Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาษีเงินได้

ภาษีเงินได้

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2020-05-29 04:57:34

Description: ภาษีเงินได้

Search

Read the Text Version

47 กำรหักลดหย่อน กรณีบริจำคเงินเพื่อสนับสนุนกำรศึกษำและหลักฐำนกำรใช้สิทธิ ยกเว้นภำษีเงนิ ไดเ้ ปน็ จำนวนสองเท่ำ ในการย่ืนแบบแสดงรายการภาษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดา(ภ.ง.ด.90,91) พบข้อผิดพลาด ในการใช้สทิ ธิ ยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจานวนสองเท่าของรายจ่ายท่ีจ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา มีรายละเอียด ขอ้ แนะนาดงั น้ี กำรใช้สทิ ธยิ กเวน้ ภำษเี งนิ ได้เป็นจำนวนสองเทำ่ 1. ต้องเป็นการบริจาคให้กับสถานศึกษาตามรายช่ือสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศกาหนด และไม่เป็นการบริจาคเพอ่ื แลกเปลย่ี นผลประโยชนต์ ่อผใู้ ดโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น การจ่ายค่าเทอมของผู้มีเงินได้หรือบุตร การซื้อวัสดุอุปกรณ์ ตาราเรียน ของผู้มีเงินได้หรือบุตร หรอื คา่ เลา่ เรียนพเิ ศษบตุ ร เป็นตน้ 2. เงินที่บริจาคนาไปยกเว้นภาษีเงินได้ เป็นจานวน 2 เท่าของรายจ่าย แต่ต้องไม่เกินร้อย ละสบิ ของเงินไดพ้ ึงประเมิน 3. การบริจาคให้แก่สถานศกึ ษา ต้องเป็นค่าใชจ้ า่ ยสาหรบั รายการ ดงั ต่อไปน้ี 3.1 จัดหาหรือจัดสร้างอาคาร อาคารพร้อมที่ดิน หรือท่ีดิน ให้แก่ สถานศึกษาเพ่ือใช้ ประโยชนท์ างการศึกษา 3.2 จัดหาวัสดุอปุ กรณเ์ พอ่ื การศึกษา แบบเรียน ตารา หนังสือวิชาการ ส่ือ และเทคโนโลยี เพือ่ การศึกษาตลอดจนวัสดอุ ุปกรณ์อน่ื ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ ง กับการศึกษา 3.3 จัดหาครู อาจารย์ หรือผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา การประดิษฐ์ การพัฒนา การ คน้ ควา้ หรือการวจิ ัย สาหรับนักเรียน นิสิต หรอื นักศึกษาของสถานศกึ ษา 4. ต้องมีหลักฐานจากสถานศึกษา เป็นใบเสร็จรับเงินของสถานศึกษาเท่าน้ัน โดย “ สถานศึกษาต้องระบุ คาว่า “เงนิ บริจาคเพื่อ.... 3.1, 3.2, 3.3 เพ่ือ สนับสนุนการศกึ ษา ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2547 ” ซง่ึ ให้เปน็ สว่ นกลางของสถานศกึ ษา น้ัน 5. หากเป็นการบริจาคให้แกส่ ถานศกึ ษา โดยมวี ัตถุประสงค์ ท่ีนอกเหนือจาก ข้อ 3.1 3. ท่านสามารถค้นหารายชื่อสถานศึกษาตามข้อ 1 จากเว็บไซต์ กรมสรรพากร www.rd.go.th > อ้างอิง > ประมวลรัษฎากร >ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร แล้วคลิกท่ีรายชือ่ สถานศึกษาท่กี ระทรวงศึกษาธกิ าร ประกาศ หรือสอบถามไดท้ ีส่ านักงานสรรพากรพน้ื ท่ี(ทุกพ้ืนที)่ /สานกั งานสรรพากรพน้ื ท่สี าขา(ทุกสาขา) สาหรับพระราชกฤษฎีกา จากเว็บไซต์ กรมสรรพากร www.rd.go.th > อ้างอิง > ประมวล รษั ฎากร > พระราชกฤษฎกี า (ฉบบั ที่ 420) พ.ศ. 2547 ซ่ึงแกไ้ ขเพมิ่ เติม (ฉบับท่ี 476) พ.ศ. 2551 กรณีกำรหกั ลดหย่อนกำรอุปกำระเล้ยี งดูคนพกิ ำรและคนทพุ พลภำพ

48 ผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพได้คนละ 60,000 บาท ตามรายละเอียด ดังน้ี 1. ความสมั พนั ธก์ ับผมู้ ีเงนิ ได้ (1) เปน็ บดิ ามารดาของผมู้ เี งินได้ (2) เป็นบดิ ามารดาของสามีหรอื ภริยาของผูม้ ีเงนิ ได้ (3) เปน็ สามหี รือภรยิ าของผูม้ ีเงนิ ได้ (4) เป็นบตุ รชอบดว้ ยกฎหมายหรือบุตรบญุ ธรรมของผู้มีเงินได้ (5) เป็นบุตรชอบดว้ ยกฎหมายของสามีหรอื ภริยาของผู้มเี งนิ ได้ (6) เป็นบุคคลอื่นท่ีไม่ได้มีความสัมพันธ์กับผู้มีเงินได้ตาม (1) – (5) แต่ผู้มีเงินได้เป็นผู้ อปุ การะเลี้ยงดู ผ้มู เี งนิ ไดน้ ามาลดหย่อนได้ 1 คน 2. หลักเกณฑแ์ ละองคป์ ระกอบการหักลดหย่อนค่าอปุ การะเลย้ี งดูคนพกิ าร หลกั เกณฑ์กำรเปน็ คนพิกำรทผ่ี ู้มเี งนิ ไดจ้ ะหักลดหย่อนค่ำอปุ กำระเลี้ยงดคู นพกิ ำรได้ (1) คนพิการต้องมีบัตรประจาตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพชีวติ คนพิการ (2) เปน็ บุคคลที่มคี วามสัมพนั ธก์ ับผูม้ เี งนิ ไดต้ าม 1 (3) ผูม้ ีเงินไดเ้ ปน็ ผอู้ ปุ การะเลย้ี งดู และมีชอื่ เปน็ ผู้ดูแลคนพกิ ารในบตั รประจาตวั คนพกิ า (4) คนพิการมีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท ในปีภาษีที่ผู้มีเงินได้ใช้สิทธิหัก ลดหย่อน (ไม่รวมเงนิ ไดท้ ีไ่ ดร้ บั ยกเว้นตามมาตรา 42) (5) คนพกิ ารตอ้ งมเี ลขประจาตัวประชาชน 13 หลกั (6) กรณีคนพิการมีผู้อุปการะเล้ียงดูหลายคน ใครเป็นผู้มีสิทธิหักลดหย่อนน้ัน ให้ดูว่าผู้มี เงนิ ไดค้ นใดมชี อื่ เปน็ ผู้ดูแลในบัตรประจาตัวคนพิการ ผู้มีเงินได้คนน้นั เปน็ ผู้มีสิทธหิ ักลดหยอ่ น 3. หลักเกณฑ์และองคป์ ระกอบการหักลดหย่อนค่าอปุ การะเล้ยี งดูคนทุลภาพ กรณีคนทุพพลภาพที่ผู้มีเงินได้ซ่ึงอุปการะเล้ียงดูคนทุพพลภาพจะนามาหักลดหย่อนภาษีได้ต้องมี องค์ประกอบดังน้ี (1) ตอ้ งมใี บรับรองแพทย์ท่ไี ด้ตรวจ และแสดงความเห็นวา่ บคุ คลนั้น มีภาวะจากดั หรอื ขาด ความสามารถ ในการประกอบกิจวัตรหลักอันเป็นปกต ิเยี่ยงบุคคลทั่วไปอันเนื่องมาจาก สาเหตุทางปัญหา สขุ ภาพ หรอื ความเจ็บปว่ ยที่เปน็ ตอ่ เน่อื ง มาไมน่ อ้ ยกวา่ 180 วัน หรอื ทุพพลภาพ มาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ 180 วนั

49 (2) บุคคลทุพพลภาพต้องมีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาท ในปีภาษีท่ีผู้มีเงินได้ใช้ สทิ ธิ หักลดหย่อน (ไมร่ วมเงนิ ได้ทไ่ี ดร้ ับยกเวน้ ตามมาตรา 42) (3) บุคคลทพุ พลภาพต้องมเี ลขประจาตัวประชาชน 13 หลัก (4) ผมู้ เี งินได้ตอ้ งมีหนังสอื รบั รองการเป็นผู้อปุ การะเลีย้ งดูคนทุพพลภาพ 4. การรบั รองและหลกั ฐานกรณีคนทพุ พลภาพ กรณีคนทุพพลภาพที่ผู้มีเงินได้อุปการะเล้ียงดูจะนามาหักลดหย่อนได้ หลักฐานท่ีแสดงว่าเป็นคน ทพุ พลภาพคือ ใบรับรองแพทย์ กรณีหักลดหย่อนคนทพุ พลภาพ นอกจากหลกั ฐานใบรับรองแพทย์แล้ว ผู้มีเงิน ได้ต้องมีหนังสือรับรอง การเป็นผู้อปุ การะ เล้ียงดูคนพิการ ท่ีรับรองว่าผู้มีเงินได้เป็นผู้อุปการะเล้ียงดูคนทุพพล ภาพ ผู้รบั รองตอ้ งมคี วามสัมพันธก์ บั คนทพุ พลภาพดังน้ี - สามี ภรยิ า - บตุ รชอบด้วยกฎหมาย บุตรบญุ ธรรม หรือหลาน - บิดามารดา - พนี่ อ้ งร่วมบิดามารดาเดียวกนั หรอื รว่ มบิดาหรือรว่ มมารดาเดียวกนั - ปยู่ า่ ตายาย - ลุงป้านา้ อา ผรู้ บั รองอาจเปน็ บคุ คลอื่นก็ไดซ้ ่ึงไดแ้ ก่ - กานันผใู้ หญ่บ้าน ในท้องทีท่ บ่ี คุ คลทพุ พลภาพอยู่อาศยั - บุคคลทเ่ี ปน็ สมาชกิ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ในท้องท่ีท่ีบุคคลทุพพลภาพอยู่อาศัย 5. การใช้สทิ ธิและหลกั ฐานการหักลดหยอ่ น (1) การหักค่าอุปการะเล้ียงดูคนพิการ หรือคนทพุ พลภาพให้หักได้ตลอดปีภาษี ไม่ว่ากรณี ทจี่ ะหักไดน้ น้ั จะมีอยูต่ ลอดปภี าษหี รือไม่ (2) กรณีผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย ให้หักลดหย่อนค่าอุปการะเล้ียงดูคนพิการ หรอื คนทพุ พลภาพได้เฉพาะคนพิการ หรอื คนทุพพลภาพท่ีเปน็ ผอู้ ยู่ในประเทศไทย (3) กรณีผู้มีเงนิ ได้หกั ลดหย่อนค่าอุปการะเลย้ี งดูคนพิการ และคนพิการดังกล่าวก็ยังเป็นผู้ ทุพพลภาพด้วยการใช้สิทธิหกั คา่ ลดหย่อน ให้หกั ได้ในฐานะเปน็ คนพิการฐานะเดียว (4) หลักฐานในการหักค่าลดหย่อน ผู้มีเงินได้ท่ีใช้สิทธิหักค่าลดหย่อน อุปการะเลี้ยงดูคน พิการ คนทพุ พลภาพตอ้ งย่นื แบบ ล.ย.04 พรอ้ มหลักฐานดงั ตอ่ ไปน้ี พรอ้ มกับการยน่ื แบบแสดงรายการภาษี

50 - กรณีหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการ ให้แนบภาพถ่ายบัตรประจาตัวคนพิการ โดยแนบในส่วนที่แสดงวา่ ผมู้ เี งินไดเ้ ป็นผดู้ แู ลด้วย - กรณหี ักลดหย่อนคา่ อุปการะเลีย้ งดคู นทพุ พลภาพให้แนบ (ก) ใบรับรองแพทย์ (ข) หนังสอื รับรองการเปน็ ผอู้ ุปการะเลี้ยงดูคนทุพพลภาพ (แบบ ล.ย.04-1) (5) กรณีผู้มีเงินได้ซ่ึงเป็นผู้มีสิทธิหักลดหย่อน ค่าอุปการะเล้ียงดูบุตรซึ่งเป็นคนพิการหรือ คนทุพพลภาพ เป็นสามีหรือภริยา และความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปี ภาษีโดยภริยามีเงินได้ตามมาตรา 40(1) และแยกยน่ื แบบตา่ งหาก จากสามใี ห้สามีภริยาต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนไดค้ นละ 30,000 บาท ตอ่ บตุ รที่ พกิ าร หรือทุพพลภาพนน้ั โดยสามีภริยาต้องแนบหลักฐานดงั นี้ - ภาพถ่ายแบบ แบบ ล.ย.04 ของผู้มีเงินได้ ซ่ึงสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ ได้ลงลายมือ ชอ่ื รบั รอง - ภาพถ่ายบัตรประจาตัวคนพิการ / ใบรับรองแพทย์และหนังสือการอุปการะเลี้ยงดู คนพิการ (ล.ย.04-1) ถำ้ ต้องกำรรำยละเอียดเพ่ิมเตมิ ท่ำนสำมำรถเขำ้ ไปในเว็บไซต์ http://www.rd.go.th > อา้ งองิ > ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร > เก่ยี วกบั ภาษีเงินไดฉ้ บบั ท่ี 182 http://www.rd.go.th > อ้างอิง > ประกาศอธิบดกี รมสรรพากร > เกย่ี วกับภาษเี งินไดฉ้ บับที่ 193 หลกั เกณฑก์ ำรยกเวน้ กำรหักคำ่ ลดหยอ่ นเบย้ี ประกันชีวติ แบบบำนำญ การยกเวน้ ภาษเี งนิ ได้สาหรับการประกันชีวติ แบบบานาญ เปน็ การเพิม่ เติมค่าลดหย่อนเบี้ยประกัน ชีวิตท่ีมีอยู่แล้วตามปกติ 100,000 บาท เพิ่มข้ึนอีก 200,000 บาท ซ่ึงวงเงินท่ีเพมิ่ ข้ึนต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของ เงินได้พงึ ประเมนิ แต่เมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลีย้ งชีพ หรือเงินสะสมเข้ากองทนุ บาเหน็จบานาญ ข้าราชการ หรือเงินสะสมเขา้ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แล้วแต่กรณีหรือเงินคา่ ซ้ือ หน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในปีภาษีเดยี วกนั หลักเกณฑ์กำรยกเว้นเงินไดส้ ำหรับกำรประกันชวี ิตแบบบำนำญ (1) เปน็ กรมธรรม์ประกันชีวติ แบบบานาญมีกาหนดเวลาตงั้ แต่ 10 ปขี ้ึนไป (2) ต้องเอาประกันไวก้ บั ผ้รู ับประกนั ภัยท่ีประกอบกิจการประกนั ชวี ติ ในไทย

51 (3) มีการกาหนดการจ่ายผลประโยชนเ์ ป็นรายงวดอยา่ งสม่าเสมอ จะจา่ ยเท่ากันทุกงวดหรือจ่ายใน สดั ส่วนที่เพ่ิมข้ึนตามระยะเวลาการเอาประกันก็ได้ โดยจะจ่ายตามการทรงชีพที่อาจมีการรับรองจานวนงวดใน การจา่ ยทีแ่ นน่ อน (4) มีการกาหนดช่วงอายุของการจ่ายผลประโยชน์เม่ือผู้มีเงินไดม้ อี ายุต้ังแต่ 55 ปีขึน้ ไป ถงึ อายุ 85 ปี หรือกว่าน้ัน และต้องจ่ายเบ้ียประกนั ภยั ครบถ้วนแล้ว กอ่ นได้รับผลประโยชน์ ตัวอย่างการคานวณฯ ท่ี 1 ตัวอย่างท่ี 1 นาย ข. มีเงินได้ปีละ 1,280,000 บาท จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบานาญปีละ 143,500 บาท จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเล้ียงชีพ 128,000 บาท และจ่ายค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF จานวน 121,000 บาท นาย ข. สามารถหักค่าลดหย่อนและยกเว้นภาษีได้ดังน้ี (1) คานวณยอดการใช้สิทธิหักไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ แล้วพักไว้ = 1,280,000 x 15 % = 192,000 (2) นาย ข. จ่ายเบ้ียประกันชีวิตแบบบานาญ 143,500 บาท ให้ไปใช้สิทธิหักประกันชีวิตปกติก่อน (10,000 + 90,000) = 100,000 บาท ส่วนที่เหลือนาไปใช้สิทธิค่าลดหย่อนประกันชีวิตแบบบานาญ 43,500 บาท (143,500 - 100,000) (3) นายอดค่าเบ้ียประกันชีวิตแบบบานาญที่เหลือ 43,500 บาท เทียบกับวงเงินตาม 1. พบว่าไม่ เกิน 192,000 บาท (15 % ของเงินได้และไม่เกิน 200,000 บาท) (4) นายอดค่าประกันชีวิตแบบบานาญท่ีเหลือ ไปรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ และ เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท = 43,500 + 128,000 + 121,000 = 292,500 บาท นาย ข. สามารถนาเบี้ยประกันชีวิตแบบบานาญไปหัก เป็นเบี้ยประกันชีวิตแบบปกติ 100,000 บาท และหัก เบ้ยี ประกันชีวติ แบบบานาญไดอ้ ีก 43,500 บาท ตัวอยา่ งการคานวณฯ ที่ 2 ตัวอย่างท่ี 2 นาย ง. มีเงินได้ปีละ 1,350,000 บาท จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบตลอดชีพปีละ 120,000 บาท ค่าเบ้ียประกันชีวิตแบบบานาญปีละ 250,000 บาท จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ 135,000 บาท และจ่ายค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF จานวน 100,000 บาท นาย ง. สามารถหักค่าลดหย่อนและยกเว้น ภาษีได้ดังนี้ (1) คานวณยอดการใช้สิทธิหักไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ แล้วพักไว้ = 1,350,000 x 15 % = 202,500 บาท (2) นาย ง. จ่ายเบ้ียประกนั ชีวิตแบบตลอดชีพ 120,000 บาท ใหน้ าเบี้ยประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ไปใช้สิทธิหักเบ้ียประกันแบบปกติก่อน 100,000 บาท ส่วนท่ีเกิน 100,000 บาท(20,000 บาท) ตัดทิ้งเพราะ หักเบี้ยประกนั ชีวิตแบบปกตคิ รบถ้วนแล้ว

52 (3) นายอดเบ้ียประกนั ชีวิตแบบบานาญที่จา่ ยจรงิ 250,000 บาท เทียบกบั วงเงินตาม 1. พบว่าเกิน 15% (202,500 บาท) และเกนิ 200,000 บาท จงึ สามารถใช้สทิ ธหิ ักลดหยอ่ นไดเ้ ต็ม 200,000 บาท (4) นายอดค่าเบ้ียประกันภัยแบบบานาญท่ีสามารถหักได้ตาม 3. ไปรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุน สารองเลี้ยงชีพและเงินค่าซ้ือหน่วยลงทุนในกองทุน RMF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท = 200,000 + 135,000 + 100,000 = 435,000 บาท พบว่าไม่เกิน นาย ง. สามารถหักเบ้ียประกันชีวิตแบบตลอดชีพได้ 100,000 บาท และหักเบย้ี ประกันชวี ติ แบบบานาญได้ 200,000 บาท ตัวอยา่ งการคานวณฯ ที่ 3 ตัวอย่างที่ 3 นาย ก. มีเงินได้มีเงินได้ทุกประเภทภาษีรวมท้ังปีเท่ากับ 3,400,000 บาท ได้ซื้อประกันชีวิตแบบ สะสมทรพั ย์ของตนเองไว้รวมปลี ะ 60,000 บาท ไดซ้ ้ือประกันชีวิตแบบบานาญไว้ 300,000 บาท และซ้อื หน่วย ลงทนุ RMF ไวใ้ นปีเดียวกนั ถงึ 360,000 บาท นาย ก. สามารถหกั ลดหยอ่ นเบย้ี ประกนั ชวี ิตแบบบานาญได้ดงั น้ี (1) คานวณยอดการใช้สิทธิหักไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ แล้วพักไว้มีเงินได้ทั้งปี 3,400,000 บาท ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 15 มเี พดานสงู สุดเท่ากบั = 3,400,000 X 15% = ไมเ่ กนิ 510,000 บาท (2) นาย ก. จ่ายเบ้ียประกนั ชีวิตแบบสะสมทรัพย์ 60,000 บาท ให้นาเบี้ยประกันไปใช้สิทธิหักเบี้ย ประกันชีวิตปกติก่อน 60,000 บาท คงเหลืออีก 40,000 บาท (100,000 - 60,000 = 40,000 ) จึงนาเบี้ย ประกนั ชีวติ แบบบานาญมาใช้สิทธใิ ห้ครบ 100,000 บาท (3) นาย ก. จ่ายเบี้ยประกันชีวติ แบบบานาญ 300,000 บาท คงเหลอื อกี 260,000 บาท (300,000 - 40,000) นามาเปรียบเทียบกับตาม 1. พบว่าไม่เกิน จึงสามารถใช้สิทธิหักเบ้ียประกนั ชีวิตแบบบานาญได้เต็ม 200,000 บาท (4) นาเบี้ยประกันชวี ิตแบบบานาญ 200,000 บาท ไปรวมกับเงินค่าซ้อื หนว่ ยลงทนุ RMF 360,000 บาท = 560,000 (200,000 + 360,000) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท พบว่า เกินวงเงินที่สามารถหักได้รวม 60,000 บาท (560,000 - 500,000 = 60,000) (5) นาสิทธิท่ีสามารถหักเบี้ยประกันแบบบานาญตาม 3. 200,000 บาท มาหักกับวงเงินท่ีเกินสิทธิ หักได้ 60,000 บาท คงเหลอื สิทธทิ ีห่ กั ได้จรงิ 140,000 บาท (200,000 – 60,000 = 140,000 บาท ) นาย ก. สามารถหักลดหย่อนเบ้ียประกันชีวิตแบบบานาญได้ 180,000 บาท โดยนาไปหักลดหย่อนในส่วนของ เงินประกันชีวติ ปกติ 40,000 บาท รวมกับเบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ 60,000 บาท รวมเป็นเบี้ยประกัน ชีวิตปกติ 100,000 บาท และในสว่ นของเบย้ี ประกนั ชีวิตแบบบานาญอีก 140,000 บาท ตัวอยา่ งการคานวณฯ ที่ 4 ตัวอย่างท่ี 4 นาย จ. มีเงินได้ปีละ 1,280,000 บาท จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบานาญปีละ 143,500 บาท จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเล้ียงชีพ 128,000 บาท และจ่ายค่าซ้ือหน่วยลงทุนในกองทุน RMF จานวน 121,000 บาท สมรสกับนาง เอ. มีเงินได้ปีละ 1,100,000 บาท ซึ่งได้จ่ายเบ้ียประกันชีวิตแบบบานาญปีละ

53 140,000 บาท จ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ 120,000 บาท และจ่ายค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF จานวน 100,000 บาท นาง เอ. ใช้สิทธแิ ยกยนื่ เสียภาษี นาย จ. และนาง เอ. สามารถหกั ค่าลดหยอ่ นและ ยกเวน้ ภาษีได้ดังนี้ การคานวณของ นาย จ. (1) คานวณยอดการใช้สิทธิหักไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ แล้วพักไว้ = 1,280,000 x 15 % = 192,000 (2) นาย จ. จ่ายเบี้ยประกันชีวิตแบบบานาญ 143,500 บาท ให้ไปใช้สิทธิหักประกันชีวิตปกติก่อน (10,000 + 90,000) = 100,000 บาท ส่วนท่ีเหลือนาไปใช้สิทธิค่าลดหย่อนประกันชีวิตแบบบานาญ 43,500 บาท (143,500 - 100,000) (3) นายอดค่าเบ้ียประกันชีวิตแบบบานาญท่ีเหลือ 43,500 บาท เทียบกับวงเงินตาม 1. พบว่าไม่ เกิน 192,000 บาท (15 % ของเงนิ ได้และไม่เกนิ 200,000 บาท) (4) นายอดค่าประกันชีวิตแบบบานาญที่เหลือ ไปรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ และ เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท = 43,500 + 128,000 + 121,000 = 292,500 บาท การคานวณของ นายเอ. (1) คานวณยอดการใช้สิทธิหักไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ แล้วพักไว้ = 1,100,000 x 15 % = 165,000 (2) นาย เอ. จ่ายเบ้ียประกันชีวิตแบบบานาญ 140,000 บาท ใหไ้ ปใช้สทิ ธิหกั ประกันชวี ิตปกติก่อน (10,000 + 90,000) = 100,000 บาท ส่วนท่ีเหลือนาไปใช้สิทธิค่าลดหย่อนประกันชีวิตแบบบานาญ 40,000 บาท (140,000 - 100,000) (3) นายอดค่าเบ้ียประกันชีวิตแบบบานาญท่ีเหลือ 40,000 บาท เทียบกับวงเงินตาม 1. พบว่าไม่ เกิน 165,000 บาท (15 % ของเงนิ ได้และไมเ่ กนิ 200,000 บาท) (4) นายอดค่าประกันชีวิตแบบบานาญท่ีเหลือ ไปรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเล้ียงชีพ และ เงินค่าซ้ือหน่วยลงทุนในกองทุน RMF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท = 40,000 + 120,000 + 100,000 = 260,000 บาท นาย จ. สามารถนาเบ้ียประกันชีวติ แบบบานาญไปหกั เป็นเบ้ียประกันชีวิตแบบปกติ 100,000 บาทและหักเบี้ย ประกันชีวติ แบบบานาญไดอ้ ีก 43,500 บาท นาย เอ. สามารถนาเบี้ยประกันชีวิตแบบบานาญไปหัก เป็นเบี้ยประกันชีวิตแบบปกติ 100,000 บาท และหัก เบ้ยี ประกันชีวติ แบบบานาญไดอ้ ีก 40,000 บาท

54 ถำ้ ตอ้ งกำรรำยละเอยี ดเพ่ิมเติมทำ่ นสำมำรถเข้ำไปในเวบ็ ไซต์ http://www.rd.go.th > อ้างอิง > ประกาศอธบิ ดกี รมสรรพากร > เกีย่ วกบั ภาษีเงนิ ไดฉ้ บบั ที่ 112 http://www.rd.go.th > อ้างองิ > ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร > เกย่ี วกบั ภาษเี งนิ ไดฉ้ บับที่ 172 http://www.rd.go.th > อา้ งอิง > ประกาศอธบิ ดีกรมสรรพากร > เก่ียวกับภาษเี งินไดฉ้ บับที่ 194 http://www.rd.go.th > อ้างอิง > กฎกระทรวง > ฉบับที่ 126 พ.ศ. 2509 ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 266) พ.ศ. 2551 ตารางเปรียบเทียบหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ตามประกาศอธิบดี กรมสรรพากร เกีย่ วกบั ภาษีเงนิ ได้

55 บรรณำนกุ รม สืบค้นขอ้ มูลเพิ่มเตมิ ไดท้ ่ี https://www.rd.go.th/publish/27860.0.html


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook