กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เกณฑก์ ารขอพระราชทานดนิ ฝังศพ ๑) มเี กณฑ์การขอเช่นเดียวกับการขอพระราชทานเพลงิ ศพ ๒) ขอพระราชทานไดท้ งั้ ผู้นับถอื ศาสนาพุทธ คริสต์ และอสิ ลาม ดินฝงั ศพพระราชทาน ๑) ในหบี ประกอบด้วยดนิ ๒๐ กอ้ น หอ่ ด้วยผา้ ขาว ๑๐ ก้อน ห่อดว้ ยผ้าด�ำ ๑๐ ก้อน ๒) การหยบิ ดินพระราชทาน ใหห้ ยิบทีละคู่ คอื สีขาว ๑ ก้อน และสดี ำ� ๑ กอ้ น ๓) การวางดนิ พระราชทาน ใหว้ างบนหลงั หบี ศพตง้ั แตด่ า้ นศรี ษะศพลงไปจนครบทง้ั ๑๐ คู่ วธิ ีปฏิบตั ใิ นพิธีพระราชทานดินฝังศพ ๑) ใกลเ้ วลา เจา้ หนา้ ทเ่ี ชญิ หบี ดนิ ฝงั ศพพระราชทานถงึ สถานทต่ี ง้ั ศพ (เจา้ ภาพรอตอ้ นรบั ) เชญิ หีบดินตง้ั ไวด้ า้ นศีรษะของศพ ทำ� ความเคารพศพ ๒) เจ้าภาพทำ� พิธีเคารพศพเสร็จแล้ว (ถา้ มีการอ่านประกาศเกยี รติยศ อ่านในลำ� ดับน)้ี ๓) เชิญหบี ศพไปท่หี ลุมฝงั ศพ ทำ� พิธเี คารพศพเป็นครง้ั สดุ ท้าย ๔) เชิญหบี ศพลงวางในหลมุ ๕) เจา้ หนา้ ที่เชญิ หีบดนิ พระราชทาน ๖) ประธานถวายความเคารพไปทางทิศท่ี สมเด็จเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ หยิบห่อดิน พระราชทานสขี าว - สีด�ำ คร้ังละ ๑ คู่ วางเรียงบนหลังหีบศพจากทางด้านศีรษะของศพลงไปจนครบ ท้ัง ๑๐ คู่ ๗) ท�ำความเคารพศพ ๑ ครง้ั ๘) ผมู้ ีเกียรติ ญาติและเจ้าภาพวางดินฝังศพ ๙) เสรจ็ พธิ ี การแต่งกาย ๑) เจา้ หนา้ ทีผ่ เู้ ชญิ หบี เพลิงพระราชทาน แตง่ ชุดปกตขิ าวไว้ทกุ ข์ ๒) ประธาน แต่งชดุ ปกติขาวไว้ทกุ ข์ ชดุ สากลไว้ทุกข์ หรือชุดสุภาพสำ� หรบั งานศพ ๓) เจา้ ภาพ ถา้ เปน็ ข้าราชการควรแตง่ ชุดปกติขาวไว้ทกุ ข์ ชดุ สากลไวท้ กุ ขห์ รอื ชุดสภุ าพ สำ� หรบั งานศพ 141
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย ๒. การเตรียมการและขนั้ ตอนการท�ำบญุ และการฌาปนกิจศพ ๒.๑ การเตรยี มอุปกรณใ์ นพธิ ีงานศพ การเตรยี มเคร่อื งใช้สำ� หรับการนี้ นอกจากเคร่อื งสักการบชู าพระรตั นตรัย และเครื่องบชู า ศพแล้ว จะต้องจดั เตรียมท่ตี ้องใช้ในพธิ ที ่ีเกีย่ วขอ้ งกบั ศพ ดังน้ี ๑) ภษู าโยง หรือดา้ ยสายโยง ๒) เครือ่ งทองนอ้ ย ๓) ตูพ้ ระอภธิ รรม ๔) เครอื่ งกระบะมุก หรอื เครื่องบูชาพระธรรม ๕) ส่งิ ของเคร่อื งใช้สำ� หรับพธิ ีสงฆ์ ๒.๒ การอาบน้�ำศพ ๑) การอาบน้ำ� ศพนี้ ถือเปน็ เร่อื งภายในครอบครัว ระหวา่ งญาติมิตรที่สนทิ ไมน่ ิยม เชญิ บคุ คลภายนอก ซง่ึ เป็นการอาบน�้ำช�ำระร่างกายศพจรงิ ๆ โดยการอาบนำ�้ อนุ่ กอ่ นแลว้ อาบด้วย นำ�้ เยน็ ฟอกด้วยสบขู่ ัดถูรา่ งกายศพใหส้ ะอาด ๒) เม่ืออาบน้�ำศพเสร็จแล้วให้เอาน้�ำขม้ินทาตามร่างกายตลอดถึงฝ่าเท้า แล้วประ ด้วยน�ำ้ หอม ๓) เม่ืออาบน้�ำช�ำระร่างกายศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แต่งตัวให้ศพตามฐานะของ ผูต้ าย เช่น เป็นขา้ ราชการ ก็นยิ มแต่งเครื่องแบบ เปน็ ต้น เครื่องแต่งตวั น้นั นิยมใชเ้ สื้อผ้าทสี่ ะอาดและ ใหม่เทา่ ทีม่ อี ยู่ หลังจากนั้นน�ำศพขึ้นนอนบนเตียงสำ� หรับรอพิธีรดนำ�้ ศพตามประเพณีนิยม ๒.๓ การรดน้�ำศพ ๑) นยิ มจดั ตง้ั พระประจำ� วนั เกดิ ของผวู้ ายชนมพ์ รอ้ มจดุ ธปู เทยี นบชู าไวด้ า้ นศรี ษะศพ ๒) เตยี งทีศ่ พนอน เพ่ือรอการรดน้ำ� ศพจากผู้มารว่ มพิธรี ดน�้ำศพ ใหต้ ้งั โดยหันด้าน ศีรษะศพไปทางโตะ๊ หมบู่ ูชาพระรัตนตรัย ๓) นยิ มตงั้ เตยี งหนั ทางดา้ นมอื ขวาของศพออกทางดา้ นกวา้ ง เพอื่ ใหผ้ ทู้ เ่ี คารพนบั ถอื รดน�ำ้ ท่มี อื ขวาได้โดยสะดวก ๔) หา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดเดนิ ผา่ นทางดา้ นศรี ษะของศพ เพราะถอื วา่ เปน็ กริ ยิ าอาการทไ่ี มแ่ สดง ความเคารพต่อศพ 142
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ๕) จัดร่างศพให้นอนหงายเหยียดยาว โดยใช้ผ้าห่มหรือผ้าแพรคลุมตลอดร่างศพ เปิดไว้เฉพาะหน้าและมือขวาของศพ และจัดมือขวาให้เหยียดออกคอยรับการรดน้�ำจากผู้ท่ีเคารพ นับถือ ๖) จัดเตรียมขันโตกใส่น�้ำอบ และโรยกลีบดอกไม้ไว้ด้านขวามือของศพ พร้อมท้ัง ขนั เลก็ ๆ เพื่อไว้ใหบ้ ุตรหลานหรือทายาทตกั น�้ำใหผ้ ู้ท่ีมีความประสงคจ์ ะมารดน�ำ้ ศพ เพ่ือการขมาศพ ๗) จัดเตรียมขนั โตก หรอื ขนั นำ้� พานรองขนาดใหญ่ต้งั ไว้คอยรองรบั นำ�้ ท่รี ดศพ ๘) ก่อนพธิ รี ดน้ำ� ศพ ควรให้เจา้ ภาพจดุ เครือ่ งสักการบูชาพระรตั นตรัยกอ่ น แลว้ จึง เริม่ พธิ ีรดนำ�้ ศพ ๙) เม่ือผู้มีเกียรติท่ีมาแสดงความเคารพศพด้วยการรดน้�ำศพหมดแล้ว ถ้าได้รับ พระราชทานน�้ำอาบศพ ให้เชิญผู้อาวุโสที่อยู่ในท่ีน้ัน เป็นผู้แทนรดน้�ำศพพระราชทาน ซ่ึงถือเป็น ลำ� ดบั สดุ ทา้ ยของพธิ รี ดนำ้� ศพ เมอ่ื ทำ� พธิ รี ดนำ�้ ศพพระราชทานแลว้ ถอื เปน็ เสรจ็ พธิ รี ดนำ้� ศพ ไมส่ ามารถ ให้ผหู้ น่ึงผู้ใดรดนำ้� ศพอีก ๑๐) ต่อจากนั้นจะเป็นหนา้ ทีข่ องผู้ท่ไี ดร้ บั หนา้ ทีด่ �ำเนินการน�ำศพลงหีบ เพ่ือกระทำ� พิธกี รรมทางศาสนาตอ่ ไป ๑๑) เมอื่ นำ� ศพลงโลงหรอื โกศแลว้ บางเจา้ ภาพจะใหม้ กี ารทอดผา้ บงั สกุ ลุ (สว่ นใหญ่ จะเปน็ ผา้ ไตรจีวรหรือสบงตามฐานะ) เพื่อใหพ้ ระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสกุ ลุ ซ่ึงเรยี กว่า บงั สกุ ุลปากหบี หรือบังสุกุลปากโกศ (ซึ่งจะนิมนต์พระสงฆ์เพื่อการนี้เท่าใดก็ได้ไม่มีก�ำหนด แต่ถ้าเป็นพิธีของหลวง มักจะนมิ นตพ์ ระสงฆ์ จ�ำนวน ๑๐ รูป) ๑๒) เมื่อพระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุลเรียบร้อยแล้ว นิมนต์พระสงฆ์จ�ำนวน ๔ รูป สวดพระอภธิ รรม ตอ่ จากพธิ ีบังสกุ ลุ ปากหบี หรอื ปากโกศทนั ที โดยปฏิบัติดงั นี้ (๑) เมอื่ พระสงฆพ์ จิ ารณาผา้ บงั สกุ ลุ ปากหบี หรอื ปากโกศ ลงจากอาสนส์ งฆแ์ ลว้ (๒) พิธีกรตั้งตูพ้ ระธรรม เบอื้ งหนา้ อาสนสงฆ์ของพระสงฆ์สวดพระอภธิ รรม (๓) แต่งตง้ั เครอ่ื งนมสั การพระธรรม (๔) นมิ นตพ์ ระสงฆส์ วดพระอภธิ รรม จ�ำนวน ๔ รปู ข้ึนอาสนสงฆ์ (๕) เชญิ เจา้ ภาพหรอื ประธานพิธจี ดุ ธปู เทยี นบูชาพระธรรม (๖) พระสงฆ์ จ�ำนวน ๔ รูป สวดพระอภิธรรม จ�ำนวน ๑ จบ (ถ้าเจ้าภาพ ประสงคจ์ ะใหส้ วดจนครบ ๔ จบ กไ็ ด)้ ในกรณสี วด ๑ จบ เมอื่ ไดเ้ วลาสวดพระอภธิ รรมตามทว่ี ดั กำ� หนด จะสวดต่ออกี ๓ จบ ก็ทำ� ได้ หรือเจา้ ภาพจะใหน้ มิ นต์สวดตามเวลาของวดั ก็ย่อมไดเ้ ชน่ กนั 143
ศาสนพิธแี ละมารยาทไทย ๒.๔ การจดั สถานท่ตี ้ังศพ การจัดสถานที่ตั้งศพนั้น จะต้องประกอบด้วยสถานท่ีส�ำคัญและอุปกรณ์เครื่องใช้เก่ียวกับ พิธีงานศพ ดงั นี้ ๑) สถานทต่ี ั้งโตะ๊ หม่บู ชู าพระรัตนตรัย ตงั้ ไว้ทางด้านศีรษะของศพ ๒) สถานทต่ี ง้ั อาสนส์ งฆส์ ำ� หรบั พระสงฆส์ วดพระอภธิ รรม ตง้ั ไวท้ างดา้ นซา้ ยของโตะ๊ หมู่บูชา (เวน้ ไวแ้ ต่สถานท่ีบงั คบั ไม่อาจจะต้ังอาสน์สงฆไ์ ว้ทางด้านซา้ ยของโตะ๊ หมบู่ ูชาได)้ ๓) สถานทตี่ งั้ ศพ ให้ต้ังหันดา้ นศีรษะของศพไปทางโตะ๊ หมู่บูชาพระพุทธรูป ๔) สถานท่ีตั้งเคร่ืองราชอสริยาภรณ์ นิยมต้ังไว้เบ้ืองหน้าหีบหรือโกศศพ หรือหน้า รปู ถ่ายของศพโดยการนำ� โต๊ะหมมู่ าจัดต้งั ใหเ้ หมาะสมและสวยงาม ๕) สถานที่ตั้งรูปถ่าย นยิ มตง้ั ไว้ทางดา้ นเท้าของผ้ตู าย ๖) สถานที่ตง้ั หรอื การใช้อุปกรณเ์ ครอ่ื งใช้ให้ศกึ ษาในพธิ งี านอวมงคลตามทไี่ ดก้ ลา่ ว ไว้แลว้ ๒.๕ การบ�ำเพญ็ กุศลสวดพระอภธิ รรมประจำ� คนื การจดั พธิ บี ำ� เพญ็ กศุ ลสวดพระอภธิ รรมประจำ� คนื นน้ั นยิ มเรม่ิ จดั พธิ สี วดพระอภธิ รรมตงั้ แต่ วันตง้ั ศพเป็นต้นไปทุกคืน จนครบสตั ตมวารที่ ๑ คือ ครบ ๗ วัน แต่จะจัดให้มีการสวดพระอภธิ รรม ๓ คืน หรือ ๕ คืน ก็ได้ ตามความสะดวกของผู้เป็นเจ้าภาพ ส�ำหรับข้ันตอนการปฏิบัติในพิธีการ สวดพระอภธิ รรมศพ เมอื่ ถงึ กำ� หนดเวลาตามประเพณนี ยิ มหรอื ตามทว่ี ดั กำ� หนด ศาสนพธิ กี รพงึ ปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ๑) นมิ นตพ์ ระสงฆ์ ๔ รปู ขึน้ นั่งยงั อาสนสงฆ์ ถวายนำ�้ รอ้ น - น�ำ้ เย็น ๒) เชญิ เจา้ ภาพหรอื ประธานหรอื ผแู้ ทนในพธิ สี วดพระอภธิ รรมประจำ� คนื โดยจดุ ธปู เทียนบชู าพระรตั นตรัย จุดธูป เทยี นบูชาพระธรรม และจุดเครอ่ื งทองน้อยหนา้ ศพ ตามลำ� ดับ ๓) ศาสนพธิ กี รอาราธนาศลี ทุกคนรับศลี ๔) พระสงฆ์สวดพระอภิธรรม (ศาสนพิธกี รตอ้ งประสานกับพระสงฆ์ แมใ้ นปัจจุบัน ไมน่ ยิ มอาราธนาธรรม แตย่ งั มบี างทอ้ งถนิ่ เมอ่ื พระสงฆส์ วดพระอภธิ รรม จะตอ้ งมกี ารอาราธนาธรรมดว้ ย) ๕) พระสงฆ์สวดพระอภธิ รรมจบ ครบ ๔ จบ ศาสนพิธกี รนำ� ต้พู ระธรรมและเคร่อื ง สกั การะ ถอยออกมาทางทา้ ยอาสน์สงฆ์ ๖) นำ� เครื่องไทยธรรม เข้าไปตัง้ ณ เบอื้ งหนา้ พระสงฆ์ ๗) เชิญเจา้ ภาพ หรือประธาน หรือผู้แทน ถวายเคร่ืองไทยธรรม 144
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ๘) เม่ือพระสงฆ์รับเครื่องไทยธรรมแล้ว ให้น�ำเคร่ืองไทยธรรมออกมาไว้ด้านท้าย อาสนส์ งฆ์ เพอ่ื จะไดถ้ วายพระสงฆ์ เมอ่ื เสรจ็ พธิ ี ๙) ศาสนพธิ ีกรลาดภูษาโยง (เป็นหน้าที่ของศาสนพธิ ีกร) ๑๐) เชิญผ้าไตร หรือผ้าสบง ให้เจ้าภาพหรือประธานทอดบนภูษาโยง ในลักษณะ ขวางภษู าโยง ๑๑) พระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุล ๑๒) พระสงฆ์อนุโมทนา ๑๓) เจา้ ภาพ หรือประธาน กรวดน�้ำ - รบั พร ๑๔) เสรจ็ พธิ ีบำ� เพญ็ กุศลสวดพระอภธิ รรมประจำ� คืน พระสงฆส์ วดพระอภธิ รรม 145
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย ๒.๖ การบ�ำเพญ็ กศุ ลอทุ ศิ ใหแ้ ก่ผูท้ ่ลี ว่ งลบั ๗ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน พธิ บี ำ� เพญ็ กศุ ลอทุ ศิ ใหแ้ กผ่ ทู้ ล่ี ว่ งลบั กจ็ ดั ตามฐานะของเจา้ ภาพ ซงึ่ เปน็ ไปตามประเพณนี ยิ ม ท่ีกระท�ำเพ่ือเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ หรือผู้มีอุปการคุณตามประเพณีนิยม ส�ำหรับการนับวันเพ่ือการบ�ำเพ็ญกุศลอุทิศเนื่องในวาระ ครบ ๗ วัน ๕๐ วัน หรือ ๑๐๐ วัน นั้น ให้ถือว่า เมื่อตายวันไหน ให้ถือเอาวันนั้นเป็นวันส�ำคัญ คือ เป็นวันอุทิศผล เช่น ตายวันอาทิตย์ ถ้าท�ำงานเป็น ๒ วัน ให้สวดมนต์ในวันเสาร์ เล้ียงพระหรือถวายภัตตาหารในวันอาทิตย์ แล้วจึง อทุ ศิ ผลบญุ ใหแ้ กผ่ ทู้ ี่ล่วงลับ แต่ถา้ เปน็ การทำ� งานวนั เดยี ว ต้องจดั ให้มกี ารสวดมนต์และฉนั ภตั ตาหาร ในวันอาทติ ย์ เนอื่ งจากการอุทิศผลนน้ั นิยมท�ำล่วงไปแล้ว ๗ วันจากวนั ทต่ี าย จงึ ไดถ้ อื เอาวันที่ ๘ เปน็ วนั อุทิศผล การบำ� เพ็ญกุศลอุทิศ ครบ ๗ วัน เรยี กวา่ สัตตมวาร การบำ� เพ็ญกศุ ลอุทิศ ครบ ๕๐ วนั เรยี กวา่ ปญั ญาสมวาร การบำ� เพญ็ กุศลอทุ ศิ ครบ ๑๐๐ วัน เรยี กวา่ สตมวาร พิธีบ�ำเพ็ญกุศลอุทิศนั้น ต้องแล้วแต่ฐานะของเจ้าภาพ จะท�ำมากหรือน้อยก็สุดแต่ก�ำลัง ในทน่ี จ้ี ะกล่าวถงึ ลำ� ดับขนั้ ตอนของงานทท่ี รงพระกรณุ าโปรดเกล้า ฯ บำ� เพญ็ พระราชทานกศุ ล ๗ วัน พระราชทานศพ ซง่ึ อยใู่ นพระบรมราชานเุ คราะห์ เพอื่ เปน็ แนวทางในการจดั พธิ กี ารบำ� เพญ็ กศุ ล ๗ วนั ๕๐ วนั หรือ ๑๐๐ วนั พอสังเขป ดงั นี้ ลำ� ดบั ขนั้ ตอนการบำ� เพญ็ กศุ ลอทุ ศิ ใหแ้ กผ่ ทู้ ล่ี ว่ งลบั ครบ ๗ วนั ๕๐ วนั ๑๐๐ วนั การเตรียมการ ๑) จัดเตรียมสถานที่ (การจดั งานอวมงคล) ๒) การเตรียมโต๊ะหม่บู ูชา พระพุทธรูป และเครือ่ งนมสั การ ๓) ในกรณฌี าปนกจิ ศพแลว้ ใหจ้ ดั เตรยี มโตะ๊ หมบู่ ชู า เพอื่ ประดษิ ฐานอฐั พิ รอ้ มเครอ่ื งบชู า และเครอื่ งทองนอ้ ย จำ� นวน ๑ ชุด ถา้ หากยังไม่ไดท้ �ำการฌาปนกิจศพก็ไม่ต้องจัดเตรยี ม ให้จดั เคร่อื ง บูชาท่หี น้าหบี หรอื โกศศพ แลว้ แตก่ รณี ๔) ธรรมาสน์เทศน์ ในกรณีที่มีการแสดงพระธรรมเทศนา (ถ้ามเี ทศน์) ๕) เครอ่ื งกณั ฑเ์ ทศน์ส�ำหรบั ถวายพระสงฆแ์ สดงพระธรรมเทศนา (ถา้ มีเทศน์) ๖) เทยี นสอ่ งธรรม และเครอ่ื งทองนอ้ ย ๒ ชุด ส�ำหรับเจ้าภาพจดุ บูชาธรรม ๑ ที่ และ ส�ำหรับผวู้ ายชนม์บชู าธรรม ๑ ท่ี (ถ้ามีเทศน์) 146
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ๗) เตรียมนมิ นต์พระสงฆ์ จ�ำนวนพระสงฆ์แลว้ แตค่ วามเหมาะสม ๘) เครอ่ื งรับรองพระสงฆ์ ชุดนำ้� รอ้ น - น�ำ้ เย็น ถวายพระสงฆ์ ๙) อุปกรณเ์ ครอ่ื งใชพ้ ิธีสงฆใ์ นงานอวมงคล (ตามที่กล่าวไว้ในบทที่ ๒) ๑๐) เครื่องจตุปัจจยั ไทยธรรมส�ำหรบั ถวายพระสงฆ์ ๑๑) ผ้าไตร หรสื บง ส�ำหรบั ทอดถวายพระสงฆ์พจิ ารณาผา้ บงั สุกลุ ๑๒) ภูษาโยง ๑๓) ภตั ตาหาร (ในกรณีมกี ารเล้ยี งภัตตาหารแดพ่ ระสงฆ)์ ๑๔) ภาชนะทกี่ รวดน�้ำ การปฏิบตั งิ านพธิ ี ๑) เมอื่ ถงึ เวลาเจ้าภาพและผู้รว่ มงานพร้อมแล้ว นมิ นต์พระสงฆ์ขึน้ นัง่ อาสนส์ งฆ์ ๒) เจ้าภาพหรอื ประธานพธิ ีจุดธูป เทียน บชู าพระรัตนตรัย กราบ ๓ คร้ัง ๓) เจา้ ภาพหรอื ประธานพธิ ีจดุ เครอื่ งทองนอ้ ยสกั การะศพ (ถา้ มี) ๔) เจา้ หนา้ ทอ่ี าราธนาพระปรติ ร (ในกรณมี เี ทศน์ ถา้ ไมม่ เี ทศนเ์ จา้ หนา้ ทอี่ าราธนาศลี กอ่ น แล้วจงึ อาราธนาพระปริตร) ๕) พระสงฆ์สวดพระพทุ ธมนต์ จบบท ภทฺเทกรตตฺ คาถา (อตตี ํ นานฺวาคเมยยฺ ................ สนฺโตอาจิกฺขเต มุนีติ.) ให้พักไว้ก่อน ในกรณีมีเทศน์ ถ้าไม่มีเทศน์พระสงฆ์จะสวดบทถวายพรพระ ต่อไปจนจบบท ภวตุ สพฺพมงคฺ ลํ...) ๖) เจ้าหนา้ ที่นิมนตพ์ ระสงฆ์ขึน้ สู่ ธรรมาสน์เทศน์ (กรณมี ีเทศน)์ ๗) ประธานจุดเทยี นส่องธรรม จุดเครอื่ งทองน้อยบูชาธรรม (สำ� หรับประธาน) ๘) ประธานหรอื มอบทายาทผวู้ ายชนม์จดุ เคร่ืองทองน้อยบชู าธรรม (แทนผู้วายชนม์) ๙) เจ้าหนา้ ท่อี าราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีลจบ ๑๐) เจ้าหน้าทอ่ี าราธนาธรรม ๑๑) พระสงฆแ์ สดงพระธรรมเทศนา จบ ลงมาน่ังยังอาสนส์ งฆ์ ณ ทเี่ ดิม ๑๒) พระสงฆ์สวดถวายพรพระ จนจบบท ภวตุ สพพฺ มงคฺ ล.ํ .. ๑๓) เจ้าหน้าที่จัดเตรียมภัตตาหาร เม่ือพระสงฆ์สวดถวายพรพระถึงบท “พาหุ...” หรือ บท “มหาการุณิโก นาโถ...” เพ่อื เตรยี มให้เจา้ ภาพประเคนพระสงฆ์ ๑๔) เมื่อพระสงฆส์ วดถวายพรพระ จบ เชญิ ประธานหรอื เจ้าภาพประเคนภัตตาหาร ๑๕) พระสงฆ์ฉนั ภตั ตาหารเรียบร้อยแล้ว 147
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย ๑๖) เจา้ หน้าทจ่ี ดั เตรียมเคร่อื งไทยธรรมวางไวเ้ บ้ืองหน้าพระสงฆ์ ๑๗) เจ้าหน้าท่ีเชิญเคร่ืองกัณฑ์เทศน์เข้าไปเชิญเจ้าภาพประธานถวายพระสงฆ์ท่ีแสดง พระธรรมเทศนา ๑๘) จากน้นั เชิญเจา้ ภาพ หรอื ประธานและผรู้ ่วมงานถวายจตุปจั จัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ ๑๙) เจา้ หนา้ ที่ลาดภษู าโยง ๒๐) ประธานหรือเจ้าภาพทอดผ้าไตร เพ่ือพระสงฆพ์ ิจารณาผา้ บังสุกุล ๒๑) พระสงฆพ์ ิจารณาผ้าบังสกุ ุล แลว้ ๒๒) พระสงฆ์อนโุ มทนา (ขณะพระสงฆอ์ นุโมทนาเจ้าหนา้ ทเี่ กบ็ ภษู าโยง) ๒๓) ประธานกรวดนำ�้ - รบั พร ๒๔) เสร็จพิธบี �ำเพญ็ กุศล ภาคกลางวัน อน่งึ การบำ� เพ็ญกุศลอทุ ิศให้ศพ ในวาระครบ ๗ วัน ๕๐ วนั หรอื ๑๐๐วนั กลางคืนนยิ ม มีพระสงฆส์ วดพระอภิธรรม อีก ๔ จบ ส�ำหรับการเตรยี มการและการปฏบิ ัตงิ านพิธีก็มลี กั ษณะเชน่ เดยี วกบั การสวดพระอภิธรรมประจำ� คนื ๒.๗ การบรรจุศพ ๑) การบรรจุศพ ณ ศาลาท่ีตั้งบ�ำเพ็ญกุศลศพสวดพระอภิธรรมวัดน้ัน นิยมเริ่ม ประกอบพธิ ีบรรจศุ พตอ่ จากทไ่ี ดบ้ ำ� เพ็ญกศุ ลสวดพระอภธิ รรมคืนสุดทา้ ย หรอื เริ่มประกอบพธิ บี รรจุ ศพตอ่ จากทีไ่ ดบ้ �ำเพ็ญกศุ ลอุทิศ ท�ำบุญครบ ๗ วัน เมอื่ ประกอบพิธีบำ� เพ็ญกศุ ลเสร็จแล้ว ๒) การบรรจุศพ ณ สุสานของวัดที่ต้ังศพบ�ำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม นิยมเร่ิม ประกอบพิธีบรรจุศพต่อจากได้บ�ำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมคืนสุดท้าย หรือนิยมเริ่มประกอบพิธี บรรจศุ พตอ่ จากไดบ้ �ำเพญ็ กศุ ลอทุ ศิ ศพ ครบ ๗ วนั เมอื่ ประกอบพิธีบ�ำเพญ็ กศุ ลเสรจ็ แลว้ ใหท้ ำ� พิธี บรรจุตอ่ ไปทนั ที โดยนมิ นตพ์ ระสงฆ์น�ำศพไปยงั สุสานบรรจุศพ ๑ รูป การเตรยี มการ อุปกรณเ์ ครือ่ งใช้ในพิธีบรรจศุ พ ๑) ผ้าไตร หรอื ผา้ สบง อยา่ งนอ้ ย ๑ ผนื ๒) ก้อนดินเล็ก ๆ ห่อด้วยผ้าสีด�ำ หรือห่อด้วยกระดาษสีด�ำ มีจ�ำนวนมากเพียงพอกับ ผู้รว่ มพธิ ี (คนละ ๑ กอ้ น) ๓) ดอกไมส้ ด สว่ นมากนิยมดอกกหุ ลาบ จำ� นวนเพยี งพอกับผรู้ ว่ มพธิ ี (คนละ ๑ ดอก) ๔) ธปู นยิ มใชธ้ ปู หอม มีจ�ำนวนมากเพยี งพอกับผู้รว่ มพิธี (คนละ ๑ ดอก) ๕) กระถางธปู ขนาดใหญ่ จ�ำนวน ๑ ใบ 148
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม แนวทางการปฏบิ ัติพธิ บี รรจุศพ ๑) อญั เชญิ ศพเขา้ สทู่ บ่ี รรจศุ พ (บางสถานทนี่ ยิ มตงั้ ศพบำ� เพญ็ กศุ ลกอ่ นแลว้ จงึ อญั เชญิ ศพ เขา้ ส่ทู บี่ รรจศุ พ) ๒) เจ้าภาพมอบก้อนดิน ๑ ก้อน ดอกไม้สด ๑ ดอก และธูปที่จุดแล้ว ๑ ดอก ให้แก่ ผรู้ ว่ มพิธบี รรจศุ พจนครบทุกคน ๓) เจ้าภาพเชญิ ผ้มู ีเกียรตทิ ่ีมารว่ มพธิ แี ละเปน็ ผู้ทเ่ี คารพนบั ถือเป็นประธานบรรจุศพ ๔) ประธานพธิ หี รือเจา้ ภาพทอดผ้าบังสุกลุ ไว้บนหลงั หีบศพ ๕) พระสงฆพ์ จิ ารณาผา้ บงั สุกลุ ๖) ประธานเริ่มพิธีบรรจุศพด้วยการวางก้อนดิน และดอกไม้สด ณ สถานที่บรรจุศพน้ัน แล้วถือธูปประนมมือยกขึ้นไหว้ตามฐานะของผตู้ าย ถา้ ผู้ตายอายุมากกวา่ ให้หัวแมม่ ือจรดปลายจมูก แต่ถ้าผู้ตายอายุน้อยกว่าให้หัวแม่มือจรดปลายคาง อธิษฐานในใจว่า “ขอจงอยู่ เป็นสุข ๆ เถิด” แลว้ ปักธูปไว้ ณ กระถางธปู ท่ีจัดเตรียมไว้ ๗) เจ้าภาพนิยมน�ำเงินเหรียญ ๑ บาท หรือเหรียญ ๕ บาท จ�ำนวน ๑ เหรียญ เปน็ อยา่ งน้อย วางลง ณ สถานท่บี รรจศุ พน้ันพร้อมนึกในใจว่า “ขา้ แต่ท่านผเู้ ปน็ เจา้ ของที่ ข้าพเจา้ ขอมอบเงนิ นเ้ี ป็นค่าท่ีอยใู่ ห้แกศ่ พน”ี้ เปน็ เสรจ็ พิธีบรรจุศพ ๘) ในการประกอบพธิ บี รรจศุ พนี้ บางทอ้ งถน่ิ นยิ มมกี ารโปรยทานดว้ ย เพอ่ื เปน็ การบำ� เพญ็ ทาน ซึ่งถือเปน็ การกุศลอกี สว่ นหนึ่ง อันเป็นการส่งเสริมเพ่ิมเติมบุญบารมขี องผทู้ ี่ลว่ งลบั ไปแล้ว ให้มี มากย่งิ ขึ้นในคตวิ สิ ัยสมั ปรายภพนน้ั ๒.๘ การจัดพธิ ฌี าปนกิจศพ การจดั งานฌาปนกจิ มกี ารจดั เป็น ๒ กรณี คอื ๑) การจัดพิธีฌาปนกิจศพหลังจากมีการสวดพระอภิธรรมครบวันตามที่เจ้าภาพ กำ� หนดแลว้ ๒) การจดั พิธีฌาปนกจิ ศพ โดยการนำ� ศพที่บรรจไุ ว้และรอโอกาสท่จี ะฌาปนกิจ เมื่อมีความพร้อมหรือได้มีการปรึกษาหารือกันระหว่างญาติเพ่ือจะท�ำพิธีฌาปนกิจ เม่อื ถึงวนั ทก่ี ำ� หนดจะทำ� พธิ ีฌาปนกิจ ใหเ้ จ้าภาพจัดเตรยี มเครอื่ งใช้ตา่ ง ๆ ตามทกี่ ล่าวไว้ในเร่อื งการ เตรยี มการในพธิ ีงานอวมงคล และด�ำเนินการ ดงั นี้ 149
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย การเตรียมการ (จดั พธิ ีฌาปนกจิ ศพหลงั จากมีการสวดพระอภิธรรมครบวนั ) ๑) จัดเตรียมนมิ นต์พระสงฆ์ ๑๐ รูป หรืออย่างน้อยไม่ต่ำ� กว่า ๕ รูป สวดพระพทุ ธมนต์ แสดงพระธรรมเทศนา (พระสวดรับเทศน์ จะมีหรือไม่มีก็ได้) มีการสดับปกรณ์หรือบังสุกุลและ ก่อนที่จะเคล่ือนศพจากศาลาหรือสถานที่ตั้งศพไปยังฌาปนสถานหรือเมรุ มักนิยมนิมนต์พระสงฆ์ จำ� นวน ๑๐ รปู สวดมาตกิ า - บงั สกุ ลุ อกี ครง้ั หนง่ึ (แตใ่ นปจั จบุ นั มกั นยิ มนมิ นตพ์ ระสงฆม์ าตกิ า - บงั สกุ ลุ หลังจากบ�ำเพ็ญกุศลสวดพระพุทธมนต์ และพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลเสร็จเรียบร้อยแล้ว และ น�ำศพข้ึนตั้งบนเมรุทันที เพื่อความสะดวกในการที่เจ้าภาพจะได้กลับไปเตรียมตัว และคอยต้อนรับ ผู้มเี กียรตทิ ี่มาร่วมงานในพธิ ีฌาปนกจิ ศพ) ๒) จตปุ จั จยั ไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ๓) ผา้ ไตรหรอื ผา้ สบงทอดถวายพระสงฆ์ ๔) เครือ่ งกณั ฑเ์ ทศนถ์ วายพระสงฆท์ ่แี สดงพระธรรมเทศนา ๕) ผ้าไตรที่จะใช้บนเมรกุ อ่ นทป่ี ระธานพธิ จี ะจุดไฟฌาปนกิจศพ ๖) รายช่อื ผ้ทู ่ีจะทอดผ้าบงั สุกุลบนเมรุ และผทู้ จ่ี ะเป็นประธานในพธิ ี การเตรยี มการ (จดั พธิ ีฌาปนกจิ โดยน�ำศพทบ่ี รรจุไว้ท�ำการฌาปนกจิ ) ๑) จดั เตรยี มเร่อื งสถานทหี่ รือศาลาตง้ั ศพเพอ่ื บำ� เพ็ญกุศลกบั ทางวัด ๒) นมิ นต์พระสงฆ์ ๓) พมิ พบ์ ัตรเชญิ ผู้ทีเ่ คารพนบั ถอื มารว่ มงานพิธี ๔) อญั เชิญศพจากสสุ านมาต้งั ยังพธิ ีบ�ำเพญ็ กศุ ลฌาปนกิจ ๑ คืน ๕) จตุปจั จัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ๖) ผ้าไตรบังสุกุลทจี่ ะถวายพระสงฆ์ ๗) เครือ่ งกัณฑ์เทศนเ์ พ่ือถวายพระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา ๘) ผ้าไตรท่จี ะใชบ้ นเมรุกอ่ นทปี่ ระธานพิธีจะจดุ ไฟฌาปนกิจศพ ๙) รายชื่อผูท้ ีจ่ ะทอดผ้าบังสกุ ลุ บนเมรุ และผู้ท่ีจะเป็นประธานในพธิ ี แนวทางการปฏบิ ตั งิ าน ๑) เจา้ หนา้ ท่ีนมิ นต์พระสงฆ์ขึ้นนัง่ ยังอาสนส์ งฆ์ ๒) ประธานพธิ หี รือเจา้ ภาพจดุ ธูป เทียน บูชาพระพทุ ธรูป ณ โตะ๊ หมู่บชู า (กราบ ๓ ครั้ง) ๓) ประธานพิธีจุดธูปเทียนท่ีเครื่องทองน้อยหน้าหีบศพ (กรณีไม่มีการเทศน์) เจ้าหน้าที่ อาราธนาศลี 150
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ๔) ประธานสงฆ์ใหศ้ ีล ทุกคนรบั ศลี ๕) เจา้ หน้าท่ีอาราธนาพระปริตร ๖) พระสงฆส์ วดพระพทุ ธมนต์ จบ ๗) ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ (ก�ำหนดการเพิม่ เตมิ ในกรณที มี่ กี ารแสดงพระธรรมเทศนา) ๑) กรณีมีเทศน์ เจ้าหน้าท่ีอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์จบ ปฏิบัติ เช่นเดยี วกับการสวดพระพทุ ธมนต์บ�ำเพญ็ กุศลศพ ครบ ๗ วัน ๒) นมิ นตพ์ ระสงฆ์รูปที่แสดงพระธรรมเทศนาขนึ้ ธรรมาสน์เทศน์ ๓) ประธานหรอื เจา้ ภาพจดุ เทยี นสอ่ งธรรมเจา้ หนา้ ทเ่ี ชญิ เทยี นสอ่ งธรรมไปตง้ั ทธี่ รรมาสนเ์ ทศน์ ๔) ประธานหรือเจ้าภาพ จุดธปู เทยี นทีเ่ ครอื่ งทองนอ้ ยบชู าธรรม ๕) ประธานหรอื เจา้ ภาพ ไปจดุ เครอื่ งบชู าธรรมแทนผวู้ ายชนมท์ หี่ นา้ หบี ศพ (กรณมี ี ๒ ชดุ คือ ชุดนอกสำ� หรับทายาทจุดเพอื่ เคารพศพ และชุดในส�ำหรบั ศพบูชาธรรม) ๖) เจ้าหน้าทอี่ าราธนาศลี พระสงฆ์ใหศ้ ลี ๗) เจ้าหนา้ ที่อาราธนาธรรม พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา ๘) เม่ือพระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา จบ ๙) พระสงฆล์ งจากธรรมาสน์ ข้นึ นั่งยังอาสนส์ งฆ์แล้ว สวดพระพุทธมนตถ์ วายพรพระ ๑๐) ถวายภัตตาหารเพล เม่ือพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเสร็จเรยี บร้อยแล้ว ๑๑) จดั เตรยี มตัง้ เครอ่ื งไทยธรรม ณ เบื้องหนา้ พระสงฆ์ ๑๒) ประธานหรอื เจา้ ภาพประเคนเครอ่ื งไทยธรรมแดพ่ ระสงฆ์ เสรจ็ แลว้ เกบ็ เครอื่ งไทยธรรม ไว้ท้ายอาสนส์ งฆ์ ๑๓) เจ้าหน้าท่ลี าดภษู าโยง ๑๔) ประธานหรือเจ้าภาพทอดผา้ บังสุกลุ ๑๕) พระสงฆ์พิจารณาผ้าบงั สกุ ลุ ๑๖) พระสงฆอ์ นุโมทนา ๑๗) ประธานหรือเจา้ ภาพ กรวดน้�ำ - รบั พร สำ� หรบั การฌาปนกจิ ศพทว่ั ไป บางทอ้ งถนิ่ นยิ มมกี ารแสดงพระธรรมเทศนา และสวดมาตกิ า บังสุกุลในภาคบ่าย ก่อนท่ีจะเคลื่อนศพไปตั้งท่ีฌาปนกิจหรือเมรุ เมื่อเสร็จพิธีสวดมาติกา บังสุกุล จะมกี ารน�ำศพเวียนเมรุ และขน้ึ ต้งั บนจิตกาธาน 151
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย การจดั ขบวนในการเวยี นเมรุ ๑) พระน�ำศพ ๑ รปู ๒) หีบศพ ๓) เคร่ืองทองนอ้ ย ๔) เคร่อื งราชอิสริยาภรณ์ ๕) ญาตมิ ติ รผู้รว่ มขบวน ส�ำหรับการปฏิบัติในพิธีประชุมเพลิงศพน้ัน เพ่ือให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนที่ ประธานจะมาถงึ ในพธิ ี เจา้ หนา้ ทพี่ ธิ พี งึ ประสานกบั เจา้ ภาพเรยี นเชญิ ผทู้ ม่ี าเปน็ เกยี รติ ทเ่ี คารพนบั ถอื ข้ึนทอดผ้าบงั สุกลุ ใหแ้ ล้วเสร็จเสยี ก่อน เมื่อประธานมาถงึ เรยี นเชญิ ไปนัง่ ยงั ทจ่ี ัดเตรียมไว้ใหป้ ระธาน จากนั้น เจ้าหน้าท่ีพิธีพึงอ่านประวัติของผู้วายชนม์ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณความดี จบแล้ว เชิญผู้ร่วมพิธีฌาปนกิจศพยืนไว้อาลัยให้แก่ผู้วายชนม์ เป็นเวลาประมาณ ๑ นาที หลังจากน้ัน เจ้าหน้าทพ่ี ิธพี งึ ปฏิบัติ ดงั น้ี ๑) เรียนเชิญประธานขึน้ ทอดผ้าบังสกุ ุลทห่ี บี ศพ ๒) นมิ นตพ์ ระสงฆ์ขนึ้ พจิ ารณาผา้ บงั สกุ ุล ๓) ประธานจดุ ไฟ เพ่อื ประชุมเพลิงศพ ในการประชมุ เพลงิ ควรนมิ นตพ์ ระสงฆส์ วดพระอภธิ รรม จำ� นวน ๔ รปู เรยี กวา่ สวดหนา้ ไฟ ๒.๙ การเก็บอฐั ิ ในพิธีการเก็บอัฐินิยมท�ำตอนเช้าของวันรุ่งข้ึน จากวันฌาปนกิจศพเรียบร้อยแล้ว สิ่งท่ีจะ ตอ้ งเตรยี มในพธิ เี ก็บอัฐิ การเตรยี มการ ๑) โกศสำ� หรบั ใสอ่ ฐั ิ ๒) ลุ้ง ส�ำหรับใส่อฐั ิ หรอื อังคารท่เี หลือ เพอื่ น�ำไปลอยอังคาร ๓) ผา้ ขาว ควรจดั เตรียมไว้ ๒ ผืน สำ� หรับห่อลุ้งทใี่ ส่องั คาร ๔) ผา้ ไตร หรือผ้าสบง สำ� หรับทอดบังสุกุลก่อนเก็บอัฐิ ๕) อาหารคาว - หวาน นยิ มจดั ๓ ชุด ทเี่ รยี ก พิธสี ามหาบ เพื่อถวายพระสงฆ์ท่ีพจิ ารณา ผ้าบังสกุ ุล ๖) นมิ นต์พระสงฆ์ จ�ำนวน ๓ รูป 152
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม ๗) เครื่องทองน้อย ส�ำหรับเชิญเจ้าภาพจุดสักการบูชาอัฐิก่อนเก็บอัฐิใส่โกศ และน�ำอัฐิ ไปยงั สถานที่ถวายภัตตาหาร จำ� นวน ๓ รูป ๘) ดอกไม้ (นิยมใชก้ ลบี ดอกกุหลาบ) สำ� หรบั โปรยเพือ่ เป็นการสกั การะอฐั ิ ๙) น�้ำอบ นำ้� หอม เพอ่ื พรมอัฐิ ๑๐) เหรียญบาท เพ่ือโปรยทาน ซึง่ ถือเปน็ การบริจาคทานแทนผู้วายชนม์ นอกจากนี้ เจา้ หน้าที่พธิ ีพึงจัดเตรยี มสถานที่ เพ่ือเชญิ อฐั ไิ ปต้ังและเรยี นเชิญเจ้าภาพถวาย ภัตตาหาร ๓ หาบแด่พระสงฆ์ หลังจากนนั้ พระสงฆ์อนุโมทนา เจ้าภาพกรวดน�้ำ - รบั พร เปน็ เสร็จพิธี การแปรอฐั ิ ถวายภัตตาหารสามหาบ 153
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย แนวทางการปฏิบัตงิ าน ๑) ก่อนถึงก�ำหนดเวลาพิธีเก็บอัฐิ (นิยมจัดพิธีช่วงเช้า) เจ้าหน้าท่ีฌาปนสถานจะท�ำพิธี แปรธาตุ คอื การนำ� อัฐิของผูว้ ายชนม์ออกมาจากเตาเผาแล้ว จดั เป็นโครงร่างของคน โดยหันศรี ษะ ไปทางทิศตะวนั ตก ๒) ก่อนท�ำพิธีนิยมใหเ้ จา้ ภาพจุดเครอื่ งทองน้อย เพื่อสกั การะอฐั ิของผูว้ ายชนม์ ๓) เจา้ หนา้ ทพี่ ธิ นี ำ� ผา้ ขาวคลุมอัฐิไว้ ๔) เชิญเจ้าภาพทอดผ้าบงั สกุ ุล ครง้ั ละ ๑ ไตร และนิมนตพ์ ระสงฆข์ ึ้นพจิ ารณาผา้ บงั สกุ ุล ครั้งละ ๑ รูป จบครบ ๓ รูป ๕) พระสงฆพ์ ิจารณาผ้าบังสุกุลแลว้ ลงไปน่ังยังอาสน์สงฆ์ทเ่ี จา้ หนา้ ทพ่ี ธิ ีได้จดั เตรียมไว้ ๖) เมื่อพระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุลแล้ว เจ้าหน้าท่ีพิธีเชิญเจ้าภาพพรมน้�ำอบ และโปรย ดอกไม้ที่อัฐแิ ละอังคาร ๗) เชญิ เจา้ ภาพเกบ็ อฐั ใิ สโ่ กศตามทพ่ี อแกค่ วามตอ้ งการ โดยเลอื กจากสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย ดงั นี้ กระดกู กะโหลกศรี ษะ ๑ ชนิ้ กระดกู ซโ่ี ครงหนา้ อก ๑ ชน้ิ กระดกู แขนทง้ั สองขา้ ง ๆ ละ ๑ ชน้ิ และกระดูกขาท้งั สองขา้ ง ๆ ละ ๑ ชิ้น ๘) อัฐิท่ีเหลือรวมทั้งอังคาร (ข้ีเถ้า) รวมเก็บห่อผ้าขาวใส่ลุ้ง หีบ หรือกล่อง แล้วน�ำ ห่อผ้าขาวใหเ้ รียบรอ้ ย ๙) จากน้ันให้ญาติผู้วายชนม์ เชิญเครื่องทองน้อย ๑ คน เชิญอัฐิ ๑ คน เชิญลุ้งหรือ กล่ององั คาร ลงไปพกั ยังศาลาบ�ำเพญ็ กุศลพธิ เี ก็บอัฐิทีจ่ ัดเตรียมไว้ ๑๐) เชิญอัฐิไปประดิษฐานที่โต๊ะหมู่ตัวสูง และเครื่องทองน้อยประดิษฐานบนโต๊ะหมู่ ตัวทต่ี ้ังอย่ทู ห่ี น้าอัฐทิ ไี่ ด้จัดเตรยี มไว้ ๑๑) เชญิ เจา้ ภาพถวายภตั ตาหารสามหาบแดพ่ ระสงฆ์ (เปน็ ชดุ สำ� รบั คาว - หวาน หรอื ปน่ิ โต ใสภ่ ตั ตาหารคาว - หวาน จำ� นวน ๓ ชุด) 154
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม ๒.๑๐ การจดั พิธบี ำ� เพญ็ กุศลเนือ่ งในโอกาสครบรอบวันตายของผ้วู ายชนม์ ในปัจจุบันมีการบ�ำเพ็ญกุศลซึ่งปรารภถึงวันครบรอบวันตายของบรรพบุรุษที่ได้วายชนม์ ไปแล้ว มาเป็นที่ต้ังแห่งการบ�ำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ท่ีวายชนม์ อันเป็นแสดงออกถึงความ กตัญญูกตเวทีที่ผู้ปรารภเหตุแห่งการบ�ำเพ็ญกุศลที่มีต่อบรรพการีชนท้ังหลาย งานนี้จัดเป็น งานอวมงคล เชน่ เดียวกับการบำ� เพญ็ ศพ ๗ วัน ๕๐ วัน หรอื ๑๐๐ วัน ในสว่ นพิธีสงฆ์ก็มกี ารบำ� เพญ็ กศุ ลเชน่ เดียวกบั งานอวมงคลดงั กลา่ วแล้ว เช่น นิมนต์พระสงฆส์ วดพระพุทธมนต์ และจะมีการแสดง พระธรรมเทศนา อนั เปน็ การเทศนาเพอื่ ปรารภคณุ ปู การของผวู้ ายชนมท์ ม่ี ตี อ่ บคุ คลหรอื ประเทศชาติ แล้วแต่กรณีดว้ ยกไ็ ด้ การเตรยี มการ ๑) จดั เตรียมอุปกรณเ์ ครื่องใช้ในงานมงคล ๒) โต๊ะหมู่บูชา พระพทุ ธรปู พร้อมเครือ่ งนมัสการ จ�ำนวน ๑ ชดุ ๓) โต๊ะหมู่บูชา ส�ำหรับประดิษฐานอัฐิ หรือสิ่งอันเป็นเคร่ืองหมายแทนผู้วายชนม์ พร้อมเคร่ืองบูชา และเครื่องทองน้อย จ�ำนวน ๑ ชุด ๔) เคร่ืองรับรองพระสงฆ์ ตามจำ� นวนพระสงฆ์ท่ไี ดน้ ิมนต์ ๕) นมิ นตพ์ ระสงฆเ์ พ่ือเจริญพระพุทธมนต์ ๖) จตปุ จั จยั ไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ๗) ไตรจวี รส�ำหรบั ถวายพระสงฆแ์ สดงพระธรรมเทศนาและเจริญพระพุทธมนต์ ๘) ภูษาโยง (กรณีผู้วายชนม์เป็นช้ันหม่อมเจ้าข้ึนไป จะต้องมีผ้ารองโยง ซ่ึงเป็นผ้าขาว รองภูษาโยงดว้ ย) ๙) ธรรมาสน์เทศน์ เทียนส่องธรรม เคร่ืองทองนอ้ ยอกี จำ� นวน ๒ ชุด (กรณีทม่ี กี ารแสดง พระธรรมเทศนา) ๑๐) ภตั ตาหารสำ� หรบั ถวายพระสงฆ์ 155
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย แนวทางการปฏิบัตงิ าน ๑) เม่อื ประธานพธิ หี รอื เจ้าภาพ และผู้รว่ มพธิ พี ร้อมกัน ณ สถานท่ีประกอบพธิ ี ๒) ประธานหรือเจา้ ภาพ จุดธูปเทยี นบูชาพระรัตนตรยั (กราบ ๓ ครัง้ ) ๓) ประธานหรือเจ้าภาพ จุดเครื่องทองน้อย (กรณีเป็นอัฐิของพระสงฆ์ กราบ ๓ คร้ัง เปน็ อฐั ิของฆราวาส กราบ ๑ ครัง้ ไม่แบมือ) ๔) ถวายพัดรองหรือตาลปัตรทร่ี ะลกึ ๕) เจ้าหน้าท่ีอาราธนาศีล (กรณีมีการแสดงพระธรรมเทศนาให้อาราธนาศีลเม่ือ พระสงฆ์จะแสดงพระธรรมเทศนา และไม่ว่ากำ� หนดการจะใหม้ ีการแสดงพระธรรมเทศนาก่อน หรือ หลงั เจรญิ พระพทุ ธมนต์ กใ็ หม้ กี ารอาราธนาศลี ไวใ้ นชว่ งแสดงพระธรรมเทศนา เมอื่ รบั ศลี แลว้ เจา้ หนา้ ที่ จงึ จะอาราธนาธรรม) ๖) เจา้ หน้าที่อาราธนาพระปรติ ร ๗) พระสงฆ์เจรญิ พระพุทธมนต์ ๘) ประธานหรอื เจ้าภาพถวายภตั ตาหารแด่พระสงฆ์ เมอื่ พระสงฆฉ์ นั ภตั ตาหารแลว้ ๙) เจา้ หน้าทนี่ ำ� เครือ่ งไทยธรรมตัง้ ไว้ ณ เบ้ืองหนา้ พระสงฆท์ กุ รปู ๑๐) เจา้ หนา้ ท่ลี าดภูษาโยง ๑๑) ประธานหรอื เจ้าภาพทอดผ้าไตรบงั สกุ ุล ๑๒) พระสงฆ์พิจารณาผา้ บังสุกลุ ๑๓) พระสงฆอ์ นโุ มทนา ๑๔) ประธานหรือเจา้ ภาพกรวดน�้ำ – รบั พร ๑๕) เสร็จพธิ ี 156
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม การจัดโตะ๊ หมู่ การประดบั เคร่อื งเกยี รติยศ พระสงฆ์ใหศ้ ลี พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆส์ วดพระพทุ ธมนต ์ ถวายภตั ตาหารเพล ประธานทอดผา้ บังสกุ ลุ ประธานกรวดนำ�้ - รับพร 157
คนเราเมอ่ื ตายแลว้ บาทเดียวก็เอาติดตวั ไปไมไ่ ด้ คนฉลาดเปลย่ี นทรพั ยน์ ั้นให้เป็นบุญเป็นกุศล ยอ่ มน�ำติดตัวไปในภพหนา้ ชาติหนา้ ได้ หลวงพ่อเงิน พทุ ธโชติ
บทที่ ๖ การจัดทานพธิ ี การถวายทาน เป็นการท�ำบุญหรือท�ำความดีประการหน่ึง ตามหลักการท�ำบุญของ พระพุทธศาสนา ๓ ประการ คือ ทานมัย บุญส�ำเร็จด้วยการให้ทาน ศีลมัย บุญส�ำเร็จด้วยการ รกั ษาศลี ภาวนามัย บุญส�ำเรจ็ ด้วยการเจรญิ ภาวนา การถวายทาน มี ๒ ประเภท คอื การใหห้ รอื การถวายเครอ่ื งอปุ โภคบรโิ ภคใหแ้ กบ่ คุ คลใด บุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง เรียกว่า ปาฏิบุคลิกทาน ประการหน่ึง และการให้หรือการถวาย โดยใหห้ รอื ถวาย โดยผใู้ หห้ รอื ผถู้ วาย มคี วามตง้ั ใจถวายหรอื ใหเ้ ปน็ สาธารณะโดยไมเ่ หน็ แกผ่ ใู้ ดผหู้ นง่ึ ไมว่ า่ ผรู้ บั จะเปน็ พระภกิ ษหุ รอื สามเณร เปน็ พระสงฆเ์ ถระ หรอื อนั ดบั หรอื แลว้ แตส่ งฆจ์ ะใหผ้ ใู้ ดผหู้ นงึ่ ซึง่ เปน็ การถวายอทุ ศิ ใหแ้ ก่พระสงฆจ์ รงิ ๆ เรยี กวา่ สังฆทาน อกี ประการหนึ่ง หลักการเก่ยี วกบั การถวายทานแด่พระสงฆ์ ๑) หลักส�ำคญั ของการถวายทานแดพ่ ระภิกษสุ ามเณร ตอ้ งตง้ั ใจถวายจริง ๆ ๒) จัดเตรียมทานวัตถุที่จะถวายให้เสร็จเรียบร้อย ตามศรัทธาและทันถวาย ถ้าเป็น ภตั ตาหาร จวี ร และคิลานเภสัช ซงึ่ เป็นวัตถยุ กประเคนได้ ต้องประเคน เวน้ แตถ่ ้าไมอ่ ยใู่ นกาลทจี่ ะ ประเคน ก็เพยี งแต่น�ำไปตงั้ ไว้ ณ เบื้องหนา้ พระสงฆ์ ดงั นั้น ถา้ เปน็ การถวายทานท่ถี กู ต้อง ต้องจัด ถวายทานให้ถกู ต้องตามกาลนั้น ๆ แตถ่ ้าเป็นเคร่ืองเสนาสนะ หรือเคร่ืองเสาสนะ ซงึ่ เป็นสิง่ กอ่ สร้าง กบั ที่และเป็นของใหญ่ใชต้ ดิ ท่ี ก็ตอ้ งเตรยี มการตามท่สี มควรและถูกต้องตามประเพณีปฏบิ ัติ ๓) แจ้งความประสงค์ที่จะถวายทานให้พระภิกษุสงฆ์ทราบ และนัดหมายวัน เวลา และสถานท่ี พรอ้ มท้ังแจ้งความประสงค์ในการทจ่ี ะนิมนตพ์ ระสงฆร์ ับการถวายทานจ�ำนวนเท่าใด ๔) ถ้ามคี วามประสงค์จะถวายทานรว่ มกบั พธิ ีการอ่นื ๆ ก็ตอ้ งเป็นเรอ่ื งของงานพธิ แี ตล่ ะ อย่างไป เมอื่ ถึงเวลาจะถวายทานกด็ �ำเนนิ การในส่วนของพธิ ถี วายทาน ๕) สงิ่ ทสี่ มควรถวายเปน็ ทานตามพระวินัย ๕.๑ เครือ่ งนุ่งห่ม ได้แก่ ไตรจีวร สบง องั สะ หรอื ผา้ เชด็ ตวั ๕.๒ บิณฑบาต ได้แก่ ภัตตาหาร น�ำ้ ดืม่ น�้ำปานะ ๕.๓ เสนาสนะ ได้แก่ กุฏิ ศาลาบ�ำเพ็ญกศุ ล ๕.๔ คลิ านเภสัช หรอื ยารกั ษาโรค 159
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย ๖) สงิ่ ของทคี่ วรถวายเปน็ ทานตามทีป่ รากฏในพระสตู ร ๖.๑ อันนงั ให้อาหาร ๖.๒ ปานงั ให้น�้ำรอ้ น - น้ำ� เยน็ น�้ำอฏั ฐบาน ๖.๓ วัตถงั ให้ผา้ นงุ่ หม่ ๖.๔ ยานงั ใหย้ านพาหนะ ๖.๕ มาลัง ใหด้ อกไมท้ ีม่ กี ล่ินหอม ๖.๖ คันธัง ใหข้ องหอมต่าง ๆ ๖.๗ วิเลปะนงั ใหเ้ ครื่องทาต่าง ๆ ๖.๘ เสยยงั ใหท้ ่นี อนหมอนมงุ้ ๖.๙ อาวะสะถัง ให้ทอี่ ย่อู าศัย ๖.๑๐ ปทเี ปยยัง ให้ประทีป หรอื ใหแ้ สงสว่าง ๑. การถวายสงั ฆทาน การถวายสังฆทาน คือ การถวายทานที่อทุ ศิ แก่สงฆ์ ซึ่งตอ้ งเป็นการตั้งใจถวายแก่พระสงฆ์ จริง ๆ ไม่เห็นแก่หน้าพระภิกษุรูปใดรูปหน่ึง ไม่ว่าจะเป็นภิกษุหรือสามเณร เป็นพระสงฆ์เถระหรือ พระสงฆ์อันดับ ถ้าเจาะจงจะถวายพระภิกษุรูปใดแล้ว ก็จะเป็นเหตุให้มีจิตใจไขว้เขวเกิดความยินดี ยนิ รา้ ยไปตามบคุ คลที่รบั สงั ฆทานนนั้ จะเปน็ ภกิ ษุหรอื สามเณร จะเป็นรูปเดียวหรือหลายรูป ก็ถอื วา่ เปน็ การถวายสงั ฆทานทง้ั สนิ้ และถอื วา่ เปน็ ผลสำ� เรจ็ ในการถวายสงั ฆทานแลว้ เนอ่ื งจากผรู้ บั สงั ฆทาน ทถ่ี วายถอื เปน็ การรบั ในนามสงฆ์ ซงึ่ สงฆจ์ ดั มา หรอื เปน็ ผมู้ าถงึ เฉพาะหนา้ ในขณะตง้ั ใจถวายสงฆแ์ ลว้ ซ่ึงการถวายทานที่อุทิศให้เป็นของสงฆ์จริง ๆ น้ี ในครั้งพุทธกาล มีแบบแผนในการถวายสังฆทาน ๗ ประการ คอื ๑) ถวายแก่หมภู่ ิกษุและภิกษุณี มีพระพุทธเจา้ เป็นประมุข ๒) ถวายแกห่ ม่ภู ิกษุ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมขุ ๓) ถวายแก่หมู่ภกิ ษุณี มีพระพุทธเจ้าเป็นประมขุ ๔) ถวายแกห่ มู่ภกิ ษุและภกิ ษณุ ี ไมม่ ีพระพุทธเจา้ เปน็ ประมุข ๕) ถวายแกห่ มภู่ กิ ษุ ไม่มีมีพระพทุ ธเจา้ เปน็ ประมขุ ๖) ถวายแกห่ มู่ภิกษุณี ไม่มพี ระพุทธเจา้ เป็นประมุข ๗) รอ้ งขอตอ่ สงฆ์ให้สง่ ใคร ๆ ไปรบั แล้วถวายแกผ่ ูน้ ั้น 160
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม การเตรยี มการ ๑) จัดเตรียมทานวัตถุท่ีต้องการถวายให้เสร็จเรียบร้อย ตามศรัทธาและทันเวลาถวาย เช่น อาหารคาว อาหารหวาน น้�ำดืม่ เครอื่ งกระป๋อง อาหารแห้ง ของใช้ต่าง ๆ ท่ีพระสงฆใ์ ช้ไดไ้ ม่ผดิ พระวนิ ยั (ถา้ อยู่ในกาล คอื เช้า ถึงก่อนเวลาเทย่ี งวัน ให้ประเคนได้ แต่ถ้าอยนู่ อกกาลไมต่ ้องประเคน เพยี งแตต่ ั้งไว้ ณ เบือ้ งหน้าพระภกิ ษุ และใหป้ ระเคนไดเ้ ฉพาะวตั ถทุ ปี่ ระเคนนอกกาลได้เทา่ นน้ั ) ๒) จัดเตรยี มดอกไม้ธปู เทียนจดุ บชู าพระรัตนตรัย ๓) แจง้ ความประสงคท์ จ่ี ะถวายทานนนั้ ๆ ให้พระสงฆ์ทราบ ๔) เตรียมนิมนตพ์ ระสงฆ์ทีจ่ ะรบั สังฆทาน ๕) จดั เตรยี มสถานที่ หรือนดั หมายสถานท่ีทจี่ ะถวายสังฆทานให้พระสงฆ์ทราบ แนวทางปฏิบตั ิ ๑) พระสงฆ์มาถึงยังสถานท่ีจะท�ำพิธีถวายสังฆทาน (ที่บ้านหรือที่วัด) ตามที่ก�ำหนด และนมิ นตพ์ ระสงฆ์ไว้ ๒) นมิ นตพ์ ระสงฆ์นั่งยังอาสนสงฆ์ท่จี ัดเตรยี มไว้ตามจ�ำนวนทจี่ ะถวายสังฆทาน ๓) น�ำเคร่ืองสงั ฆทานมาต้ังเรยี งไว้ ณ เบือ้ งหนา้ พระสงฆ์ ๔) จุดธปู เทียนบชู าพระรตั นตรัย กราบ ๓ ครงั้ ๕) อาราธนาศีล ดังนี้ “มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. ทุติยมั ปิ มะยัง ภันเต วสิ งุ วสิ งุ รกั ขะณตั ถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. ตะตยิ มั ปิ มะยงั ภนั เต วสิ งุ วสิ งุ รกั ขะณตั ถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ.” ๖) พระสงฆ์ให้ศลี ๗) กลา่ วนโม ๓ จบ ดังน้ี “นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสมั พทุ ธสั สะ. นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสมั พทุ ธสั สะ. นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พุทธัสสะ.” จบ ๘) กลา่ วคำ� ถวายสงั ฆทาน (ในกรณถี วายสงั ฆทานเพอ่ื ความสขุ ความเจรญิ ของตนเอง) ดงั นี้ “อิมานิ มะยัง ภันเต, ภัตตานิ สะปะริวารานิ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, ภิกขุสังโฆ, อิมาน,ิ ภตั ตานิ, สะปะริวาราน,ิ ปะฏคิ คณั หาต,ุ อัมหากงั , ทฆี ะรัตตงั , หิตายะ, สุขายะ.” 161
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย ค�ำแปล “ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวาย, ภัตตาหาร กับท้ังบริวารเหล่าน้ี, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, เพื่อประโยชน์และความสุข, แก่ข้าพเจ้าท้ังหลาย ตลอดกาลนาน เทอญ ฯ” ๙) คำ� กลา่ วถวายสงั ฆทาน (ในกรณีเพอ่ื อทุ ศิ ใหผ้ ู้ตาย) ดงั นี้ “อิมานิ มะยัง ภันเต, มะตะกะภัตตานิ, สะปะริวารานิ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต, ภิกขสุ ังโฆ, อิมานิ มะตะกะภัตตาน,ิ สะปะรวิ ารานิ, ปฏิคคณั หาตุ, อมั หากัญเจวะ, มาตาปติ ุ, อาทนี ญั จะ, ญาตะกานัง กาละกะตานัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ.” ค�ำแปล “ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอน้อมถวายภัตตาหารเพื่อผู้ล่วงลับ ไปแล้ว, พร้อมกับของบริวารท้ังหลายเหล่านี้, แก่พระภิกษุสงฆ์, ขอพระภิกษุสงฆ์, จงรับภัตตาหาร เพ่ือผูล้ ่วงลบั ไปแล้ว, พรอ้ มกับทั้งของบริวารทง้ั หลายเหลา่ น,้ี ของข้าพเจ้าท้ังหลาย, เพ่ือประโยชน์, เพื่อความสุข, แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย, แก่ญาติทั้งหลายผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย, มีบิดามารดา เปน็ ตน้ ดว้ ย, ตลอดกาลนาน เทอญ.” ๑๐) พระสงฆร์ บั “สาธ”ุ ๑๑) ประเคนวตั ถทุ จี่ ะถวายสงั ฆทาน (ถา้ นอกกาลคอื หลงั เทย่ี งวนั ใหป้ ระเคนเฉพาะผา้ ไตร หรือเครื่องสงั ฆทานทไ่ี มใ่ ชอ่ าหาร) ๑๒) พระสงฆ์อนโุ มทนา ๑๓) ผูถ้ วายสงั ฆทาน กรวดน�้ำ - รบั พร ๑๔) เสร็จพิธถี วายสงั ฆทาน ๒. การถวายผ้ากฐิน หรอื การทอดกฐิน การถวายผ้ากฐินหรือการทอดกฐิน ถือเป็นการถวายทานที่มีกาลเวลา คือ เป็นการ ถวายทานภายหลงั วนั ออกพรรษา คือ ในระหว่างวนั แรม ๑ ค่�ำ เดือน ๑๑ จนถงึ วันเพ็ญ เดอื น ๑๒ (ขึ้น ๑๕ ค่�ำ เดือน ๑๒) และเพ่ือให้ได้ทราบถึงสาเหตุท่ีพระพุทธเจ้าได้ทรงอนุญาตให้ภิกษุรับกฐิน และตอ่ มาพุทธศาสนิกชนได้ถอื เป็นการบำ� เพญ็ บญุ สบื ตอ่ กนั มาตราบเทา่ ทุกวันน้ี ดังน้ี ครั้งหน่ึง ภิกษุชาวเมืองปาฐา ประมาณ ๓๐ รูป มีความประสงค์จะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เมืองสาวัตถีจึงพากันเดินทางจากเมืองปาฐาไปเมืองสาวัตถี แต่พอไปถึงเมืองสาเกต ซึ่งอยู่ใน ระยะทางห่างจากเมอื งสาวัตถปี ระมาณ ๖ ประโยชน์ จึงจะถึงเมอื งสาวัตถี ก็เป็นวนั ซ่งึ พระภกิ ษตุ อ้ ง เข้าพรรษา ภิกษุเหล่านั้นจะเดินทางต่อไปไม่ได้ จึงจ�ำพรรษาอยู่ ณ เมืองสาเกต ในระหว่างพรรษา 162
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม มีความร้อนรนอยากจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พอออกพรรษาก็เดินทางไปเมืองสาวัตถีโดยเร็ว ในเวลาน้ัน ฝนยังตกมากอยู่ การเดินทางจึงถูกโคลนตมท�ำให้เปรอะเปื้อน เมื่อถึงเมืองสาวัตถี ภกิ ษเุ หลา่ นนั้ ไดเ้ ขา้ เฝา้ พระพทุ ธเจา้ พระองคท์ รงทราบความลำ� บากของภกิ ษเุ หลา่ นน้ั จงึ ทรงอนญุ าต ให้ภิกษุท�ำพิธีกรานกฐินในระยะเวลาภายหลังออกพรรษาไปแล้ว ๑ เดือน ภิกษุที่ได้รับกฐินและ กรานกฐินแลว้ ย่อมได้อานิสงส์ ๕ ประการ ตามพระวินัย คือ ๑) เขา้ บา้ นโดยไมต่ อ้ งบอกลาภกิ ษดุ ว้ ยกัน ๒) เดินทางโดยไม่ต้องเอาผ้าไตรจีวรไปครบส�ำรับ (ผ้าไตร ประกอบด้วย สบง ๑ ผืน จีวร ๑ ผืน และสงั ฆาฏิ ๑ ผืน) ๓) ฉนั อาหารโดยล้อมวงกันได้ ๔) เก็บจีวรทย่ี ังไม่ต้องการใชไ้ วไ้ ด้ ๕) ลาภท่เี กดิ ข้ึน ใหต้ กเป็นของภิกษทุ ี่จำ� พรรษาในวดั นั้น ซึง่ ได้กรานกฐินแล้ว การทอดกฐินน้ัน เม่ือผู้มีศรัทธาประสงค์จะน�ำผ้ากฐินไปทอด ณ วัดใดวัดหนึ่งก็ตาม ผมู้ ีศรัทธานนั้ จะตอ้ งไปจองไว้กับเจา้ อาวาส หรือบอกกลา่ วใหพ้ ระสงฆ์วดั นนั้ ๆ ทราบลว่ งหนา้ กอ่ น วา่ ในปีนีจ้ ะน�ำกฐนิ มาทอด ณ วดั น้ี เพื่อทางวดั จะไดป้ ระกาศให้ทายกทายกิ าหรือผูม้ ีศรทั ธารายอ่นื ๆ ไดท้ ราบวา่ ในพรรษากาลนี้มผี ู้จองกฐนิ มาทอด ณ วดั นแี้ ล้ว บางกรณผี ศู้ รทั ธาไม่ได้แจง้ ให้พระสงฆ์ ได้ทราบไว้ก่อนล่วงหน้า แต่ได้นำ� กฐินไปทอดในทนั ทีท่ไี ปถงึ วดั น้ัน จะเรยี กวา่ “กฐนิ จร” การเตรยี มการ ๑) จัดเตรยี มผา้ ไตรกฐนิ จำ� นวน ๑ ไตร (ถา้ เปน็ วัดสังกดั คณะสงฆธ์ รรมยตุ ตอ้ งเตรียม ผา้ ขาว ๑ พบั ยาวประมาณ ๘ - ๑๐ เมตร วางบนผา้ ไตรกฐนิ ดว้ ย และจดั เตรียมสยี ้อมผ้า (สีกลัก) หรอื สีตามจวี รที่วดั นนั้ ๆ ใช้) ๒) ไตรจวี ร ส�ำหรบั ถวายคสู่ วด ๒ ไตร ๓) ของอน่ื ๆ ท่พี ระสงฆใ์ ช้ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งถือเปน็ บริวารกฐนิ ๔) จตุปจั จยั ไทยธรรมสำ� หรบั ถวายพระสงฆ์อันดบั ตามจ�ำนวนพระสงฆ์สามเณรในวัดนั้น ๕) ปัจจัยสำ� หรบั ไว้ใช้จา่ ยในการกอ่ สรา้ งหรือบ�ำรุงถาวรวัตถุในอาราม ๖) เทียนปาติโมกข์ จ�ำนวน ๑ ชดุ (เทยี นขาว จ�ำนวน ๒๔ เล่ม) ๗) พานแว่นฟ้า ส�ำหรับวางผา้ ไตรกฐนิ และพานวางเทยี นปาตโิ มกข์ ๘) ดอกไม้ ธปู เทียน สำ� หรับถวายพระภิกษุสามเณร 163
ศาสนพธิ แี ละมารยาทไทย แนวทางการปฏบิ ัติงาน (ก่อนเข้าส่พู ธิ ีการ) ๑) ถ้าเจ้าภาพมีความประสงค์จะให้มีการฉลององค์กฐิน จัดพิธีเช่นเดียวกับงานมงคล ตา่ ง ๆ ดงั ที่กล่าวไวแ้ ลว้ ในเรือ่ งการดำ� เนนิ งานพธิ มี งคล ๒) จัดโตะ๊ หมู่หรอื โต๊ะผ้าไตรกฐิน และบริวารกฐนิ เพ่มิ ขน้ึ อีก ๑ ที่ จากการตั้งโต๊ะหมูบ่ ชู า พระรัตนตรยั ๓) เม่อื ถึงวนั ที่จะน�ำกฐนิ ไปทอดยังวดั ทไ่ี ดจ้ องไว้ จะให้มกี ารแหแ่ หนไปยังวัดนน้ั ๔) เมื่อถึงวัดจะให้มีการน�ำองค์กฐินไปเวียนประทักษิณรอบอุโบสถก่อน ๓ รอบ ก็ได้ หรือจะนำ� องคก์ ฐนิ เขา้ ไปยงั อุโบสถโดยไมต่ อ้ งเวยี นประทกั ษิณ กไ็ ด้ ๕) เมื่อเข้าสู่สถานที่ท่ีถวายผ้ากฐินและบริวารกฐิน (โบสถ์, วิหาร, ศาลาการเปรียญ หรอื สถานที่ท่ีทางวดั เห็นว่าเหมาะสม) แล้ว ใหจ้ ัดวางผ้ากฐินและบรวิ ารกฐนิ ใหเ้ รียบรอ้ ยสวยงาม แนวทางการปฏิบตั ิงาน ๑) เมอ่ื ถงึ เวลาพระสงฆล์ งสอู่ โุ บสถหรอื ศาลาการเปรยี ญ และนง่ั ยงั อาสนส์ งฆเ์ รยี บรอ้ ยแลว้ ๒) ประธานพิธหี รือเจ้าภาพจุดธปู เทียนบชู าพระรตั นตรัย (กราบ ๓ ครงั้ ) ๓) ประธานพิธหี รอื เจ้าภาพประเคนพัดรองหรือตาลปตั รทีร่ ะลกึ แด่ประธานสงฆ์ ๔) เจา้ หนา้ ทพ่ี ิธอี าราธนาศลี ๕) ประธานสงฆใ์ หศ้ ลี ๖) ประธานพิธีหรือเจา้ ภาพ และผู้ร่วมอนโุ มทนาการทอดกฐนิ รบั ศลี พรอ้ มกัน ๗) ประธานพธิ ีหรือเจา้ ภาพหยิบผา้ ห่มพระประธานมอบใหไ้ วยาวัจกรหรอื เจา้ หน้าที่ ๘) ประธานพิธีหรือเจ้าภาพหยิบผ้าไตรกฐินท่ีพานแว่นฟ้าข้ึนอุ้มประคองประนมมือ หันหน้าไปทางพระประธาน กลา่ ว “นะโม ๓ จบ” “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสัมพุทธสั สะ. นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธสั สะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธสั สะ.” ๑๐) หนั หน้าไปทางพระสงฆ์ กล่าวค�ำถวายผ้ากฐนิ ดังน้ี แบบที่ ๑ “อิมัง ภนั เต, สะปะรวิ ารงั , กะฐนิ ะทุสสงั สังฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, สังโฆ, อิมัง สะปะริวารัง, กะฐินะทุสสัง, ปะฏิคคัณหาตุ, ปะฏิคคะเหตวา จะ, อิมินา ทุสเสนะ, กะฐินัง อัตถะระตุ, อมั หากัง ทฆี ะรัตตัง, หิตายะ, สขุ ายะ.” 164
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม “อิมัง ภันเต, สะปะริวารัง, กะฐินะทุสสัง สังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, สังโฆ, อิมัง สะปะริวารัง, กะฐินะทุสสัง, ปะฏิคคัณหาตุ, ปะฏิคคะเหตวา จะ, อิมินา ทุสเสนะ, กะฐินัง อตั ถะระตุ, อัมหากัง ทฆี ะรตั ตัง, หติ ายะ, สุขายะ.” “ขา้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จรญิ , ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย, ขอนอ้ มถวายผา้ กฐนิ กบั ทง้ั บรวิ ารน,ี้ แดพ่ ระสงฆ,์ ขอพระสงฆจ์ งรับ, ผ้ากฐนิ กบั ทั้งบรวิ ารน้ี, ของขา้ พเจ้าทั้งหลาย, ครัน้ รบั แล้ว, จงกรานกฐนิ ด้วยผ้าผืนนี้, เพอื่ ประโยชน์, และความสุข, แกข่ า้ พเจ้าทัง้ หลาย, ตลอดกาลนานเทอญ.” แบบที่ ๒ “อิมัง, สะปะรวิ ารัง, กะฐินะจีวะระทุสสัง, สงั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ. ทุตยิ มั ปิ, อิมงั , สะปะริวารงั , กะฐินะจีวะระทุสสงั , สงั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ. ตะตยิ ัมป,ิ อิมงั , สะปะรวิ ารัง, กะฐินะจวี ะระทุสสงั , สงั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ.” “ขา้ พเจา้ ทง้ั หลาย, ขอน้อมถวายผ้าจีวรกฐนิ , พรอ้ มกบั ของบริวารนี,้ แด่พระสงฆ์. แม้ครั้งท่ี ๒ ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวายผ้าจีวรกฐิน, พร้อมกับของบริวารน้ี, แด่พระสงฆ์. แม้คร้ังท่ี ๓ ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวายผ้าจีวรกฐิน, พร้อมกับของบริวารน้ี, แด่พระสงฆ.์ ” ๑๑) ประธานพิธีหรือเจ้าภาพวางผ้าไตรบนพานแว่นฟ้า ณ เบื้องหน้าพระสงฆ์ แล้วยก ประเคนพระสงฆร์ ปู ท่ี ๒ (ตอ้ งประสานกบั พระสงฆ์ เนอื่ งจากวดั บางวดั ใหว้ างไว้ ณ เบอื้ งหนา้ พระสงฆ์ และพระสงฆ์จะประกอบพิธอี ปโลกน์กฐิน โดยประธานพิธหี รือเจ้าภาพไมต่ ้องประเคนผ้าไตรกฐิน) ๑๒) ประธานพธิ ีหรอื เจา้ ภาพยกเทียนปาตโิ มกข์ประเคนพระสงฆ์รูปที่ ๒ ๑๓) พระสงฆป์ ระกอบพธิ อี ปโลกน์กฐนิ ๑๔) ประธานพธิ ีหรอื เจ้าภาพประเคนบรวิ ารกฐิน และเครือ่ งไทยธรรม ๑๕) เจา้ หนา้ ทปี่ ระกาศยอดเงนิ ของกฐิน ๑๖) ประธานพธิ หี รอื เจา้ ภาพถวายยอดปจั จัยบ�ำรุงวดั แด่ประธานสงฆ์ ๑๗) พระสงฆ์อนโุ มทนา ๑๘) ประธานพิธหี รอื เจ้าภาพกรวดนำ�้ - รบั พร ๑๙) ประธานพิธีหรือเจ้าภาพกราบพระประธาน (กราบ ๓ คร้ัง) ๒๐) ประธานพิธีหรือเจ้าภาพกราบลาพระสงฆ์ ๒๑) เสร็จพธิ ี 165
ศาสนพิธแี ละมารยาทไทย ๓. การถวายผ้าปา่ (สามคั คี) การถวายผ้าป่า ไม่ใช่เป็นการถวายทานตามกาลเช่นการทอดกฐิน แล้วแต่ใครมีศรัทธา จะท�ำเมื่อไร ก็รวบรวมนัดหมายญาติมิตรพรรคพวกทอดถวายเมื่อนั้น ผ้าป่า คร้ังพุทธกาล เรียกว่า ผา้ บงั สกุ ลุ จวี ร คอื ผา้ เปอ้ื นฝนุ่ ทไี่ มม่ เี จา้ ของหวงแหนทง้ิ อยตู่ ามปา่ บา้ ง ปา่ ชา้ บา้ ง ตามถนนหนทางบา้ ง แขวนห้อยอยู่ตามก่ิงไม้บ้าง ซึ่งครั้งพุทธกาลทรงอนุญาตให้ภิกษุแสวงหาผ้าบังสุกุล คือ ผ้าเปื้อนฝุ่น ทไี่ ม่มีเจา้ ของเขาทงิ้ แลว้ หรือผ้าทเี่ ขาห่อซากศพท้งิ ไวต้ ามป่าชา้ และเศษผ้าทีท่ ้งิ อยู่ตามถนนหนทาง น�ำมาซักฟอกตัดเย็บเป็นจีวรผืนใดผืนหน่ึงท่ีต้องการ แล้วใช้นุ่งห่ม พุทธศาสนิกชนผู้นับถือ พระพทุ ธศาสนาสว่ นมากในสมยั นน้ั เหน็ ความลำ� บากของภกิ ษใุ นเรอ่ื งน้ี มคี วามประสงฆจ์ ะบำ� เพญ็ กศุ ล ซึ่งไม่ขัดต่อพระพุทธบัญญัติในขณะนั้น จึงได้จัดหาผ้าที่สมควรแก่สมณะบริโภคไปทอดท้ิงไว้ตามท่ี ต่าง ๆ โดยมากเป็นป่าช้าที่รวู้ ่าภกิ ษผุ ู้แสวงหาเดนิ ไป การเตรยี มการ ๑) จดั โตะ๊ หมู่บูชาพร้อมเครอื่ งนมสั การ ๒) ตน้ ผ้าปา่ หรือกองผ้าป่าซ่งึ มีผ้าไตร หรือจีวร หรือสบง หรอื ผ้าเช็ดตัวสเี หลือง พาดไว้ ทก่ี ิ่งไม้ ปักไว้ในกระถาง หรอื กระป๋อง ซึง่ บรรจขุ ้าวสารและอาหารแห้งตามศรทั ธา ๓) ปจั จยั บำ� รงุ วดั ตามศรทั ธา ๔) เตรยี มการนิมนตพ์ ระสงฆ์ ๕) อปุ กรณ์เครื่องใช้ในงานพิธี แนวทางการปฏบิ ัตงิ าน ๑) เมือ่ พระสงฆข์ ้ึนนงั่ ยังอาสน์สงฆ์ ๒) ประธานพิธีหรอื เจา้ ภาพ จุดธปู เทยี นบชู าพระรัตนตรัย (กราบ ๓ ครั้ง) ๓) เจ้าหนา้ ท่ีอาราธนาศีล ๔) ประธานพธิ ีหรอื เจา้ ภาพและผรู้ ว่ มพิธีรับศลี พร้อมกนั ๕) กลา่ วรายงาน (กรณมี กี ารจดั ถวายผา้ ปา่ ทม่ี วี ตั ถปุ ระสงคด์ ำ� เนนิ กจิ กรรม สาธารณประโยชน์ และมกี ารกลา่ วรายงานเพอ่ื ตอ้ งการใหผ้ ทู้ มี่ ารว่ มพธิ ไี ดท้ ราบถงึ วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั พธิ ถี วายผา้ ปา่ ) ๖) ประธานพธิ หี รอื เจ้าภาพประคองผ้าไตร ๗) ประธานพิธหี รอื เจา้ ภาพ กล่าว “นะโม ๓ จบ” 166
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม ๘) ประธานพธิ หี รอื เจ้าภาพ กลา่ วคำ� ถวายผา้ ปา่ ดงั นี้ “อมิ านิ มะยงั ภนั เต, ปงั สะกูละจวี ะราน,ิ สะปะรวิ ารานิ, ภกิ ขสุ ังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขสุ ังโฆ, อมิ าน,ิ ปงั สกุ ลู ะจีวะราน,ิ สะปะริวารานิ, ปะฏคิ คัณหาตุ, อัมหากัง, ทีฆะรตั ตัง, หติ ายะ, สุขายะ.” “ขา้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จรญิ , ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย, ขอนอ้ มถวาย, ผา้ บงั สกุ ลุ จวี ร, กบั ทง้ั สง่ิ ของ บรวิ ารเหลา่ น้ี, แด่พระภกิ ษุสงฆ,์ ขอพระภิกษุสงฆ,์ จงรับผา้ บงั สกุ ุลจวี ร, กับท้งั สิ่งของบริวารเหลา่ น,ี้ เพ่อื ประโยชน,์ เพอ่ื ความสขุ , แก่ขา้ พเจ้าทง้ั หลาย, ตลอดกาลนานเทอญ.” ๙) เมอื่ กล่าวคำ� ถวายจบ น�ำผา้ ไตรจีวรไปวางไว้ทกี่ ง่ิ ไม้ หรอื พาดยังที่ทีจ่ ดั เตรียมไว้ ๑๐) นมิ นตพ์ ระสงฆล์ งมาพจิ ารณาผา้ ปา่ (เจา้ หนา้ ทเ่ี ตรยี มพดั รองหรอื ตาลปตั รใหพ้ ระสงฆ)์ ๑๑) ประธานพธิ ีหรือเจ้าภาพประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ ๑๒) พระสงฆ์อนโุ มทนา ๑๓) ประธานพธิ ีหรือเจา้ ภาพกรวดนำ้� – รับพร ๑๔) เสรจ็ พธิ ี ๔. การถวายทานต่าง ๆ การถวายทาน เปน็ ทีน่ ิยมของพุทธศาสนิกชนผู้ที่มีศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนา เพื่อเป็นการ ท�ำบุญในพระพุทธศาสนา อันเป็นการท�ำนุบ�ำรุงผู้ท�ำหน้าที่ศาสนทายาทในส่วนของพระภิกษุ สามเณร เนอ่ื งจากการถวายทานเป็นส่วนหนง่ึ ซงึ่ นับเข้าในบญุ กิริยาวัตถุ โดยถวายเป็นสงั ฆทานบา้ ง ปาฏบิ คุ ลกิ ทานบ้าง ตามเจตนารมณ์ศรัทธาของผทู้ ่จี ะถวายทานนั้น ๆ การเตรียมการ ๑) จัดเตรียมทานวัตถุที่ต้องการถวายตามที่ตนเองมีความประสงค์จะถวาย ท่ีพระสงฆ์ ใช้ไดไ้ ม่ผิดพระวนิ ัย ๒) ดอกไม้ธปู เทียน เพ่อื จดุ บชู าพระรตั นตรัย และถวายพระสงฆ์ ๓) แจง้ ความประสงค์ทจ่ี ะถวายทานนั้น ๆ ให้พระสงฆท์ ราบ ๔) นมิ นต์พระสงฆท์ ่จี ะรบั ทาน ๕) สถานท่ี หรือนัดหมายสถานที่ท่จี ะถวายทานให้พระสงฆ์ทราบ 167
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย แนวทางการปฏบิ ัติ ๑) พระสงฆ์มาถึงยังสถานท่ีจะท�ำพิธีถวายทาน (บ้านหรือวัด) ตามท่ีก�ำหนดและนิมนต์ พระสงฆไ์ ว้ ๒) นมิ นตพ์ ระสงฆน์ ัง่ ยงั อาสน์สงฆท์ จ่ี ดั เตรยี มไว้ตามจ�ำนวนทีจ่ ะถวายทาน ๓) นำ� วัตถุทานมาต้งั วางเรียงไว้ ณ เบอ้ื งหน้าพระสงฆ์ ๔) จดุ ธูปเทียนบชู าพระรตั นตรัย กราบ ๓ ครงั้ ๕) อาราธนาศลี ดังน้ี “มะยงั ภนั เต วิสงุ วิสงุ รกั ขะณตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สลี านิ ยาจามะ. ทตุ ยิ ัมปิ มะยงั ภนั เต วิสงุ วิสงุ รกั ขะณตั ถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สีลานิ ยาจามะ. ตะตยิ มั ปิ มะยงั ภนั เต วสิ งุ วสิ งุ รกั ขะณตั ถายะ ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ.” ๖) พระสงฆ์ให้ศีล ๗) กลา่ วนะโม ๓ จบ ๘) กลา่ วค�ำถวายทาน ๙) พระสงฆ์รับ “สาธ”ุ ๑๐) ผู้ถวายทานประเคนวัตถุทานน้ัน ๆ (ถ้าเป็นสิ่งของท่ีใหญ่หรือเป็นอสังหาริมทรัพย์ ให้ใช้การประเคนกลุ่มด้ายสายสญิ จนท์ ีเ่ นอื่ งมาจากวัตถนุ ้นั ๆ หรอื ใชว้ ิธหี ลงั่ น้ำ� เพอ่ื เปน็ การแสดงวา่ ไดถ้ วายส่ิงนี้หรอื ส่ิงท่ีจะถวายเปน็ ของสงฆแ์ ลว้ ) ๑๑) พระสงฆอ์ นโุ มทนา ๑๒) ผู้ถวายทาน กรวดน้�ำ - รับพร ๑๓) เสร็จพธิ ีถวายทาน 168
บทที่ ๗ มารยาทไทยในศาสนพธิ ี ความหมายของ ค�ำว่า “มารยาทไทย” “มารยาท” หมายถึง กิริยา วาจาที่สุภาพเรียบร้อย ที่บุคคลพึงปฏิบัติในสังคม โดยมี ระเบียบแบบแผนอันเหมาะสมตามกาลเทศะ “มารยาทไทยในศาสนพิธี” หมายถึง กิริยาท่าทาง วาจาที่สุภาพเรียบร้อย ในการร่วม ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา ท่ีถูกต้องตามระเบียบแบบแผนและเหมาะสมตามกาลเทศะ ซงึ่ ครอบคลมุ ถงึ การแสดงความเคารพ โดยการไหว้ การกราบ การคำ� นบั การรบั ของและสง่ สงิ่ ของ เปน็ ตน้ ๑. การแสดงความเคารพ การแสดงความเคารพ ถือเป็นมารยาทไทยอย่างหนึ่งท่ีแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน ของเด็กที่มีต่อผู้ใหญ่ หรือผู้ท่ีมีความอาวุโสกว่า ซึ่งมีอยู่หลายลักษณะด้วยกัน เช่น การประนมมือ การไหว้ การกราบ การคำ� นบั ซ่ึงเมือ่ นำ� มาใชใ้ นการเข้าร่วมศาสนพิธตี ่างๆ สามารถปฏิบัติไดด้ งั น้ี ๑.๑ การไหว้ ประกอบดว้ ยกิรยิ า ๒ สว่ นด้วยกัน คือ การประนมมอื และการไหว้ การประนมมอื หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “อญั ชล”ี เปน็ การแสดงความเคารพ โดยการประนมมอื เล็กน้อยให้ปลายน้ิวมือท้ังสองข้างชิดกัน ฝ่ามือ ท้ังสองประกบเสมอกันแนบระหว่างอก ปลายน้ิว เฉยี งขึ้นพอประมาณ แขนแนบลำ� ตัวไม่กางศอก ทัง้ ชายและหญงิ ปฏิบัติเหมอื นกัน การประนมมอื 169
ศาสนพธิ แี ละมารยาทไทย การไหว้ (วันทา) เป็นการแสดงความเคารพโดยการประนมมือ แล้วยกมือทั้งสองขึ้น จรดใบหนา้ แสดงถึงความเคารพ ซ่ึงแบ่งไดเ้ ปน็ ๓ ระดบั ตามระดับของบุคคล ระดบั ท่ี ๑ การไหวพ้ ระ ไดแ้ ก่ การไหวพ้ ระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมทงั้ ปชู นยี สถาน ปูชนียวัตถุ ท่ีเก่ียวกับพระพุทธศาสนา ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ได้ ให้ประนมมือ และยกข้ึนพร้อมกับค้อมศีรษะลง ให้หัวแม่มือจรดหว่างค้ิว ปลายนิ้วชี้แนบส่วนบน ของหน้าผาก ระดบั ที่ ๒ การไหวผ้ มู้ พี ระคณุ และผทู้ มี่ อี ายมุ าก ไดแ้ ก่ ปู่ ยา่ ตา ยาย พอ่ แม่ ครอู าจารย์ และผู้ท่ีเราเคารพนับถือ ให้ประนมมือแล้วยกขึ้น พร้อมกับค้อมศีรษะลงให้หัวแม่มือจรดปลายจมูก ปลายน้ิวชีแ้ นบหว่างค้วิ ระดับท่ี ๓ การไหว้บุคคลทั่วๆ ไป ที่เคารพนับถือหรือผู้ท่ีมีอายุมากกว่าเล็กน้อย ใหป้ ระนมมือ แลว้ ยกขนึ้ พร้อมกบั คอ้ มศีรษะลง ให้หวั แมม่ ือจรดปลายคาง ปลายนิ้วชแ้ี นบปลายจมกู หากจะใชแ้ สดงความเคารพผูท้ ม่ี อี ายเุ ทา่ กันหรอื เพอ่ื นกนั ใหย้ นื ตรงไหว้และไมต่ ้องค้อมศรี ษะ ๑.๒ การกราบ (อภวิ าท) เปน็ การแสดงความเคารพอยา่ งสูง มี ๒ แบบ ๑.๒.๑ การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ เป็นการใช้อวยั วะท้งั ๕ คอื หน้าผาก มอื และขอ้ ศอกทงั้ ๒ เข้าทั้ง ๒ สมั ผสั กบั พ้นื การกราบมี ๓ ลักษณะ คอื ทา่ เตรยี ม ชาย น่ังคุกเข้าตัวตรงปลายเท้าตั้ง ปลายเท้าและส้นเท้าชิดกัน นั่งบนส้นเท้า เข่าท้ังสองห่างพอประมาณ มอื ทั้งสองวางควำ�่ เหนือเข่าท้งั สองข้าง น้วิ ชิดกนั (ท่าเทพบุตร) หญิง นั่งคุกเข่าตัวตรงปลายเท้าราบ เข่าถึงปลายเท้าชิดกัน น่ังบนส้นเท้า มอื ทงั้ สองว่างควำ่� เหนือเขา่ ทง้ั สองข้าง น้ิวชดิ กัน (ทา่ เทพธดิ า) ท่ากราบ จังหวะที่ ๑ (อญั ชล)ี ยกมือขน้ึ ในท่าประนมมือ จังหวะที่ ๒ (วันทา) ยกมอื ข้นึ ไหว้ตามระดับที่ ๑ การไหว้พระ จงั หวะที่ ๓ (อภิวาท) ทอดมอื ท้ังสองลงพรอ้ มๆ กัน ให้มือและแขนทง้ั สองขา้ ง ราบกบั พืน้ คว่ำ� มอื ห่างกันเลก็ นอ้ ย พอให้หนา้ ผากจรดพ้นื ระหว่างมือทง้ั สอง (ชาย ศอกท้ังสองข้าง ตอ่ จากเขา่ ราบไปกบั พน้ื หลงั ไมโ่ กง่ หญงิ ศอกทง้ั สองขา้ งครอ่ มเขา่ เลก็ นอ้ ย ราบไปกบั พน้ื หลงั ไมโ่ กง่ ) 170
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม ทา่ เตรียม จงั หวะท่ี ๑ อัญชลี 171
ศาสนพิธีและมารยาทไทย จงั หวะท่ี ๒ วันทา จังหวะท่ี ๓ อภิวาท ๑.๒.๒ การกราบผใู้ หญ่ เปน็ การกราบผ้มู พี ระคณุ และผู้ท่ีมอี ายุมากกว่า ได้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ครู อาจารย์ และผู้ท่ีเราเคารพ ลักษณะการปฏิบัติของชายและหญิงเหมือนกัน คือ น่ังพับเพียบทอดมือท้ังสองข้างลงพร้อมกัน ให้แขนท้ังสองคร่อมเข่าที่อยู่ด้านล่างเพียงเข่าเดียว มือประนมต้ังกับพื้นไม่แบมือ ค้อมตัวลงให้หน้าผากแตะส่วนบนของมือที่ประนม ในขณะกราบ ไมต่ ้องกระดกนิว้ มอื ขน้ึ มารบั หน้าผาก และกราบเพยี งครง้ั เดียว 172
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม การเดนิ เข่า การกราบ การนัง่ พบั เพียบ 173
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย การคำ� นบั ๑.๓ การค�ำนับ เป็นการแสดงความเคารพแบบสากล ในกรณีท่ีไม่ไหว้ หรือกราบ ให้ยืนตัวตรงส้นเท้าชิดกัน ผู้ชายปลายเท้าห่างกันเล็กน้อย ผู้หญิงส้นเท้าและปลายเท้าชิดกัน มือทั้งสองข้างแนบล�ำตัว ปลายน้ิวกลางแตะตะเข็บกางเกงหรือกระโปรง นิ้วชิดกันไม่กางน้ิวออก ค้อมช่วงไหลแ่ ละศรี ษะลงเล็กนอ้ ย แลว้ เงยหน้าขนึ้ ในท่าตรง ๑.๔ การถวายความเคารพพระมหากษตั รยิ ์ ๑) การถวายบังคม การถวายบังคมถือเป็นการถวายความเคารพรูปแบบหน่ึง ตามโบราณราชประเพณี ซึ่งผ้ทู ่ีจะถวายบงั คมทั้งชายและหญงิ ตอ้ งนง่ั คกุ เขา่ ปลายเทา้ ตง้ั หลังตรง มอื ทงั้ สองขา้ งวางควำ่� เหนอื เขา่ ทงั้ สอง การถวายบังคมจะแบ่งจงั หวะออกเปน็ ๓ จังหวัด ดงั นี้ จังหวะท่ี ๑ ยกมือข้ึนประนมมือระหว่างอก ปลายนิ้วตั้งตรงไม่งอ แขนแนบ ล�ำตัวไมก่ างศอก จังหวะท่ี ๒ ทอดมือท่ีประนมลง พร้อมค้อมตัวลงเล็กน้อย สายตามองไปท่ี หัวแม่มือ แล้ววาดมือขึ้นพร้อมเอนตัวไปข้างหลัง ให้ปลายนิ้วโป้งและนิ้วช้ีจรดหน้าผาก เงยหน้า เล็กน้อย 174
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม จงั หวะท่ี ๓ วาดมอื ทป่ี ระนมลง พรอ้ มคอ้ มตวั และใบหนา้ กลบั ลงมาอยใู่ นจงั หวะ ที่ ๑ ทำ� จนจบ ๓ ครัง้ และจงลดมือลง ๒) การหมอบกราบ เป็นการถวายความเคารพ ต้ังแต่พระบรมวงศานุวงศ์ขึ้นไป จนถงึ พระมหากษตั รยิ ์ ซงึ่ จะใชใ้ นโอกาสทมี่ กี ารเขา้ เฝา้ หรอื การถวายงานซงึ่ อยใู่ นระยะใกล้ วธิ ปี ฏบิ ตั ิ คือ นั่งพับเพียบ เก็บปลายเท้าแล้วจึงหมอบลง ให้ศอกทั้งสองข้างคร่อมเข่าข้างใดข้างหนึ่ง (ข้อความระวัง ไม่ควรหันปลายเท้าไปหาผู้ใหญ่) ประสานมือ เมื่อจะกราบให้ประนมมือ ก้มศีรษะลง หน้าผากแตะส่วนบนของมือ เม่ือกราบแล้วให้น่ังในท่าหมอบเฝ้าอีกคร้ังหน่ึง และ จงึ นงั่ ในทา่ พับเพยี บตามเดมิ ๓) การถวายคำ� นบั ใชก้ บั พระมหากษตั รยิ แ์ ละพระบรมวงศานวุ งศ์ กรณที ผ่ี ชู้ ายและ ผหู้ ญงิ อยใู่ นชดุ ข้าราชการ วิธีปฏบิ ัติ คือ ให้ยนื ตวั ตรงส้นเทา้ ชดิ กนั ผชู้ ายปลายเท้าหา่ งกันเลก็ นอ้ ย ผู้หญิงส้นเท้าและปลายเท้าชิดกัน มือทั้งสองข้างแนบล�ำตัว ปลายน้ิวกลางแตะตะเข็บกางเกงหรือ กระโปรง น้ิวชิดกันไมก่ างนิว้ ออก ค้อมช่วงไหล่และศีรษะลงตำ�่ พอสมควร แลว้ เงยหนา้ ขึ้นในท่าตรง กรณีท่ีผหู้ ญิงอยใู่ นชุดผา้ ไทย หรอื สากลนิยม วิธีปฏบิ ัติ ใหย้ นื ตรง หันหน้าไปทางที่ประทบั วาดเทา้ ขา้ งใดขา้ งหนงึ่ ไปขา้ งหลงั เลก็ นอ้ ยตามถนดั พรอ้ มยอ่ ตวั ลง ขณะทว่ี าดเทา้ ใหย้ กมอื ทงั้ สองขา้ งขน้ึ วาง ประสานกนั บนหน้าขา ค้อมตวั เล็กน้อย ทอดสายตาลง เสร็จแล้วยืนตรง ๑.๕ การแสดงความเคารพทว่ั ไป การแสดงความเคารพศพ เมื่อไปถึงบริเวณพิธี ผู้เข้าร่วมพิธีต้องกราบพระพุทธรูป ก่อนเสมอ แลว้ จึงทำ� ความเคารพศพ ส�ำหรับผู้ทไ่ี ดร้ ับเกยี รตใิ หเ้ ป็นประธานในพิธีน้ัน เมือ่ เริ่มพธิ กี าร ใหท้ �ำการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยก่อน และจงึ จดุ ธูปเทยี นบูชาศพ กรณีท่เี ปน็ ศพพระ เมอ่ื จุดธปู เทยี น (เครือ่ งทองน้อย หรอื จุดธูป ๓ ดอก) ใหก้ ราบเบญจางคประดษิ ฐ์ ๓ ครง้ั กรณีที่เป็นศพบุคคลท่ัวไป เม่ือจุดธูปเทียน (เคร่ืองทองน้อย หรือ จุดธูป ๑ ดอก) ให้กราบ ๑ คร้ัง ไม่แบมือ หากผู้เสียชีวิตมอี ายุใกลเ้ คียงกับผูเ้ ปน็ ประธานในพธิ ี ใหไ้ หว้ในระดับที่ ๓ เสร็จแลว้ จึงกลับไปน่ังในที่ท่ไี ด้จดั เตรียมไว้ 175
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย ๒. การประเคนและรับส่งิ ของจากพระสงฆ์ ๒.๑.๑ การประเคนสิ่งของแด่พระสงฆ์ หมายถึง การถวายสิ่งของ โดยส่งให้ตาม วิธีการทางวินัย ถ้าเป็นส่ิงของท่ียกได้ ให้ใช้มือท้ังสองข้างยกแล้วประเคน ในระยะหัตถบาส หรือ ประมาณบว่ งมอื ถา้ เปน็ สง่ิ ของขนาดใหญ่ เชน่ เรอื รถ ใหก้ ลา่ วคำ� ถวายหรอื ถวายเปน็ เอกสารประกอบ ส่ิงของน้นั วธิ ีการประเคนสงิ่ ของ ชายและหญงิ ปฏิบตั ิ ดงั นี้ กรณีที่พระสงฆ์นั่งกับพื้น ให้ถือส่ิงของเดินเข่าเข้าไประยะหัตถบาส แล้วยกสิ่งของ ข้ึนประเคน ชายจะประเคนสิ่งของแด่พระสงฆ์ให้ลักษณะมือต่อมือได้เลย ส่วนหญิงจะต้องวาง บนผ้ารับประเคน ไหว้หรือกราบแล้วแต่กาลเทศะ เดินเข่าถอยหลัง เมื่อห่างพอประมาณ จึงลุกข้ึน หนั หลังกลับ การประเคนสงิ่ ของแด่พระสงฆ์ 176
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ๒.๑.๒ การรับส่ิงของจากพระสงฆ์ วิธีการปฏิบัติ ผู้ชาย ให้ย่ืนสองมือรับทั้งสิ่งของ เบาและหนัก แล้วถอยกลับ ผู้หญิง พระสงฆ์จะวางสิ่งของไว้ตรงหน้า อาจจะวางไว้บนพาน ให้เอื้อมมือขวาไปหยิบ หากเป็นของหนักให้ใช้สองมือยกของออกจากพาน แล้วถอยออก จึงกราบ หรือไหวต้ ามความเหมาะสม การรับสิง่ ของจากพระสงฆ์ 177
ศาสนพิธีและมารยาทไทย ๒.๓ การส่งส่งิ ของให้ผ้ใู หญแ่ ละการรบั สิ่งของจากผใู้ หญ่ ๑) การสง่ ส่ิงของ ขณะผใู้ หญ่ยืน ชาย ให้ถือสิ่งของเดินเข้าไป ยืนตรง ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าพร้อมกับค้อมตัว เลก็ น้อย ส่งส่งิ ของแล้วถอยเท้าขวากลบั แสดงความเคารพ โดยการไหว้ ๑ ครัง้ แลว้ ถอยพอประมาณ จึงหันหลังกลับ หากเป็นการส่งส่ิงของในพิธีการ เช่น การมอบรางวัล ผู้ท�ำหน้าท่ีเป็นศาสนพิธีกร หรือผู้เชิญรางวัลเพ่ือให้ประธานในพิธีเป็นผู้มอบให้กับผู้ได้รับรางวัล วิธีปฏิบัติ คือ ศาสนพิธีกร หรอื ผูเ้ ชญิ รางวัล ใช้ ๒ มอื ถือพาน เดินเขา้ ไปพอประมาณ ค�ำนบั ๑ คร้ัง กา้ วเทา้ ขวาไปขา้ งหน้า ค้อมตวั เล็กนอ้ ย แล้วสง่ สิง่ ของใหผ้ ้เู ปน็ ประธาน ถอยเทา้ ขวากลบั (หากเป็นการมอบหลายรางวลั ใหร้ บั ของและส่งให้ประธานจนถึงรางวัลสุดทา้ ย ค�ำนับ ๑ คร้งั ) แล้วถอยพอประมาณ จึงหนั หลงั กลบั หญิง ท�ำในลักษณะเดียวกัน แต่เปลี่ยนจากการค�ำนับ ให้ค้อมศีรษะเพียง เล็กน้อย ๒) การส่งสงิ่ ของ ขณะผใู้ หญ่น่ังเกา้ อ้ี ชาย ให้ถือสิ่งของเดินเข้าไปห่างพอประมาณ ยืนตรง ก้าวเท้าขวาลงเข่าซ้าย ส่งส่ิงของ เสร็จแล้วให้ยืนตรง ไหว้ ๑ ครั้ง ถอยหลังพอประมาณ จึงหันหลังกลับ กรณีท่ีมีการส่ง แบบใช้พานส่งส่ิงของ ให้เดินถือพานสองมือ เข้าไปห่างพอประมาณ ยืนตรง ค�ำนับ ๑ ครั้ง ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า ลงเข่าซ้ายส่งส่ิงของ เสร็จแล้วยืนตรง ค�ำนับ ๑ ครั้ง ถอยพอประมาณ จึงหันหลงั กลับ หญิง ท�ำในลักษณะเดียวกัน แต่เปลี่ยนจากการค�ำนับ ให้ค้อมศีรษะเพียง เล็กนอ้ ย ๓) การส่งส่ิงของ ขณะผู้ใหญ่น่ังกับพื้น ชายและหญิงจะปฏิบัติเหมือนกัน คือ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่มีพระคุณ หรือมีอายุมากกว่า ให้ผู้ที่เข้าไปส่งสิ่งของ เดินเข่าถือสิ่งของห่าง พอประมาณ นั่งพับเพียบขาขวาทับขาซ้าย วางสิ่งของเย้ืองเข่าขวาเล็กน้อย กราบผู้ใหญ่ ๑ ครั้ง ส่งส่ิงของให้ผู้ใหญ่ ถ้าผู้ใหญ่สนทนาด้วยให้นั่งในลักษณะส�ำรวม เมื่อจะลากลับ ให้กราบ ๑ คร้ัง ถอยโดยวิธีการเดนิ เข่า เม่ือหา่ งพอประมาณให้ลกุ ขึ้นยนื จึงหนั หลงั กลบั (กรณีท่ีผใู้ หญอ่ ายุไม่มากนัก ใหเ้ ปล่ียนจากการกราบ เปน็ การไหวต้ ามระดับ) 178
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ๔) การรับส่ิงของ ขณะผใู้ หญย่ ืน ชาย เดินเข้าไปห่างจากผู้ใหญ่พอประมาณ ยืนตรง ไหว้ ๑ ครั้ง ตามระดับ ก้าวเทา้ ขวาไปขา้ งหน้า เปิดสน้ เท้าซ้าย รับส่ิงของ ถอยเท้าขวากลับ ยนื ตรง ถอยหลงั พอประมาณ จึงหันหลงั กลบั หญงิ เดนิ เขา้ ไปหา่ งจากผใู้ หญพ่ อประมาณ ไหวต้ ามระดบั กา้ วเทา้ ขวาไปขา้ งหนา้ ยอ่ ตวั รบั สิง่ ของ แล้วถอยหลังกลับ ยนื ตรง ถอยพอประมาณ จึงหันหลังกลับ ๕) การรบั สง่ิ ของ ขณะผูใ้ หญ่นง่ั เก้าอ้ี ชาย เดินเข้าไปห่างจากผู้ใหญ่พอประมาณ ยืนตรง ค้อมตัวไหว้ตามระดับ ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า ลงเข่าซ้าย รับส่ิงของด้วยมือขวา มือซ้ายแนบล�ำตัว ถอยเท้าขวากลับ ยืนตรง ถอยพอประมาณ จึงหันหลังกลับ หญงิ เดินเข้าไปห่างจากผู้ใหญ่พอประมาณ ยืนตรง ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า ลงเข่าซ้าย เปิดส้นเทา้ ขวาเล็กน้อยพรอ้ มกบั ไหว้ตามระดบั รบั สง่ิ ของด้วยมอื ขวา มือซา้ ยแนบลำ� ตวั ถอยเท้าขวากลับ ยนื ตรง ถอยพอประมาณ จงึ หันหลังกลับ ๖) การรับสง่ิ ของ ขณะผใู้ หญน่ ั่งกบั พืน้ ชายและหญิง ปฏิบัติเหมือนกัน คือ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ท่ีมีพระคุณหรืออายุมากกว่า ให้เดินเข่าเข้าไปพอประมาณ น่ังพับเพียบขาขวาทับขาซ้าย กราบผู้ใหญ่ ๑ ครั้ง ไม่แบบมือ แล้วรับสิ่งของ วางส่ิงของเย้ืองเข่าขวาเล็กน้อย (ถ้าผู้ใหญ่สนทนาด้วยให้นั่งในลักษณะส�ำรวม) ก่อนจะลาให้กราบ ๑ คร้ัง ถือสิ่งของเดินเข่าถอยพอประมาณ แล้วจึงลุกขึ้น ถอยพอประมาณ หันหลังกลบั ๓. การยนื ในโอกาสต่างๆ ๓.๑ การยนื รับคำ� ส่ังของผบู้ งั คับบัญชา วธิ ปี ฏบิ ตั ิ ใหย้ นื หลงั ตรง หน้าตรง ปล่อยมือ ไว้ข้างลำ� ตัว และตัง้ ใจรับฟังค�ำส่ัง ๓.๒ การยืนให้เกียรติผู้ใหญ่ เม่ือผู้ใหญ่เดินผ่านมาให้ยืนตรงแสดงความเคารพ หากผใู้ หญ่เข้ามาสนทนาด้วย ให้ประสานมอื อยู่ต่ำ� กว่าระดับเอว และคอ้ มตัวเลก็ นอ้ ย ๓.๓ การยนื คุยกบั เพอ่ื น การยืนพักผอ่ น และการยืนดมู หรสพ ใหอ้ ยใู่ นอาการสุภาพ ไมก่ ่อความร�ำคาญใหก้ ับผูอ้ นื่ และไม่ควรยืนพูดขา้ มศรี ษะของผู้อ่ืน 179
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย ๓.๔ การยนื ตามล�ำดับ เช่น การต่อคิวขนึ้ รถโดยสาร การขึน้ เผาศพ การรดน้�ำอวยพร คู่บ่าวสาว ให้ยนื เรียงควิ เปน็ ระเบียบ ตามล�ำดับมากอ่ นหลัง ๓.๕ การยนื ปฏบิ ตั หิ น้าท่ี ในยืนสภุ าพ ไมย่ นื เอามอื อวดอก ลว้ งกระเปา๋ และเอามอื ไขวห้ ลัง ๔. การเดนิ ในพิธที างศาสนา ๔.๑ การเดินเวียนเทียน หรือวันส�ำคัญทางพระพุทธศาสนา ให้เดินเวียนขวา (ประทักษิณ) ๓ รอบ เดินประนมมือโดยมีดอกไม้ ธูปเทียน และควรระวังอย่าให้ธูปเทียนท่ีจุดไฟ ไปถกู ผ้อู น่ื ในขณะเดนิ ควรตั้งจิตให้เป็นสมาธิ ระลึกถึงคุณพระรัตนตรยั ๔.๒ การเดินตามศพเวียนเมรุ ให้เดินเวียนซ้าย ๓ รอบ เดินในลักษณะส�ำรวม ไม่พูดคุยกนั ๔.๓ การเดินขึน้ และลงเมรใุ นพธิ ฌี าปนกจิ ศพ ให้เดินตามล�ำดบั อยา่ งสภุ าพ และเป็นระเบียบ อยู่ในลกั ษณะอาการส�ำรวม ๔.๔ การเดินเข้าและออกระหว่างการประชุม ผู้ที่มีความจ�ำเป็นต้องเดินเข้าออก ในระหวา่ งทม่ี กี ารประชมุ ใหแ้ สดงความเคารพโดยการคำ� นบั ประธานในทปี่ ระชมุ ทกุ ครง้ั เมอ่ื ออกจาก ทีน่ งั่ และกลับมานง่ั ท่ีเดมิ ๔.๕ การเดินผ่านผใู้ หญ่ ๑) ขณะผู้ใหญ่ยืน ให้เดินผ่านระยะห่างพอสมควร ให้ลักษณะส�ำรวม ไม่เดิน แกว่งแขน ปล่อยมือไวข้ ้างลำ� ตัว แล้วค้อมตวั ลงเลก็ นอ้ ย เมอ่ื ใกล้ถงึ ผใู้ หญ่ ๒) ขณะผู้ใหญ่นั่งเก้าอี้ ให้เดินผ่านระยะห่างพอสมควร ในลักษณะส�ำรวม ไม่เดนิ แกว่งแขน ปล่อยมอื ไว้ข้างลำ� ตวั แลว้ ค้อมพรอ้ มกบั ย่อเข่าตัวลงเลก็ นอ้ ย เม่ือใกลถ้ งึ ผ้ใู หญ่ ๓) ขณะผใู้ หญน่ ง่ั หรือนอนกบั พนื้ ใหเ้ ดินผ่านระยะหา่ งพอสมควร ในลกั ษณะ ส�ำรวม เมือ่ ใกล้ถงึ ผู้ใหญ่ ใหเ้ ดินเขา่ ค้อมตัวเลก็ น้อย มอื แนบขา้ งลำ� ตัว เมอ่ื ผา่ นไปแลว้ จงึ ลกุ ขึน้ ยนื ๔.๖ การเดนิ นำ� หรอื เดนิ ตามผ้ใู หญ่ ๑) การเดินน�ำ เช่น การเดินน�ำการบรรยาย ให้เดินระยะห่างพอสมควร ในลกั ษณะสำ� รวม ผเู้ ดนิ นำ� จะอยูท่ างซา้ ยมอื ของผู้ใหญ่ ๒) การเดินตาม ให้เดินระยะห่างพอสมควรในลักษณะส�ำรวม ให้เดินเยื้องไป ทางซา้ ยมอื ของผใู้ หญ่ 180
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ๔.๗ การเดินเชญิ ผ้าบังสกุ ุล ๑) ผู้เชิญผ้าบังสุกุล ให้น�ำผ้าบังสุกุลวางบนพาน ไปรอท่ีเชิงบันไดหน้าเมรุ เม่ือผู้ทอดผ้าบังสุกุลมาถึง ให้ค�ำนับ แล้วจึงเดินตามทางซ้ายมือของผู้ทอดผ้าบังสุกุล ข้ึนไปท่ีต้ังศพ ทำ� ความเคารพ สง่ ผา้ บงั สกุ ลุ ใหก้ บั ผทู้ อดผา้ ทำ� ความเคารพ แลว้ ถอยหลงั ยนื รอ เมอื่ พระสงฆพ์ จิ ารณา เสรจ็ แล้ว ผูเ้ ชญิ ผา้ บงั สุกุลถือพานเดนิ ตามผู้ทอดผ้าบังสกุ ลุ ถึงเชงิ บนั ไดทำ� ความเคารพ ผทู้ อดผา้ อีก ๑ ครง้ั ๒) ผทู้ อดผา้ บงั สุกุล เมือ่ ศาสนพธิ ีกรประกาศเชญิ ผทู้ อดผา้ บงั สกุ ลุ เดินขึ้นเมรุ ไปยงั ทีต่ ั้งศพทำ� ความเคารพ ๑ ครั้ง (หากเป็นศพพระสงฆ์ให้ท�ำความเคารพโดยการไหว้ ระดบั ท่ี ๑) รับผ้าบังสุกุลจากผู้เชิญผ้าบังสุกุล วางบนผ้าโยงหรือสายโยงแล้วถอยหลังเยื้องทางซ้าย เพ่ือรอ พระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุล ขณะยืนรอให้ประนมมือ เมื่อพระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุลเสร็จ เดินลงจากเมรกุ ลบั ไปน่ังท่เี ดิม 181
บุญเปน็ อย่างน้ี ลกั ษณะของบุญคอื ใจเราดี ใจเรามคี วามสุข ใจเรามีความสบาย เยน็ อกเย็นใจ ไมท่ กุ ข์ไม่รอ้ น ไม่ว่นุ ไมว่ าย นี่แหละบุญ หลวงปฝู่ น้ั อาจาโร
ภาคผนวก
ถ้าอยากจะช�ำระก็ขอใหช้ ำ� ระ กิเลสตณั หาท่มี ีอยูใ่ นใจของเรา อย่าไปช�ำระบาป บาปน้ันชำ� ระไมไ่ ด้ ถา้ ไม่อยากจะรับผลของบาป ก็อย่าไปท�ำเสยี ตง้ั แต่วนั นี้ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
คำ� บูชาพระและค�ำอาราธนา คำ� บูชาพระ “อิเมหิ สกั กาเรหิ พุทธัง อภปิ ูชยามิ. อเิ มหิ สักกาเรหิ ธัมมัง อภปิ ชู ยาม.ิ อิเมหิ สักกาเรหิ สังฆัง อภปิ ชู ยามิ. ขา้ พระพุทธเจา้ ขอเคารพบูขาพระพทุ ธเจา้ ผเู้ ป็นสรณะทีพ่ ง่ึ ทร่ี ะลึกอยา่ งสูงและศกั ดิ์สิทธิ์ ด้วยสกั การะน้ี ข้าพระพุทธเจ้า ขอเคารพบูชาพระธรรมคือค�ำส่ังสอนของพระองค์ ซ่ึงเป็นสรณะท่ีพ่ึง ที่ระลึก อยา่ งสงู และศกั ดิ์สทิ ธ์ิ ดว้ ยสกั การะน้ี ข้าพระพุทธเจ้า ขอเคารพบูชาพระสงฆ์คือสาวกขององค์ผู้เป็นสรณะท่ีพ่ึงท่ีระลึกอย่างสูง และศกั ดสิ์ ิทธ์ิ ด้วยสกั การะน้ี” คำ� อาราธนาศลี ๕ “มะยงั ภนั เต วิสงุ วิสงุ รักขะณัตถายะ, ตสิ ะรเิ ณนะ สะหะ, ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ. ทุตยิ มั ปิ มะยัง ภันเต วิสุง วสิ ุง รักขะณตั ถายะ, ตสิ ะริเณนะ สะหะ, ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ. ตะตยิ มั ปิ มะยงั ภนั เต วสิ งุ วสิ งุ รกั ขะณตั ถายะ, ตสิ ะรเิ ณนะ สะหะ, ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ.” ค�ำอาราธนาพระปริตร “วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา, สัพพะ ทุกขะ วินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลงั . วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา, สัพพะ ภะยะ วินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง. วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา, สัพพะ โรคะ วินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มงั คะลัง.” 185
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย ค�ำอาราธนาธรรม “พรัห (ม) มา จะ โลกาธิปะตี สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันตีธะ สัตตาปปะระชกั ขะชาตกิ า เทเสตุ ธัมมงั อนกุ ัมปิมัง ปะชัง.ฯ” คำ� ถวายข้าวพระพุทธ “อิมงั , สปู ะพะยญั ชะนะสัมปนั นงั , สาลนี งั , โภชะนัง, อทุ ะกงั , วะรงั , พุทธสั สะ, ปูเชม.ิ ” คำ� ลาขา้ วพระพทุ ธ “เสสัง มังคะลัง ยาจาม.ิ ” ค�ำกรวดน้�ำปรารถนาผลสว่ นตัว (แบบย่อ) “อทิ งั เม กะตัง ปุญญัง, นพิ พานะปัจจะโย โหต,ุ อะนาคะเต กาเล. ขอบุญท่ีข้าพเจ้าได้กระท�ำแล้วนี้ จงเป็นปัจจัยให้บรรลุพระนิพพาน ในอนาคตกาล ด้วยเทอญ” คำ� กรวดน้�ำอุทิศ (แบบยอ่ ) “อทิ งั เม ญาตนิ งั โหตุ, สขุ ิตา โหนตุ ญาตะโย. ขอส่วนบุญนี้ จงส�ำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติท้ังหลายของข้าพเจ้า จงมคี วามสุข” คำ� ถวายสกั การะบุรพกษัตรยิ าธิราช พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั (รชั กาลท่ี ๕) กล่าว “นะโม” ๓ จบ และกลา่ วค�ำบชู า ดังน้ี “อุกาสะ, ปิยะมะหาราชะ, อิมินา สักกาเรนะ, ปะระมินทะ, มะหาราชะวะรัสสะ, จฬุ าลงั กะระณัสสะ, ปูเชมิ, ปยิ ะมะหาราชานุภาเวนะ, สะทา โสตถ,ี ภะวันตุ เม.ฯ (กราบ ๑ ครงั้ ไม่แบมือ)” 186
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม แบบที่ ๒ (พระบรมรปู หน้าศาลา ๑๐๐ ปี วดั เบญจมบพติ รดสุ ิตวนาราม) “ปิโย เทวะมะนสุ สานัง ปิโย พรัห (ม) มานะมุตตะโม ปโิ ย นาคะสุปณั ณานงั ปิณนิ ทะรยิ งั นะมามิหัง ปยิ ะราชานภุ าเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม.ฯ (กราบ ๑ ครงั้ ไม่แบมือ)” พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี ๖) กล่าว “นะโม” ๓ จบ และกลา่ วค�ำบชู า ดังนี้ “อุกาสะ, มะหาธีระราชะวะรสั สะ, อมิ นิ า สกั กาเรนะ, ปเู ชม,ิ มะหาธรี ะราชานุภาเวนะ, สะทา โสตถี, ภะวนั ตุ เมฯ (กราบ ๑ คร้ัง ไมแ่ บมือ)” สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กล่าว “นะโม” ๓ จบ และกลา่ วคำ� บูชา ดังนี้ “อติ ิจิตตงั , เอหิ เทวะตาหิ, จะ มะหาเตโช, นะระปชู โิ ต โส ระโส, ปจั จะยา ทปิ ปะต,ิ นะเรโส จะ มะหาราชา, เมตตา จะ กะโรต,ิ มะหาลาภงั , สะทา โสตถี ภะวันตุ เมฯ” ค�ำถวายคัมภีร์พระไตรปิฎก “มะยัง ภันเต, อิมัง, สะปะริวารัง เตปิฏะกะคันถัง สาตถัง, สัพพะยัญชะนัง, เกวะละ ปะริปุณณัง ปะริสุทธัง, จาตุททิสัสสะ ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมัง, สะปะริวารัง, เตปิฏะกะคันถัง สาตถัง สัพพะพัญชะนัง, เกวะละปะริปุณณัง, ปะริสุทธัง, ปะฏิคคณั หาตุ, อัมหากัง, ทฆี ะรตั ตงั , หิตายะ, สุขายะ. ขา้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ, ข้าพเจ้าทัง้ หลาย, ขอนอ้ มถวายซง่ึ คัมภรี ์พระไตรปฎิ ก, อันมีอรรถะ และพยญั ชนะครบถว้ นกระบวนความ, บรสิ ทุ ธบ์ิ รบิ รู ณส์ นิ้ เชงิ , กบั ทง้ั บรวิ ารเหลา่ น,ี้ แดพ่ ระภกิ ษสุ งฆ,์ ผู้มีในทิศท้ังส่ี, ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ, ซ่ึงคัมภีร์พระไตรปิฎก, อันมีอรรถะและพยัญชนะครบถ้วน กระบวนความ, บรสิ ทุ ธบ์ิ รบิ รู ณส์ น้ิ เชงิ , กบั ทง้ั บรวิ ารเหลา่ น,ี้ ของขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย, เพอ่ื ประโยชนแ์ ละ ความสขุ , แกข่ ้าพเจ้าทั้งหลาย, สนิ้ กาลนานเทอญ.ฯ” 187
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย ค�ำถวายคัมภีร์พระธรรม “มะยัง ภนั เต, อมิ งั , สะปะริวารงั , โปฏฐะกะคันถัง, พะหชุ ะนะหติ ายะ, พะหชุ ะนะสขุ ายะ, มะหาเถเรหิ, ยุตตัปปะยุตตัง, ธัมมิกัง, ธัมมะลัทธัง, จาตุททิสัสสะ, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมัง, สะปะริวารัง, โปฎฐะกะคันถัง, พะหุชะนะหิตายะ, พะหุชะนะ สขุ ายะ. มะหาเถเรหิ, ยตุ ตปั ปะยตุ ตัง, ธมั มิกงั , ธัมมะลทั ธัง, ปะฏคิ คณั หาต,ุ อัมหากงั , ทีฆะรัตตงั , หติ ายะ, สขุ ายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอน้อมถวายซ่ึงคัมภีร์ธรรม, อันพระมหาเถระ ท้ังหลาย ช�ำระสอบทานแล้ว, อันเกิดข้ึนโดยชอบธรรม, อันได้มาโดยธรรม, กับท้ังบริวารน้ี, แดพ่ ระภกิ ษสุ งฆ,์ ผมู้ ใี นทศิ ทงั้ ส,ี่ ขอพระภกิ ษสุ งฆจ์ งรบั , ซง่ึ คมั ภรี พ์ ระธรรม, อนั พระมหาเถระทง้ั หลาย, ชำ� ระสอบแลว้ , อนั เกดิ ขนึ้ แลว้ โดยชอบธรรม, อนั ไดม้ าโดยธรรม, กบั ทง้ั บรวิ ารน,้ี ของขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย, เพ่อื ประโยชนแ์ ละความสขุ , แกข่ า้ พเจ้าท้งั หลาย, สน้ิ กาลนานเทอญ,ฯ” ค�ำถวายสลากภัต “เอตานิ มะยัง ภันเต, สะลากะภัตตานิ, สะปะริวารานิ, อะสุกัฏฐาเน, ฐะปิตานิ, ภิกขสุ งั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขสุ งั โฆ, เอตานิ สะลากะภตั ตานิ, สะปะรวิ าราน,ิ ปะฏิคคัณหาต,ุ อมั หากัง, ทฆี ะรัตตงั , หิตายะ, สขุ ายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอน้อมถวายสลากภัต, กับทั้งบริวารเหล่าน้ี, ซ่ึงต้ังไว้ ณ ที่น้ัน, แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จบรับซ่ึงสลากภัต, กับท้ังบริวารเหล่านี้, ของขา้ พเจ้าท้งั หลาย, เพ่ือประโยชนแ์ ละความสขุ , แก่ข้าพเจ้าท้งั หลาย, ตลอดกาลนานเทอญ.ฯ” ค�ำถวายขา้ วสาร “อมิ านิ มะยงั ภนั เต, ตณั ฑลุ าน,ิ สะปะรวิ าราน,ิ ภกิ ขสุ งั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขุสงั โฆ, อิมาน,ิ ตณั ฑลุ านิ, สะปะริวาราน,ิ ปะฏคิ คัณหาต,ุ อัมหากัง, ทีฆะรัตตงั , หติ ายะ, สขุ ายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอน้อมถวายข้าวสาร, กับทั้งบริวารเหล่าน้ี, แด่พระภิกษุสงฆ์, ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับข้าวสาร, กับท้ังบริวารเหล่านี้, ของข้าพเจ้าท้ังหลาย, เพ่ือประโยชนแ์ ละความสขุ , แกข่ ้าพเจา้ ท้งั หลาย, ตลอดกาลนานเทอญ.ฯ” 188
กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม ค�ำถวายอโุ บสถ “มะยงั ภันเต, อิมงั อโุ ปสถาคารงั , สังฆัสสะ, นิยยาเทมะ, สาธุ โน ภนั เต, ภกิ ขุสังโฆ, อมิ งั , อุโปสถาคารัง, ปะฏคิ คัณหาต,ุ อมั หากงั , ทีฆะรตั ตัง, หิตายะ, สุขายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอมอบถวายซึ่งอุโบสถหลังนี้แด่พระสงฆ์, ขอพระสงฆ์จงรับซ่ึงอุโบสถหลังนี้, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, เพื่อประโยชน์และความสุข, แก่ข้าพเจ้า ทัง้ หลาย, สิน้ กาลนานเทอญ.ฯ” ค�ำถวายปราสาทผง้ึ “มะยัง ภันเต, อิมัง, สะปะริวารัง, มะธุปุปผะปาสาทัง, อิมัสมิง วิหาเร, ภิกขุสังฆัสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภกิ ขุสงั โฆ, อิมัง, สะปะริวารงั , มะธปุ ปุ ผะปาสาทงั , ปะฏิคคัณหาตุ, อมั หากงั , ทีฆะรตั ตัง, หิตายะ, สขุ ายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอมอบถวายปราสาทผ้ึงกับท้ังบริวารน้ี, แด่พระภิกษุสงฆ์ในวัดนี้, ขอพระสงฆ์จงรับปราสาทผ้ึงกับท้ังบริวารนี้, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, เพ่ือประโยชนแ์ ละความสขุ , แกข่ ้าพเจ้าทั้งหลาย, สิ้นกาลนานเทอญ.ฯ” ค�ำถวายยานพาหนะ “มะยงั ภันเต, อิมัง, ยานงั , ภิกขสุ งั ฆสั สะ, นยิ ยาเทมะ, สาธุ โน ภนั เต, ภิกขุสงั โฆ, อิมัง, ยานงั , ปะฏิคคัณหาตุ, อมั หากัง, ทีฆะรตั ตัง, หิตายะ, สขุ ายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผเู้ จรญิ , ข้าพเจา้ ท้ังหลาย, ขอมอบถวายซึ่งยานพาหนะน้,ี แด่พระภกิ ษสุ งฆ,์ ขอพระสงฆ์จงรับซ่ึงยานพาหนะน้ี, ของข้าพเจ้าทั้งหลาย, เพ่ือประโยชน์และความสุข, แก่ข้าพเจ้า ทง้ั หลาย, สิ้นกาลนานเทอญ.ฯ” ค�ำถวายสะพาน “มะยงั ภนั เต, อมิ งั , เสตุง, มะหาชะนานงั , สาธาระณตั ถายะ, นยิ ยาเทมะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมัสมิง, เสตุมหิ, นิยยาทิเต, สักขิโก โหตุ, อิทัง, เสตุทานัง, อัมหากัง, ทีฆะรัตตัง, หติ ายะ, สุขายะ, สงั วตั ตะตุ.ฯ ขา้ แตพ่ ระสงฆผ์ ู้เจริญ, ข้าพเจา้ ทง้ั หลาย, ขอมอบถวายซง่ึ สะพานน,้ี เพือ่ ประโยชนท์ ัว่ ไปแก่ มหาชนทงั้ หลาย, ขอพระสงฆจ์ งเปน็ พยาน, แกข่ า้ พเจา้ ทง้ั หลาย, ในสะพานทขี่ า้ พเจา้ ทง้ั หลายไดม้ อบ ให้แล้วนี้, ขอการถวายสะพานนี้, จงเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุข, แก่ข้าพเจ้าท้ังหลาย, สิ้นกาลนานเทอญ.ฯ” 189
ศาสนพธิ ีและมารยาทไทย ค�ำถวายเสนาสะ “มะยัง ภันเต, อิมัง เสนาสะนัง, อาคะตานาคตัสสะ, จุททิสสัสสะ, ภิกขุสังฆัสสะ, นิยยาเทมะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมัง, เสนาสะนัง, ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขาย. ข้าแตพ่ ระสงฆผ์ ู้เจรญิ , ข้าพเจา้ ทัง้ หลาย, ขอมอบถวายเสนาสนะเหล่านี,้ แดพ่ ระภิกษุสงฆผ์ ู้ มใี นทศิ ทง้ั ๔, ทมี่ าแลว้ กด็ ,ี ยงั ไมม่ ากด็ ,ี ขอพระภกิ ษสุ งฆจ์ งรบั เสนาสนะเหลา่ น,ี้ ของขา้ พเจา้ ทง้ั หลาย, เพื่อประโยชน์และความสขุ , แก่ขา้ พเจา้ ทง้ั หลาย, สน้ิ กาลนานเทอญ.ฯ” ค�ำถวายศาลาโรงธรรม “มะยัง ภันเต, อิมัง สาลัง, ธัมมะสะภายะ, อุททิสสะ, จาตุททิสัสสะ, ภิกขุสังฆัสสะ, นิยยาเทมะ, สาธุ โน ภนั เต, ภิกขสุ ังโฆ, อิมัง สาลัง, ปะฏคิ คัณหาตุ, อัมหากงั , ทีฆะรัตตงั , หติ ายะ, สุขายะ. ขา้ แต่พระสงฆ์ผ้เู จรญิ , ข้าพเจ้าทงั้ หลาย, ขอมอบถวายศาลาหลงั น,้ี แด่พระภิกษสุ งฆผ์ มู้ ีใน ทิศทั้ง ๔, อทุ ิศเพอ่ื เป็นสถานท่แี สดงธรรม, ขอพระภกิ ษุสงฆ์จงรบั ศาลาหลังน,ี้ ของขา้ พเจา้ ท้ังหลาย, เพือ่ ประโยชน์และความสุข, แก่ข้าพเจ้าท้งั หลาย, สิ้นกาลนานเทอญ.ฯ” ค�ำถวายเวจกุฎี “มะยัง ภันเต, อิมัง, วัจจะกุฏิง, อาคะตานาคะตัสสะ, จาตุททิสัสสะ, ภิกขุสังฆัสสะ, นิยยาเทมะ, สาธุ โน ภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมัง วัจจะกุฏิง, ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ. ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้าพเจ้าท้ังหลาย, ขอมอบถวายเวจกุฎีหลังน้ี, แด่พระภิกษุสงฆ์ ผ้มู ีในทิศทั้ง ๔, ท่ีมาแล้วก็ด,ี ยังไมม่ าก็ดี, ขอพระภกิ ษสุ งฆ์จงรับเวจกุฎีหลังนี,้ ของข้าพเจา้ ทงั้ หลาย, เพื่อประโยชน์และความสขุ , แก่ขา้ พเจ้าท้ังหลาย, ส้นิ กาลนานเทอญ.ฯ” 190
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234