เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก ราชกหิจนจ้ าานุเ๕บกษา ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ พระราชบญั ญัติ การพฒั นาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๒ สมเด็จพระเจ้าอยู่หวั มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ให้ไว้ ณ วนั ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ เปน็ ปที ่ี ๔ ในรัชกาลปจั จบุ ัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยที่เปน็ การสมควรมีกฎหมายวา่ ด้วยการพัฒนาเด็กปฐมวัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของ สภานติ ิบญั ญตั ิแห่งชาตทิ าหนา้ ท่ีรัฐสภา ดังต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบญั ญัตินเ้ี รยี กวา่ “พระราชบญั ญัตกิ ารพฒั นาเดก็ ปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๒” มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญตั นิ ้ี “เด็กปฐมวัย” หมายความว่า เด็กซึ่งมีอายุต่ากว่าหกปีบริบูรณ์ และให้หมายความรวมถึง เด็กซงึ่ ต้องได้รบั การพัฒนากอ่ นเข้ารับการศึกษาในระดบั ประถมศึกษา “การพัฒนาเด็กปฐมวัย” หมายความว่า การดูแล การพัฒนา และการจัดการเรียนรสู้ าหรบั เด็กปฐมวยั หญิงต้งั ครรภ์ หรือผดู้ แู ลเด็กปฐมวยั “ผู้ดูแลเด็กปฐมวยั ” หมายความว่า บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรอื ผซู้ ง่ึ เล้ยี งดเู ด็กปฐมวัย
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก หน้า ๖ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา “สถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั ” หมายความว่า ศนู ย์เด็กเลก็ ศนู ย์พฒั นาเดก็ เลก็ ศูนย์บริการช่วยเหลอื ระยะแรกเร่ิมของเด็กพิการหรือเด็กซ่ึงมีความต้องการพิเศษ สถานรับเลี้ยงเด็ก และสถานสงเคราะห์ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กซึ่งมีเด็กปฐมวัยอยู่ในความคุ้มครองดูแล หรือสถานพัฒนา เด็กปฐมวยั ที่เรยี กชื่ออย่างอ่ืน รวมท้ังโรงเรียน ศูนย์การเรียน หน่วยงานการศกึ ษา หรือหน่วยงานอืน่ ของรัฐหรือเอกชน และสถาบันศาสนา ทมี่ วี ัตถปุ ระสงคใ์ นการจดั การศึกษาใหแ้ ก่เดก็ ปฐมวัย “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย มาตรา ๔ ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการ ตามพระราชบญั ญัติน้ี หมวด ๑ บททว่ั ไป มาตรา ๕ การพัฒนาเด็กปฐมวยั ตามพระราชบัญญัตนิ ้ี มีวัตถุประสงค์ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ใหม้ ารดาได้รับการดแู ลในระหวา่ งตั้งครรภเ์ พอ่ื ใหบ้ ุตรท่ีอยใู่ นครรภ์มสี ขุ ภาวะและพฒั นาการท่ดี ี (๒) ให้เด็กปฐมวัยอยู่รอดปลอดภัยและได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากการล่วงละเมิดไม่ว่า ในทางใด (๓) ให้เด็กปฐมวยั มีพัฒนาการท่ีดรี อบดา้ นทั้งทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และ สติปัญญาให้สมกับวัย เพื่อให้เกิดทักษะพ้ืนฐานในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สามารถเรียนรู้ อยา่ งสอดคลอ้ งกบั หลักการพฒั นาศกั ยภาพของแต่ละบุคคลและความตอ้ งการจาเปน็ พิเศษ (๔) สร้างคุณลักษณะให้เด็กปฐมวัยมีอุปนิสัยใฝ่ดี มีคุณธรรม มีวินัย ใฝ่รู้ มีความคิด สร้างสรรค์ และสามารถซึมซบั สุนทรียะและวฒั นธรรมทีห่ ลากหลายได้ (๕) บ่มเพาะเจตคติของเดก็ ปฐมวัยให้เคารพคุณค่าของบคุ คลอ่ืน มีจิตวิญญาณของการอยรู่ ว่ มกัน ในสังคมอย่างเสมอภาค และมจี ิตสานึกในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก (๖) ใหผ้ ดู้ ูแลเด็กปฐมวัยไดร้ บั ความรู้ ทักษะ และเจตคตทิ ่ีดใี นการพฒั นาเดก็ ปฐมวัย มาตรา ๖ ใหห้ นว่ ยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คม ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง มีภารกจิ รว่ มกันดาเนินการเพ่อื ใหม้ ีการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั และดาเนนิ การให้เปน็ ไปตามมาตรฐาน และแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยตามที่คณะกรรมการกาหนด รวมท้ังส่งเสริมให้ผู้ดูแล
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก ราชกหจิ นจ้าานเุ๗บกษา ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ เด็กปฐมวัยจัดใหเ้ ดก็ ปฐมวัยซ่งึ อยู่ในความดูแลได้รับการพัฒนาตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติท่ีดเี ก่ียวกบั การพฒั นาเดก็ ปฐมวัยดังกลา่ ว มาตรา ๗ บิดา มารดา และผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้เด็กปฐมวัยซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับ การพัฒนาตามแนวปฏบิ ัตทิ ่ดี ีเก่ยี วกับการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย มาตรา ๘ การจัดการเรยี นรขู้ องสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยต้องเป็นไปเพ่ือเตรียมความพร้อม ของเดก็ ปฐมวัย แตต่ อ้ งไมเ่ ปน็ การจดั การเรยี นร้ทู ม่ี ุ่งเน้นการสอบแข่งขันระหวา่ งเดก็ ปฐมวยั หมวด ๒ คณะกรรมการนโยบายการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั มาตรา ๙ ใหม้ ีคณะกรรมการนโยบายการพฒั นาเดก็ ปฐมวัย ประกอบด้วย (๑) นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรฐั มนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรมี อบหมาย เปน็ ประธานกรรมการ (๒) กรรมการโดยตาแหน่ง ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมน่ั คง ของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตาบล แห่งประเทศไทย (๓) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จานวนแปดคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านการศึกษา ด้านการศึกษาพิเศษ ด้านการสาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์ และด้านสื่อสารมวลชน ด้านละหนึ่งคน และด้านการบริหารสถานพัฒนา เดก็ ปฐมวยั จานวนสองคน ซึง่ มาจากสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยภาครฐั หน่ึงคนและภาคเอกชนหนึง่ คน ให้เลขาธิการสภาการศึกษาเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้แต่งตั้งข้าราชการหรือเจ้าหน้าท่ี ของสานกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษาจานวนไมเ่ กนิ สองคนเปน็ ผู้ชว่ ยเลขานุการ มาตรา ๑๐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๙ (๓) ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ ต้องหา้ ม ดงั ต่อไปนี้ (๑) มสี ญั ชาตไิ ทย (๒) มีอายุไม่ต่ากวา่ สามสิบห้าปี
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก ราชกหิจนจ้ าานเุ ๘บกษา ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ (๓) ไมเ่ ป็นหรอื เคยเป็นบุคคลลม้ ละลายทจุ ริต (๔) ไม่เป็นคนไรค้ วามสามารถหรอื คนเสมอื นไรค้ วามสามารถ (๕) ไม่เคยได้รับโทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงที่สุดให้จาคุก เว้นแต่เป็นโทษสาหรับความผิด ทไี่ ด้กระทาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๖) ไม่เป็นข้าราชการการเมือง ผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง กรรมการหรือผู้ดารงตาแหน่ง ที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมอื ง ท่ีปรึกษาพรรคการเมอื ง หรือเจา้ หนา้ ท่พี รรคการเมือง (๗) ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงาน ของเอกชน เพราะทุจริตตอ่ หนา้ ที่ มาตรา ๑๑ กรรมการผทู้ รงคุณวุฒติ ามมาตรา ๙ (๓) มีวาระการดารงตาแหนง่ คราวละสปี่ ี และอาจได้รับแตง่ ตัง้ อีกได้ แต่จะดารงตาแหน่งติดตอ่ กันเกินสองวาระไม่ได้ เมื่อครบกาหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิข้ึนใหม่ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตาแหน่งตามวาระน้ันอยู่ในตาแหน่งเพ่ือปฏิบัติหน้ าที่ต่อไปจนกว่า กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิซึ่งได้รับแต่งตง้ั ใหมเ่ ข้ารับหนา้ ท่ี มาตรา ๑๒ นอกจากการพ้นจากตาแหนง่ ตามวาระ กรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ติ ามมาตรา ๙ (๓) พ้นจากตาแหน่ง เม่อื (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบตั หิ รอื มีลักษณะต้องหา้ มตามมาตรา ๑๐ (๔) ขาดประชุมคณะกรรมการสามคร้ังติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามหลักเกณฑ์ท่ี คณะกรรมการกาหนด (๕) นายกรัฐมนตรีให้ออกเพราะบกพร่องต่อหน้าที่ มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือ หยอ่ นความสามารถ มาตรา ๑๓ ในกรณีท่ีกรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ติ ามมาตรา ๙ (๓) พ้นจากตาแหนง่ ก่อนวาระ ให้ดาเนินการแต่งตัง้ กรรมการผ้ทู รงคณุ วฒุ แิ ทนตาแหนง่ ท่ีวา่ งภายในหกสบิ วันนบั แตว่ ันที่ตาแหนง่ ว่างลง และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งแทนอยู่ในตาแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซ่ึงตนแทน เว้นแต่ วาระของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒินั้นเหลือไม่ถึงเก้าสิบวันจะไม่แต่งต้ังกรรมการแทนก็ได้ โดยในระหว่าง ท่ียงั มิได้มีการแต่งตง้ั กรรมการแทนตาแหนง่ ทว่ี ่าง ให้คณะกรรมการประกอบดว้ ยกรรมการเทา่ ทเี่ หลอื อยู่
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก ราชกหิจนจ้ าานเุ ๙บกษา ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ มาตรา ๑๔ คณะกรรมการมหี นา้ ทแี่ ละอานาจ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) จัดทานโยบายระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยซึ่งต้องสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วย การศึกษาแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ และให้ความเห็นชอบแผนพัฒนา เด็กปฐมวัย เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบ เพ่ือให้หน่วยงานและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง กบั เด็กปฐมวยั ได้นาไปปฏบิ ตั ิ (๒) อนุมัติแผนงบประมาณและแผนการดาเนนิ งานประจาปีแบบบูรณาการของหน่วยงานของรฐั และองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นท่ีเกี่ยวขอ้ งกับการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั (๓) เสนอแนะและใหค้ าปรกึ ษาแกค่ ณะรัฐมนตรีในการพฒั นาเด็กปฐมวัยและการจัดการศึกษา ของเดก็ ปฐมวยั ตัง้ แต่ระดบั อนุบาลจนถึงระดับประถมศกึ ษาให้เชอ่ื มโยงกบั พฒั นาการของเดก็ ปฐมวยั (๔) เสนอให้มีหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่จาเป็นเพื่อดาเนินการตามนโยบายระดับชาติ ด้านการพฒั นาเด็กปฐมวยั และแผนพฒั นาเดก็ ปฐมวยั (๕) บูรณาการการพัฒนาเด็กปฐมวัยของหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ให้เป็นไปตามนโยบายระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยและ แผนพฒั นาเด็กปฐมวัย (๖) กาหนดมาตรฐานและแนวปฏบิ ัติทีด่ เี กี่ยวกบั การพัฒนาเดก็ ปฐมวัย (๗) กาหนดหลักเกณฑ์เก่ียวกับการรับเด็กปฐมวัยเข้าศึกษาในระดับอนุบาลและระดับ ประถมศึกษา เพอื่ มใิ ห้มผี ลกระทบต่อพัฒนาการของเดก็ ปฐมวยั (๘) กาหนดสมรรถนะและตวั ชว้ี ดั การพัฒนาเดก็ ปฐมวัย (๙) ติดตามและส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดาเนินการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศของ เดก็ ปฐมวัยอยา่ งเปน็ ระบบ (๑๐) ส่งเสรมิ ใหม้ ีการศึกษาวิจัยและการสร้างนวตั กรรมทเ่ี ก่ยี วกบั การพัฒนาเด็กปฐมวยั (๑๑) ส่งเสริมให้ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยและครูอาจารย์สามารถดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยได้อย่าง มีคุณภาพตามหลกั การและปรชั ญาของการพฒั นาเดก็ ปฐมวัย (๑๒) ประสานงานและใหข้ ้อมูลแก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศกึ ษาตามกฎหมายวา่ ดว้ ย กองทุนเพ่ือความเสมอภาคทางการศึกษา เพ่ือพิจารณาให้ความช่วยเหลือเด็กปฐมวัยซึ่งขาดแคลน ทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาสได้รับการพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ให้สมกบั วยั
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก ราชกหจิ นจ้าานุเ๑บ๐กษา ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ (๑๓) ปฏิบัติหน้าท่ีอื่นตามที่พระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่นกาหนดให้เป็นหน้าที่หรืออานาจ ของคณะกรรมการ หรือตามทคี่ ณะรฐั มนตรีมอบหมาย มาตรา ๑๕ การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าก่ึงหน่งึ ของ จานวนกรรมการทงั้ หมด จงึ จะเป็นองคป์ ระชมุ ในการประชุมของคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชมุ หรือไม่อาจปฏิบัตหิ น้าทีไ่ ด้ ให้ท่ปี ระชุมเลือกกรรมการคนหนึง่ เปน็ ประธานในที่ประชุม การวนิ จิ ฉัยชีข้ าดของที่ประชุมใหถ้ ือเสียงข้างมาก กรรมการคนหน่ึงให้มีเสียงหนึง่ ในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเทา่ กันให้ประธานในทป่ี ระชมุ ออกเสยี งเพ่ิมขึน้ อีกเสียงหนงึ่ เปน็ เสียงช้ีขาด ใหม้ ีการประชมุ คณะกรรมการอยา่ งนอ้ ยปลี ะสี่ครง้ั มาตรา ๑๖ ในการปฏบิ ัตหิ นา้ ทีต่ ามพระราชบญั ญัติน้ี คณะกรรมการมีอานาจแตง่ ต้งั ท่ปี รกึ ษา และคณะอนุกรรมการ เพอ่ื ดาเนนิ การตามทีค่ ณะกรรมการมอบหมายได้ การประชมุ ของคณะอนกุ รรมการ ใหน้ าความในมาตรา ๑๕ มาใชบ้ งั คับด้วยโดยอนุโลม มาตรา ๑๗ ให้มีคณะอนุกรรมการบูรณาการการพัฒนาเด็กปฐมวัยซงึ่ คณะกรรมการแต่งตงั้ มหี นา้ ท่ีและอานาจในการเสนอแนะและให้ความเห็นตอ่ คณะกรรมการในเรอ่ื ง ดงั ต่อไปนี้ (๑) จัดทาแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏริ ูปประเทศ (๒) กาหนดแนวทางบูรณาการการทางานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คมท่เี กี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย รวมทัง้ การบรู ณาการ การจดั บริการในแตล่ ะชว่ งรอยตอ่ ของเด็กปฐมวัย (๓) จัดทาแผนงบประมาณและแผนการดาเนนิ งานประจาปแี บบบูรณาการของหน่วยงานของรัฐ และองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับการพฒั นาเด็กปฐมวยั (๔) กาหนดแนวทางการติดตามผลการดาเนินงานของหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครอง สว่ นท้องถนิ่ ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คมท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย (๕) จดั ทามาตรฐานและแนวปฏิบัติท่ดี เี กี่ยวกบั การพัฒนาเด็กปฐมวยั (๖) จดั ทาสมรรถนะและตัวชี้วัดการพฒั นาเด็กปฐมวัย (๗) ปฏิบตั ิการอ่นื ใดท่ีเก่ยี วข้องเพ่อื ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ตามท่ีคณะกรรมการมอบหมาย
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก ราชกหจิ นจ้าานุเ๑บ๑กษา ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ องค์ประกอบ จานวน คุณสมบตั ิ ลักษณะต้องหา้ ม วาระการดารงตาแหนง่ และการพ้นจาก ตาแหน่งของคณะอนุกรรมการตามวรรคหน่งึ ให้เป็นไปตามทค่ี ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๑๘ ให้สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาทาหน้าท่ีเป็นสานักงานเลขานุการของ คณะกรรมการ รับผิดชอบงานธุรการ งานประชุม งานวิชาการ การศึกษาข้อมูลและกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงานของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ และมหี นา้ ทแ่ี ละอานาจ ดงั ต่อไปนี้ (๑) รวบรวมข้อมูลเพ่ือประกอบการจัดทานโยบายระดับชาติด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยและ แผนพัฒนาเด็กปฐมวยั (๒) วิเคราะห์และเสนอแนะมาตรการเพื่อผลักดันและสนับสนุนการนานโยบายระดับชาติ ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยและแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยไปสู่การปฏิบัติ ตลอดจนพิจารณาเสนอแนะ แนวทางและวิธกี ารแกไ้ ขปัญหาและอุปสรรคของการดาเนินการต่อคณะกรรมการ (๓) จัดทาและพัฒนากลไกและระบบการประสานงานด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพ่ือสร้าง ประสิทธภิ าพการบรหิ ารจัดการ ตลอดจนร่วมมือและประสานงานกบั หน่วยงานของรฐั องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยในการปฏิบัติงาน ตามพระราชบัญญัตนิ ี้และกฎหมายอืน่ ท่เี ก่ียวขอ้ ง (๔) ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเครือข่ายในระดับจังหวัดและระดับอาเภอเพื่อการพัฒนา เด็กปฐมวยั (๕) ให้คาแนะนาแก่หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และ ภาคประชาสังคม ซ่งึ มีหน้าท่ดี าเนินการตามภารกจิ ทก่ี าหนดไว้ในแผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัย (๖) เสนอแนะแนวทางการจัดสรรและแสวงหาทรัพยากรเพื่อส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนา เดก็ ปฐมวยั ใหเ้ ป็นไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพต่อคณะกรรมการ (๗) จัดใหม้ ีการศึกษาวิจัยและการสรา้ งนวัตกรรมท่ีเก่ยี วกบั การพัฒนาเดก็ ปฐมวยั (๘) สารวจและเก็บรวบรวมขอ้ มูลเด็กปฐมวยั เพื่อจัดทาฐานข้อมูล รวมทั้งตดิ ตามสถานการณ์ เกีย่ วกับเดก็ ปฐมวัย และเผยแพร่ข้อมลู และสถติ ิเกยี่ วกบั เดก็ ปฐมวยั (๙) จัดทาการประเมินผลการปฏิบัติงานตามนโยบายระดับชาตดิ า้ นการพฒั นาเดก็ ปฐมวัยและ แผนพัฒนาเด็กปฐมวัยเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการดาเนินงาน เสนอต่อคณะกรรมการเพ่ือเสนอต่อ คณะรฐั มนตรีเพ่อื ทราบ อย่างน้อยปีละหนงึ่ ครง้ั
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก ราชกหจิ นจ้าานเุ๑บ๒กษา ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ (๑๐) ปฏิบตั กิ ารอื่นตามทีค่ ณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการมอบหมาย เลขาธิการสภาการศึกษาอาจมอบหมายให้รองเลขาธิการสภาการศึกษาคนหน่ึง เป็นผู้รับผิดชอบ บงั คับบัญชางานการพัฒนาเดก็ ปฐมวัย แลว้ รายงานตอ่ เลขาธกิ ารสภาการศึกษาได้ หมวด ๓ แผนพฒั นาเด็กปฐมวยั มาตรา ๑๙ ให้คณะกรรมการเสนอแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยต่อคณะรัฐมนตรี เพ่ือพิจารณา ใหค้ วามเห็นชอบและประกาศให้ทราบเป็นการทว่ั ไป ในกรณีที่สถานการณ์เปล่ียนแปลงไปในระหว่างท่ีแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยใช้บังคับ คณะกรรมการ อาจดาเนินการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นได้ โดยให้นาความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับ โดยอนโุ ลม มาตรา ๒๐ แผนพัฒนาเดก็ ปฐมวัยตามมาตรา ๑๙ ต้องกาหนดรายละเอียดเก่ียวกับระยะเวลา การใชบ้ งั คบั แผน การบริหารและพัฒนาเด็กปฐมวัย วิธีปฏิบตั ิ หนว่ ยงานท่เี ก่ยี วข้อง รวมท้งั ระยะเวลา ในการดาเนินการให้ชดั เจน และอย่างน้อยต้องมแี นวทางการดาเนนิ การในเร่อื ง ดังต่อไปนี้ (๑) แผนงานและโครงการของหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และการใช้ งบประมาณด้านการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั อยา่ งเป็นระบบ (๒) การบูรณาการการทางานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสงั คม เพอ่ื ขับเคลอ่ื นการดาเนนิ การตามแผนพฒั นาเดก็ ปฐมวยั (๓) การส่งเสริมและสนับสนุนการดาเนินการของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ให้มีคณุ ภาพ ได้มาตรฐาน และมีสภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมกบั การพัฒนาเด็กปฐมวัย (๔) การส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การจัดสภาพแวดล้อมในครอบครวั และชุมชนทเ่ี อือ้ ตอ่ การพฒั นา เด็กปฐมวัย รวมท้ังให้เด็กปฐมวัยอยู่รอดปลอดภัยและได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากการล่วงละเมิด ไมว่ ่าในทางใด (๕) การจัดให้มีการพัฒนาบุคลากรด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีความสามารถ ศักยภาพ และคุณธรรม (๖) การจัดทาฐานขอ้ มลู เดก็ ปฐมวยั
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก ราชกหิจนจ้ าานเุ ๑บ๓กษา ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ มาตรา ๒๑ เมอื่ ได้มกี ารประกาศแผนพฒั นาเดก็ ปฐมวัยแล้ว ให้หน่วยงานของรฐั และองคก์ ร ปกครองส่วนท้องถ่ินซ่ึงมีหน้าที่ดาเนินการตามภารกิจท่ีกาหนดไว้ในแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย จัดทา แผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกบั แผนพฒั นาเดก็ ปฐมวัยและปฏิบตั กิ ารให้เป็นไปตามแผนดังกลา่ ว มาตรา ๒๒ ให้คณะกรรมการติดตามให้หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซ่ึงมีหน้าท่ีปฏิบัติการตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย หรือภาคเอกชนที่ได้รับมอบหมายให้ดาเนินการ ตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย ปฏิบัติหรือดาเนินการตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย ในกรณีท่ีมีการไม่ปฏิบัติ หรือไม่ดาเนินการตามแผนดังกล่าว ให้คณะกรรมการแจ้งให้หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคเอกชน แล้วแต่กรณี แก้ไขหรือระงับยับยั้งการกระทาที่ไม่เป็นไปตามแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย ภายในเวลาที่คณะกรรมการกาหนด เม่ือพ้นกาหนดเวลาดังกล่าวแล้ว หากยังไม่มีการปฏิบัติหรือ ดาเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ให้คณะกรรมการมีหนังสือแจ้งผู้ซ่ึงมีอานาจกากับดูแลทราบพร้อมด้วย เหตุผล เพื่อพจิ ารณาดาเนินการตามหน้าทแ่ี ละอานาจตอ่ ไป หมวด ๔ การพฒั นาเด็กปฐมวัย มาตรา ๒๓ ในการผลิตครูหรือพัฒนาครูด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย ให้สถาบันอุดมศึกษา จัดให้มีการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างจิตวิญญาณของความเป็นครู มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ ทักษะ และความสามารถในการจัดการเรียนการสอนเพื่อดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยตามหลักการและ ปรัชญาของการพัฒนาเด็กปฐมวยั ในการพัฒนาผู้ดูแลเด็กปฐมวัย ให้หน่วยงานที่ทาหน้าท่ีพัฒนาผู้ดูแลเด็กปฐมวัยจัดการเรียน การสอนเพอื่ เสรมิ สร้างจติ วญิ ญาณของความเปน็ ผ้ดู แู ลเด็ก มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ความรู้ ทกั ษะ และ ความสามารถในการดูแลเดก็ ปฐมวยั ตามหลกั การพัฒนาเด็กปฐมวยั มาตรา ๒๔ สถานพยาบาลของหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือภาคเอกชน ท่ีมีหน้าที่ให้บริการสาธารณสุขแก่หญิงตั้งครรภ์และเด็กปฐมวัย ต้องจัดให้มีการให้บริการสุขภาพแก่ มารดาและบุตรอย่างทั่วถึง โดยให้บริการวางแผนครอบครัว การอนามัยเจริญพันธุ์ การฝากครรภ์ การเตรียมความพร้อมการเป็นบิดามารดา ตลอดจนให้บริการการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน การส่งเสริม โภชนาการ การส่งเสริมพัฒนาการ และการส่งเสริมการให้นมมารดาแก่บุตรตั้งแต่แรกเกิดอย่างน้อย หกเดอื น
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก หน้า ๑๔ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๒๕ สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีหน้าที่จัดการศึกษาให้แก่เด็กปฐมวัย ต้องจัดให้มี การอบรมเล้ียงดู เพ่ิมพูนประสบการณ์ ส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ และจัดการศึกษาแก่เด็กปฐมวัย อย่างทั่วถึง รวมท้ังจัดให้มีการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยท่ีเหมาะสมในช่วงรอยต่อต้ังแต่ก่อน ระดับอนบุ าลจนถึงระดบั ประถมศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนื่อง มาตรา ๒๖ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือภาคเอกชน ท่ีมีหน้าที่ใน การพัฒนาเด็กปฐมวัย ต้องจัดสวัสดิการและให้บริการด้านการคุ้มครองสิทธิแก่เด็กปฐมวัย รวมทั้ง ติดตามดแู ลเด็กปฐมวัยใหไ้ ดร้ บั สวสั ดิการและบรกิ ารด้านการคมุ้ ครองสิทธิอย่างทว่ั ถงึ มาตรา ๒๗ นอกจากการดาเนินการตามมาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๖ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ท่ีมีหน้าที่ให้บริการสาธารณสุข จัดการศึกษา และจัดสวัสดิการและให้บริการด้านการคุ้มครองสิทธิแก่เด็กปฐมวัย ต้องดาเนินการ ดังต่อไปนี้ (๑) ให้ความรู้ ส่งเสริมทักษะ และสร้างเสริมเจตคติที่ดีแก่ผู้ดูแลเด็กปฐมวัยและบุคคลอื่น ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ในเรอ่ื งการพัฒนาเดก็ ปฐมวัยอย่างทว่ั ถงึ (๒) จัดให้มีการคัดกรองที่เป็นระบบและได้มาตรฐานเพ่ือค้นหาเด็กปฐมวัยที่พิการหรือ มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม หรือสติปัญญา หรือเด็กปฐมวัยที่ไม่มีผู้ดูแลหรือ ด้อยโอกาส หรือเด็กปฐมวยั ที่มคี วามต้องการการพัฒนาเปน็ พิเศษอย่างทันท่วงที และจัดใหเ้ ด็กปฐมวัย เหล่านี้เข้าถงึ สิทธแิ ละได้รบั โอกาสในการพัฒนาทมี่ ีคุณภาพเปน็ พิเศษ สิ่งอานวยความสะดวก ส่ือ และ บริการ รวมท้ังความช่วยเหลืออื่นใดทางการพัฒนาและการศึกษาท่ีสอดคล้องเหมาะสมกับความจาเป็น ท้งั นี้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการทค่ี ณะกรรมการกาหนด มาตรา ๒๘ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครอง สว่ นท้องถิน่ และภาคเอกชน อาจดาเนินการแบบบรู ณาการโดยจดั ให้มบี รกิ ารสาธารณสุข จดั การศึกษา หรือจัดสวสั ดกิ ารและให้บรกิ ารดา้ นการคมุ้ ครองสิทธแิ ก่เดก็ ปฐมวัยในหนว่ ยงานเดียวกนั ได้ บทเฉพาะกาล มาตรา ๒๙ ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการประกอบด้วย กรรมการตามมาตรา ๙ (๑) และ (๒) และให้เลขาธิการสภาการศึกษาเปน็ กรรมการและเลขานุการ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๖ ก หน้า ๑๕ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกิจจานุเบกษา ตามพระราชบัญญัติน้ีไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๙ (๓) ทง้ั น้ี ต้องไมเ่ กินเกา้ สบิ วนั นับแตว่ ันทพี่ ระราชบัญญตั ินใ้ี ชบ้ งั คบั มาตรา ๓๐ ในวาระเร่ิมแรก ให้สานักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้แก่สานักงาน เลขาธิการสภาการศกึ ษา องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ และหนว่ ยงานของรฐั ทเ่ี ก่ียวขอ้ งตามความจาเปน็ เพอื่ ปฏิบตั ิหนา้ ทีต่ ามพระราชบญั ญัติน้ี มาตรา ๓๑ ในระหว่างที่คณะกรรมการยังมิได้มีการกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ ตามมาตรา ๒๗ (๒) ให้นาบทบัญญัติเก่ียวกับการเข้าถึงสิทธิและไดร้ ับโอกาสในการพัฒนาท่ีมคี ุณภาพ ส่ิงอานวยความสะดวก ส่ือ และบริการ รวมท้ังความช่วยเหลืออ่ืนใดทางการพัฒนาและการศึกษา ทส่ี อดคล้องเหมาะสมกบั ความจาเปน็ ตามกฎหมายวา่ ด้วยการจดั การศกึ ษาสาหรบั คนพกิ ารและกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มาใช้บังคับไปพลางก่อนจนกว่าคณะกรรมการ จะได้กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ผู้รบั สนองพระราชโองการ พลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๖ ก หน้า ๑๖ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ ราชกิจจานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๕๔ ประกอบกับมาตรา ๒๕๘ จ. ด้านการศึกษา (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้รัฐมีหน้าที่ดาเนินการให้เด็กเล็กได้รับ การดูแลและพัฒนาเพื่อการพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัย ดังนั้น สมควรให้เด็กเล็กซึ่งเป็นเด็กปฐมวัยน้ันได้รับการคุ้มครองและดูแล มีพัฒนาการท่ีดีรอบด้าน ได้รับการศึกษา อย่างเป็นระบบ ต่อเน่ือง ทั่วถึง และเสมอภาค มีการส่งเสริมการเรียนรู้และเตรียมความพร้อมให้แก่ เด็กปฐมวัยในช่วงรอยต่อตั้งแต่ก่อนระดับอนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้เติบโตข้ึน เป็นพลเมืองท่ีดีและมีคุณภาพ รวมทั้งเพื่อให้เกิดการบูรณาการการทางานร่วมกันของทุกภาคส่วนให้เป็นเอกภาพ และมปี ระสิทธิภาพ จงึ จาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญัติน้ี
เจตนารมณแ์ ละประเด็นสาคัญ ของพระราชบัญญัติการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ร่างพระราชบัญญัติน้ีมีเจตนารมณ์เพื่อยกระดับความสาคัญ ของการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้อยู่ในลาดับต้นของวาระแห่งชาติ และเพ่ือให้ เด็กปฐมวัยทุกคนในประเทศได้รับการดูแล พัฒนา และจัดการเรียนรู้ อย่างมีคุณภาพตามหลักวิชาการที่กล่าวว่าช่วงปฐมวัย (ตั้งแต่ปฏิสนธิ –๘ ปี) เป็นช่วงวัยท่ีมีความสาคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นวัยท่ีสมองพัฒนาสูงสุด และการเรียนรู้เป็นไปอย่างรวดเร็วท่ีสุด อีกทั้งการส่งเสริมพัฒนาการ เด็กปฐมวัยรอบด้านอย่างเหมาะสมจะเป็นรากฐานของทุนมนุษย์ท่ีสาคัญ ต่อคุณภาพชีวิตของเด็กไปจนตลอดชีวิต การพัฒนาเด็กปฐมวัยจึงเป็น การลงทุนที่คุ้มค่า ลดความเหลื่อมล้า และสร้างความเป็นธรรมในสังคม อีกทั้งจะทาให้การดาเนินงานด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัยมีความต่อเนื่อง ทั่วถึง และเท่าเทียม โดยให้มีระบบการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่สร้าง การมีส่วนร่วมบูรณาการทุกภาคส่วนท่ีเก่ียวข้อง ต้ังแต่ระดับชาติ ภูมิภาค ท้องถิ่น ชุมชน จนถึงครอบครัว ให้มีกระบวนการพัฒนาเด็กปฐมวัย ทมี่ คี วามหลากหลาย แต่เปน็ เอกภาพ มปี ระสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสิทธิผล การมกี ฎหมายวา่ ด้วยการพฒั นาเด็กปฐมวยั จะเปน็ หลกั ประกนั ให้ เด็กปฐมวัยท่ีอยู่ช่วงวัยสาคัญได้รับการอบรมเล้ียงดู พัฒนา ให้การศึกษา และได้รับการปกปอ้ งเป็นพิเศษ
แผนการปฏริ ปู ประเทศดา้ นการศกึ ษาท่เี กี่ยวกับการพฒั นาเดก็ ปฐมวัย คณะรัฐมนตรีได้แต่งต้ังคณะกรรมการอิสระเพ่ือการปฏิรูป การศึกษา เม่ือวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามมาตรา ๒๖๑ แห่งรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยเพื่อทาหนา้ ที่ในการศึกษาและจัดทา ข้อเสนอแนะและร่างกฎหมายทีเ่ ก่ยี วข้องกบั การปฏิรูปตาม มาตรา ๒๕๘ จ. ด้านการศึกษาคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาจึงได้จัดทา แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ยุทธศาสตร์ชาติ และคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติ แผนและข้ันตอนการดาเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ ดา้ นการศกึ ษา เมอ่ื วนั ท่ี ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ แ ผ น ก า ร ป ฏิ รู ป ป ร ะ เ ท ศ ด้ า น ก า ร ศึ ก ษ า ป ร ะ ก อ บ ด้ ว ย วัตถุประสงค์ของการปฏิรูป ๔ ด้าน ได้แก่ ๑. ยกระดับคุณภาพของ การจัดการศึกษา (enhance quality of education) ๒. ลดความเหลื่อมล้า ทางการศึกษา (reduce disparity in education) ๓. มุ่งความเป็นเลิศ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ( leverage excellence and competitiveness) ๔. ปรับปรุงระบบการศึกษาให้ มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร เพิ่มความคล่องตัวในการรองรับ ความหลากหลายของการจัดการศึกษา และสร้างเสริมธรรมาภิบาล ( improve efficiency, agility and good governance) โ ด ย แ ผ น การปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาได้จัดทาเป็น ๗ เร่ือง จาแนกใน รายละเอียดเป็น ๒๙ ประเด็นปฏิรูป และมีสาระที่เก่ียวข้องกับการพัฒนา เดก็ ปฐมวัยทีห่ น่วยงานท่เี ก่ยี วขอ้ งตอ้ งดาเนินการสรปุ ได้ดงั ต่อไปน้ี
เร่ืองที่ ๒ : การปฏริ ูปการพฒั นาเดก็ เลก็ และเดก็ กอ่ นวัยเรียน ประเด็นการปฏิรูปท่ี ๒.๑ : การพัฒนาระบบการดูแล พัฒนา และจัดการเรียนรู้ เพ่ือให้เด็กปฐมวัยได้รับการพัฒนาร่างกาย จติ ใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสตปิ ัญญาใหส้ มกบั วัย เป้าหมายหรือผลอันพึงประสงค์และผลสัมฤทธ์ิ เป้าหมายรวม เด็กปฐมวัย ท้ังเด็กกลุ่มทั่วไป และกลุ่มท่ีมีความต้องการ จาเปน็ พเิ ศษ สามารถเข้าถึง และไดร้ บั การดูแลและการศึกษาระดับปฐมวัย อย่างเหมาะสม มีคุณภาพ ทั่วถึง และเท่าเทียมกัน รวมถึงมีระบบคัดเลือก เด็กเขา้ เรยี นระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ และการจดั การเรยี นรู้ทเ่ี หมาะสม กับช่วงวัย มีระบบฐานข้อมูลที่เอ้ือต่อการดูแลที่เช่ือมโยงกันได้ระหว่าง หน่วยงาน และมีการพัฒนาบุคลากรท่ีเก่ียวข้อง มีกลไกขับเคลื่อนและ บู ร ณ า ก า ร ก า ร ท า ง า น ร ะ ห ว่ า ง ก ร ะ ท ร ว ง แ ล ะ ห น่ ว ย ง า น ท่ี เ ก่ี ย ว ข้ อ ง ใหส้ อดคล้อง เป็นเอกภาพ เป้าหมายเร่งด่วน ๑. มีการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาเด็กปฐมวัย และมีการจดั ทากฎหมายลาดบั รอง ๒. มีข้อเสนอว่าด้วยแนวทางคัดเลือกเด็กเข้าเรียน ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ท่ีเหมาะสมกบั ช่วงวัย ๓. มขี อ้ เสนอวา่ ด้วยระบบคัดกรองเพ่ือชว่ ยเหลือ สง่ เสริม แ ล ะส นั บ ส นุ น พั ฒ น า ก า ร เ ด็ ก ท่ี มี ค ว า ม ต้ อง ก า ร จ า เ ป็ น พิ เ ศ ษ ใ น ห น่ ว ย ให้บริการ รวมถึงข้อเสนอแผนพัฒนาบุคลากรและพ่อแม่ผู้ปกครอง ให้มีองค์ความรู้เก่ียวกับการคัดกรองและการดูแลเด็กปฐมวัยหลังจากได้ รบั การคัดกรอง
๔. มีแนวทางในการสร้างรอยเชื่อมต่อของการพัฒนา ทุกช่วงวัย ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง ๘ ปี อย่างต่อเน่ืองและราบร่ืน โดยมุ่งเน้น ใหพ้ ่อแม่ ผปู้ กครองเปน็ หลกั ในการดูแลและพัฒนาเดก็ ร่วมกบั สถานพัฒนา เดก็ ปฐมวัย ๕. มีแผนปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกระทรวงหลัก ๔ กระทรวงท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัย อย่างน้อยครอบคลุมถึง การลงทุน การดาเนินการและกิจกรรมหลักเพ่ือเตรียมความพร้อมพ่อแม่ ผปู้ กครอง และเพือ่ พัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีความพรอ้ มรอบด้าน ๖. มีข้อเสนอแผนปฏิบัติการว่าด้วยการยกระดับคุณภาพ ของศูนย์เลี้ยงเด็กและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครอบคลุมถึงการใช้หลักสูตร การศกึ ษาปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๐ เปา้ หมายระยะสนั้ ๑. มีกฎหมายลาดับรองท้ังหมดตามกฎหมายว่าด้วย การพัฒนาเด็กปฐมวัย มีผลใช้บังคับภายใน ๑ ปี ภายหลังกฎหมายว่าด้วย การพฒั นาเด็กปฐมวัยมีผลใชบ้ งั คับ ๒. เด็กปฐมวัยทุกคน ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงอายุ ๘ ปีบริบูรณ์หรือก่อนเข้าศึกษาระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ เข้าถึง การคัดกรอง การดูแลและการจัดการเรียนรู้ตามท่ีกาหนดไว้ในกฎหมายว่า การพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยอาจมีการเก็บค่าใช้จ่ายในอัตราท่ีเหมาะสม กับเศรษฐฐานะหรือไม่เก็บค่าใช้จ่ายแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ตามท่ีกฎหมาย กาหนด ๓. มีการคัดเลือกเด็กเข้าเรียนระดับช้ันประถมศึกษา ปีท่ี ๑ ตามแนวทางการคัดเลือกเด็กเข้าเรยี นระดับชน้ั ป.๑ ที่เหมาะสมกับ ช่วงวยั ในสถานศกึ ษาทวั่ ประเทศ ๔. มีหลักสูตร การจัดประสบการณ์เรียนรู้ และ การพัฒนาในช่วงรอยเชื่อมต่อระหว่างวัยสาหรับการศึกษา ระดับ
ประถมศึกษาปีท่ี ๑ และปีที่ ๒ ที่ได้รับการถ่ายทอดสู่การปฏิบัติ ในสถานศึกษาทว่ั ประเทศ ๕. มีระบบและฐานข้อมูลที่เก่ียวข้องกับการคัดกรองและ การส่งต่อเด็กท่ีมีความต้องการจาเป็นพิเศษท่ีสามารถเช่ือมโยงเป็นระบบ เดียวกันระหวา่ งหนว่ ยงานที่เกยี่ วขอ้ ง ๖. ครู บุคลากร และผู้ประกอบวิชาชีพด้านการพัฒนา เด็กปฐมวัย รวมถึงพ่อแม่ ผู้ปกครองของเด็กปฐมวัย ได้รับการพัฒนา ความรู้ และทักษะ เพ่ือเพิ่มศักยภาพในการตอบสนองความต้องการ ที่เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกตามแผนพัฒนาบุคลากร ท่กี าหนด เปา้ หมายระยะกลาง - ระยะยาว ๑. ศูนย์เล้ียงเด็กและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ มีการประกันคุณภาพ และได้รับการประเมินคุณภาพเพื่อการพัฒนา คณุ ภาพอยา่ งต่อเนอื่ ง ด้วยข้อกาหนดคุณภาพทเี่ หมาะสม ๒. เด็กปฐมวัยทุกคน ต้ังแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงอายุ ๘ ปีบริบูรณ์หรือก่อนเข้าศึกษาระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ เข้าถึง การคัดกรอง การดูแลและการจัดการเรียนรู้ตามที่กาหนดไว้ในกฎหมายว่า ดว้ ยการพฒั นาเดก็ ปฐมวัยอย่างเหมาะสม มีคุณภาพ ทว่ั ถึง และเท่าเทยี มกนั ๓. เด็กปฐมวัยท่ีมีความต้องการจาเป็นพิเศษ เด็กพิการ เดก็ ดอ้ ยโอกาส เดก็ กลมุ่ ชาติพันธุ์ รวมถงึ เดก็ ท่ีเปน็ ลกู แรงงานตา่ งชาติ และ เด็กที่ไม่ได้มาจากครอบครัวไทย สามารถเข้าถึงบริการการศึกษา อย่างมีคุณภาพ และได้รับบริการสนับสนุนตามความต้องการจาเป็นพิเศษ ของแตล่ ะบุคคล ๔. เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ สอดคล้องกบั หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พ.ศ. ๒๕๖๐ ๕. สถานศึกษาทุกแห่งท่ีจัดการศึกษาให้กับเด็กปฐมวัย สามารถจัดการศกึ ษาแบบเรยี นรวมท่มี ีคณุ ภาพสาหรบั เดก็ ปฐมวัยทกุ คน
๖. แผนพัฒนาบุคลากร พ่อแม่ผู้ปกครอง ให้มีองค์ความรู้ เก่ียวกับการคัดกรองและการดูแลเด็กปฐมวัยหลังจากได้รับการคัดกรอง ได้รับการทบทวนและดาเนินการต่อเน่ืองเป็นงานประจาโดยหน่วยงาน ทเ่ี กยี่ วข้อง กรอบระยะเวลาในการดาเนินการ ระยะเรง่ ดว่ น ภายในเดอื นพฤษภาคม ๒๕๖๒ ระยะส้นั ภายในปี ๒๕๖๔ ระยะกลาง - ระยะยาว ภายใน ๕ – ๑๐ ปี ตัวชว้ี ัด ร้อยละของเด็กปฐมวัยที่สามารถเข้าถึง ได้รับการดูแลและได้รับ การศกึ ษาระดบั ปฐมวยั อย่างเหมาะสม มีคุณภาพ ทวั่ ถงึ และเทา่ เทยี มกนั ประเด็นการปฏิรูปที่ ๒.๒ : การส่ือสารสังคมเพ่ือสร้าง ความเข้าใจในการพฒั นาเด็กปฐมวยั เปา้ หมายหรือผลอนั พงึ ประสงค์และผลสัมฤทธ์ิ เป้าหมายรวม พ่อ แม่ ผู้ปกครองและบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องปรับเปลี่ยน กรอบคิด (Mind Set) เกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องในการเตรียม ความพรอ้ มก่อนการตัง้ ครรภ์ การเล้ยี งดู ดแู ล และพัฒนาเด็กปฐมวัย เป้าหมายเรง่ ด่วน มีข้อเสนอแผนในการประชาสัมพันธ์และผลิตส่ือเพื่อ สร้างความรู้ ความเข้าใจกับหน่วยงาน และสังคมเกี่ยวกับการดูแล พัฒนา และเตรียมความพร้อมเด็กปฐมวัยท่ีถกู ต้อง และเหมาะสมตามวัย
เป้าหมายระยะสน้ั ๑. พ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคลากรที่เก่ียวข้องกับ เด็กปฐมวยั ทัว่ ไปได้รบั ความรู้และปรับทศั นคตติ ามแผน ๒. พ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับเด็กท่ีมี ความตอ้ งการจาเป็นพเิ ศษได้รับความรู้และปรับทัศนคติตามแผน กรอบระยะเวลาในการดาเนินการ ระยะเรง่ ด่วน ภ า ย ใ น เ ดื อ น พ ฤ ษ ภ า ค ม ๒ ๕ ๖ ๒ ระยะสัน้ ภายในปี ๒๕๖๔ ตวั ชวี้ ดั ๑. ร้อยละของพ่อแมท่ ี่ได้รับการพฒั นาบทบาทการเป็นพ่อแม่ และการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ ๒. ร้อยละของพ่อแม่ ผู้ปกครองท่ีมีความรู้ความเข้าใจ ที่ถูกต้องในการเล้ียงดู ดแู ล และพัฒนาเดก็ ปฐมวยั เรือ่ งท่ี ๓ การปฏิรูปเพอื่ ลดความเหล่ือมลา้ ทางการศึกษา ประเด็นการปฏิรูปที่ ๓.๒ : การจัดการศึกษาสาหรับบุคคล พิการ บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ และบุคคลที่ต้องการการดูแลเป็น พเิ ศษ เป้าหมายหรือผลอันพึงประสงคแ์ ละผลสัมฤทธิ์ เปา้ หมายรวม บุคคลพิการ บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ และบุคคล ท่ีต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ได้รับการพัฒนาอย่างท่ัวถึง เต็มศักยภาพ และ สามารถดารงชีวิตอยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างมีความสุขและมีศักดศ์ิ รี เป้าหมายเร่งด่วน ๑. คัดกรองบุคคลที่มีความบกพร่องต่างๆ เช่น บุคคลเรียนรู้ช้า บุคคลออทิสติกแล้วเสร็จ และมีระบบข้อมูลสารสนเทศ
บุคคลพิการ บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ และบุคคลท่ีต้องการ การดูแลเป็นพิเศษ เพื่อเป็นฐานข้อมูล ในการบริหารจัดการที่เช่ือมโยง ฐานข้อมูลให้เป็นเอกภาพ ๒. บุคลากรท่ีเก่ียวข้องท่ัวประเทศมีความเข้าใจเกี่ยวกับ การจัดการศึกษาสาหรับบุคคลพิการบุคคลที่มีความสามารถพิเศษ และ บุคคลที่ต้องการการดแู ลเป็นพิเศษ กล่มุ เป้าหมายบุคคลพกิ าร - มีนวัตกรรมในการส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ สาหรับบคุ คลพกิ าร ทง้ั ด้านการเรียนรแู้ ละการดารงชวี ิต กลุ่มเป้าหมายบุคคลทม่ี คี วามสามารถพิเศษ - มีระเบียบหรือข้อบังคับให้มีกลไกการคัดกรองเด็กท่ีมี ความสามารถพเิ ศษในสถานศึกษาทุกสังกดั ท้ังของรฐั และภาคเอกชน - มีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนา ผู้มีความสามารถพิเศษและสร้างเสริมศักยภาพให้สามารถต่อยอดการ ประกอบอาชพี ได้อย่างมั่นคง กล่มุ เป้าหมายบุคคลที่มคี วามตอ้ งการการดแู ลเปน็ พิเศษ - มีนวัตกรรมในการส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ โดยเฉพาะดา้ นการอา่ นออก เขียนได้ คดิ เลขเปน็ และทักษะการดารงชีวติ - มีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนา ผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษและสร้างเสริมศักยภาพให้สามารถต่อยอด การประกอบอาชีพได้อย่างมัน่ คง
เปา้ หมายระยะสนั้ ๑. มีนักจิตวิทยาโรงเรียน ครู และผู้เก่ียวข้องใน การวินิจฉัยผู้เรียนกลุ่มที่มีความบกพร่อง ออทิสติก กลุ่มที่มีความสามารถ พิเศษ อยา่ งถูกต้อง ให้การสนบั สนนุ โรงเรียนครอบคลมุ ทุกพ้นื ท่ี ๒. พัฒนานักจิตวิทยาในโรงเรียน ครู และผู้เกี่ยวข้อง ในการดูแล ช่วยเหลือ ให้คาปรกึ ษาอยา่ งถกู ต้อง ๓. มีระบบคัดกรองและวินจิ ฉัยที่นักจิตวิทยาโรงเรียน ครู และผู้เกีย่ วข้อง สามารถดาเนนิ การได้ ๔. เด็กทุกคนต้ังแต่เด็กปฐมวัยได้รับการสารวจและ วัดแววความสามารถ เพื่อคัดกรองเด็กท่มี คี วามสามารถพิเศษ เปา้ หมายระยะกลาง – ระยะยาว ผู้เรียนพิการ ผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ และผู้เรียน ท่ีมีความต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ได้รับการพัฒนาอย่างท่ัวถึง เต็มศักยภาพ และสามารถดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและมี ศักดิศ์ รี กรอบระยะเวลาในการดาเนนิ การ ระยะเรง่ ด่วน ภายในเดอื นพฤษภาคม ๒๕๖๒ ระยะส้ัน ภายในปี ๒๕๖๔ ระยะกลาง - ระยะยาว ภายใน ๕ – ๑๐ ปี ตวั ชว้ี ัด ๑. ความครอบคลุมของระบบคัดกรองและกลไก การคัดกรองบุคคลพิการ บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ และบุคคลที่มี ความตอ้ งการการดแู ลเป็นพิเศษ
๒. ร้อยละของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ท่ีมีความเข้าใจเก่ียวกับการจัดการศึกษาสาหรับบุคคลพิการ บุคคล ผมู้ คี วามสามารถพิเศษ และบคุ คลท่มี ีความต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ๓. จานวนผู้เรียนท่ีได้รับการคัดกรอง วินิจฉัย ส่งต่อ และชว่ ยเหลอื
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: