ภัยธรรมชาติในประเทศไทย หนา สารบัญ 3 2 ความเปนมาของภัยธรรมชาติในประเทศไทย 7 ภูมอิ ากาศและภูมปิ ระเทศของประเทศไทย 10 พายุหมุนเขตรอ น 12 แผนดนิ ไหว 14 อุทกภยั 17 พายุฟา คะนอง หรอื พายฤุ ดูรอ น 18 แผน ดินถลม 19 คลน่ื พายุซดั ฝง 19 ไฟปา 20 ฝนแลง 21 สรุปภยั ธรรมชาติท่ีเกดิ ในภาคตา ง ๆ ของประเทศไทย รายช่อื พายหุ มนุ เขตรอ น 1
บทนํา ความเปนมาของภยั ธรรมชาตใิ นประเทศไทย นับตัง้ แตเ รม่ิ กาํ เนิดโลกมา โลกของเราไดป ระสบกับวกิ ฤติการณความรุนแรงและการเปลยี่ นแปลงอยา งมากมายอนั เนือ่ งมาจากภัยธรรมชาติ ซ่งึ ปจจบุ ันโลกกย็ งั คงประสบอยู ภัยธรรมชาตนิ เ้ี ปน กระบวนการทางธรรมชาตทิ ่ีเกดิ ข้นึ ทัง้ ใน บรรยากาศภาคพนื้ สมทุ รและภาคพนื้ ดิน ภัยธรรมชาติท่ีเกดิ ข้ึนนบั เปน ภัยพิบัตทิ ี่มีตอ มนุษย ทรพั ยสนิ และสิ่งกอ สรา งตา ง ๆ ที่กอใหเ กดิ ความเสียหายอยาง มหาศาล ชีวติ และทรพั ยสินทั้งของสว นตัวและของสวนรวม รัฐและประชาชนตองใชท รัพยากรจาํ นวนมากเพ่ือ ชว ยเหลือ และบรู ณะฟน ฟพู นื้ ทที่ ีไ่ ดร ับความเสยี หายจากภัยธรรมชาติ สาํ หรบั ประเทศไทย นบั วา ยังโชคดกี วาหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเซียและแปซฟิ ก เพราะต้งั อยูในภูมปิ ระเทศท่ี เหมาะสม พน้ื ดนิ มคี วามอดุ มสมบูรณลมฟา อากาศดี มฝี นตกตอ งตามฤดกู าลเปน สว นมาก และมปี รมิ าณฝนเพียงพอแกกสิกร รม เรอื่ งภัยธรรมชาติที่เกดิ ข้นึ ไมวา จะเกดิ จากสภาวะอากาศ หรอื เกิดจากธรรมชาติเองกต็ าม จงึ มกั ไมใครเกดิ ไดบ อ ยนัก และ แมจ ะเกดิ ข้ึนแตกไ็ มร นุ แรง ภยั ธรรมชาติทเ่ี กิดขนึ้ ในประเทศไทยมีอยูหลายรูปแบบ ทีส่ ําคญั และสามารถสรา งความเสียหายไดเปน อยา งมาก คือ วาตภยั อุทกภัย อคั คีภัยและแผนดนิ ไหว วาตภยั และอทุ กภยั มสี าเหตหุ ลกั จากพายุหมุนเขตรอ นและพายฝุ นฟา คะนองรุนแรง ในขณะทีอ่ ัคคีภัยและแผนดินไหว มนุษยม ีสว นกระทําใหเกิดข้นึ พายุฝนฟาคะนองมักปรากฏในบริเวณที่มกี ารกอ ตวั ขึ้นของมวลอากาศ เชน ในรอิ งความกดอากาศตํา่ เปนตน และมี ลักษณะการกอตวั รนุ แรงเปนพเิ ศษในฤดูรอน โดยเฉพาะในเดือนเมษายนพายุฟาคะนองเปน ลักษณะอากาศรา ยที่กอ ใหเ กิด ลมแรง ลูกเหบ็ ฟาผา และบางคร้งั เกดิ พายุหมนุ ซ่ึงกอใหเ กิดความเสยี หายอยางมากทง้ั ชีวติ และทรพั ยสิน แมจะเกดิ ในบริเวณ แคบ ๆ ในขณะทีพ่ ายุหมนุ เขตรอ นสามารถทําความเสียหายเปนบรเิ วณกวา ง แตจ ะมกี ารกอตวั นอยกวา พายหุ มนุ เขตรอ นเขา สปู ระเทศไทยปละ 3-4 ลกู โดยเริม่ ตน ในฤดูฝนถงึ กลางฤดหู นาวและมอี ตั ราของจํานวนพายหุ มุนเขตรอนเขา สูประเทศไทย มากทส่ี ดุ ในเดือนตลุ าคม มีลมแรงและฝนตกหนกั เน่ืองจากพายุหมนุ เขตรอ นทําลายอาคาร บา นเรือน ชีวติ มนุษยและสัตว เล้ียง ฯลฯ ความรุนแรงของความเสยี หายเปนไปตามความรนุ แรงของพายหุ มนุ เขตรอนนน้ั อัคคภี ยั และแผนดินไหวแมจ ะเปน ภยั ธรรมชาตซิ งึ่ ไมสามารถคาดการณลว งหนา ได แตมนุษยก ็มีสว นทาํ ใหเกิดภยั ดังกลาวข้นึ เชน การทดลองระเบดิ นวั เคลียร การทําสงคราม ฯลฯ มีสวนในกอ ใหเกิดแผน ดนิ ไหว ความประมาทเลินเลอ กอใหเกดิ อคั คีภยั ดังนัน้ การบรรเทาความรนุ แรงและการปอ งกนั ภัยพิบัตใิ หม ปี ระสิทธิภาพสูงสดุ จึงขนึ้ อยกู บั ความพรอ มของ ทุก ๆ ฝาย ในการประสานงานความรว มมอื เพ่อื ลดความสูญเสยี เนื่องจากภัยธรรมชาตดิ งั กลา ว ภูมิอากาศและภมู ปิ ระเทศของประเทศไทย ภูมิอากาศ ลมมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต เปนตัวกําหนดหลักของลกั ษณะอากาศ ของประเทศไทย ลมมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนือ จะพดั ระหวางเดอื นตลุ าคมถงึ กุมภาพันธ อากาศโดยท่วั ไปจะหนาวเยน็ และแหงแลง ซ่งึ เปน ชวง ฤดูหนาว ลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใตจะพัดระหวางเดอื นพฤษภาคมถงึ ตลุ าคม นาํ อากาศรอนและความช้ืนจาก 2
มหาสมทุ รเขา มา ทําใหมีฝนตกเกอื บท่วั ไป โดยเฉพาะตามบรเิ วณชายฝง และเทอื กเขาดา นรับลมจะมีฝนตกชกุ ถือเปน ชว งฤดู ฝน ชว งการเปล่ยี นฤดูระหวา งเดอื นกุมภาพนั ธถ งึ พฤษภาคม มีลมไมแนท ศิ และเปนชว งทพี่ ื้นดินไดร บั พลังงานจากดวง อาทิตยสงู สดุ อากาศโดยทว่ั ไปรอนอบอาวและแหง แลง พายฝุ นฟาคะนองท่ีเกิดข้นึ มักปรากฏมีความรนุ แรงเปนชวง ฤดรู อ น นอกจากนี้ ประเทศไทยยงั ไดรบั อทิ ธพิ ลจากพายหุ มนุ เขตรอ นทม่ี ักกอ ตวั ในทะเลจนี ใตและรองความกดอากาศต่ําท่ี พาดผา น กอใหเกดิ ฝนตกปริมาณมากและเปนบริเวณกวางในบริเวณทปี่ รากฏลกั ษณะอากาศดงั กลา วของชว งเดอื นตา ง ๆ ใน ฤดูฝน รปู ท่ี 1 แสดงลกั ษณะของ ทศิ ลม ทศิ พายหุ มุนเขตรอ น และแนวรอ งความกดอากาศตํ่าทพี่ าดผานประเทศไทยใน ชวงเวลาตา ง ๆ ตําแหนง รอ งความกดอากาศตํ่า ทศิ ทางลมมรสมุ และทางเดนิ พายหุ มุนเขตรอ น 2590 95 100 105 110 11525 มรสมุ ตะวนั ออกพเ.ฉยีย.ง-เมห.นคอื. 20 20 รองความกดอากาศต่ํา ม.ิ ย. & ก.ย. พายุหมุนเขตรอน ม.ิ ย. - ก.ค. 15 พ.มรค.สุ-มตต.ะคัว.นตกเ ีฉยงใ ต รอ งความกดอากาศต่ํา 15 พายสุห.คม.ุน-เกข.ตยร. อน พ.ค. พ.ค. รองความกดอากาศตาํ่ ลีมเมมนาใษคาตยม -น พ.มค.ร-สุมต.ตคะ. ัวนตกเฉียงใต พา ุยไซโคลน พายหุ มนุ เขตรอ น 10 ต.ค. ต.ค. 10 มรสุมตะวนั ออพก.เยฉ.ีย-งเมห.นคอื . พายุหมนุ เขตรอน พ.ย. - ธ.ค. 5 5 090 95 100 105 กรมอุตนุ ยิ มวทิ ยา Meteorological Department ภู 110 115 0 3
มปิ ระเทศ ประเทศไทยต้งั อยใู นเขตรอ น พื้นทีส่ วนบนเปนภเู ขาและทีร่ าบสงู พ้ืนท่ีสวนกลางเปน ทีร่ าบลุม พืน้ ที่ทางใตเ ปน แหลมยน่ื ลงไปในทะเล รูปท่ี 2 แสดงรายละเอยี ดลกั ษณะดงั กลา ว และสามารถแบง ภมู ิประเทศออกตามลักษณะอุตุนยิ มวิทยา ไดเ ปน 5 ภาค ดงั นี้ - ภาคเหนอื มีพนื้ ที่ประมาณ 153,000 ตารางกิโลเมตร ภมู ิประเทศเปนที่ราบสูง มีภเู ขาติดกนั เปนพืดในแนว เหนอื -ใต และเปน แหลง กําเนดิ ของแมน ้าํ สาํ คญั ๆ หลายสาย โดยแมน้าํ เหลาน้ไี หลมารวมกนั ในบริเวณภาคกลาง ทิวเขามี ความสูงโดยเฉลยี่ ประมาณ 1,600 เมตร เหนอื ระดบั นํ้าทะเล อากาศหนาวเยน็ จัดในฤดหู นาว และรอนจดั ในฤดรู อน และมีฝน ตกในเกณฑปานกลาง - ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ พื้นทเ่ี ปนท่รี าบสูงและลาดต่ําไปทางทศิ ตะวันออกเฉยี งใต ทางตะวันตกมที ิวเขา เพชรบรู ณ เนอ้ื ท่ปี ระมาณ 170,000 ตารางกิโลเมตร โดยมพี ืน้ ท่สี วนใหญสูงจากระดับนา้ํ ทะเลปานกลางประมาณ 250 เมตร ทางดา นตะวนั ตกของภาคเปนเทอื กเขาดงพญาเยน็ และเทอื กเขาเพชรบูรณ ทางใตม ีเทอื กเขาสนั กาํ แพงและทวิ เขาพนมดงรกั ซึ่ง เปนตัวการสาํ คญั ท่กี ้ันลมตะวันตกเฉยี งใต ไอนํ้าและความช้ืนจากทะเลเขาไปไมถ งึ ในฤดฝู นฝนตกไมสม่ําเสมอ ในฤดู หนาวอากาศหนาวเยน็ จดั เพราะไดร บั ลมมรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนอื โดยตรง ในฤดูรอ นอากาศรอ นจดั และแหงแลง เน่ืองจาก อยหู า งไกลทะเล - ภาคกลาง พนื้ ที่เปน ทีร่ าบลุม ระดับพน้ื ท่ีลาดลงมาทางใตตามลาํ ดับจนถึงอา วไทย มีพ้นื ท่ีโดยประมาณ 73,000 ตารางกโิ ลเมตร พ้ืนทส่ี ว นใหญสูงจากระดบั น้าํ ทะเลปานกลานอยกวา 30 เมตร มีภูเขาเตย้ี ๆ ทางดานตะวนั ตกและมีแมน ํ้า สําคัญ ๆ หลายสายไหลผาน ลกั ษณะภูมิประเทศทําใหเกิดนํา้ ทวมไดง า ยในฤดูฝน ในฤดหู นาวอากาศไมห นาวมากนกั และใน ฤดรู อนอากาศไมรอนจัดเนอ่ื งจากอยูใกลทะเล - ภาคตะวนั ออก พืน้ ทเ่ี ปน ภเู ขาและทีร่ าบ มีเกาะเปนจํานวนมาก พ้ืนทรี่ วมกนั ประมาณ 34,000 ตารางกโิ ลเมตร อยูสูงจากระดับน้ําทะเลนอยกวา 40 เมตร มฝี นตกชุกในฤดูฝน ในฤดูหนาวอากาศไมหนาวมากนักและในฤดูรอ นอากาศไม รอ นจัดเนอื่ งจากอยตู ิดกับทะเล - ภาคใต มีลักษณะเปนแหลมยาวยน่ื ไปในทะเลฝง ทะเลทงั้ สองขา งมเี กาะเปน จํานวนมาก พ้นื ท่ีทัง้ หมดประมาณ 83,000 ตารางกิโลเมตร มีความยาวจากเหนอื จรดใตประมาณ 640 กโิ ลเมตร ประกอบดวยปา เขาเปนสวนมากทอดจากเหนือ มาใตแ ละมพี นื้ ท่รี าบทางชายฝง ทงั้ สองขาง มีแมน ํ้าสายส้ัน ๆ จํานวนมาก สามารถแบง ตามลักษณะของภมู ปิ ระเทศไดเปน 2 ภาค คอื - ภาคใตฝงตะวนั ออกและภาคใตฝ ง ตะวันตก โดยมีฝนตกเปน สองชว งคอื ในชวงฤดมู รสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใตม ฝี น ตกชุกทางตะวนั ตกของภาคและในชว งมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มฝี นตกชกุ ทางดานตะวนั ออกของภาคไมม ีลักษณะของ อากาศหนาวตลอดป - ลกั ษณะอากาศทวั่ ไป จากลกั ษณะภูมิอากาศและภูมิประเทศของภาคตา ง ๆ ท่ไี ดก ลา วมาแลว ทําใหป ระเทศไทย มลี ักษณะอากาศท่ัวไป ดังน้ี - อุณหภมู ิ อณุ หภมู โิ ดยทวั่ ไปอยใู นเกณฑรอ นและไมเ ปล่ียนแปลงมากนัก โดยมคี าเฉลย่ี ทั่วประเทศประมาณ 27 องศาเซลเซียส มีคา สงู สุดเฉลี่ย 32 องศาเซลเซียส และและต่าํ สุด 22 องศาเซลเซียส โดยมีคาอณุ หภูมิผันแปรตามสภาพภูมิ ประเทศ กลา วคอื 4
ภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มอี ากาศรอนจัดและหนาวจดั กวา ภาคอ่ืน ๆ โดยมีคาเฉล่ยี อุณหภมู สิ ูงสดุ และ คาเฉลีย่ ของอณุ หภูมิตาํ่ สุดตางกันมาก อุณหภูมิสูงสดุ เฉลี่ย 37 องศาเซลเซยี ส ในฤดรู อ นและและอณุ หภูมเิ ฉลีย่ ต่ําสดุ ในฤดู หนาวประมาณ 21 องศาเซลเซยี ส มพี สิ ยั ของอณุ หภมู ิในแตละวันประมาณ 15 องศาเซลเซยี ส ภาคกลางและภาคตะวันออก มีบางสว นของพืน้ ทีต่ ดิ กับทะเล ทําใหอ ุณหภูมไิ มเ ปลีย่ นแปลงมากนกั อุณหภมู ิเฉล่ยี ท่ัวไปประมาณ 28 องศาเซลเซยี ส โดยอุณหภมู ติ าํ่ สุดมคี าเฉลี่ยประมาณ 23.4 องศาเซลเซยี สภาคใตท้ังสองฝง ลอมรอบดว ย ทะเล อุณหภมู ไิ มเ ปล่ยี นแปลงมากนกั โดยมอี ณุ หภมู ิเฉลีย่ ประมาณ 27.3 องศาเซลเซยี ส อุณหภมู ติ ํา่ สดุ เฉลี่ย 23.2 องศา เซลเซียส อณุ หภมู สิ งู สุดเฉล่ยี 31.7 องศาเซลเซียส มพี ิสยั ของอณุ หภูมิในประจาํ วนั ประมาณ 8.5 องศาเซลเซยี ส 5
- ฝน โดยท่ัวไปประเทศไทยมฝี นในเกณฑดี โดยมคี าประมาณ 1,650 มลิ ลิเมตรตอ ป การผนั แปรของฝนเปนไปตาม ลักษณะของภูมิประเทศและฤดูกาล กลาวคือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ตลอดจนถงึ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ ในฤดู หนาวมีฝนตกนอย เนอ่ื งจากลมมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนือเปนลมทีเ่ ย็นและแหง ในฤดรู อ นฝนตกนอ ยและมพี ายุฝนฟาคะนองเปน ครง้ั คราว ในฤดฝู นลมมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต พัดเอาความชื้นจากทะเลเขา มา ฝนจะเรม่ิ ตกตัง้ แตเ ดือนพฤษภาคมถึงเดอื นตุลาคม โดยเฉพาะในดา นรบั ลมของภเู ขาและชายฝงทะเลจะมฝี นตกชกุ ในดา นอบั ลม เชน บริเวณหลังเขามีปริมาณฝนนอ ย นอกจากน้ียัง ไดร ับอทิ ธิพลจากรอ งมรสมุ และพายหุ มนุ เขตรอน ทาํ ใหมฝี นตกหนาแนน และบางครั้งเกิดนาํ้ ทวมตามบรเิ วณที่ราบลมุ ของสองฝง แมน้าํ ตาง ๆ ลมมรสุมท้งั สอง กลาวคอื ในฤดูหนาวลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือพดั ผานอาวไทยนําเอาความช้ืนมาดวยเมอ่ื ปะทะกับ ภเู ขาและชายฝงจะทําใหเ กิดฝนตกชุกในภาคใตฝง ตะวันออกและเปน ภาคเดยี วในภาคใตม ฝี นตกชุกตลอดป โดยมีปรมิ าณฝนประมาณ 2,300 มิลลิเมตรตลอดป ในฤดมู รสุมตะวนั ตกเฉียงใต ภาคใตฝงตะวันตกจะมีฝนตกชุก ยกเวน บริเวณดา นหลังเขา เชน ดานหลงั เขา ตะนาวศรซี ึ่งเปนดานอับลม ทําใหม ีฝนเฉลี่ยคอ นขางนอ ย ปริมาณฝนรวมรายป (มม.) ของประเทศไทย 100 105 20 CHIANG RAI 20 15 15 MAE HONG SON PHAYAO CHIANGMAI THA WANG PHA LAMPHUN NAN LAMPANG MAE SARIANG PHRAE NONG KHAI UITARADIT LOEI NAKHON PHANOM SAKON NAKHON BHUMIBOL DAM UDON THANI TAK PHITSANULOK LOM SAK MAE SOT PHETCHABUN KHON KAEN MUKDAHAN KAMPHANG PHET KOSUM PHISAI UMPHANG ROI ET WICHIAN BURI CHAIYAPHUM NAKHON SAWAN BUA CHUM THA TUM UBON RATCHATHANI SURIN CHAINAT LOP BURI NAKHON RATCHASIMA THONG PHA PHUM CHOK CHAI NANG RONG SUPHAN BURI PRACHIN BURI KANCHANA BURI DON MUANG KABIN BURI BANGKOK ARANYAPRATHET PILOT STATION CHON BURI SICHANG PHETCHA BURI PATTAYA HUA HIN SATTAHIP RAYONG CHANTABURI PRACHUAP KHIRI KHAN KLONG YAI 6000 มม. 4000 มม. CHUMPHON 3000 มม. 2400 มม. 10 RANONG 2000 มม. 10 1600 มม. KO SAMUI 1200 มม. 800 มม. SURAT THANI AIRPORT SURAT THANI TAKUA PA NAKHON SI THAMMARAT PHUKET AIRPORT PHUKET KO LANTA TRANG SONGKHLA HAT YAI SATUN PATTANI NARATHIWAT 100 METEOROLOGICALกลDมุEPภAูมRิอTาMกEาศNT สํานกั พัฒนาอุตุนยิ มวทิ ยา หมายเหตุ ขอ มลู เฉลยี่ ในคาบ 30 ป (พ.ศ.2514-2543) 105 6
ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นในประเทศไทยต้ังแตอ ดีตจนถึงปจจุบัน สามารถแบง ออกไดเปน 8 ชนิด ดังน้ี 1. พายุหมนุ เขตรอน (Tropical Cyclones) 2. แผนดนิ ไหว (Earthquakes) 3. อุทกภยั (Floods) 4. พายฟุ าคะนองหรือพายฤุ ดูรอ น (Thunderstorms) 5. แผนดนิ ถลม (Land Slides) 6. คลืน่ พายซุ ัดฝง (Storm Surges) 7. ไฟปา (Fires) 8. ฝนแลง (Droughts) พายหุ มนุ เขตรอน พายุหมุนเขตรอนเปนปรากฏการณธ รรมชาตซิ ่งึ สามารถทําความเสยี หายไดรุนแรงและเปนบริเวณกวา งมลี ักษณะเดน คือ มี ศูนยก ลางหรอื ที่เรียกวา ตาพายุ เปน บริเวณท่ีมีลมสงบ อากาศโปรงใส โดยอาจมี เมฆและฝนบางเล็กนอยลอ มรอบดวยพื้นทบ่ี ริเวณกวางรัศมหี ลายรอยกโิ ลเมตร ซึง่ ปรากฏฝนตกหนกั และพายุลมแรง ลมแรงพัดเวียนเขาหาศูนยกลาง ดังนั้นใน บรเิ วณท่ีพายุหมุนเขตรอนเคลอ่ื นทผี่ า น คร้ังแรกจะปรากฏลักษณะอากาศ โปรง ใส เมื่อดานหนาของพายุหมนุ เขตรอ นมาถึง ปรากฏลมแรง ฝนตกหนักและ มพี ายุฟาคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจปรากฏพายุทอรน าโด ในขณะตาพายุ มาถึงอากาศจะโปรง ใสอกี ครงั้ และเม่อื ดานหลังของพายุหมนุ มาถงึ อากาศจะ เลวรายลงอกี คร้ังและรุนแรงกวา ครงั้ แรก ชนดิ และการกําหนดช่ือพายหุ มุนเขตรอน พายุหมนุ เขตรอ นเร่ิมตน การกอ ตัวจากหยอมความกดอากาศตํ่ากําลังแรงซ่ึงอยูเ หนือผิวน้ําทะเลในบริเวณเขตรอนและเปน บริเวณที่กลมุ เมฆจาํ นวนมากรวมตัวกันอยูโดยไมปรากฏการหมนุ เวียนของลม หยอ มความกดอากาศต่ํากาํ ลังแรงน้ี เมื่ออยูในสภาวะที่ เออ้ื อาํ นวยกจ็ ะพัฒนาตัวเองตอ ไป จนปรากฏระบบหมนุ เวยี นของลมอยางชัดเจน ลมพดั เวยี นเปนวนทวนเขม็ นาฬิกาในซกี โลกเหนือ พายุหมุนในแตล ะชวงของความรุนแรจะมีคณุ สมบัตเิ ฉพาะตัวและเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะแวดลอม ความเร็วลมในระบบ หมนุ เวียนทวกี ําลงั แรงข้ึนเปนลาํ ดบั กลา วคือ ในขณะเปนพายุดีเปรสช่ันความเร็วลมสงู สดุ ใกลศูนยก ลางมีคาไมเกิน 33 นอต ในขณะ ท่เี ปนพายุโซนรอนความเร็วลมสงู สุดใกลศูนยกลางมคี าอยรู ะหวาง 34 – 63 นอต และในขณะเปนพายุไตฝ ุนความเร็วลมสูงสดุ ใกล ศนู ยก ลางจะมีคาตั้งแต 64 นอต ขน้ึ ไป ดังน้นั สามารถแบง ชนิดของพายหุ มุนเขตรอนไดดงั นี้ 7
ชนดิ ของพายหุ มุนเขตรอน พายุ ช่อื ยอ สัญลกั ษณ ความเรว็ ลมสูงสุดใกลจุดศนู ยกลาง ดเี ปรสช่นั (Depression) TD D 33 นอต (17 เมตร/วินาท)ี (62 กโิ ลเมตร/ช่ัวโมง) โซนรอน (Tropical Storm) TS S 34-63 นอต (17-32 เมตร/วนิ าที) (63-1172 กโิ ลเมตร/ชว่ั โมง) ไตฝุน (Typhoon) TY S 64-129 นอต (17 เมตร/วินาท)ี (118-239 กโิ ลเมตร/ชั่วโมง) พายุหมุนเขตรอ นซง่ึ กอตวั ในมหาสมทุ รแปซิฟกและมคี วามแรงของลมสงู สุดใกลศูนยกลางพายุมากกวา 33 นอต จะเร่ิมมีการกําหนดชอ่ื เรียก โดยองคก ารอุตนุ ิยมวิทยาโลกไดจ ัดรายชอ่ื เพอื่ เรียกพายหุ มนุ เขตรอนซึง่ กอ ตวั ในมหาสมทุ ร แปซฟิ กไวเ ปนสากล เพ่อื ทกุ ประเทศในบริเวณนใ้ี ชเ พอื่ เรียกพายุหมุนเขตรอนซึง่ กอ ตวั ข้นึ โดยเรยี งตามลาํ ดับใหเหมอื นกนั ตัง้ แตป พ.ศ. 2543 เปน ตน มา ไดเ กดิ ระบบการตัง้ ชือ่ พายุเปนภาษาพน้ื เมอื งของแตล ะประเทศสมาชิกในแถบ มหาสมทุ รแปซิฟกตอนบนและแถบทะเลจีนใต 14 ประเทศ ไดแ ก กัมพชู า จีน เกาหลีใต ฮองกง ญี่ปนุ มาเลเซีย ไมโครนเี ซยี ฟล ิปปน ส สหรฐั อเมริกา เวียดนาม และไทย โดยนําช่อื มาเรยี งเปน 5 สดมภ เรมิ่ จากกัมพูชาจนถงึ เวยี ดนามในสดมภท่ี 1 เมอ่ื หมดแลวใหเ รม่ิ ขึน้ สดมภท ี่ 2 ถงึ 5 แลว จงึ เวียนมาเรม่ิ ทส่ี ดมภ 1 อีกครงั้ จนกวา จะมีการกําหนดชอ่ื พายคุ รง้ั ใหมอีก (ดรู ายชื่อ พายุทา ยเลม) ประเทศไทยไดรับผลกระทบจาก พายุหมนุ เขตรอน ซึ่งกอตวั ในบริเวณมหาสมุทรแปซฟิ ก และพายหุ มนุ เขตรอนซ่งึ กอ ตัวในบริเวณมหาสมทุ รอนิ เดียซ่งึ เราจะเรยี กวา ไซโคลน แมพ ายหุ มุนเขตรอนซ่งึ กอ ตวั ในบริเวณมหาสมุทรอินเดียจะไม เขา สูประเทศไทยโดยตรง แตก็สามารถกอ ความเสยี หายตอ ประเทศไทยไดเชนกนั เมอ่ื ทิศการเคลือ่ นที่เขา สูบริเวณใกล ประเทศไทยทางดา นตะวันตกในกรณขี องพายุหมุนเขตรอ นซง่ึ กอตัวในมหาสมุทรแปซฟิ กและทะเลจนี ใตน้ันจะเคลอ่ื นท่ีเขา สปู ระเทศไทยในบริเวณตางๆของประเทศแตกตา งกนั ตามฤดูกาล สิ่งท่คี วรปฏบิ ัติเพ่อื ลดความสญู เสียเนอ่ื งจากพายุหมุนเขตรอ น พายหุ มุนเขตรอ นเริ่มตน การกอ ตวั ในทะเลและในชวงเวลาหลายวนั เคลือ่ นท่ีถึงชายฝง ซงึ่ กรมอตุ ุนยิ มวิทยาเปน หนว ยงานท่ีทําหนาทีพ่ ยากรณและเตอื นภัยพายหุ มุนเขตรอนท่ีเกิดขึน้ ในบริเวณท่อี าจสงผลกระทบตอ ประเทศไทยดวย เทคโนโลยีทที่ นั สมัย อาทิ เรดารต รวจอากาศ ภาพถา ยดาวเทียม ฯลฯ ทําใหการตดิ ตามการเคลอ่ื นท่ี รวมทั้งการพยากรณพายุ หมนุ เขตรอ นมปี ระสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากน้ีการรบั ทราบขาวการเตอื นภัยทที่ นั เหตุการณจ ะทําใหล ดความสญู เสียที่อาจ เกดิ ขึน้ ไดเ ปน อยา งมาก อยา งไรก็ตาม ความรว มมือจากท้งั หนว ยงานทเ่ี ก่ียวขอ งและประชาชน จะทําใหเพิ่มขดี ความสามารถ ในการปฏบิ ัติงานไดเปนอยางมาก ดังน้ันเพือ่ ประสิทธิภาพสูงสดุ ในการลดความสญู เสยี ทอ่ี าจเกดิ ข้ึนเมอื่ เกิดภยั ธรรมชาติ ประชาชนทัว่ ไปและผูปฏิบัติงานทเ่ี กี่ยวของควรปฏิบัตดิ งั น้ี 8
1. ติดตามขาวอากาศอยูเสมอและเม่อื ไดร บั คําเตือนและขอ ปฏิบตั ใิ นเรอื่ งพายหุ มุนเขตรอน ควรปฏบิ ัติตามทันที 2. หา มนําเรอื ออกไปในบรเิ วณทะเล ไมวา กรณีใด ๆ หากเกดิ พายหุ มนุ เขตรอนในบริเวณทอ่ี าจสง ผลกระทบตอ ประเทศไทย ในกรณีท่อี ยใู นทะเลใหเ ขาสูบ รเิ วณชายฝง ที่ใกลทส่ี ดุ ทนั ที ในกรณที ห่ี ลบเขาหาเกาะ ถาพายุมกี าํ ลังแรงมากก็ อาจจะไมป ลอดภยั แตถ ากลับเขา ฝง ไมท นั ควรรบั ฟง ขาวจากกรมอุตุนิยมวทิ ยา เพื่อใหรูต ําแหนง และทิศทางการเคลอ่ื นตัว ของพายุ เพ่อื จะไดแ ลน เรอื ไปในทิศท่ีปลอดภัย ในกรณีนคี้ วรมกี ารศึกษาวธิ ีการมาแลวลวงหนา 3. ออกใหพ น ชายฝงทันที ชายฝง ทะเลจะเปนบริเวณท่ีไดรับอันตรายจากคลื่นยกั ษซัดฝงและควรไปอยใู นที่สูงที่ ปลอดภยั จากนา้ํ ทว ม 4. ในบริเวณใดที่มคี าํ เตอื นใหอ พยพ ควรทาํ การอพยพไปสทู ่ปี ลอดภยั ทนั ที สถานที่ปลอดภัย ไดแก อาคาร สง่ิ กอสรา งท่ีแขง็ แรง สามารถตา นทานลมแรงและมตี ําแหนงอยใู นที่สงู ซงึ่ ปลอดภัยจากนํา้ ทว มซง่ึ อาจไดรับอนั ตรายจากดนิ ถลม หรอื อยใู กลชายฝง ทะเล 5. จดั เตรียมสิง่ ของจําเปนตา ง ๆ เชน อาหารแหง นา้ํ สะอาด ยาปฐมพยาบาลเบื้องตน ไฟฉายใชถ า น วทิ ยุแบตเตอร่ี ฯลฯ ไวในท่ีพัก เพ่ือใชกอ นความชวยเหลอื จากภายนอกจะมาถงึ เน่อื งจากพายุหมนุ เขตรอนจะกอความเสยี หายตอ สาธารณปู โภคชนิดตา ง ๆ เชน ไฟฟา ประปา ถนน ฯลฯ และน้าํ ทีทว มขงั อยูเปนเวลาหลายวนั กอ ใหเกดิ การระบาดของ โรคตดิ ตอ ทางเดนิ อาหาร ฯลฯ 6. หลบอยูในทพ่ี ัก จนกวา จะไดร ับแจงเหตุการณไดผ า นไปแลว เนือ่ งจากอาจเกิดความเขาใจผิดวาพายุหมุนเขต รอนไดผานไปแลว เพราะขณะพายุหมุนเขตรอนผา นมาจะปรากฏลักษณะอากาศเลวรา ย แตในขณะท่ีตาพายุหมนุ เขตรอ น ผานมา ทองฟา จะแจมใส อากาศดี ซึง่ จะเกิดขน้ึ เพียงช่ัวคราวในเวลาส้นั ๆ เมื่อดานหลงั ของพายมุ าถึงอากาศจะเลวรา ยลงอีก ลมมที ศิ ตรงขา มกับคร้งั แรกและมีความรนุ แรงมากกวาครั้งแรกดว ย การวางแผนและการจดั มาตรการปองกันเพื่อลดความสูญเสียเนื่องมาจากพายหุ มุนเขตรอน นอกจากความรว มมอื ของทุกฝา ยทงั้ ประชาชนท่วั ไปและผูปฏิบตั งิ านทีเ่ ก่ียวของ เพอื่ ลดความสูญเสียในขณะปรากฏ พายุหมุนเขตรอ นแลว ควรมกี ารวางแผนและจัดมาตรการปอ งกันตา งๆลว งหนา กอนที่ภยั ธรรมชาตชิ นดิ ตางๆจะเกิดขน้ึ โดยเฉพาะภัยธรรมชาติเนอ่ื งจากพายุหมนุ เขตรอนซึ่งสามารถเกดิ ขึน้ ไดเปนอยางมาก การวางแผน การจดั มาตรการปองกนั และลดความสญู เสยี เนอ่ื งจากพายุหมนุ เขตรอนควรปฏบิ ัติดังนี้ การเตรียมพรอ ม โดยนาํ วิธกี ารตา งๆมาดาํ เนินการเพอื่ เตรยี มพรอมกอ นที่จะเกดิ ภยั ธรรมชาตขิ น้ึ ดงั น้ี 1. จัดใหมีการฝก ซอมการปฏิบตั ิการแกผเู ก่ียวขอ งในขณะเกดิ ภัยธรรมชาตขิ ้ึน โดยมีผเู ก่ียวของทง้ั หมดเขารว ม ปฏบิ ตั กิ าร เชน การสง ขา วคาํ เตอื น การคมนาคมขนสง การอพยพผูค น วธิ กี ารดบั ไฟ เปน ตน 2. ใหความรูแกป ระชาชนในการระวงั ปองกันภยั ธรรมชาติ เชน โดยการจดั กจิ กรรมและมีนทิ รรศการในเขตชุมชนและ ตามโรงเรยี นตางๆ 3. จดั ใหม อี งคก รประกอบดวยอาสาสมัครท่ีไดรบั การฝก ฝนใหส ามารถปฏิบัติหนา ทอ่ี ยา งมปี ระสทิ ธิภาพในพืน้ ท่ีเกดิ เหตุ เชน การปองกนั น้ําทวม การพยาบาลคนเจ็บ การอพยพ เปน ตน 4. พัฒนาประสิทธภิ าพของอุปกรณและเครอ่ื งมือตา งๆ รวมท้งั วธิ กี ารปอ งกนั ภยั ใหไ ดผ ลดียง่ิ ขึน้ เชน เครื่องรบั ภาพ ดาวเทียม เครอ่ื งดบั เพลงิ พาหนะอพยพผูคนและสถานที่สง่ิ กอ สรา งทแ่ี ขง็ แรงเพ่ือหลบภยั เปน ตน 9
การปองกันและรักษาพ้ืนท่ี เพอ่ื ใหพ้ืนท่ที เ่ี ปนทอี่ ยูอาศัยและพื้นทต่ี ามธรรมชาตปิ ลอดภัยจากภัยพบิ ัติอันเนอื่ งมาจากพายุ หมุนเขตรอ น ควรมีแผนระยะยาวท่ไี ดกระทําอยางตอเน่อื ง เชน การรักษาสภาพของปาไม การปรับปรงุ สภาพแมน้ําไมใ หต ้ืน เขิน การสรางเข่อื นและทํานบกน้ั นํา้ จากทะเล การสรา งสิ่งกดี ขวางปอ งกันการไหลทะลักของโคลนตม เปนตน มาตรการเตอื นภยั และการฟน ฟูภายหลังประสบภัย เมอื่ ปรากฏพายหุ มนุ เขตรอ นในบริเวณที่อาจสง ผลกระทบตอพืน้ ท่ี ในประเทศไทย ควรใหก ารเตือนภยั ทันทีโดยเฉพาะในบรเิ วณทอ่ี าจสง ผลกระทบและจดั ต้งั มาตรการปอ งกันภัยทนั ที มาตรการตา งๆท่จี ะนํามาใชแ ละผรู บั ผดิ ชอบควรจะเปน ไปตามความรุนแรงของเหตกุ ารณ ในดา นการฟนฟภู ายหลังประสบ กบั ภยั แลว ควรดําเนินการ อยางเรง ดวน โดยเฉพาะดา นการสาธารณูปโภคและสง่ิ จาํ เปนอ่ืนๆ และควรมมี าตรการชวยเหลอื อนื่ ๆ เชน การกูยมื เงือ่ นไข พเิ ศษ การลดภาษีบคุ คลและทองถน่ิ การชดเชยเงินจากการประกนั การชวยเหลอื ดานการเกษตรและประมง ฯลฯ และควร ชวยเหลอื อยางตอ เนอื่ งดว ย ในการควบคุมนํา้ ทว ม ควรเปน แผนระยะยาวของมาตรการปอ งกันและรกั ษาพ้ืนที่ เชน การสรา งทาํ นบกน้ั นํา้ ใน แมน ้ํา สรางเข่ือนปองกันการกดั เซาะชายฝงและคล่นื ยักษ การรักษาสง่ิ แวดลอมชายฝง และปา ไม และการปรบั สภาพภูเขา เพือ่ กนั ดนิ ถลม เปน ตน แผน ดนิ ไหว แผน ดนิ ไหว หมายถงึ การสนั่ สะเทือนของพน้ื ดิน ซึง่ มีสาเหตุมาจากการเคลอื่ นที่อยางฉบั พลนั ของเปลอื กโลก เนอ่ื งจาก พลงั งานความรอ นภายในโลกทําใหเกดิ แรงเครยี ด แรงเครยี ดท่ีสะสมอยูในโลกทําใหเ กิดการแตกหักของหนิ เมอื่ หนิ แตก ออกเปนแนวจะเกิดเปน รอยเลอ่ื นและการเคลื่อนทีอ่ ยางฉับพลนั ของรอยเลอื่ นน้ี เปนสาเหตุหลักของการเกิดแผนดินไหว แผนดินไหวนอกจากจะเกดิ จากปรากฏการณธรรมชาตแิ ลว ยังเปนปรากฏการณทีเ่ กดิ จากมนุษยซ ึง่ ทําใหสภาพสมดุลของ เปลอื กโลกบางสวนเปลี่ยนไปและไปกระตนุ ใหเกดิ อาการดงั กลาว แตจ ะมีความรุนแรงนอยกวาที่เกดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติ แผนดนิ ไหวอาจเกดิ จากภเู ขาไฟระเบิด เหมอื งถลม หรอื การทดลองระเบิดนวิ เคลียรใ ตดนิ เปน ตน ขนาดของแผนดินไหว (Magnitude) คอื ปริมาณพลงั งานซึง่ ปลอยออกมาจากศนู ยก ลางแผนดนิ ไหว โดยวดั ความสูง ของคลนื่ แลว นาํ มาคาํ นวณ ในสูตรการหาขนาดซึ่งคดิ คนโดย “ริคเตอร” จงึ เรียกวา “มาตรารคิ เตอร” ความรุนแรงของแผนดนิ ไหว (Intensity) วดั โดยใชความรูส ึกจากการสนั่ สะเทือน การสาํ รวจความเสยี หายซ่งึ ง ปรากฏในแตล ะแหง โดยเทยี บจากมาตราวดั อนั ดบั ความสะเทอื น ซึ่งเรียกวา “มาตราเมอรเคลลี” ภยั ที่เกดิ จากแผน ดนิ ไหว ภัยทเี่ กดิ จากแผนดนิ ไหว สามารถแบงออกไดด งั น้ี 1. ภัยจากการสน่ั ไหวของพนื้ ดนิ กอใหเ กิดการปรับตัวของดนิ ท่ีตา งกัน การพงั ทลายของดินและโคลน และการท่ีดินมี สภาพกลายเปนของเหลว 2. ภยั จากการยกตวั ของพืน้ ดินในบริเวณรอยเลอื่ น 3. ภยั ทีเ่ กิดจากคลน่ื ใตนาํ้ ทีเ่ รยี กวา “Tsunami” คล่นื นเ้ี กดิ ข้ึนหลังจากเกดิ แผนดนิ ไหวขนาดใหญใ นทะเลและ มหาสมทุ ร ทําใหเ กดิ น้ําทว มบรเิ วณชายฝง 4. ภัยจากไฟไหมห ลังการเกิดแผน ดนิ ไหว 10
มาตรการปอ งกนั และบรรเทาภัยจากแผนดินไหว กอ นเกดิ แผนดนิ ไหว 1. ในฐานะหนว ยงานที่เก่ยี วของ - สนบั สนุนใหม ีการตรวจสภาพของอาคารสาธารณะ โรงเรยี น โรงพยาบาล หากไมแข็งแรงใหมกี ารเสริมความ แขง็ แรง - สนับสนุนใหมีการออกกฎหมายควบคุมการกอสรางอาคารใหสามารถตา นทานแรงแผนดินไหว - ซกั ซอมและเตรียมตัวรบั ภยั แผน ดินไหว เครอื ขา ยสถานตี รวจแผน ดนิ ไหวในประเทศไทย 2. ในฐานะเจา ของบา นหรอื หวั หนาครอบครัว - ตรวจสภาพความปลอดภยั ของบานและเครอื่ งใชภ ายในบาน ทําการยึดอปุ กรณท ีอ่ าจกอ ใหเกดิ อนั ตราย เชน ตูและ ชั้นหนงั สือ ยดึ ติดกับฝาบานหรือเสา - ซักซอมความพรอ มของสมาชกิ ในครอบครัว โดยกาํ หนดวิธปี ฏิบตั ิตนในยามเกิดแผนดนิ ไหว และกําหนดจุดนัดพบ ที่ปลอดภยั นอกบานไวล ว งหนา - สอนสมาชกิ ในครอบครัวใหรูจกั ตัดไฟ ปดวาลว นาํ้ และถงั แกส - แนะนําสมาชกิ ในครอบครัวใหเรียนรวู ธิ ีการปฐมพยาบาลเบื้องตน 11
ระหวางเกดิ แผน ดนิ ไหว กอนอ่ืนอยาตกใจและพยายามปลอบคนขา งเคียงใหอ ยใู นความสงบ และคิดถงึ วิธกี ารที่จะกูสถานการณและผลท่คี าดวา จะไดร ับ 1. ถาอยูในอาคารใหร ะวงั สงิ่ ของทอ่ี ยูส ูงตกใส เชน โคมไฟ ชิ้นสว นอาคาร เศษอิฐ เศษปูนที่แตกออกจากเพดาร ให ระวงั ตูหนังสอื ตูโ ชว ชน้ั วางของ และเฟอรนิเจอรอื่นๆ เลอื่ นชนหรอื ลม ทบั ใหอ อกหา งจากประตูหนาตา งและ กระจก ถาการสัน่ ไหวรุนแรงใหหลบอยใู ตโตะ ใตเตียงหรือมมุ หอง อยา วง่ิ ออกมานอกอาคาร 2. ถา อยใู นอาคารสูงใหหลบอยใู ตโตะ อยาใชล ิฟท 3. ถาอยูนอกอาคารใหออกหา งจากอาคารสงู กําแพง เสาไฟฟา และส่ิงกอ สรา งอนื่ ๆ ถา อยใู นรถใหหยดุ รถในทซ่ี ง่ึ ปลอดภัยทส่ี ดุ อทุ กภยั เปน ที่ทราบกันโดยท่ัวไปวา พายหุ มุนเขตรอ นมกั กอ ใหเกดิ อทุ กภยั ในบรเิ วณทีพ่ ายเุ คลือ่ นผา นและบรเิ วณใกลเคียง แตกม็ ไิ ดหมายความวาในพ้นื ทีท่ ่ไี มเคยมีพายุหมุนเขตรอ นเคลอ่ื นผา นจะไมม โี อกาสเกดิ อุทกภยั ฝนทตี่ กเนอื่ งจากหยอ ม ความกดอากาศต่ําในเขตรอนและลมมรสุมทางตอนใตข องทวีปเอเชยี และในพน้ื ทีอ่ น่ื ๆ ก็เปน เหตุใหเกิดอุทกภยั ไดด ุจ เดียวกนั นํา้ ท่เี กดิ จากการละลายของหิมะในบรเิ วณเทือกเขาอาจกอใหเกิดนํา้ ทวมในทล่ี ุม ท่ีอยูห างไกลออกไปได การเกิดนํ้า หลากจากภูเขาเน่อื งจากมีฝนตกหนักในบริเวณตน น้าํ ทําใหเกิดนา้ํ ทว มฉบั พลัน จากอดตี ท่ผี า นมา ภยั พิบัตทิ เี่ กี่ยวของกบั สภาพอากาศคร้ังทเ่ี ลวรา ยที่สุดน้ัน เกิดข้ึนจากการไหลบา ของนํา้ ในแมน้ําเนอื่ งจากน้ําลน ตล่งิ การเกดิ นํา้ บา ขากแมนํ้าแยงซี ในประเทศจนี ไดก อใหเ กดิ อทุ กภัยหลายครง้ั แตล ะครงั้ ไดคราชีวิตผูคนนับลา นในชว งเวลา 15 ป (ระหวา ง พ.ศ.2394-2409) มีผูเสยี ชีวิตเน่ืองจากจมน้ําในชว งท่ีเกดิ อทุ กภัยทั้งสน้ิ ประมาณ 40 ถงึ 50 ลานคน กระทง่ั ปจจบุ ันมเี พียงไมก ป่ี ระเทศในโลกท่ี สามทส่ี ามารถปอ งกันภยั จากน้าํ บาจากแมน ํ้าไดอ ยางแทจ ริง และโดยเฉลีย่ ในแตละป ยงั คงมีผูเสียชีวติ เน่ืองจากเหตุดังกลา ว เปนจาํ นวนนับพันคน ความเสียหายท่ีเกดิ จากอทุ กภยั ที่ อ.แมร ะมาด จ.ตาก พ.ศ.2547 12
ในพ้นื ทชี่ ายฝง ทะเลบางแหง สภาพอากาศทเ่ี กิดรว มกบั คลนื่ พายุซดั ฝงกท็ าํ ใหเกดิ อทุ กภยั เปน บริเวณกวา งไดเชน กนั คลน่ื พายุซดั ฝง นีส้ ามารถเกิดข้นึ ไดในระบบอากาศท่มี ีความกดอากาศตาํ่ มากๆ เคลื่อนเขา สูฝง ปญ หาของน้าํ ทวมบรเิ วณลมุ แมนา้ํ และชายฝง ในหลายประเทศนับวนั แตจะเลวรา ยลง ทง้ั นีเ้ น่อื งจากการพฒั นาพื้นที่บรเิ วณสองฝงแมนํา้ และชายฝง ทะเล รวมทั้งพื้นที่ทอี่ ยูตํ่ากวาระดบั นํ้าทะเลเพอ่ื ใชเ ปนที่อยอู าศัยหรอื เพอื่ กิจกรรมตางๆของมนษุ ยไ ดเ พ่มิ ขึน้ มากมาย ประกอบกับ บริเวณดงั กลา วเปน ทีส่ นใจของมนุษย โดยอาจเปน บรเิ วณท่ีมดี ินอุดมสมบรู ณเ หมาะแกการเพาะปลูกหรอื นํา้ บริเวณชายฝง ท่ี เปนแหลง ปลาชมุ หรอื ชายฝงทม่ี สี ภาพท่ีเหมาะแกการพกั ผอนหยอ นใจ นอกจากนีค้ วามกดดนั ทเ่ี กดิ จากการเพิม่ ขึ้นของ ประชากรทําใหการตอตา นการปลกู สรางที่อยอู าศัยและโรงงานอุตสาหกรรม ในพ้ืนท่ีท่ีเส่ียงตออันตรายจากอํานาจการ ทาํ ลายของอุทกภัยไมประสบผล อทุ กภยั ที่ อ.วังชิ้น จ.แพร เดอื นพฤษภาคม พ.ศ.2544 (เอ้ือเฟอภาพโดยหนงั สือพิมพ เดอะเนชัน่ ) การออกประกาศคาํ เตือนลวงหนา สาํ หรบั อุทกภยั ทจ่ี ะมาถึงนานเพยี งไร ขึ้นอยูกบั จํานวนชว่ั โมงหรือจาํ นวนวันทนี่ ัก อุตุนิยมวทิ ยาจะสามารถพยากรณฝ นลว งหนาไดถ กู ตอง และเวลาทีค่ ลนื่ อทุ กภัยจะเคลอ่ื นจากตน นํ้าไปสบู ริเวณท่จี ะพยากรณ สาํ หรบั แมน้ําสายหลกั ๆ ภายใตสภาพทางอตุ ุนิยมวทิ ยาทีเ่ อื้ออํานวยเราอาจพยากรณอทุ กภยั ใหมคี วามถกู ตอ งลว งหนาได 2 ถงึ 3 วนั แตสาํ หรับแมน า้ํ สายสน้ั ๆทมี่ พี ื้นทรี่ ับนํ้าขนาดเล็กกวา ฝนตกหนักท่ีเกดิ ขึ้นเพยี งไมก่ชี วั่ โมงหรอื ไมก ่ีนาทีกอ็ าจ กอใหเกิดนาํ้ ทว มฉับพลนั ได โดยท่วั ไปอทุ กภยั ที่เกดิ จากนํ้าทวม แบง ไดเ ปน 2 ลักษณะใหญๆ คือ 1. นํา้ ทว มขัง เกดิ ขน้ึ เนอ่ื งจากระบบระบายน้ําไมมปี ระสทิ ธิภาพ หรอื ระบายนาํ้ ไมท นั มักเกิดขึ้นในบริเวณทีร่ าบลมุ แมน้าํ และบรเิ วณชุมชนเมืองใหญ 2. น้ําทว มฉับพลันและนา้ํ ปา เปน สภาวะนํา้ ทวมทเี่ กิดขึ้นเนือ่ งจากฝนตกหนกั ในบรเิ วณพนื้ ทีซ่ ง่ึ มีความชนั มากและ มคี ณุ สมบัติในการกักเกบ็ น้ําหรือตา นน้าํ นอย เชน บริเวณตนน้าํ ซ่งึ มคี วามชนั ของพน้ื ทมี่ าก พืน้ ทป่ี า ทถ่ี ูกทําลายไปทําใหการ กกั น้าํ หรอื การตานนํา้ ลดนอ ยลง นํา้ ทวมฉับพลนั มักเกิดขึ้นหลงั จากฝนตกหนักไมเ กิน 6 ชั่วโมงและมักเกดิ ข้ึนในบริเวณท่ี ราบระหวางหบุ เขา เน่อื งจากนํ้าทว มฉับพลนั มคี วามรนุ แรงและเคลื่อนท่ดี วยความรวดเร็ว โอกาสท่ีจะปองกนั และหลบหนีจึง มีนอ ย ดังนนั้ ความเสยี หายจากนํ้าทว มฉบั พลนั จงึ มมี ากทัง้ ชีวติ และทรัพยส นิ 13
นา้ํ ทว มขัง อ.หาดใหญ จ.สงขลา พ.ศ.2543 น้ําทวมฉับพลนั อ.หลม สกั จ.เพชรบูรณ พ.ศ.2544 (ภาพ : หนังสือพิมพกรงุ เทพธรุ กิจ) (ภาพ : หนงั สอื พิมพก รงุ เทพธุรกจิ ) พายฟุ า คะนอง หรือพายุฤดรู อ น พายุฟาคะนองทเ่ี กิดขึน้ ในฤดูรอนหรือเรยี กวา พายฤุ ดูรอ นจะเกิดขึ้นในชว งเดอื นเมษายนหรือในชวงกอ นเริ่มตน ฤดูฝน ขณะทีอ่ ณุ หภูมิในภาคตา งๆเริ่มสงู ขึน้ เนอ่ื งจากแกนของโลกเรมิ่ เอยี งเขาหาดวงอาทิตย และดวงอาทติ ยจะเคล่ือนมาอยูท่ี บรเิ วณเสนศูนยสูตร ทาํ ใหอากาศรอนอบอา วและชืน้ ในภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื และตอนบนของภาคกลาง อากาศท่อี ยใู กลผ ิวพื้นจะมีอุณหภูมิสงู ประกอบกบั ลมทพ่ี ัดเขาสปู ระเทศไทยเปน ลมใตและลมตะวนั ออกเฉียงใตท่พี ัดมาจาก อาวไทยและทะเลจนี ใต ในระยะน้ีถามลี มเหนอื (อากาศเย็น) พดั ลงมาจากประเทศจนี คราวใดจะทาํ ใหอ ากาศสองกระแส กระทบกัน ทําใหการหมนุ เวยี นของอากาศแปรปรวนขึ้นอยา งรวดเร็วและฉบั พลัน เปน เหตุใหเ กดิ พายฝุ นฟา คะนองอยางแรง และรวดเรว็ มฟี า แลบ (Lightning) ฟารอ ง (Thunder) และฟา ผา รวมอยดู วย นอกจากนี้มกั จะมลี มกระโชกแรงและฝนตกหนัก เกดิ ข้ึน บางคร้ังยงั มลี กู เห็บตกลงมาดวย พายุฟา คะนองน้ีเปนพายทุ ่ีเกดิ ขน้ึ ในชวงเวลาอันส้ันมีนอ ยครง้ั ทเี่ กดิ ขน้ึ นานกวา 2 ชวั่ โมง โดยท่วั ไป พายุฤดูรอ นน้มี ักเกดิ ขึน้ ในภาคเหนอื และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากการแผลม่ิ ของความกดอากาศ สงู จากประเทศจนี ลงมาบริเวณภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ดงั นนั้ ในขณะท่ีประเทศไทยตอนบนมีอากาศรอ นและ ช้ืน มีการยกตัวของมวลอากาศอยูบางแลว แตเ มื่อมอี ากาศเยน็ จากบริเวณความกดอากาศสงู ซ่ึงมลี ักษณะจมตวั ลงและมี อุณหภมู ติ าํ่ กวา ทาํ ใหมวลอากาศรอนยกตวั ขนึ้ อยางรวดเรว็ และเมฆควิ มูโลนิมบสั (Cumulonimbus) ท่กี อตัวขึน้ ก็จะเจริญข้ึน เรือ่ ยๆ จนกระท่ังอุณหภมู ยิ อดเมฆต่ํากวา -60 ถงึ 80 องศาเซลเซยี ส จึงทาํ ใหเกดิ ลูกเห็บตกได ลกั ษณะอากาศรา ยทีเ่ กดิ จากพายฝุ นฟา คะนอง พายุฝนฟาคะนองรนุ แรง เปน ตน กําเนดิ ของลกั ษณะอากาศเลวรายเกอื บทุกชนิด อากาศรายเหลาน้สี ามารถกอความ เสยี หายท้ังตอชีวติ และทรพั ยส ินไดเปน จาํ นวนมาก แมจะเกิดในบริเวณไมก วางนกั และสามารถจาํ แนกไดเปน ชนิดสําคญั ๆ คือ 1. พายทุ อรน าโด (TORNADO) เปนอากาศรายรุนแรงทส่ี ดุ ซึ่งเกดิ จากพายฝุ นฟา คะนอง มีลักษณะเปนลาํ เหมือน งวงชางยน่ื ออกมาจากฐานเมฆ เม่ือพายุฟาคะนองดูดเอาอากาศจากภายนอกเขา ไปทฐ่ี านเซลลด ว ยพลงั มหาศาล และถา มีการ หมุนวนจะหมนุ และบิดเปน เกลยี ว มีเสนผาศนู ยก ลางของลาํ พายเุ ล็กมากคอื ประมาณพนั ฟตุ มักเหน็ เปนเมฆลักษณะเปน ลํา พุง ข้นึ สบู รรยากาศ หรอื ยอยลงมาจากฐานเมฆคิวมูโลนมิ บัส ดคู ลา ยกับมีงวงหรือทอ หรอื ปลองย่นื ออกมา ถาเมฆท่ยี ื่นมาไม 14
ถึงพืน้ เรยี กวา “FUNNEL CLOUD” ถาลงมาถึงพ้นื ดนิ เรยี กวา ทอรนาโด แสดงลักษณะดังกลา วและถาเกดิ ขนึ้ เหนือพืน้ นํ้า เรียกวา สเปาทน ํ้า (WATER SPOUT) ในประเทศไทย จะเรียกสเปาทนาํ้ น้ีวาลมงวงชา งหรือนาคเลน นํ้า ซ่ึงมคี วามรุนแรงนอย กวา พายุทอรนาโดมาก ลมงวงชางหรอื นาคเลน นํ้า ทอรนาโด 2. อากาศปนปว น อากาศปน ปวนและลมกระโชกแรง กอ ใหเ กิดความเสียหายตอ ส่ิงตา ง ๆ บนพื้นดนิ อากาศปน ปวน เกิดขน้ึ ทงั้ ภายในพายฝุ นฟาคะนองและภายนอกตัวเซลล ภายในตวั เซลลพ ายอุ ากาศปนปว นรุนแรงเกิดจากกระแสอากาศ เคลื่อนที่ข้ึนและกระแสอากาศเคลือ่ นที่ลงสวนกัน ภายนอกเซลลพายฝุ นฟา คะนอง อากาศปน ปวนทเี่ กิดข้ึนบางคร้งั สามารถ พบหางออกไปไกลกวา 30 กิโลเมตรจากตวั เซลลพ ายุฝนฟาคะนอง อากาศปนปว นรุนแรงสามารถพดั ทําลายสิง่ ตา งๆบน พ้ืนดินได โดยเฉพาะส่งิ กอสรา งท่ีไมแขง็ แรง 3. ลกู เห็บ ลกู เหบ็ มักเกิดขนึ้ พรอ มกบั อากาศปน ปว นรนุ แรง กระแสอากาศเคลอ่ื นที่ขึ้น ทําใหห ยดน้ําถูกพดั พาไปสู ระดบั สูงมาก และเมื่อหยดนํ้าเริ่มแขง็ ตัวเปน กลายเปน นํ้าแข็ง จะมหี ยดนาํ้ อื่น ๆ รวมเขา มารวมดว ย ดงั นนั้ ขนาดของกอน นาํ้ แข็งจะโตขึ้นเรือ่ ยๆ และในท่ีสุดก็ตกลงมาเปน ลกู เหบ็ ลูกเห็บขนาดใหญมักจะเกิดขึ้นจากพายฝุ นฟาคะนองรนุ แรงและมี เมฆยอดสงู มาก บางครง้ั สามารถพบลกู เหบ็ ไดทรี่ ะยะไกลออกไปหลายกโิ ลเมตรจากตน กาํ เนดิ และสามารถทาํ ความเสยี หาย ตอ พ้ืนทที่ ป่ี รากฏลกู เห็บนนั้ ลกู เหบ็ 15
ในขณะทล่ี กู เห็บตกผานบริเวณทสี่ ูงที่มีอณุ หภูมสิ งู กวา ลูกเห็บจะหลอมละลายกลายเปนหยาดนํ้าฟา ทําใหทีผ่ ิวพนื้ สามารถตรวจพบฝนและลูกเหบ็ เกดิ ข้ึนปะปนกนั หรอื อาจตรวจพบฝนเพยี งอยา งเดียว ดังน้ันควรตงั้ ขอสังเกตของการเกิด ลูกเห็บแมจ ะตรวจไมพ บทผี่ ิวพืน้ โดยเฉพาะใต ANVIL ของพายฟุ าคะนองขนาดใหญ 4. ฟาแลบและฟาผา ฟา แลบและฟา ผาเปน ภัยธรรมชาติที่ คราชีวติ มนษุ ยม ากที่สุด ฟาแลบฟา ผา เกิดจากประกายไฟฟา ของ การปลอ ยประจอุ เิ ล็กตรอน เม่ือเกิดความตา งศกั ยไฟฟา ระหวาง ตาํ แหนงสองตาํ แหนงท่ีระดับคาหนึง่ ความตา งศักย ทําใหเกดิ แรงดนั และการไหลของประจไุ ฟฟา คา ความตางศักยไ ฟฟา ระหวา งสองตําแหนง เปน ไปตามสภาวะอากาศทเ่ี ปน สื่อนาํ และ ระยะหางของตําแหนงทัง้ สองนน้ั เชน ความตางศักยไฟฟา ระหวาง เมฆกบั พืน้ ดิน ระหวา งเมฆสองกลมุ หรอื สว นหนง่ึ สวนใดภายใน เมฆกลมุ เดียวกนั ดงั น้ัน จึงมกั ปรากฏวา ฟา ผาวัตถทุ ี่อยูในท่สี ูงใน โลหะหรอื ในน้าํ ซง่ึ เปน สอื่ ไฟฟา 5. ฝนตกหนัก พายฝุ นฟาคะนองสามารถกอ ใหเกิดฝนตกหนกั และนํ้าทว มฉับพลนั ไดในพ้ืนที่ซ่ึงเปนท่รี าบลุม หรอื ที่ ต่ําและพ้ืนท่ีตามบริเวณเชิงเขา โดยเฉพาะพายุฝนฟา คะนองชนดิ STEADY STATE ซ่ึงสามารถคงอยไู ดน านหลายชว่ั โมง ปริมาณฝนจาํ นวนมากกอใหเ กดิ นํา้ ทวมเฉพาะพนื้ ที่ เนอื่ งจากพายฟุ าคะนองเกิดครอบคลุมพ้นื ท่บี รเิ วณแคบ จากลกั ษณะอากาศรา ยที่กลา วมาแลว ของพายฝุ นฟา คะนอง สามารถสรุปลักษณะผลกระทบทจ่ี ะมตี อสงิ่ มชี วี ิตบน พ้ืนดนิ ได ดังน้ี - ลมกระโชกแรง ลมแรง ฯลฯ ทาํ ความเสยี หายตอ สง่ิ กอ สรา ง ตนไม อาคาร บา นเรือน - ฝน กอใหเ กดิ นาํ้ ทวม และน้ําทวมฉับพลันในท่ีราบ ลมุ ทีต่ ่ําและเชิงเขา - ลูกเหบ็ ทาํ ความเสียหายตอสิง่ กอ สราง สัตวเ ลยี้ ง สวน ไร พืชผลและอน่ื ๆ - ฟา ผา ทําลายชีวิตมนุษยแ ละสัตวเ ลี้ยง สงิ่ กอ สราง และอ่นื ๆ - ดังนนั้ การหลบเลยี่ งอนั ตรายจากพายุฝนฟา คะนอง จงึ ควรหลบเลี่ยงจากสาเหตุดงั กลา วแลว และไปอยใู น บริเวณท่ีปลอดภัย กลาวคือ - ในขณะปรากฏพายฝุ นฟาคะนอง หากอยใู กลอาคาร หรือบา นเรอื นที่แข็งแรงและปลอดภัยจากนา้ํ ทวม ควรอยแู ตภายในอาคารจนกวา พายุฝนฟาคะนองจะยตุ ลิ งซึ่งใช เวลาไมนานนกั 16
- การอยูในรถยนตจะเปน วธิ กี ารที่ปลอดภยั วธิ ีหน่งึ แตควรจอดรถใหอ ยหู างไกลจากบริเวณทีน่ าํ้ อาจทวมได - อยหู า งจากบริเวณท่เี ปนน้ํา ข้ึนจากเรอื ออกหางจากชายหาดเมอื่ ปรากฏพายฝุ นฟาคะนอง เพือ่ หลกี เลยี่ งอนั ตรายจาก น้ําทว มและฟาผา - ในกรณีทีอ่ ยใู นปา ในทงุ ราบ หรอื ในท่ีโลง ควรคกุ เขา และโนมตวั ไปขางหนาแตไมค วรนอนราบกับพ้นื เนือ่ งจาก พน้ื เปย กเปนส่ือไฟฟา และไมควรอยใู นทีต่ ํา่ ซง่ึ อาจเกิดนา้ํ ทว มฉับพลันได ไมค วรอยูใ นที่โดดเด่ยี วหรืออยสู ูงกวา สภาพส่งิ แวดลอ ม - ออกใหห างจากวตั ถทุ ี่เปนสื่อไฟฟา ทุกชนดิ เชน ลวด โลหะ ทอ นํ้า แนวรวั้ บา น รถแทรกเตอร จกั รยานยนต เครื่องมืออปุ กรณท าํ สวนทุกชนดิ รางรถไฟ ตน ไมสงู ตนไมโดดเด่ียวในท่แี จง - ไมควรใชอปุ กรณไ ฟฟา เชน โทรทัศน ฯลฯ และควรงดใชโทรศัพทช่ัวคราวนอกจากกรณีฉุกเฉนิ - ไมค วรใสเ ครื่องประดบั โลหะ เชน ทองเหลอื ง ทองแดง ฯลฯ ในที่แจงหรือถอื วัตถโุ ลหะ เชน รม ฯลฯ ในขณะ ปรากฏพายฝุ นฟา คะนอง นอกจากนี้ ควรดูแลสิ่งของตาง ๆ ใหอ ยูใ นสภาพทแ่ี ขง็ แรงและปลอดภัยอยเู สมอโดยเฉพาะสิ่งของทอี่ าจจะหกั โคน ได เชน หลังคา บาน ตน ไม ปา ยโฆษณา เสาไฟฟา เปนตน แผนดนิ ถลม แผน ดนิ ถลม มกั เกดิ ขน้ึ ทบี่ ริเวณภูเขา โดยเฉพาะภูเขาหินแกรนิตที่มคี วามลาดชนั สงู จนขาดความสมดลุ ในตัวเอง และบรเิ วณไหลเ ขาทข่ี าดพืชพันธไุ มนอยใหญปกคลมุ เชน ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และบางแหง ในภาคใต ซึ่ง ปจ จบุ นั มีแนวโนมวา จะขยายพนื้ ทีอ่ อกไปเร่อื ยๆ เนอ่ื งจากปา ไมบ รเิ วณตนน้ําถูกทําลายไปมาก ทาํ ใหไมม ีตนไมช ว ยดดู ซบั น้าํ เม่อื มีฝนตกในบริเวณดงั กลาวจนดนิ เกิดการอม่ิ ตัวและไมส ามารถอุมน้ําไวไดอ กี ตอ ไป จงึ ทาํ ใหเ กดิ ความเสียหายทงั้ ชีวติ และ ทรัพยส ิน แผนดินถลม ที่กอใหเกดิ ความเสียหายสวนใหญมักเกดิ ภายหลังจากท่ีฝนตกหนักมากบรเิ วณภเู ขาซึ่งเปนตนน้ําลาํ ธาร บริเวณตอนบนของประเทศ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ มีโอกาสเกิดแผนดินถลม เน่อื งมาจากพายุ หมนุ เขตรอ นเคล่อื นผานในระหวางเดอื นกรกฎาคมถงึ สิงหาคม ในขณะที่ภาคใตจะเกิดในชว งฤดมู รสมุ ตะวันออกเฉยี งเหนอื คอื ชวงเดอื นพฤศจกิ ายนถงึ ธนั วาคม ความรุนแรงของแผน ดนิ ถลมเกิดจากหลายองคป ระกอบ เชน ปริมาณฝนทีต่ กบนภเู ขา และลกั ษณะทางธรณีวิทยาของภูเขานนั้ ๆ ความรุนแรงจะมมี ากถาหากทกุ องคประกอบที่กลาวมาแลว เกดิ ขึน้ พรอ มๆกนั เชน มีปริมาณฝนตกหนักมากบนภูเขาหนิ แกรนติ ท่ีมีความลาดชันสงู และขาดพันธไุ มปกคลุม โอกาสที่จะเกดิ แผนดนิ ถลม จะสูง มาก ในทางตรงขามความรนุ แรงจะลดนอยลงถา มีเพียงองคประกอบใดองคป ระกอบหนึง่ เทานน้ั ผลกระทบจากแผนดินถลม มีดงั น้ี 1. บานเรอื นพงั ทลายจากการทับถมของเศษดิน หนิ ทราย ที่ไหลมากับน้าํ 17
2. ผคู นและสตั วเล้ียงไดร บั บาดเจบ็ และเสียชีวิตจาํ นวนมาก 3. พชื ผลทางการเกษตรเสียหาย 4. เสน ทางคมนาคมตา งๆถกู ทาํ ลายเสยี หาย 5. เสนทางเดินของนาํ้ ถูกทบั ถมและเปล่ยี นไป คลืน่ พายุซัดฝง เปน ลักษณะของคลืน่ ขนาดใหญท ี่เกดิ ในทะเลและ ความเสียหายจากพายโุ ซนรอน “แฮเรียต” เม่ือป พ.ศ. 2505 มหาสมุทรขณะที่พายุกาํ ลังเคลื่อนขนึ้ ฝง ความสูงของคลนื่ จะขนึ้ อยู กับความแรงของพายุ คลนื่ พายซุ ดั ฝง นีม้ กี าํ ลงั ในการทาํ ลายลางสงู มาก ดังเชนที่เคยเกดิ ทแ่ี หลมตะลมุ พุก จังหวดั นครศรีธรรมราช เมื่อ ป พ.ศ.2505 ขณะทพ่ี ายุโซนรอน “แฮเรียต” เคลือ่ นขน้ึ ฝง และอกี เหตกุ ารณหน่ึงคือทอ่ี าํ เภอทา แซะและอาํ เภอปะทิว จงั หวดั ชมุ พร เมอื่ ครัง้ พายไุ ตฝ ุน “เกย” เคล่ือนขึ้นฝงเมอื่ ป พ.ศ.2532 คล่นื พายซุ ัดฝง นีเ้ กดิ ในขณะที่พายเุ คลื่อนขึ้นฝง โดยทาํ ใหเ กิดคล่ืนขนาดใหญโ ถมเขา ใสบรเิ วณทพ่ี กั อาศยั อยูบ ริเวณ ชายฝง ทะเลเปนจาํ นวนมาก ประเทศไทยมีบริเวณทีไ่ ดรบั ผลกระทบจากคลน่ื พายุซดั ฝงโดยตรง คอื บริเวณภาคใตโ ดยเฉพาะ ฝง ตะวนั ออก ขณะทีพ่ ายุเคลือ่ นตัวจากอา วไทยขึน้ สฝู งในชว งเดือนพฤศจิกายนถงึ ธันวาคม ความรุนแรงของคล่ืนพายซุ ดั ฝง จะมากนอ ยขน้ึ อยูกับความแรงของพายขุ ณะเคลอ่ื นตวั ขน้ึ ฝง พายุที่มคี วามแรงมาก จะกอ ใหเ กิดความเสียหายมาก พายทุ ่มี ีความแรงต้งั แต 63 กโิ ลเมตรตอ ชวั่ โมง ประกอบกบั ความกดอากาศท่ีศนู ยกลางพายุ จะตอ งตํ่ากวา บริเวณรอบๆประมาณ 100 มลิ ลบิ าร จึงจะสามารถกอ ใหเกดิ คลนื่ พายุซัดฝง ได ผลกระทบท่ีเกดิ จากคล่นื พายซุ ดั ฝงคอื ทาํ ใหเ กิดคลืน่ สงู โถมขึ้นฝงกวาดทาํ ลายทรพั ยส นิ ตางๆ ทาํ ใหเกดิ ความเสยี หายทัง้ แกชีวติ และทรัพยสินที่อยูบรเิ วณริม ฝง ทะเลเปน จํานวนมาก ผลกระทบจากคลน่ื พายซุ ดั ฝง มีดังน้ี 1. ส่ิงกอสรา งริมฝง ทะเลเสยี หาย พังทลาย 2. ผูคนและสตั วเลี้ยงถูกพัดพาลงทะเล 3. เรอื ประมงขนาดใหญอ าจลม ได 4. เรือประมงขนาดเลก็ ลมจมลงสนิ้ ไฟปา ในที่นีจ้ ะกลา วถงึ เฉพาะไฟปาทเ่ี กิดข้นึ เองตามธรรมชาติ ซง่ึ มักเกดิ ข้ึนบรเิ วณทางตอนบนของประเทศ เชน ภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื โดยจะเกดิ ในชว งระหวา งปลายเดือนกมุ ภาพนั ธถ งึ ตน เดือนพฤษภาคม สาํ หรบั 18
ภาคใตม ักไดรบั ผลกระทบจากไฟปาท่ีเกดิ ข้ึนบริเวณเกาะสุมาตราของประเทศอนิ โดนเี ซีย สาเหตขุ องการเกิดไฟปา จะข้ึนกับ สภาพอากาศและสสารท่ีเปนเช้ือเพลงิ โดยรอบพนื้ ทน่ี ัน้ ๆเปนสาํ คญั อันตรายของไฟปา สง ผลกระทบตอ มนษุ ยแ ละส่ิงแวดลอ มอยางไร ผลกระทบของไฟปา กระทบตอมนุษยแ ละส่ิงแวดลอมอยา งกวางขวาง คือ - ทําใหเ กดิ ทัศนวสิ ัยไมดีตอการดาํ รงชวี ติ เปนอุปสรรคตอ การคมนาคมทําใหเ กดิ อุบัตเิ หตุไดงา ย ทําใหเ กดิ โรค ทางเดนิ หายใจสงผลเสียตอสขุ ภาพและจติ ใจ - ตน ไมนอกจากไดร บั อันตรายหรือถกู ทาํ ลายโดยตรงแลว ยงั มผี ลกระทบทางออ ม คือ ทาํ ใหเกิดโรคและแมลงบาง ชนิดมคี วามรุนแรงย่ิงขน้ึ - พืชบางชนิดจะหายไป มีชนิดอื่นมาทดแทน เชน บริเวณทเ่ี กิดไฟไหมซํา้ หลายๆครงั้ หญา คายงิ่ ขนึ้ หนาแนน - โครงสรา งของปาเปลี่ยนแปลงไป เชน ไฟปาจะเปน ตัวจดั ชนั้ อายขุ องลกู ไมใหกระจัดกระจายกนั อยา งมรี ะเบยี บ - สัตวปา ลดลง มีการอพยพของสตั วป า รวมท้ังทาํ ลายแหลง อาหารที่อยอู าศัย ที่หลบภัยและแหลงนา้ํ - คณุ สมบัตขิ องดนิ เปล่ียนแปลงทางดา นฟสกิ ส เคมแี ละชีววิทยา เชน ดนิ มอี ุณหภูมสิ งู ขนึ้ ความช้นื ลดลง อนิ ทรยี วัตถุ และจลุ นิ ทรยี ใ นดนิ เปล่ยี นแปลง ความสามารถในการดดู ซมึ นาํ้ ของดินลดลง - แหลงนํา้ ถูกทําลาย คุณภาพของน้ําเปลี่ยนแปลงเน่อื งจากเถาถาน - ภูมอิ ากาศทองถิ่นเปล่ยี นแปลง เชน อุณหภมู สิ ูงสุด-ตํ่าสุด การหมนุ เวยี นของอากาศ เปนตน รวมทัง้ องคประกอบ ของอากาศเปลยี่ นไป เชน กาซคารบอนมอนอกไซด ไฮโดรคารบ อน เขมาและควันไฟเพมิ่ ข้ึน สง ผลเสยี ตอ รางกาย มนษุ ย ฝนแลง ฝนแลง หมายถึง ความแหงแลง ของลมฟาอากาศอันเกดิ จากการทีฝ่ นนอยกวา ปกติ ไมเพยี งพอตอ ความตอ งการหรือ ฝนไมต กตอ งตามฤดกู าล ทําใหเ กดิ การขาดแคลนนํา้ ใช และพืชตา งๆขาดนํ้าหลอเลีย้ ง ขาดความชุมชื้น ทําใหพืชผลไม สมบรู ณและไมเจริญเติบโตไมใหผ ลตามปกติ เกดิ ความเสยี หายและเกิดความอดอยากขาดแคลนทวั่ ไป ความรุนแรงของฝน แลง ขน้ึ อยกู ับความช้นื ในอากาศ ความชน้ื ในดิน ระยะเวลาที่เกิดความแหงแลง และความกวา งใหญข องพ้นื ที่ที่มีความแหง แลง ฝนแลง ท่ีกอ ใหเ กิดความเสียหายอยา งมากไดแ กฝนแลงทเี่ กดิ ในชว งฤดฝู น โดยเฉพาะอยา งยงิ่ ชว งฝนท้งิ ชวงทย่ี าวนาน ระหวา งเดือนมถิ นุ ายนตอ เนอ่ื งเดอื นกรกฎาคม ทําใหพืชไรต าง ๆ ท่ีทําการเพาะปลกู ไปแลว ขาดน้ําและไดร บั ความเสยี หาย พื้นทที่ ่ีไดรบั ผลกระทบจากฝนแลง ไดแกบริเวณภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ตอนกลาง เพราะเปนบรเิ วณที่อทิ ธิพลของลมมรสุม ตะวนั ออกเฉยี งใตเ ขาไปไมถงึ และถา ปใ ดไมมีพายุเคลื่อนทผี่ านในแนวดงั กลาวแลวจะกอใหเ กิดฝนแลงทมี่ คี วามรุนแรงมาก 19
สรปุ ภยั ธรรมชาตทิ เี่ กิดในภาคตางๆของประเทศไทย เดอื น/ภาค เหนอื ตะวนั ออก กลาง ตะวนั ออก ใต มกราคม เฉยี งเหนอื ฝงตะวนั ออก ฝงตะวนั ตก กมุ ภาพนั ธ ไฟปา ไฟปา ฝนแลง อุทกภยั มนี าคม ฝนแลง ฝนแลง เมษายน พายฤุ ดรู อ น พายฤุ ดรู อน พายฤุ ดรู อน ฝนแลง พฤษภาคม ไฟปา ไฟปา ฝนแลง มถิ นุ ายน ฝนแลง ฝนแลง ฝนแลง ฝนแลง ฝนแลง กรกฎาคม พายุฤดรู อ น พายฤุ ดรู อน พายุฤดรู อ น ไฟปา ไฟปา ฝนแลง ฝนแลง ฝนแลง สงิ หาคม ฝนแลง ฝนแลง กนั ยายน อุทกภัย อทุ กภยั อุทกภัย อุทกภยั พายุหมนุ เขต อทุ กภัย รอน ฝนแลง ตลุ าคม พายฤุ ดรู อ น พายฤุ ดรู อ น พายุฤดรู อ น อุทกภัย อุทกภัย อทุ กภยั ฝนทงิ้ ชวง อุทกภัย อทุ กภยั อุทกภัย อทุ กภัย อทุ กภัย ฝนทงิ้ ชวง ฝนทง้ิ ชว ง ฝนทง้ิ ชว ง ฝนทง้ิ ชว ง พายหุ มุนเขตรอน พายุหมุนเขต พายหุ มุนเขตรอน อทุ กภัย อุทกภยั รอ น อทุ กภยั อทุ กภัย พายฝุ นฟาคะนอง พายฝุ นฟาคะนอง พายฝุ นฟา ฝนทง้ิ ชว ง คะนอง ฝนทงิ้ ชวง ฝนทง้ิ ชว ง พายหุ มนุ เขตรอ น พายุหมนุ เขต พายหุ มุนเขตรอน พายหุ มุนเขต อุทกภยั อทุ กภัย รอน รอน อทุ กภัย พายุหมนุ เขต อทุ กภัย อทุ กภัย อุทกภยั อทุ กภัย รอน อทุ กภัย พายฝุ นฟา คะนอง พายฝุ นฟา พายฝุ นฟา คะนอง พายฝุ นฟา คล่นื พายซุ ดั คะนอง คะนอง ฝง แผนดนิ ถลม พายหุ มุนเขตรอ น พายหุ มนุ เขต พายุหมุนเขตรอ น พายหุ มุนเขต รอน รอ น อทุ กภยั อทุ กภยั อทุ กภยั อุทกภัย พายุฝนฟาคะนอง พายุฝนฟา พายุฝนฟาคะนอง พายุฝนฟา คะนอง คะนอง พายุหมนุ เขต พายหุ มนุ เขตรอน รอน อุทกภยั อุทกภัย พายฝุ นฟาคะนอง พายฝุ นฟา คะนอง 20
พฤศจกิ ายน อทุ กภยั พายหุ มุนเขต ธนั วาคม รอน อุทกภยั คล่ืนพายซุ ัด ฝง แผนดนิ ถลม อุทกภัย รายชอ่ื พายหุ มนุ เขตรอ น รายชอ่ื พายหุ มนุ เขตรอ นทใี่ ชใ นแถบมหาสมทุ รแปซฟิ ก เหนอื ตอนบนและ แถบทะเลจนี ใต (เรมิ่ ใชเ มอื่ วนั ที่ 1 มกราคม 2543) ประเทศ รายชอื่ พายุ ทต่ี ง้ั ชอ่ื คอลมั น 1 คอลมั น 2 คอลมั น 3 คอลมั น 4 คอลมั น กัมพูชา Krovanh กรอวาญ Damrey ดอม Kong-rey กองเรย Nakri นากรี Sarika สาริกา จีน (กระวาน) เกาหลีเหนือ เรย ฮอ งกง(จีน) ญ่ีปนุ หลง Yutu ยูท ู Fengshen ฟงเฉิน Dujuan ตเู จ้ยี น Haima ไหหมา ลาว Longwang หวาง Meari มอิ ะริ มาเกา Kirogi ไคโรจิ Toraji โทราจิ Kalmaegi คัลเมจิ Maemi เมมิ Ma-on หมางอ น มาเลเซยี Kai-tak ไคต๊กั Man-yi มานหยี่ Fung- ฟองวอง Choi-wan ฉอยหว่ัน ไมโครนเี ซีย wong ฟลปิ ปน ส เกาหลีใต Tembin เทมบงิ Usagi อุซางิ Kammuri คัมมรุ ิ Koppu คอบปุ Tokage โทะคาเงะ ไทย Bolaven โบลา Pabuk ปาบึก Phanfone พนั ฝน Ketsana กสิ นา Nock-ten นกเตน สหรัฐอเมริกา เวน เวยี ดนาม (ปลาบกึ ) (กฤษณา) Muifa (นก กมั พูชา กระเต็น) จีน Chanchu จันจู Wutip หวูตบ๊ิ Vongfong หวอ งฟง Parma ปาหมา เกาหลีเหนอื Jelawat เจอลา หมยุ ฟา ฮอ งกง(จีน) Ewiniar วัต Sepat ญป่ี ุน Bilis เอวิ เซอปต Rusa รูซา Melor เมอโลร Merbok เมอรบ ุก ลาว Kaemi เนยี ร Fitow Prapiroon Danas ฟโ ทว Sinlaku ซินลากอ Nepartak เนพารตกั Nanmadol นันมาดอล มาเกา Maria บิลสิ Nari ดานัส Hagupit ฮากุปต Lupit ลปู ต Talas ตาลสั มาเลเซยี Saomai นารี Changmi ชังมี Sudal ซูแดล Noru โนรู ไมโครนีเซีย Bopha เกมี Wipha ฟล ิปปน ส Wukong พระ วิภา Mekkhala เมขลา Nida นดิ า Kulap กหุ ลาบ เกาหลีใต Sonamu พิรณุ Francisco ฟรานซิส ไทย Shanshan Lekima โก Higos ฮีโกส Omais โอไมส Roke โรคี สหรัฐอเมรกิ า Yagi มาเรยี Krosa Bavi บาหวี่ Conson โกนเซิน Sonca เซินกา เวยี ดนาม Xangsane Haiyan เลกมี า Maysak ไมส กั Chanthu จันทู Nesat เนสาด ซาวไม Podul Haishen ไหเ ฉนิ Dianmu เต้ียนหมู Haitang ไหถาง Bebinca กรอซา Pongsona พงโซนา Mindulle มินดอนเล Nalgae นาลแก Rumbia โบพา Lingling Soulik Kajiki ไหเย่ยี น Yanyan ยันยนั Tingting เถงเถง Banyan บนั ยนั Cimaron หวูค ง Faxai Kujira คจุ ริ ะ Chebi โพดอล Chan- จนั หอม Kompasu คอมปาซุ Washi วาชิ Durian โซนามุ เหลงเห hom Namtheun นาํ้ เทนิ Matsa มัดสา Utor ซาน ลง (มศั ยา, Trami ซาน มตั สยา,มสั คะจิกิ ยา) ยางิ ฟาใส ซา ง สาน Vamei ฮัวเหมย Linfa หลิ่นฟา Malou หมาโหล Sanvu ซนั หวู (ชา ง Tapah ตาปาห Nangka นังกา Meranti เมอรันตี Mawar มาวาร สาร) เซา เบบนิ Mitag มิแทก Soudelor เดโลร Rananim รานานิม Guchol กโู ชล คา Hagibis ฮากบิ สิ Imbudo อมิ บโุ ด Malakas มาลากัส Talim ตาลมิ รมุ เบีย Noguri Koni โคนี Megi เมกี Nabi นาบี Rammasun โนกูรี Morakot มรกต Chaba ชบา Khanun ขนุน ซลู กิ ซมิ า Chataan รามสรู Etau เอตาว Aere แอรี Vicente วเี ซนเต รอน Halong ชาทา Vamco หวามกอ Songda ซงดา Saola ซาวลา อาน เชบี หะลอง ทุเรยี น อตู อร จา มี 21
เอกสารอา งองิ สมิทธ ธรรมสโรช. ภยั ธรรมชาตใิ นประเทศไทย. โรงพิมพก รมอตุ นุ ิยมวทิ ยา กรุงเทพฯ. 2534 วภิ า รงุ ดลิ กโรจน. ภยั ธรรมชาตแิ ละการลดภยั พิบัตใิ นประเทศไทย. โรงพมิ พก รมอุตุนิยมวทิ ยา กรุงเทพฯ. 2537 สํานักพยากรณอ ากาศ. พยากรณอากาศและการเตอื นภยั . กรมอุตนุ ิยมวทิ ยา. 2546 มนั ทนา พฤกษะวนั . อทิ ธิพลของภัยธรรมชาตทิ ม่ี ตี อมนุษย. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พก รมอุตุนิยมวทิ ยา 22
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: