“...พอเพียง มคี วามหมายกวา้ งขวางยง่ิ กว่าน้ีอกี คอื คำาว่าพอ กพ็ อเพยี งน้กี ็พอแค่น้ันเอง คนเราถา้ พอในความต้องการกม็ คี วามโลภน้อย เม่ือมีความโลภน้อยกเ็ บยี ดเบียนคนอน่ื นอ้ ย ถา้ ประเทศใดมีความคิดอนั นี้ มีความคิดวา่ ทาำ อะไรต้องพอเพยี ง หมายความวา่ พอประมาณ ซือ่ ตรง ไมโ่ ลภอยา่ งมาก คนเรากอ็ ยู่เปน็ สขุ พอเพยี งนอี้ าจมีมากอาจจะมีของหรูหรากไ็ ด้ แต่วา่ ต้องไมเ่ บียดเบยี นคนอ่นื ...” พระราชดาำ รสั เน่อื งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั วนั ท่ี 4 ธนั วาคม 2551
ค�ำน�ำ... กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไดจ้ ดั ทำ� หนงั สอื “๑๒๒ อาชพี เกษตรกรรมทางเลอื ก” เพ่ือเผยแพร่องค์ความรู้ ในการประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมที่เหมาะสมใน การด�ำเนินชีวิต และการพึ่งพาตนเอง ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งกองนโยบายเทคโนโลยีเพ่ือการเกษตรและเกษตรกรรมย่ังยืน ส�ำนักงานปลัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ด�ำเนินการปรับปรุง และจ�ำแนกเน้ือหาในแต่ละ อาชีพเพอื่ เผยแพร่ใหเ้ กษตรกร และผ้ทู ีส่ นใจใช้เปน็ แนวทางในการประกอบอาชีพ ประกอบดว้ ย ทางเลอื กอาชพี ดา้ นหมอ่ นไหม ทางเลอื กอาชพี ดา้ นปศสุ ตั ว์ ทางเลอื ก อาชีพด้านการผลิตอาหารสัตว์ ทางเลือกอาชีพด้านประมง ทางเลือกอาชีพด้าน การแปรรูปอาหาร ทางเลือกอาชีพด้านพืช ทางเลือกอาชีพด้านการแปรรูป ผลิตภณั ฑ์อ่ืนๆ และทางเลือกอาชพี สมุนไพรไทย ภมู ปิ ญั ญาอนั ทรงคณุ คา่ อยา่ งยงิ่ ของคนไทยประเภทหนง่ึ ทเ่ี ปน็ ทรี่ จู้ กั กนั ดี กค็ อื การประยกุ ต์ใชป้ ระโยชน์ “สมนุ ไพรไทย” โดยในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ มกี ารบม่ เพาะองค์ ความรู้ถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่น วิถีชีวิตของคนไทยนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมี ความเกย่ี วขอ้ งกบั สมนุ ไพรหลายดา้ น เชน่ การใชส้ มนุ ไพรรกั ษาโรค การใชส้ มนุ ไพร ในอาชพี การเกษตร เปน็ ต้น การจัดท�ำหนังสอื “ทางเลือกอาชพี ด้านสมนุ ไพรไทย” เปน็ การรวบรวมความรู้ และข้อมลู การประยุกต์ใช้สมนุ ไพรไทยของศนู ยเ์ ครือข่าย ปราชญช์ าวบา้ น เพอ่ื เผยแพร่ใหแ้ กเ่ กษตรกร และผทู้ สี่ นใจนำ� ไปประยกุ ต์ใชป้ ระโยชน์ เป็นการอนุรกั ษ์ และสืบทอดองคค์ วามรู้ และภมู ปิ ัญญาไทย อนั ทราบคุณค่ามใิ ห้ สญู หายไปตามกระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในการจัดท�ำหนงั สอื “ทางเลอื กอาชพี ดา้ นสมนุ ไพร” เลม่ น้ี ไดร้ บั ความรว่ มมอื ในการอนุเคราะห์ข้อมูลเป็นอย่างดีศูนย์เครือขา่ ยปราชญ์ชาวบา้ น และส�ำนักงาน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งกองนโยบายเทคโนโลยีเพื่อการเกษตร และเกษตรกรรมยั่งยืน ส�ำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอขอบคุณ มา ณ โอกาสนี้ดว้ ย กองนโยบายเทคโนโลยเี พอื่ การเกษตรและเกษตรกรรมยงั่ ยนื มีนาคม 2556
ส Cารบัญ ontents บทน�ำ 5 10 สมนุ ไพรรกั ษาโรค 15 ลูกประคบสมุนไพร 19 การอบสมุนไพร 21 การใชป้ ระโยชนจ์ ากสมนุ ไพรในการเกษตร 36 ตวั อย่างพชื สมุนไพรท่ีใช้ประโยชน์ทางการเกษตร 38 สูตรสมนุ ไพรกำ� จดั เพล้ยี 39 สูตรสมุนไพรกำ� จัดหนอน 40 สูตรสมนุ ไพรกำ� จดั โรคพืช 41 สตู รสมนุ ไพรกำ� จัดหอยเชอร ่ี 42 สูตรสมนุ ไพรไล่แมลงจากสะเดา 45 นำ้� หมักสมนุ ไพรไลแ่ มลง 46 การกลนั่ สมุนไพรไล่แมลง การท�ำถา่ ยอัดแหง่ สมุนไพรไลแ่ มลง
สมุนไพรไทย “สมุนไพร” เป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ บรรพบรุ ษุ ของไทยไดส้ งั เกต ทดลอง บ่มเพาะองคค์ วามรู้ และถ่ายทอดเป็น ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น มีการประยุกต์ตามสภาพทางสังคม วัฒนธรรม และ ส่ิงแวดล้อม องค์ความรู้ในการใช้สมุนไพรจะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถ่ิน ข้ึนอยู่กับภูมินิเวศน์และสภาพแวดล้อม โดยทั่วไปการน�ำส่วนประกอบของ พชื สมนุ ไพรมาใชท้ งั้ สมนุ ไพรสดและแหง้ เพอ่ื ใชป้ ระโยชนส์ ำ� หรบั การรกั ษาโรค รกั ษาอาการภายนอก การบำ� รงุ รา่ งกาย รวมถงึ การใชป้ ระโยชนท์ างการเกษตร พชื สมนุ ไพรแตล่ ะชนดิ คณุ ลกั ษณะเฉพาะ ซง่ึ ผทู้ เ่ี ปน็ ปราชญช์ าวบา้ นในแตล่ ะ ภูมิภาคมีความเชี่ยวชาญที่เกิดขึ้นจากการสั่งสมประสบการณ์ องค์ความรู้ และภูมิปัญญาในการประยุกต์ใช้สมุนไพรเพื่อใช้ประโยชน์ ซึ่งจ�ำแนกเป็น 4 ด้าน คอื 1) สมนุ ไพรรักษาโรค 2) ลกู ประคบสมนุ ไพร 3) การอบสมนุ ไพร และ 4) สมุนไพรที่ใช้ในการเกษตร ดังนี้ 4 สมนุ ไพรไทย
สมุนไพรรักษาโรค สังคมไทยมีการน�ำสมุนไพรมาใช้เพื่อการรักษาโรคต้ังแต่บรรพบุรุษ โดยววิ ฒั นาการในดา้ นการศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั ในการนำ� พชื สมนุ ไพรมาใช้ มกี าร ลองผิดลองถูก จนค้นพบวิธีการใช้สมุนไพรเพ่ือการรักษาโรคท่ีหลากหลาย แตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะทอ้ งถน่ิ ทงั้ น้ี ประสทิ ธภิ าพในการรกั ษาโรคดว้ ยสมนุ ไพรนน้ั จะขนึ้ อยกู่ บั ชนดิ ของโรคและอาการของผปู้ ว่ ย การใชส้ มนุ ไพรเพอ่ื การรกั ษาโรค มีท้ังการรับประทานสด แห้ง บดละเอียดผสมน้�ำผ้ึง (ยาลูกกลอน) ต้มเป็นน�้ำด่ืม ซ่ึงวิธีการดังกล่าวได้ถูกถ่ายทอดเพ่ือการใช้ประโยชน์ให้กับ คนรนุ่ หลงั ทงั้ นี้ องคค์ วามรสู้ มนุ ไพรจากภมู ปิ ญั ญาของศนู ยเ์ ครอื ข่ายปราชญ์ ชาวบา้ นมรี ายละเอียด ดังน้ี สมุนไพรไทย 5
ยาธาตอุ บเชย วัตถดุ บิ 1. เปลอื กอบเชย 50 กรมั 2. เปลอื กสมุนแว้ง 50 กรมั 3. ชะเอมเทศ 50 กรมั 4. ก้านพลู 25 กรมั 5. การบรู 25 กรัม 6. เมนทอล 5 กรมั น�ำตัวยาจากขอ้ 1-4 มาโขลกรวมกันให้ละเอยี ด แลว้ หอ่ ด้วยผา้ ขาวบาง ผกู ให้แนน่ แลว้ นำ� ไปต้มใส่นำ�้ ประมาณ 5,000 ซีซี จนยาออกมาหมด ใช้เวลา ประมาณ 30 นาที แล้วยกลง ตกั เอาหอ่ ยาออก นำ� การบรู เมนทอล ใสล่ งไป ในขณะน�้ำยงั อุ่น ทิง้ ไว้ให้เย็นแล้วบรรจุขวดปดิ ฝาใหส้ นทิ เก็บไว้รับประทาน วิธใี ช้ รับประทานครง้ั ละ 1 ช้อนโตะ๊ กอ่ นอาหารหรือเวลาทอ้ งอดื จะชว่ ยแก้ อาการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ ช่วยย่อยและเจรญิ อาหาร ทมี่ า : ศนู ยก์ ารเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี งชมุ ชนสวนอา่ งแกว้ จงั หวดั ยโสธร 6 สมนุ ไพรไทย
สมุนไพรถอนพษิ งู วัสดุ/อุปกรณ์ 1. ต้นสมดั น้อย 2. ตน้ กระดูกงู 3. ดีงู 4. น้ำ� ซาวขา้ ว ขั้นตอน/วธิ กี ารทำ� วธิ ีท่ี 1 สำ� หรับแผลทเ่ี ปื่อย 1. น�ำตวั ยาไปตม้ กับนำ�้ ซาวขา้ วใหเ้ ดือด 2. น�ำสว่ นที่เปน็ แผลไปรมกบั ไอน�้ำที่เดือด ทำ� ทกุ วนั จนกวา่ จะหาย วิธที ี่ 2 ส�ำหรับแผลสด 1. น�ำตน้ กระดกู งมู าฝนหิน นำ้� กระสายคอื น�้ำฝนอยา่ งเดียว แลว้ นำ� ดีงู มาผสมกบั ยาทผ่ี สมไวแ้ ล้ว 2. น�ำไปสักตามร่างกาย การใชป้ ระโยชน์ ใช้ถอนพษิ งู ท่ีมา : ศนู ยป์ ราชญช์ าวบา้ นนายวิชยั ทวินนั ท์ จังหวดั รอ้ ยเอ็ด ครีมรกั ษาไฟไหม้ น�ำ้ รอ้ นลวก วัสดุ / อปุ กรณ์ นำ้� มันมะพร้าว 500 ซซี ี น้�ำปูนใส 200 – 300 ซซี ี ดนิ สอพองสะตุดแี ล้ว 30 กรมั พิมเสน 15 กรัม ชนั สนและชันตะเคียน อย่างละ 30 กรัม สมนุ ไพรไทย 7
วธิ ีทำ� 1. น�ำน้�ำปูนใสใส่ลงไปในน�ำ้ มนั มะพร้าว กวนใหเ้ ข้ากันจนเป็นครมี ขาว 2. เตมิ ดนิ สอพองที่บดเป็นผง กวนให้เข้ากนั 3. เตมิ ชนั สนและชนั ตะเคยี นทบ่ี ดเปน็ ผงคนรวมกนั แลว้ กรองใหล้ ะเอยี ด ดว้ ยตะแกรง กวนใหเ้ ขา้ กนั จากนัน้ ใส่พมิ เสนแลว้ จึงกวนให้เขา้ กัน 4. นำ� ไปตากแดดให้รอ้ น เพ่ือปอ้ งกันการแยกตัว เสรจ็ แลว้ น�ำไปบรรจุ กระปุกเก็บไว้ใช้ได้นานหลายเดือน หมายเหตุ : สดั ส่วนแต่ละอยา่ งให้ไว้นีโ้ ดยประมาณ (หากเติมนำ้� ปูนใสมาก เกินไปจะเปน็ ครมี มากข้ึน) ในตำ� ราดง้ั เดิมไม่ไดร้ ะบปุ ริมาณสว่ นผสม แต่ระบุ วา่ ให้ใสพ่ อสมควร ใสส่ มนุ ไพรทลี ะอย่างกวนใหเ้ ขา้ กนั กอ่ น จะใสช่ นดิ ไหนกอ่ น หรอื หลงั แลว้ แต่ความพอใจ สรรพคุณ : นำ�้ ดา่ งมรี สฝาดจะชว่ ยสมานแผลทาในบรเิ วณทเ่ี กดิ อกั เสบ ทำ� ให้ แผลรดั ตวั แหง้ เรว็ นำ�้ มนั มะพรา้ วจะชว่ ยนำ� ตวั ยาซมึ สผู่ วิ หนงั ไดด้ ี โดยดนิ สอพอง จะมีคุณสมบัติเย็น จะช่วยดูดซับพิษแผลท่ีเกิดจากไฟไหม้ และน้�ำเหลือง นำ�้ หนอง สว่ นชนั สน และชนั ตะเคียนจะชว่ ยรกั ษาอาการอกั เสบของบาดแผล ท่มี า : ศูนย์กสกิ รรมธรรมชาติตมุ้ โฮม จงั หวดั มุกดาหาร 8 สมนุ ไพรไทย
แปง้ กล้วย สว่ นผสม - กล้วยน�้ำวา้ - มะขามเปียก ขัน้ ตอน/วิธที ำ� - นำ� กลว้ ยดบิ มาปลอกเปลอื กออก แชใ่ นนำ้� มะขามเปยี กเพอื่ ใหก้ ลว้ ยไมด่ ำ� - ห่ันกล้วยตามแนวกวา้ งเป็นชิ้นบาง - นำ� กลว้ ยท่หี ั่นแลว้ มาตากแดดหรอื อบให้แหง้ - เมือ่ กล้วยแหง้ แล้วให้น�ำมาบดหรือโขลกจนเปน็ แป้ง - นำ� มาบรรจใุ สแ่ คปซูล หรอื ใส่ภาชนะปดิ ใหม้ ิดชิด ประโยชน์ เป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องเสีย แก้โรคกระเพาะอาหาร อาหารไม่ย่อย กรดไหลยอ้ น และแปง้ กลว้ ยยงั สามารถนำ� ไปเปน็ สว่ นผสมสำ� หรบั ทำ� ขนม แทนแปง้ หมายเหตุ : ใช้กล้วยดิบทัง้ ลกู โดยไม่ปลอกเปลือกจะเพ่มิ คุณคา่ มากขน้ึ ทมี่ า : ศนู ยเ์ ครอื ขา่ ยปราชญช์ าวบา้ นนายวนิ ยั สวุ รรณไตร จงั หวดั ฉะเชงิ เทรา สมนุ ไพรไทย 9
ลูกประคบสมุนไพร ลกู ประคบสมนุ ไพร เปน็ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการน�ำ สมุนไพรหลายชนิดมาผ่าน กระบวนการทำ� ความสะอาด แล้วน�ำมาห่ันหรือสับให้เป็น ชน้ิ ตามขนาดทตี่ อ้ งการ หาก ใช้สดให้ต�ำหรือบดพอแตก หากใชแ้ หง้ ใหอ้ บหรอื ตากแดด ให้แห้งแล้วบดหยาบ น�ำมา ห่อรวมกันไว้ด้วยผ้าให้ได้รูป ทรงต่างๆ เช่น ทรงกลม รูปหมอน เป็นต้น แล้วน�ำไปนึ่งด้วยไอน้�ำร้อน เพ่ือประคบบริเวณรา่ งกาย จะช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดอาการบวมอกั เสบของกลา้ มเนื้อ ข้อต่อ หลัง ลดอาการเกร็งของกล้ามเน้ือ และอาการติดขัดข้อต่อ ช่วยเพิ่มการ ไหลเวียนของโลหติ และบรรเทาอาการปวด การทำ� ลกู ประคบในแตล่ ะภมู ภิ าคจะมพี ชื สมนุ ไพรทเี่ ปน็ สว่ นผสมแตกตา่ ง กันไปตามองค์ความรู้ของแต่ละท้องถน่ิ เชน่ การทำ� ลูกประคบสมนุ ไพรของ ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านในภาคกลาง วิธีการท�ำเป็นลักษณะใช้ สมนุ ไพรแหง้ สว่ นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื การทำ� ลกู ประคบสมนุ ไพร ประกอบ ด้วยหัวไพล ขมิ้นชัน ตะไคร้ มะกรูด ใบมะขาม ใบส้มป่อย เกลือ การบูร หน่ั หรอื สบั แลว้ จงึ หอ่ ดว้ ยผา้ ขาวบาง โดยวธิ กี ารทำ� เปน็ ลกั ษณะการใชส้ มนุ ไพรสด น�ำไปน่ึงแล้วน�ำมาใช้ได้ทันที ส�ำหรับภาคเหนือจะมีข่าเป็นส่วนประกอบ ร่วมกัน และวิธีการท�ำเป็นลักษณะของการใช้สมุนไพรแห้งโดยการตากแดด 10 สมนุ ไพรไทย
ให้แห้งก่อนจึงน�ำมาผสมรวมกันห่อด้วยผ้าขาวบาง แล้วจึงน�ำไปนึ่งก่อนใช้ ตัวอย่างสูตรลูกประคบสมุนไพรของศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านในแต่ละ ภูมิภาคมดี ังน้ี วสั ดอุ ปุ กรณ์ ผา้ ขาวบางหรอื ผา้ ดบิ เชอื ก กะละมงั ตอู้ บลมรอ้ น เครอ่ื งบด หมอ้ สำ� หรบั นึ่งลูกประคบ และตัวยาสมุนไพรทใี่ ชท้ �ำลกู ประคบ มี 5 สูตร พร้อมวธิ ีการทำ� ดังนี้ สูตรที่ 1 • ใบมะขาม 100 กรัม • ใบสม้ ปอ่ ย 50 กรัม • ไพล 500 กรัม • ขมิน้ ชนั 100 กรมั • ผวิ มะกรูด 100 กรมั • ตะไครบ้ ้าน 200 กรมั • เกลอื 60 กรัม • การบูร 30 กรัม • พิมเสน 30 กรมั สูตรท่ี 2 ไพล 15% ขมิ้นชัน 15% ตะไคร้ 15% วา่ นนางคำ� 5% ว่านชักมดลูก 5% วา่ นน้ำ� 5% เปราะหอม 3% ใบพลบั พลงึ 2% ผวิ มะกรูด 10% เปลือกส้ม 5% ใบส้มป่อย 2% ใบมะขาม 3% เตยหอม 5% การบรู 2.5% พิมเสน 2.5% เกลือ 5% วิธีทำ� น�ำสมุนไพรท้ังหมดมาคลุกเคล้ากัน (ยกเว้นเกลือ การบูร พิมเสน) อบในตอู้ บลมร้อนที่อณุ หภมู ิ 60-80 องศา ประมาณ 1 ชวั่ โมง น�ำสมุนไพรที่ อบเสรจ็ แลว้ มาบดหยาบ น�ำเกลือ การบรู พิมเสน มาคลกุ เคลา้ กบั สมุนไพร ทบี่ ดได้ ตักสมุนไพรใสผ่ ้าดบิ หรอื ผ้าขาวบางท่เี ตรียมไว้ มัดด้วยเชือกให้แนน่ สมนุ ไพรไทย 11
สตู รที่ 3 1. ไพล 1 ส่วน 2. ขม้นิ อ้อย 1 สว่ น 3. ใบมะขาม 1 สว่ น 4. ใบส้มป่อย 1 สว่ น 5. เกลอื 1 ส่วน วิธที �ำ น�ำเอายาทั้งหมดสับให้ละเอียดคลุกให้เข้ากันแล้วจึงน�ำผ้ามาห่อเป็น ลูกประคบ สตู รท่ี 4 เหง้าไพล (ว่านไฟ) 500 กรัม (บรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการอกั เสบ) ผวิ มะกรดู 10 ลกู (บรรเทาอาการวงิ เวียน) ตะไครบ้ ้าน 200 กรัม (บรรเทาอาการปวดเมอ่ื ย ลดการอักเสบ) ใบมะขาม 100 กรมั (บรรเทาอาการคนั ตามร่างกาย บ�ำรงุ ผวิ ) ขม้นิ ชัน 100 กรมั (บรรเทาอาการฟกชำ้� เม็ดผดผืน่ คนั ) ขมนิ้ ออ้ ย 100 กรัม (บรรเทาอาการฟกช�ำ้ เม็ดผดผื่นคนั ) ใบส้มป่อย 50 กรัม (ชว่ ยบ�ำรุงผวิ ) เกลือแกง 60 กรมั (ช่วยดูดความรอ้ น และช่วยพาตัวยาผ่านซึม) 12 สมุนไพรไทย
การบูร 30 กรัม (แต่งกลิ่น บำ� รงุ หัวใจ แกพ้ ุพอง) พมิ เสน 30 กรัม (แตง่ กลนิ่ แก้พพุ อง แกห้ วัด) วธิ ีท�ำ 1. ลา้ งสมุนไพรแต่ละชนดิ ให้สะอาด ห่นั แลว้ โขลกพอหยาบ 2. นำ� สมนุ ไพรทต่ี ำ� แลว้ มาคลกุ เคลา้ กบั พมิ เสน การบรู เกลอื คนใหเ้ ขา้ กนั 3. แบง่ ตัวยาออกเป็น 3 สว่ น ใชผ้ า้ หอ่ ลูกประคบรดั ด้วยเชอื กใหแ้ นน่ 4. นำ� ลกู ประคบไปนง่ึ ครงั้ ละ 3 ลกู ประมาณ 15-20 นาที เปลยี่ นประคบ บริเวณที่ต้องการ ที่มา : ศนู ยป์ ราชญช์ าวบ้านชมุ ชนราชธานอี โศก จงั หวัดอุบลราชธานี สตู รท่ี 5 สว่ นประกอบ (ส�ำหรับ 2 ลูก) - หัวไพล 500 กรมั (ครง่ึ กิโลกรัม) - ขมิน้ อ้อย 200 กรัม - ขม้นิ ชนั 200 กรมั - ตะไคร ้ 300 กรมั - ลูกมะกรูด+ใบ 3 ลูกใหญ่ +100 กรัม - ใบมะขาม 200 กรัม - ใบสม้ ป่อย 200 กรัม - เกลอื 60 กรัม - พิมเสน 30 กรมั - การบูร 30 กรมั - เถาเอ็นอ่อน 200 กรัม (ถา้ มี) สมนุ ไพรไทย 13
วธิ ีทำ� 1. เอาตวั ยาทง้ั หมดมาต�ำรวมกัน 2. เคลา้ กับเกลอื การบรู และพมิ เสน 3. ใชผ้ า้ หอ่ แลว้ มัดใหแ้ น่นทำ� เป็นลกู ประคบ 2 ลกู 4. น�ำไปวางบนปากหมอ้ หรือนงึ่ ในหมอ้ นึง่ ท่มี ีน้ำ� เดอื ด ค�ำแนะน�ำ ลูกประคบส�ำหรับสตรีหลังคลอดจะประกอบไปด้วย หัวตะไคร้ ขิงแก่ มะกรูด เหง้าไพล ใบมะขาม ใบส้มเสี้ยว ชะลูด ขม้ินอ้อย หัวหอมแดง ผวิ สม้ โอ และเกลือ รวม 11 ส่งิ แต่ละอย่างหนักเท่ากนั ต�ำใหล้ ะเอียดแลว้ ใส่ การบรู ดว้ ยเลก็ นอ้ ย นำ� มารวมกนั หอ่ ทำ� ลกู ประคบ เพอ่ื ใชป้ ระคบภายหลงั จาก ประคบแล้วจะนำ� ไปต้มนำ�้ เพอื่ การเขา้ กระโจมอบตัวตอ่ ไป สว่ นน�ำ้ ยาสมุนไพร ทต่ี ม้ น้ี หลงั จากการเข้ากระโจมแล้วยังนำ� ไปใชอ้ าบไดด้ ้วย ที่มา : ศูนยภ์ มู ิรกั ษ์ธรรมชาติ จังหวดั นครนายก วิธกี ารใช้และประโยชนจ์ ากลกู ประคบ เป็นวิธีการบ�ำบัดรักษาของแพทย์แผนไทย ท่ีน�ำมาใช้ควบคู่กับการนวด ไทยโดยจะใชป้ ระคบหลงั การนวด หรอื ประคบไปพรอ้ มกบั นวดไปกไ็ ด้ ใชเ้ วลา ประมาณ 15-20 นาที ต่อการประคบ 1 ครง้ั ถา้ เป็นหญงิ หลังคลอดบุตรควร ให้เพม่ิ อกี 1 ลกู ส�ำหรับนัง่ ทบั ลูกประคบที่ท�ำครง้ั หนึ่ง อาจใช้ได้นาน 3-5 วัน ควรรักษาเกบ็ ในตูเ้ ยน็ จะอยไู่ ดน้ านขึ้น กรณีเกิดอุบัติเหตุ เช่น ล้ม กระแทก มีอาการฟกช�้ำ เคล็ดขัดยอก ใน 24 ช่ัวโมงแรกให้ประคบความเย็น เพ่ือมิให้เลือดมาค่ังมากเกินไป และ บรรเทาอาการปวด หลังจาก 24 ช่วั โมงไปแล้ว จงึ ใช้ประคบร้อนได้ 14 สมุนไพรไทย
การอบสมนุ ไพร การอบสมุนไพรเป็นวิธีบ�ำบัดรักษาอย่างหนึ่ง ช่วยให้การไหลเวียนของ โลหติ ดขี นึ้ ทำ� ใหร้ า่ งกายสดชน่ื ผวิ พรรณเปลง่ ปลง่ั มนี ำ�้ มนี วลชว่ ยใหเ้ สน้ เลอื ด ฝอยขยายตัว รูขุมขนเปิดเพื่อขับถ่ายของเสียออกทางผิวหนัง ช่วยบรรเทา อาการปวดเม่ือย ผ่อนคลายกล้ามเน้ือ จะใช้ควบคู่กับการนวดแผนไทย โดยมากมักใช้หลังการนวดเสร็จแล้ว ช่วยลดอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ ขอ้ ต่อ ชว่ ยใหเ้ น้ือเยอื่ พงั ผืดหยุ่นตัว ร่างกายสดช่ืน โรคหรอื อาการทส่ี ามารถ บ�ำบดั รกั ษาด้วยการอบสมุนไพร ได้แก่ 1. โรคภูมแิ พ้ 2. โรคหอบหดื ทีอ่ าการไม่รนุ แรง 3. เปน็ หวัด น้�ำมูกไหล แต่ไมแ่ หง้ คนั 4. โรคทไี่ มไ่ ด้เปน็ การเจ็บปว่ ยเฉพาะที่ 5. โรคท่สี ามารถใชก้ ารอบรว่ มกบั การรกั ษา 6. ส่งเสริมสขุ ภาพมารดาหลงั คลอด ข้อควรระวัง ห้ามท�ำการอบสมุนไพรหากมีอาการดังต่อไปน้ี มีไข้สูง เป็นโรคติดตอ่ ร้ายแรง มีโรคประจ�ำตวั เช่น โรคหัวใจ หอบหดื ระยะรุนแรง ลมชัก สตรีขณะมีประจ�ำเดือน มีการอักเสบจากบาดแผลเปิดและแผลปิด ออ่ นเพลยี อดอาหาร อดนอน หลังทานอาหารใหม่ ปวดศรี ษะ วิงเวยี นศีรษะ และคล่นื ไส้ ตัวอย่างสมนุ ไพรสดทใี่ ช้ในการอบ l ไพล : แก้ปวดเมอ่ื ย ครั่นเนอ้ื คร่นั ตวั l ขมนิ้ ชนั : แก้โรคผิวหนังสมานแผล l ตะไคร ้ : ดับกลิน่ คาว บำ� รุงธาตุไฟ l ใบ - ผวิ มะกรูด : แก้ลมวงิ เวยี น สมุนไพรไทย 15
l ใบหนาด : แก้โรคผิวหนัง พพุ องน�้ำเหลอื งเสีย l ว่านนำ�้ : ช่วยขับเหงอื่ แก้ไข้ l ใบสม้ ป่อย : แกห้ วดั แกป้ วดเมือ่ ย l กระชาย : แก้ปวดเมอ่ื ย ปากแตกเปน็ แผล ใจส่นั l ใบเปลา้ ใหญ่ : ถอนพิษ ผิดส�ำแดงบ�ำรุงผวิ ตัวอยา่ งสมนุ ไพรแหง้ ที่ใชใ้ นการอบ l เหงอื กปลาหมอ : แก้โรคผิวหนงั พพุ อง l ชะลูด : แก้รอ้ นใน กระสับกระสา่ ยดีพิการ l กระวาน : แกเ้ จบ็ ตา ตาแฉะ ตามวั l เกสรทงั้ ห้า : แต่งกลิ่น บำ� รงุ หวั ใจ l สมนุ แว้ง ทม่ี า : ศนู ยก์ สกิ รรมธรรมชาติมกุ ดาหารประสานมติ ร จงั หวัดมุกดาหาร 16 สมนุ ไพรไทย
สูตรยาเข้ากระโจม (อบ) 1. ชะลดู 15 กรมั 2. ไพล 15 กรมั 3. ขม้ินชนั 15 กรมั 4. เหงอื กปลาหมอ 15 กรัม 5. ลกู เบญกาน ี 15 กรัม 6. ใบหมากผหู้ มากเมีย 15 กรมั 7. ใบหนาด 15 กรมั 8. ใบพล ู 15 กรัม 9. ใบมะกรดู 15 กรมั 10. ตะไคร้หอม 15 กรมั 11. เกสรทง้ั ห้า 15 กรัม 12. ผวิ มะกรูด 15 กรัม 13. ผักบุ้งแดง 15 กรัม 14. เถาวลั ย์เปรยี ง 15 กรมั 15. เอ็นอ่อน 15 กรัม 16. ว่านชกั มดลกู 15 กรัม 17. ว่านนางค�ำ 15 กรมั สมุนไพรไทย 17
18. วา่ นน้�ำ 15 กรัม 19. ว่านมหาเมฆ 15 กรมั 20. พิมเสน 15 กรมั 21. การบูร 15 กรมั 22. เกลือ 15 กรมั 23. ใบสม้ ป่อย 15 กรมั 24. ใบมะขาม 15 กรมั วิธีใช ้ นำ� ตัวยาท้ังหมดมาต้มกับนำ�้ พอท่วมยา ยกเว้นการบูร พมิ เสน ตม้ จน น้�ำเดอื ดแล้วเตมิ การบูรลงหม้อยา ให้ผู้ปว่ ยเข้าอบ 15-20 นาที ท่ีมา : ศนู ยก์ ารเรียนรู้คมุ้ ตาหนุ่ย จ.นครศรธี รรมราช 18 สมนุ ไพรไทย
การใชป้ ระโยชนจ์ ากสมุนไพร ในการเกษตร ศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านมีองค์ความรู้และภูมิปัญญาในการน�ำ สมนุ ไพรมาใช้ในทางการเกษตร เช่น การควบคมุ โรคพชื และแมลงศัตรูพืช ซงึ่ จำ� เปน็ ตอ้ งมคี วามรพู้ นื้ ฐานของฤทธย์ิ าสมนุ ไพรและสรรพคณุ ของวสั ดทุ จี่ ะ น�ำมาใช้ปรุงเป็นยาป้องกันรักษาโรคพืช หรือป้องกันก�ำจัดแมลงศัตรูพืช สรรพคุณของยาสมุนไพรท่ีใช้ในการเกษตรสามารถแบ่งตามรสของสมุนไพร ได้ 5 รส คอื 1) สมุนไพรรสขม มีคณุ สมบัติ ฆ่าเชอื้ แบคทเี รียปอ้ งกนั แมลง ได้แก่ l ฟา้ ทะลายโจร l บอระเพด็ l สะเดา l หญ้าใต้ใบ 2) สมุนไพรรสเมาเบอื่ มคี ุณสมบัติ ฆ่าหนองเพลี้ย แมลงอน่ื ไดแ้ ก่ l หางไหล l หนองตายอยาก l ขอบชะนางแดง-ขาว l ใบนอ้ ยหนา่ l สลัดได l พญาไร้ใบ 3) สมุนไพรท่รี สฝาด มคี ณุ สมบตั ิ แก้เช้อื ราโรคพชื ไดแ้ ก่ l เปลือกแค l เปลือกมังคุด l ใบฝรง่ั l ใบทบั ทมิ 4) สมนุ ไพรหอมระเหย มคี ณุ สมบตั ิ ไลแ่ มลง เปลยี่ นกลน่ิ ตน้ พชื ไดแ้ ก่ l ตะไครห้ อม l สาบเสือ l ใบโหระพา ผักชี l กระทกรก l สาบแรง้ สาบกา l ผักแพวแดง 5) สมนุ ไพรท่ีรสเปรย้ี ว มีคณุ สมบัตไิ ล่แมลง ทำ� ใหแ้ สบร้อน ไดแ้ ก่ l เปลอื กสม้ l มะกรูด ส l มะนาว l มะขาม มนุ ไพรไทย 19
วิธกี ารปรงุ หรอื สกดั ยาสมนุ ไพรเพือ่ ใช้ในการเกษตร เทคนิคการปรุงหรือสกัดยาสมุนไพร เพ่ือน�ำมาใช้ทางการเกษตรท�ำได้ หลายวธิ ี ดงั นี้ 1) บดผง น�ำไปโรยหรอื คลุกดนิ ปอ้ งกันศัตรพู ชื 2) แชน่ ำ้� (1 - 2 วัน) น�ำไปฉดี พน่ 3) ดองเหล้า (1 - 2 วัน) นำ� ไปฉีดพ่น 4) ตม้ นำ� ไปฉีดพน่ และรดราด 5) สกดั ดว้ ยไอนำ�้ และความดัน ซง่ึ เป็นเทคนคิ ตอ้ งใช้อปุ กรณท์ ี่แขง็ แรง 6) การหมกั ซง่ึ เป็นวิธที ป่ี ระหยดั และเกบ็ รกั ษาคณุ ภาพยาไว้ไดท้ นนาน นอกจากน้ียงั ไดฮ้ อร์โมน วติ ามิน และเกลือแร่ ท่เี ป็นประโยชนต์ อ่ พชื ดว้ ย 20 สมนุ ไพรไทย
ตัวอย่างพืชสมุนไพรทีใ่ ช้ประโยชน์ ทางการเกษตร สะเดา ลักษณะทัว่ ไป สะเดา ช่ือเรียกอืน่ ๆ เช่น สะเดาบา้ น สะเลยี ม (เหนือ) เดา (ใต)้ และ จะตงั (ส่วย) ท่รี ้จู ักท่ัวไป ได้แก่ สะเดาไทย สะเดาอนิ เดยี และ สะเดาช้างหรือสะเดาเทียม โดยสะเดาเป็นไม้ยืนต้นสีน้�ำตาล มีใบประกอบ ใบยอ่ ยรูปหอก ปลายและโคนแหลม ขอบจกั ผิวเรยี บ สีเขียว ดอกเล็ก กลม สขี าว เปน็ ช่อโต ผลกลมรีขนาดปลายนิ้วกอ้ ย สว่ นที่นำ� มาใช้ ใบ ก้าน ดอก และ เมลด็ สรรพคุณ พบสารอะซาดิแรคติน (เมล็ดและใบ) มีผลในการยับย้ัง การลอกคราบของแมลง ยับยั้งการวางไข่ และไล่แมลงและใช้ได้ดีกับ หนอนกระทหู้ อม หนอนเจาะยอดกะหลำ่� หนอนกระทผู้ กั หนอนเจาะสมอฝา้ ย หนอนเจาะดอกมะลิ เพล้ียออ่ น เพล้ยี จกั จั่น และเพลีย้ ไก้แจ้ สำ� หรบั เพลี้ยไฟ และเพลีย้ ไรแดง ได้ผลปานกลาง พริกขี้หนู ลกั ษณะทว่ั ไป พรกิ ขห้ี นู มชี อ่ื เรยี กอนื่ เชน่ พริกนก พริกแด้ พรกิ แจว (เหนือ) พริกน�ำ้ เม่ียง พริกกน้ ปน้ิ ดปี ลขี นี้ ก พรกิ ปลี (ใต)้ พรกิ แกว เปน็ ไมล้ ม้ ลกุ ขนาดเล็ก สงู 60-90 ซม. แตกก่งิ กา้ น สาขามาก ผลขนาดเล็กรสเผด็ จดั ส่วนทีน่ �ำมาใช้ ใบดอก ดอก ผล และเมลด็ สรรพคุณ มีสารฆ่าแมลง ฆ่าเช้ือรา ป้องกันและก�ำจัดมดเพล้ียอ่อน หนอนผีเสื้อ หนอนผีเส้ือกะหล�่ำ ด้วงเต่า ด้วงงาช้าง โคไลราได ไวรัสโรค ใบดา่ งของแตง ไวรสั โรคใบหดของใบยาสูบ และไวรัสโรคใบจุดวงแหวนของ ส 21ยาสบู มนุ ไพรไทย
ตะไคร้หอม ลักษณะท่ัวไป ตะไคร้หอม ช่ือเรียกอื่น เชน่ ตะไครแ้ ดง ตะไครม้ ะขดู เปน็ พชื จำ� พวกหญ้า มีล�ำต้นใต้ดินเป็นกอ ลักษณะเหมือนตะไคร้ แต่ใบโตและยาวกวา่ โคนใบสีแดงเขม้ กลน่ิ หอม ร้อน ฉนุ กวา่ ดอกชอ่ คลา้ ยดอกอ้อ ใบชุม่ ไปด้วย น�ำ้ มัน ส่วนทีน่ �ำมาใช้ หวั ต้น และใบ สรรพคณุ มีสาร Geraniol Citronellal Linalool Neral Limonene Verbena oil Lamon oil Indian molissa oil (อายุ 7-11 เดือน จะพบสาร มาก) ใช้ได้ดใี นการไล่หนอนกระทูผ้ กั หนอนใยผัก ดว้ งถัว่ เขียว เพล้ีย จกั จนั่ รวมทัง้ ยุงและแมลงสาบ มะละกอ ลกั ษณะทว่ั ไป มะละกอ มชี อื่ เรยี กอน่ื เชน่ มะก้วยเทศ (เหนือ) หมกั หุ่ง (อีสาน) ลอกอ (ใต)้ แตงต้น (สตูล) ก้วยลา (ยะลา) มะเต๊ะ (ปัตตานี) เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ขนาดย่อม ล�ำต้นกลม ต้ังตรง ใส้กลวง เนื้ออ่อน ใบเด่ียวทรงกลมโต ขอบจกั เว้าแฉกลกึ รูปนิว้ มอื กา้ นกลม กลวง งอกจากล�ำต้นโดยตรง ดอกเลก็ สีเน้ือ ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ผลกลมยาว ขนาดและรูปทรงมีหลายแบบ แล้วแตพ่ นั ธุ์ เมลด็ กลมเลก็ สีด�ำ สว่ นทนี่ �ำมาใช้ ใบ และยาง สรรพคณุ มีฤทธปิ์ ้องกนั โรคราสนิม และราแปง้ 22 สมนุ ไพรไทย
บอระเพ็ด ลักษณะท่ัวไป บอระเพ็ด ช่ือเรียกอ่ืนๆ เช่น บอระเพด็ ตวั เมีย, เจตมลู ยา่ น, เจตมูลหนาม, จุ่งจรงิ ตวั เมีย (เหนือ) เครือขอฮอ (อสี าน) เปน็ ไม้เถาพาดพันไปตามต้นไม้ใหญ่ เถากลม เมด็ ผวิ มีตุ่มถ่ีๆ ตลอดเถา มีรากอากาศเล็กกลมยาว สนี �้ำตาลเข้ม ใบเดยี่ ว รปู หวั ใจปลายแหลมเรยี บ สีเขยี ว ดอกชอ่ สีเหลอื ง ส่วนท่ีน�ำมาใช้ เถา สรรพคุณ สารทีพ่ บในตน้ บอระเพ็ด พืชสามารถดดู ซมึ เขา้ ไปอยู่ในสว่ น ตา่ งๆ ชว่ ยปอ้ งกนั เพลย้ี กระโดดสนี ำ�้ ตาล เพลยี้ จกั จนั่ สเี ขยี ว หนอนกอแถบลาย โรคขา้ วตายพราย โรคยอดเห่ยี ว และโรคข้าวลีบ โล่ต๊นิ ลกั ษณะทวั่ ไป โลต่ น๊ิ เปน็ ไมเ้ ถาขนาดใหญ่ จำ� พวกหางไหลของไทย เถาและใบคลา้ ยคลงึ กนั มาก โลต่ นิ๊ จะมยี างจากรากมากกวา่ หางไหล ใบประกอบ 3 ใบ ใบย่อยรปู หอก ปลายแหลมยาว ป้อมกวา่ หางไหล ใบอ่อนสีแดงเข้มกว่า แผ่ไม่ตกเหมือน หางไหล ดอกคลา้ ยดอกกล้วยไม้ เล็กเป็นช่อ ผลเปน็ ฝักแบน เป็นเปลาะ 1-2 เปลาะ ปลายแหลม เกิดตามริมนำ�้ ล�ำธารทชี่ ่มุ ช้ืน ขยายพนั ธด์ุ ว้ ยเมล็ด สว่ นทนี่ �ำมาใช้ รากและล�ำต้น สรรพคุณ ใชฉ้ ีดพ่นป้องกนั แมลงวนั หนอนเพล้ยี ตัวอ่อน ด้วงงวงถวั่ ตั๊กแตนตัวออ่ น เพลี้ยจักจ่นั ฯลฯ โดยไมม่ ีสารพิษตกคา้ งเพราะสาร rotenone ท่ีมใี นโลต่ ๊นิ สามารถสลายตวั ได้งา่ ย และไม่เป็นอนั ตรายตอ่ คน สมุนไพรไทย 23
หางไหลขาว ลักษณะทั่วไป หางไหลขาว เป็นไม้เถา ขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ใบประกอบรปู หอกปลาย กว้างแหลม โคนสอบแคบ ใบย่อยราว 7 ใบ ใบอ่อนออกสีเหลืองอ่อนแกมเขียว ใบแก่สีเขียว ดอกเลก็ สชี มพู เปน็ ชอ่ ฝกั แบนไมย่ าวมาก มยี าง สขี าวขน้ สว่ นทนี่ ำ� มาใช้ รากและลำ� ต้น สรรพคณุ ใชฉ้ ดี พน่ ปอ้ งกนั และกำ� จดั ศตั รพู ชื ไดด้ ี มฤี ทธแิ์ รงกวา่ หางไหลแดง ไมม่ สี ารพษิ ตกคา้ ง และไมเ่ ป็นอันตรายตอ่ คน แตเ่ ปน็ พิษต่อปลา สามารถน�ำ ไปเบ่ือปลาได้ หางไหลแดง ลักษณะทั่วไป หางไหลแดง มีชื่อเรียกอื่นเช่น กะล�ำเพาะ อวดน้�ำ (สุราษฎร์ธานี) เครือไหลน้�ำ โพตะโกซา่ (กะเหร่ียง-กาญจนบุรี) เป็นไม้เถา ขนาดกลางถงึ ใหญ่ ใบประกอบ ใบยอ่ ยราว 5 ใบ รปู หอก ปลายกวา้ งแหลม โคนสอบแคบยาว ใบออ่ นสีแดง ซึง่ ต่างจากหางไหลขาวที่มีสเี หลอื งอ่อนออก เขยี ว รากมียางสีขาวขน้ ดอกเลก็ สีชมพขู าว ฝกั แบนไม่ยาวมากนัก คล้ายฝกั อัญชัน สว่ นท่นี ำ� มาใช้ รากและลำ� ต้น สรรพคุณ ใช้ฉดี พน่ ป้องกัน และก�ำจัดศัตรพู ืชไดด้ ี ไมม่ สี ารพษิ ตกค้าง และไมเ่ ป็นอันตรายตอ่ คน แต่เปน็ พษิ ต่อปลา สามารถนำ� ไปเบ่อื ปลาได้ อกี ท้ัง ยังใช้ฆ่าหดิ และเหาได้ด้วย 24 สมนุ ไพรไทย
สาบเสอื ลักษณะทั่วไป มีชื่อเรียกอ่ืนเช่น ร�ำเคย (ระนอง), บ้านร้าง (ราชบุรี), ย่ีสุ่นเครือ (สุราษฎร์ธานี), หญ้าเมืองวาย (เหนือ), พาท้ัง (เงี้ยว), หญ้าพระ สริไอสวรรค์, หญ้าดงร้าง (สระบรุ )ี , มงุ้ กระต่าย (อุดรธาน)ี , หญา้ ลืมเมอื ง (หนองคาย) ,หญ้าเลาฮ้าง (ขอนแก่น), สะพัง (เลย), หมาหลง (ศรีราชา), ช้าผกั คราด, เบญจมาศ, หญ้าฝร่ังเศส, หญา้ เหม็น, ดอกหญ้าขาว โดยเป็น ไม้ล้มลุก แตกกิ่งก้านสาขามากมาย ล�ำต้นกลมเล็ก เนื้ออ่อน มีไส้น่ิมสีขาว ใบเดี่ยวรปู ไขปลายแหลม โคนสอบ ออกเป็นคตู่ รงข้ามกนั เน้ือใบบางมีขนนิม่ ปกคลมุ ขอบจัก ดอกเล็กกลมเป็นพู่สีขาว ออกเป็นช่อที่ปลายก่ิงและขยาย พนั ธ์ดุ ว้ ยเมล็ด ส่วนท่ีนำ� มาใช้ ลำ� ต้น ใบ ดอก และราก สรรพคุณ พบสาร Pireme, Limonere Neptha quinine ซ่ึงมีมากใน ใบและดอก ชว่ ยกำ� จดั หนอนชนดิ ตา่ งๆ เชน่ หนอนใยผัก หนอนกระท้กู ดั ตน้ หนอนกระทู้ควาย หนอนพระอินทร์ เพลี้ยกระโดด เพล้ียจักจ่ัน เพลี้ยหอย เพลี้ยไฟ เพลยี้ ออ่ น และดว้ งเขียว สมุนไพรไทย 25
เล่ยี น เลี่ยนมีชื่อเรียกอ่ืนๆ เช่น เล่ียนดอกม่วง, เล่ยี นใบเล็ก, เกรยี น, เคียน, เฮย่ี น (เหนอื ) เปน็ ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลาง ใบประกอบ ใบยอ่ ย ประกอบ ดว้ ย 5 ใบ ขนาดเลก็ ขอบจักรูปหอกปลายเรียว แหลม สเี ขียวอมเหลือง ท้องใบสเี ข้มกว่าหลังใบ ดอกเลก็ ๆ กลบี ยาวสมี ว่ ง เปน็ ชอ่ ผลกลมสเี หลอื งออ่ น สกุ สแี สดเทา่ ลกู สะเดา ขยายพันธดุ์ ้วยเมลด็ ส่วนทน่ี ำ� มาใช้ เปลือก ตน้ ใบ ผล เมล็ด สรรพคณุ มฤี ทธใ์ิ นการขบั ไล่ ยบั ยง้ั การดดู กนิ และยบั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โต ของหนอนเจาะผงโกโก้ หนอนกระทู้ หนอนเจาะล�ำตน้ ขา้ วโพด หนอนผเี สอ้ื กะหล�่ำ มอดแปง้ ต๊ักแตน เพลี้ยออ่ นกะหล่�ำ เพลีย้ กระโดดสนี �ำ้ ตาล ด้วงงวง และไรแดงสม้ สารภี สารภี มชี ่อื เรยี กอ่ืนๆ เช่น สรอ้ ยภี (ใต้), ทร,ี สารภแี นน เปน็ ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลาง สงู 10-15 เมตร ใบเดี่ยวรูปหอกเรียว ยาว 10-15 ซม. กว้าง 4-5 ซม. เนอ้ื ใบเหนยี ว และหนา สเี ขยี วเขม้ ปลายและโคนแหลม ดอกเลก็ ทรงกลม กลบี สขี าว ผลรูปไข่สีเหลืองสม้ ขนาดเท่าหวั แมม่ อื ขยายพันธ์ดุ ้วยเมลด็ สว่ นทน่ี ำ� มาใช้ เปลือก ใบ และเมล็ด สรรพคุณ ออกฤทธิ์ทางผิวหนัง สามารถขับไล่และก�ำจัดเพล้ียอ่อน หนอนไยผกั หนอนผเี สอื้ กะหลำ�่ หนอนแตงเทศ ดว้ งงวงขา้ ว ไร และแมลงสาบ 26 สมุนไพรไทย
ขมน้ิ ชัน ขมนิ้ ชนั มชี อ่ื เรยี กอนื่ ๆ เชน่ พญาวา่ น, ขมนิ้ ทอง, ขมน้ิ ด,ี ขมน้ิ ปา่ , ขมน้ิ หวั , ขมน้ิ ไข, ขมนิ้ หยวก, ขม้ินแดง, ตายอ, สะยอ (กะเหรี่ยง), ข้ีหมิ้น (ใต้-อีสาน), ขมิ้นแกง เป็นพืชจ�ำพวกเหง้า สงู 50-70 ซม. ใบรปู หอกปลายแหลม กาบใบแคบ มีรอ่ งเล็กๆ สเี ขยี วอมนำ้� ตาล ดอกชอ่ ใหญ่ พุง่ มา จากใต้ดิน สเี ขยี วแกมขาว ปลายช่อสีชมพูอ่อน ส่วนทน่ี ำ� มาใช้ เหง้า สรรพคณุ มีสาร Pinerfe Phellandrene, borneal และ turmerone ก�ำจัดด้วงงวง ด้วงเจาะเมล็ดถ่ัว ด้วงเขียว มอดข้าวเปลือก มอดแป้ง หนอนหลอดหอม หนอนกระทผู้ ัก แมลงวนั และไรแดง สลอด สลอด มชี ่อื เรยี กอื่นๆ เชน่ สลอดต้น, หมากขา่ ง, หัสคึน (เหนอื ), มักคงั (เชยี งใหม)่ , หมากยอง (เง้ียว) เปน็ ไมพ้ มุ่ ขนาดยอ่ มสงู 2-6 เมตร ใบเดยี่ วรูป หอกเรียว ปลายและโคนแหลม เสน้ ใบตามยาว 3 เส้น ขอบจกั แบบเลบ็ มือ แบนๆ สอี อ่ นแกมนำ้� ตาล ยอดออ่ นสนี ำ้� ตาล ดอกเลก็ สเี ขยี วขาว เปน็ ชอ่ เลก็ ๆ ผลกลม มี 3 พู 3เมลด็ ขยายพันธด์ุ ้วยเมล็ด สว่ นที่นำ� มาใช้ เมลด็ สรรพคุณ ในเมล็ดมีสาร Croton oil ออกฤทธ์ิในการก�ำจัดแมลง เพล้ียออ่ น หนอนกระทผู้ กั หนอนไหม แมลงวันทอง และหอยทาก สมุนไพรไทย 27
พรกิ ไทย พริกไทย มีช่ือเรียกอื่นๆ เช่น พริกน้อย, โฮว่ เจีย (จีน) เป็นไม้เถาเล้ือย มีรากเกาะ ออกตามข้อ สูงประมาณ 5 เมตร ข้อพองมีต้นตัวผู้ และต้นตัวเมีย ใบเหมือน ใบพลู แตเ่ รยี วกว่าเล็กน้อย ดอกชอ่ สขี าวออกตามข้อ ผลกลมเลก็ เขยี วเปน็ ช่อยาว ผลแกส่ แี ดง สว่ นท่นี �ำมาใช้ เมล็ด สรรพคุณ เมล็ดมีน้�ำมันหอมระเหย Alka Loid ออกฤทธ์ิต่อระบบ ประสาทของแมลงวนั มด เพลยี้ อ่อน เพล้ียไฟ หนอนผเี สอ้ื หนอนกะหล่ำ� ปลี ด้วงปกี แขง็ และด้วงในนาข้าว ลางสาด ลางสาด มีช่ือเรียกอ่ืนๆ เช่น ลองกอง, ลังสาด, ดกู ู (มลายู), ละซะ เปน็ ไมย้ ืนต้นขนาด กลาง ลำ� ตน้ สเี ทา มีกระสขี าวท่ัวไป ใบประกอบ ใบย่อยรูปไข่ ปลายแหลม สีเขียว ดอกสเี หลอื ง เป็นช่อ ออกตามล�ำต้น ผลกลมรีเล็กน้อย เปน็ พวงแนน่ เปลือกหนังออ่ นสีเหลืองนวล เนื้อหุ้มเมลด็ ส่วนที่น�ำมาใช้ เมลด็ สรรพคณุ ในเมลด็ มสี าร Acid Alkaloid ซง่ึ เปน็ พษิ ตอ่ หนอนหลอดหอม และหนอนใยผกั 28 สมนุ ไพรไทย
ผกากรอง ผกากรอง มชี อ่ื เรยี กอนื่ ๆ เชน่ กา้ มกงุ้ , เบญจมาศป่า, สาบแร้ง, สามสบิ เปน็ พมุ่ ไมเ้ ลอ้ื ยขนาดเลก็ ใบเดย่ี วรปู ไขป่ ลายแหลม ขอบจกั ผวิ สาก กลน่ิ เหมน็ ฉุน ดอกเล็กเปน็ ชอ่ กระจกุ ทรงกลม มีสสี ลับกันหลายสี ผลกลมเปน็ พวงพุม่ ขยายพนั ธุ์ดว้ ยเมล็ด สว่ นท่ีนำ� มาใช้ เมล็ด สรรพคณุ ในเมลด็ มสี าร Lantadene ซงึ่ ออกฤทธต์ิ อ่ ระบบประสาทของ หนอนกระท้ผู ัก หนอนผเี สื้อผกั และหนอนกระทู้หอม คูณ คูณ มีชื่อเรียกอ่ืนๆ เช่น ราชพฤกษ์,ชัยพฤกษ์, ลมแลง้ (เหนอื ), กเุ พยะ (กะเหรย่ี ง – กาญจนบรุ )ี , ลักเกลือ, ลักเคย (ปัตตานี) เป็นไม้ยืนต้นขนาด กลาง สูงประมาณ 10 -15 เมตร เปลือกตน้ เรียบ เกล้ยี ง สีเทาอ่อนใบประกอบแบบขนนก ใบย่อย 7-12 คู่ ดอกสีเหลืองสด มี 5 กลบี ออกเป็นช่อหอ้ ยระยา้ ยาว 20-55 ซม. ฝกั ทรงกลม ยาว 20-60 ซม.ผวิ เกลย้ี ง สนี ำ�้ ตาลเขม้ เกอื บดำ� เนอ้ื หมุ้ เมลด็ นม่ิ ๆ สีน�้ำตาลไหม้มีแผ่นสีน้�ำตาลเป็นมัน ออกดอกระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม เป็นไมม้ งคล ปัจจบุ ันนิยมเรียก ราชพฤษ์ ส่วนทน่ี ำ� มาใช้ เน้ือฝกั สรรพคุณ ในเน้ือฝักมีสาร Antraquinones หลายชนิด เช่น Aloin, Rhein – Sennoside AB และมี Organic Acid ซ่ึงจะออกฤทธิ์ต่อระบบ ประสาทของหนอนกระทู้หอม หนอนกระทผู้ ัก และด้วง สมนุ ไพรไทย 29
ข่า ขา่ มชี อื่ เรยี กอน่ื ๆ เชน่ กฎกโรหนิ ,ี ข่าใหญ,่ ขา่ หลวง, ข่าหยวก (เหนือ), เสะเออเคย, สะเอเชย (กะเหร่ียง- แม่ฮ่องสอน), ข่าตาแดง (กลาง) เป็นพืชล้มลุกจ�ำพวก เหงา้ เหง้าใหญ่ขาวอวบ ตน้ สงู ประมาณ 2 เมตร ใบรูป ใบพายปลายแหลม ยาว 20-50 ซม. ขอบเรยี บ มขี นเลก็ นอ้ ย ก้านใบส้ัน มีกาบใบหมุ้ ลำ� ต้นบนดิน ดอกช่อออกทย่ี อด ยาว 15-30 ซม.ดอก ขนาดเลก็ สีขาวอมเขยี วอยูก่ นั อย่างหลวมๆ ผลกลมรขี นาด 1 ซม. สแี ดงสม้ แกจ่ ดั สดี ำ� มีเมลด็ 2-3 เมลด็ สว่ นท่ีน�ำมาใช้ เหง้า สรรพคุณ เหง้ามีสาร Methyl-cinematic, Cineol, D-qinene และ การบูร ออกฤทธ์ิในการขับไล่ และก�ำจัดแมลงวันทอง พร้อมกันน้ันยังช่วย รักษาโรคใบจดุ สีน�ำ้ ตาลในข้าวอีกด้วย หนอนตายหยากเล็ก หนอนตายหยากเลก็ มชี อ่ื เรยี กอน่ื ๆ เชน่ กะเพยี ดหน,ู โปง่ มดงา่ ม, สลอด เชยี งคำ� (อสี านโบราณ) เปน็ ไมเ้ ถา เถากลมเลก็ สเี ขยี วเขม้ มหี วั เปน็ แทง่ กลมยาว ขนาดนิ้วมือ ดอกตูม เป็นรปู เหมือนเงนิ ราง สเี ขียวอมเหลือง บานออกเป็น สแี ดงเขม้ หรอื ขาว ฝกั เลก็ ปลายแหลม ยาวประมาณ 2 ซม. กวา้ งประมาณ 1 ซม. ส่วนท่ีนำ� มาใช้ ราก (หัว) สรรพคุณ ใช้ราก (หัว) ต�ำผสมน้�ำ ฉีดพ่น มีฤทธ์ิก�ำจัดหนอนกระทู้ สหนอนผีเส้ือ แมลงวันทอง ไรตา่ งๆ และเห็บ เหาตา่ งๆ 30 มุนไพรไทย
หนอนตายหยากใหญ่ หนอนตายหยากใหญ่ มีช่ือเรียกอ่ืนๆ เช่น ปงช้าง, กะเพียดช้างเป็น ไม้เถา ขณะต้นเล็กจะต้งั ตรง เมื่อสูงขนึ้ มากๆ จะพาดพันกับตน้ ไมอ้ ืน่ ๆ ใบ รูปหวั ใจปลายเรยี วกวา่ หนอนตายหยากเล็ก ใบโต และยาวกว่าเส้นใบวงิ่ ตาม ยาวประมาณ 15 เส้น สเี ขยี วอ่อนกวา่ เลก็ นอ้ ย รากเปน็ หวั เกบ็ อาหาร กลม ยาวเป็นพวง ดอกตูม เป็นรูปเหมือนเงินรางสีเขียวอมเหลือง บานออกเป็น สีแดงเข้มหรือขาว ฝักเล็กปลายแหลมยาวประมาณ 1 ซม.กว้างประมาณ 1 ซม. ขยายพันธด์ุ ้วยเมล็ด ส่วนทน่ี ำ� มาใช้ ราก (หวั ) สรรพคุณ ใช้ราก (หัว) ต�ำผสมน้�ำ ฉีดพ่น มีฤทธ์ิก�ำจัดหนอนกระทู้ หนอนผีเสอ้ื แมลงวันทอง ไรตา่ งๆ และเห็บ เหาต่างๆ ดปี ลี ดปี ลี มีชอ่ื เรียกอ่ืนๆ เชน่ ประดงข้อ, ปานนุ, พษิ พญาไฟ, ดปี ลเี ชอื่ ก (ใต)้ , ปกิ ผวั วะ (จนี ) เปน็ ไมเ้ ถา มีรากช่วยยึดเกาะงอกออกตามข้อ ใบเด่ียวรูปหอก ดอกช่อเป็นแท่ง ตั้งปลายชูขึ้นสีเขียว เม่ือแก่ มีสีสม้ แดง ส่วนที่นำ� มาใช้ เมลด็ ดอก ก้าน และใบ สรรพคุณ ออกฤทธ์ิในการก�ำจัดเพล้ีย หนอนผัก มอดข้าว และแมลงศัตรูข้าวต่างๆ ใน โรงเกบ็ (ยงุ้ ) สมนุ ไพรไทย 31
ดาวเรอื ง ดาวเรือง เป็นพืชลม้ ลกุ อายปุ ระมาณ 1 ปี ใบประกอบแบบขนนก ดอกเป็นกระจุกสีเหลือง ขยายพนั ธด์ุ ว้ ยเมล็ด สว่ นทน่ี ำ� มาใช้ ดอก และใบ สรรพคณุ มกี ลนิ่ ฉนุ เปน็ พษิ ตอ่ เพลยี้ ออ่ น เพลี้ยไฟ แมลงวันผลไม้ แมลงหว่ีขาว หนอนใยผัก หนอนผีเส้ือกะโหลก หนอนกะหล่ำ� ปลี ดว้ งปกี แขง็ และไส้เดอื นฝอย นอ้ ยหนา่ นอ้ ยหนา่ มชี อ่ื เรยี กอืน่ ๆ เชน่ มะนอแน่ (เหนือ), หมากเขียบ (อีสาน), ลาหนัง, (ปตั ตาน)ี , เตียบ (เขมร) เป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อม ใบเด่ียว รปู ไขย่ าว ดอกเดย่ี ว ออกตามงา่ มใบ ผลรว่ มทรงกลม เปลือกเป็นตาๆ มีร่องลึกตามแนวนอน เน้ือหุ้มเมล็ดภายในผล เมล็ดเป็นรูปกระสวย สนี ้�ำตาลไหม้ ขยายพนั ธุด์ ว้ ยเมล็ด สว่ นท่นี ำ� มาใช้ เมล็ด สรรพคุณ ออกฤทธ์ิทางสัมผัส ทางกระเพาะอาหาร ขัดขวางการกิน อาหารของเพลี้ยอ่อน เพล้ียกระโดดสีน�้ำตาล เพล้ียจักจ่ัน เพลี้ยหอย หนอนใยผกั ด้วงเต่าทอง ตั๊กแตน และมวนชนดิ ต่างๆ ทำ� ให้หยุดการเจริญ เติบโต และไม่สามารถขยายพนั ธุ์ได้ 32 สมนุ ไพรไทย
โหระพา โหระพา มีชื่อเรียกอ่ืนๆ เช่น กอมก้อ (เหนือ-อีสาน), นางพญาร้อยชู้, โหระพาไทย, โหระพาเทศ เปน็ พชื ลม้ ลกุ ขนาดเลก็ สงู ราว 60 ซม. ล�ำต้น กิ่งก้านเป็นส่เี หล่ยี ม สีมว่ ง หรือสีแดงเขม้ ใบเดยี่ วรปู หอกปลายและโคนแหลม สเี ขยี ว ดอกสขี าว เปน็ ชอ่ แทง่ ตง้ั ตรงออกทปี่ ลายกงิ่ เมลด็ เทา่ เมลด็ งา สีน�้ำตาลเขม้ สว่ นทน่ี ำ� มาใช้ ตน้ ใบ และดอก สรรพคุณ มีน้�ำมันหอมระเหย ซ่ึงออกฤทธิ์ขับไล่ และก�ำจัดแมลงมุม หนอนเจาะมันเทศ หนอนแมลงวัน แมลงวัน ยงุ เพลย้ี ออ่ นและไรต่างๆ ละหุ่ง ละหงุ่ มชี อ่ื เรยี กอนื่ ๆ เชน่ ละหงุ่ แดง, ละหนุ่ ขาว, มะหงุ่ (เหนอื ) มะโหง่ (เชยี งใหม)่ , คเ้ี ตาะ (กะเหรี่ยง-ก�ำแพงเพชร) เปน็ ไมพ้ มุ่ สงู ประมาณ 2-4 เมตร ใบเดย่ี วทรงกลม รปู ฝ่ามอื ขอบจกั แฉกเว้าลกึ 7-9 แฉก ก้านใบกลม เกลยี้ ง ยาว ละหงุ่ แดง ลำ� ตน้ และก้านจะมสี แี ดง ละหุง่ขาวล�ำต้น และก้านจะมีสีเขียวนว ใบเขียว ดอกเกสรตวั ผสู้ เี หลอื งก้านเปน็ พู่ ออกเปน็ ชอ่ โตทปี่ ลายกง่ิ ผลกลม ผวิ มหี นาม เลก็ ยาว นม่ิ รอบตวั คลา้ ยลกู เรว่ ใหญ่ กา้ นยาว เปน็ พวงโต เมลด็ รปู ไขส่ นี ำ�้ ตาล ด�ำลายขาว มี 3 เมลด็ ส่วนท่ีน�ำมาใช้ ตน้ และเมลด็ สรรพคุณ ในเมลด็ มสี ารพษิ ricin สามารถปอ้ งกัน และก�ำจัดไส้เดอื น ฝอย ปลวก แมงกะชอน และหนไู ด้ สมุนไพรไทย 33
มะรมุ มะรมุ มีช่ือเรยี กอนื่ ๆ เชน่ มะค้อนกอ้ ม (เหนอื ) ผักอีฮมุ (เชียงใหม-่ อีสาน), รุม (ใต้), กาแนง้ เดงิ (กะเหร่ยี ง เป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดกลาง ใบประกอบ ใบย่อยรูปไข่ขนาดเล็ก คล้ายใบหางนกยูงไทยดอกเล็กสีขาว เป็นช่อโต ฝกั กลมยาว ปลายเรยี ว ผวิ เปน็ พูตามยาวยาวราว 30 ซม. สีเขยี ว ขยายพนั ธุ์ ดว้ ยเมลด็ สว่ นทน่ี �ำมาใช้ ใบ สรรพคณุ ในใบมสี าร Alkaliod ซงึ่ มฤี ทธสิ์ ามารถยบั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โต ของเช้ือรา และแบคทีเรีย ใช้ป้องกัน และรักษาโรคท่ีเกิดจากเช้ือรา เช่น โรครากเนา่ โคนเนา่ โดยเฉพาะเชอื้ รา Pythium debangemum และโรคทเ่ี กดิ จากเช้ือแบคทีเรยี เช่นกัน ไพล ไพล มีช่ือเรียกอืนๆ เช่น ว่านไฟ, ปูเลย, ปลู อย (เหนอื ) เปน็ พชื จำ� พวกเหงา้ ใตด้ นิ ลม้ ลกุ ใบเด่ียวรูปหอกเรียวยาว ผิว และขอบเรียบ กาบใบหุ้มล�ำต้น สงู 60-120 ซม. สีเขยี วเข้ม โคนกาบสีแดง เน้ือในเหง้าสีเหลืองอ่อน กลิน่ หอมฉุน ดอกช่อทรงพุ่มกลม เรียวยาวตง้ั ตรง กาบหมุ้ สนี ำ�้ ตาลเข้มแดง ขอบเขยี ว กลบี ดอกทยอยบานออกมาบางๆ สขี าว หรอื เหลอื ง ขยายพนั ธด์ุ ว้ ยเหงา้ ส่วนท่ีน�ำมาใช้ เหงา้ สรรรพคุณ เหงา้ มนี ำ้� มนั หอมระเหย มกี ลน่ิ หอมฉุน ออกฤทธฆิ์ ่าเชื้อรา และรกั ษาโรคท่เี กิดจากเชือ้ รา 34 สมนุ ไพรไทย
ประทัดใหญ่ ประทดั ใหญ่ มชี อ่ื เรยี กอน่ื ๆ เชน่ ประทดั จนี เป็นไม้ล้มลุกลงหัว สูงราว 0.90-1.50 เมตร ล�ำต้นเป็นปล้องๆ กลม เรียบมันสีเขียวเข้ม ใบเรียวยาวออกเรียงต่อกันตามข้อ ดอกเป็น หลอดเหมือนดอกล�ำโพง แต่เล็กกว่ามาก สแี ดงสด ส่วนทีน่ ำ� มาใช้ ต้น ใบ ดอก และราก สรรพคณุ มสี าร Quassin ออกฤทธเิ์ ปน็ พษิ ต่อเพลีย้ ออ่ น หนอนใยผัก หนอนผีเส้อื หนอน ชอนใบ หนอนแตงเทศ ไร ดว้ งเต่า และมดด�ำ สมนุ ไพรไทย 35
สูตรสมนุ ไพรกำ� จดั เพล้ยี สูตรสมุนไพรก�ำจัดเพลี้ย เช่น เพลี้ยอ่อน เพล้ียไรแดง เพล้ียแป้ง เพล้ียหอย เพล้ียไฟ เพลย้ี ไก่แจ้ เพลีย้ กระโดดสนี ำ�้ ตาล และหมดั กระโดด สตู ร 1 หนอนตายหยาก 2 กิโลกรมั บอระเพด็ 1 กโิ ลกรัม ขมน้ิ ชนั 1 กโิ ลกรมั กะทกรก 1 กโิ ลกรมั หัวเชอ้ื จุลนิ ทรยี เ์ ขม้ ขน้ 1 กิโลกรมั น�้ำตาลทรายแดง/กากนำ้� ตาล 2 กิโลกรัม นำ้� สะอาด 10 ลิตร วิธีท�ำ สับบดสมุนไพรแล้วหมกั รวมกนั ไว้ 45 วัน วิธีใช ้ ผสมนำ�้ 4 ช้อนโตะ๊ ตอ่ น้�ำ 1 ปบ๊ี ฉีดพ่น สูตร 2 ว่านน�้ำ 1 กโิ ลกรมั สาบเสอื 1 กโิ ลกรมั ยาฉนุ ½ กิโลกรัม ตะไครห้ อม 1 กิโลกรมั หวั เช้ือจลุ นิ ทรยี ์เข้มข้น 1 ลิตร น�้ำตาลทรายแดง/กากน�้ำตาล 1 กโิ ลกรัม นำ�้ สะอาด 10 ลติ ร วธิ ีท�ำ สบั บดสมุนไพรหมักรวมกัน 45 วนั วธิ ีใช้ ส ผสมนำ้� 4 ชอ้ นโต๊ะ ตอ่ น�้ำ 1 ป๊บิ ฉดี พ่น 36 มุนไพรไทย
สูตร 3 ½ กิโลกรมั ยาฉุน ½ กิโลกรมั สะเดา 1 กโิ ลกรัม ข่า ตะไครห้ อม 1 กโิ ลกรัม หวั เชือ้ จลุ นิ ทรียเ์ ขม้ ข้น 1 ลิตร น�ำ้ ตาลทรายแดง/กากน�้ำตาล 1 กิโลกรมั น้ำ� สะอาด 10 ลติ ร วิธที ำ� สบั บดหมักทิง้ ไว้ 7 วนั วิธีใช้ ผสมน้�ำ 5 ช้อนโตะ๊ ต่อนำ้� 1 ปีบ๊ ฉดี พน่ สูตร 4 หางไหลสด 1 กโิ ลกรมั นำ�้ สะอาด 10 ลติ ร วธิ ีทำ� ทบุ ใหแ้ ตก แชน่ ำ้� 1 วัน วิธใี ช้ ผสมน�้ำ 1 : 20 ฉีดพน่ ทกุ ๆ 7 วัน สตู ร 5 กโิ ลกรัม ใบเสม็ดขาว 1 ลิตร เหลา้ 10 วธิ ีท�ำ สบั บดดองเหล้าไว้ 3 วัน วิธีใช้ ผสมนำ้� ½ ลิตร ตอ่ นำ้� 1 ปบี๊ ฉีดพ่น สมุนไพรไทย 37
สตู รสมนุ ไพรก�ำจัดหนอน เช่น หนอนกระทู้ หนอนชอนใบ หนอนใยผัก หนอนหนังเหนยี ว หนอนใต้ หนอนเจาะสมอฝา้ ย สูตร 1 ฟ้าทะลายโจร 1 กโิ ลกรมั เปลอื กหนั 1 กโิ ลกรมั เปลอื กแค 1 กโิ ลกรมั หางไหล 1 กิโลกรมั ตะไคร้หอม 1 กโิ ลกรัม หวั เช้ือจุลินทรยี ์เขม้ ขน้ 1 ลิตร น้�ำตาลทรายแดง/กากน�้ำตาล 1 ลติ ร นำ้� สะอาด 15 ลติ ร วิธีทำ� สับบดหมักรวมไว้ 45 วนั วิธใี ช้ ผสมน�้ำ 1 : 100 ฉดี พ่นและรดราด สูตร 2 หนอนตายหยาก 1 ลติ ร โทงเทง 1 ลติ ร สาบเสอื 1 ลิตร หวั เชื้อจลุ ินทรยี เ์ ขม้ ข้น 1 ลิตร นำ�้ ตาลทรายแดง/กากน้�ำตาล 1 ลิตร นำ�้ สะอาด 10 ลิตร วิธีทำ� สับบดหมักท้งิ ไว้ 45 วัน วิธใี ช้ ผสมน้�ำ 1 : 100 ฉดี พ่นและรดราด 38 สมุนไพรไทย
สูตร 1 สตู รสมุนไพรก�ำจัดโรคพืช เปลือกแค 1 กโิ ลกรัม กระเทยี ม 1 กโิ ลกรมั หัวเช้ือจุลินทรยี เ์ ขม้ ขน้ 1 ลิตร น�้ำตาลทรายแดง/กากน้�ำตาล 1 กิโลกรมั นำ้� สะอาด 10 ลิตร วธิ ีทำ� สับบดหมักไว้ 45 วนั วธิ ีใช้ ผสมน้ำ� 1: 100 - 2: 100 ฉดี พน่ และรดราด สตู ร 3 วา่ นหางจระเข้ 200 กรมั กระเทียม 200 กรมั นำ�้ สบู่ 4 ชอ้ นโตะ๊ น�้ำส้มสายชู 100 ซซี ี น�้ำสะอาด 20 ลติ ร วิธีทำ� สบั บด หมกั ไว้ 7 วนั วธิ ีใช้ ผสมนำ้� 4 ช้อนต่อน้ำ� 1 ปบี๊ ฉดี พ่น ทุกๆ 7 วนั สมุนไพรไทย 39
สูตร 1 สูตรสมุนไพรกำ� จัดหอยเชอรี่ น้�ำปูนใส 1 ลติ ร มะกรดู 1 กิโลกรัม กระเทียม 1 กิโลกรมั หวั เช้อื จลุ ินทรยี ์เขม้ ขน้ 1 ลติ ร น้ำ� ตาลทรายแดง/กากน้ำ� ตาล 1 กิโลกรมั น�้ำสะอาด 1 ลติ ร วธิ ที ำ� หมักมะกรูด, กระเทียม, หวั เชื้อจุลินทรีย์เข้มข้น, น�้ำตาลและน้ำ� รวมกนั ไว้ 7 วนั วิธีใช ้ ผสมน�ำ้ ปูนใส กบั ส่วนผสมทหี่ มกั ไว้ ในอัตราส่วน 1:1 หยดลงในนาทีม่ ี หอยเชอร่ี หมายเหตุ การฉีดพ่นสมุนไพรก�ำจัดโรค และแมลงควรฉีดพ่นในช่วง เชา้ มืด หรือชว่ งเยน็ ๆ ถ้ามโี รคระบาด หรอื แมลงระบาด ควรฉดี พ่น และรด ราดดนิ ตดิ ตอ่ กนั ทกุ วนั เปน็ เวลา 3 วนั ตดิ ตอ่ กนั อยา่ งไรกต็ ามการควบคมุ โรค และแมลงให้ได้ผลดีควรท�ำท้ังการอนุรักษศ์ ัตรธู รรมชาติ และการใช้สมนุ ไพร ควบคกู่ ันไปจนกว่าธรรมชาติในแปลงจะสมดลุ 40 สมุนไพรไทย
สูตรสมุนไพรไลแ่ มลงจากสะเดา ส่วนผสม สะเดาทง้ั 5 (ได้เมลด็ ย่งิ ดี) บอระเพ็ดทง้ั 5 ข่าท้งั 5 ตะไครห้ อมทั้ง 5 หางไหลหรือโลต่ ้นิ ผลไมส้ ุก 3 ชนดิ (กลว้ ยสกุ มะละกอสกุ ฟกั ทอง อยา่ งละเทา่ ๆ กนั ) ยาฉุน หวั เชื้อจลุ ินทรยี เ์ ขม้ ขน้ น้�ำตาลทรายแดง/ กากน�้ำตาล นำ้� สะอาด วิธีทำ� หั่น หรอื สับสะเดา บอระเพ็ด ขา่ ตะไครห้ อม หางไหล และผลไมส้ ุก ให้ ได้ความยาวประมาณ 1-2 ขอ้ มือ ผสมน้ำ� สะอาด กบั นำ้� ตาลทรายแดง หรอื กากน้�ำตาลใสล่ งในถงั หมัก นำ� ส่วนผสมทีห่ น่ั หรอื สบั แลว้ ใส่ลงในถังหมักปดิ ฝา่ ให้สนทิ และเกบ็ ไว้ในทร่ี ่ม 1 เดือน วิธีใช้ ผสมน้ำ� หมกั 1 ลิตร ต่อน�้ำสะอาด 300 ลติ ร ฉดี พน่ ในเวลาเชา้ มืด หรือ หลงั ตะวนั ตกดนิ หมายเหตุ สามารถใช้ประโยชน์ได้ท้ังเป็นสารไล่แมลง เป็นฮอร์โมน บำ� รงุ พชื ให้ตดิ ดอกออกผลดี และเป็นป๋ยุ อินทรีย์ชวี ภาพด้วย ท่มี า : ประมวลประสบการณจ์ ากศนู ยก์ สกิ รรมธรรมชาติมาบเออ้ื ง จังหวัด ชลบรุ ,ี มลู นธิ กิ สกิ รรมธรรมชาต,ิ ศนู ยก์ สกิ รรมสมนุ ไพรวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง, ศนู ยเ์ รียนรชู้ ุมชน กลุ่มปยุ๋ ชวี ภาพ งานวชิ าการเกษตร ศูนยศ์ ึกษาการพัฒนา อ่าวคงุ้ กระเบน อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� ริ จังหวัดจันทบรุ ี, โครงการเกษตร อินทรยี ส์ รุ ินทร์, เครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทยเครือข่ายชมุ ชน อโศก สมนุ ไพรไทย 41
น�ำ้ หมกั สมนุ ไพรไล่แมลง วัสด/ุ อปุ กรณ์ 1) นำ�้ ตาลทรายแดง หรือกากน�้ำตาล 20 กโิ ลกรัม 2) น�้ำจลุ ินทรยี ์ (หวั เช้ือ) 20 กิโลกรมั 3) นำ้� เปล่า (ใสเ่ กือบเต็มถัง) 4) ถังขนาด 150 ลติ ร 1 ใบ สตู ร 1 ก�ำจัดหนอนใย หนอนกระทู้ หนอนหนังเหนียว ตะไคร้หอม ข่า หนอนตายยาก (อย่างละเทา่ กัน) น้ำ� หนกั รวม 50 กโิ ลกรมั สตู ร 2 กำ� จัดเพลยี้ ไกแ่ จ้ เพลย้ี ออ่ น เพลี้ยหอย ขอบชะนาง เมด็ สะเดา สาบเสอื (อยา่ งละเทา่ กัน) น้ำ� หนกั รวม 50 กิโลกรัม (อยา่ งละเท่ากัน) สตู ร 3 กำ� จดั หนอนชอนใบ หนอนใต้ เพลยี้ ไฟไรแดง กะทกรก ใบนอ้ ยหน่า แสยก (อยา่ งละเทา่ กัน) น้ำ� หนกั รวม 50 กโิ ลกรมั ขัน้ ตอน/วิธกี ารทำ� นำ� สมุนไพรทุกอย่างสับให้ละเอยี ด ส่วนเมด็ สะเดาน�ำมาต�ำ น�ำสมนุ ไพร ของแตล่ ะสูตรไปหมักในถังใสน่ ำ้� พอท่วมจนเกอื บเต็ม ทิง้ ไวป้ ระมาณ 1 เดือน 42 สมุนไพรไทย
รปู ที่ 1 พืชสมนุ ไพรไล่แมลง รูปที่ 2 การสบั สมนุ ไพรใหล้ ะเอียด รปู ท่ี 3 การผสมกากนำ�้ ตาลและจุลนิ ทรีย์ รปู ที่ 4 การนำ� สมนุ ไพรใส่ลงผสมในถัง รปู ท่ี 5 ปิดฝาใหส้ นทิ พรอ้ มเขียนวัน/ เดือน/ ปี ทผี่ สม สมนุ ไพรไทย 43
การใช้ประโยชน์ ฉีดพ่นปอ้ งกันแมลงอตั ราส่วนน้�ำยา 1 ลิตร ตอ่ นำ้� 200 – 400 ลติ ร ในกรณีแมลงรบกวนมากใช้ในอัตราสว่ นนำ�้ ยา 1 ลิตร ตอ่ น้�ำ 100 – 200 ลติ ร ประโยชนป์ อ้ งกันและไล่แมลงท่มี าท�ำลายตน้ พชื ช่วยลดประชากรของแมลง คำ� แนะน�ำ/ขอ้ ควรระวังในการใช้ 1) ควรฉีดพน่ นำ�้ หมกั สมนุ ไพรไลแ่ มลงในเวลาตอนเยน็ 1 – 2 อาทิตย์ ต่อคร้งั 2) สมุนไพรสามารถปรบั เปลย่ี นได้ตามท้องถ่ินทม่ี ีอยู่ คอื ตอ้ งมี รสขม รสฝาด รสเปรย้ี ว รสเมาเบ่ือและหอมระเหย 3) การเก็บรักษา ควรปดิ ฝาใหเ้ รยี บรอ้ ย เก็บไว้ในทีร่ ม่ ท่ีมา : ศูนย์กสกิ รรมสมุนไพรไท (นายด�ำรงศกั ดิ์ ชุมแสงพันธ)์ จงั หวัดระยอง 44 สมุนไพรไทย
วัสดุอปุ กรณ์ การกล่นั สมนุ ไพร่ไลแ่ มลง หม้อต้มขนาด 200 ลติ ร กระทะขนาดพอดกี บั ปากหม้อ กระบอกไม้ไผ่ ฝ้ายใส่ในกระบอกไม้ไผ่เพื่อให้น�้ำสมุนไพรไหล เตาดินหรือใช้เตาสามขาก็ได้ แลว้ แตค่ วามเหมาะสม มลู ววั มลู ควาย ดนิ เหนียว แกลบดบิ สมุนไพรทจ่ี ะน�ำ มากล่นั ประกอบดว้ ย 1. สะเดาแห้งหรอื สด 5 กโิ ลกรมั 2. ข่าแก ่ 5 กิโลกรมั 3. ตระไคร้หอม 5 กโิ ลกรมั 4. โล่ตนิ้ (หางไหล) 1 กิโลกรัม 5. น้�ำ 50 กโิ ลกรัม ข้นั ตอน/วิธกี ารท�ำ 1. น�ำสมนุ ไพรทงั้ 4 ชนิด มาสับเปน็ ช้นิ เลก็ ๆ ขนาด 5-10 เซนตเิ มตร ใสล่ งในหมอ้ ต้ม เติมนำ�้ 50 ลติ ร 2. ตดิ ตง้ั กระบอกไม้ไผ่ใหอ้ ยู่ใตก้ น้ กระทะ นำ� กระทะมาปดิ ปากหมอ้ ตม้ 3. นำ� ดินเหนยี ว มูลววั หรือมลู ควาย แกลบดบิ มาผสมเขา้ กัน ผสมน�้ำ ใหด้ นิ เป็นโคลนตม นำ� ดนิ ทผี่ สมเสรจ็ แล้วมาปิดบริเวณปากหม้อใหส้ นิท 4. เติมน�้ำในกระทะประมาณ ¾ ของกระทะ ก่อไฟเร่ิมกระบวน การกลั่น ตรวจเช็คน�้ำในกระทะใหม้ อี ุณหภมู ไิ มเ่ กิน 50 องศา ถา้ รอ้ นเกินไป นำ�้ สมุนไพรทีก่ ลั่นจะไมไ่ หล เมอ่ื น้ำ� กลั่นสมุนไพรไหลแล้วรีบนำ� ขวดมารอนำ้� ท่ี ปลายกระบอกไม้ไผ่ การใชป้ ระโยชน์ น�ำน�้ำกลั่นสมุนไพรท่ีได้ 2 ชอ้ นโต๊ะต่อน้ำ� 5 ลิตรไปฉดี พ่นไลแ่ มลง ทกุ ๆ 7 วนั ที่มา : ศูนยเ์ ครือขา่ ยปราชญ์ชาวบา้ นนายโทน แจ่มใส จังหวดั อำ� นาจเจรญิ สมนุ ไพรไทย 45
วัสดุ/อุปกรณ์ การทำ� ถ่านอัดแท่งสมุนไพรไลแ่ มลง 1. เครอื่ งอดั ถา่ นแท่ง 1 เคร่อื ง 2. ผงถ่าน 3 สว่ น 3. แปง้ มัน 1 ส่วน 4. น้�ำเปลา่ 1 ส่วน 5. สมนุ ไพร ได้แก่ ตะไครห้ อม/ใบเตย (ใชท้ ำ� อย่างละชนิด) 0.5 ส่วน 6. กะละมัง 2 ใบ 7. ตะกรา้ 2 ใบ วธิ กี ารทำ� ขนั้ ตอนที่ 1 การเตรียมวัตถดุ บิ 1. ห่ันสมนุ ไพร ได้แก่ ใบเตย และตะไครห้ อม ตากแดดใหแ้ ห้งและบด ใหล้ ะเอียด 2. บดเศษถ่านกอ้ นเลก็ ๆ และรอ่ นให้ได้ผงถา่ นละเอียด ขนั้ ตอนท่ี 2 การผลิตถ่านอัดแท่งสมนุ ไพรไลย่ งุ 1. นำ� ผงถา่ นบดละเอยี ด แปง้ มนั สำ� ปะหลงั นำ�้ ตะไครห้ อมบดละเอยี ด มาผสมกันในอตั ราส่วน 3 : 1 : 1 : 0.5 2. ผสมคลกุ เคล้าให้เขา้ กัน ในกะละมงั 3. นำ� สว่ นผสมทไ่ี ด้ในขอ้ 2 ไปอดั เปน็ แทง่ ถ่านโดยใชเ้ ครอื่ งอดั ถ่านแทง่ ใชแ้ รงคนอัด 4. นำ� แท่งถ่านทไ่ี ด้ใส่ตะกร้านำ� ไปตากแดดให้แห้ง 5. ไดถ้ า่ นอดั แท่งสมุนไพรไลย่ งุ กล่นิ ตะไครห้ อม 6. ทำ� ตามขนั้ ตอนตงั้ แตข่ อ้ 1-4 โดยใช้ใบเตยบดละเอยี ดแทนตะไครห้ อม สจะได้ถ่านอัดแทง่ สมนุ ไพรไลย่ งุ กลิ่นใบเตย 46 มุนไพรไทย
7. น�ำไปใช้ในครวั เรอื นและจ�ำหนา่ ย หมายเหตุ : ผงถา่ นหรอื เศษถา่ นกอ้ นเลก็ ๆ สามารถนำ� กลบั มาใช้ใหม่ แทนถา่ นไม้ได้ โดยใชแ้ ปง้ มนั และน�้ำเป็นตัวประสานสมุนไพรทผ่ี สมกับผงถา่ น บดละเอียด มีคุณสมบัติสามารถไล่ยุงได้ โดยมีอัตราส่วนท่ีเหมาะสม คือ ผงถ่าน : แปง้ มัน : นำ้� : สมนุ ไพรบดละเอียด เท่ากับ 3 : 1 : 1 : 0 .5 จะให้ ผลดที ี่สดุ คือ ถา่ นที่ได้มีลกั ษณะแข็ง การเผาไหม้ดี ระยะเวลาการเผาไหม้ นาน และไมค่ อ่ ยมีข้เี ถ้า ใหค้ วามรอ้ นสมำ่� เสมอ ประโยชน์ : เป็นเชอื้ เพลงิ และสามารถไล่ยงุ ท่ีมา : ศูนยห์ มอดนิ นำ� ทิศสูช่ ีวติ พอเพียง จงั หวัดมกุ ดาหาร สมนุ ไพรไทย 47
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: