คำนำ หนังสืออิเลคทรอนิกส์ “ประวัตพิ ระนเรศวรมหาราช”เล่มน้ี งานห้องสมุดประชาชนอำเภอบางเสาธงไดจ้ ัดทำ ขน้ึ มาโดยใช้ข้อมูลจากเวปไซต์ วิกพิ เี ดีย เป็นหลัก ทง้ั นเ้ี พื่อนำหนังสืออิเลคทรอนิกส์เลม่ นี้ไปจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ การอ่าน ใหก้ ับนกั ศกึ ษา และประชาชนท่วั ไป เพื่อใชเ้ ปน็ แหล่งคน้ คว้าขอ้ มูลองค์ความรู้ประกอบการทำแบบทดสอบออนไลน์ พร้อมรับเกียรติบตั ร งานห้องสมุดประชาชนอำเภอบางเสาธงหวังเป็นอย่างยิ่งวา่ หนงั สอื เิ ลคทรอนิกส์เล่มนจี้ ะช่วยให้การค้นคว้า ขอ้ มูลของนักอ่านไดง้ ่ายขึน้ และสามารถนำไปใชเ้ ปน็ หลกั ฐานเบื้องต้นในการค้นควา้ ไดบ้ ้างตามสมควร งานห้องสมดุ ประชาชนอำเภอบางเสาธง
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีพระนามเดมิ วา่ พระนเรศ หรือ \"พระองคด์ ำ\" เปน็ พระราชโอรสในสมเดจ็ พระ มหาธรรมราชาธริ าชและพระวสิ ทุ ธิกษตั รยี ์ เสดจ็ พระราชสมภพเม่ือ พ.ศ.๒๐๙๘ ทพ่ี ระราชวังจันทน์ เมืองพษิ ณุโลก มี พระเชษฐภคินีคือพระสุพรรณกลั ยา มีพระอนุชาคือสมเดจ็ พระเอกาทศรถ (องค์ขาว) เสด็จขึน้ ครองราชย์เมอ่ื วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๑๓๓ ครองราชย์สมบตั ิ ๑๕ ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวนั ท่ี ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๑๔๘ สริ ิพระชนมพรรษา ๔๙ พรรษา ราชการสงครามในสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช เป็นเหตกุ ารณท์ ย่ี ิ่งใหญ่และสำคัญยิง่ ของชาติไทย พระองค์ได้กู้ อิสรภาพของไทยจากการเสียกรงุ ศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผอ่ ำนาจของราชอาณาจักรไทย อย่างกว้างใหญไ่ พศาล นับตงั้ แตป่ ระเทศพม่าตอนใต้ท้งั หมด นนั่ คือ จากฝงั่ มหาสมุทรอนิ เดียทางดา้ นตะวนั ตก ไปจนถึงฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ทางด้านตะวันออก ทางด้านทิศใตต้ ลอดไปถึงแหลมมลายู ทางดา้ นทิศเหนือก็ถงึ ฝ่งั แมน่ ำ้ โขงโดยตลอด และยงั รวมไปถึง รฐั ไทใหญ่บางรัฐ
พระราชประวัติ ขณะทรงพระเยาว์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรอื พระองคด์ ำ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาธริ าชและพระวิ สทุ ธกิ ษตั รีย์ พระราชธิดาของสมเดจ็ พระมหาจักรพรรดแิ ละพระสุรโิ ยทยั เสด็จพระราชสมภพเมอื่ พ.ศ.๒๐๙๘ ที่ พระราชวงั จันทน์ เมืองพิษณโุ ลก พระองค์มพี ระเชษฐภคนิ ีคือพระสุพรรณกัลยา และพระอนุชาคือสมเดจ็ พระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ขณะทที่ รงพระเยาว์ พระองค์ทรงใช้ชวี ติ อยู่ทีพ่ ระราชวังจนั ทน์ เมืองพิษณุโลก จนกระท่ังพระเจ้าบุเรง นองยกทพั มาตเี มืองพิษณุโลกในสงครามชา้ งเผือก สมเด็จพระมหาธรรมราชาธริ าช เจา้ เมอื งพิษณโุ ลก ยอมอ่อนน้อมต่อ หงสาวดจี งึ ทำใหเ้ มืองพิษณุโลกต้องเปน็ เมืองประเทศราชของกรุงหงสาวดีและไม่ข้นึ ต่อกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าบุเรงนอง ทรงขอพระสพุ รรณกัลยาและพระนเรศวรไปเปน็ องคป์ ระกันท่ีหงสาวดใี น พ.ศ.๒๑๐๗ ทำให้พระองค์ตอ้ งจากบ้านเกิด เมอื งนอนตงั้ แต่มีพระชนมายเุ พยี ง ๙ พรรษา ประทบั อยู่กรุงหงสาวดี ๘ ปี และเสดจ็ กลบั กรุงศรีอยธุ ยาเมอ่ื พระชนมายุ ๑๗ พรรษา พ.ศ.๒๑๑๕ คร้ังท่อี ย่ใู นเมืองหงสาวดีก็ได้แสดงความปรชี าสามารถให้ปรากฏหลายตอ่ หลายคร้งั ปกครองเมืองพิษณุโลก หลงั จากพระเจ้าบเุ รงนองตีกรุงศรีอยธุ ยาแตกเม่ือ พ.ศ.๒๑๑๒ มะเสง็ ศก วนั อาทติ ย์ เดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ และ ได้สถาปนาสมเด็จพระมหาธรรมราชาครองกรงุ ศรีอยธุ ยาในฐานะประเทศราชของหงสาวดีแล้ว พระองค์ได้หนีกลับมายัง กรุงศรีอยธุ ยาโดยท่พี ระเจ้าบุเรงนองทรงยินยอมอนั เนื่องมาจากพระสพุ รรณกลั ยาทรงขอไว้ เมอ่ื เสดจ็ กลบั มาถึงกรงุ ศรี อยุธยาในปี พ.ศ.๒๑๑๕ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาพระราชทานนามให้พระองคว์ ่า \"พระนเรศวร\" และโปรดเกล้าฯ ให้ เปน็ พระมหาอุปราช พระชนมายุ ๑๗ พรรษา ไปปกครองเมืองพิษณุโลก พระองคท์ รงปกครองเมืองอย่างดีและทรงเริ่ม เตรียมการท่จี ะกอบกู้เอกราชของกรุงศรีอยธุ ยา การท่ีได้เสด็จไปประทับอยูห่ งสาวดถี งึ ๘ ปีนนั้ ก็เป็นประโยชนย์ ิ่งเพราะทรงทราบทงั้ ภาษา นสิ ัยใจคอ ตลอดจนลว่ งรู้ความสามารถของพมา่ ซ่งึ นบั เปน็ ทนุ สำหรับคิดอ่านเพื่อหาหนทางในการต่อสู้กับพม่า เม่ือหงสาวดีตกี รงุ ศรี อยุธยาได้น้นั อ้างว่าขา้ ราชการในกรงุ ศรีอยธุ ยาเกลียดชังสมเด็จพระมหาธรรมราชา จึงต้องถอนขา้ ราชการเมืองเหนอื ที่ เคยใชส้ อยลงมารบั ราชการในกรุงศรีอยุธยาเป็นจำนวนมาก ทำใหจ้ ำนวนขา้ ราชการทางเมอื งเหนือบกพรอ่ งจงึ ต้องหาตัว ตั้งขึ้นใหม่พระองค์ทรงขวนขวายหาคนสำหรบั ทรงใช้สอยโดยฝกึ ทหารท่ีอยู่ในรุ่นราวคราวเดยี วกนั ตามวิธยี ุทธ์ของ พระองค์ทงั้ ส้นิ และนับเปน็ กำลงั สำคัญของพระนเรศวรในเวลาต่อมา การตีกรงุ ศรอี ยธุ ยาของเขมร เม่ือปี พ.ศ.๒๑๑๓ พระยาละแวกหรอื สมเด็จพระบรมราชา กษัตริยเ์ ขมร ซ่ึงเคยเป็นเมอื งขน้ึ ของกรงุ ศรอี ยุธยา มาก่อนต้งั แต่คร้ังสมเดจ็ พระรามาธบิ ดีท่ี ๑ เห็นกรุงศรีอยธุ ยาบอบซำ้ จากการทำสงครามกบั พม่าจึงถือโอกาสยกกองทัพ เขา้ มาซ้ำเติมโดยมีกำลังพล ๒๐,๐๐๐ นาย เข้ามาทางเมืองนครนายก เม่ือมาถงึ กรุงศรีอยุธยาได้ตั้งทัพอยู่ทีต่ ำบลบ้าน
กระทุ่มแลว้ เคล่ือนพลเข้าประชดิ พระนครและไดเ้ ขา้ มายนื ช้างบัญชาการรบอยใู่ นวัดสามพหิ าร รวมทั้งวางกำลังพลราย เรียงเข้ามาถึงวดั โรงฆ้องตอ่ ไปถงึ วัดกุฎที อง และนำกำลงั พล ๕,๐๐๐ นาย ชา้ ง ๓๐ เชือก เขา้ ยึดแนวหนา้ วัดพระเมรุราชิ การามพร้อมกบั ให้ทหารลงเรือ ๕๐ ลำแลน่ เข้ามาปล้นพระนครตรงมมุ เจ้าสนุก ในครั้งนั้นสมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธิราช เสดจ็ ออกบญั ชาการการรบป้องกนั พระนครเปน็ สามารถ กองทัพเขมรพยายามยกพลเขา้ ปลน้ พระนครอยู่ ๓ วนั แตไ่ ม่ สำเร็จจงึ ยกกองทัพกลบั ไปและได้กวาดต้อนผู้คนชาวบา้ นนาและนครนายกไปยังประเทศเขมรเป็นจำนวนมาก ตอ่ มาเม่อื ปี พ.ศ.๒๑๑๗ ในขณะท่ีกองทัพกรงุ ศรอี ยุธยาภายใตก้ ารบังคบั บญั ชาของสมเด็จพระธรรมราชาธริ าช และพระนเรศวรได้ยกกองทพั ไปชว่ ยหงสาวดเี พ่อื ตเี มอื งศรีสัตนาคนหตุ พระยาละแวกได้ถอื โอกาสยกกองทพั มาทางเรือ เขา้ ตกี รุงศรอี ยธุ ยาอีกครงั้ หน่ึง แต่การศึกคร้งั นีโ้ ชคดีเปน็ ของกรงุ ศรอี ยุธยา กล่าวคือขณะทีก่ องทพั กรงุ ศรีอยุธยายกไปถึง หนองบวั ลำภู เมอื งอุดรธานี พระนเรศวรประชวรเป็นไข้ทรพิษ ดงั น้ันพระเจ้าบุเรงนองจึงโปรดใหก้ องทพั กรงุ ศรีอยุธยายก ทัพกลับไปโดยกองทัพกรุงศรีอยุธยากลบั มาไดท้ นั เวลาท่ีกรุงศรีอยุธยาถูกโจมตีจากกองทัพเรือเขมร ซ่ึงขึน้ มาถึงกรงุ ศรี อยธุ ยาเมอ่ื เดือนอ้าย พ.ศ.๒๑๑๘ โดยได้ตงั้ ทัพชมุ นุมพลอยู่ทตี่ ำบลขนอนบางตะนาวและลอบแฝงเขา้ มาอยู่ในวัดพนัญเชิง รวมทัง้ ใชเ้ รอื ๓ ลำเขา้ ปล้นชาวเมืองทตี่ ำบลนายก่าย ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาได้ใชป้ ืนใหญ่ยิงไปยังปอ้ มคา่ ยนายกา่ ยถูกข้าศึก ลม้ ตายเปน็ อนั มาก แล้วใหท้ หารเรือเอาเรอื ไปท้าทายให้ข้าศึกออกมารบพุ่ง จากน้ันก็หลอกลอ่ ใหข้ ้าศึกรุกไลเ่ ขา้ มาใน พื้นที่การยิงหวังผลของปนื ใหญ่ เมือ่ พร้อมแล้วก็ระดมยงิ ปืนใหญ่ถูกทหารเขมรแตกพ่ายกลับไป รบกับเขมรท่ีไชยบาดาล ในปี พ.ศ.๒๑๒๑ พระยาจนี จันตุ ขนุ นางจนี ของกัมพชู า รับอาสาพระสฎั ฐามาปล้นเมืองเพชรบรุ ี แต่ต้องพา่ ย แพต้ ีเข้าเมืองไม่ได้จะกลับกมั พชู ากเ็ กรงวา่ จะต้องถูกลงโทษ จงึ พาสมัครพรรคพวกมาสวามภิ กั ดิอ์ ยู่กับคนไทย โดยสมเดจ็ พระมหาธรรมราชาทรงชบุ เลี้ยงไว้ ต่อมาไมน่ านก็ลงเรือสำเภาหนอี อกไป เวลานนั้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชมี พระชนมายุได้ ๒๔ พรรษา ตระหนกั ในพระทัยดวี ่า พระยาจนี จันตุเปน็ ผูส้ บื ขา่ วไปให้เขมร พระองคจ์ ึงเสดจ็ ลงเรือกราบ กนั ยารีบตามไป เสดจ็ ไปด้วยอีกลำหน่ึงตามไปทันกนั เม่ือใกล้จะออกปากน้ำ พระยาจีนจันตุยงิ ปนี ต่อสู้ สมเดจ็ พระนเรศวร จึงเรง่ เรอื พระที่นั่งขึน้ หน้าเรือลำอน่ื ประทับยืนทรงยิงพระแสงปนื นกสับท่หี น้ากันยาไลก่ ระชน้ั ชิดเข้าไปจนข้าศึกยงิ มา ถกู รางพระแสงปนื แตกอยู่กบั พระหตั ถ์กไ็ ม่ยอมหลบ พระเอกาทศรถเกรงจะเป็นอนั ตราย จงึ ตรสั สั่งให้เรือที่ทรงเข้าไปบังเรือ สมเดจ็ พระเชษฐาก็พอดีกบั เรือท่ที รงเข้าไป บังเรือสมเดจ็ พระเชษฐาก็พอดีกับเรือสำเภาของพระยาจนี จนั ตไุ ดล้ มแล่นออก ทะเลไป เนื่องจากเรือรบไทยเปน็ เรือเล็กสคู้ ล่นื ลมไม่ไหวจำตอ้ งถอยขบวนกลบั ขน้ึ มาตามลำนำ้ พบกับสมเดจ็ พระมหา ธรรมราชาที่คุมกำลงั ทหารลงเรอื หนุนตามมาที่เมืองพระประแดง ทรงกราบทลู เหตุการณ์ทเี่ กิดขึ้นให้ทรงทราบ แลว้ เคลอื่ นขบวนกลบั สู่พระนคร พระปรีชาสามารถในการรบเป็นท่ีประจกั ษห์ ลายครั้งหลายคราว ครนั้ ย่ิงนานวันความกล้าแกร่งของพระ นเรศวรย่ิงเพิ่มขึน้ เป็นเงาตามตัว ความสามารถในการเป็นผู้นำปรากฏให้เห็นอยา่ งชดั เจน จนกระทัง่ ได้รบั ความนับถือยก
ยอ่ งโดยทวั่ ไป แต่การทำสงครามกับเขมรก็ยงั ไมจ่ บส้นิ ทงั้ นี้เพราะเขมรยังคงเช่ือวา่ สยามยังออ่ นแอสามารถท่ีจะเข้ามา ปลน้ ชิงได้อยู่ พ.ศ.๒๑๒๓ กษัตริยก์ มั พชู าไดใ้ ห้พระทศโยธาและพระสรุ ินทรร์ าชาคมุ กำลังประมาณ ๕,๐๐๐ประกอบไป ด้วยชา้ ง ม้า ลาดตระเวนเข้ามาในหวั เมอื งดา้ นตะวันออก แลว้ เคล่ือนต่อเข้ามายังเมืองสระบรุ แี ละเมอื งอน่ื ๆ หมายจะ ปลน้ ทรัพย์จบั ผู้คนไปเป็นเชลย ประจวบเหมาะกับพระนเรศวรเสดจ็ ลงมาประทบั อยูท่ ่ีกรุงศรีอยุธยาพอดี เม่อื ทรงทราบ ข่าวศึกกท็ รงทูลขอกำลงั ทหารประจำพระนคร ๓,๐๐๐ คน ทงั้ ท่มี ีกำลังพลน้อยกว่าเขมรแต่สมเด็จพระนเรศวรก็สามารถ วางกลศกึ หลอกล่อ กระทง่ั สามารถโจมตที ัพของเขมรให้แตกหนีกลบั ไปได้ในทีส่ ดุ ฝ่ายพระทศโยธา และพระสรุ ินทราชา เห็นทัพหน้าแตกยับเยิน ไม่ทราบแนว่ ่ากองทพั ไทยมกี ำลังมากนอ้ ยเพียงใด ก็รีบถอยหนีกลับไปทางนครราชสมี า กไ็ ด้ถูก ทัพไทยทดี่ ักทางคอยอยู่กอ่ นแล้ว เขา้ โจมตีซำ้ เตมิ อีก กองทัพเขมรทง้ั หมดจงึ รีบถอยหนีกลบั ไป การรบครั้งน้ีทำใหส้ มเด็จ พระนเรศวรเป็นท่เี คารพยำเกรงแก่บรรดาแมท่ ัพนายกอง และบรรดาทหารท้ังปวงเป็นท่ียิ่ง กิตตศิ ัพท์อันน้ีเปน็ ทเี่ ล่ืองลือ ไปถึงกรงุ หงสาวดี และผลจากการรบครั้งนที้ ำใหเ้ ขมรไม่กล้าลอบมาโจมตีไทยถงึ พระนครอีกเลย การรบทีเ่ มอื งรมุ เมืองคัง เมื่อพระเจ้าบเุ รงนองแหง่ หงสาวดสี วรรคต ทางหงสาวดีจงึ มีการผลัดเปล่ียนแผ่นดินใหม่ โดยนันทบุเรงได้ข้ึน ครองราชย์สมบตั สิ บื ต่อจากพระเจ้าบุเรงนอง พระนเรศวรในขณะนัน้ กไ็ ด้คมุ ทัพและเครื่องราชบรรณาการไปถวายแกห่ ง สาวดีตามราชประเพณที ี่มีมา คอื เมื่อหงสาวดีมีการผลัดเปล่ยี นกษัตรยิ ์ ประเทศราชจะตอ้ งปฏบิ ตั ิเช่นนี้ทางดา้ นเจา้ ฟ้า เมืองคงั ซงึ่ เปน็ เมืองข้ึนของหงสาวดแี ข็งเมือง ไมย่ อมส่งราชบรรณาการไปถวายพระเจา้ นันทบุเรง ดังน้นั ทางหงสาวดจี ึง จัดกองทพั ข้ึน ๓ กอง มีพระมหาอุปราชราชโอรสของพระเจ้านนั ทบเุ รง พระสังขฑัตโอรสเจา้ เมอื งตองอู สว่ นทัพท่ี ๓ คือ กองทัพของพระนเรศวร แหง่ กรุงศรีอยุธยาใหย้ กไปปราบปรามเมืองคงั กองทพั ของพระมหาอุปราชบุกเขา้ โจมตเี มืองคัง ก่อน แต่ปรากฏวา่ ตไี ม่สำเรจ็ ตอ่ มาจึงเป็นหน้าที่ของกองทัพพระสงั ขฑตั แตก่ ารโจมตีก็ต้องผดิ หวังลา่ ถอยกลบั มาอกี เช่นกัน ดังน้ันจงึ เป็นคราวที่พระนเรศวรจะเข้าโจมตีเมืองคังบ้าง พระนเรศวรทรงพิจารณาเห็นวา่ เมืองคงั ต้งั อยบู่ นทสี่ ูง พระองคจ์ ึงวางแผนการยทุ ธจัดทัพใหม่ แบ่งกำลงั ส่วนหน่ึงเขา้ โจมตดี ้านหนา้ กำลงั สว่ นน้ีมีไม่มากนัก แตก่ ำลังส่วนใหญ่ ของพระองคเ์ ปลย่ี นทิศทางโอบเขา้ ตีด้านหลัง ประกอบกบั พระองค์ทรงรทู้ างลบั ท่จี ะบุกเข้าสู่เมืองคงั อีกด้วย จงึ สามารถ โจมตเี มอื งคังแตกโดยไม่ยาก พระนเรศวรจบั เจ้าฟา้ เมืองคงั ไปถวายพระเจ้านันทบุเรงที่หงสาวดีเป็นผลสำเร็จ ชยั ชนะใน
การตเี มืองคงั คร้งั นน้ั ทำให้ฝ่ายพม่าเร่มิ ร้วู า่ ฝีมือทัพอยธุ ยา มคี วามเก่งกลา้ สามารถนา่ เกรงขามยิ่งกวา่ แต่ก่อน โดยเฉพาะ พระสงั ขฑตั และพระมหาอุปราชารสู้ ึกมีความละอายมากในการทำศึกครั้งน้ี นอกจากนแ้ี ลว้ ตอ่ มาพวกเขมรยกทัพมา กวาดตอ้ นผ้คู นในเมืองนครราชสมี าและหัวเมอื งช้ันใน ก็ถูกกองทัพของพระนเรศวรโจมตีแตกกระเจงิ และเลิกทัพถอย กลบั ไป ความเก่งกล้าสามารถของพระนเรศวรมมี ากข้นึ เพียงไร ความหวาดระแวงของพระเจ้านันทบเุ รงก็เพ่ิมมากขึน้ พระเจา้ นนั ทบเุ รงเริม่ ไม่ไวว้ างพระทัยพระนเรศวร คอยจบั จ้องดคู วามเปลีย่ นแปลงและความสามารถของพระองคอ์ ยู่ ตลอดเวลา คิดว่าหากมโี อกาสเมอื่ ใดก็จะกำจัดตัดไฟแตต่ น้ ลม ประกาศอิสรภาพ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงหลั่งทักษิโณทกตดั สัมพันธไมตรีกับหงสาวดี และกวาดตอ้ นครัวไทยครัวมอญ ข้ามแมน่ ้ำสะโตงกลบั คนื พระนคร (จติ รกรรมฝาผนงั วัดสุวรรณดาราราม จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา) เม่ือปี พ.ศ. ๒๑๒๖ พระเจ้าองั วะเปน็ กบฏ เนอ่ื งจากไม่พอใจทางกรงุ หงสาวดีอยู่หลายประการ จึงแข็งเมืองพรอ้ มกบั เกลีย้ กล่อมเจา้ ไทยใหญ่ อีกหลายเมืองให้แข็งเมืองดว้ ย พระเจา้ นันทบุเรงจึงยกทัพหลวงไปปราบ ในการณน์ ีไ้ ดส้ ั่งใหเ้ จา้ เมืองแปรเจา้ เมืองตองอู และเจ้าเมืองเชยี งใหม่ รวมท้ังทางกรงุ ศรีอยธุ ยาดว้ ย ใหย้ กทพั ไปช่วยทางไทย สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาโปรดใหส้ มเด็จ พระนเรศวรยกทัพไปแทน สมเด็จพระนเรศวรยกทัพออกจากเมืองพิษณุโลก เม่ือวนั แรม ๖ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะแม พ.ศ.๒๑๒๖ พระองค์ยก ทพั ไทยไปช้า ๆ เพอ่ื ใหก้ ารปราบปรามเจา้ อังวะเสรจ็ สิน้ ไปก่อน ทำให้พระเจา้ นันทบเุ รงแคลงใจว่า ทางไทยคงจะถูกพระ เจ้าองั วะชกั ชวนใหเ้ ข้าด้วย จงึ ส่ังใหพ้ ระมหาอปุ ราชาคมุ ทัพรักษากรงุ หงสาวดีไวถ้ ้าทัพไทยยกมาถงึ ก็ใหต้ ้อนรับและ หาทางกำจดั เสีย และพระองค์ได้สัง่ ให้พระยามอญสองคน คอื พระยาเกยี รติและพระยาราม ซึง่ มีสมคั รพรรคพวกอยูท่ ่ี เมอื งแครงมาก และทำนองจะเป็นผคู้ นุ้ เคยกับสมเดจ็ พระนเรศวรมาแต่ก่อน ลงมาคอยต้อนรบั ทพั ไทยท่ีเมืองแครง อัน เปน็ ชายแดนตดิ ตอ่ กบั ไทย พระมหาอปุ ราชาได้ตรัสสง่ั เป็นความลับวา่ เม่ือสมเด็จพระนเรศวรยกกองทัพข้ึนไป ถา้ พระ มหาอุปราชายกเขา้ ตดี า้ นหน้าเม่ือใด ให้พระยาเกยี รติและพระยารามคุมกำลงั เข้าตีกระหนาบทางดา้ นหลงั ช่วยกนั กำจัด สมเดจ็ พระนเรศวรเสียใหจ้ งได้ พระยาเกยี รตกิ ับพระยารามเมอื่ ไปถึงเมืองแครงแล้วได้ขยายความลับนี้แก่พระมหาเถรคัน ฉอ่ งผเู้ ป็นอาจารยข์ องตน ทุกคนไม่มีใครเหน็ ดีด้วยกบั แผนการของพระเจ้านนั ทบุเรง กองทพั ไทยยกมาถึงเมืองแครง เมื่อวนั ข้ึน ๑ คำ่ เดือน ๖ ปวี อก พ.ศ.๒๑๒๗ โดยใชเ้ วลาเดินทพั เกือบสองเดือน กองทัพไทยต้งั ทัพอยนู่ อกเมือง เจา้ เมืองแครงพร้อมทงั้ พระยาเกียรติกบั พระยารามไดม้ าเฝา้ ฯ สมเดจ็ พระนเรศวร จากนน้ั สมเดจ็ พระนเรศวรได้เสดจ็ ไปเย่ียมพระมหาเถรคนั ฉ่องซงึ่ คุ้นเคยกนั ดมี าก่อน พระมหาเถรคันฉ่องมใี จจงึ กราบทลู ถงึ เรอื่ ง การคดิ ร้ายของทางพระเจา้ นันทบุเรง แล้วใหพ้ ระยาเกียรติกบั พระยารามกราบทูลให้ทราบตามความเปน็ จรงิ เมอื่ พระองค์ได้ทราบความโดยตลอดแล้ว ก็มีพระราชดำริเหน็ ว่าการเปน็ อรริ าชศัตรูกบั กรุงหงสาวดีน้ัน ถึงกาลเวลาที่จะต้อง เปิดเผยต่อไปแลว้ จึงไดม้ ีรบั ส่ังให้เรียกประชมุ แมท่ ัพนายกอง กรมการเมือง เจา้ เมืองแครงรวมท้งั พระยาเกียรติพระยา
รามและทหารมอญมาประชุมพร้อมกนั แลว้ นมิ นต์พระมหาเถรคันฉ่องและพระสงฆ์มาเป็นสกั ขีพยาน ทรงแจ้งเรื่องให้คน ทง้ั ปวงท่มี าชุมนุม ณ ท่ีน้ันทราบวา่ พระเจา้ นันทบเุ รงดีคดิ ประทุษร้ายต่อพระองค์ จากนั้นพระองค์ไดท้ รงหล่งั น้ำลงสู่ แผ่นดนิ ดว้ ยสวุ รรณภิงคาร (พระน้ำเตา้ ทองคำ) ประกาศแก่เทพยดาฟา้ ดนิ วา่ \"ด้วยพระเจา้ หงสาวดี มไิ ดอ้ ยู่ในครองสจุ ริต มติ รภาพขตั ตยิ ราชประเพณี เสียสามคั ครี สธรรม ประพฤติพาลทจุ ริต คดิ จะทำอันตรายแกเ่ รา ตั้งแตน่ ี้ไป กรงุ ศรีอยธุ ยา ขาดไมตรกี บั กรุงหงสาวดมี ิได้เปน็ มิตรร่วมสวุ รรณปฐพเี ดียวกันดจุ ดงั แต่ก่อนสืบไป\" จากนัน้ พระองคไ์ ดต้ รสั ถามชาวเมอื งแครงวา่ จะเข้าขา้ งฝา่ ยใด พวกมอญทั้งปวงต่างเขา้ กับฝา่ ยไทย สมเดจ็ พระ นเรศวรจึงให้จับเจา้ เมืองกรมการพม่าแลว้ เอาเมืองแครงเป็นท่ตี ้งั ประชุมทพั เม่ือจดั กองทัพเสรจ็ กท็ รงยกทัพจากเมือง แครงไปยังเมืองหงสาวดีเมื่อวันแรม ๓ ค่ำ เดือน ๖ ฝ่ายพระมหาอปุ ราชาที่อยรู่ ักษาเมืองหงสาวดี เมื่อทราบวา่ พระยาเกียรติพระยารามไปเข้ากับสมเดจ็ พระ นเรศวร จงึ ได้แตร่ กั ษาพระนครม่นั อยู่ สมเดจ็ พระนเรศวรเสด็จยกทพั ข้ามแมน่ ำ้ สะโตงไปใกลถ้ งึ เมอื งหงสาวดี ไดท้ ราบ ความวา่ พระเจา้ นนั ทบุเรงมีชัยชนะได้เมืองอังวะแลว้ กำลังจะยกทัพกลับคืนพระนคร พระองค์เห็นวา่ สถานการณค์ รงั้ นี้ ไมส่ มคะเน เหน็ วา่ จะตเี อาเมืองหงสาวดีในครงั้ นี้ยังไม่ได้ จึงใหก้ องทัพแยกย้ายกนั เทีย่ วบอกพวกครัวไทยที่พม่ากวาดตอ้ น ไปแต่ก่อนให้อพยพกลับบ้านเมือง ไดผ้ คู้ นมาประมาณหม่ืนเศษให้ยกล่วงหนา้ ไปก่อน พระองค์ทรงคุมกองทัพยกตามมา ข้างหลัง พระแสงปนื ต้นข้ามแม่นำ้ สะโตง ฝ่ายพระมหาอุปราชาทราบข่าววา่ สมเดจ็ พระนเรศวรกวาดตอ้ นคนไทยกลบั จงึ ได้ใหส้ ุรกรรมาเปน็ กองหน้า พระมหาอุปราชาเป็นกองหลวงยกติดตามกองทัพไทยมา กองหน้าของพมา่ ตามมาทนั ที่ริมฝง่ั แมน่ ำ้ สะโตง ในขณะทีฝ่ ่าย ไทยได้ขา้ มแม่น้ำไปแลว้ และคอยป้องกนั มใิ ห้ข้าศึกขา้ มตามมาได้ ไดม้ ีการต่อสูก้ นั ทร่ี ิมฝั่งแม่นำ้ สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้ พระแสงปืนคาบชดุ ยาวเก้าคืบ ยิงถกู สรุ กรรมาแมท่ ัพหน้าพมา่ ตายบนคอช้าง กองทัพของพมา่ เหน็ แม่ทัพตาย ก็พากันเลกิ ทัพกลับไป เมื่อพระมหาอุปราชาแม่ทัพหลวงทรงทราบ จงึ ใหเ้ ลกิ ทพั กลับไปกรุงหงสาวดี พระแสงปนื ท่ีใช้ยงิ สุรกรรมาตาย บนคอชา้ งน้ีได้นามปรากฏตอ่ มาวา่ \"พระแสงปืนต้นข้ามแมน่ ำ้ สะโตง\" นบั เปน็ พระแสงอัษฎาวธุ อนั เปน็ เคร่ืองราชปู โภค เมอ่ื สมเดจ็ พระนเรศวรเสด็จกลับถงึ เมืองแครง ทรงพระราชดำริว่าพระมหาเถรคันฉอ่ งกับพระยาเกียรติพระยารามได้มี อุปการะมาก สมควรไดร้ ับการตอบแทนให้สมแก่ความชอบ จงึ ทรงชกั ชวนให้มาอยใู่ นกรงุ ศรีอยธุ ยา พระมหาเถรคนั ฉ่อง กบั พระยามอญทั้งสองก็มคี วามยนิ ดพี าพรรคพวกเสด็จเข้ามาดว้ ยเป็นอันมาก ในการยกกำลังกลับครง้ั น้สี มเด็จพระ นเรศวรทรงเกรงวา่ ขา้ ศกึ อาจยกทพั ตามมาอีกถ้าเสด็จกลับทางด่านแมล่ ะเมา มีกองทัพของนนั ทสูราชสงั ครำตั้งอย่ทู ่ีเมือง กำแพงเพชรจะเปน็ อุปสรรคต่อการเดินทาง พระองค์จึงรบี สั่งให้พระยาเกียรติ พระยาราม นำทพั เดินผา่ นหวั เมืองมอญลง มาทางใต้ มาเขา้ ทางดา่ นเจดียส์ ามองค์ เม่ือกลับมาถงึ กรุงศรอี ยุธยาแล้ว สมเด็จพระมหาธรรมราชากพ็ ระราชทาน บำเหน็จรางวัลแก่พวกมอญที่สวามิภักดิ์ ทรงตัง้ พระมาหาเถรคนั ฉ่องเป็นพระสังฆราชาท่ีสมเด็จอรยิ วงศ์ และให้พระยา
เกยี รติ พระยารามมีตำแหนง่ ยศได้พระราชทานพานทองควบคุมมอญทเ่ี ข้ามาด้วย ใหต้ ง้ั บา้ นเรอื นท่รี มิ วดั ขม้นิ และวัดขุน แสนใกลว้ งั จนั ทรข์ องสมเดจ็ พระนเรศวร แล้วทรงมอบการทั้งปวงทีจ่ ะตระเตรียมต่อสู้ข้าศกึ ให้สมเดจ็ พระนเรศวรทรง บงั คบั บัญชาสิทธิขาดแตน่ นั้ มา รบกบั พระยาพะสิม ปี พ.ศ.๒๑๒๗ หลังจากท่สี มเดจ็ พระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพได้ ๗ เดอื น พระเจา้ นันทบุเรงจงึ จดั ทัพสอง ทพั ใหย้ กมาตีไทย ทัพแรกมพี ระยาพะสิม (เป็นพระเจา้ อาของพระเจา้ นันทบุเรง) คุมกำลัง ๓๐,๐๐๐ โดยยกมาทางดา่ น เจดียส์ ามองค์ ทพั ท่สี องมีเจ้าเมอื งเชียงใหม่ชอื่ มงั นรธาชอ่ ราชอนุชา ยกทัพบกและเรือมา จากเชยี งใหม่มีกำลังพล ๑๐๐,๐๐๐ กองทพั พระยาพะสมิ ยกเข้ามาถงึ เมืองกาญจนบุรี (ถงึ ก่อนทัพเจ้าเมืองเชียงใหม)่ สมเดจ็ พระนเรศวรทรงให้ พระยาจักรยี กทัพเรือไปยิงปนื ใหญด่ กั ข้าศึกแถว ๆ เมืองสุพรรณบรุ ี ทัพพม่าถูกปืนใหญ่แตกพ่ายหนีไปอยบู่ นเขาพระยา แมน เจ้าพระยาสโุ ขทยั ยกทัพไปเขาพระยาแมน เข้าตีทัพพระยาพะสิมแตกพา่ ยหนีกระเจงิ เจ้าพระยาสุโขทยั จึงสั่งให้ตาม บดขยี้ขา้ ศึกจนถึงชายแดนเมืองกาญจนบุรี หลังจากทัพพระยาพะสมิ แตกพา่ ยหนกี ลับไปได้สองอาทติ ย์ กองทัพพระยา เชยี งใหม่ได้เดนิ ทัพมาถึงชัยนาท โดยทีไ่ ม่ทราบขา่ วการพ่ายแพข้ องพระยาพะสมิ จงึ สง่ แมท่ พั และทหารจำนวนหน่ึงมาตงั้ คา่ ยทป่ี ากน้ำบางพุทรา ทางสมเด็จพระนเรศวรมีรบั ส่ังให้พระราชมนูยกทัพไปตขี ้าศกึ ที่ปากนำ้ บางพุทรา เมื่อไปถงึ พระ ราชมนูเห็นวา่ กำลังนอ้ ยกวา่ มาก (พม่ามีอยู่ ๑๕,๐๐๐ ไทยมี ๓,๒๐๐ คน) จึงแต่งกองโจรคอยดักฆา่ พมา่ จนเสยี ขวญั ถอย กลับไปชัยนาท สดุ ทา้ ยทพั พม่าจงึ ถอยกลบั ไป รบกบั พระเจ้าเชียงใหม่ที่บา้ นสระเกศ พ.ศ.๒๑๒๘ พระเจ้าเชยี งใหม่ยกกองทัพมาแกแ้ คน้ ตง้ั อยทู่ ่ีบา้ นสระเกษในแขวงเมอื งวิเศษชัยชาญ สมเด็จพระ นเรศวรกบั พระเอกาทศรถยกทัพไปถึงตำบลป่าโมก ก็พบกับกองทัพพม่าซ่งึ ลงมาเทย่ี วรังแกราษฎรทางเมืองวเิ ศษชัยชาญ จงึ ได้เขา้ โจมตจี นทพั พม่าลา่ ถอยไป พระเจ้าเชยี งใหมจ่ งึ จัดกองทัพยกลงมาอีก สมเดจ็ พระนเรศวรจึงดำรสั สัง่ ให้พระราช มนูคมุ กองทพั ขนึ้ ไปลาดตระเวนดูกอ่ น กองทัพพระราชมนูไปปะทะกบั พม่าทีบ่ ้านบางแก้ว สมเด็จพระนเรศวรเสด็จขึ้นไป ถึงบา้ นแห จงึ มดี ำรัสให้ขา้ หลวงขึ้นไปสั่งพระราชมนูให้ทำเป็นล่าทพั กลับถอยลงมา แล้วพระองค์กบั พระอนุชาก็รกุ ไล่ตี ทัพพมา่ แตกพ่ายทงั้ ทพั หน้าและทัพหลวงจนถึงคา่ ยท่ีตง้ั ทัพของพระเจ้าเชยี งใหมท่ บ่ี ้านสระเกษ ทพั ของพระเจ้าเชียงใหม่ จึงแตกกระจดั กระจายไป เมอื่ ได้ค่ายทบ่ี ้านสระเกศแล้วสมเด็จพระนเรศวรทรงติดตามพระเจ้าเชยี งใหม่ข้ึนไปถึงนครสวรรค์ ทรงทราบ ข่าวว่าพระเจา้ เชยี งใหม่น้ีหนไี ปอาศัยอยู่กบั พระมหาอุปราชาทเี่ มอื งกำแพงเพชรแล้ว หากติดตามไปอาจเสยี ทีพระมหาอปุ ราชาได้ จึงได้วางกำลงั สว่ นหน่ึงเป็นหนว่ ยลาดตระเวนเอาไว้ที่เมืองนครสวรรค์ แล้วยกทัพลงไปสมทบท่ปี ากนำ้ บางพทุ ธา และถวายรายงานพร้อมคาดการณ์วา่ ข้าศึกไม่น่าจะยกพลมาถงึ กรงุ ศรีอยุธยาก่อนฤดแู ลง้ ต่อมาสมเด็จพระมหาธรรม ราชามรี บั ส่ังให้เลกิ กองทัพเสด็จกลับพระนคร
พระแสงดาบคาบคา่ ย สมเด็จพระนเรศวรทรงพาทหารรกั ษาพระองค์ และเอาพระองค์ออกนำหนา้ ทรงคาบพระแสงดาบข้นึ ปลน้ คา่ ย พระเจ้าพระเจ้านนั ทบเุ รง แต่พวกพม่าต่อสู้และป้องกนั ไว้เข้าคา่ ยไมไ่ ด้ (จติ รกรรมฝาผนังวดั สุวรรณดาราราม จงั หวัด พระนครศรีอยุธยา) ปี พ.ศ.๒๑๒๙ พระเจ้านนั ทบุเรงประชุมกองทัพจำนวน ๒๕๐,๐๐๐ คนยกทพั มาตีกรุงศรีอยุธยา ในช่วงตน้ เดือนย่ขี า้ วในนายังเกีย่ วไมเ่ สรจ็ สมเด็จพระนเรศวรจงึ รบั สั่งใหเ้ จ้าพระยากำแพงเพชรยกทพั ออกไปป้องกันชาวนาท่กี ำลงั เก่ยี วข้าว พอทัพพม่าของพระมหาอุปราชยกทัพมาถึงก็ใหท้ ัพม่าเข้าตจี นทัพเจ้าพระยากำแพงเพชรแตกพ่ายหนเี ข้าเมือง สมเดจ็ พระนเรศวรทรงพโิ รธอยา่ งมาก เพราะไทยไมเ่ คยแตกพา่ ยแพ้ต่อขา้ ศกึ อาจทำให้ทหารขวญั เสยี พระองค์และ สมเดจ็ เอกาทศรถเสด็จลงเรอื พระทน่ี ั่งออกไปรบทนั ที (สมเด็จพระเอกาทศรถทรงถกู กระสุนปนื แตไ่ มเ่ ปน็ อะไร เพียงแค่ ฉลองพระองค์ขาดเท่านั้น) ผลปรากฏวา่ ทรงยึดคา่ ยคนื มาได้ สมเด็จพระนเรศวรมีรับสงั่ ประหารชวี ิตเจา้ พระยา กำแพงเพชร แต่โชคดีที่พระบิดาสมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงขอชวี ติ เอาไว้ การศกึ คร้งั นี้พม่าหมายมัน่ จะตกี รงุ ศรี อยุธยาใหไ้ ด้ แต่ดว้ ยความแข็งแกรง่ ของทหารไทยจงึ รักษาท่ีมั่นเอาไว้ไดเ้ สมอ เสด็จออกปล้นคา่ ยพมา่ ซึ่งเปน็ ทัพหน้าของ หงสาวดี ขา้ ศกึ แตกพ่ายถอยหนี พระองคจ์ งึ ไลต่ มี าจนถงึ ค่ายหลวงของพระเจ้านนั ทบเุ รง เสด็จลงจากมา้ คาบพระแสง ดาบแลว้ นำทหารปีนบันไดขนึ้ กำแพงขา้ ศึก แต่ถกู พม่าใช้หอกแทงตกลงมาข้างล่างหลายครัง้ จึงเสดจ็ กลบั พระนคร พระ แสงดาบนี้มนี ามวา่ พระแสงดาบคาบค่าย ในพงศาวดารกลา่ วว่า พระเจ้านนั ทบเุ รงทรงทราบการกระทำอนั ห้าวหาญของสมเดจ็ พระนเรศวรจึงตรัสวา่ ถา้ พระนเรศวรออกมาอีกจะต้องจับพระองค์ ให้ได้ถึงแม้ว่าจะใชท้ หารมากมายเพียงใด จึงวางแผนให้ลักไวทำมูนำทหาร จำนวน ๑๐,๐๐๐ ไปดักจบั สมเดจ็ พระนเรศวรทรงออกไปปลน้ คา่ ยหลวงพม่าอกี พมา่ จึงใช้ทหารจำนวนน้อยเข้าล่อให้ พระองค์ไล่ตี เขา้ มาจนถงึ บรเิ วณท่ลี กั ไวทำมูซุ่มรออยู่ ลักไวทำมจู ะเข้ามาจบั พระองค์ สมเดจ็ พระนเรศวรจงึ ใชพ้ ระแสง ทวนแทงลกั ไวทำมูตายทนั ที แตพ่ ระองคย์ งั ถูกล้อมอย่แู ละสู้กับทหารพม่า จำนวนมากนานร่วมชั่วโมง จนทพั ไทยตามมา ทนั จึงเสดจ็ กลับพระนครได้ สุดทา้ ยกองทัพหงสาวดีบอบช้ำจากการสู้รบกบั ไทยอย่างมากจงึ ถอยทัพกลบั ไปเช่นเดมิ เสดจ็ ขึ้นครองราชย์ นบั ตงั้ แต่สมเดจ็ พระนเรศวรประกาศอสิ รภาพเปน็ ต้นมา หงสาวดไี ดเ้ พียรสง่ กองทัพเขา้ มาหลายครั้ง แตก่ ถ็ ูก
กองทพั กรุงศรีอยธุ ยาตแี ตกพ่ายไปทุกครั้ง เม่ือสมเด็จพระมหาธรรมราชาเสด็จสวรรคตเมือ่ ปี พ.ศ.๒๑๓๓ พระองค์ได้ เสด็จขึ้นครองราชยเ์ ม่อื วนั อาทิตย์ท่ี ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๑๓๓ เมอ่ื พระชนมายไุ ด้ ๓๕ พรรษา ทรงพระนามวา่ สมเด็จ พระนเรศวร หรอื สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๒ และโปรดเกล้าฯ ให้พระเอกาทศรถ พระอนุชา ข้นึ เปน็ พระมหาอุปราช แต่มี ศกั ดเิ์ สมอพระมหากษตั ริย์อีกพระองค์ พระราชกรณียกิจ พระมหาอปุ ราชายกทพั มาครัง้ แรก สมเดจ็ พระนเรศวรเสวยราชยไ์ ด้ ๘ เดอื นก็เกดิ ข้าศึกพม่าอีก เหตุท่ีจะเกิดศึกคร้งั น้ีคือเจ้าฟา้ ไทยใหญเ่ มืองคงั ต้ัง แขง็ เมืองขึน้ อีก พระเจา้ นนั ทบุเรงตรัสปรึกษาเสนาบดี เหน็ กนั ว่าเปน็ เพราะเหตุที่เจา้ เมอื งคังได้ทราบว่าปราบกรุงศรี อยธุ ยาไมส่ ำเร็จ จงึ ตัง้ แข็งเมืองเอาอย่างบ้างตราบใดที่ยังไม่ปราบกรุงศรีอยุธยาลงได้ ถึงแม้จะปราบเมืองคังได้ เมืองอ่นื ก็ คงแข้งขอ้ เอาอยา่ ง แต่ในเวลานั้นพระเจ้านนั ทบเุ รงทรงอย่ใู นวัยชราทุพพลภาพ ไม่ทรงสามารถจะไปทำสงครามเอาไดด้ ัง แต่กอ่ น จงึ จดั กองทัพขึ้นสองทพั ใหร้ าชบุตรองคห์ น่ึงซ่ึงได้เป็นพระเจ้าแปรขน้ึ ใหม่ยกไปตีเมอื งคงั ทัพหน่งึ ให้พระยาพะ สมิ พระยาพุกามเป็นกองหน้า พระมหาอุปราชาเป็นกองหลวงยกลงมาตีกรุงศรีอยุธยาอกี ทพั หนึง่ พระมหาอปุ ราชายก ออกจากกรุงหงสาวดเี มื่อเดือน ๑๒ พ.ศ.๒๑๓๓ มาเข้าทางดา่ นพระเจดยี ส์ ามองค์ เพือ่ ตรงมาตพี ระนครศรีอยุธยาทีเดียว ฝา่ ยทางกรุงศรอี ยธุ ยาครั้งน้ี รูต้ วั ช้าจงึ เกิดความลำบาก ไม่มีเวลาจะต้อนผคู้ นเขา้ พระนครดังคราวก่อน ๆ สมเดจ็ พระ นเรศวรทรงเห็นวา่ จะคอยต่อส้อู ยใู่ นกรุงอาจไม่เป็นผลดีเหมือนหนหลงั จึงรบี เสดจ็ ยกกองทพั หลวงออกไปกบั สมเด็จพระ เอกาทศรถ ในเดอื นย่ี เมือเสด็จไปถงึ เมอื งสุพรรณบุรีไดท้ รงทราบว่าข้าศึกยกล่วงเมืองกาญจนบุรีเข้ามาแลว้ จึงใหต้ ้งั ทัพ หลวงรับขา้ ศกึ อยู่ทีล่ ำนำ้ ท่าคอย พอกองทัพพมา่ ยกมาถึงก็รบกันอยา่ งตะลมุ บอน พระยาพุกามแม่ทพั พม่าคนหนงึ่ ตายใน ที่รบ กองทพั พม่าถกู ไทยฆา่ ฟันลม้ ตายเป็นอนั มาก ทีเ่ หลือก็พากนั พ่ายหนี ไทยไล่ตดิ ตามไปจับพระยาพะสิมได้ท่ีบ้าน จระเข้สามพนั อีกคนหน่งึ พระมหาอุปราชาเองกห็ นีไปได้อย่างหวุดหวดิ เม่อื กลบั ไปถงึ หงสาวดีพวก แมท่ ัพนายกองก็ถูก ลงอาญาไปตาม ๆ กนั พระมหาอุปราชาก็ถูกภาคทัณฑ์ให้แกต้ ัวในภายหนา้
สงครามยทุ ธหตั ถี จิตรกรรมฝาผนังในสงครามยทุ ธหัตถีกบั พมา่ จดั แสดงเกีย่ วกบั ประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย ณ อนุสรณ์สถานแหง่ ชาติ จังหวดั ปทมุ ธานี ในปี พ.ศ.๒๑๕ พระเจ้านนั ทบเุ รง โปรดใหพ้ ระมหาอปุ ราชา นำกองทพั ทหารสองแสนสห่ี มน่ื คน มาตีกรุงศรี อยุธยาหมายจะชนะศึกในครง้ั น้ี สมเดจ็ พระนเรศวรทรงทราบว่าพม่าจะยกทัพใหญ่มาตี จึงทรงเตรยี มไพร่พล มีกำลังหน่ึง แสนคนเดนิ ทางออกจากบา้ นป่าโมกไปสุพรรณบุรี ข้ามนำ้ ตรงทา่ ทา้ วอู่ทองและตั้งค่ายหลวงบรเิ วณหนองสาหร่าย เช้าของวนั จนั ทร์ แรม ๒ ค่ำ เดอื นย่ี ปมี ะโรง พ.ศ.๒๑๓๕ สมเดจ็ พระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงเคร่ืองพชิ ัย ยุทธ สมเด็จพระนเรศวรทรงชา้ ง นามว่า เจา้ พระยาไชยานุภาพ ส่วนสมเดจ็ พระเอกาทศรถ ทรงช้างนามว่า เจา้ พระยา ปราบไตรจักร ชา้ งทรงของท้งั สองพระองค์นัน้ เป็นชา้ งชนะงา คือช้างมงี าทไี่ ด้รบั การฝกึ ให้รู้จักการต่อส้มู าแลว้ หรอื เคย ผา่ นสงครามชนช้าง ชนะช้างตัวอื่นมาแลว้ ซึ่งเปน็ ชา้ งท่ีกำลังตกมนั ในระหว่างการรบจงึ ว่ิงไล่ตามพม่าหลงเข้าไปในแดน พมา่ มเี พียงทหารรักษาพระองคแ์ ละจาตรุ งคบ์ าทเทา่ น้นั ที่ติดตามไปทนั สมเด็จพระนเรศวรทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยูใ่ นรม่ ไม้กบั เหลา่ เท้าพระยา จึงทราบ ไดว้ า่ ชา้ งทรงของสองพระองค์หลงถลำเขา้ มาถึงกลางกองทัพ และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แตด่ ้วยพระปฏิภาณไหวพรบิ ของสมเดจ็ พระนเรศวร ทรงเหน็ ว่าเปน็ การเสียเปรียบขา้ ศึกจงึ ไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรสั ถามดว้ ยคนุ้ เคยมากอ่ นแต่วัย เยาวว์ ่า \"พระเจ้าพเี่ ราจะยืนอยใู่ ยในรม่ ไมเ้ ลา่ เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกนั ให้เปน็ เกยี รติยศไวใ้ นแผน่ ดนิ เถิด ภายหน้า ไปไม่มพี ระเจ้าแผ่นดนิ ที่จะได้ยุทธหัตถแี ลว้ \"
ภาพจติ รกรรมพระราชประวตั ิสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ตอน ยุทธหัตถี วัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระมหาอปุ ราชาได้ยนิ ดังนนั้ จงึ ไสชา้ งนามวา่ พลายพัทธกอเขา้ ชนเจ้าพระยาไชยานุภาพเสยี หลัก พระมหาอปุ ราชาทรง ฟันสมเดจ็ พระนเรศวรด้วยพระแสงของา้ ว แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงเบย่ี งหลบทัน จึงฟนั ถูกพระมาลาหนังขาด จากน้ัน เจ้าพระยาไชยานุภาพชนพลายพทั ธกอเสียหลกั สมเดจ็ พระนเรศวรทรงฟนั ด้วยพระแสงของ้าวถกู พระมหาอปุ ราชาเข้าท่ี อังสะขวา ส้ินพระชนม์อยบู่ นคอชา้ ง ส่วนสมเดจ็ พระเอกาทศรถทรงฟนั เจา้ มังจาปะโรเสียชีวติ เช่นกนั ทหารพมา่ เห็นว่าแพ้แน่แล้ว จึงใช้ปนื ระดมยิง ใสส่ มเดจ็ พระนเรศวรได้รับบาดเจ็บ ทนั ใดน้ันทัพหลวงไทยตามมาชว่ ยทนั จงึ รับทั้งสองพระองค์กลบั พระนคร พม่าจึงยก ทพั กลับกรงุ หงสาวดีไป นบั แต่นัน้ มาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากล้ำกรายกรุงศรีอยธุ ยาอีกเปน็ ระยะเวลาอีกยาวนาน แตใ่ น มหายาชะเวงหรือพงศาวดารของพม่า ระบุว่า การยุทธหตั ถีครั้งน้ี ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรบุกเขา้ ไปในวงลอ้ มของ ฝ่ายพมา่ ฝ่ายพมา่ ก็มีการยนื ช้างเรยี งเป็นหน้ากระดาน มีทัง้ ชา้ งของพระมหาอปุ ราชา ชา้ งของเจ้าเมืองชามะโรง ทหาร ฝ่ายสมเดจ็ พระนเรศวรกร็ ะดมยงิ ปืนใสฝ่ า่ ยพม่า เจ้าเมืองชามะโรงส่ังเปดิ ผ้าหน้าราหชู า้ งของตน เพ่อื ไสชา้ งเขา้ กระทำ ยทุ ธหตั ถีกับสมเด็จพระนเรศวรเพือ่ ป้องกันพระมหาอุปราชา แต่ปรากฏว่าชา้ งของเจ้าของชามะโรงเกิดวงิ่ เข้าใสช่ ้างของ พระมหาอุปราชาเกดิ ชุลมนุ วุ่นวาย กระสุนปืนลกู หนง่ึ ของทหารฝา่ ยสมเด็จพระนเรศวรกย็ ิงถูกพระมหาอุปราชา สิน้ พระชนม์ สงครามตีเมืองทะวายและตะนาวศรี ศกึ ทะวายและตะนาวศรนี นั้ เป็นการรบในระหวา่ งคนต้องโทษกบั คนตอ้ งโทษดว้ ยกัน กล่าวคอื ทางกรุงศรีอ ยุธยพาพวกนายทพั ทต่ี ามเสด็จไม่ทนั ในวนั ยทุ ธหตั ถนี ้นั มีถึง ๖ คนคอื พระยาพิชัยสงคราม พระยารามกำแหง เจ้าพระยา
จักรี พระยาพระคลัง และพระยาศรีไสยณรงค์ สมเด็จพระนเรศวรรับส่ังให้ปรึกษาโทษ ลกู ขุนปรึกษาโทษให้ประหารชวี ิต สมเด็จพระวันรัตสังฆปรินายกมาถวายพระพรบรรยายวา่ การท่ีแมท่ ัพเหลา่ นัน้ ตามเสดจ็ ไมท่ ัน ก็เพราะบุญญาภินิหารของ พระองค์ สมเด็จพระนเรศวรท่จี ะไดร้ ับเกียรติคุณเป็นวีรบุรุษท่ีแท้จรงิ ด้วยเหตวุ ่าถ้าพวกนั้นตามไปทันแลว้ ถึงจะชนะก็ไม่ เป็นช่ือเสียงใหญ่หลวงเหมอื นทเี่ สดจ็ ไปโดยลำพัง เมอ่ื เหน็ ว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงเลื่อมใสในคำบรรยายข้อนีแ้ ล้ว สมเด็จพระวันรัตก็ทูลขอโทษพวกแม่ทัพเหลา่ น้ีไว้ สมเดจ็ พระนเรศวรกโ็ ปรดประทานให้ แตพ่ วกน้จี ะต้องไปตีทะวายและ ตะนาวศรีเป็นการแก้ตวั จงึ ให้เจ้าพระยาจักรีเปน็ แม่ทัพคุมพลห้าหมน่ื ไปตีตะนาวศรี พระยาพระคลังคุมกำลังพลหมนื่ เหมือนกนั ไปตีทะวาย สว่ นแม่ทัพอื่น ๆ ทตี่ อ้ งโทษก็แบ่งกนั ไปในสองกองทพั น้ีคอื พระยาพิชัยสงครามกบั พระยา รามคำแหงไปตเี มืองทะวายกับพระยาพระคลงั และให้พระยาเทพอรชุนกับพระยาศรไี สยณรงคไ์ ปตีเมืองตะนาวศรกี ับ เจ้าพระยาจักรี ส่วนทางหงสาวดนี น้ั เมือ่ พระเจา้ นันทบเุ รงเสียพระโอรสรชั ทายาทแล้วก็โทมนัส ให้ขงั แม่ทัพนายกองไวท้ ้ังหมด แตภ่ ายหลงั ทรงดำริวา่ ไทยชนะพม่าในคร้ังน้ีแลว้ ก็จะต้องมาตีพมา่ โดยไม่ต้องสงสัย กอ่ นที่ไทยไปรบพม่ากจ็ ะต้อง ดำเนินการอย่างเดียวกนั กบั ที่พมา่ รบกับไทย กล่าวคอื จะต้องเอามอญไวใ้ นอำนาจเสียก่อนและเปน็ การแนน่ อนว่าไทย จะตอ้ งเข้ามาตีทะวายและตะนาวศรี ดว้ ยเหตุนีจ้ ึงให้แมท่ ัพนายกองทไี่ ปแพ้สงครามมาครั้งนีไ้ ปแกต้ วั รักษาเมืองตะนาวศรี และเมืองทะวาย เปน็ อันว่าทั้งผ้รู บและผู้รบั ทั้งสองฝ่าย ตกอยูใ่ นฐานคนผิดทจ่ี ะตอ้ งแก้ตวั ทงั้ สน้ิ ในการรบทะวายและตะนาวศรคี ร้งั น้แี ม่ทัพทั้งสองคอื เจา้ พระยาจกั รีและพระยาคลงั กลมเกลยี วกนั เป็นอย่าง ย่งิ ถงึ แม้สมเดจ็ พระนเรศวรจะได้แบง่ หนา้ ทใ่ี ห้ตคี นละเมอื ง กย็ งั มีการติดตอ่ ช่วยเหลอื กนั และกัน ในท่สี ุดแมท่ ัพทั้งสองก็ รบชนะทง้ั สองเมืองและบอกเขา้ มายังกรงุ ศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ให้พระยาศรีไสยณรงคอ์ ยู่ครอง เมอื งตะนาวศรี สว่ นทางเมืองทะวายน้ันใหเ้ จา้ เมืองทะวายคนเกา่ ครองต่อไป ชัยชนะครั้งนเ้ี ป็นอันทำใหแ้ ม่ทพั ท้งั หลายพน้ โทษ แตท่ างพมา่ แม่ทัพกลับถูกทำโทษประการใดไมป่ รากฏ แตอ่ ย่างไรก็ดีการชนะทะวายและตะนาวศรีคร้งั นี้ ทำให้ อำนาจของไทยแผล่ งไปทางใต้เท่ากบั ในรชั สมัยพอ่ ขุนรามคำแหงมหาราช ตีไดห้ วั เมืองมอญ ปี พ.ศ.๒๑๗ พระยาลาว เจา้ เมอื งเมาะตะมะ เกดิ ววิ าทกับเจ้าพระยาพะโร เจา้ เมอื งเมาะลำเลงิ พระยาพะโร กลวั พระยาลาวจะมาตีเมาะลำเลิงจงึ ให้สมงิ อุบากองถือหนังสือมาขอบารมสี มเด็จพระนเรศวรเปน็ ท่พี ึ่ง ขอพระราชทาน กองทพั ไปชว่ ยป้องกันเมือง สมเด็จพระนเรศวรจึงยอมรับช่วยเหลอื พระยาพะโรทันที มดี ำรัสสงั่ ให้พระยาศรีไศลออกไป ชว่ ยรกั ษาเมอื งเมาะลำเลงิ ซ่ึงแต่บัดนไ้ี ปไดย้ อมมาสวามภิ ักดเ์ิ ป็นประเทศราชของไทย ฝา่ ยข้างพระยาลาวเจา้ เมืองเมาะ ตะมะ กไ็ ปขอความช่วยเหลือทางหงสาวดีบ้าง ทางหงสาวดีให้พระเจา้ ตองอูยกทัพมาช่วย แตก่ องทพั ไทยกบั มอญเมาะลำ เลงิ ไดต้ ที ัพพระเจา้ ตองอแู ตกไป
ตีเมืองหงสาวดคี รง้ั แรก กองทัพของสมเด็จพระ นเรศวรมหาราชเข้าสกู่ รุง หงสาวดใี นปี พ.ศ.๒๑๔๒ (จิตรกรรมพระราชประวตั ิ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช วัดสุวรรณดาราราม จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา) การที่สมเดจ็ พระนเรศวร ไดห้ ัวเมอื งมอญฝ่ายใต้มาเป็นเมืองขึน้ นบั ว่าเปน็ จดุ หักเหท่ีมนี ัยสำคญั ของการสงครามไทยกับ พมา่ จากเดิม ฝา่ ยพม่าเปน็ ฝา่ ยยกทพั มาไทยโดยตลอด การไดห้ วั เมืองมอญฝา่ ยใต้ ทำให้ไทยใชเ้ ปน็ ฐานทัพ ที่จะยกกำลัง ไปตีเมืองหงสาวดไี ด้สะดวก สมเดจ็ พระนเรศวรเสดจ็ ยกกองทัพหลวงไปตีเมอื งหงสาวดี ออกจากพระนคร เมื่อวันอาทติ ย์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดอื น อ้าย ปีมะแม พ.ศ.๒๑๓๘ มกี ำลงั พล ๑๒๐,๐๐๐ คน เดนิ ทัพไปถึงเมืองเมาะตะมะ แล้วรวบรวมกองทัพมอญเขา้ มาสมทบ จากนัน้ ได้เสด็จยกกองทัพหลวงไปยงั เมืองหงสาวดี เข้าล้อมเมืองไว้ กองทัพไทยลอ้ มเมืองหงสาวดอี ยู่ ๓ เดือน และไดเ้ ขา้ ปลน้ เมือง เม่ือวันจันทร์ แรม ๑๓ คำ่ เดอื น ๔ ครัง้ หนงึ่ แต่เขา้ เมืองไม่ได้ ครน้ั เมือ่ ทรงทราบวา่ พระเจา้ แปร พระเจ้าองั วะ พระเจ้าตองอู ได้ยกกองทัพลงมาช่วยพระเจา้ นนั ทบุเรงถึงสามเมอื ง เหน็ ว่าขา้ ศึกมกี ำลังมากนักจึงทรงใหเ้ ลิกทัพกลบั เมือ่ วนั สงกรานต์ เดือน ๕ ปีวอก พ.ศ.๒๑๙ และไดก้ วาดต้อนครอบครัวในหัวเมืองหงสาวดี มาเป็นเชลยเป็นอนั มาก และ กองทัพขา้ ศึกมไิ ดย้ กติดตามมารบกวนแต่อยา่ งใด การสงครามครั้งนี้ สมเดจ็ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพทรงสันนษิ ฐานว่า สมเดจ็ พระนเรศวรเสดจ็ ยกทัพไปครงั้ นี้ เปน็ การจู่ไป โดยไม่ใหข้ า้ ศึกมเี วลาพอตระเตรียมการตอ่ สไู้ ดพ้ รกั พร้อม และพระราชประสงคท์ ี่ยกไปน้นั นา่ จะมีอยู่ ๓ ประการคือ ประการแรก ถ้าสามารถตีเอาเมืองหงสาวดีไดก้ จ็ ะตีเอาทเี ดียว
ประการทสี่ อง ถ้าตเี มืองหงสาวดียงั ไมไ่ ดค้ ร้ังน้ี กจ็ ะตรวจภูมิลำเนา และกำลังข้าศึกให้รไู้ ว้ สำหรับคดิ การคราว ต่อไป ประการทส่ี าม คงคดิ กวาดต้อนผคู้ นมาเป็นเชลยให้มาก เพื่อประสงค์จะตดั ทอนกำลงั ข้าศกึ และเอาผ้คู นมา เพิ่มเติม เป็นกำลงั สำหรบั พระราชอาณาจกั รต่อไป ข้อสันนษิ ฐานอ่ืน ๆ มีอยูว่ ่า การกวาดต้อนผ้คู นกลบั พระราชอาณาจักรไทยครั้งนี้ นา่ จะไดช้ ว่ ยนำคนไทย ผู้ซง่ึ ถกู พมา่ กวาดต้อนเอาไปเป็นเชลย แล้วเอาตัวไวใ้ ชง้ านตามเมืองตา่ ง ๆ กลับมาดว้ ย ประการต่อมา สาเหตุท่ียกทัพกลบั นน้ั นอกจากจะทรงเห็นว่า กองทัพข้าศึกกำลังระดมยกมาจากอกี สามเมืองใหญ่ มีกำลงั มากแล้ว เสบียงอาหารของกองทัพ ไทยกน็ ่าจะขาดแคลน เพราะมีกำลังพลมาก และล้อมเมืองหงสาวดอี ยูน่ านถึงสามเดือน ประกอบกับใกล้เขา้ สู่ฤดฝู นแล้ว และประการสุดทา้ ย การท่ีพระองคถ์ อนทัพกลับ โดยท่ีพม่าไม่ไดย้ กตดิ ตามตีหรือรบกวนแตอ่ ย่างใด ทง้ั ท่ีมีพลเรือนที่ถูก กวาดตอ้ นมาเปน็ จำนวนมาก เช่นเดยี วกับครัง้ สงครามประกาศอสิ รภาพที่เมืองแครง ก็น่าจะเปน็ เพราะพระองค์ ดำเนนิ การถอนทัพ และนำผู้คนพลเรือนกลบั มาอย่างมรี ะบบ โดยใหพ้ ลเรอื นล่วงหน้าไปกอ่ น ตเี มืองหงสาวดคี ร้งั ที่สอง พ.ศ.๒๑๔๒ สมเด็จพระนเรศวรทรงมุง่ หมายจะตเี อาเมืองหงสาวดีใหไ้ ด้ จงึ ตระเตรยี มทัพยกไปท้ังทางบกและ ทางเรือ ไดอ้ อกเกลย้ี กล่อมหัวเมืองต่าง ๆ ให้อ่อนน้อมต่อไทยไดอ้ ีกหลายเมือง แม้แต่เชยี งใหมซ่ งึ่ ไดต้ ้ังแขง็ เมืองต่อพมา่ แลว้ แตค่ ดิ เกรงวา่ กรุงศรีสตั นาคนหตุ และไทยจะยกทพั ไปรุกราน กไ็ ด้ตัดสนิ ใจยอมอ่อนน้อมมาขอขึ้นต่อกรุงศรอี ยธุ ยา ด้วย ส่วนเมอื งตองอูกับเมอื งยะไขเ่ ม่ือเอาใจออกห่างจากกรงุ หงสาวดีไปแล้ว กห็ ันมาฝักใฝ่กับไทยและรบั ว่า ไทยยกทัพไป ตีกรงุ หงสาวดีแลว้ กจ็ ะเขา้ ร่วมช่วยเหลือพระเจ้ายะไขน่ น้ั อยากได้หัวเมืองชายทะเล สว่ นพระเจ้าตองอูนดั จนิ หนอ่ งอยาก ไดเ้ ป็นพระเจา้ หงสาวดแี ทน สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงรบั เป็นไมตรีกบั เมืองท้ังสองน้นั ในระหวา่ งนน้ั พระมหาเถระเสยี ม เพรียมภิกษุรปู หน่ึงได้เขา้ ยุยงพระเจา้ ตองอนู ดั จินหนอ่ งมใิ ห้ออ่ นน้อมแกไ่ ทย และแจ้งอุบายใหพ้ ระเจ้าตองอนู ดั จนิ หน่อง คดิ อ่านเอาเมืองหงสาวดีเสยี เอง พระเจา้ ตองอนู ัดจนิ หนอ่ งเห็นชอบด้วยจงึ ชวนพระเจ้ายะไขใ่ หไ้ ปตีเมืองหงสาวดี แล้ว พระเจา้ ตองอูจนัดจนิ หนอ่ งะทำทเี ปน็ ยกกองทัพมาช่วยหงสาวดี พอเข้าเมอื งได้แลว้ กห็ ย่าศกึ กันเสีย และจะแบง่ ประโยชน์ ใหต้ ามที่พระเจา้ ยะไข่ต้องการ คือจะยกหัวเมอื งชายทะเลใหแ้ กพ่ ระเจา้ ยะไข่ แต่คร้ังทพั พระเจ้ายะไขแ่ ละทัพพระเจา้ ตอง อูนัดจินหน่องเข้าประชดิ เมอื งหงสาวดีแลว้ ก็หาเขา้ เมืองไม่ ท้งั นีเ้ พราะพระเจ้านนั ทบเุ รงเกิดทรงระแวงขน้ึ ทัพพระเจ้า ตองอูนัดจนิ หนอ่ งและพระเจ้ายะไข่จงึ ได้แตต่ ง้ั ล้อมเมืองหงสาวดีไว้ สมเดจ็ พระนเรศวรทรงเหน็ ว่าทางกรงุ หงสาวดีกำลังปนั่ ป่วนจึงเสดจ็ ยกทพั หลวงไปตีหงสาวดี แตต่ ้องไป เสียเวลาปราบปรามกบฏตามชายแดนซ่ึงพระเจ้าตองอนู ัดจินหน่องได้ยยุ งให้กระดา้ งกระเด่อื งเปน็ เวลาถึง ๓ เดือนเศษ จงึ เดนิ ทัพถึงเมืองหงสาวดีชา้ กว่ากำหนดท่ีคาดหมายไว้ ทางฝ่ายพระเจ้าตองอนู ดั จินหน่องและพระเจ้ายะไข่ซ่งึ กำลังลอ้ ม เมืองหงสาวดีอยู่ พอได้ทราบขา่ ววา่ สมเด็จพระนเรศวรยกกองทพั ขนึ้ ไปกำจัดกบฏตามชายแดนเมืองเมาะตะมะและกำลงั
เดินทพั มาก็แจง้ ให้พระเจ้านนั ทบเุ รงทราบ พระเจ้านนั ทบเุ รงก็จำใจอนญุ าตให้พระเจ้าตองอยู กทพั เขา้ ไปในเมืองหงสาวดี ได้ และมอบหมายใหพ้ ระเจา้ ตองอนู ัดจนิ หนอ่ งบัญชาการรบแทนทกุ ประการ พระเจ้าตองอูนัดจินหนอ่ งจงึ กวาดต้อนผู้คน และทรัพย์สมบตั ิ รวมทั้งพระเจ้านนั ทบเุ รงไปยังเมืองตองอู ท้ิงเมืองหงสาวดีไวใ้ ห้กองทพั พระเจ้ายะไขค่ น้ ควา้ ทรัพย์ทย่ี ัง เหลอื อยูต่ ่อไป พอพระเจ้าตองอนู ดั จนิ หนอ่ งออกจากหงสาวดีไปไดป้ ระมาณ ๘ วนั กองทพั ไทยกย็ กไปถงึ เมืองหงสาวดี ครั้นสมเดจ็ พระนเรศวรได้ทรงทราบวา่ พระเจา้ ตองอนู ัดจินหน่องไม่ซอื่ ตรงตามคำมั่นทีไ่ ด้ให้ไวก้ ็ทรงพระพิโรธ จึงเสด็จยก ทพั ตามขนึ้ ไปตเี มืองตองอู ไดเ้ ขา้ ล้อมเมืองตองอูอยถู่ ึง ๒ เดือนก็ไม่อาจตหี ักเอาได้ เพราะเมืองตองอูมีชยั ภมู ิทดี่ ี ชาวเมือง กต็ ่อส้เู ข้มแข็ง ประกอบกบั ฝนตกชกุ และทัพไทยขาดเสบียงอาหาร สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ยกกองทัพกลบั คืนกรงุ ศรีอยธุ ยา สวรรคต สมเดจ็ พระนเรศวร กบั สมเด็จพระเอกาทศรถ เสดจ็ ยกกองทัพออกจากพระนคร เมอ่ื วันพฤหสั บดี แรม ๘ ค่ำ เดอื นยี่ ปมี ะโรง พ.ศ.๒๑๔๘ เสด็จโดยกระบวนเรือจากพระตำหนกั ปา่ โมก แลว้ เสดจ็ ขึน้ บนทต่ี ำบล เอกราชไปตงั้ ทัพชัย ณ ตำบลพระหล่อ แล้วยกกองทพั บกไปทางเมืองกำแพงเพชรสเู่ มืองเชียงใหม่ ครนั้ เสดจ็ ถึงเมืองเชยี งใหม่ก็หยดุ พักจัด กระบวนทัพอยหู่ น่ึงเดือน แล้วใหก้ องทัพสมเด็จพระเอกาทศรถยกไปทางเมืองฝาง ส่วนกองทัพหลวงยกไปทางเมอื งหาง หลวง คร้นั เสดจ็ ถงึ เมืองหางแล้วกใ็ หต้ งั้ ค่ายหลวงประทบั อยทู่ ท่ี ุ่งแก้ว สมเด็จพระนเรศวรทรงพระประชวรเปน็ หัวระลอก (ฝี) ขน้ึ ที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษพระอาการหนัก จงึ โปรดใหข้ า้ หลวงรบี ไปเชิญเสดจ็ สมเด็จพระเอกาทศรถมา เฝ้า สมเดจ็ พระเอกาทศรถเสดจ็ ฯ มาถึงได้ ๓ วนั สมเด็จพระนเรศวรก็เสด็จสวรรคต เม่ือวนั จนั ทร์ ข้ึน ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปี มะเสง็ ตรงกับวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๑๔๘ สริ ิพระชนมพรรษา ๔๙ พรรษาเศษ ดำรงราชสมบัติ ๑๔ ปีเศษ สมเด็จพระ เอกาทศรถจงึ ได้อญั เชิญพระบรมศพกลับกรุงศรอี ยุธยา ชวี ิตส่วนพระองค์ พระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชส่วนใหญ่ได้จากพงศาวดารอยุธยา ซงึ่ มกั มกี ารจดบนั ทึกในพระ ราชกรณยี กิจ ซ่งึ สว่ นใหญบ่ ันทึกถงึ การทำสงครามกับอาณาจกั รเพื่อนบา้ นเปน็ อนั มาก จนมองขา้ มเก่ยี วกบั เจา้ นายฝ่ายใน หรือพระมเหสีของพระองค์ อยา่ งไรกต็ ามไดม้ ีการปรากฏพระนามของเจ้านายฝ่ายใน ในเอกสารของต่างชาติ ๕ ฉบับ ด้วยกนั ซ่งึ ไดแ้ ก่ จดหมายเหตสุ เปน (History of the Philippines and Other Kingdom) ของบาทหลวงมารเ์ ชโล เด ริ บาเดเนย์รา (Marchelo de Ribadeneira, O.F.M), จดหมายเหตวุ นั วลติ , พงศาวดารละแวก, คำให้การขนุ หลวงหาวัด และมหาราชวงศ์ ฉบับหอแก้ว ซ่งึ ปรากฏพระนามพระมเหสี ๓-๔ พระองค์ โดยมีพระนามดงั น้ี พระมณีรัตนา หรือ เจ้าขรัวมณจี นั ทร์ จากจดหมายเหตวุ ันวลติ โยเดยี มพ้ี ระยา พระราชธดิ าในพระเจ้านรธาเมงสอกบั พระนางเชงพยูเชงเมดอปฐมวงศ์พม่าทีป่ กครอง อาณาจักรล้านนา จากพงศาวดารพมา่
พระเอกกษัตรีย์ พระราชธิดาในพระเจา้ ศรสี ุพรรณมาธริ าช เจ้าแผน่ ดนิ เขมร จากพงศาวดารเขมร มีการกล่าวถึง พระมณรี ัตนา และเจ้าขรวั มณจี ันทร์ วา่ อาจเป็นบคุ คลเดียวกนั แต่บ้างก็ว่าอาจเปน็ คนละคนกนั โดยเชอื่ ว่า พระมณีรัตนาอาจเป็นเจา้ หญงิ ทีส่ บื เชอื้ สายมาจากราชวงศล์ ะโวส้ ายสุพรรณภมู ิของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ และสมเดจ็ พระมหินทราธิราช ซึง่ ในขณะนั้นเจา้ นายฝ่ายในในสมัยสมเดจ็ พระมหาจักรพรรดิ พระองค์หนงึ่ มพี ระนามวา่ พระรัตนมณเี นตร หรือ พระแก้วฟ้า ซ่ึงเป็นพระขนิษฐาตา่ งชนนีของพระวสิ ทุ ธิกษัตรยี ์ ซงึ่ หากเป็นเชน่ น้ันพระนางจะมี ศักด์ิเปน็ พระมาตุจฉาของพระนเรศวร อยา่ งไรกต็ ามเจา้ ขรัวมณจี ันทร์ มบี ทบาทสงู กวา่ พระมเหสจี ากเชยี งใหมแ่ ละเขมร โดยมีการสถาปนาพระนางเป็นอคั รมเหสีดงั ท่ปี รากฏในคำใหก้ ารขุนหลวงหาวัดทีก่ ลา่ วถึงเมื่อคร้ังท่สี มเด็จพระนเรศวร มหาราชเสด็จขนึ้ เสวยราชยส์ มบตั ติ อ่ จากพระราชบดิ า ความวา่ ส่วนพระนเรศวรนัน้ ก็เข้าไปยังกรุงศรีอยุธยา กเ็ สด็จเขา้ สู่พระราชฐานอันอัครเสนาบดีและมหาปุโรหติ ท้ังปวง จึงปราบดาภเิ ษกแลว้ เชอ้ื เชญิ ใหเ้ สวยราชสมบัติ จงึ ถวายอาณาจักรเวนพภิ พแลว้ จงึ ถวายเคร่อื งเบญจราชกกุธภณั ฑ์ท้ัง ๕ และเครื่องมหาพไิ ชยสงครามทั้ง ๕ ท้งั เครื่องราชูปโภคท้ังปวงอนั ครบครนั แลว้ จึงถวายพระนามใสใ่ นพระสุพรรณบตั ร สมญา แล้วฝา่ ยในกรมจงึ ถวายพระมเหษพี ระนามชอื่ พระมณีรัตนา และถวายพระสนมกำนัลทัง้ สน้ิ แลว้ ครอบครองราช สมบัติเมื่อจลุ ศักราช ๙๕๒ ปีขาลศก อนั พระเอกาทศรถนัน้ กเ็ ปนทมี่ หาอุปราช — คำให้การขนุ หลวงหาวดั หลังจากการสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถได้เสดจ็ ขน้ึ ครองราชยต์ อ่ นน้ั เจา้ ขรัวมณี จันทรไ์ ดป้ รากฏอีกคร้งั ในจดหมายเหตวุ ันวลติ ท่ีไดก้ ล่าวถึง พระชายาม่ายของสมเดจ็ พระนเรศวร ไดเ้ สดจ็ ออกบวชชี และเปน็ เหตุให้บุคคลทัว่ ไปเรยี กกันวา่ เจา้ ขรัว จนกระทัง่ มีเหตกุ ารณห์ นงึ่ ทเ่ี สดจ็ ไปช่วยพระราชโอรสพระองคห์ นง่ึ ของ สมเด็จพระเอกาทศรถ คือ \"เจ้าไล\" หรือศรี ซง่ึ มีเหตวุ ิวาทกับพระยาออกนา จนต้องพระราชอาญาจนถงึ ชวี ติ ขา้ รองพระ บาทในพระองค์ไลจึงได้ไปทูลขอพ่ึงพระบารมเี จ้าขรวั มณีจันทร์ซึง่ เปน็ พระปิตุจฉา พระนางจึงรบี เสดจ็ เขา้ เฝา้ สมเดจ็ พระ เอกาทศรถ จนสมเด็จพระเอกาทศรถยนิ ยอมด้วยความเกรงพระทัย (แต่ในจดหมายเหตวุ ันวลติ กลา่ ววา่ ถกู ฟันดว้ ยพระ แสงดาบและถูกจำคุกเป็นเวลา ๕ เดือน เจ้าขรัวมณจี ันทร์จึงได้ขอพระราชทานอภัยโทษ) โดยปรากฏในจดหมายเหตุวนั ว ลิต ความวา่ \"จนกระท่ังเจ้าขรัวมณีจันทร์ ชายาม่ายของพระเจา้ อย่หู วั ในพระโกศ คือ พระ Marit หรอื พระองคด์ ำ ได้ทูล ขอจงึ เป็นที่โปรดปรานอีก\" พระราชโอรส-ธดิ า มีการกลา่ วถึงพระราชโอรสในสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชในจดหมายเหตสุ เปน (History of the Philippines and Other Kingdom) ของบาทหลวงมาร์เชโล เด ริบาเดเนยร์ า (Marchelo de Ribadeneira, O.F.M) ทเ่ี ขียนข้นึ จาก คำบอกเลา่ ของบาทหลวงคณะฟรันซิสกันทเี่ คยพำนักอยู่ในกรงุ ศรีอยุธยาใน พ.ศ.๒๑๒๕ ปลายรชั สมัยสมเด็จพระมหา ธรรมราชาธิราช และ พ.ศ.๒๑๓๙ ตรงกับต้นรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยเนอ้ื ความในจดหมายเหตนุ ี้ไดม้ ี
การอธิบายถึงกระบวนพยุหยาตราชลมารคของพระเจา้ แผ่นดินสยาม โดยมเี นื้อความตอนหน่งึ ท่ไี ด้กล่าวถึงพระอัครมเหสี และพระราชโอรสผทู้ รงพระเยาวโ์ ดยเสดจ็ ดว้ ย ความว่า ...เรอื สีล่ ำเหล่าน้หี ยุดที่พระอารามแห่งหนงึ่ บนชายฝ่งั เพราะพวกเขาคาดหมายว่า พระเจ้าแผ่นดนิ จะเสดจ็ พระ ราชดำเนนิ เพ่อื ทรงเจริญพระพุทธมนตแ์ ละทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ตามติดมาอย่างใกล้ชดิ เรือสีล่ ำนัน้ เปน็ เรอื อน่ื ๆ อีก หลายลำทีใ่ หญก่ ว่านั้น แตล่ ะลำบรรทุกผคู้ นมากมายที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบประเภทต่าง ๆ เรือแตล่ ะลำมขี า้ ราชการช้ัน ผู้ใหญแ่ หง่ พระราชสำนกั ๑ คน แล้วจากนัน้ เป็นพระราชกุมารพระองคเ์ ยาว์ท่สี ุด พระเจ้าแผ่นดินเสด็จปรากฏพระองค์ใน เรือพระท่นี ั่งทีต่ กแตง่ อย่างหรูหรามาก ตามติดมาเป็นสมเด็จพระอคั รมเหสแี ละสาวสรรกำนัลใน สมเด็จพระอคั รมเหสี ประทบั แต่เพียงลำพงั พระองค์ และบรรดานางกำนัลนง่ั ในเรือลำอนื่ ตกแตง่ อยา่ งนา่ อัศจรรย์ และกั้นดว้ ยม่านอย่าง รอบคอบจนเป็นไปได้ทจ่ี ะสามารถมองผา่ นม่านจากภายในสู่โลกภายนอกได้ โดยท่ีคนภายนอกไมเ่ หน็ คนภายใน... เมอื่ นำเหตุการณ์ทบี่ าทหลวงสเปนได้เขยี นบอกเลา่ ไว้ไปเทียบเคียงกับพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระ จักรพรรดิพงศ์ (จาด) จะพบว่าในรัชสมัยของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชไดม้ ีการกลา่ วถึงพระราชพธิ ีอาสวยุทธ และการ ต้อนรบั คณะทูตกัมพูชาที่เดนิ ทางมาถวายเคร่ืองราชบรรณาการยงั ราชสำนักอยุธยาซ่ึงตรงกบั เหตกุ ารณก์ ารเสด็จฯทาง ชลมารคและการออกรับทูตกัมพูชาในจดหมายเหตุของสเปน โดยบางทสี มเดจ็ พระนเรศวรมหาราชอาจมีพระราชโอรส มากกว่า ๑ พระองคแ์ ลว้ เน่ืองจากในจดหมายเหตุมีการใชค้ ำวา่ \"พระราชกุมารพระองค์เยาวท์ สี่ ุด\" นอกจากนสี้ มเดจ็ พระนเรศวรมหาราชกม็ ีพระราชธดิ าด้วย โดยกลา่ วถงึ พระเจ้าเชียงใหม่นรธาเมงสอได้รบั การช่วยเหลือ จากกรงุ ศรีอยุธยาเพ่อื จดั การปญั หาเมืองขึน้ แข็งเมือง และช่วยป้องกับการรุกรานข้าศกึ ดว้ ยการเกื้อกลู กันดังกลา่ ว ได้ สรา้ งสายสัมพนั ธ์ทางเครือญาติกับนรธามังสอและสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช โดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงยก พระราชธดิ าให้สมรสกับเมงสาตลุ อง ผู้ซ่งึ เปน็ พระราชโอรสในพระเจ้านรธามังสอ โดยพระเจา้ นรธามงั สอก็ไดถ้ วายพระ ราชธิดาให้เป็นพระมเหสีของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชด้วย โดยการมอบพระราชธดิ าของพระเจ้านรธามงั สอแด่สมเด็จ พระนเรศวรมหาราช มปี รากฏในโคลงบทท่ี ๒๑ ความว่า นอเรศขอเจ่ืองเจ้า สาวกระสตั ร เทียมแทน่ เสวยสมบัติ โกถเคล้า แลว้ เล่าลกู ชายถดั เปน็ แขก เขรยเอย หวังว่าจกั บางเสา้ เล่าซ้ำแถมถมฯ อยา่ งไรกต็ ามก็มีหลักฐานเกี่ยวกับพระอคั รมเหสรี วมไปถึงพระราชโอรสและพระราชธิดานอ้ ยมาก เน่ืองจากผ้ทู ่ีเขียน จดหมายเหตสุ เปนเองกบ็ ันทึกจากผู้เหน็ เหตกุ ารณ์ที่ไมร่ ูร้ ายละเอยี ด รวมไปถึงพงศาวดารของพมา่ ท่กี ล่าวถงึ พระราชธิดา ในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอย่างผา่ น ๆ เท่านั้น ภายหลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสดจ็ สวรรคตแล้ว ราช สมบัติจึงตกแก่สมเดจ็ พระเอกาทศรถ
พระบรมราชานสุ รณ์ ตราประจำจังหวดั ตาก ตราประจำจังหวัดสุพรรณบรุ ี ตราประจำจงั หวัดหนองบวั ลำภู พระบรมราชานุสาวรีย์และศาลสมเดจ็ พระนเรศวรฯ มกี ารจัดสร้างไว้เพื่อรำลึกถึงพระราชวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวร มหาราช ตามจงั หวดั ตา่ ง ๆ ดังตอ่ ไปนี้ ไดแ้ ก่ ส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร, ตา่ งจังหวดั ไดแ้ ก่ พิษณุโลก (พระราชวัง จันทน์, คา่ ยสมเดจ็ พระนเรศวร, มหาวทิ ยาลยั นเรศวร), พระนครศรีอยธุ ยา (ทุ่งภูเขาทอง, วัดใหญ่ชัยมงคล), สพุ รรณบุรี (ดอนเจดีย์ ถือวา่ เปน็ พระบรมราชานสุ าวรยี ์แห่งแรกและในเขตเทศบาลสพุ รรณบรุ ี), อ่างทอง (วดั ท่าสทุ ธาวาส), เชียงใหม่ (เชยี งดาว), เชยี งราย (แม่สาย), ลำปาง, แม่ฮ่องสอน, เพชรบูรณ์, สระแก้ว, หนองบวั ลำภู, เพชรบุรี, ปราจีนบรุ ี และกาญจนบุรี เป็นต้น สมเด็จพระนางเจ้าสริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง ได้ทรงโปรดเกลา้ ฯ เสด็จพระราช ดำเนิน ทรงเปิดพระบรมราชานสุ าวรยี ส์ มเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงช้างศกึ ประดษิ ฐาน หนา้ อาคารกองบัญชาการ กองทัพไทย ถนนแจ้งวฒั นะ ซ่งึ ถือว่าเปน็ พระบรมราชานุสาวรีย์ที่ใหญท่ ส่ี ุดในกรงุ เทพมหานคร ซึ่งกองทัพไทย ใช้ ประกอบพิธบี วงสรวงในวันกองทพั ไทย ในวนั ที่ ๑๘ มกราคม เป็นประจำทุกปี ในปี พ.ศ.๒๕๖๓ พล.อ. พรพพิ ัฒน์ เบญญ ศรี ผูบ้ ญั ชาการทหารสงู สุด เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสังเวย และ รองผ้บู ญั ชาการทหารสูงสดุ เป็นประธานวางพวง มาลา พรอ้ มทั้งหน่วยงานในกองทัพไทย
สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชไดท้ รงสร้างพระบรมรปู สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชไว้เปน็ ท่ีสักการบูชา ในสมัย รัตนโกสนิ ทร์ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชก็ได้โปรดใหส้ รา้ งไว้อีก พระบรมรปู ของสมเดจ็ พระ นเรศวรยังประดษิ ฐานไว้เป็นทส่ี กั การบชู า อยู่ในพระทนี่ ่ังภานุมาศจำรูญ (ปจั จุบนั คือ พระท่นี ัง่ บรมพิมาน) จนทุกวันนี้ ตราประจำจังหวดั ของไทยที่มีพระบรมรูปของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชเป็นองค์ประกอบ ได้แก่ จงั หวดั สุพรรณบรุ ี จงั หวัดตาก และจังหวดั หนองบัวลำภู มกี ารสรา้ งพระบรมราชานุสรณ์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในหลายแหง่ ทัว่ ประเทศ เชน่ พระบรมราชา นสุ รณ์ศาลสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ณ พระราชวังจนั ทน์ จังหวดั พิษณุโลก, ศาลสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ณ โรงเรยี นพิษณุโลกพทิ ยาคม จังหวัดพษิ ณโุ ลก, พระบรมราชานสุ รณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ค่ายสมเด็จพระ นเรศวรมหาราช จงั หวดั พษิ ณุโลก, พระบรมราชานสุ รณ์สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ณ มหาวิทยาลยั นเรศวร จังหวัด พิษณโุ ลก, พระบรมราชานุสรณส์ มเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ณ มหาวทิ ยาลัยพะเยา จงั หวัดพะเยา, พระบรมราชานสุ รณ์ ดอนเจดีย์ จังหวดั สุพรรณบุรี, ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชท่ีริมหนองบวั ลำภู ในจังหวดั หนองบัวลำภู เป็นตน้ มกี ารนำพระนามของสมเด็จพระนเรศวรมหาราขไปตง้ั เป็นช่ือของมหาวทิ ยาลัยนเรศวร จังหวัดพษิ ณุโลก และคา่ ยทหาร ต่าง ๆ ทัว่ ประเทศ เชน่ คา่ ยสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ทจ่ี ังหวดั พษิ ณุโลก ค่ายนเรศวร ที่จังหวดั ลพบุรี ค่ายนเรศวร มหาราช ทอี่ ำเภอแมแ่ ตง จงั หวัดเชียงใหม่ เปน็ ต้น สว่ นทางกรมตำรวจไดน้ ำพระนามของพระองค์มาตั้งเป็นชื่อค่าย ตำรวจตระเวนชายแดนท่อี ำเภอชะอำ จังหวดั เพชรบรุ ีวา่ \"คา่ ยนเรศวร\" ด้วยเช่นกัน ชาวไทยนิยมนำหนุ่ รูปไก่ชนพนั ธุ์ เหลืองหางขาวไปบนบานกับพระบรมรปู สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพราะเชื่อกันวา่ เป็นไก่พนั ธ์เุ ดยี วกับตวั ทเี่ อาชนะไก่ ชนของพระมหาอปุ ราชาแห่งหงสาวดไี ด้ วนั ที่ ๑๘ มกราคมของทุกปี เปน็ วนั สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ระลึกถึงพระองคผ์ ทู้ รงต่อสู้อรริ าชศตั รูและทรงกระทำ ยุทธหัตถีมีชยั ชนะพระมหาอุปราชา และทรงกอบกเู้ อกราชประกาศอิสรภาพจากการเสียกรุงศรีอยธุ ยาคร้ังท่หี น่งึ ศาลสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช มอี ยหู่ ลายแห่ง เช่น ท่ีสนามนเรศวร หนา้ ศูนยร์ าชการอำเภอเมอื ง
หนองบัวลำภู กลา่ วกนั ว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไดเ้ คยมาประทับแรมท่หี นองบวั ลำภเู มอื่ พ.ศ.๒๑๑๗ ศาลอกี แห่ง หนึ่งคือที่จังหวดั หนองบัวลำภู ปั้นโดยกรมศลิ ปากร เม่ือ พ.ศ.๒๕๑๑ ต้ังอยู่ในบริเวณพิพิธภัณฑส์ สุ านหอยหนิ ๑๕๐ ลา้ น ปี ในเขตองค์การบรหิ ารส่วนตำบลโนนทัน อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ในวัฒนธรรมสมยั นยิ ม ได้มกี ารนำพระราชประวัตขิ องพระองคม์ าสรา้ งเปน็ ภาพยนตร์ ๓ ครัง้ ครั้งแรก ใชช้ ือ่ ว่า นเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ คร้งั ที่ ๒ ใชช้ ือ่ ว่า มหาราชดำ ในปี พ.ศ.๒๕๒๒ และครงั้ ที่ ๓ ใชช้ ือ่ วา่ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ.๒๕๕๐ เชน่ เดียวกบั ภาพยนตร์เรอ่ื ง กษัตรยิ า ควบคู่กับ มหาราชกแู้ ผ่นดนิ ซึง่ สรา้ งข้นึ เพ่ือเปน็ การเฉลิมพระเกยี รติ สมเด็จพระนางเจา้ สริ กิ ิติ์ พระบรมราชินนี าถ มีพระชนมายุครบ ๗๒ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยบรษิ ทั กันตนา จำกัด เปน็ ผผู้ ลิตรายการ ออกฉายทางสถานวี ิทยโุ ทรทัศน์กองทัพบกชอ่ ง ๕ ในชว่ งปี พ.ศ.๒๕๔๕ ถงึ พ.ศ. ๒๕๔๖พระราช ประวตั ิของพระองคย์ ังไดม้ ีการนำไปสรา้ งเปน็ ละครโทรทัศน์ถึง ๒ ครง้ั ครงั้ แรกใชช้ ื่อวา่ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช เมอื่ พ.ศ.๒๕๓๐ ออกอากาศทางสถานีโทรทศั น์ไทยทีวสี ชี อ่ ง ๓ ภายหลงั มีการนำละครเร่ืองนี้มาฉายใหม่ทางชอ่ ง สทท.๑๑ อกี ครั้ง (ประมาณ พ.ศ.๒๕๔๐) และครง้ั ที่ ๒ ใชช้ อื่ วา่ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เดอะซีรีส์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๖๐ ออกอากาศทางโมโน ๒๙ ซง่ึ เรื่องน้ีถ่ายทำเปน็ รปู แบบของซีรีส์ และไดเ้ สนอช่อื เขา้ ชงิ รางวลั โทรทัศนท์ องคำในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ จากการออกอากาศในฤดูกาลแรก เชน่ เดยี วกบั การนำไปสร้างเปน็ หนงั สือการต์ ูนอยูห่ ลายครง้ั เชน่ มหากาพยก์ ู้ แผ่นดิน ผลงานของมนตรี คมุ้ เรือน เป็นต้น ไม้ เมืองเดิม ได้นำเหตุการณ์ในสมยั นีไ้ ปใช้เป็นฉากในนวนยิ ายเร่ือง ขนุ ศึก ซึง่ ตวั เอกของเรื่องคือ เสมา ทหารในสมัย สมเดจ็ พระนเรศวรซ่งึ มีชาติกำเนิดเปน็ ชา่ งตเี หลก็ นวนิยายเรอื่ งน้ีได้รับการสรา้ งเปน็ ภาพยนตร์และละครโทรทศั นเ์ ช่นกนั
พงศาวลี เจ้าในราชวงศ์พระรว่ ง สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธิราช ไมป่ รากฎพระนาม สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ี่ ๒ พระมหาจักรพรรดิ์ พระธิดาในราชวงศ์พระร่วง พระวสิ ทุ ธกิ ษัตรยิ ์ พระสนมไม่ปรากฎพระนาม สมเดจ็ พระศรสี รุ โิ ยทัย
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: