาสนาด้วย แต่เนือ่ งดว้ ย พระองค์ยังไม่เกดิ ศรัทธาในพระทยั ซงึ่ ก็อาจเปน็ เพราะ พระเปน็ เจา้ มีพระประสงค์ที่จะให้นับถอื ศาสนาคนละแบบ คนละวิธี เชน่ เดียวกับท่ีทรงสรา้ งมนษุ ย์ ใหผ้ ิดแผกเช้อื ชาติเผา่ พันธ์ุ หรอื ทรงสรา้ งสัตว์ ให้มหี ลายชนดิ หลายประเภท กไ็ ด้ หากพระเป็นเจา้ มพี ระประสงคจ์ ะให้พระองคท์ ่านเขา้ รับนบั ถือศาสนา ตามแบบตามลัทธิ ทพ่ี ระเจ้าหลยุ ส์ทรง ๘ มหากษตั ริยม์ หาราชของไทย

8 นบั ถอื แล้ว พระองคก์ ็คงเกิดศรัทธาขึ้นในพระทยั และเม่ือนั้นแหละ พระองค์ทา่ นกไ็ มร่ งั เกยี จ ทจี่ ะทำพิธีรบั ศลี ร่วม ศาสนาเดยี วกัน พระวิสุทธสนุ ทร (ปาน) ราชทตู ไทยและคณะ สมัยสมเด็จพระ นารายณม์ หาราช เขา้ เฝา้ พระเจา้ หลยุ สท์ ่ี ๑๔ แห่งฝรั่งเศส เมอ่ื พ.ศ.๒๒๒๙ สมเด็จพระนารายณ์มิใชเ่ พียงทรงประปรีชา สามารถทางดา้ นการทตู เท่านน้ั หากทรงเป็นกวี และทรงอปุ ถัมภ์กวใี น ยุคของพระองค์อย่างมากมาย กวีลือนามแห่งรัชสมยั ของพระองคก์ ็ได้แก่ พระโหราธบิ ดี หรอื พระมหาราชครู ผู้ประพนั ธ์หนงั สอื จินดามณี ซงึ่ เปน็ ตำราเรยี นภาษาไทยเล่มแรก และตอนหนึ่งของเร่ือง สมุทรโฆษคำฉนั ท์ (อกี ตอนหนึ่ง เปน็ พระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนารายณ์) กวีอกี ผู้หนึ่งคือ ศรปี ราชญ์ ผูเ้ ปน็ ปฏิภาณกวี เป็นบตุ รของ พระโหราธิบดี งานชิ้นสำคัญของศรีปราชญ์ คือ หนงั สือกำศรวลศรปี ราชญ์ และอนรุ ทุ ธคำฉันท์ พระวิสทุ ธสนุ ทร (ปาน) ราชทูตไทยผู้ไปเฝา้ พระเจ้าหลยุ ส์ท่ี ๑๔ ด้วยพระปรชี าสามารถดงั ไดบ้ รรยายมาแล้ว สมเด็จพระนารายณ์จึงไดร้ ับการถวายพระเกียรติ เป็น มหาราช พระองคห์ นง่ึ ๘ มหากษตั ริยม์ หาราชของไทย

9 ๔.พระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตรยิ พ์ ระองคเ์ ดียว ในสมยั ท่ีราชอาณาจกั รไทยมีราชธานอี ยู่ ณ กรุง ธนบรุ ี พระเกียรตยิ ศท่ยี ิ่งใหญอ่ ันประชาชาติไทยเทิดทนู พระองค์ท่านเป็นวีรกษัตรยิ ์ กเ็ นอื่ งจาก ทรงเป็นผูก้ อบกู้ เอกราชของชาติไวใ้ นขณะที่ราชอาณาจักรศรีอยธุ ยาพ่ายแพแ้ ก่พม่า เม่ือ พ.ศ. ๒๓๑๐ และสญู สิ้นอิสรภาพไปแลว้ สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ ได้ทรงใชเ้ วลา เพยี งประมาณ ๗ เดอื น ปราบปรามอริราชศตั รูภายนอกประเทศ คือ ขจัดทัพ พม่าซึง่ ต้ังรกั ษาการณ์อยู่ ณ ค่ายโพธิ์สามตน้ แขวงกรุงศรอี ยุธยาให้แตกพา่ ยถอยหนไี ปพ้นราชอาณาจักร แต่ อาณาจักรไทยภายหลงั การเสียเอกราชไปน้ัน ไดแ้ ตกแยกออกเปน็ ชมุ นุมต่างๆ หลายชุมนมุ ไดแ้ ก่ พิษณโุ ลก พิมาย ฝาง หรอื สวางคบรุ ี (ในบริเวณจงั หวัดอตุ รดิตถ์) และนครศรีธรรมราช สมเด็จพระเจ้าตากสินหรือสมเดจ็ พระเจ้ากรงุ ธนบุรี ตอ้ งเสดจ็ ปราบปราม และเกลยี้ กล่อมเจา้ ชุมนุมตา่ งๆ และพวกให้นอบน้อมยอมสวามภิ กั ดต์ิ ่อพระองค์ท่าน รวมประเทศชาติเป็นปกึ แผ่นมีศนู ย์การปกครองอย่ทู ่กี รุงธนบุรแี ตแ่ หง่ เดยี ว การทมี่ ิไดท้ รงกลับไป ใชก้ รุงศรีอยุธยา ราชธานีเดิมก็เพราะ อยุธยาเป็นเมอื งใหญ่ถูกพม่าทำลายยับเยินมากเกินกำลงั ของพระองคท์ า่ นซ่ึงมีน้อย ท้ัง ทรัพยส์ ิน ผู้คน และเวลาท่จี ะบูรณะให้กลับคนื ดมี ั่นคงแขง็ แรงไดท้ นั การ พระบรมราชานสุ าวรยี พ์ ระเจา้ ตากสินมหาราช ประดิษฐานอย่ทู ่วี งเวียนใหญ่ กรงุ เทพมหานคร ฝงั่ ธนบรุ ี นอกจากนี้ ยังได้เสดจ็ นำทัพไปสู้รบกบั ทพั พม่า ที่ตัง้ ฐานทัพอยู่ทเ่ี ชียงใหม่ ซงึ่ คอยรบกวนอาณาจักร จนมชี ัยชนะ และได้ทรงขยายพระราชอำนาจไปปราบปรามเขมร ซง่ึ แยกออกเป็นประเทศอสิ ระ ทำให้พมา่ และเขมรยำเกรง ไม่ กล้ายกทัพมาเบียดเบยี นรบกวนไทยอีก ๘ มหากษตั ริยม์ หาราชของไทย

10 คำจารกึ ที่ฐานพระบรมราชานุสาวรยี ์ท่ีสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช ตลอดเวลา ๑๕ ปี (พ.ศ. ๒๓๑๐-๒๓๒๕) แหง่ รชั สมัย นอกจากทรงปราบปราม และป้องกนั ศตั รูของ ประเทศแล้ว ยังได้ทรงช่วยเหลอื ราษฎรทหี่ นภี ัยไปทุกทิศทุกทาง โดยชักชวนใหก้ ลบั มาต้ังภมู ิลำเนา และประกอบ อาชพี ตา่ งๆ ตามถนิ่ ฐานเดิม หรอื ถิ่นใหม่ท่ีปรารถนา เม่ือขาดแคลนอาหาร ก็โปรดใหจ้ ่ายพระราชทรัพย์ ซ้อื ขา้ วสาร แจกจ่าย สว่ นบา้ นเมอื งท่ที รุดโทรม ก็ไดท้ รงทำนุบำรุงให้กลบั คนื ดเี ทา่ ท่กี ำลงั และเวลา จะจดั ทำได้ พระองคจ์ งึ ได้รบั การถวายพระเกียรติเป็นมหาราช และทางราชการได้จดั สร้างพระบรมราชานสุ าวรยี ์ของพระองค์ไว้หลายแห่ง เชน่ พระบรมราชานสุ าวรีย์ ณ วงเวียนใหญ่ กรงุ เทพมหานคร ฝงั่ ธนบุรี ๕.พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช พระองค์ทรงเป็นพระปฐมบรมมหากษัตริย์ แหง่ พระบรมราชจักรีวงศ์ ผูท้ รงสร้างกรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ ฯลฯ (รชั กาลท่ี ๔ ทรงเปล่ยี นเป็น กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ ฯลฯ) ขนึ้ เปน็ ราชธานี พระองค์ทรงมีพระราชประวัติดเี ด่น ทั้งในราชการทหาร และพลเรือน โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในราชการสงคราม ทรง ปอ้ งกนั ประเทศชาติบ้านเมือง ใหพ้ ้นภยั จากอรริ าชศัตรู ตงั้ แต่ทรงรับราชการอยู่ในสมัย สมเดจ็ พระเจา้ ตากสิน มหาราช แหง่ กรุงธนบรุ ี ไดร้ บั พระราชทานปูนบำเหนจ็ ความดีความชอบ เป็นพระราชวรนิ ทร์ พระยาอภยั รณฤทธิ์ พระยายมราช ว่าทีส่ มุหนายก ประมุขแหง่ ราชการพลเรอื น แล้วเป็นเจา้ พระยาจักรีโดยลำดบั และตำแหนง่ ราชการ สงู สดุ ขัน้ สุดท้ายก็คอื เจ้าพระยามหากษตั ริย์ศึก มเี ครือ่ งยศอย่างเจา้ ต่างกรม ขณะทรงเป็นแมท่ ัพ ไปปราบปราม กรุงศรสี ตั นาคนหุต (ลา้ นช้าง) ไดเ้ มอื งเวียงจันทร์ เมืองหลวงพระบางนน้ั แลว้ กไ็ ด้ทรงอัญเชญิ พระพุทธมหามณี รัตนปฏิมากร (แก้วมรกต) กับพระบาง จากเวียงจันทร์ มายงั กรุงธนบรุ ี ระหวา่ งเสด็จไปปราบปรามการจลาจลทาง กมั พชู า หรือประเทศเขมร เพราะเจา้ นายเขมรรบพงุ่ ชิงราชบลั ลังกก์ นั นัน้ ก็ได้เกดิ การจลาจลวุน่ วายขน้ึ ทางกรงุ ธนบุรี เปน็ ทเี่ ดือดรอ้ นแก่สงฆ์ ข้าราชการ และประชาชน เม่อื ไดร้ บั รายงานข่าว เจา้ พระยามหากษัตริย์ศกึ ก็จำต้อง ท้งิ ราชการฝ่ายชายพระราชอาณาจกั ร กลบั มาจัดฝา่ ยราชธานี คอื กรุงธนบรุ ี ใหส้ งบเรียบ ร้อย ผู้คนท้ังปวงต่างชื่น ชมออกไปต้อนรับและขอร้องให้เปน็ ผู้ระงับทุกขแ์ ละอัญเชญิ ขน้ึ เปน็ พระมหากษตั ริย์ ๘ มหากษตั รยิ ม์ หาราชของไทย

11 พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลก ทรงพิจารณาเห็นว่า ราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ ณ กรุงธนบรุ ี นั้น มี ทำเลไม่เหมาะทจี่ ะเปน็ เมอื งหลวงถาวร ดว้ ยเหตุทีท่ รงคาดคะเนได้ว่า ไม่ชา้ พมา่ กจ็ ะต้องยกทัพมาตีไทย ซ่ึงเพ่งิ ตั้ง ตวั ข้นึ ใหมอ่ ีก กรงุ ธนบรุ ปี ระกอบด้วย อาณาเขตสองฝัง่ แม่น้ำเจา้ พระยา มลี กั ษณะเป็น \"เมืองอกแตก\" ทำนอง เดยี วกับเมืองพิษณโุ ลก ซ่งึ เคยตอ้ งทรงรักษามาแลว้ คราวศกึ อะแซหวนุ่ ก้ี ลำบากทงั้ การลำเลียงอาหาร และอาวธุ ยทุ ธภัณฑ์ ตลอดจนการสบั เปลี่ยนทหาร และชาวเมือง ให้เปน็ เวรรักษาหน้าที่ป้องกนั บ้านเมือง จึงทรงพระราชดำริ ที่จะสรา้ งเมืองใหม่ขนึ้ ทางฝงั่ ตะวนั ออก ซ่งึ เปน็ หัวแหลมฝั่งเดียว เอาแมน่ ้ำเป็นคูเมืองด้านทศิ ตะวันตก และทศิ ใต้ แลว้ ขุดคลองขนึ้ เป็นคูเมอื งด้านทิศเหนือ และตะวันออก เมอื งหลวงใหม่น้ี ก็จะมีน้ำลอ้ มรอบ เปน็ ชัยภมู ิรบั ศึกได้ อยา่ งดี ครั้นทรงสร้างพระบรมมหาราชวงั และวดั พระศรรี ตั นศาสดารามข้ึนแล้ว จึงอัญเชิญพระพุทธมหามณี รัตนปฏมิ ากร (แก้วมรกต) จากกรงุ ธนบุรี มาประดิษฐานในพระอุโบสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม และในการที่ทรง ขนานนามราชธานใี หม่วา่ \"กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ ฯลฯ\" ก็เพ่อื ให้ต้องกับการท่ีเปน็ เมืองทสี่ ถิต แหง่ องค์ พระพทุ ธมหามณรี ตั นปฏิมากร (แก้วมรกต) ศรสี วสั ดิ์แห่งราชธานใี หมน่ ี้ การบำเพญ็ พระราชกรณียกจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลก น้นั ไดย้ งั ประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติ เริม่ ดว้ ยทรงตระหนกั ถงึ การ ได้รบั อญั เชญิ ขึ้นครองราชย์ ในงานพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก จึงมีพระปฐม บรมราชโองการแสดงพระราชปณธิ านวา่ \"ตัง้ ใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา ป้องกันขอบขัณฑเสมา รกั ษาประชาชนและมนตร\"ี แล้วพระองค์ท่านกท็ รงปฏิบตั พิ ระองค์ตามพระราชปณธิ านโดยเครง่ ครดั เริ่มด้วยการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ซึง่ ทรงเจรญิ รอยระบบการปกครองสมยั กรุงศรอี ยุธยา ที่เปน็ ที่กลา่ วขานกนั ว่า \"สมัยบ้านเมืองดี\" โดยทรงแตง่ ต้งั อัคร มหาเสนาบดี และเสนาบดจี ตุดมภ์ฝา่ ยทหาร และฝา่ ยพลเรือน โปรดให้ประชมุ ชำระกฎหมาย ซึ่งขาดตกบกพร่องไป คราวเสยี กรงุ ศรีอยธุ ยา รวบรวมเป็นกฎหมายฉบับ ซึ่งเป็นทร่ี ู้จกั กันในนามวา่ กฎหมายตราสามดวง เพราะ ประทับตราพระราชสีห์ (ประจำตำแหนง่ สมุหนายกมหาดไทย ว่าการฝา่ ยพลเรือน) ตรา พระคชสีห์ (ประจำ ตำแหนง่ สมุหพระกลาโหม ว่าการ ฝา่ ยทหาร) และตราบัวแก้ว (ประจำตำแหน่งโกษาธิบดี วา่ การคลงั และการ ๘ มหากษัตริยม์ หาราชของไทย

12 ตา่ งประเทศ) พระราชกรณียกิจในด้านทรงอุปถมั ป์พระพุทธศาสนานั้น ที่สำคัญย่งิ ก็คอื โปรดเกลา้ ฯ ให้ชมุ นุม ชำระ รวบรวมคมั ภีรท์ างพระพุทธศาสนา จัดขน้ึ เป็นพระไตรปฎิ ก จารลงบนแผ่นใบลาน ปิดทองใบปก ทัง้ หน้าหลัง เพ่ือให้ เปน็ ตน้ ตำรบั ฝ่ายการพระพทุ ธศาสนาสบื ตอ่ ไป บรเิ วณพระบรมมหาราชวัง และวดั พระศรรี ัตนศาสดาราม ฝา่ ยราชการดา้ นทัพศึกนัน้ เม่ือทรงตัง้ กรุงรัตนโกสนิ ทร์มาได้เพียง ๓ ปี พระเจา้ ปดุง กษตั รยิ ์พม่าก็ กรีธาทัพใหญถ่ งึ ๙ ทพั เขา้ ตพี ระราชอาณาเขตไทย ทัพบกสว่ นหนึง่ ท่ียกมาทางด่านพระเจดียส์ ามองค์ กรม พระราชวงั บวรมหาสรุ สงิ หนาท พระอนชุ าธิราช ทรงนำทัพต่อต้านและมีชัยชนะที่แขวง ลาดหญา้ จังหวดั กาญจนบุรี สว่ นทัพเรือที่ยกมาทางภาคใต้ กถ็ ูกตอ่ ตา้ นจากสตรีสองทา่ น คือ คุณหญงิ จันทร์ ภริยาเจา้ เมืองถลาง ซึ่ง เพ่ิงถึงแก่กรรมขณะน้ัน พรอ้ มดว้ ยนางมุก น้องสาว นำพลตอ่ ตา้ นทำใหพ้ ม่าต้องถอยทัพกลับไป พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั รชั กาลท่ี ๙ จึงพระราชทานบรรดาศักด์ิ ให้เป็นท้าวเทพสตรี และท้าวศรีสุนทร ปัจจบุ นั นี้ มอี นุสาวรยี ์ ท้าวเทพกระษัตรี (หรือเทพสตรี) และท้าวศรสี นุ ทร ไว้เปน็ หลักชยั ที่อำเภอถลาง จงั หวดั ภเู ก็ต (ซ่งึ ขยายเขตออกมา จากเมืองถลาง) ต่อมา เขมรซ่งึ ถอื โอกาสระหว่างไทยมศี กึ พม่า ไดแ้ ยกตัวออกไปฝักฝา่ ยดว้ ยญวน พระบาทสมเดจ็ พระ พทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก จงึ โปรดใหส้ ่งทพั ปราบปราม โอนเขมรกลบั มาอยู่ใตอ้ ำนาจไทยได้อีก ส่วนฝา่ ยญวน เม่ือมีการ แก่งแยง่ ราชสมบัติกนั ในหม่เู จ้านาย องเชยี งสอื เจา้ ญวนได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธสิ มภาร จนมกี ำลงั พอเพียง จงึ กลับไปกรู้ าชบงั ลงั ก์คืนได้ แล้วถวายความสวามภิ ักด์ิ ต่อพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลก ซ่งึ พระราชทาน พระเมตตา ต้อนรับเป็นอยา่ งดี ฝา่ ยลาวนัน้ ก็ไดท้ รงอภิเษกเจ้าอินทวงศ์ให้ได้ครองลาว ลาวจึงยอมเป็นเมืองขน้ึ ไทย โดยนอบนอ้ ม แมพ้ ระราชกจิ สว่ นใหญ่จะเป็นไปในดา้ นสร้างบ้านสรา้ งเมืองให้ใหญโ่ ต สง่างาม เทียบเท่ากรงุ ศรีอยธุ ยาราชธานเี ดิม และต้องทรงใช้เวลาในการป้องกนั พระราชอาณาจักร ใหพ้ ้นจากอริราชศตั รู กจ็ ริงอยู่ แต่พระบาทสมเด็จพระพทุ ธ ยอดฟา้ จุฬาโลก กม็ ิได้ทรงละทงิ้ งานทำนบุ ำรงุ ศิลปกรรม และวรรณคดี อันเป็นวฒั นธรรมหลกั ของชาติ ดังเชน่ ๘ มหากษัตรยิ ์มหาราชของไทย

13 พระองค์เอง ไดท้ รงพระราชนิพนธ์บทละครเร่ือง รามเกยี รติ์ อุณรุท อเิ หนา และนริ าศทา่ ดนิ แดง กวีอืน่ ก็ไดร้ บั พระ บรมราชปู ถัมภ์ เช่น กรมพระราชวังบวรมหาสุรสงิ หนาท ทรงพระนิพนธเ์ พลงยาวถวายพยากรณ์ นริ าศเสด็จไป ปราบพมา่ เมืองนครศรีธรรมราช และยังมีกวที า่ นอ่นื เชน่ เจา้ พระยาพระคลงั (หน) นพิ นธ์เร่ือง สามกก๊ และ ราชาธิราช เปน็ ต้น บรเิ วณพระบรมมหาราชวงั และวดั พระศรีรัตนศาสดาราม ด้านนาฏกรรมเลา่ ในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลก กโ็ ปรดเกล้าฯ ให้ฟ้นื ฟู \"โขน ละครฟ้อนรำ\" ศิลปกรรมนน้ั ก็ยังมปี รากฏเปน็ พยานใหเ้ ห็นไดช้ ัด ในการตกแตง่ ประดบั ประดาพระท่นี งั่ ตา่ งๆ ใน พระบรมมหาราชวัง และพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เครื่องราชปู โภคตา่ งๆ ท่ีประกอบในการพระราช พธิ ี พระแท่นราชบังลังก์ต่างๆ เช่น พระแท่นบุษบกมาลามหาพิมาน และพระแท่นมหาเศวตฉตั ร ในพระที่นง่ั อมริ นทรวินิจฉัย เป็นตน้ พระบรมราชานสุ าวรยี พ์ ระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช ประดษิ ฐาน ณ เชิงสะพานพระพทุ ธยอดฟา้ ๘ มหากษตั รยิ ์มหาราชของไทย

14 ในโอกาสมหามงคลสมยั สมโภชกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ครบรอบ ๒๐๐ ปี ใน พ. ศ. ๒๕๒๕ ท้ังฝา่ ยรฐั บาล และฝ่ายประชาชน ได้รว่ มใจกันถวายพระสมัญญา \"มหาราช\" แก่องค์พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก พระ ปฐมบรมกษัตรยิ ์แห่งพระบรมราชจกั รีวงศ์ และแห่งกรุงรตั นโกสนิ ทร์ เพ่ือสวสั ดมิ งคลแกช่ าติ และขตั ติยราชวงศ์ อัน พึงเจรญิ รุง่ เรืองถาวร สืบต่อไปชวั่ นจิ นิรนั ดร์ ๖.พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หัว พระปยิ มหาราช พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตรยิ าธริ าช รชั กาลท่ี ๕ ในพระบรมราชจกั รวี งศ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จอยใู่ นราชบลั ลงั ก์เป็นเวลา ๔๒ ปี และตลอดเวลาอันยาวนานนไี้ ด้ทรงปรบั ปรงุ ทำนบุ ำรุง และเทิดเกียรติ ประเทศไทยใหม้ ีฐานะสงู เทยี มอารยประเทศอันเปน็ ที่ยกย่อง พระราชกรณียกจิ มมี ากมายหลายด้าน หลายประการ ท่เี ด่นมากน่าจะยกมากล่าวสรปุ ได้ เช่น โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ลิกทาสเพื่อชาวไทยได้เปน็ พลเมืองท่มี ีเสรีเสมอภาคกนั ตาม กฎหมายการเลิกทาสก็มิได้ทรงประกาศเลิกอยา่ งกะทันหัน ซึง่ จะเป็นเหตุให้ผ้เู กย่ี วข้องทงั้ ตัวทาสและเจา้ ของทาส เปลี่ยนปฏบิ ัตกิ ารตามพระบรมราโชบายมไิ ด้ แต่ได้ทรงใชพ้ ระปรชี าสามารถกำหนดเวลาลดคา่ ตัวทาสลงเปน็ ปๆี ไป จนหมดคา่ ตัว และเปน็ ไทได้ โดยมเี วลาเตรยี มตวั ทัง้ ฝ่ายทาส และเจา้ ของทาส มเิ ป็นท่เี ดือดร้อนแกฝ่ ่ายใด ทรงแก้ไข ปรับปรุงการปกครองบ้านเมืองเพื่อความสขุ ความเจรญิ ของประชาชน พระบรมรูปทรงม้า ประดิษฐาน ณ ลานหน้าพระทีน่ ั่งอนนั ตสมาคม การบรหิ ารราชการซึง่ ปฏบิ ัติกันสบื ต่อมาแต่โบราณกาลนัน้ ยังสับสนกันอยู่ เช่น การศาลก็ขึ้นกับหลายหน่วย ราชการด้วยกนั จงึ ทรงจัดแบ่งราชการแผ่นดนิ ใหเ้ ป็น ๑๒ ส่วน หรือ ๑๒ กระทรวง เพ่มิ ตำแหน่งเสนาบดใี ห้ เพียงพอ ทจ่ี ะปฏิบัตริ าชการเฉพาะสว่ น เฉพาะหนา้ ที่ โดยมิได้ก้าวกา่ ยกัน ทรงทำนุ บำรงุ การศึกษา การคมนาคม การเศรษฐกจิ การ อนามยั เสด็จประพาสเย่ียมเยยี น เพื่อทราบทกุ ข์สขุ ของประชาชนชาวไทย เสด็จเยอื นประเทศ อื่น เพื่อสมานไมตรี และแกไ้ ขปัญหาขัดแย้งระหว่างประเทศนัน้ ๆ กบั ประเทศไทย ในระยะน้ัน ประเทศมหาอำนาจ ที่มามผี ลประโยชน์ทางทวีปเอเซีย โดยเฉพาะทใี่ กลเ้ คียงราชอาณาจกั รไทยคอื อังกฤษ และฝร่ังเศส ซ่งึ ต่างคอย ๘ มหากษตั รยิ ์มหาราชของไทย

15 แกง่ แยง่ กีดกัน การท่ีอีกฝ่ายหนึ่งจะได้ประโยชนม์ ากกว่าตน ประเทศไทยจงึ ตกในสภาพถูกบีบ ทั้งสองขา้ ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว จำเปน็ ตอ้ งใช้พระวจิ ารณญาณ ผ่อนปรนให้แก่ประเทศเหลา่ นนั้ แมบ้ าง คราว จำตอ้ งเสียพระราชอาณาเขตบางส่วน เสยี ผลประโยชนร์ ายไดท้ างภาษีอากร บา้ งก็จำต้องทรงยอมเสยี เพ่ือ รกั ษาไว้ ซงึ่ เอกราชของประเทศไทย นอกจากนยี้ งั ได้ทรงนำวทิ ยาการ และความเจรญิ นานาประการ ของ ชาวตะวนั ตก มาใชท้ ำนบุ ำรงุ บา้ นเมอื งไทย เชน่ โปรดใหจ้ ดั การรถไฟ สร้างถนน และดำเนินการไปรษณีย์โทรเลข ขนึ้ เปน็ ต้น ดว้ ยพระราชกรณียกิจอนั เป็นประโยชน์ แก่บา้ นเมือง และอาณาประชาชน ตลอดจนการที่พระราชทาน พระเมตตากรุณาประชาชน ตลอดจนการท่ีพระราชทานพระเมตตากรุณา และไมตรีจิตแก่ทุกคน ทกุ ฐานะ ในพระ ราชอาณาเขต ตามแต่จะทรงมีโอกาสแสดง ให้ปรากฏแก่ชนน้ันๆ พระองค์จงึ ได้ทรงเปน็ ทีร่ ักใคร่ และเคารพบชู า ของชนทั้งปวง ในพระราชอาณาจกั ร ทงั้ ชาวไทย และชาวตา่ งประเทศ ศิรริ าชพยาบาล พัฒนามาจากโรงศิริราชพยาบาล ซึ่ง พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั ทรงริเรมิ่ กอ่ ต้ังขึ้น ในโอกาสท่ีจะทรงครองราชย์ครบ ๔๐ ปี ใน พ.ศ. ๒๔๕๑ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชสยาม มกุฎราชกุมาร (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว) ทรงเป็นประธานจดั งานสมโภช โดยทรงเชิญชวนพระ บรมวงศานวุ งศ์ ขา้ ราชการ และประชาชน ร่วมกนั สร้างพระบรมราชานสุ าวรีย์ คือ พระบรมรูปทรงมา้ ซ่ึง ประดษิ ฐาน ณ ลานหนา้ พระท่นี ่งั อนันตสมาคม กรุงเทพมหานคร ทฐ่ี านของพระบรมรูปทรงม้านี้ มีแผ่นโลหะจารกึ ขอ้ ความเทิดพระเกยี รติ พร้อมทงั้ ถวายพระสมัญญาวา่ \"สมเดจ็ พระพทุ ธเจ้าหลวงปยิ มหาราช\" ภายหลังจากการ เสดจ็ สวรรคต จงึ ได้กำหนดวันสักการบชู าประจำปีขึน้ ในวันที่ ๒๓ ตลุ าคม ซ่ึงตรงกับวนั เสดจ็ สวรรคต ๘ มหากษตั รยิ ม์ หาราชของไทย

16 ๗.พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราชบรมนาถบพติ ร มหาราชของไทยอกี พระองค์หนึง่ ที่มพี ระราชกรณยี กิจอนั เป็นประโยชน์แกค่ นไทยมากมายหลายดา้ น คอื พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร นอกจากพระองคท์ รงคิดคน้ ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” สามารถนำไปปรบั ใช้ในชีวิตประจำวนั จนเปน็ ท่ยี อมรบั ในพระปรีชาสามารถจากทั่ว ทุกมุมโลก อีกทั้งยังมีพระปรีชาสามารถในด้านดนตรีและกีฬาอีกดว้ ย พระองคท์ รงห่วงใยประชาชนเปน็ อยา่ งมาก ตลอดเวลาทีพ่ ระองค์ทรงขึน้ ครองราชย์พระองค์ทรงเสียสละเวลาความสุขส่วนพระองคเ์ พ่อื ดูแลประชาชน พระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชนไดอ้ ย่ดู กี นิ ดี นบั ว่าเป็นพระมหากษัตริยผ์ ู้ทรงเปรียบเสมอื น “พ่อหลวงของ ประชาชนชาวไทย” และทรงเป็นทร่ี กั ของประชาชนชาวไทยทุกคน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงเก่ยี วขว้ ในแปลงนสาธิต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็น พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยผู้เสวยราชย์ยาวนานที่สุดคือ 70 ปี มหาชนถวายพระราชสมัญญาว่า “สมเด็จพระภัทรมหาราช” มีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐยิ่ง” ต่อมามีการถวายราชสมัญญาใหม่ว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช” เมื่อ พ.ศ.2510 และ “พระภูมิพลมหาราช” อนุโลมธรรมเนียมเช่นเดียวกับ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ที่ทรง ไดร้ ับพระราชสมัญญา “พระปยิ มหาราช” ดังคำถวายอาศิรวาทราชสดดุ ี และถวายชยั มงคลของ พล.อ.เปรม ติณสู ลานนท์ นายกรัฐมนตรี ท่งี านสโมสรสันนบิ าต เนอ่ื งในโอกาสวันฉตั รมงคล วนั ที่ 5 พฤษภาคม 2530 ณ ทำเนียบ รัฐบาล ๘ มหากษัตริย์มหาราชของไทย

17 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ รพร้อมดว้ ย สมเด็จพระบรมราชนิ สี ิริกติ ตพ์ ระบรมราชชนนีพันปหี ลวง อย่างไรก็ตาม พระองค์ท่านยังไม่ทรงรับการถวายสมัญญาเหล่านี้ ต่อมา พ.ศ.2532 มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน มีมติเห็นว่า เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย สำรวจความเห็นคนไทย โดยส่งเอกสารไปยังจังหวัดต่างๆ ปรากฏว่าคนไทยทั่วประเทศ 34 ล้านคน เห็นว่าสมควรถวายพระราชสมญั ญานาม “สมเด็จพระภูมิพลมหาราช” อีก 6 ล้านคนเห็นว่าสมควรถวาย พระราชสมัญญานาม “สมเด็จพระภัทรมหาราช” เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต มหาชนชาวไทยจึงเห็นตามเสียงข้าง มาก ถวายพระราชสมญั ญานาม “พระบาทสมเดจ็ พระมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร” อน่งึ พระบาทสมเด็จพระวชริ เกล้าเจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ 10 มีพระบรมราชโองการถวายราชสมญั ญานามแด่รัชกาลที่ 4 คอื “พระสยามเทวมหามกุฏวทิ ยมหาราช” เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ซ่ึงไดร้ ับยกย่องวา่ เป็นพระบิดาแห่ง วทิ ยาศาสตร์ดาราศาสตร์และภาษาต่างประเทศหลายภาษา ๘.พระสยามเทวมหามกุฏวทิ ยมหาราช(พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว) สมัยกรงุ รตั นโกสินทร์มีกษตั ริยพ์ ระองคห์ น่งึ ทสี่ มควรจะได้รับการถวาพระสมญั ญามหาราชดว้ ย เพราะทรงสร้างความเปลี่ยนให้แกป่ ระเทศชาติในรชั สมัยของพระองค์อย่างพลิกฝ่ามือไปสู่ความอารยะ แตแ่ ล้ว คำตอบนี้กเ็ กดิ ข้นึ ในวันท่ี ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซ่ึงเปน็ คลา้ ยวนั เฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ เมือ่ พระบาทสมเดจ็ พระวชิรเกล้าเจา้ อยูห่ ัว ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯให้อาลกั ษณ์ อา่ นประกาศพระบรมราชโองการ ถวายพระราชสมัญญาแด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสนิ ทร มหามงกุฎ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว วา่ “พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช” พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัว ทรงเปน็ กษัตรยิ ์ไทยพระองค์แรกที่อ่านเขียนและพูดภาษาอังกฤษได้ รวมท้ังภาษาละติน ทรงคนุ้ เคยกบั ชาวตะวนั ตกเปน็ อย่างมาก โดยเฉพาะชาวองั กฤษ เมื่อขึน้ ครองราชย์ บรรดา ๘ มหากษัตริยม์ หาราชของไทย

18 มชิ ชันนารไี ดน้ ำพระเกียรติคุณเผยแพร่ไปในนานาประเทศ ทำให้นกั เรยี นในยโุ รป อเมรกิ า และเอเชีย เขยี น จดหมายมาทูลถามความรเู้ ก่ยี วกบั ประเทศสยาม ซ่ึงกท็ รงมพี ระราชหัตถเลขาตอบดว้ ยพระองค์เอง ซึ่งลายพระ ราชหัตถเลขาประเภทน้ี ยังหลงเหลอื อยใู่ นปัจจุบันอีกหลายฉบับ เป็นเอกสารทม่ี ีคา่ ทางประวัตศิ าสตร์ มสี ิง่ ใหม่ๆ เกดิ ข้ึนในรชั สมัยของพระองค์หลายอย่าง ทรงเปิดประเทศต้อนรับชาวตะวนั ตกซง่ึ เขา้ มาเปดิ หา้ งคา้ ขายข้ึนใน กรงุ เทพฯ มีการตัดถนนสายแรกขึ้น และมีการสรา้ งสะพานใหร้ ถยนต์ข้ามได้เป็นครั้งแรกเชน่ กนั ในรชั สมัยของ พระองค์จงึ เป็นยคุ ที่เปลี่ยนโฉมหนา้ ของประทศไปสคู่ วามเปน็ อารยะ ก่อใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ก่ประเทศชาติและ ประชาชนอยา่ งมาก ซ่ึงองค์การยูเนสโกแห่งสหประชาชาติไดป้ ระกาศยกย่องพระเกียรติคณุ ใหท้ รงเป็นบุคคลสำคญั ของโลกในวาระครบ๒๐๐ปแี ห่งวันพระบรมราชสมภพเมื่อพุทธศักราช๒๕๔๗ สมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั เสด็จทอดพระเนตร สุรยิ ุปราคา ตำบลหวา้ กอ นอกจากนย้ี งั มสี ่งิ มหศั จรรยเ์ กิดข้นึ หลายอยา่ งในพระชนมช์ พี ของมหาบุรุษพระองคน์ ้ี ส่ิงหน่งึ ซึ่งพดู ถงึ กันมากก็คือ ทรงคำนวณสรุ ยิ ปุ ราคาท่หี ว้ากอเม่ือวนั ท่ี ๑๘ สิงหาคม ๒๔๑๑ ไว้ลว่ งหน้าถึง ๒ ปีวา่ จะเกดิ ขนึ้ ในเวลาใด และดูได้ ชัดเจนที่สดุ ตำบลใด ทั้งยังทรงเชญิ ทตู ของประเทศตา่ งๆไปดูด้วยอยา่ งมัน่ พระทัย นกั ดาราศาสตร์ยโุ รปก็ให้ความ สนใจในสุริยุปราคาครัง้ น้ีมาก ว่าจะได้เหน็ นานทสี่ ุดในรอบ ๓๐๐ ปี แต่จะไปตั้งค่ายกันในประเทศต่างๆ ในทีส่ ดุ ก็มา ขอตั้งใกล้ค่ายหลวงท่หี ว้ากอด้วย หลังจากเกิดสรุ ิยปุ ราคาแล้ว เซอรแ์ ฮรี่ ออด ผูส้ ำเรจ็ ราชการสงิ คโปรข์ ององั กฤษได้บันทกึ ไวว้ า่ “พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หัวทรงพระสำราญมาก เพราะการคำนวณเวลาสรุ ิยปุ ราคาของพระองค์ได้ พิสจู นแ์ ล้วว่า ถูกตอ้ งกวา่ ทช่ี าวยโุ รปได้คำนวณไว้” พระปรชี าสามารถอยา่ งมหศั จรรยข์ องพระองค์ในเร่ืองน้ี ทำให้ ทรงไดร้ บั การยกย่องเปน็ สมาชิกกติ ติมศักดิ์ของสตั ววิทยาสมาคมแห่งสหราชอาณาจักร และในวนั ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๒๕ รฐั บาลพลเอกเปรม ติณสลู านนท์ ไดป้ ระกาศยกย่องพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั เปน็ “พระบดิ า แห่งวิทยาศาสตร์ไทย”และอนมุ ัติให้วนั ท๑ี่ ๘สิงหาคมของทุกปเี ป็นวันวทิ ยาศาสตร์แหง่ ชาติ ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั ขน้ึ ครองราชย์ เปน็ ระยะทเี่ หลา่ ประเทศมหาอำนาจ ตะวนั ตกล่าอาณานิคมในซีกโลกตะวนั ออกกนั อย่างเมามนั ประเทศไทยก็เป็นเป้าหมายสำคญั ของนักลา่ อาณานิคม เหลา่ นน้ั ดว้ ย โดยเฉพาะฝรั่งเศสและอังกฤษ แตเ่ ม่ือถึงช่วงเวลาวกิ ฤติก็เกิดเหตุพลิกผันที่ทำใหป้ ระเทศไทยผ่านพน้ ๘ มหากษตั ริย์มหาราชของไทย

19 วิกฤติน้ันไปได้อย่างมหัศจรรย์ ครองความเป็นเอกราชอยู่ได้ตลอดมา ทรงคำนึงวา่ น่าจะมีเทพยดาคอยพทิ ักษร์ ักษา ประเทศไทยอยกู่ ็ได้ จงึ ทรงสรา้ งรูปสมมติของเทพยดาองค์นัน้ ข้นึ เพ่อื สักการบชู า โปรดเกลา้ ฯให้พระองค์เจ้า ประดษิ ฐ์วรการ นายช่างเอก เมอื่ ครั้งดำรงพระยศเป็นหม่อมเจ้า รบั ราชการในกรมช่างสบิ หมู่ ป้นั รูปของเทพยดา องคน์ ั้นขึน้ มีลกั ษณะเปน็ เทวรูปยนื ทรงเคร่อื งตน้ พระหตั ถข์ วาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกเสมอพระอรุ ะในท่า ประทานพร มีขนาดสูง ๘ นิ้ว หรอื ๒๐ เซนตเิ มตร หลอ่ ข้ึนด้วยทองคำทัง้ องค์ ถวายพระนามว่า “พระสยามเทวาธิ ราช” อญั เชญิ ไปประดษิ ฐาน ณ พระทน่ี ่ังทรงธรรมในหมู่พระพทุ ธมหามณเฑียรในพระบรมมหาราชวัง มีความเช่อื กนั วา่ พระสยามเทวาธริ าช ทรงเป็นประมุขของเทพารักษท์ ี่ปกปักษ์รกั ษาบา้ นเมอื ง แม้ทุกวันนี้ เม่ือมี เหตกุ ารณ์วิกฤตขิ องบ้านเมืองเกิดขน้ึ และผา่ นพ้นไปดว้ ยดี ผู้คนก็ยงั พูดกันวา่ เปน็ เพราะพระสยามเทวาธริ าชทรง ค้มุ ครองประเทศไทย พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัวเสดจ็ พระราชสมภพในวนั พฤหสั บดี ขน้ึ ๑๔ คำ่ เดือน ๑๑ ปีชวด ตรงกับ วันท่ี ๑๘ ตลุ าคม พ.ศ.๒๓๔๗ เสด็จสวรรคต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ตลุ าคม พ.ศ. 2411 เวลายามหนงึ่ วันนั้นเป็น วนั มหาปวารณา ณ พระที่นัง่ ภาณมุ าศจำรญู ในพระบรมมหาราชวงั …พระชนมายเุ วียนมาบรรจบครบ 64 พรรษา เต็มบริบรู ณ์ตามจันทรคติ การทำสนธสิ ัญญาเบารงิ มหาราชของไทยทกุ พระองค์ล้วนสรา้ ง สรรคแ์ ละพฒั นาชาติไทยให้เจรญิ รุ่งเรืองสืบต่อกันมา สมควรที่พสกนกิ รชาว ไทยทุกหมู่เหล่าไดร้ ำลึกถึงทัง้ ในปจั จุบนั และอนาคต ๘ มหากษตั ริย์มหาราชของไทย

20 ข้อมลู อ้างองิ https://www.saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=2&chap=7&page=t2-7- infodetail06.html https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000101195 https://www.matichon.co.th/columnists/news_3056719 https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_3007 ๘ มหากษัตริย์มหาราชของไทย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook