ในสมัยของพระศาสดาคุรุโควนิ ทสงิ ห์ ไดม้ ีการบญั ญัตหิ ลัก การทางศาสนาเพิ่มเติม ส่งผลให้ชาวซิกข์มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากชาว อินเดียกลุ่มอ่ืนๆ ได้แก่ ๑. การประกาศว่าต่อจากพระองค์จะไม่มีศาสดาในรูป บุคคลอีกต่อไป และให้ชาวซิกข์ยึดถือพระธรรมค�ำส่ังสอนในพระมหา คมั ภรี เ์ พยี งอยา่ งเดยี ว โดยพระองคไ์ ดส้ งั คายนา “พระมหาคมั ภรี อ์ าทคิ รนั ถ”์ แล้วสถาปนาให้เป็นพระศาสดานิรันดร์กาลแห่งศาสนาซิกข์ พระนาม ว่า “พระศาสดาศรคี รุ ุครันถซ์ าฮิบ” ใหช้ าวซกิ ข์ยดึ ถือสืบมาจนปจั จุบัน ๒. การสถาปนาพิธีรับอมฤต เพ่ือความเป็นชาวซิกข์ที่ สมบรู ณแ์ ละไดม้ อบศาสนสัญลกั ษณ์ ๕ ประการ ให้แกช่ าวซกิ ข์ คือ (๑) เกศา คือ ผมและหนวดเครา ชาวซิกข์จะไม่ปลงผม ๒ จากส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย เน่ืองจากเป็นสิ่งท่ีพระเจ้าประทาน ให้ตามหลักแห่งธรรมชาติ (๒) กังฆะ คอื หวีไมส้ �ำหรับท�ำความสะอาดเกศา (๓) กัจฉะ คือ กางเกงผ้าฝ้ายขาส้ัน ส�ำหรับสวมใส่เพ่ือ ความกระฉบั กระเฉง ไมป่ ระเจิดประเจ้อ (๔) การ่า คือ ก�ำไลเหล็กกล้า เป็นสัญลักษณ์ของความ อดทนและเตอื นใจใหง้ ดเว้นจากการทำ� บาป (๕) กีรปาน คือ มีดดาบสั้น ท�ำด้วยเหล็กกล้าส�ำหรับ ป้องกนั ตนเองและปกปอ้ งผู้อน่ื ๓ ๑ ศาสนาจารย์ นง่ั ถวายปรนนบิ ตั ิเพือ่ เอ้อื อ�ำนวยความสะดวก สบายให้แกบ่ รรดาศาสนกิ ชน ท่ีเข้ามาขอฟังธรรม ๒-๓ ศาสนาจารยก์ ำ� ลังกระทำ� อรั ดาส โดยมีศาสนกิ ชนท่ีมจี ิตศรทั ธา ยืนข้นึ รวมจิตรวมใจสวดอุทิศเผื่อแผ่บุญให้สรรพสงิ่ มีชีวิตทั้งหลาย อยเู่ ย็นเปน็ สุขโดยทวั่ กนั ๑ 201
202
ศาสนธรรม หลักค�ำสอน หลักปฏิบตั ิ คมั ภรี ท์ สี่ ำ� คญั ของศาสนาซกิ ขค์ อื พระมหาคมั ภรี ค์ รุ คุ รนั ถ์ ซาฮิบ ซ่ึงได้รับการสถาปนาให้เป็นพระศาสดานิรันดร์กาลของศาสนา ซิกข์ ศาสนิกชนชาวซิกข์จึงปฏิบัติต่อพระมหาคัมภีร์ดุจพระศาสดาที่แท้ จรงิ คำ� วา่ “ครนั ถซ์ าฮบิ ” แปลวา่ พระคัมภีร์ มาจากคำ� ว่า “ครันถ” เปน็ คำ� สนั สกฤตแปลวา่ “คมั ภีร”์ สว่ น “ซาฮิบ” เป็นค�ำพืน้ เมอื งทใ่ี ช้แสดง ความเคารพ แปลวา่ “พระ” ซึง่ ชาวซกิ ข์จะเรยี กโดยเตมิ คำ� ว่า “คุร”ุ ไว้ ขา้ งหนา้ เปน็ “ครุ คุ รนั ถซ์ าฮบิ ” อนั มนี ยั ถงึ การแสดงความเคารพอยา่ งสงู พระมหาคมั ภีร์นแ้ี บง่ ออกเปน็ ๒ เล่ม คอื ๑. “อาทิครันถ์” แปลว่า “คัมภีร์แรก” พระศาสดาคุรุ อรชุนเทพ พระศาสดาพระองค์ท่ี ๕ เป็นผู้สถาปนาขน้ึ ใน พ.ศ. ๒๑๔๗ โดยรวบรวมจากบทนพิ นธข์ องพระศาสดาพระองค์ที่ ๑ – ๕ และมบี ท ประพนั ธข์ องนกั บญุ นกั บวชจากศาสนาฮนิ ดแู ละอสิ ลามผนวกรวมอยดู่ ว้ ย ๒. “ทสมครันถ”์ แปลวา่ “คมั ภรี ์ของพระศาสดาพระองค์ ท่ี ๑๐” เปน็ ชมุ นุมบทนิพนธข์ องพระศาสดาคุรุโควนิ ทสิงห์ พระศาสดา พระองค์ที่ ๑๐ ซึ่งรวบรวมข้ึนในสมัยหลังจากพระคัมภีร์แรกประมาณ ๒ ร้อยปี ข้อความในพระคัมภีร์นั้นเป็นบทกวีรวมท้ังสิ้น ๒๙,๔๘๐ โศลก จัดเป็นค�ำฉันท์ ๓๑ ประเภท ทั้งนี้ การสวดเจริญธรรมพระมหา คัมภรี ์แบง่ เป็น ๒ ลักษณะ คือ ๑.“อคนั ดป์ าธ”คอื การสวดเจรญิ ธรรมพระมหาคมั ภรี ค์ รุ คุ รนั ถ์ ซาฮบิ อย่างต่อเน่ืองจนสมบูรณ์ ไม่มีการหยุดพัก ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ ๔๘ ช่ัวโมง ๒. “ซาดารนั ปาธ” คอื การสวดภาวนาเจรญิ ธรรมพระมหา คมั ภรี ค์ รุ คุ รนั ถซ์ าฮบิ โดยไมต่ อ่ เนอื่ งตามแตโ่ อกาสอำ� นวย จะเปน็ การสวด ๓ ในเคหสถานของตนหรือในศาสนสถานกไ็ ด้ ๑-๒ ศาสนาจารย์นงั่ ถวายปรนนิบตั ิบนทป่ี ระทับและคณะนกั สวด 203 ก็ก�ำลงั กระท�ำการสวดแบบพธิ ีกีรตัน กล่าวคือสวดโดยมดี นตรีประกอบ ๓ ศาสนกิ ชนทม่ี คี วามประสงค์ท่ีจะสวดคุรุมนตต์ ่างหากเป็นเอกเทศ ทุกทา่ นท่ีอ่านอักษรทลี่ ิขติ ไวใ้ นพระมหาคมั ภรี ์ครุ ุครนั ถซ์ าฮิบ สามารถข้นึ นง่ั บนที่ ประทบั สวดได้ ไมจ่ ำ� กดั ถงึ เพศ หรอื วรรณะ แตอ่ ย่างใดทัง้ สน้ิ ๑
๑ ๑-๒ ศาสนิกชนทา่ นหน่ึงก�ำลังถวาย ปรนนิบัตอิ งคพ์ ระมหาคมั ภรี ์ ครุ คุ รนั ถ์ซาฮิบ ซึ่งประดิษฐานไว้ บนเตียงต่ังบลั ลังกส์ ที อง ๓ ในการประกอบพิธกี รรมทางศาสนา ทกุ คร้ัง เมือ่ ประกอบ พิธีเป็นท่สี มบูรณแ์ ล้ว ศาสนาจารย์ จะกระท�ำพิธี อรั ดาส จากนั้นศาสนาจารย์ ก็จะแจกพระปัรสาท คือ ขนมหวานมลี ักษณะเหมือน ข้าวทพิ ย์ หมายถงึ เราไดร้ บั พรประสิทธปิ์ ระสาท ๒ จากองค์พระผู้เปน็ เจา้ แลว้ 204
หลกั ค�ำสอนของศาสนาซิกข์ ๒. การท�ำเซว่า เป็นหลักปฏิบัติที่ส�ำคัญในการด�ำเนิน ชวี ิตของชาวซิกข์ หมายถงึ การรบั ใช้และบริการตอ่ ชมุ ชน สังคมดว้ ยทาง หลกั คำ� สอนทส่ี ำ� คญั ของศาสนาซกิ ข์ เพอ่ื บรรลจุ ดุ มงุ่ หมาย กาย วาจา และใจ โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน ควบคู่กบั การรำ� ลกึ ถงึ พระผู้ สงู สุด คอื การเข้าถึงสขุ อันเปน็ นริ นั ดร์ หรอื นริ วฺ าณ ประกอบดว้ ยหลกั ๕ เปน็ เจา้ ดว้ ยการสวดภาวนาสรรเสรญิ คณุ ความดขี องพระผเู้ ปน็ เจา้ การทำ� ประการ ได้แก่ เซว่าจึงเป็นการสอนให้ชาวซิกข์เสียสละเพื่อชุมชนและสังคมในฐานะที่ ตนเปน็ สว่ นหนง่ึ ของสงั คม และเปน็ การแสดงออกถงึ ความออ่ นนอ้ มถอ่ มตน ๑. ธรัมขณั ฑ์ คือ การประกอบกรรมดี ๒. คิอานขณั ฑ์ คือ การมีปัญญา ตามค�ำส่ังสอนของพระศาสดาคุรุนานักเทพที่ว่า “ความอ่อนหวานและ การถ่อมตนนั้นเปน็ แกน่ แหง่ ความดีและคณุ ธรรมทงั้ ปวง” ๓. สรนั ขณั ฑ์ คือ ความปีติอิ่มเอบิ ใจในธรรม ๓. ความเช่ือม่ันในความเท่าเทียมกันของมนุษย์ ๔. กรมั ขณั ฑ์ คอื การมกี ำ� ลงั จติ แนว่ แนม่ นั่ คง ไมห่ วาดกลวั ดงั ปรากฏในคำ� สอนของพระศาสดาครุ นุ านกั เทพทวี่ า่ “มนษุ ยท์ ง้ั หลายมี พระบดิ าพระองคเ์ ดยี วกนั เราทง้ั หลายเปน็ บตุ รของพระองค์ เราจงึ เปน็ พี่ ๕. สัจขณั ฑ์ คอื การเข้าถงึ สจั จะ หรอื การหลอมรวมเป็น นอ้ งกนั มนษุ ยชาตทิ งั้ หลายเปน็ หนง่ึ เดยี วกนั ทกุ คนมเี กยี รตเิ ทา่ กนั เพราะ อันหน่ึงอันเดยี วกับพระผู้เปน็ เจ้า ศาสนาซกิ ขย์ งั ไดก้ ำ� หนดระเบยี บวนิ ยั ในการปฏบิ ตั ติ น ดงั น้ี เขาเป็นคนมาจากพระผู้เป็นเจ้า” ศาสนาซิกขจ์ งึ ยดึ มัน่ ในความเท่าเทยี ม ๑. วินัยทางกาย คือ การใหบ้ รกิ ารผูอ้ ่นื ทางกายและวาจา และเสมอภาคกันของมนุษย์ทุกคน พร้อมทง้ั ปฏิเสธระบบการถอื วรรณะ เช่น การใหท้ าน และการแบง่ แยกมนษุ ยต์ ามเพศ ศาสนา ฐานะ เชื้อชาติ หรือสผี ิว ๒. วินัยทางศลี ธรรม คือ การเล้ยี งชีพโดยชอบธรรม ไมม่ ี ๔. ความเชื่อว่าชีวิตไม่ใช่สิ่งช่ัวร้ายโดยก�ำเนิด แต่ถือ กำ� เนดิ จากความเมตตาของพระผเู้ ปน็ เจา้ พระองคท์ รงสรา้ งและประทาน ความเห็นแกต่ ัว คำ� สอนใหแ้ กม่ นษุ ย์ เพอื่ ใหม้ นษุ ยเ์ ขา้ ใจจดุ ประสงคท์ แ่ี ทจ้ รงิ ในโลกนแ้ี ละ น�ำมนุษย์กลบั สจู่ ดุ ก�ำเนดิ เดิม คอื พระผูเ้ ปน็ เจา้ ดังน้ัน คำ� สอนในศาสนา ๓. วนิ ยั ทางจิตใจ คอื ความเชือ่ มน่ั ในพระเจา้ องคเ์ ดียว ซ่งึ ซกิ ขจ์ ึงสง่ เสรมิ ใหเ้ ชือ่ ในความหวงั และการมองโลกในด้านดี อยเู่ หนือกาลเทศะและเทพทั้งหลาย อนง่ึ ชาวซกิ ขไ์ ดน้ ำ� คำ� สอนในเรอื่ งตา่ งๆ มาเปน็ หลกั ปรชั ญา ในการดำ� เนินชวี ติ ทส่ี �ำคัญหลายประการ อาทิ ๑. การบรรลุถึงพระเจ้า (อกาลปุรัข) จุดมุ่งหมายส�ำคัญ ในการด�ำเนินชีวิตของชาวซิกข์คือ การบรรลุถึงพระผู้เป็นเจ้า ซ่ึงจะเกิด ขนึ้ ไดด้ ว้ ยการปฏบิ ตั ธิ รรม การสรรเสรญิ และภาวนานาม “วาเฮค่ รุ ”ุ ของ พระผู้เป็นเจ้า เหตุท่ีต้องปฏิบัติเช่นน้ี เพราะโดยทั่วไปจิตใจของมนุษย์ จะมีความช่ัว ๕ ประการ ประกอบด้วย ตัณหา ความโกรธ ความโลภ ความยดึ ตดิ หรอื ความหลง และความอหงั การ เปน็ สงิ่ ขดั ขวางทำ� ใหม้ นษุ ย์ ไมส่ ามารถเข้าถงึ พระผู้เป็นเจ้าได้ การสรรเสริญและสวดภาวนานามของ พระผู้เป็นเจ้าจึงท�ำให้บุคคลสามารถด�ำเนินชีวิตได้โดยไม่ตกอยู่ภายใต้ อำ� นาจของความช่ัวเหล่านน้ั ๓ 205
206
ศาสนสถาน ศาสนวตั ถุ ดังกล่าวแล้วว่าศาสนสถานของซิกข์เรียกว่า “คุรุดวารา” บุคคลทั่วไปไม่ว่านับถือศาสนาหรือความเชื่อใด สามารถ ซ่ึงหมายถึง ประตูหรือหนทางท่ีทอดไปสู่พระศาสดา ศาสนาซิกข์มีค�ำ เข้าไปสักการะท�ำความเคารพภายในคุรุดวาราได้ แต่ต้องปฏิบัติตาม สอนทรี่ ะบวุ า่ ในทใี่ ดซงึ่ มชี าวซกิ ขม์ ากกวา่ ๒ ครอบครวั มาอยรู่ ว่ มกนั ทน่ี น้ั ระเบียบและข้อปฏิบัติ ซ่ึงถือเป็นมาตรฐานในคุรุดวาราของซิกข์ทุกแห่ง ควรมีสถานท่ีเพ่ือประกอบกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน แต่ศาสนสถาน คือ ก่อนเข้าไปภายในอาคารต้องถอดรองเท้า หรือหากเป็นไปได้ควร ของชาวซิกขน์ นั้ ไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งก่อสร้างในลกั ษณะท่ีเป็นศาสนสถานถาวร ถอดถุงเท้าดว้ ยเชน่ กนั เพื่อแสดงความเคารพต่อศาสนสถานและปอ้ งกัน หากยังไม่มีปัจจัยในการก่อสร้าง ชาวซิกข์สามารถใช้สถานที่ใดๆ เป็น มใิ หฝ้ นุ่ ละอองหรอื สง่ิ สกปรกตดิ ตวั เขา้ ไปภายในอาคาร สว่ นศาสนกิ ชนท่ี ศาสนสถานได้ แต่บริเวณน้ันจะต้องสะอาดและมีท่ีส�ำหรับประดิษฐาน มิได้เป็นชาวซิกข์ ให้คลุมศีรษะด้วยผ้าซึ่งทางคุรุดวาราจัดเตรียมไว้ให้ พระมหาคัมภีร์ ซึ่งถือเป็นตัวแทนของพระศาสดา โดยท่ีประดิษฐาน ทง้ั น้ี เพ่อื เปน็ การแสดงความเคารพต่อศาสนิกชนและพระมหาคมั ภีร์ครุ ุ พระมหาคมั ภีรจ์ ะสร้างเปน็ แทน่ หรือยกพ้ืนสงู กว่าบรเิ วณโดยรอบ เหนือ ครันถ์ซาฮิบ ซง่ึ ประดษิ ฐานเปน็ องค์ประธานในห้องโถงชุมนุมเจริญธรรม แทน่ ตอ้ งมผี า้ ขาวดาดอยเู่ บอื้ งบน บรเิ วณใดทม่ี พี ระมหาคมั ภรี ป์ ระดษิ ฐาน นอกจากนี้ ยงั หา้ มนำ� เครื่องดืม่ มึนเมา สรุ า ยาเสพติด บหุ ร่ี หรอื อาวธุ ทกุ อยู่ บรเิ วณน้นั ถือว่าเปน็ ศาสนสถานของชาวซกิ ขไ์ ด้ ชนิดเขา้ มาภายในครุ ดุ วาราดว้ ย ในห้องโถงใหญ่ของคุรุดวาราทุกแห่ง ซ่ึงประดิษฐาน เมอื่ เขา้ มาในหอ้ งโถงแลว้ ใหเ้ ดนิ อยา่ งสำ� รวมเขา้ ไปทำ� ความ พระมหาคัมภีร์ จะใช้เป็นสถานที่ส�ำหรับศาสนิกชนมาชุมนุมเจริญธรรม เคารพโดยการกราบพระมหาคมั ภรี ค์ รุ คุ รนั ถซ์ าฮบิ หนง่ึ ครง้ั แลว้ เดนิ มานง่ั สวดภาวนา ขบั รอ้ งบทสวดสรรเสรญิ (ในรปู แบบกรี ตนั ) ประกอบพธิ กี รรม ทพ่ี น้ื อยา่ งสงบ การกระทำ� นไ้ี มเ่ พยี งแตแ่ สดงความเคารพภายนอกเทา่ นนั้ งานเฉลิมฉลองวันส�ำคัญทางศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณี แตเ่ ปน็ การแสดงวา่ ศาสนกิ ชนนนั้ มาเคารพองคศ์ าสดา และตงั้ จติ มนั่ รำ� ลกึ ทอ้ งถิน่ ตา่ งๆ เชน่ การต้งั ชื่อบตุ ร งานมงคลสมรส พธิ รี บั น้�ำอมฤต และ ไปยงั ธรรมในพระมหาคัมภีร์และองคพ์ ระผู้เป็นเจ้า การประกาศกิจกรรมที่ส�ำคัญ คุรุดวาราจึงเป็นศูนย์รวมท้ังทางโลกและ ทางธรรมของชาวซิกข์ ปัจจุบันมีคุรุดวาราหรือศาสนสถานซิกข์ต้ังอยู่ในจังหวัด ตา่ งๆของประเทศไทยประมาณ๑๗แหง่ ๖ซงึ่ ครุ ดุ วาราในกรงุ เทพมหานคร นอกจากนี้ เอกลักษณ์ที่ส�ำคัญอีกประการหน่ึงของคุรุ ถือเป็นศาสนสถานของชาวซิกข์ท่ีใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีการปฏิบัติ ดวารา คอื โรงครวั พระศาสดา (ครุ กุ าลงั กัรฺ) ซ่ึงมีจดุ ประสงค์เพือ่ บริการ ศาสนกิจทุกวัน โดยเฉพาะในวันหยุดและวันส�ำคัญทางศาสนาจะมี อาหารส�ำหรับศาสนิกชนท่ีมาเคารพพระศาสดา ไม่ว่าศาสนิกชนนั้น ศาสนกิ ชนชาวซกิ ขจ์ ำ� นวนมาก ทงั้ ทอ่ี าศยั อยใู่ นประเทศไทย อนิ เดยี และ จะนับถือศาสนาใด เชื้อชาติ ภาษา หรือวรรณะใดก็สามารถมาร่วมรับ ประเทศอนื่ ๆ มารว่ มปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ดว้ ย ทำ� ใหค้ รุ ดุ วารา ในกรงุ เทพมหานคร ประทานอาหารได้ โดยนงั่ รบั ประทานเปน็ แถวในระดบั เดยี วกนั รบั อาหาร กลายเปน็ สถานทพ่ี บปะของพนี่ อ้ งศาสนกิ ชนชาวซกิ ขไ์ ปโดยปรยิ าย จากหม้อหรือภาชนะเดียวกัน แสดงถึงความเสมอภาคทางสิทธิ ฐานะ ความเช่อื และความสมั พันธ์ฉนั พน่ี ้องในหมศู่ าสนกิ ชนทั้งหลาย ๖ ไดแ้ ก่ กรงุ เทพมหานคร เชียงใหม่ เชยี งราย ชลบุรี ขอนแกน่ ล�ำ ปาง นครพนม นครราชสมี า นครสวรรค์ ปัตตานี ภูเก็ต สมทุ รปราการ สงขลา ตรัง อบุ ลราชธานี อดุ รธานี และยะลา สภุ าพสตรีกำ� ลังถวายปรนนิบัติพระศาสดา โดยอา่ นพระมหาคัมภรี ค์ รุ คุ รนั ถซ์ าฮบิ เป็นเอกเทศ 207
ศาสนพธิ ี วนั สคญั ทางศาสนา ๑. พิธีการต้งั ช่ือบุตร ศาสนกิ ชนทม่ี ารบั อมฤตจะตอ้ งสระผมกอ่ นและตอ้ งมศี าสน สญั ลกั ษณ์ ๕ ประการ ไดแ้ ก่ เกศา (ผมและหนวดเครา) กงั ฆะ (หวีไม้) เมอ่ื ครอบครวั ชาวซกิ ขม์ กี ารใหก้ ำ� เนดิ บตุ รและมารดาไดพ้ กั กัจฉะ (กางเกงผ้าฝ้ายขาสั้น) การา่ (ก�ำไลขอ้ มอื เหลก็ ) และกรี ปาน (มดี ผ่อนร่างกายจนมีสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว ครอบครัวและญาติจะพาทารก ดาบสัน้ ) เมือ่ รับอมฤตแลว้ จะตอ้ งประพฤตติ นอยู่ในศาสนวนิ ัยของซิกข์ ที่เกิดใหมน่ ้นั ไปยงั คุรุดวาราใกลบ้ ้านของตน เพ่อื ประกอบพธิ ีเจรญิ ธรรม และรกั ษาปฏบิ ตั ิศาสนสญั ลกั ษณท์ ั้ง ๕ ประการ ใหอ้ ยกู่ บั ตวั ตลอดเวลา ขับร้องบทสวดจากพระมหาคัมภีร์คุรุครันถ์ซาฮิบ โดยขับร้องต่อหน้า พระพักตร์พระศาสดาคุรุครันถ์ซาฮิบ เพื่อแสดงความปีติและขอบคุณ การประพฤติปฏิบัติท่ีผิดศาสนวินัยของศาสนาซิกข์อย่าง พระศาสดา ท่านศาสนาจารย์จะอัญเชิญปัรกาศ คือ การเปิดอ่านพระ ร้ายแรงมี ๔ ประการ คือ มหาคมั ภีร์ทป่ี ระทับบนบลั ลงั กข์ ณะนนั้ โดยสุ่มเปิดอ่านจากดา้ นบนซา้ ย และประกาศอักษรของค�ำแรกที่ได้อ่านจากพระบัญชาของพระศาสดา (๑) หา้ มการกระท�ำใดท่ลี ่วงเกินตอ่ เกศา (คือ การตดั โกน ใหท้ ชี่ มุ นมุ เจรญิ ธรรมรบั ทราบ บดิ ามารดากจ็ ะนอ้ มรบั ไปตง้ั ชอ่ื บตุ รของตน เล็ม) (๒) ห้ามรับประทานอาหารทที่ �ำจากเน้ือสัตวซ์ ึง่ ถูกฆา่ ดว้ ย ตามตัวอักษรที่ได้รับมาน้ัน โดยเด็กชายจะมีนามท้ายชื่อว่า “ซิงห์” วิธีทรมาน ส่วนเดก็ หญงิ จะมีนามทา้ ยช่ือว่า “กอร”์ จากนน้ั ศาสนิกชนทมี่ าร่วมพธิ ี จะพร้อมใจกันสวดอธิษฐานขอพรจากพระศาสดา เมื่อเสร็จพิธีแล้ว (๓) หา้ มร่วมประเวณกี บั บุคคลอืน่ ทมี่ ิใช่คคู่ รองของตน ศาสนาจารยจ์ ะแจกขนมหวานทที่ ำ� จากแปง้ นำ้� ตาล และเนยในอตั ราสว่ น เทา่ กนั เรยี กวา่ “คารา่ ปรั สาท” ซง่ึ หมายถงึ การไดร้ บั พรจากพระศาสดา (๔) ห้ามเสพยาสูบ น�้ำเมา หรือสง่ิ เสพตดิ ทกุ ชนิด ใหแ้ ก่ผูม้ ารว่ มชมุ นมุ เจรญิ ธรรมทุกคน บุรุษชาวซกิ ข์ที่ผ่านพธิ ีดื่มนำ้� อมฤตแล้ว จะมีคำ� ตอ่ ท้ายชอ่ื ว่า “ซงิ ห์” (Singh) แปลว่า ราชสีห์ สว่ นสตรจี ะมคี ำ� ท้ายชื่อวา่ “กอร์” ๒. พธิ ีการรบั อมฤต (Ghaur) แปลว่า ผู้สง่างามและกล้าหาญดุจเจ้าชาย ทั้งน้ี เพื่อต้องการ พิธีการรับอมฤต ถอื เป็นพธิ ที ีส่ �ำคญั ของชาวซกิ ข์ เปรยี บได้ ให้เห็นว่าสตรีชาวซิกข์มีความเข้มแข็งและความรับผิดชอบเฉกเช่นเดียว กบั การบรรพชาในศาสนวนิ ยั ซกิ ข์ พธิ นี เ้ี รมิ่ มขี น้ึ ในสมยั ของพระศาสดาครุ ุ กับบรุ ุษ อันแสดงถึงความเสมอภาคระหว่างเพศและสังคมของชายหญงิ โควินทสิงห์ ศาสดาองค์สุดท้ายของศาสนาซิกข์ ซ่ึงทรงบัญญัติหลักการ ทางศาสนาเพม่ิ เตมิ วา่ ชาวซกิ ขท์ ป่ี วารณาตวั จะสบื ศาสนาตอ่ ไป ตอ้ งผา่ น วนั สำ� คญั ทางศาสนาซกิ ข์ พิธดี ่ืมน�ำ้ อมฤตเพื่อทีจ่ ะเปน็ “ขาลสา” หรือ ศิษย์ผู้บริสุทธ์ิ ศาสนิกชนชาวซิกข์มีวันส�ำคัญทางศาสนาท่ีเก่ียวโยงกับ เหตุการณ์ส�ำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ของชาวซิกข์อยู่ไม่น้อย ซึ่งในที่ โดยท่ัวไป ชาวซิกขไ์ ม่ว่าจะเปน็ ชายหรือหญงิ ไม่จำ� กดั อายุ น้ีจะยกมาอธิบายโดยสงั เขป ดังนี้ เม่ือต้องการเข้าพิธีรับอมฤตและสามารถรักษาศาสนวินัยได้จะมาแจ้ง ความจำ� นงตอ่ ศาสนาจารย์ในคุรดุ วารา จากนัน้ เจา้ หน้าทใี่ นศาสนสถาน ๑. วันคลา้ ยวนั ประสูติพระปฐมศาสดาคุรนุ านักเทพ จะกำ� หนดวันและเวลาให้ผทู้ ่ีประสงคจ์ ะรับอมฤตมารวมตวั กัน ณ สถาน ที่ประกอบพิธีกรรม โดยจะมีการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์คุรุครันถ์ซาฮิบ วนั คลา้ ยวนั ประสตู ิของพระปฐมศาสดาคุรุนานกั เทพ ตรง และแต่งต้ัง “ปญั จะปิยะ” ซ่งึ คัดเลอื กจากชาวซกิ ขท์ ี่รบั อมฤตแลว้ และ กบั วนั ขนึ้ ๑๕ ค่ำ� เดอื น ๑๒ ของทกุ ปี ในวนั น้ีจะมกี ารเฉลมิ ฉลองอยา่ ง มีความประพฤตติ ามศาสนวินัยครบถว้ นมาเปน็ ผูด้ ำ� เนนิ พธิ ีกรรม ย่งิ ใหญ่ตามครุ ุดวาราทุกแห่งท่ัวโลก กอ่ นถึงวนั ดังกล่าวจะมกี ารอญั เชิญ พระมหาคัมภีร์จ�ำนวน ๑๑ สรูป (เล่ม) มาประดิษฐานบนอาสนะที่ได้ 208
เตรียมการไว้ จากน้ันจะมีการสวดขอพรและสวดบทจากพระมหาคัมภีร์ อยา่ งต่อเนอ่ื งเป็นเวลากวา่ ๖๐ ชัว่ โมง โดยศาสนิกชนจะผลดั เปลย่ี นกนั สวดด้วยศรัทธาอันแรงกล้าท้ังกลางวันและกลางคืน การสวดจะสิ้นสุด ลงในเวลาเชา้ ตรู่ซง่ึ ตรงกบั วันประสตู ิของพระศาสดาครุ ุนานกั เทพ ในวนั ดังกลา่ ว จะมกี ารแจกจ่ายอาหารและเครือ่ งด่มื ต่างๆ มากมายในโรงครวั เม่ือถึงช่วงเย็นศาสนิกชนจะมารวมตัวกันที่ศาสนสถานอีกครั้งเพื่อเฉลิม ฉลอง โดยมศี าสนาจารยเ์ ปน็ ผสู้ งั่ สอนเทศนจ์ ากพระมหาคมั ภรี ์ และศาสน สังคีตาจารย์จะแสดงกีรตันหรอื การเทศนป์ ระกอบดนตรี นอกจากน้ี ยัง มีเยาวชนชาวซิกข์ที่ร่วมกันปวารณาตนรับใช้ศาสนิกชนท่ีมาร่วมงานโดย พรอ้ มเพรยี งกนั จนกระทง่ั ถงึ เวลาอนั สมควรจงึ มพี ธิ สี วดอนนั ตซ์ าฮบิ และ การสวดขอพร อนั เปน็ การสน้ิ สุดพิธเี ฉลมิ ฉลอง ๑ ๒. วันประสูติพระศาสดาครุ โุ ควนิ ทสิงห์ วันเฉลิมฉลองวันคล้ายวันประสูติของพระศาสดาคุรุ โควินทสงิ ห์ พระศาสดาพระองค์ที่ ๑๐ แห่งศาสนาซิกข์ จะอยู่ระหว่าง ปลายเดอื นธนั วาคมกบั ตน้ เดอื นมกราคม ในวนั นจี้ ะมกี ารเฉลมิ ฉลองอยา่ ง สมพระเกยี รตเิ ฉกเชน่ เดยี วกบั พระศาสดาครุ นุ านกั เทพ แตจ่ ะเนน้ เนอื้ หา และหลักปรัชญาของพระศาสดาครุ โุ ควินทสิงหเ์ ปน็ หลกั ๓. วันสละชีพพิทกั ษ์ธรรม ๒ วนั สละชพี พทิ กั ษธ์ รรมตรงกบั เดอื นมถิ นุ ายนของทกุ ปี เปน็ ๑-๒ งานเฉลิมฉลองเนือ่ งในวนั คล้ายวนั ประสูติพระศาสดาคุรนุ านกั เทพ วันที่พระศาสดาคุรุอรชุนเทพ พระศาสดาพระองค์ท่ี ๕ ได้สละชีพของ พระองค์เอง เนื่องจากถูกเจ้าผู้ครองนครสมัยน้ันบังคับให้นั่งบนกระทะ องค์ปฐมบรมศาสดาของศาสนาซกิ ข์ ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ เหลก็ ทตี่ งั้ อยบู่ นกองไฟ พระศาสดาครุ อุ รชนุ เทพไดส้ ละชพี เพอ่ื รกั ษาไวซ้ ง่ึ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงวฒั นธรรม (นายวรี ะ โรจนพ์ จนรตั น์) สทิ ธใิ นการนบั ถอื และความเชอื่ แหง่ ปรชั ญาของตน อนั เปน็ ความเทา่ เทยี ม ร่วมเปน็ เกยี รติในงาน เม่อื วันท่ี ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และความเสมอภาคทีม่ นษุ ยท์ ุกศาสนาพงึ ไดร้ ับ เพ่ือเป็นการรำ� ลึกถงึ คุณ ณ คุรุดวาราซิกข์ กรุงเทพมหานคร งามความดแี ละความเสยี สละของพระองค์ ศาสนกิ ชนชาวซกิ ขจ์ งึ พรอ้ มใจ กนั จดั งานวนั สละชพี พทิ กั ษธ์ รรม ในวนั ดงั กลา่ วนอกจากจะมศี าสนพธิ ใี น คุรุดวาราแล้ว ชาวซิกข์จะมีการแจกจ่ายน้�ำด่ืมให้แก่ผู้ที่สัญจรไปมาทุก คน โดยไม่แบ่งแยกว่าเปน็ ศาสนาใด เพือ่ สอ่ื ใหเ้ ห็นถงึ การดับร้อนให้แก่ผู้ อย่ทู า่ มกลางความรอ้ น ซ่งึ เปรยี บเสมือนพระศาสดาทถี่ ูกทรมาน สว่ นใน คุรดุ วารา ชาวซกิ ข์จะนำ� อลั มอนดซ์ ่ึงแช่น�้ำไว้เป็นเวลา ๑ คนื มาบดปัน่ คัน้ เอาน�้ำมาผสมกบั เคร่อื งเทศ นำ�้ ตาล และน�้ำเปล่า แล้วแจกจ่ายใหก้ บั ศาสนกิ ชนเพอื่ รำ� ลกึ ถงึ พระเมตตาของพระศาสดาทไ่ี ดส้ ละชพี ปกปอ้ งสทิ ธิ อนั ชอบธรรมของมนุษยใ์ นอดตี 209
บรรณานกุ รม การศาสนา, กรม. ความรศู้ าสนาเบอ้ื งตน้ . กรงุ เทพฯ: สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ� กดั , ๒๕๕๔. นวลพรรณ พูนวสุพลฉัตร. การศึกษาพระราชจริยาวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเนื่อง ________. พระบรมราชปู ถมั ภก์ จิ การศาสนาในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั . พมิ พค์ รงั้ ที่ ๒. กรงุ เทพฯ ด้วยการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา. วิทยานิพนธ์ตามหลักสูตรปริญญาพุทธศาสตรดุษฎี บัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย : กรมการศาสนา, ๒๕๕๔. พทุ ธศักราช ๒๕๔๖. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั อมรินทร์พร้ินต้งิ แอนดพ์ บั ลชิ ชิง่ จ�ำกัด (มหาชน), ๒๕๕๖. (จัดพิมพ์ในพธิ ปี ระสาทปรญิ ญา ณ หอประชุม มวก. ๔๘ พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ ________. พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กบั การศาสนา. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์ ราชวิทยาลัย ตำ� บลล�ำไทร อ�ำเภอวังน้อย จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา วนั ที่ ๑๗ – ๑๘ พฤษภาคม การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ� กดั , ๒๕๕๓. (คณะกรรมการอำ� นวยการจดั งานนอ้ มรำ� ลกึ ๑๐๐ ปี พทุ ธศักราช ๒๕๕๗). วนั สวรรคตพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ ัว จัดพมิ พใ์ นวาระ “ ๑๐๐ ปี แห่งการเสด็จ สวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว” พทุ ธศักราช ๒๕๕๓). บาทหลวง โรแบต์ โกสเต. ประวัติการเผยแพร่คริสต์ศาสนาในสยามและลาว, อรสา ชาวจีน แปล, กรุงเทพฯ: ส่ือมวลชนคาทอลกิ ประเทศไทย, ๒๕๔๙. ________. วันส�ำคญั ทางศาสนา, พิมพ์ครั้งท่ี ๒, กรงุ เทพฯ : กรมการศาสนา, ๒๕๕๓. ________. วถิ ีชีวติ ๕ ศาสนกิ ในประเทศไทย. พมิ พค์ ร้งั ที่ ๒. กรงุ เทพฯ : กรมการศาสนา, ๒๕๕๗. บาทหลวง สำ� ราญ วงศเ์ สงย่ี ม. เครอ่ื งหมายแสดงและสัญลักษณใ์ นพธิ ีกรรมโรมันคาทอลกิ , กรุงเทพฯ ________. ศาสนาในอาเซียน. กรุงเทพฯ: กรมการศาสนา, ๒๕๕๗. : วทิ ยาลยั แสงธรรม, ๒๕๕๔. _______ . รวมพลังทางศาสนาเสริมสร้างความสมานฉันท์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า บุญมี แทน่ แก้ว. ประวัตศิ าสตร์ศาสนาตา่ งๆ และปรชั ญาธรรม, กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร,์ ๒๕๔๖. สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย ประวตั ิพระศาสดาคุรุนานักเทพ. กรุงเทพฯ : สมาคมศรคี ุรุสงิ ห์สภา, ม.ป.ป. จำ� กดั , ๒๕๕๗. พรพรรณ จันทโรนานนท์. “วัดจีน”, ใน สารานุกรมไทยส�ำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน กรี ติ บญุ เจอื และ มารค ตามไท. หวั ใจของศาสนาครสิ ต,์ เอกสารประกอบการประชมุ วชิ าการเรอื่ ง “หวั ใจ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว เล่ม ๓๕. พิมพ์ครงั้ ที่ ๒. กรงุ เทพฯ : บริษัท ด่านสทุ ธาการพมิ พ์ ของศาสนา” วนั ที่ ๑๗ - ๑๘ มกราคม ๒๕๒๘ อาคารธรรมสถาน จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั , จ�ำกัด, ๒๕๕๔. มปท, ๒๕๒๘. พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). พจนานกุ รมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพค์ ร้ังที่ ๘. กรุงเทพฯ: คกึ ฤทธิ์ ปราโมช, หม่อมราชวงศ.์ “ลัทธิสกิ ข.์ ” ใน ปาฐกถาของคึกฤทธิ์. กรุงเทพฯ : คลงั วทิ ยา, ๒๕๐๓. มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๘. จดหมายเหตุการบูรณปฏิสังขรณ์เทวสถาน ส�ำหรับพระนคร. กรุงเทพฯ : เทวสถานส�ำหรับพระนคร, ________. พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบบั ประมวลศัพท.์ พิมพค์ ร้งั ท่ี ๘. กรงุ เทพฯ: มหาจฬุ าลงกรณ ๒๕๕๗. ราชวิทยาลยั , ๒๕๓๘. จอรจ์ บรัดเลย์ แมคฟาร์แลนด์. หน่ึงศตวรรษในสยาม ค.ศ. ๑๘๒๘ - ค.ศ. ๑๙๒๘ ประวัติสังเขปของ ________. พุทธธรรม (ฉบับปรับปรุงและขยายความ). พิมพ์คร้ังที่ ๖. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณ พนั ธกจิ ครสิ ตจกั รโปรเตสแตนท์ ในสยาม, บรรณาธกิ าร, จติ ราภรณื ตนั รตั นกลุ แปล, กรงุ เทพฯ : ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์, ๒๕๓๘. อนิ เตอร์ พบั ลชิ ช่ิง เอน็ เตอรไ์ พรส์, ๒๕๕๕. พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). กาลานุกรมพระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก. พิมพ์คร้ังท่ี ๓. จนิ ดา จนั ทรแ์ กว้ . ศาสนาปัจจบุ นั . พมิ พค์ ร้งั ที่ ๒ (แก้ไขเพม่ิ เติม). กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พม์ หาจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพฯ : ส�ำนักพมิ พ์ผลธิ มั ม์ ในเครอื บรษิ ัท สำ� นักพิมพเ์ พท็ แอนด์โฮม จ�ำกัด, ๒๕๕๒. (ท่รี ะลึก ราชวิทยาลยั , ๒๕๓๒. ในงานพระราชทานเพลงิ ศพเป็นกรณีพเิ ศษคณุ แมป่ ระกวด กิตตมิ านนท์ ณ เมรุวดั มกฏุ กษัตริยา ราม วนั พธุ ที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒). จลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั , พระบาทสมเดจ็ พระ. ระยะทางเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ประพาสทางบก ทางเรอื รอบ แหลมมลายู รัตนโกสนิ ทร์ ศก ๑๐๙. กรงุ เทพฯ : องคก์ ารคา้ ของครุ สุ ภา, ๒๕๐๗. พระพมิ ลธรรม (ชอบ อนจุ ารมี หาเถระ). พุทธประวตั ทิ ัศนศกึ ษา. กรงุ เทพฯ : กรมการศาสนา, ๒๕๕๔. ภัทราพร สิริกาญจน (บรรณาธกิ าร). ความรพู้ ืน้ ฐานทางศาสนา. พิมพ์ครง้ั ท่ี ๔. (แกไ้ ขเพ่มิ เติม). ความรู้ จ�ำนงค์ ทองประเสริฐ. “การศาสนา” ใน สารานุกรมไทยส�ำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่ม ๔. (พิมพ์คร้ังที่ ๙) กรุงเทพฯ : บริษัทรุ่งศิลป์การพิมพ์ พน้ื ฐานทางศาสนา. กรงุ เทพฯ: ส�ำนักพิมพม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, ๒๕๔๖. (๑๙๗๗) จำ� กดั , ๒๕๓๘. ศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สถาบันพระมหากษัตริย์กับมุสลิม ดินาร์ บญุ ธรรม (ผู้ใหค้ ำ� และเรยี บเรียง). พระมหากษัตริยไ์ ทยกบั พระพทุ ธศาสนา. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ ในแผ่นดนิ ไทย. กรุงเทพฯ : บรษิ ัท อมรินทรแ์ อนดพ์ ริน้ ตง้ิ จ�ำกดั (มหาชน), ม.ป.ป. บริษทั อมรินทร์พร้นิ ตง้ิ แอนดพ์ ับลิชชิ่ง จำ� กัด (มหาชน), ๒๕๕๕. สมบัติ พลายน้อย. ตามรอยพุทธประวตั .ิ กรุงเทพฯ : ส�ำนักพมิ พพ์ ิมพ์คำ� , ๒๕๕๘. เดอื น คำ� ด.ี ศาสนศาสตร,์ กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ๒๕๔๑. สมาคมศรีคุรุสิงห์สภา. ศาสนาซิกข์ ฉบับของศรีคุรุสิงห์สภา. กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา กระทรวง ทองหล่อ วงษธ์ รรมา. ศาสนาสำ� คัญของโลก, กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร์, ๒๕๕๑. ธีรยุทธ สุนทรา. พุทธศาสนามหายานในประเทศไทย จีนนิกายและอนัมนิกาย. กรุงเทพฯ : ศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๒๐. คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ สถาบนั ราชภัฏพระนคร, ๒๕๔๐. สมาคมส่งเสริมวฒั นธรรมพราหมณ์ ฮนิ ด.ู ประวัติและหลักธรรมศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ฉบบั องคก์ ร ศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ด.ู ม.ป.ท., ๒๕๒๕. (พมิ พเ์ นอ่ื งในโอกาสสมโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ในความอุปถมั ภข์ องกรมการศาสนา กระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. ๒๕๒๕.) 210
ส�ำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์. เทวสถานมรดกวัฒนธรรมบนแผ่นดินไทย.กรุงเทพฯ : “ท�ำไมจึงมีต�ำแหน่งพระสังฆราชในพระศาสนจักร” http://www.catholic.or.th/spiritual/tips/tip- บรษิ ทั อมรินทร์พรน้ิ ต้งิ แอนด์พับลชิ ชงิ่ จำ� กัด (มหาชน), ๒๕๕๖. (หนงั สอื ท่รี ะลกึ โครงการบรู ณ bishop/tipbs12.html ปฏสิ งั ขรณ์เทวสถานส�ำหรับพระนคร). “โบสถ์ (ครสิ ตศ์ าสนา)” http://www.vcharkarn.com/varticle/40976 ส�ำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรี. คู่มือนานาศาสนพิธี. “ประวตั คิ รสิ ตจกั ร” http://www.samraychurch.com/?page_id=58 กรงุ เทพฯ : เซเวน่ พรน้ิ ต้งิ กร๊ปุ จ�ำกดั , ม.ป.ป. “ประวัติคริสตจักรไทยในบริบทสากล” http://xn--12cfm4cab2b2dcbd3bo2ae1gsakk2bh93c. สารานุกรมพระพุทธศาสนา ประมวลจากพระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ com/index.php/th/ วโรรส. พิมพค์ รั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : มหามกุฏราชวทิ ยาลยั ในพระบรมราชูปถมั ภ์, ๒๕๓๙. “ประวัติศาสตร์พระศาสนจักรในประเทศไทย” http://haab.catholic.or.th/churchbkk/ สชุ ีพ ปุญญานุภาพ. ประวัติศาสตรศ์ าสนา. พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๔. กรงุ เทพฯ : บำ� รงุ สาส์น, ๒๕๒๖. history_thai.html _______.พระไตรปฎิ กฉบับประชาชน. พิมพค์ รั้งท่ี ๑๖. กรงุ เทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรม ประสิทธ์ิ พงศอ์ ดุ ม, “ประวัตสิ ภาครสิ ตจกั รในประเทศไทย,” http://www.cct.or.th/cctweb/index. ราชูปถมั ภ์, ๒๕๓๙. php/aboutcct/ccthistory _______. ศาสนาเปรียบเทยี บ. พมิ พค์ รัง้ ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ : เฟ่อื งอักษร, ๒๕๑๓. “ปสั กา (Easter)” http://www.catholic.or.th/spiritual/article/paska01.html เสฐียรพงศ์ วรรณปก. ค�ำบรรยายพระไตรปิฎก. กรงุ เทพฯ : หอรัตนชัยการพมิ พ,์ ๒๕๔๐. “ปัสกาของพระครสิ ต์” http://www.catholic.or.th/spiritual/article/paska02.html ________. พทุ ธจรยิ าวตั ร (พากยไ์ ทย - องั กฤษ). พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๒. กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พมิ พช์ อ่ มะไฟ, ๒๕๓๙. “โปรเตสแตนท์ในประเทศไทย” https://th.wikipedia.org/wiki/โปรเตสแตนท์ในประเทศไทย เสรี พงศ์พิศ. ศาสนาคริสต.์ กรงุ เทพฯ : แมสครเี อทีพ มเี ดยี , ๒๕๒๙. “พระคาร์ดนิ ัล” https://th.wikipedia.org/wiki/พระคารด์ นิ ัล อภิชัย โพธิ์ประสิทธ์ิศาสตร์. พระพุทธศาสนามหายาน. กรุงเทพฯ : ส�ำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ “พระสังฆราช (Bishop) มขุ นายก” http://www.catholic.or.th/spiritual/tips/tipbishop/tipbs15. มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๑. html อภริ ฐั คำ� วงั . “ชาวซิกข์ในสยามและล้านนา ว่าดว้ ยเรอ่ื งประวัตศิ าสตรก์ ารตัง้ ชมุ ชน ศาสนา และการค้า,” “พระสนั ตะปาปา” https://th.wikipedia.org/wiki/พระสนั ตปาปา “มุขนายก” https://th.wikipedia.org/wiki/มุขนายก มนษุ ยศาสตร์ สงั คมศาสตร์, ๒๘, ๒ (พฤษภาคม – สงิ หาคม ๒๕๕๔) : ๖๗ – ๙๔. “มูลนิธิคริสต์ศาสนิกชนดั้งเดิมออร์โธดอกซ์ในประเทศไทย” http://www.orthodox.or.th/index. อาดิศร์ อิดรีส รกั ษมณ.ี มสั ยดิ ในกรงุ เทพฯ. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๗. _________. “มัสยิด” ใน สารานุกรมไทยส�ำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จ php?content=representation&lang=th “ลำ� ดบั สมเดจ็ พระสนั ตปาปาในพระศาสนจกั รคาทอลิก” http://haab.catholic.or.th/Pope/ พระเจา้ อยู่หัว เล่ม ๓๖. กรงุ เทพฯ : โครงการสารานุกรมไทยสำ� หรับเยาวชน, ๒๕๕๔. “วัตถุที่ใชใ้ นศาสนพิธี (Religious objects)” http://haab.catholic.or.th/churchbkk/truecatholic/ อนิ ทริ า ซาฮรี .์ “บทบาทของสมาคมศรคี รุ สุ งิ หส์ ภาในสงั คมไทย ( พ.ศ. ๒๔๗๕ – ๒๕๒๕).” วทิ ยานพิ นธ์ true11/true11.html ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ คณะศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๓๔. ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์, “๑๗๕ ปี คริสตจักรโปรเตสแตนท์ไทยกับพันธกิจด้านการก่อตั้งคริสตจักร” ภาษาองั กฤษ https://sites.google.com/site/christianthaisite/175 Brian Wilson. Christianity. London: Routledge, 1999. “เศรษฐกิจพอเพยี งกับหลักการอิสลาม”. www.//alisuasaming.com โดย อาลี เสอื สมงิ F. L. Cross, E. A. Livingstone Edited, Oxford Dictionary of Christian Church, 3r. Edition, สุรชยั ชมุ่ ศรีพนั ธ์ “มิซซงั สยามในอดตี ” http://www.catholic.or.th/archive/archbkk/archbkk07. New York, Oxford University Press, 1997. html “แหด่ าวครสิ ต์มาส ประเพณีสวยงามเปน็ เอกลักษณ์แหง่ สกลนคร” สื่อออนไลน์ http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000145571 “การศกึ ษาวิวฒั นาการของโบสถ์โปรเตสแตนท์ เพ่ือหาอทิ ธพิ ลท่สี ่งผลตอ่ ลกั ษณะรว่ มทางสถาปัตยกรรม “อัครมุขนายก” https://th.wikipedia.org/wiki/อัครมุขนายก “Alexamenos graffito” https://en.wikipedia.org/wiki/Alexamenos_graffito ท่ีเหมาะสมกับบรบิ ทของจงั หวดั เชยี งใหม่ “Catholicism” https://en.wikipedia.org/wiki/Catholicism http://www.berac.org/BERAC/BERAC%203/7%20Supack%20Prugsiganont.pdf “Christian symbolism” https://en.wikipedia.org/wiki/Christian_symbolism “ความจริง ๑๐๐ ประการเก่ียวกับคาทอลิกไทย” http://www.cmdiocese.org/th/infor/knowl- “Episcopacy” http://global.britannica.com/topic/episcopacy “Pope” http://www.newadvent.org/cathen/12260a.htm edge/340-340 “ความเปน็ มาของศาสนาอสิ ลามในประเทศไทย”.http://www.//alisuasaming.com โดย อาลี เสอื สมงิ . “คริสตศาสนาในประเทศไทย – อัครสงั ฆมณฑลกรงุ เทพฯ” www.catholic.or.th/amc/religious006. doc 211
ศาสนาในประเทศไทย กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม พมิ พ์คร้ังที่ ๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๘ จนวน ๒,๐๐๐ เล่ม ISBN : 978-616-543-336-5 ที่ปรึกษา รฐั มนตรีว่าการกระทรวงวฒั นธรรม บรรณาธกิ าร นายวีระ โรจนพ์ จนรตั น์ อธบิ ดกี รมการศาสนา นางจุฑาทพิ ย ์ โคตรประทมุ นายกฤษศญพงษ ์ ศิริ รองอธิบดีกรมการศาสนา นายส�ำรวย นกั การเรียน นายสเุ ทพ เกษมพรมณี ผอู้ ำ� นวยการกองศาสนปู ถัมภ์ ขอขอบคุณ นายพิสทิ ธิ ์ นิรตั ติวงศกรณ์ ผู้อ�ำนวยการสำ� นกั พัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ศาสตราจารยเ์ กียรตคิ ุณ ดร.กุสุมา รักษมณี นางสาวพไิ ล จริ ไกรศิร ิ เลขานกุ ารกรมการศาสนา นายสมชาย เจ๊ะวงั มา นายเกรยี งศกั ดิ์ บุญประสิทธ์ ิ ที่ปรกึ ษากรมการศาสนา นางธิดารัตน์ กอหรงั่ กูล นายชวลิต ศริ ิภิรมย ์ นางสาววรินทร เหมะ นางกรองกาญจน ์ หอเกษมทรัพย์ คณะท�ำงาน นางโสภา นลิ ขาว ผู้แทนเปรยี ญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ศลิ ปกรรม ผแู้ ทนองคก์ ารพุทธศาสนกิ สัมพันธ์แหง่ โลก นายวริ ะยทุ ธ นาถชยั โย ผแู้ ทนยวุ พทุ ธิกสมาคมแห่งประเทศไทย บรรณาธิการภาพ ผแู้ ทนสภายวุ พทุ ธกิ สมาคมแหง่ ชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายสงิ หค์ ม บริสุทธ์ิ ผู้แทนมูลนิธิภมู ิพโลภกิ ขุ ถา่ ยภาพ ผู้แทนศาสนาอสิ ลาม นายฤทธี รตั นประทปี ผ้แู ทนศาสนาครสิ ต์ นายธวชั ชัย รามนัฏ ผู้แทนศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู นายสมภพ ถาวรวฒั นะ ผูแ้ ทนศาสนาซิกข์ นายชัยวฒั น ์ ค้มุ ศรี นางสาวพิไล จิรไกรศริ ิ ผอู้ ำ� นวยการส�ำนกั พัฒนาคุณธรรมจรยิ ธรรม พิมพ์ท่ี นายพูนศกั ด ์ิ สขุ ทรพั ยท์ วีผล นักวชิ าการศาสนาชำ� นาญการพเิ ศษ บริษัท รงุ่ ศลิ ปก์ ารพิมพ์ (๑๙๗๗) จ�ำกดั นางศรนี วล ลภั กติ โร นักวชิ าการศาสนาช�ำนาญการพิเศษ เลขที่ ๕๕๕ หมู่ ๑๒ ถนนพทุ ธมณฑล สาย ๕ นายส�ำรวย นักการเรยี น นักวิชาการศาสนาช�ำนาญการพิเศษ ต�ำบลไร่ขิง อำ� เภอสามพราน จงั หวดั นครปฐม นายวิเชยี ร อนนั ตศิรริ ตั น์ นักวิชาการศาสนาชำ� นาญการพิเศษ โทร. ๐ ๒๑๑๘ ๓๕๕๕ นางสพุ ตั รา หะยอี บั ดุลรอมาน นักวิชาการศาสนาช�ำนาญการ ผู้เรยี บเรยี ง นายบัณฑิต ล่วิ ชยั ชาญ พระพทุ ธศาสนา นางเบญจมาส แพทอง ศาสนาอิสลาม นายนภนาท อนพุ งศ์พฒั น์ ศาสนาครสิ ต ์ นางสายไหม จบกลศึก ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู นายบญุ เตอื น ศรีวรพจน์ ศาสนาซิกข ์ นางสาวระชา ภชุ ชงค์ 2 12
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212