44 จงั หวัดยะลำ ดอกไมป้ ระจำจงั หวัดยะลำ,ลพบรุ ี,กำแพงเพชร ช่ือดอกไมด้ อกพกิ ุล ชอ่ื สามญั Bullet Wood, Spanish Cherry ชอื่ วิทยาศาสตร์ Mimusops elengi Linn. วงศ์ SAPOTACEAE ชอ่ื อื่น ๆ กนุ (ภาคใต)้ , แก้ว (ภาคเหนอื ), ซางดง (ลาปาง), พิกลุ ป่า (สตลู ), พิกุลเขา พิกลุ เถอื่ น (นครศรีธรรมราช), พิกุล (ทวั่ ไป) ลักษณะทั่วไป เป็นพรรณไมย้ นื ต้นเปน็ พุ่มทรงกลมใบออกเรยี งสลบั กนั ใบมนรปู ไข่ปลายแหลม ลกั ษณะ ใบเปน็ มันสีเขียว ดอกเป็นดอกเดย่ี ว ออกดอกเปน็ กระจุกตามงา่ มใบหรือยอด มีกลีบดอกประมาณ 8 กลบี เรียง ซอ้ นกนั กลบี ดอกเปน็ จกั รเลก็ นอ้ ย สขี าวนวลมกี ลน่ิ หอมมาก ผลรูปไขห่ รอื กลมรผี ลแก่มสี แี สด เนื้อในเหลืองรส หวาน ภายในมเี มลด็ เดยี ว การขยายพันธ์ุ โดยการเพาะเมล็ด สภาพท่เี หมาะสม สภาพดินทกุ ชนิด แสงแดดจัด ถ่ินกาเนิด อินเดยี , พมา่ , มาเลเซีย 44
45 จงั หวัดยโสธร ดอกไม้ประจำจงั หวัดยโสธร ชอ่ื ดอกไมด้ อกบัวแดง ชอ่ื สามญั Water Lily ชอื่ วิทยาศาสตร์ Nymphaea lotus Linn. วงศ์ NYMPHACACEAE ช่ืออื่น ลักษณะท่วั ไป เป็นพรรณไมน้ ้าประเภทพชื ล้มลุก มีลาต้นและหวั อยู่ในดินใตน้ า้ การเจริญชูก้านใบและ ดอกขนึ้ มาบนผิวนา้ ใบมีลักษณะกลมกว้างใหญ่ ผวิ ใบเรียบ สีเขียวขอบนา้ ตาล ดอกเปน็ กลบี ซ้อนกนั หลายชั้น มีสีขาว ชมพู เหลอื ง ลักษณะ สสี นั ขนาดของใบและดอกขึ้นอย่กู ับชนิดของพันธ์ุ การขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด แยกกอจากหัวหรอื เหง้า สภาพที่เหมาะสม ดนิ เหนียว ดนิ นา ดินผสมอินทรยี ์ ต้องการนา้ มากเพราะเป็นพชื เจริญในนา้ แสงแดดอ่อน จนถึง แดดจัด ถิ่นกาเนิด 45
46 จงั หวัดรอ้ ยเอ็ด ดอกไม้ประจำจงั หวัด รอ้ ยเอด็ , ระยอง, อุตรดิตถ์,ชลบุรี ชื่อดอกไมด้ อกประดู่ ชื่อสามญั Angsana, Padauk ช่อื วิทยาศาสตร์ Pterocarpus indicus Willd วงศ์ LEGUMINOSAE ช่ืออ่นื สะโน (ภาคใต้) ลักษณะทว่ั ไป ลาต้นสูง 10–20 เมตร ผลัดใบ เรอื นยอดกลมหรือรูปเจดีย์เต้ีย แผ่กวา้ ง หนาทึบ ใบประกอบขนนก รูปไข่ เรียบหนา ออกดอกเป็นชอ่ ที่ปลายกิ่ง มี 5 กลบี สเี หลอื งมีกลน่ิ หอมอ่อนๆ ดอกบาน แลว้ รว่ งพรอ้ มๆ กัน ออกดอกชว่ งเดอื น เมษายน-สงิ หาคม การขยายพันธ์ุ โดยการเพาะเมลด็ สภาพที่เหมาะสม ดนิ ทัว่ ไป ชอบแสงแดดจัด ถน่ิ กาเนิด อินเดีย, พม่า, มาเลเซยี , ฟิลิปปินส์ 46
47 จงั หวดั ระนอง ดอกไมป้ ระจำจังหวัดระนอง ช่อื ดอกไม้ ดอกโกมำชมุ ชื่อสามญั – ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Dendrodium formosum วงศ์ ORCHIDACEAE ชื่ออน่ื ๆ เอือ้ งเงินหลวง ลกั ษณะทวั่ ไป เปน็ กล้วยไมป้ ระเภทอิงอาศยั ลาตน้ เจริญทางดา้ นข้างมีลาลูกกลว้ ยตัง้ ตรง กลมค่อนข้าง อว้ น ความยาวประมาณ 30–50 เซนติเมตร ท่กี าบใบมีขนสีดาลักษณะใบรูปไข่ยาวรี ยาวประมาณ 10–15 เซนติเมตร ออกดอกทยี่ อด ช่อดอกสั้น ช่อหน่งึ ๆ มี 3–5 ดอก กลีบดอกมสี ขี าว ปากสีเหลืองส้มโคนปากสอบ ปลายปากเวา้ มีสนั นนู สองสนั จากโคนออกมาถึงกลางปาก ขนาดดอกโตประมาณ 10 เซนตเิ มตร มกี ล่ินหอม ออ่ น ออกดอกเดือนตลุ าคมถึงธนั วาคม การขยายพนั ธ์ุ โดยการแยกลา สภาพทีเ่ หมาะสม เปน็ กลว้ ยไมร้ ากอากาศ ชอบอากาศชื้น ถ่นิ กาเนิด บริเวณทีร่ าบตา่ และท่ีราบสูงในประเทศอนิ เดยี พม่า เวยี ดนาม และไทย 47
48 จงั หวัดระยอง ดอกไมป้ ระจำจังหวัด ระยอง, อตุ รดิตถ์,ชลบรุ ี, ร้อยเอด็ ชอื่ ดอกไมด้ อกประดู่ ชื่อสามญั Angsana, Padauk ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Pterocarpus indicus Willd วงศ์ LEGUMINOSAE ชอ่ื อื่น สะโน (ภาคใต้) ลักษณะทั่วไป ลาต้นสงู 10–20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดกลมหรอื รปู เจดีย์เต้ยี แผ่กวา้ ง หนาทึบ ใบประกอบขนนก รปู ไข่ เรียบหนา ออกดอกเป็นช่อทปี่ ลายกิ่ง มี 5 กลีบ สีเหลือง มกี ลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกบาน แลว้ รว่ งพรอ้ มๆ กนั ออกดอกช่วงเดอื น เมษายน-สงิ หาคม การขยายพันธ์ุ โดยการเพาะเมล็ด สภาพที่เหมาะสม ดนิ ทว่ั ไป ชอบแสงแดดจัด ถิน่ กาเนดิ อินเดยี , พมา่ , มาเลเซยี , ฟิลปิ ปินส์ 48
49 จงั หวัดรำชบุรี ดอกไม้ประจำจังหวัดรำชบรุ ี ชื่อดอกไมด้ อกกัลปพฤกษ์ ช่อื สามัญ Pink Cassia, Pink Shower, Wishing Tree ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Cassia bakeriana Craib. วงศ์ LEGUMINOSAE ชื่ออืน่ กลั ปพฤกษ์ (ภาคกลาง, ภาคเหนอื ), กานล์ (เขมร-สรุ ินทร)์ , เปลือกขม (ปราจีนบุร)ี ลกั ษณะท่วั ไป กัลปพฤกษ์เป็นไมย้ นื ต้นขนาดกลาง สงู 5–15 เมตร ผลดั ใบ เรือนยอดกลมหรือรปู ร่ม แผ่ กวา้ ง ใบประกอบขนนก ใบย่อย 5–8 คู่ ใบรูปไข่แกมขอบขนาน หรือแกมใบหอก โคนใบเบยี้ ว ใบมีขนนุม่ ท้ัง สองด้าน ออกดอกเป็นชอ่ พร้อมใบออ่ นตามกงิ่ มี 5 กลีบ สชี มพู แลว้ ซดี จนเปน็ สขี าวเมื่อใกลโ้ รย ออกดอก เดือนกุมภาพนั ธ์–เมษายน ผลเปน็ ฝักกลมยาวมีขนนุม่ สเี ทา เมลด็ จานวนมาก การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด สภาพท่เี หมาะสม เติบโตไดด้ ีในดนิ ร่วนปนทราย ทนแลง้ ไดด้ ี ถน่ิ กาเนิด ไทย ลาว พมา่ และเวยี ดนาม 49
50 จงั หวดั ลพบุรี ดอกไมป้ ระจำจงั หวัด ลพบรุ ี,กำแพงเพชร, ยะลำ ชื่อดอกไมด้ อกพกิ ลุ ชื่อสามญั Bullet Wood, Spanish Cherry ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Mimusops elengi Linn. วงศ์ SAPOTACEAE ชอื่ อ่ืน กุน (ภาคใต้), แก้ว (ภาคเหนือ), ซางดง (ลาปาง), พกิ ลุ ปา่ (สตลู ), พิกลุ เขา พิกุลเถื่อน (นครศรีธรรมราช), พิกุล (ท่ัวไป) ลกั ษณะทว่ั ไป พิกลุ เปน็ พรรณไมย้ นื ต้นขนาดกลางสงู ประมาณ 8–15 เมตร เปน็ พุม่ ทรงกลมใบออกเรียง สลบั กันใบมนรูปไข่ปลายแหลม ลักษณะโคนใบมน สอบขอบใบโคง้ เป็นคลน่ื เลก็ น้อย ใบเปน็ มนั สีเขียว ดอกเปน็ ดอกเดยี่ ว ออกดอกเปน็ กระจุกตามง่ามใบหรือยอด มีกลบี ดอกประมาณ 8 กลบี เรยี งซ้อนกัน กลบี ดอกเปน็ จักรเลก็ นอ้ ย สีขาวนวลมกี ลิ่นหอมมาก ผลรปู ไขห่ รือกลมรผี ลแกม่ ีสแี สด เน้อื ในเหลืองรสหวาน ภายในมเี มล็ด เดียว การขยายพันธ์ุ เพาะเมลด็ , ตอนกิ่ง สภาพทเี่ หมาะสม ดินทกุ ชนดิ แสงแดดจดั ถ่ินกาเนิด อนิ เดยี , พมา่ และมาเลเซีย 50
51 จังหวดั ลำปำง ดอกไม้ประจำจังหวัดลำปำง ชอ่ื ดอกไมด้ อกธรรมรกั ษำ ช่อื สามัญ Heliconia ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Heliconia spp. วงศ์ HELICONIACEAE ชอ่ื อน่ื กา้ มกุ้ง ลักษณะท่วั ไป ธรรมรักษาเปน็ พรรณไมล้ ้มลุก อวบน้า มลี าตน้ ใต้ดนิ เรียกวา่ เหงา้ ลักษณะคล้ายกบั กล้วย ลาตน้ สูงประมาณ 1–2 เมตร เจรญิ เติบโตโดยการแตกหนอ่ ออกมาเป็นกอ ลักษณะใบคล้ายใบกลว้ ย เรียงสลับกนั มสี เี ขยี ว ผวิ เรียบเป็นมัน ขนาดของใบ ข้ึนอยู่กบั ชนดิ ของพนั ธุ์ ออกดอกเป็นชอ่ ตรงส่วนยอดของ ลาต้น ลกั ษณะช่อดอกตัง้ และห้อยลงแลว้ แตช่ นดิ พนั ธ์ุ ในแตล่ ะชอ่ ดอกมี 4–8 ดอก ดอกมีสสี ้ม แดง เหลือง และชมพู ผลคือสว่ นของดอกเมอื่ แกก่ จ็ ะกลายเป็น เมลด็ การขยายพนั ธ์ุ เพาะเมล็ด, แยกกอ, เพาะเลีย้ งเนอื้ เยื่อ สภาพทีเ่ หมาะสม ดินร่วนซยุ ดนิ ร่วนปนทราย แสงแดดราไร จนถึงแสงแดดจัด ถิ่นกาเนิด อเมรกิ าใต้ 51
52 จงั หวัดลำพนู ดอกไม้ประจำจังหวัด ลำพูน, อำนำจเจริญ, อดุ รธำนี,เชียงใหม่ ชอ่ื ดอกไมด้ อกทองกวำว ชือ่ สามญั Flame of the forest, Bastard Teak, Bengal kinotree, Kino tree ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Butea monosperma วงศ์ LEGUMINOSAE ชอื อ่นื กวาว กา๋ ว (ภาคเหนอื ), จอมทอง (ภาคใต้), จา้ (เขมร), ทองธรรมชาติ ทองพรหมชาติ ทองตน้ (ภาคกลาง), ดอกจาน (อิสาน) ลักษณะท่ัวไป ทองกวาวเปน็ ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูงประมาณ 10–15 เมตร ผลัดใบ เรอื น ยอดรูปทรงไมแ่ นน่ อน สว่ นใหญจ่ ะกลม หรือเป็นทรงกระบอก ใบประกอบมี 3 ใบ ขนาดไม่เทา่ กนั ใบหนาและ มีขน ใตใ้ บสเี ขียวอมเทา ออกดอกเปน็ ช่อทปี่ ลายก่ิง คล้ายดอกถ่ัว สแี สดแดงหรือเหลือง มีขน ออกดอก เดือน ธนั วาคม–มนี าคม ผลเปน็ ฝักแบน มีขนนุ่ม เมลด็ 1 เมล็ดอยู่ท่ปี ลายฝกั การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด สภาพที่เหมาะสม ดนิ รว่ นซุย แสงแดดจัด ถิ่นกาเนิด อนิ เดยี 52
53 จงั หวดั เลย ดอกไม้ประจำจังหวัดเลย ชื่อดอกไมด้ อกรองเทำ้ นำรเี หลอื งเลย ช่ือสามัญ ชือ่ วิทยาศาสตร์ Paphiopedilum hirsutissimum วงศ์ ORCHIDACEAE ชื่ออ่นื ลักษณะท่ัวไป เปน็ กล้วยไม้แบบ sympodial แบบไม่มลี าลกู กล้วย ระบบรากเปน็ แบบรากก่งึ ดิน ออกเปน็ กระจกุ ทโี่ คนตน้ และมักทอดไปทางดา้ นราบมาก กวา่ หย่ังลกึ ลงไปในดิน ใบรูปขอบขนาน ออกดอก เดย่ี ว กวา้ งประมาณ 8 ซม. ก้านดอกยาวและต้งั ตรงสีเขยี ว มขี นสน้ั สมี ่วงแดงจานวนมาก กลีบเลี้ยงบนรูปไข่ กลบั โคนกลบี สีน้าตาลอมเหลือง ปลายกลีบสเี ขยี ว กลีบดอกรปู แถบแกมรปู ไข่กลับ โคนสีเขียว ปลายสีมว่ งอม ชมพู ขอบ ด้านบนหยกั เปน็ คล่ืน มีขนปกคลุมทว่ั ท้ังกลีบ กลีบปากเป็นถงุ ลึก สเี หลืองอมเขยี วมีจดุ เล็กๆ สี น้าตาล ออกดอกช่วงเดือนธนั วาคมถงึ มีนาคม การขยายพันธุ์ แยกหน่อ สภาพท่ีเหมาะสม เตบิ โตได้ดใี นท่ีมีอากาศเย็น ถนิ่ กาเนิด ภาคเหนอื และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แถบจงั หวดั เพชรบูรณ์ เลย และชยั ภูมิ 53
54 จังหวัดศรสี ะเกษ ดอกไม้ประจำจงั หวัดศรีสะเกษ ชือ่ ดอกไมด้ อกลำดวน ชอื่ สามัญ Lamdman, Devil Tree, White Cheesewood ช่อื วิทยาศาสตร์ Melodorum fruticosum Lour. วงศ์ ANNONACEAE ชอ่ื อื่น ลาดวน (ภาคกลาง), หอมนวล (ภาคเหนือ) ลกั ษณะทั่วไป ลาดวนเป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางสงู ประมาณ 5–10 เมตร ผิวเปลือกลาต้นเปน็ สีเทา ผิวต้น เรยี บ มรี อยแตกเลก็ น้อยแตก ใบเป็นใบเด่ียวออกเรยี งสลบั กนั ตามข้อ ลาต้น ใบเปน็ รูปหอก ยาวรี ปลายใบ แหลม โคนใบมนแหลม ขอบใบเรยี บเป็นคล่ืนเล็กนอ้ ย ผวิ ใบเรยี บเป็นมันสีเขยี วเขม้ ดอกเปน็ ดอกเด่ยี วออกตาม สว่ นยอด และตามงา่ มใบ มีกลบี ดอก 6 กลบี ซ้อนกนั เปน็ ชนั้ ปลายกลีบแหลม โคนกลบี ดอกกวา้ ง ดอกมขี นาด เลก็ สเี หลือง กลน่ิ หอมเยน็ ออกดอกชว่ ง เดอื นธันวาคม-มนี าคม การขยายพนั ธ์ุ การเพาะเมลด็ , ตอนก่งิ สภาพท่ีเหมาะสม ดนิ ร่วนซุย แสงแดดจัด เติบโตได้ดใี นที่ชมุ่ ชน้ื ถิน่ กาเนิด ประเทศแถบอินโดจีน 54
55 จงั หวดั สกลนคร ดอกไม้ประจำจงั หวัดสกลนคร ชอ่ื ดอกไมด้ อกอินทนลิ นำ้ ชื่อสามัญ Queen’s Flower, Queen’s Crape Myrtle, Pride of India ชื่อวิทยาศาสตร์ Lagerstroemia speciosa Pers. วงศ์ LYTHRACEAE ชือ่ อืน่ ฉ่วงมู (กะเหรยี่ ง-กาญจนบุรี), ตะแบกดา (กรุงเทพฯ), บางอ บะซา (มลายู-ยะลา, นราธิวาส), บาเอ บาเย (ปัตตานี), อนิ ทนลิ (ภาคกลาง), อนิ ทนลิ นา้ (ภาคกลาง, ภาคใต้) ลกั ษณะท่ัวไป เปน็ ไมย้ นื ตน้ สูง 10–15 เมตร ลาตน้ เปลาตรง เรอื นยอดเป็นพุ่มกลม ผิวเปลอื กนอกสีเทา ใบเปน็ ใบเดยี่ ว รูปรีหรอื รปู ไข่แกมขอบขนาน ปลายใบมน ดอกย่อยขนาดใหญ่ กลบี ดอกสชี มพู สีมว่ งแกมชมพู หรือสมี ่วง ออกดอกชว่ งเดือนมนี าคม-มิถุนายน ผลเปน็ ผลแหง้ มขี นาดใหญ่ การขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด สภาพท่เี หมาะสม ดนิ ทุกชนดิ เป็นไมก้ ลางแจ้ง ถ่นิ กาเนิด ทร่ี าบลมุ่ รมิ นา้ ปา่ เบญจพรรณช้นื และป่าดิบท่วั ไป 55
56 จังหวดั สงขลำ ดอกไมป้ ระจำจงั หวัดสงขลำ ช่ือดอกไมด้ อกสะเดำเทยี ม ชอื่ สามัญ – ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Azadirachta excelsa (Jack) Jacobs วงศ์ MELIACEAE ชอื่ อืน่ ๆ ต้นเทยี ม ไม้เทยี ม ลกั ษณะทว่ั ไป เปน็ ไมย้ นื ตน้ สูงตรงไม่มกี ง่ิ ขนาดใหญ่ เมอ่ื อายุน้อยเปลือกต้นเรยี บ เมือ่ อายุมากเปลอื กจะ แตกเป็นแผ่นล่อนสเี ทาปนดา เรอื นยอดเป็นพ่มุ กลมทึบ ใบเปน็ ใบประกอบ ขอบใบหยักคล้ายฟนั เล่อื ย ใบเบ้ียว ไมไ่ ดส้ ดั สว่ น ปลายใบแหลมเปน็ ติง่ ฐานใบเบย้ี วไมเ่ ทา่ กัน เน้ือใบหนา เกลีย้ ง สีเขยี วเป็นมัน ออกดอกเป็นช่อ ตามง่ามใบหรือปลายกิ่ง ดอกบานสีขาว ออกดอกชว่ งเดือนมีนาคม ผลทรงกลมรี ผลแกส่ ีเขียว เม่อื สุกจะเปน็ สี เหลอื ง การขยายพันธ์ุ โดยการเพาะเมลด็ สภาพท่เี หมาะสม ดนิ ร่วนปนทราย มกี ารระบายน้าและอากาศไดด้ ี ถ่ินกาเนดิ ตามเรือกสวนไรน่ า แถบภาคใตข้ องประเทศไทย 56
57 จงั หวดั สตูล ดอกไมป้ ระจำจงั หวัดสตูล ช่ือดอกไมด้ อกกำหลง ช่ือสามัญ Galaong, Snowy Orchid Tree ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Bauhinia acuminata Linn. วงศ์ LEGUMINOSAE ช่ืออ่นื ๆ เสยี้ วดอกขาว, ส้มเสย้ี ว, เสย้ี วน้อย ลักษณะทั่วไป เป็นไมพ้ ุ่มขนาดกลาง ใบเปน็ ใบไมแ้ ฝดออกสลบั กนั ไปตามต้น ดอกขาวใหญ่ ดอกเปน็ ชอ่ มี กลิ่นหอมเล็กน้อย ดอกมี 6 กลีบ ซ้อนเหลือ่ มกัน ชอ่ หนึง่ ออกดอกประมาณ 5-8 ดอก ออกดอกตลอดปี การขยายพันธ์ุ โดยการเพาะเมลด็ สภาพทเ่ี หมาะสม ดนิ ร่วนซุย ดนิ รว่ นปนทราย ถ่นิ กาเนิด ประเทศอนิ เดยี , เอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ 57
58 จังหวัดสมุทรปรำกำร ดอกไมป้ ระจำจงั หวัดสมทุ รปรำกำร ชอ่ื ดอกไมด้ อกดำวเรอื ง ช่อื สามญั Marigold ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Tagetes erecta Linn. วงศ์ COMPOSITAE ชอื่ อน่ื ลักษณะท่ัวไป ดาวเรอื งเปน็ ไม้ลม้ ลุกทรงพุ่มอายสุ ัน้ หรือหลายปี มีความสูงตง้ั แต่ 30–60 ซม. ใบมี ลกั ษณะเป็นใบประกอบเหมือนขนนก ออกตรงข้ามกนั ใบย่อยรูปรีหรอื รปู หอกแกมขอบขนาน โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ออกดอกเป็นดอกเดยี่ วกระจกุ อย่ปู ลายยอด สีเหลืองหรอื สีสม้ กลีบดอกวงนอกมีลักษณะเปน็ รูป รางน้า โคนดอกเปน็ หลอดเล็ก ปลายดอกเป็นรอยหยัก กลิ่นหอมฉนุ การขยายพนั ธ์ุ เพาะเมลด็ สภาพท่เี หมาะสม ดนิ รว่ นซยุ และอุ้มน้าได้ดี แสงแดดจัด ถนิ่ กาเนิด เม็กซโิ ก และสหรัฐอเมริกา 58
59 จังหวดั สมุทรสงครำม ดอกไมป้ ระจำจังหวัดสมทุ รสงครำม ชอ่ื ดอกไมจ้ กิ ทะเล ชื่อสามัญ - ช่ือวิทยาศาสตร์ Barringtonia asiatica (Linn.) Kurz วงศ์ MRYTACEAE ชื่ออ่ืน จกิ เล (ทว่ั ไป), โคนเล (ภาคใต)้ , อามุง (มลายู-นราธิวาส) ลักษณะท่วั ไป เป็นไม้ยนื ตน้ ขนาดกลาง มลี าตน้ สงู 10 เมตร แผ่กง่ิ ก้านสาขาไปทว่ั ต้น ก่งิ มีขนาดใหญ่ มี รอยแผลอย่ทู วั่ ไป เป็นรอยแผลทเ่ี กิดจากใบที่ร่วงหลน่ ไป เปลอื กต้นมสี ีนา้ ตาลหรือสเี ทา ใบเปน็ ใบเดี่ยว สีเขยี ว เข้มสลับกันไปตามขอ้ ต้น ผวิ ใบเกล้ยี งเปน็ มนั ขอบใบเรยี บ ออกดอกเป็นชอ่ สน้ั ๆ อยูต่ ามปลายก่งิ กลบี ดอกสี ขาว เกสรสชี มพูอยูต่ รงกลาง ออกดอกชว่ งเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ผลขนาดใหญ่ โคนเป็นสเ่ี หลี่ยมปา้ น ปลายสอบ ขยายพนั ธ์ุ เพาะเมล็ด สภาพทเี่ หมาะสม ดินรว่ นปนทราย หรือดินทราย เป็นไม้กลางแจ้ง ถิ่นกาเนดิ หาดทรายชายทะเลทวั่ ไป 59
60 จงั หวัดสมุทรสำคร ดอกไม้ประจำจังหวัดสมทุ รสำคร ไม่มดี อกไมป้ ระจำจังหวดั จงั หวดั สระแกว้ ดอกไมป้ ระจำจังหวดั สระแกว้ ช่อื ดอกไม้ ดอกแก้ว ชอ่ื สามัญ Orang Jessamine ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Murraya paniculata วงศ์ RUTACEAE ชื่ออน่ื แก้ว, แกว้ ขาว (ภาคกลาง), แก้วขไ้ี ก่ (ยะลา), แก้วพรกิ , ตะไหลแก้ว (ภาคเหนือ) ลกั ษณะท่ัวไป แก้วเปน็ พรรณไมย้ นื ต้นขนาดเล็กถงึ ขนาดกลางสูงประมาณ 5–10 เมตร ทรงพุม่ ไมเ่ ป็น ระเบยี บ ใบออกเป็นช่อ เปน็ แผงเรียงสลบั กนั ใบเป็นมันสเี ขียวเข้ม ขอบใบเรยี บเป็นคลน่ื เลก็ น้อย ออกดอกเปน็ ชอ่ ใหญ่ ช่อสั้น ออกตามปลายกิง่ กล่ินหอม ดอกบานเต็มที่ขนาด 2–3 เซนติเมตร ผลรปู ไข่ รี ปลายทู่ มสี ีส้ม ภายในมีเมล็ด 1–2 เมล็ด การขยายพนั ธุ์ เพาะเมล็ด, ตอนก่ิง สภาพท่ีเหมาะสม ดินร่วนซยุ ดินร่วนปนทราย แสงแดดจัด ถนิ่ กาเนดิ จีน, ญีป่ ุน่ , เกาหลี, อินเดีย และภูมิภาคอินโดจนี 60
61 จงั หวัดสระบุรี ดอกไม้ประจำจังหวัดนครนำยก, บรุ รี ัมย์, สระบุรี, สพุ รรณบุรี, อุทัยธำนี ช่ือดอกไมด้ อกสพุ รรณิกำร์ ช่อื สามญั Yellow Cotton Tree ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Cochlospermum regium (Mart. & Schrank) Pilg. วงศ์ BIXACEAE (COCHLOSPERMACEAE) ชอ่ื อน่ื ฝา้ ยคา (ภาคเหนือ), สพุ รรณิการ์ (ภาคกลาง) ลักษณะทวั่ ไป ตน้ สงู 7–15 เมตร ผลดั ใบ เรือนยอดค่อนข้างกลม ใบเดี่ยว รปู หวั ใจหรอื ทรงกลม ใบจัก เปน็ แฉกแหลมลึก 3–5 แฉก กา้ นใบยาวสีแดงอมน้าตาล ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกงิ่ สีเหลอื ง ออกดอกชว่ ง เดือนธนั วาคม-มนี าคม การขยายพันธ์ุ โดยการเพาะเมลด็ ปักชา สภาพที่เหมาะสม ดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย อากาศเย็น แสงแดดจัด ถ่ินกาเนดิ อเมรกิ ากลาง และอเมริกาใต้ 61
62 จังหวดั สงิ ห์บุรี ดอกไมป้ ระจำจังหวัดสิงหบ์ ุรี ไมม่ ดี อกไม้ประจำจังหวัด จังหวัดสุโขทยั ดอกไมป้ ระจำจงั หวัด สุโขทยั , หนองบัวลำภู, อุบลรำชธำนี,ปทมุ ธำนี, พจิ ติ ร, ชอื่ ดอกไมด้ อกบัวหลวง ชอื่ สามัญ Nelumbo nucifera ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Nymphaea lotus Linn. วงศ์ NYMPHACACEAE ช่อื อ่นื บุณฑรกิ , สัตตบงกช ลกั ษณะท่ัวไป เป็นพรรณไม้นา้ ประเภทพชื ล้มลุก มีลาตน้ และหัวอยใู่ นดนิ ใตน้ า้ การเจรญิ ชูก้านใบและ ดอกขน้ึ มาบนผวิ นา้ ใบมีลักษณะกลมกว้างใหญ่ ผิวใบเรยี บ สีเขยี วขอบนา้ ตาล ดอกเป็นกลีบซอ้ นกันหลายชัน้ 62
63 จงั หวัดสพุ รรณบุรี ดอกไมป้ ระจำจงั หวดั สพุ รรณบุรี, อทุ ัยธำนี,นครนำยก, บรุ ีรมั ย,์ สระบุรี, ชอ่ื ดอกไมด้ อกสุพรรณกิ ำร์ ชื่อสามญั Yellow Cotton Tree ช่ือวิทยาศาสตร์ Cochlospermum regium (Mart. & Schrank) Pilg. วงศ์ BIXACEAE (COCHLOSPERMACEAE) ชื่ออืน่ ฝา้ ยคา (ภาคเหนอื ), สุพรรณิการ์ (ภาคกลาง) ลกั ษณะทว่ั ไป ต้นสูง 7–15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดค่อนขา้ งกลม ใบเด่ียว รปู หัวใจหรอื ทรงกลม ใบจัก เป็นแฉกแหลมลึก 3–5 แฉก ก้านใบยาวสีแดงอมนา้ ตาล ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง สีเหลอื ง ออกดอกชว่ ง เดือนธนั วาคม-มนี าคม การขยายพันธ์ุ โดยการเพาะเมล็ด ปักชา สภาพทเี่ หมาะสม ดินรว่ นหรือดนิ รว่ นปนทราย อากาศเย็น แสงแดดจัด ถนิ่ กาเนดิ อเมรกิ ากลาง และอเมริกาใต้ 63
64 จงั หวดั สรุ ำษฎรธ์ ำนี ดอกไม้ประจำจงั หวัดสุรำษฏร์ธำนี ช่อื ดอกไมด้ อกบัวผุด ชอ่ื สามญั Sapria Himalayana ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Sapria himalayana Griff. วงศ์ RAFFLESIACEAE ช่อื อน่ื ๆ กระโถนฤาษี, บวั ตมู , บัวสวรรค์ ลกั ษณะทั่วไป เป็นพืชกาฝากท่ีอาศัยน้าเลย้ี งจากรากของเถาวัลย์นา้ อย่าง “สม้ กงุ้ ” หรอื “เครอื เขาน้า” ไมม่ ีใบ ไม่มลี าตน้ มีเพยี งดอกสีแดงประแต้มเหลอื งใหญร่ าว 10 ซม. โผลข่ ้นึ มาจากดนิ เท่านน้ั การขยายพันธ์ุ – สภาพท่เี หมาะสม เป็นพชื เบยี นที่อาศัยอยู่บนรากไม้อ่นื เช่น ส้มกงุ้ เครือเขาน้า ถิน่ กาเนิด อินโด-มาลายา ในไทยพบตามแนวเทือกเขาตะนาวศรี ต้งั แตป่ ระจวบคีรีขนั ธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และ สุราษฎรธ์ านี 64
65 จังหวดั สรุ ินทร์ ดอกไมป้ ระจำจงั หวัด สรุ ินทร์,นครพนม, ช่อื ดอกไมด้ อกกันเกรำ ชือ่ สามญั Anan, Tembusu ชอื่ วิทยาศาสตร์ Fagraea fragrans Roxb. วงศ์ LOGANIACEAE ชอ่ื อื่น กันเกรา (ภาคกลาง), ตะมะซู ตามซู ู (มลายู-ภาคใต)้ , ตาเตรา (เขมร-ภาคตะวันออก), ตาเสา ทาเสา (ภาคใต้), มนั ปลา (ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ) ลักษณะทัว่ ไป ตน้ สงู ประมาณ 20–30 เมตร ไมผ่ ลดั ใบ เรือนยอดรูปไข่หรือรูปกรวยควา่ หนาทบึ ใบเด่ียว รปู รีหรอื แกมใบหอก สีเขยี วเข้มเป็นมัน ใต้ใบสอี ่อน ออกดอกเป็นชอ่ จานวนมากที่ปลายกิ่ง ดอกสขี าว แล้ว เปล่ียนเป็นสเี หลืองเมื่อใกล้โรย มกี ลิน่ หอมเยน็ ลกั ษณะดอกคลา้ ยแจกัน ออกดอกตลอดปี การขยายพันธ์ุ โดยการเพาะเมล็ด สภาพที่เหมาะสม เตบิ โตไดด้ ใี นทชี่ ้นื แฉะ แสงแดดจดั ถน่ิ กาเนดิ ป่าเบญจพรรณและตามทใี่ กล้แหลง่ นา้ ใน ประเทศอนิ เดยี , มาเลเซยี , พม่า, เวียดนาม และ ประเทศไทย 65
66 จงั หวัดหนองคำย ดอกไมป้ ระจำจงั หวัดหนองคำย ชือ่ ดอกไมด้ อกชงิ ชนั ชือ่ สามัญ Rosewood ชอื่ วิทยาศาสตร์ Dalbergia oliveri Gamble วงศ์ LEGUMINOSAE ชื่ออ่นื ชงิ ชัน ประดชู่ งิ ชนั (ภาคกลาง), ด่สู ะแดน (เหนอื ) ลักษณะทั่วไป เป็นไมย้ ืนต้นผลัดใบสูง 15–25 เมตร เปลือกสีนา้ ตาลอมเทาลอ่ นเปน็ แวน่ ใบเป็นใบ ประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบยอ่ ยเรียงสลบั แผ่นใบรปู รีแกมรูปไข่ โคนใบและปลายใบมน ทอ้ งใบสีจางกว่า หลังใบ ดอกขนาดเล็ก สีขาวแกมมว่ ง ผลเปน็ ฝกั แบน รปู หอก หัวท้ายแหลม การขยายพนั ธุ์ เพาะเมล็ด สภาพทเ่ี หมาะสม ดนิ ทุกชนิด เปน็ ไมก้ ลางแจ้ง ต้องการน้าปานกลาง ถ่ินกาเนิด ปา่ ดิบแลง้ และป่าเบญจพรรณทัว่ ไป ยกเว้นภาคใต้ 66
67 จังหวดั หนองบัวลำภู ดอกไมป้ ระจำจังหวัด หนองบัวลำภู, อบุ ลรำชธำนี,ปทุมธำนี, พจิ ติ ร, สโุ ขทยั , ชอ่ื ดอกไมด้ อกบวั หลวง ช่ือสามญั Nelumbo nucifera ชื่อวิทยาศาสตร์ Nymphaea lotus Linn. วงศ์ NYMPHACACEAE ช่ืออน่ื บณุ ฑริก, สตั ตบงกช ลกั ษณะทัว่ ไป เป็นพรรณไม้น้าประเภทพชื ล้มลกุ มลี าต้นและหัวอยู่ในดนิ ใตน้ ้า การเจริญชูกา้ นใบและ ดอกขนึ้ มาบนผิวน้า ใบมีลักษณะกลมกว้างใหญ่ ผิวใบเรียบ สีเขียวขอบนา้ ตาล ดอกเป็นกลีบซอ้ นกันหลายชัน้ จังหวดั อ่ำงทอง ดอกไม้ประจำจงั หวัดอำ่ งทอง ไม่มดี อกไม้ประจำจังหวัด 67
68 จงั หวัดอดุ รธำนี ดอกไม้ประจำจงั หวัด อดุ รธำนี,เชยี งใหม่, ลำพูน, อำนำจเจรญิ , ช่อื ดอกไมด้ อกทองกวำว ชื่อสามญั Flame of the forest, Bastard Teak, Bengal kinotree, Kino tree ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Butea monosperma วงศ์ LEGUMINOSAE ช่อื อืน่ กวาว กา๋ ว (ภาคเหนอื ), จอมทอง (ภาคใต)้ , จ้า (เขมร), ทองธรรมชาติ ทองพรหมชาติ ทองตน้ (ภาคกลาง), ดอกจาน (อิสาน) ลกั ษณะทัว่ ไป ทองกวาวเปน็ ไมย้ ืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญส่ ูงประมาณ 10–15 เมตร ผลัดใบ เรือน ยอดรูปทรงไม่แน่นอน ส่วนใหญจ่ ะกลม หรือเป็นทรงกระบอก ใบประกอบมี 3 ใบ ขนาดไม่เท่ากัน ใบหนาและ มีขน ใตใ้ บสเี ขียวอมเทา ออกดอกเปน็ ช่อท่ีปลายกิ่ง คล้ายดอกถ่ัว สแี สดแดงหรือเหลอื ง มขี น ออกดอก เดือน ธนั วาคม–มีนาคม ผลเปน็ ฝักแบน มขี นนุ่ม เมล็ด 1 เมลด็ อยู่ท่ปี ลายฝัก การขยายพันธุ์ การเพาะเมลด็ สภาพทเี่ หมาะสม ดนิ รว่ นซยุ แสงแดดจัด ถ่นิ กาเนิด อนิ เดีย 68
69 จังหวัดอทุ ยั ธำนี ดอกไม้ประจำจังหวัด อุทัยธำนี,นครนำยก, บุรีรัมย์, สระบรุ ี, สุพรรณบรุ ี ชอ่ื ดอกไมด้ อกสุพรรณกิ ำร์ ชื่อสามญั Yellow Cotton Tree ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Cochlospermum regium (Mart. & Schrank) Pilg. วงศ์ BIXACEAE (COCHLOSPERMACEAE) ชื่ออืน่ ฝา้ ยคา (ภาคเหนอื ), สพุ รรณิการ์ (ภาคกลาง) ลักษณะทั่วไป ต้นสูง 7–15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดค่อนข้างกลม ใบเด่ียว รูปหัวใจหรอื ทรงกลม ใบจัก เปน็ แฉกแหลมลึก 3–5 แฉก กา้ นใบยาวสแี ดงอมนา้ ตาล ออกดอกเปน็ ช่อทีป่ ลายก่งิ สีเหลอื ง ออกดอกช่วง เดอื นธนั วาคม-มีนาคม การขยายพันธ์ุ โดยการเพาะเมล็ด ปกั ชา สภาพทีเ่ หมาะสม ดินร่วนหรอื ดนิ รว่ นปนทราย อากาศเยน็ แสงแดดจัด ถิ่นกาเนิด อเมรกิ ากลาง และอเมริกาใต้ 69
70 จงั หวัดอตุ รดติ ถ์ ดอกไมป้ ระจำจงั หวัด อุตรดิตถ์,รอ้ ยเอด็ ,ชลบรุ ี,ระยอง ชือ่ ดอกไมด้ อกประดู่ ชอื่ สามัญ Angsana, Padauk ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ Pterocarpus indicus Willd วงศ์ LEGUMINOSAE ชอ่ื อนื่ สะโน (ภาคใต)้ ลักษณะทั่วไป ลาตน้ สูง 10–20 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดกลมหรือรูปเจดยี ์เตย้ี แผ่กว้าง หนาทึบ ใบประกอบขนนก รปู ไข่ เรยี บหนา ออกดอกเป็นชอ่ ทีป่ ลายกิ่ง มี 5 กลบี สเี หลอื งมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกบาน แลว้ รว่ งพรอ้ มๆ กนั ออกดอกชว่ งเดอื น เมษายน-สงิ หาคม การขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด สภาพที่เหมาะสม ดนิ ท่วั ไป ชอบแสงแดดจดั ถน่ิ กาเนิด อินเดีย, พมา่ , มาเลเซีย, ฟิลปิ ปินส์ 70
71 จังหวัดอุบลรำชธำนี ดอกไม้ประจำจงั หวัด อุบลรำชธำนี,ปทมุ ธำนี, พจิ ิตร, สุโขทัย, หนองบวั ลำภู ชื่อดอกไมด้ อกบัวหลวง ชอื่ สามัญ Nelumbo nucifera ชื่อวิทยาศาสตร์ Nymphaea lotus Linn. วงศ์ NYMPHACACEAE ชื่ออืน่ ๆ บุณฑรกิ , สตั ตบงกช ลักษณะทว่ั ไป เป็นพรรณไมน้ ้าประเภทพชื ล้มลกุ มีลาต้นและหวั อยใู่ นดนิ ใต้น้า การเจรญิ ชกู ้านใบและ ดอกขึ้นมาบนผิวนา้ ใบมีลักษณะกลมกว้างใหญ่ ผิวใบเรียบ สเี ขยี วขอบน้าตาล ดอกเปน็ กลบี ซอ้ นกันหลายช้ัน 71
72 จงั หวัดอำนำจเจริญ ดอกไม้ประจำจงั หวดั อำนำจเจริญ, อดุ รธำน,ี เชยี งใหม,่ ลำพูน, ชื่อดอกไมด้ อกทองกวำว ช่อื สามัญ Flame of the forest, Bastard Teak, Bengal kinotree, Kino tree ชื่อวทิ ยาศาสตร์ Butea monosperma วงศ์ LEGUMINOSAE ชื่ออนื่ กวาว ก๋าว (ภาคเหนือ), จอมทอง (ภาคใต)้ , จ้า (เขมร), ทองธรรมชาติ ทองพรหมชาติ ทองตน้ (ภาคกลาง), ดอกจาน (อิสาน) ลักษณะท่ัวไป ทองกวาวเปน็ ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สงู ประมาณ 10–15 เมตร ผลดั ใบ เรอื น ยอดรูปทรงไม่แนน่ อน ส่วนใหญจ่ ะกลม หรือเปน็ ทรงกระบอก ใบประกอบมี 3 ใบ ขนาดไม่เทา่ กนั ใบหนาและ มขี น ใต้ใบสเี ขยี วอมเทา ออกดอกเปน็ ช่อทีป่ ลายก่ิง คล้ายดอกถ่ัว สีแสดแดงหรือเหลอื ง มีขน ออกดอก เดือน ธนั วาคม–มีนาคม ผลเป็นฝักแบน มีขนนุ่ม เมล็ด 1 เมลด็ อยู่ท่ปี ลายฝกั การขยายพนั ธ์ุ การเพาะเมลด็ สภาพท่เี หมาะสม ดนิ รว่ นซยุ แสงแดดจดั ถนิ่ กาเนดิ อนิ เดยี 72
73 จงั หวดั ทีไ่ ม่มีดอกไม้ประจำจงั หวดั กรงุ เทพมหานคร จงั หวัดเพชรบุรี จังหวดั เพชรบรู ณ์ จังหวดั สมุทรสาคร จังหวดั สิงห์บรุ ี จังหวดั อา่ งทอง 73
74 บรรณำนุกรม สบื คน้ ขอ้ มูลได้ที่ https://kyungsoo34.wordpress.com/ https://www.panmai.com/PvFlower/fl_26.shtml https://www.jobthaidd.com/variety-id29436.html#J-2 https://sites.google.com/site/flowerprovince98645/phakh-klang https://sites.google.com/site/flowerprovince98645/phakh-henux 74
Search