1 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ท่ี 2 เมษายน พ.ศ. 2498 (ตรงกับวันข้ึน 10 ค่ำ เดือน 5 ปีมะแม สัปตศก) ณ พระท่ีนั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ท่ี 3 ใน พ ร ะ บ า ท ส ม เด็ จ พ ร ะ บ ร ม ช น ก า ธิ เบ ศ ร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เด ช ม ห า ร า ช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยศาสตราจารย์ น า ย แ พ ท ย์ ห ม่ อ ม ห ล ว ง เก ษ ต ร ส นิ ท ว ง ศ์ เป็ น ผู้ ถ ว า ย พ ร ะ ป ร ะ สู ติ ก า ล และได้รับการถวายพระนามจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญ าณวงศ์ ว่า ส ม เด็ จ พ ร ะ เจ้ า ลู ก เธ อ เจ้ า ฟ้ า สิ ริ น ธ ร เท พ รั ต น สุ ด า กิ ติ วั ฒ น า ดุ ล โ ส ภ า ค ย์ พร้อมท้ังประทานคำแปลว่า นางแก้ว อันหมายถึง หญิงผู้ประเสรฐิ และมีพระนามท่ีข้าราชบรพิ าร เรียกท่ัวไปวา่ ทูลกระหม่อมนอ้ ย
2 พระนาม \"สิรินธร\" น้ัน นำมาจากสร้อยพระนามของสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ ก ร ม ห ล ว ง เ พ ช ร บุ รี ร า ช สิ ริ น ธ ร ซึ่ ง เ ป็ น ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ร า ช ปิ ตุ จ ฉ า ( ป้ า ) ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวภูมิพลอดลุ ยเดช ส ำ ห รั บ ส ร้ อ ย พ ร ะ น า ม \" กิ ติ วั ฒ น า ดุ ล โ ส ภ า ค ย์ \" ป ระกอบ ขึ้ น จาก พ ระน ามาภิ ไธยข องสมเด็ จพ ระบุ พ ก ารี 3 พ ระองค์ ได้ แ ก่ \"กิ ติ \" ม า จ า ก พ ร ะ น า ม า ภิ ไธ ย ข อ ง ส ม เด็ จ พ ร ะ น า ง เจ้ า สิ ริ กิ ต์ิ พ ร ะ บ ร ม ร า ชิ นี น า ถ พ ร ะ บ ร ม ร า ช ช น นี พั น ปี ห ล ว ง พ ร ะ ม า ร ด า ( แ ม่ ) ส่ ว น \" วั ฒ น า \" มาจากพระนามาภิไธยเดิมของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (คือ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี) สมเด็จพระปัยยิกา (ย่าทวด) และ \"อดุล\" มาจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ส ม เ ด็ จ พ ร ะ อั ย ก า ( ปู่ ) การศกึ ษา
3 เ มื่ อ วั น ที่ 2 เ ดื อ น ตุ ล า ค ม พ . ศ . 2 5 0 1 พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง เ ริ่ ม เ ข้ า รั บ ก า ร ศึ ก ษ า ร ะ ดั บ อ นุ บ า ล ท่ี โ ร ง เ รี ย น จิ ต ร ล ด า ซึ่ ง ตั้ ง อ ยู่ ภ า ย ใน บ ริ เว ณ ส ว น จิ ต ร ล ด า พ ร ะ ร า ช วั ง ดุ สิ ต ข ณ ะ มี พ ร ะ ช น ม า ยุ 3 พรรษาทรงมีพระสหายร่วมช้ันเรียน 20 คน เป็นโอรสธิดาของพระบรมวงศานุวงศ์ แ ล ะ บุ ต ร ห ล า น ข้ า ร า ช ก า ร ต ล อ ด จ น ม ห า ด เ ล็ ก ผู้ ไ ด้ รั บ พ ร ะ ม ห า ก รุ ณ า ธิ คุ ณ ให้ ม า ร่ ว ม เรี ย น ด้ ว ย โด ย ป ร า ศ จ า ก ช้ั น ว ร ร ณ ะ วิชาท่ีทรงเรียนในช้ันอนุบาลน้ี คือ วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เลขคณิตและขับร้อง พระอาจารย์ท่ีถวายพระอักษรขณ ะนั้น ได้แก่ อาจารย์ท่านผู้หญิ งทัศนีย์ บุณ ยคุปต์ อาจารย์ท่านผู้หญิ งอังกาบ บุณ ยัษ ฐิติ และอาจารย์ท่านผู้หญิ งสุนามัน ประนิช[7] เม่ือทรงเรียนจบช้ันประถมศึกษาตอนปลาย ได้ทรงสอบร่วมกับนักเรียนท่ัวประเทศ โดยใช้ข้อสอบของกระทรวงศึกษาธิการ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ท ร ง ส อ บ ไ ด้ ที่ ห น่ึ ง ไ ด้ ค ะ แ น น ร ว ม ร้ อ ย ล ะ 9 6 . 6 0 อั น นั บ ว่ า เ ป็ น ค ะ แ น น สู ง สุ ด ส ำ ห รั บ ร ะ ดั บ ช้ั น ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า ปี ที่ เ จ็ ด จึ ง ท ร ง ได้ รั บ พ ร ะ ร า ช ท า น ร า ง วั ล เรี ย น ดี จ า ก พ ร ะ บ า ท ส ม เด็ จ พ ร ะ เจ้ า อ ยู่ หั ว ในงานแสดงศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 31 ณ กรีฑาสถานแห่งชาติ เมื่อวันท่ี 1 ธันวาคม พ.ศ. 2511 และทรงศึกษาต่อในโรงเรียนจิตรลดาจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และ ในปี พ.ศ. 2515 กท็ รงสอบไลจ่ บชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ในแผนกศิลปะ ด้วยคะแนนสูงสุดของประเทศ หลังจากน้ัน พระองค์ทรงสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสามารถทำคะแนนสอบเอนทรานซ์เป็นอันดับ 4 ของประเทศ ซ่ึงถือเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรกท่ีทรงเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในประเทศ จนกระท่ัง ปี พ.ศ. 2520 พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ เกยี รตินยิ มอันดบั หนง่ึ เหรียญทอง ดว้ ยคะแนนเฉลีย่ 3.98 พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง เข้ า ศึ ก ษ า ต่ อ ใน ร ะ ดั บ ป ริ ญ ญ า โท ด้ า น จ า รึ ก ภ า ษ า ต ะ วั น อ อ ก (ภ า ษ า สั น ส ก ฤ ต แ ล ะ ภ า ษ า เข ม ร ) ณ ค ณ ะ โบ ร า ณ ค ดี ม ห า วิ ท ย า ลั ย ศิ ล ป า ก ร และสาขาภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต จาก ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์
4 จุ ฬ า ล ง ก ร ณ์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย ใ น ร ะ ห ว่ า ง นั้ น มีพระราชกิจมากจนทำให้ไม่สามารถทำวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทได้พร้อมกันท้ัง 2 มห า วิ ท ย า ลั ย พ ระ อ งค์ จึ งตั ด สิ น พ ระ ทั ย เลื อ ก ท ำ วิท ย านิ พ น ธ์เพื่ อ ให้ ส ำเร็จ ก าร ศึ ก ษ าท่ี ค ณ ะ โบ ร าณ ค ดี มหาวิทยาลัยศิลปากรก่อน โดยทรงทำวิทยานิพนธ์ห้วข้อเรื่อง “จารึกพบท่ีปราสาทพนมรุ้ง” ท ร ง ส ำ เ ร็ จ ก า ร ศึ ก ษ า ไ ด้ รั บ ป ริ ญ ญ า ศิ ล ป ศ า ส ต ร ม ห า บั ณ ฑิ ต และเข้ารับพระราชทานปริญ ญ าบัตรเมื่อวันท่ี 11 ตุลาคม พ.ศ. 2522 หลังจากน้ัน พ ร ะ อ งค์ ท ร ง ท ำ วิ ท ย า นิ พ น ธ์ หั ว ข้ อ เร่ื อ ง “ท ศ บ า ร มี ใน พุ ท ธ ศ า ส น า เถ ร ว า ท ” ทรงสำเร็จการศึกษาได้รับปริญ ญ าอักษรศาสตรมหาบัณ ฑิต จากคณ ะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเม่ือวันท่ี 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 หลังจากนั้น พระองค์ทรงเข้าศึกษาที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือสถาบันเอไอ ที ใน ห ลั ก สู ต รเท ค โน โล ยี ก ารส ำรว จ ข้ อ มู ล ระ ย ะ ไก ล เป็ น เวล า 1 ภ าค ก ารศึ ก ษ า จ น ไ ด้ รั บ ป ร ะ ก า ศ นี ย บั ต ร จ า ก ส ถ า บั น โดยพระองคไ์ ด้ทรงประยกุ ตค์ วามรู้ท่ีได้รบั ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการทำแผนทีข่ องจังหวัดนราธิวาส พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง เข้ า ศึ ก ษ า ต่ อ ใ น ร ะ ดั บ ป ริ ญ ญ า เอ ก ณ ค ณ ะ ศึ ก ษ า ศ า ส ต ร์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย ศ รี น ค ริ น ท ร วิ โ ร ฒ โดยพระองค์ผ่านการสอบคัดเลอื กอย่างยอดเยี่ยมด้วยคะแนนเปน็ อันดบั หน่ึงในบรรดาผู้เข้าสอบท้ั งหมด และทรงเป็นนิสิตปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์ รุ่นท่ี 4 พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ท ำ วิ ท ย า นิ พ น ธ์ ใ น หั ว ข้ อ เ ร่ื อ ง “การพัฒนานวตั กรรมเสริมทักษะการเรียนการสอนภาษาไทยสำหรบั นักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาตอน ปลาย” เนื่องจากพระองค์ทรงตระหนักว่าสภาพการเรียนการสอนภาษาไทยนั้นมีปัญหา เพ ร า ะ นั ก เรี ย น ไ ม่ ค่ อ ย ส น ใ จ เรี ย น ภ า ษ า ไ ท ย มี ค ว า ม รู้ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ทั ก ษ ะ ใ น ก า ร เ ข้ า ใ จ แ ล ะ ใ ช้ ภ า ษ า ไ ม่ เ พี ย ง พ อ พระองค์จึงทรงนำเสนอวิธีการสอนภาษาไทยในลักษณะนวัตกรรมเสริมทักษะการเรียนการสอน เพือ่ ส่งเสริมความสนใจในการเรียนภาษาไทยของนักเรยี นและเปน็ สื่อทจี่ ะช่วยใหค้ รูสอนภาษาไทย
5 ไ ด้ ง่ า ย ขึ้ น พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ส อ บ ผ่ า น วิ ท ย า นิ พ น ธ์ อ ย่ า ง ย อ ด เ ย่ี ย ม สภามหาวิทยาลัยอนุมัติให้ทรงสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2529 การสถาปนาพระอิสริยยศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ทรงได้รับความสำเร็จในการศึกษาอย่างงดงาม แ ล ะ ท รงได้ บ ำเพ็ ญ พ ระ อ งค์ ให้ เป็ น ป ระ โยช น์ แ ก่ ช าติ บ้ าน เมื อ งเป็ น อ เน ก ป ริยาย โด ย เส ด็ จ พ ร ะ ร าช ด ำเนิ น ไป ท ร งเย่ี ย ม เยี ย น ราษ ฎ ร ใน ภู มิ ภ าค ต่ าง ๆ อ ยู่ เส ม อ ใ น ด้ า น ก า ร พั ฒ น า บ้ า น เ มื อ ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาและช่วยเหลือกิจการโครงการตามพระราชดำริทุกโครงการ พร้อมทรงรับพระบรมราโชบายมาทรงดำเนินการสนองพระเดชพระคุณในด้านต่าง ๆ นั บ เป็ น ก ารดู แ ล ส อ ด ส่ อ งพ ระ ราช ก รณี ย กิ จ ส่ ว น ห น่ึ งต่ างพ ระ เน ต รพ ระ ก รร ณ ใ น ด้ า น ก า ร พ ร ะ ศ า ส น า มีพระหฤทัยม่ันคงในพระรตั นตรัยและสนพระหฤทัยศกึ ษาหาความรู้ด้านศาสนาพุทธและศาสนาอื่ น อ ย่ า ง แ ต ก ฉ า น ใ น ส่ ว น ร า ช ก า ร ใ น พ ร ะ อ ง ค์ นั้ น ก็ ได้ ส น อ ง พ ร ะ เด ช พ ร ะ คุ ณ ใน พ ร ะ ร า ช ภ า ร กิ จ ที่ ท ร ง ม อ บ ห ม า ย ให้ ส ำ เร็ จ ลุ ล่ ว ง ไป ด้ ว ย ดี
6 ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ จ้ า ลู ก เ ธ อ พ ร ะ อ ง ค์ น้ี ก อ ป ร ด้ ว ย พ ร ะ จ ร ร ย า ม า ร ย า ท เพี ย บ พ ร้อ ม ด้ วย คุ ณ ส ม บั ติ แ ห่ งขั ต ติ ย ราช กุ ม ารีทุ ก ป ระ ก าร เป็ น ท่ี รัก ใค ร่นั บ ถื อ ย ก ย่ อ งส ร ร เส ริ ญ พ ร ะ เกี ย ร ติ คุ ณ กั น อ ยู่ โด ย ท่ั ว จึ งท ร งพ ร ะ ก รุ ณ า โป รด เก ล้ า ฯ สถาปนาพระอิสรยิ ยศและพระอสิ รยิ ศักดิ์ให้สงู ขึ้น ให้ทรงรบั พระราชบัญชาและสปั ตปฎลเศวตฉตั ร (เศวตฉัตร 7 ช้ัน) เฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2520 นั บ เ ป็ น เ จ้ า น า ย ฝ่ า ย ใ น พ ร ะ อ ง ค์ ท่ี 14 ใ น ร า ช ว ง ศ์ จั ก รี ที่ ไ ด้ รั บ ก า ร ส ถ า ป น า พ ร ะ อิ ส ริ ย ย ศ เป็ น ส ม เด็ จ พ ร ะ ห รื อ ก ร ม พ ร ะ ย า แ ล ะ เป็ น ค รั้ ง แ ร ก ที่ ส ถ า ป น า พ ร ะ อิ ส ริ ย ย ศ น้ี แ ก่ ส ม เด็ จ พ ร ะ เจ้ า ลู ก เธ อ เจ้ า ฟ้ า จึงเปน็ พระเกยี รตยิ ศทส่ี งู ย่งิ สมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจา้ ใ น ก า ร พ ร ะ ร า ช พิ ธี บ ร ม ร า ช า ภิ เ ษ ก พุ ท ธ ศั ก ร า ช 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
7 สยามบรมราชกุมารี เป็นพระโสทรกนิษฐภคินีท่ีได้ทรงร่วมสุขร่วมทุกข์ มาแต่ทรงพระเยาว์ เ ม่ื อ ท ร ง เ จ ริ ญ พ ร ะ ช น ม า ยุ ก็ได้ทรงปฏิบัติบำเพญ็ พระราชกรณียกจิ สนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมชนกนาถและสมเด็จ พ ร ะ บ ร ม ร า ช ช น นี ด้ ว ย พ ร ะ วิ ริ ย อุ ต ส า ห ะ เป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติและอาณาประชาราษฎร์อย่างใหญ่หลวง เป็นอเนกประการ คร้ันในรัชกาลปัจจุบัน ก็ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในหลายวาระ และช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจน้อยใหญ่ที่สืบเนื่องมาแต่ครั้งรัชสมัยสมเด็จพระบรมชนกนาถ ใ ห้ ด ำ เ นิ น ลุ ล่ ว ง ไ ป ด้ ว ย ค ว า ม เ รี ย บ ร้ อ ย เ ป็ น ท่ี ไ ว้ ว า ง พ ร ะ ร า ช ห ฤ ทั ย ส ม ค ว ร จ ะ ย ก ย่ อ ง พ ร ะ เ กี ย ร ติ ย ศ ต า ม ฐ า น ะ แ ห่ ง พ ร ะ บ ร ม ร า ช ว ง ศ์ จงึ มีพระบรมราชโองการโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมใหเ้ ฉลิมพระนามาภไิ ธยตามที่จารึกในพระสุพร รณบัฏว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร ม ห า ว ชิ ร า ล งก ร ณ ว ร ร าช ภั ก ดี สิ ริ กิ จ ก า ริ ณี พี รย พั ฒ น รั ฐ สี ม าคุ ณ าก ร ปิ ย ช าติ ส ย า ม บ ร ม ร า ช กุ ม า รี นั บ เป็ น เจ้ า น า ย พ ร ะ อ ง ค์ แ ร ก ท่ี ไ ด้ รั บ พ ร ะ ร า ช ท า น พ ร ะ เกี ย ร ติ ย ศ ท่ี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า โดยยังทรงพระอิสริยยศ กรมสมเด็จพระ และ สยามบรมราชกุมารี ตามทีไ่ ดร้ ับพระราชทานจากสมเดจ็ พระบรมชนกนาถ พระอจั ฉรยิ ภาพ
8 ดา้ นภาษา พระองคท์ รงมคี วามรู้ทางดา้ นภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมร ทรงสามารถรับสงั่ เปน็ ภาษาองั กฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาจนี และทรงกำลังศกึ ษาภาษาเยอรมนั และภาษาละตินอีกด้วย ขณะที่ทรงพระเยาว์นน้ั สมเดจ็ พระนางเจ้าสริ กิ ิติ์ พระบรมราชนิ นี าถ ทรงสอนภาษาไทยแกพ่ ระราชโอรสและพระราชธดิ า โดยทรงอ่านวรรณคดีเรอ่ื งต่าง ๆ พระราชทาน และทรงให้พระองคท์ รงคัดบทกลอนต่าง ๆ หลายตอน ทำให้พระองค์โปรดวิชาภาษาไทยตั้งแตน่ นั้ มา นอกจากน้ี ยงั ทรงสนพระทัยในภาษาอังกฤษและภาษาบาลีดว้ ย เ ม่ื อ พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง เ ข้ า เ รี ย น ที่ โ ร ง เ รี ย น จิ ต ร ล ด า น้ั น ทรงได้รับการถ่ายทอดความรู้ทางด้านภาษาท้ังภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาเขมร ภาษาอังกฤษ และภาษาฝร่ังเศส โดยภาษาไทยนั้น พระองค์ทรงเชี่ยวชาญทั้งด้านหลักภาษา วรรณคดี แ ล ะ ศิ ล ป ะ ไ ท ย เ ม่ื อ ท ร ง จ บ ช้ั น มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ต อ น ต้ น พระองค์พอรู้แน่ว่าอย่างไรก็คงไม่ได้เรียนแผนกวิทยาศาสตร์ จึงพยายามหัดเรียนภาษาบาลี อ่านเขียนอักษรขอม เนื่องจากในสมัยน้ัน ผู้ที่จะเรียนภาษาไทยให้กว้างขวาง ลึกซ้ึง จ ะ ต้ อ ง เ รี ย น ทั้ ง ภ า ษ า บ า ลี สั น ส ก ฤ ต แ ล ะ เ ข ม ร ซ่ึ ง ภ า ษ า บ า ลี น้ั น เ ป็ น ภ า ษ า ที่ พ ร ะ อ ง ค์ ส น พ ร ะ ทั ย ตั้ ง แ ต่ ท ร ง พ ร ะ เ ย า ว์ แ ต่ ไ ด้ เ ริ่ ม เ รี ย น อ ย่ า ง จ ริ ง จั ง ใ น ร ะ ดั บ มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ต อ น ป ล า ย จ น ส า ม า ร ถ จ ำ ก า ร แ จ ก วิ ภั ต ติ เ บื้ อ ง ต้ น ที่ ส ำ คั ญ ไ ด้ แ ล ะ เข้ า พ ร ะ ทั ย โค ร ง ส ร้ า ง แ ล ะ ลั ก ษ ณ ะ ท่ั ว ไป ข อ ง ภ า ษ า บ า ลี ได้ น อ ก จ า ก น้ี ยั ง ท ร ง เ ลื อ ก เ รี ย น ภ า ษ า ฝ ร่ั ง เ ศ ส แ ท น ก า ร เ รี ย น เ ปี ย โ น เนอ่ื งจากมีพระราชประสงคท์ ่ีจะอ่านหนังสือภาษาฝรัง่ เศสทม่ี ีอยูใ่ นตู้หนังสือมากกว่าการซ้อมเปียโ น
9 เมื่ อ ท ร ง เข้ า ศึ ก ษ า ณ ค ณ ะ อั ก ษ ร ศ า ส ต ร์ จุ ฬ า ล ง ก ร ณ์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย น้ั น พระองค์ทรงเลือกเรียนสาขาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก และวิชาภาษาไทย ภาษาบาลี แ ล ะ ภ า ษ า สั น ส ก ฤ ต เ ป็ น วิ ช า โ ท ทำให้ทรงศึกษาวิชาภาษาไทยในระดับชั้นสูงและละเอียดลึกซ้ึงย่ิงข้ึนทั้งด้านภาษาและวรรณคดี ส่ วน ภ าษ าบ าลี แ ล ะ สั น ส ก ฤ ต น้ั น ท รงศึ ก ษ าทั้ งวิ ธีก า รแ บ บ ดั้ งเดิ ม ข อ งไท ย คื อ แบบท่ีเรียนกันในพระอารามต่าง ๆ และแบบภ าษ าศาสตร์ซ่ึงเป็นวิธีการตะวันตก ต้ั ง แ ต่ ไ ว ย า ก ร ณ์ ขั้ น พื้ น ฐ า น ไ ป จ น ถึ ง ขั้ น สู ง แ ล ะ เ รี ย น ต า ม วิ ธี ก า ร อิ น เ ดี ย โ บ ร า ณ เ ป็ น พิ เ ศ ษ ใ น ร ะ ดั บ ป ริ ญ ญ า โ ท ซ่ึงรัฐบาลอินเดียได้ส่งศาสตราจารย์ ดร. สัตยพรต ศาสตรี มาถวายพระอักษรภาษาสันสกฤต โดยวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทของพระองค์ เร่ือง ทศบารมีในพุทธศาสนาเถรวาท นั้น ยังได้รับการยกย่องจากมหามกุฏราชวิทยาลัยว่า เป็นวิทยานิพนธ์ที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถ ในภาษาบาลีพุทธวจนะเป็นพิเศษ พระปรีชาสามารถทางดา้ นภาษาของพระองค์นั้นเป็นทป่ี ระจกั ษ์จงึ ได้รบั การทลู เกลา้ ถวายปรญิ ญา ดษุ ฎีบัณฑิตกิตตมิ ศกั ดิ์ทางด้านภาษาจากมหาวทิ ยาลัยต่าง ๆ ทงั้ ในและตา่ งประเทศ เชน่ มหาวทิ ยาลัยรามคำแหง มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ มหาวทิ ยาลัยมาลายา ประเทศมาเลเซีย มหาวทิ ยาลัยบกั กงิ แฮมสหราชอาณาจกั รเปน็ ตน้
10 ดา้ นดนตรี พระองค์ทรงเปน็ ผู้เช่ียวชาญดา้ นดนตรไี ทยผ้หู นึ่ง โดยทรงใช้เคร่อื งดนตรไี ทยไดท้ ุกชนดิ แตท่ โี่ ปรดทรงอยูป่ ระจำ คอื ระนาด ซอ และฆอ้ งวง โดยเฉพาะระนาดเอก พระองคท์ รงเร่ิมหัดดนตรไี ทย ในขณะท่ีทรงศึกษาอยชู่ ัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรียนจิตรลดา โดยทรงเลอื กหดั ซอดว้ งเป็นเครอื่ งดนตรชี ้นิ แรก[24] และไดท้ รงดนตรีไทยในงานปิดภาคเรียนของโรงเรยี น รวมท้งั งานวนั คืนสเู่ หย้าร่วมกบั วงดนตรีจติ รลดาของโรงเรียนจิตรลดาดว้ ย หลังจากท่ที รงเขา้ ศกึ ษาในระดบั อุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย พระองค์ทรงเขา้ ร่วมชมรมดนตรไี ทยของสโมรสรนิสติ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั และคณะอักษรศาส ตร์ โดยทรงเลน่ ซอด้วงเป็นหลกั และทรงเรม่ิ หัดเลน่ เคร่อื งดนตรไี ทยช้ินอน่ื ๆ ดว้ ย ในขณะที่ทรงพระเยาว์ เครอื่ งดนตรที ท่ี รงสนพระทยั นั้น ได้แก่ ระนาดเอกและซอสามสาย ซง่ึ พระองค์ทรงเริ่มเรยี นระนาดเอกอยา่ งจรงิ จงั เมือ่ ปี พ.ศ. 2528 หลังจากการเสด็จทรงดนตรไี ทย ณ บ้านปลายเนิน ซึ่งเป็นวงั ของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟ้ากรมพระยานรศิ รานุวดั ติวงศ์ โดยมี สริ ิชัยชาญ พักจำรญู เปน็ อาจารย์ผ้ถู วายการสอน
11 พระองคท์ รงเร่ิมเรียนตัง้ แตก่ ารจับไมร้ ะนาด การตรี ะนาดแบบตา่ ง ๆ และทา่ ทป่ี ระทับขณะทรงระนาด และทรงเริ่มเรยี นการตรี ะนาดตามแบบแผนโบราณ กล่าวคอื เริ่มตน้ ดว้ ยเพลงต้นเพลงฉงิ่ สามชน้ั แล้วจึงทรงต่อเพลงอ่นื ๆ ตามมา ทรงทำการบ้านดว้ ยการไล่ระนาดทุกเช้า หลังจากบรรทมต่ืนภายในหอ้ งพระบรรทม จนกระท่งั พ.ศ. 2529 พระองคจ์ งึ ทรงบรรเลงระนาดเอกรว่ มกับครอู าวุโสของวงการดนตรไี ทยหลายท่านต่อหนา้ สาธารณ ชนเปน็ คร้ังแรก ในงานดนตรีไทยอุดมศึกษา ครัง้ ท่ี 17 ณ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ โดยเพลงทีท่ รงบรรเลง คือ เพลงนกขมิน้ (เถา) ในดา้ นการขับรอ้ ง พระองค์ทรงสนพระทัยในดา้ นการขบั ร้องเพลงไทย โดยทรงเรมิ่ ฝกึ หดั การขบั ร้องด้วยพระองคเ์ องเมื่อคร้ังยังทรงศกึ ษาอยู่ ณ โรงเรียนจิตรลดา ทรงเริ่มต้นเรียนการขับรอ้ งกับ เจรญิ ใจ สนุ ทรวาทนิ อาจารย์ประจำชมรมดนตรีไทย สโมสรนสิ ิตจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทรงพระราชนิพนธบ์ ทขบั รอ้ งเพลงไทยสำหรับพระราชทานใหแ้ ก่สถาบันการศึกษาและวงดนต รีไทยเพอื่ นำไปบรรเลงและขับร้องเน่ืองในโอกาสต่าง ๆ นอกจากดนตรไี ทยแลว้ พระองคย์ ังทรงดนตรีสากลด้วย โดยทรงเร่มิ เรยี นเปียโนต้งั แตพ่ ระชนมายุ 10 พรรษา แตไ่ ดท้ รงเลกิ เรยี นหลังจากน้ัน 2 ปี และทรงฝึกเครอ่ื งดนตรสี ากล ประเภทเคร่ืองเปา่ จากพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร จนสามารถทรงทรัมเปตนำวงดรุ ยิ างค์ในงานคอนเสิรต์ สายใจไทย และทรงระนาดฝรง่ั นำวงดรุ ิยางคใ์ นงานกาชาดคอนเสริ ต์
12 ด้านพระราชนิพนธ์ พ ร ะ อ ง ค์ โ ป ร ด ก า ร อ่ า น ห นั ง สื อ แ ล ะ ก า ร เขี ย น ม า ตั้ ง แ ต่ ท ร ง พ ร ะ เย า ว์ รวมกับพระปรีชาสามารถทางด้านภาษาทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ร้อยแก้วและร้อยกรอง ดั งน้ั น จึ งท รงพ ระ ราช นิ พ น ธ์ห นั งสื อ ป ระ เภ ท ต่ าง ๆ อ อ ก ม าม าก ก ว่า 100 เล่ ม ซึ่งมีหลายหลากประเภททั้งสารคดีท่องเที่ยวเมื่อเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ เช่น เกล็ดหิมะในสายหมอก ทัศนะจากอินเดีย มนต์รักทะเลใต้ ประเภทวิชาการและประวัติศาสตร์ เช่น บันทึกเร่ืองการปกครองของไทยสมัยอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ กษัตริยานุสรณ์ ห นั ง สื อ ส ำ ห รั บ เ ย า ว ช น เ ช่ น แ ก้ ว จ อ ม แ ก่ น แ ก้ ว จ อ ม ซ น ห นั งสื อ ท่ี เก่ี ย ว ข้ อ งกั บ พ ร ะ บ ร ม ว งศ า นุ ว งศ์ ไท ย เช่ น ส ม เด็ จ แ ม่ กั บ ก าร ศึ ก ษ า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีกับพระราชกรณียกิจพระราชจริยาวัตรด้านการศึกษา ประเภทพระราชนิพนธ์แปล เช่น หยกใสร่ายคำ ความคิดคำนึง เก็จแก้วประกายกวี และหนังสือท่ัวไป เช่น นิทานเร่ืองเกาะ (เร่ืองนี้ไม่มีคติ) เร่ืองของคนแขนหัก เป็นต้น และมีลักษณะการเขยี นท่คี ลา้ ยคลงึ กบั พระราชนพิ นธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว
13 ก ล่ าว คื อ ใน พ ระ ราช นิ พ น ธ์ เร่ือ งต่ าง ๆ น อ ก จ าก จ ะ แ ส ด งพ ระ อ ารม ณ์ ขั น แ ล้ ว ยังทรงแสดงการวพิ ากษ์ วจิ ารณใ์ นแง่ตา่ ง ๆ เป็นการแสดงพระมตสิ ่วนพระองค์ นอกจากพระนาม \"สิรนิ ธร\" แล้ว พระองคย์ งั ทรงใช้นามปากกาในการพระราชนพิ นธห์ นงั สอื อีก 4 พระนาม ไดแ้ ก่ \"ก้อนหนิ กอ้ นกรวด\" เปน็ พระนามแฝงทีท่ รงหมายถงึ พระองคแ์ ละพระสหาย สามารถแยกได้เปน็ ก้อนหนิ หมายถึง พระองคเ์ อง สว่ นกอ้ นกรวด หมายถงึ กุณฑิกา ไกรฤกษ์ พระองคม์ รี บั สัง่ ถงึ พระนามแฝงนว้ี า่ “เราตวั โตเลยใชว้ า่ กอ้ นหิน หวานตัวเล็ก เลยใชว้ ่า ก้อนกรวด รวมกันจึงเป็น ก้อนหนิ -กอ้ นกรวด” นามปากกาน้ี ทรงใชค้ ร้งั เดียวตอนประพนั ธ์บทความ \"เร่อื งจากเมอื งอิสราเอล\" เมอื่ ปี พ.ศ. 2520 \"แวน่ แกว้ \" เป็นช่อื ท่พี ระองคท์ รงตงั้ ขน้ึ เอง ซึง่ พระองค์มรี ับสงั่ ถึงพระนามแฝงน้ีวา่ \"ชื่อแว่นแกว้ นต้ี ้ังเอง เพราะตอนเดก็ ๆ ช่ือลกู แก้ว ตัวเองอยากช่ือแก้ว ทำไมถึงเปล่ยี นไปไมร่ ู้เหมอื นกัน แล้วก็ชอบเพลงนอ้ ยใจยา นางเอกชื่อ แวน่ แก้ว\" พระนามแฝง แว่นแก้วน้ี พระองคเ์ ริม่ ใช้เมื่อปี พ.ศ. 2521 เมอ่ื ทรงพระราชนพิ นธ์และทรงแปลเร่ืองสำหรบั เดก็ ได้แก่ แกว้ จอมซน แกว้ จอมแก่น และขบวนการนกกางเขน \"หนูน้อย\" พระองคม์ รี บั สัง่ ถึงพระนามแฝงน้ีวา่ \"เรามีชื่อเลน่ ท่เี รียกกันในครอบครัวว่า น้อย เลยใช้นามแฝงวา่ หนนู ้อย\" โดยพระองคท์ รงใช้เพยี งคร้งั เดียวในบทความเรอื่ ง “ป๋องที่รกั ” ตีพิมพ์ในหนังสือ 25 ปีจติ รลดา เม่อื ปี พ.ศ. 2523 และ \"บันดาล\" พระองค์มีรับสงั่ ถึงพระนามแฝงนวี้ ่า \"ใชว้ ่า บนั ดาลเพราะคำน้ีผุดข้นึ มาในสมอง เลยใช้เป็นนามแฝง ไม่มเี หตุผลอะไรในการใช้ชื่อน้เี ลย\" ซงึ่ พระองค์ทรงใชใ้ นงานแปลภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทยทท่ี รงทำให้สำนกั เลขาธกิ ารคณะกรรมกา รแห่งชาติ ว่าดว้ ยการศกึ ษา วทิ ยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เม่อื ปี พ.ศ. 2526
14 นอกจากน้ี ยังทรงพระราชนิพนธ์เพลงแปน็ จำนวนมาก โดยบทเพลงท่ดี ังและนำมาขบั รอ้ งบอ่ ยครงั้ ไดแ้ ก่ เพลง ส้มตำ รวมทงั้ ยังทรงประพันธ์คำรอ้ งในบทเพลงพระราชนพิ นธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ได้แก่ เพลงรัก และเพลงเมนูไข่ พระราชกรณยี กิจ ดา้ นการศกึ ษา เ มื่ อ พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ส ำ เ ร็ จ ก า ร ศึ ก ษ า ใ น ร ะ ดั บ อุ ด ม ศึ ก ษ า แ ล้ ว ทรงเข้ารับราชการเป็นพระอาจารย์ประจำกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของพลตรียุทธศักดิ์ คล่องตรวจโรค ผู้ บั ญ ช า ก า ร โ ร ง เ รี ย น น า ย ร้ อ ย พ ร ะ จุ ล จ อ ม เ ก ล้ า ใ น ข ณ ะ น้ั น ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทยและสังคมวิทยา พระองค์จึงทรงเป็น \"ทูลกระหม่อมอาจารย์\" สำหรับนักเรียนนายร้อยต้ังแต่นั้น ต่อมา เมื่อมีการต้ังกองวิชาประวัติศาสตร์ข้ึนในปี พ.ศ. 2530 พ ระองค์ท รงดำรงตำแห น่งเป็ นผู้อำนวยการกอ งวิชาป ระวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบั น
15 แ ล ะ ท ร งได้ รั บ ก า ร โป ร ด เก ล้ า ฯ แ ต่ งต้ั งให้ เป็ น ศ า ส ต ร า จ า ร ย์ ส่ ว น ก า ร ศึ ก ษ า ประจำโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเม่ือวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2529 และเป็นศาสตราจารย์ ส่วนการศึกษา ประจำโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (อัตราจอมพล) เมื่อปี พ.ศ. 2543 นอกจากนี้ พระองค์ยังได้ทรงรับเชิญเป็นพระอาจารย์สอนในสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ เช่น จุ ฬ า ล ง ก ร ณ์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย ม ห า วิ ท ย า ลั ย ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์ โด ย เฉ พ าะ ที่ ม ห าวิท ย าลั ย ศ รีน ค ริน ท รวิโรฒ นั้ น พ ระ อ งค์ ได้ รับ ก ารโป รด เก ล้ าฯ แตง่ ตัง้ ใหเ้ ป็นศาสตราจารย์พเิ ศษ สาขาพฒั นาศึกษาศาสตร์ด้วย ใน ปี พ .ศ . 2525 ท ร ง พ ร ะ ร า ช ด ำ ริ ให้ ก่ อ ต้ั ง โร งเรี ย น พ ร ะ ต ำ ห นั ก ส ว น กุ ห ล า บ ขึ้ น ใ น พ ร ะ บ ร ม ม ห า ร า ช วั ง เพื่ อเปิ ดโอก าสท างการศึกษ าให้กั บ บุต รหลานข้าราชบ ริพ ารและป ระชาชนทั่ วไป เ ปิ ด ท ำ ก า ร ส อ น ค รั้ ง แ ร ก ใ น ปี ก า ร ศึ ก ษ า 2525 โดยทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์ประธานกรรมการคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานโรงเรยี นพร ะตำหนักสวนกุหลาบ และทรงเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทุกครั้ง ร ว ม ถึ ง เส ด็ จ พ ร ะ ร า ช ด ำ เนิ น ไ ป ใ น ง า น ปิ ด ภ า ค เรี ย น ข อ ง โ ร ง เรี ย น ทุ ก ค รั้ ง เ พื่ อ พ ร ะ ร า ช ท า น ทุ น พ ร ะ ร า ช ท า น ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร เ รี ย น ดี และพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาข้ันพื้นฐานจากสถานศึกษาต่าง ๆ คือ โรงเรยี นพระตำหนักสวนกุหลาบ วิทยาลัยในวังชาย วิทยาลัยในวังหญิง โรงเรียนผู้ใหญ่พระดาบส ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง) กาญ จนาภิเษกวิทยาลัย (ช่างทองหลวง) ในปี พ.ศ. 2533 เมื่อครั้งที่พระองค์เสดจ็ ฯ เยือนประเทศลาวครั้งแรกระหว่างวันที่ 15-22 มีนาคม ได้ มี ผู้ มี จิ ต ศ รั ท ธ าบ ริ จ าค ทุ น ท รั พ ย์ โด ย เส ด็ จ พ ระ ร าช กุ ศ ล เป็ น เงิน 12 ล้ าน กี บ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำเงินไปก่อสร้างเรือนนอนให้แก่โรงเรียนวัฒนธรรมเด็กกำพร้า (หลัก 67) ซึ่งอยู่ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปทางทิศเหนือประมาณ 67 กิโลเมตร พ ร ะ ร า ช ท า น ช่ื อ ว่ า “อ า ค า ร สิ ริ น ธ ร ” โ ด ย มี พ ร ะ ร า ช ด ำ ริ ที่ จ ะ ช่ ว ย เ ห ลื อ นั ก เ รี ย น ใ ห้ มี ค ว า ม เ ป็ น อ ยู่ ท่ี ดี ขึ้ น
16 ใ น รู ป แ บ บ ข อ ง โ ค ร ง ก า ร เ ก ษ ต ร เ พ่ื อ อ า ห า ร ก ล า ง วั น โดยนำแนวทางท่ดี ำเนินการในประเทศไทยมาประยกุ ตใ์ ช้ และสนบั สนนุ การประกอบอาชีพเสริม พ.ศ. 2535 ทรงพระราชดำรพิ ระราชทานความชว่ ยเหลอื กมั พูชาในการก่อตงั้ วิทยาลยั กำปงเฌอเตียล ณ จงั หวดั กำปงธม ประเทศกมั พชู า โดยพระราชทานเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสถานท่ีตา่ ง ๆ เสดจ็ ฯ ไปทรงเปดิ วทิ ยาลัยเมือ่ วนั ท่ี 10 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2548 และทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนแก่นักเรยี นเพ่ือใหม้ าศึกษาต่อในประเทศไทยในหลักสูตรคุรศุ าสตร์บัณฑติ และหลั กสตู รอาชวี ศึกษา เพื่อนำความรกู้ ลบั ไปสอนและพฒั นาการจัดการศกึ ษาของวทิ ยาลยั รวมทง้ั ทรงสนับสนุนการศึกษาด้านนาฏศลิ ป์และดนตรี ในปี พ.ศ. 2549 พระองคท์ รงมแี นวความคดิ จัดต้งั โครงการพฒั นานกั อกั ษรศาสตร์ร่นุ ใหม่ขึ้น โดยความรว่ มมือของโรงเรียนเตรียมอดุ มศกึ ษาและคณะอักษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย เพอื่ สรา้ งนกั อกั ษรศาสตร์ที่มมี ุมมองและแนวคิดใหม่เพือ่ เปน็ กำลงั ของชาติ
17 มีพ ระวิสัยทั ศน์ก้าวไกล ท รงสนับ สนุ นการช่วยเห ลือ โรงเรียนมหิดลวิท ยานุสรณ์ ใหเ้ ปน็ โรงเรยี นผลิตนกั วจิ ยั นกั วิทยาศาสตร์ สรา้ ง\"องคค์ วามรู้\" ให้แก่ประเทศไทย ดา้ นการอนุรกั ษ์ศิลปวฒั นธรรมไทย พระองค์ทรงสนพระทัยด้านศิลปวัฒนธรรมมาต้ังแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยเฉพาะทางด้านดนตรีไทย ซึ่ ง พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ส นั บ ส นุ น ใ น ก า ร อ นุ รั ก ษ์ สื บ ท อ ด เ ผ ย แ พ ร่ ค ว า ม รู้ ด้ า น ด น ต รี ไ ท ย อ ย่ า ง ต่ อ เ น่ื อ ง ม า โ ด ย ต ล อ ด
18 โดยทรงเป็นแบบอย่างในการเสด็จทรงเครื่องดนตรีไทยร่วมกับประชาชนท้ังในและต่างประเทศ น อ ก จ า ก น้ี ยั งท รงอ นุ รัก ษ์ ด น ต รี ไท ย โด ย ก ารช ำร ะ โน้ ต เพ ล ง บั น ทึ ก เพ ล งเก่ า แ ละเผยแ พ ร่งาน เห ล่าน้ั น อย่างต่ อ เนื่ อ ง แ ละส่งเสริมให้ สถ าบั น ก ารศึก ษ าต่ าง ๆ จัดการเผยแพร่งานทางด้านดนตรีไทย ซ่ึงจากงานทางด้านการอนุรักษณ์ดนตรีไทย ครูเสรี หวังในธรรม ได้กล่าวไว้ว่า “ดนตรีไทยไม่สิ้นแล้ว เพราะพระทูลกระหม่อมแก้วเอาใจใส่” น อ ก จ า ก ด้ า น ด น ต รี ไ ท ย แ ล้ ว พระองค์ยังประกอบพระราชกรณียกิจมากมายเพือ่ การอนรุ กั ษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทยท้ังใน ด้าน การช่างไท ย น าฏ ศิลป์ ไท ย งานพิ พิ ธภั ณ ฑ์ ประวัติศาสตร์ และโบ ราณ สถาน ภ าษ าแ ละวรรณ ก รรม ไท ย พ ระองค์ ได้ รับ ก ารทู ลเก ล้าฯ ถวายพ ระสมัญ ญ าว่า “ เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย ” เมื่อ พ.ศ. 2531 และ “วิศิษฏศิลปิน” เม่ือวันท่ี 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 เพ่ือเทิดพระเกียรติท่ีพระองค์ทรงพระปรีชาสามารถในศิลปะหลายสาขา รวม ทั้ ง ท รงมี คุ ณู ป ก ารต่ อ เห ล่ าศิ ล ปิ น แ ล ะ ศิ ล ป วัฒ น ธรรม ข อ งช าติ น อ ก จาก นี้ คณะรัฐมนตรีซึ่งมีฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ มี ม ติ ให้ วัน ท่ี 2 เม ษ าย น ซึ่ งเป็ น วัน ค ล้ าย วั น พ ระ ราช ส ม ภ พ ข อ งพ ระ อ งค์ เป็ น \" วั น อ นุ รั ก ษ์ ม ร ด ก ข อ ง ช า ติ \" เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติท่ีพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกจิ ในด้านการอนุรักษ์มรดกของชา ติ ใ น ส า ข า ต่ า ง ๆ เป็นจำนวนมากพระองค์ทรงรบั เป็นประธานท่ีปรึกษาการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระ ศ พ ส ม เด็ จพ ระเจ้าภ คิ นี เธอ เจ้าฟ้ าเพ ช รรัต น ราชสุ ด า สิ ริโสภ าพั ณ ณ วดี อี ก ด้ วย ทรงเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามวัดพระศรีรัต นศาสดาราม และพระบรมมหาราชวงั ต้ังแตป่ ลายปี พ.ศ. 2523 ด้านการพฒั นาหอ้ งสมุดและการรูห้ นงั สอื
19 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ท ร ง ส น พ ร ะ ทั ย ก า ร อ่ า น แ ล ะ ก า ร พั ฒ น า ห้ อ ง ส มุ ด ทรงรับสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯไว้ในพระราชูปถัมภ์ เมื่อวันท่ี 2 กันยายน พ.ศ. 2519 ห ล า ย โ อ ก า ส ท่ี เ ส ด็ จ พ ร ะ ร า ช ด ำ เ นิ น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ด้ เ ส ด็ จ เ ยี่ ย ม แ ล ะ ท ร ง ดู ง า น ห้ อ ง ส มุ ด ช้ั น น ำ ห ล า ย แ ห่ ง ซึ่ ง ไ ด้ พ ร ะ ร า ช ท า น ข้ อ แ น ะ น ำ แ ก่ ส ม า ค ม ห้ อ ง ส มุ ด แ ห่ ง ป ร ะ เท ศ ไ ท ย ฯ และบรรณารักษ์ไทยในการนำความรไู้ ปพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนและห้องสมุดประชาชนรวมทง้ั ห้อ งสมุดประชาชนเฉลมิ ราชกมุ ารีท่ีเป็นแหล่งเรยี นร้เู พื่อขยายโอกาสให้ประชนในการพัฒนาการรู้หนั ง สื อ นอกจากนี้ยงั ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินเปน็ องคป์ ระธานในการประชุมสามญั ประจำปีขอ ง ส ม า ค ม ห้ อ ง ส มุ ด แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ฯ เ ส ม อ ม า ร ว ม ทั้ งได้ เส ด็ จ พ ร ะ ร า ช ด ำ เนิ น แ ท น พ ร ะ อ งค์ พ ร ะ บ า ท ส ม เด็ จ พ ร ะ เจ้ า อ ยู่ หั ว ทรงเป็นประธานในโอกาสทีป่ ระเทศไทยเป็นเจา้ ภาพการประชมุ สมาพนั ธส์ มาคมห้องสมดุ ฯนานาช าติ (IFLA) และมพี ระราชดำรสั เปิดการประชมุ IFLA ครัง้ ท่ี 65 ท่กี รุงเทพมหานครในปี 1999 ด้านการต่างประเทศ
20 พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พ ร ะ บ ร ม ร า ชิ นี น า ถ พ ร ะ บ ร ม ร า ช ช น นี พั น ปี ห ล ว ง เ ส ด็ จ ฯ เยือนสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปอย่างเป็นทางการ ระหว่าง ปี พ.ศ. 2503-2504 ใ น ข ณ ะ ที่ มี พ ร ะ ช น ม า ยุ 5 พ ร ร ษ า ห ลั ง จ า ก น้ั น พระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศเป็นจำนวนหลายคร้ัง โดยการเสด็จฯ น้ัน พ ร ะ อ ง ค์ เ ส ด็ จ ฯ ท้ั ง ใ น ฐ า น ะ ผู้ แ ท น พ ร ะ อ ง ค์ พระราชอาคันตุกะหรืออาคันตุกะของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ รวมท้ัง เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งนอกจากจะทรงงานเพ่ือเช่ือมสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศแล้ว พ ร ะ อ ง ค์ ยั ง เ ส ด็ จ ฯ ท อ ด พ ร ะ เน ต ร สั ง ค ม วั ฒ น ธ ร ร ม ส ถ า น ที่ ต่ า ง ๆ และทรงได้แลกเปล่ียนความคิดเห็นกับผู้เช่ียวชาญในสาขาต่าง ๆ ของประเทศน้ัน ๆ และได้ทรงนำความรู้และประสบการณ์ที่ทรงได้ทอดพระเนตรและจดบันทึกมาประยุกต์ใช้กับการ ท ร ง ง า น ภ า ย ใ น ป ร ะ เ ท ศ ด้ ว ย ซึ่ ง ก า ร เ ส ด็ จ ฯ ทรงงานในต่างประเทศของพระองคท์ ำให้หนังสือพิมพ์ฝร่ังเศสว่าถวายพระราชสมัญญานามแด่พร ะองคว์ ่า “เจ้าฟา้ นักดงู าน” หรอื “Le Princesse Stagiaire”
21 น อ ก จ า ก นี้ พระองค์ยังทรงร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือในด้านการพัฒนาสังคม อ า ทิ เ ช่ น ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ร ะ ห ว่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย แ ล ะ ป ร ะ เ ท ศ ล า ว ซ่ึ งพ ระองค์ ได้ ท รงมีโครงก ารต าม พ ระราชด ำริ ทั้ งใน ด้ าน ก ารพั ฒ น าคุณ ภ าพ ชีวิต การให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์และการสาธารณสุข การพัฒนาทางด้านการศึกษา เป็นต้น น อ ก จ า ก ป ร ะ เ ท ศ ล า ว แ ล้ ว โครงการเพ่ือการพัฒนาของพระองค์ยังได้ขยายออกไปยังประเทศกัมพูชา ประเทศพม่า และประเทศเวียดนามด้วย[ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ ความรว่ มมอื กับองคก์ ารสหประชาชาติ พระองคท์ รงให้ความร่วมมือในโครงการอาหารในโรงเรียน ซ่ึ ง เป็ น โ ค ร ง ก า ร ข อ ง โ ค ร ง ก า ร อ า ห า ร โ ล ก แ ห่ ง อ ง ค์ ก า ร ส ห ป ร ะ ช า ช า ติ โดยได้แต่งต้ังให้พระองค์เป็นทูตพิเศษของโครงการด้วย, โครงการการศึกษาเพื่อทุกคน เ ป็ น โ ค ร ง ก า ร ด้ า น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม ศั ก ย ภ า พ ข อ ง เ ด็ ก ช น ก ลุ่ ม น้ อ ย ด้วยการศึกษาและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ซ่ึงเป็นโครงการขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม รวมท้ัง โครงการการศึกษาหลังประถมศึกษาสำหรับผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถ่ิน โดยมูลนธิ กิ ารศกึ ษาเพ่ือผู้ล้ภี ยั ความสมั พันธ์กับประเทศจนี
22 ซุ้มประตูเฉลมิ พระเกียรตดิ า้ นจารึกอักษรจนี พระองค์เป็นพระบรมวงศานุวงศ์ท่ีเสด็จเยือนจีนมากคร้ังที่สุด รวมทั้งสิ้น 20 คร้ัง โดยเสด็จฯ เ ยื อ น ม ณ ฑ ล ข อ ง จี น ค ร บ ทุ ก ม ณ ฑ ล ซ่ึ ง ห ล า ย ค ร้ั ง ห ลั ง เ ส ด็ จ ฯ เยือน จีน จะท รงถ่ายท อด ป ระสบ ก ารณ์ ก ารเยือน เป็ น สารคดี ได้ แ ก่ ย่ำแด น มั งกร ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์หลังเสด็จฯ เยือนจีนคร้ังแรกเมื่อปี พ.ศ. 2524 ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่ตามมาได้แก่ มุ่งไกลในรอยทราย, เกล็ดหิมะในสายหมอก , ใต้เมฆที่เมฆใต้, เย็นสบายชายน้ำ, คื น ถ่ิ น จี น ใ ห ญ่ แ ล ะ เ จี ย ง ห น า น แ ส น ง า ม น อ ก จ า ก น้ี พระองค์ยังได้รับการยกย่องจากสมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์แห่งประชาชนจีนว่าทรงเป็น \"ทตู สนั ถวไมตรี\" ระหวา่ งประเทศไทยและประเทศจีน เมือ่ วันท่ี 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2547 ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในปี พ.ศ. 2542 ชาวไทยเชอ้ื สายจีน บรษิ ทั ห้างร้าน กล่มุ มวลชน หนว่ ยงานราชการได้รว่ มใจกันจัดสร้าง ซ้มุ ประตูวฒั นธรรมไทย–จนี หรอื ซุม้ ประตเู ฉลมิ พระเกียรติ บรเิ วณวงเวยี นโอเดยี น เพ่ือถวายเป็นราชสดุดีแดอ่ งค์พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร และเป็นสญั ลักษณ์ของไชน่าทาวน์ พระองคไ์ ดท้ รงจารกึ อักษรจนี \"เซ่งิ โซว่ อู๋ เจียง\" หมายถงึ \"ทรงพระเจริญยงิ่ ยนื นาน\" พรอ้ มนามาภิไธย \"สิรนิ ธร\" บนแผ่นจารึกนามใตห้ ลงั คาซมุ้ ประตูเฉลิมพระเกยี รติ
23 ด้านการสาธารณสขุ
24 จากการทีพ่ ระองคไ์ ด้เสด็จพระราชดำเนนิ ไปยังถิน่ ทุรกนั ดาร ทำใหพ้ ระองค์ทอดพระเนตรเห็นถึงปัญหาทางดา้ นสุขภาพอนามยั ของราษฎรในชนบท พระองคจ์ ึงมพี ระราชดำริจัดทำโครงการตา่ ง ๆ เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาสขุ ภาพอนามัยของราษฎร โครงการแรกท่ีพระองคท์ รงเรม่ิ ไดแ้ ก่ โครงการเกษตรเพ่อื อาหารกลางวัน เพ่อื แกไ้ ขปญั หาการขาดแคลนอาหารกลางวนั ของเด็กนักเรียน ซึ่งโครงการนน้ี อกจากจะแกป้ ญั หาการขาดแคลนอาหารกลางวนั แล้วยงั ช่วยให้นกั เรยี นมีความร้ทู า งด้านโภชนาการและการเกษตรด้วยและปญั หาท่ีสำคญั อีกประการหน่ึง นั่นคือ การระบาดของโรคคอพอกเน่ืองจากการขาดสารไอโอดนี พระองคท์ รงแกไ้ ขปญั หาน้ีโดยทรงรเิ ริ่ม โครงการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน ด้วยการรณรงค์ให้มกี ารใช้เกลือไอโอดนี หรือหยดไอโอดีนในการประกอบอาหาร และอบรมใหค้ วามรู้เก่ยี วกับการขาดไอโอดนี ซึง่ โครงการนเี้ ป็นโครงการที่เสรมิ การทำงานของกระทรวงสาธารณสขุ นอกจากนี้ พระองค์ยงั ใหค้ วามสำคัญต่อสุขภาพอนามัยของแม่และเด็กในถน่ิ ทุรกันดารดว้ ย โดยพระองค์ทรงตระหนักวา่ คนเราจะภาวะโภชนาการและสุขภาพอนามยั ท่ดี ีน้นั ตอ้ งเร่มิ ตั้งแต่ในครรภ์มารดา พระองคจ์ ึงเริ่ม โครงการสง่ เสริมโภชนาการและสขุ ภาพอนามยั แมแ่ ละเด็กในถิน่ ทุรกนั ดาร
25 เพอื่ ใหแ้ ม่และเด็กไดร้ บั บรกิ ารทางดา้ นอนามยั อยา่ งเหมาะสม รวมทั้งไดร้ บั โภชนาการทีถ่ กู ต้องและเหมาะสมในแตล่ ะพน้ื ที่ น อ ก จ า ก นี้ พระองคย์ ังทรงจัดต้ังหนว่ ยแพทย์พระราชทานและหนว่ ยทันตกรรมพระราชทานเพือ่ อกตรวจรกั ษ า ร า ษ ฎ ร ใ น ถ่ิ น ทุ ร กั น ด า ร ที่ พ ร ะ อ ง ค์ เ ส ด็ จ ฯ เ ยี่ ย ม ใ น แ ต่ ล ะ ค รั้ ง รวมทงั้ ทรงรับผู้ปว่ ยท่ียากจนเปน็ คนไข้ในพระราชานุเคราะห์ดว้ ย พ ร ะ อ ง ค์ เส ด็ จ ณ โ ร ง พ ย า บ า ล ต่ า ง ๆ ใ น เมื อ ง มิ ว นิ ก ป ร ะ เท ศ เย อ ร ม นี ด้ ว ย ค ว า ม เ ป็ น ห่ ว ง ป ร ะ ช า ช น ที่ เ ป็ น โ ร ค ท่ี เ ก่ี ย ว กั บ ก ร ะ ดู ก แ ล ะ จั ก ษู นำวทิ ยาการในประเทศเยอรมนีมาสู่เมอื งไทย ดา้ นศาสนา เนือ่ งจากพระองคท์ รงไดร้ บั การอบรมใหม้ ีความใกล้ชิดกับพระพทุ ธศาสนาจากสมเด็จพระนางเจา้ สิ ริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทำให้พระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ โดยพระองค์มักมักจะได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เ
26 สด็ จฯ เป็ นผู้แท น พ ระองค์ เพื่ อเป็น องค์ป ระธานในพิ ธี ที่ เก่ี ยวข้องกับศาสน า เช่น พิธีเวียนเทยี นที่พทุ ธมณฑล เนอ่ื งในวนั วสิ าขบชู า วนั มาฆบูชา เปน็ ต้น พ ร ะ อ ง ค์ ท ร ง ริ เ ร่ิ ม ใ ห้ มี ก า ร ฟ้ื น ฟู ป ร ะ เ พ ณี ฉ ล อ ง วั น วิ ส า ข บู ช า ซ่ึ งเป็ น ป ระ เพ ณี ที่ เค ย มี ขึ้ น ใน รัช ส มั ย พ ระ บ าท ส ม เด็ จ พ ระ พุ ท ธเลิ ศ ห ล้ าน ภ าลั ย โ ด ย ไ ด้ ท ร ง ป ร ะ ก า ศ เชิ ญ ช ว น ใ ห้ พุ ท ธ ศ า ส นิ ก ช น ร่ ว ม กั น จุ ด โ ค ม ป ร ะ ที ป แ ล ะ ส่ ง บั ต ร อ ว ย พ ร ท่ี มี ข้ อ ธ ร ร ม ะ เพ่ือเป็นการพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ทราบถึงประวัติและความสำคัญของวันวิสาขบูชา รวมทั้ง ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยพระองค์ยงั ได้พระราชทานโคลงข้อธร รมะเพือ่ ใหก้ ระทรวงวฒั นธรรมพิมพ์แจกแก่พุทธศาสนิกชนในบตั รอวยพรวันวิสาขบชู าด้วยและพร ะองค์ยังทรงพระราชดำริให้ธรรมสถานแห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดงานเทศน์มหาชาติรา่ ยยาว ขึ้ น ซ่ึ ง เป็ น ก า ร เท ศ น์ ม ห า ช า ติ ต า ม รู ป แ บ บ ที่ ถู ก ต้ อ ง ต า ม ต ำ รั บ ห ล ว ง เ พื่ อ ช้ี น ำ ใ ห้ ค น ไ ท ย ไ ด้ เ ข้ า ใ จ ใ น คุ ณ ค่ า ข อ ง เ รื่ อ ง ม ห า ช า ติ แ ล ะ ป ร ะ เพ ณี ก า ร เท ศ น์ ม ห า ช า ติ ท่ี สื บ ท อ ด กั น ม า ตั้ ง แ ต่ ค ร้ั ง โ บ ร า ณ ก า ล พ ร ะ ร า ช ก ร ณี ย กิ จ ที่ ส ำ คั ญ ป ร ะ ก า ร ห นึ่ ง คื อ พ ร ะ อ ง ค์ ยั ง ท ร ง เป็ น แ ม่ ก อ ง ใ น ก า ร ซ่ อ ม แ ซ ม วั ด พ ร ะ ศ รี รั ต น ศ า ส ด า ร า ม เพ่ือให้สำเร็จทันงานพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2525 ซ่ึงงานบูรณปฏิสังขรณ์ในคร้ังนี้ประสบปัญหาล่าช้า เน่ืองจากงบประมาณน้อย รวมทั้ง ขาดแคลนช่างในสาขาต่าง ๆ เป็นต้ น งานในครั้งนี้พ ระองค์ท รงดู แลอย่างใกล้ชิด แ ล ะ ค ลี่ ค ล า ย ปั ญ ห า ต่ า ง ๆ ด้ ว ย พ ร ะ ร า ช ห ฤ ทั ย ท่ี เ ด็ ด ข า ด ร ว ม ทั้ ง แก้ได้รับเงินบริจาคจากพระบรมวงศานุวงศ์และประชาชนร่วมสมทบทุนจึงทำให้งานบูรณะในคร้ัง น้ีจึงเสร็จทั นก าลน อก จากน้ี พ ระองค์ท รงบู รณ ะวัดท่ าสุท ธาวาส จังห วัดอ่างท อง และทรงสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่เพ่ือเป็นพระราชกุศลในโอกาสเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบและทรงรับวดั นไ้ี วใ้ นพระราชอปุ ถมั ภ์ดว้ ย นอกจากพระพทุ ธศาสนาแล้ว พระองค์ยังทรงปฏิบัตพิ ระราชกรณียกิจทเี่ กี่ยวเนอ่ื งกับศาสนาอื่น ๆ โ ด ย มิ ไ ด้ ท ร ง ล ะ เล ย ซึ่ ง เม่ื อ พ ร ะ อ ง ค์ ไ ด้ รั บ ค ำ ก ร า บ บั ง ค ม ทู ล เชิ ญ เส ด็ จ ฯ
27 ไปประกอบพิธีกรรมของศาสนาต่าง ๆ น้ัน พระองค์ก็จะเสด็จฯ ตามคำกราบบังคมทูลเสมอ ดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ
28 พระองค์มีพระราชดำรใิ ห้นำเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาพัฒนาประเทศหลายประการ ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการของโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ เ ป็ น เ ล ข า นุ ก า ร [ 68] โ ด ย มี พ ร ะ ร า ช ด ำ ริ ใ ห้ โ ค ร ง ก า ร ต่ า ง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นโครงการนำร่องและใช้เป็นตัวอย่างในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ แ ล ะ มี พ ร ะ ร า ช ป ร ะ ส ง ค์ จ ะ ให้ ห น่ ว ย ง า น รั ฐ ท่ี เกี่ ย ว ข้ อ ง กั บ โ ค ร ง ก า ร น้ั น ๆ มารับชว่ งตอ่ ไปพระองคท์ รงเรมิ่ นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการพัฒนาการศึกษาของโรงเรยี น ในชนบท ต้ังแต่ ปี พ.ศ. 2538 ใน โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับโรงเรียนในชนบท โดยพระราชทานเคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปรณ์ ที่จำเป็นเพื่อจัดต้ังเป็นห้องเรียนขึ้น และพัฒนามาจนสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาประกอบการเรยี นการสอนในรายวิชาต่าง ๆ ปั จ จุ บั น มี โ ร ง เ รี ย น ใ น โ ค ร ง ก า ร ป ร ะ ม า ณ 85 แ ห่ ง โดยมีโรงเรียนในจังหวัดนครนายกเป็นศูนย์กลางการพัฒ นาเพ่ือนำแนวทางใหม่ ๆ ไปทดลองใช้กับโรงเรียนในชนบทและทรงริเร่ิม โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือคนพิการ เพื่อให้คนพิการสามารถใช้คอมพิวเตอร์เพ่ือสร้างความรู้ ความบันเทิง พัฒ นาทักษะ
29 แ ล ะ ส ร้ า ง อ า ชี พ ต่ อ ไ ป ใ น อ น า ค ต พระองค์ทรงมีคณะทำงานที่จะศึกษาวจิ ัยเพื่อหาอุปกรณท์ างเทคโนโลยแี ละวิธีการช่วยเหลือผพู้ ิกา รในแต่ละด้านอย่างเหมาะสม ซ่ึงโครงการน้ีมีโรงเรียนศรีสังวาลย์เป็นหน่วยงานหลักนอกจากนี้ โ ค ร ง ก า ร เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ ต า ม พ ร ะ ร า ช ด ำ ริ น้ี ยงั เพิ่มโอกาสให้ผู้ตอ้ งขังในทณั ฑสถานได้รับการอบรมและฝึกทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ระหวา่ ง การถูกคุมขัง เพื่อสามารถนำความรู้ที่ได้รับนำไปพัฒนาตนเองและนำไปประกอบอาชีพได้ และมีโครงการสำหรับเด็กป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน ซ่ึงอาจจะทำให้ขาดโอกาสทางด้านการศึกษา โดยใช้คอมพิวเต อร์เป็นส่ือในการเรียนรู้ สร้างค วาม เพ ลิ ด เพ ลิ น รวม ท้ั ง ส่งเส ริม พั ฒ น าก ารแ ก่ เด็ ก ที่ ป่ วย ด้ วย น อ ก จาก นี้ พระองค์ยังนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับงานทางด้านการเผยแพร่วัฒนธรรมของไทย จังหวัด ผา่ นทางอนิ เทอร์เนต็ โดยมกี ระทรวงวฒั นธรรมเปน็ ผดู้ แู ลโครงการนี้ จากพระราชกรณียกิจทางด้านการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ท ำ ให้ ว า ร ส า ร อิ น โ ฟ แ ช ร์ ซ่ึ ง เป็ น ว า ส า ร ข อ ง ส ำ นั ก ง า น ด้ า น เท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ แ ล ะ ก า ร สื่ อ ส า ร ข อ ง ยู เ น ส โ ก ไดต้ ีพิมพ์บทความเฉลิมพระเกียรติการอุทิศพระองค์เพ่ือการศึกษาเรียนรู้ด้านสารสนเทศของเด็กแ ละผู้ด้อยโอกาสของไทย รวมทั้ง ยังได้ถวายนาม “IT Princess” หรือ “เจ้าหญิง ไอที” แกพ่ ระองคอ์ ีกด้วย
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: