Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1_05 บาลีไวยกรณ์ วากยสัมพันธ์

1_05 บาลีไวยกรณ์ วากยสัมพันธ์

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-02-17 00:48:04

Description: 1_05 บาลีไวยกรณ์ วากยสัมพันธ์

Search

Read the Text Version

คาํ นาํ หนังสอื บาลไี วยากรณ วากยสัมพนั ธ ภาคที่ ๓ ตนตน ปรากฏ วา มีศพั ทท่ีนยิ มในเชงิ อักขรวธิ ี ยังแผกเพย้ี นไมล งระเบียบ ตามที่ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาชริ ญาณวโรรส ทรงแนะนาํ ใน คราวชาํ ระคัมภีรอรรถกถาและชาดกปกรณ ขาพเจา จึงชาํ ระใหมจ น ตลอด เพื่ออนโุ ลมใหย ตุ ิเปนระเบยี บเดียวกันกบั หนังสอื แบบเรียน อยา งอน่ื ๆ ท่ีใชเ ปน หลกั สตู รแหง การศกึ ษา ซึ่งพิมพใหมในยุคนี้. โดยพระกระแสรบั สัง่ สมเด็จพระสังฆราชเจา. พระสาสนโสภณ วดั เทพศิรินทราวาส วันที่ ๓๐ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๐

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพนั ธ - หนาท่ี 215 วากยสมั พนั ธ ภาคท่ี ๓ (๑๔๗) นกั เรียนไดศ ึกษาวจวี ิภาค รูจกั สวนแหง คําพูดแลว ควรศกึ ษาใหรูจักวธิ ปี ระกอบคําพดู เขาเปน พากย เพอื่ เปนประโยชน ในการพดู หรอื แตง หนังสือซ่งึ แสดงความใหผ อู ่ืนเขาใจ เหมอื นนาย ชางผฉู ลาด รูจักปรงุ ทัพพสมั ภาระใหเปน เรอื น เพื่อเปน ประโยชนแก ผูจะอยู ฉะนั้น วิธีประกอบคาํ พดู เขาเปน พากยนั้น เรียกวา วากยสัมพันธ. (๑๔๘) คาํ พูดนนั้ แบงเปน ๓ อยา ง ดงั นี้ :- ๑. ศัพทเ ดยี วหรือหลายศพั ท แตย งั ผสมใหเ ปน ใจความไมไ ด เรียกวา บท กําหนดตามวภิ ัตตนิ าม จะก่ีศพั ทกต็ าม นับวภิ ตั ติ ละบท ๆ เชน ปุตฺโต เปน บทหนึ่ง มาตาปตเรสุ เปนบทหน่ึง เปน ตวั อยา ง. ๒. หลายบทผสมใหเ ปนใจความได แตยงั เปนตอน ๆ ไมเตม็ ที่ เรยี กวา พากยางค มี ๓ อยาง คอื (นาม) กลุ สสฺ ปตุ โฺ ต, (คุณ) ปโย ปตุ โฺ ต, (กิรยา) ปุตโฺ ต มตาปต เรสุ สมสฺ ม ปฏิปชชฺ นฺโต เปน ตวั อยาง. ตอนหนงึ่ ๆ นับเปน พากยางคห นง่ึ ๆ. ๓. หลายบทหรือหลายพากยางค ผสมใหเ ปน ใจความไดเตม็ ที่

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสมั พันธ - หนาที่ 216 เรยี กวา พากย เชน ปุตฺโต มาตาปต เรสุ สมฺสม ปฏิปชชฺ นโฺ ต ปสศ ลภติ เปนตัวอยา ง. ตอนมีกิริยาอาขยาตหนึ่ง ๆ นบั เปน พากยห นึ่ง ๆ. (๑๔๙) การศึกษาวธิ ปี ระกอบคาํ พดู เขาเปนพากยมี ๒ ทาง คอื กําหนดพากยท เ่ี รียงไวแ ลใ หรวู า บทไหนเขากบั บทไหน ซง่ึ เรียกวา สัมพนั ธ ทาง ๑ เรยี นผกู คําพดู ใหเ ปนพากยเ องใหตองตามแบบอยา ง ทาง ๑ ใน ๒ ทางนนั้ ควรเรียนทางสมั พนั ธใหเห็นเปนตวั อยา งไว กอนแลว จงึ เรยี นแตง เอง เชน นี้ การศกึ ษาจะไดส ะดวกด.ี กอน แตเ รยี นสมั พนั ธ ควรรจู กั แบบสัมพันธไวก อน. แบบสมั พันธ (๑๕๐) บทนามนาม ท่ีประกอบดวยปฐมาวภิ ัตติใชในอรรถ ๔ อยาง ดงั น้ี :- ๑. เปน ประธานในนามพากยางค และคณุ พากยางคเรยี กช่อื วา ลิงฺคตโฺ ถ. อทุ าหรณอ ยางน้ี: กลุ สฺส ปุตโฺ ต ปโย ปตุ โฺ ต. ๒. เปน ผูท าํ เอง ในพากยท เ่ี ปนกัตตวุ าจก เรียกชื่อวา สยกตฺตา อ.ุ ปตุ ฺโต ชายต.ิ ๓. เปนผูใชใ หท าํ ในพากยท เี่ ปนเหตกุ ตั ตุวาจก เรยี กชือ่ วา เหตุกตฺตา อ.ุ มาตา ปุตตฺ  ชเนต.ิ

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พันธ - หนาท่ี 217 ๔. เปนของที่เขาทํา ในพากยท เี่ ปนกรรมวาจาและเหตุกรรม- วาจก เรยี กชอ่ื วา วตุ ตฺ กมมฺ . อุ. กลยฺ าณกมฺม กาตพพฺ . สงฺโฆ าเปตพฺโพ. (๑๕๑) บทนามนาม ทป่ี ระกอบดว ยทตุ ยิ าวภิ ัตติใชใ นอรรถ ๖ อยา ง เขากบั กริ ยิ า ดงั นี้ :- ๑. เปนที่ทาํ (ซงึ่ ) เรียกชอื่ วา อวุตฺตกมมฺ . อ.ุ ธมมฺ  สณุ าต.ิ ๒. เปน ท่ีไปถึง (ส)ู เรียกชื่อวา สมปฺ าปุณยิ กมมฺ . อุ. นคร ปวิสติ. ๓. เปนท่ใี ชใ หทํา (ยงั ) เรยี กชื่อวา การิตกมฺม บา ง กตฺตกุ มฺม บา ง. อ.ุ มาตา ปุตตฺ  ชเนติ. ๔. เปนท่ลี ลุ วง (ส้ิน, ตลอด) เรยี กชอื่ วา อจจฺ นฺตสโ ยโค อุ. ตโิ ยชน คจฉฺ ติ. ๕. เปน ท่รี ับพดู (กะ, เฉพาะ) เรยี กช่อื วา อกถติ กมมฺ  อุ. ภควนตฺ  เอตทโวจ. ๖. เปน เคร่ืองทํากริ ยิ าใหแ ปลกจากปกติ คอื เปน คุณบทแหง กิรยิ า เรยี กชอ่ื วา กริ ยิ าวเิ สสน. อุ. สขุ  เสต.ิ

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพันธ - หนา ที่ 218 (๑๕๒) บทนามนาม ที่ประกอบดว ยตติยาวิภัตติ ใชใ นอรรถ ๖ อยา ง เขา กับกิริยาบาง เขา กบั นามบา ง เขากับอัพยยศัพทบา ง ดังนี้ :- ๑. เปน วตั ถุเครื่องทํา (ดวย) เรยี กชื่อวา กรณ. อ.ุ กาเยน กมมฺ  กโรต.ิ ๒. เปน ทางเครื่องแปลก (โดย, ตาม.) เรยี กชือ่ วา ตติยา- วิเสสน. อ.ุ ทกขฺ เิ ณน ปสเฺ สน สีหเสยยฺ  กปเฺ ปต.ิ มม วจเนน เอว วเทหิ. ๓. เปนผูท าํ และผใู ชใ หท ํา ในพากยทีเ่ ปน ภาววาจกและกรรม- วาจก เหตุกรรมวาจก และในกิรยิ าพากยางค (อนั ) เรียกชอ่ื วา อนภิหติ กตฺตา. อุ. สมเณน นาม สสุ สฺ มเณน ภวติ พพฺ . อุโปสโถ สงเฺ ฆน อนมุ าเนตพฺโพ. พฺยตฺเตน ภกิ ฺขนุ า ปฏิพเลน สงฺโฆ าเปตพฺโพ. อนุชานามิ ภิกขฺ เว คิลาเนน ภิกขฺ ุนา ปาริสุทฺธึ ทาต.ุ ๔. เปน เหตุ (เพราะ) เรยี กชื่อวา เหต.ุ อ.ุ ลาเกน อุนฺนโต โลโก, อลาเภน จ โอนโต. ๕. เปน อาการ (ม,ี ดวย, ท้งั ,) เรยี กชอ่ื วา อติ ถฺ มฺภตู . อุ. มนสา เจ ปสนฺเนน ภาสติ วา กโรติ วา. ๖. เปน เครอ่ื งประกอบ (กับ) เรยี กชื่อวา สหตถฺ ตตยิ า. อ.ุ สหาป คคฺเคน สงโฺ ฆ อโุ ปสถ กเรยฺย. เอก สมย ภควา

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพนั ธ - หนา ท่ี 219 เวรชฺ าย วหิ รติ มหตา ภกิ ฺขุสงฺเฆน สทธฺ .ึ (๑๕๓) บทนามนาม ทปี่ ระกอบดวยจตตุ ถีวิภตั ติ ใชใ นอรรถ ๓ อยาง เขา กับกิรยิ า เรยี กชอื่ เปนอยางเดียวกันวา สมปฺ ทาน ดงั น:ี้ - ๑. เปน ที่ให (แก) อ.ุ สงฺฆสสฺ ทาน เทติ. ๒. เปน ทีส่ ง ไป (เพือ่ ) อ.ุ รโฺ  ปณณฺ าการ เปเสติ. ๓. เปนทีป่ ระทษุ รา ย (ตอ ) อ.ุ โย อปฺปทฏุ  สสฺ นรสฺส ทสุ ฺสติ. (๑๕๔) บทนามนาม ทีป่ ระกอบดว ยปญจมีวิภตั ติ ใชใ นอรรถ ๓ อยา ง เขา กบั กริ ิยา ดังนี้ :- ๑. เปนแดนออก (แต, จาก.) เรยี กชื่อวา อปาทาน. อุ. ปย โต ชายเต โสโก. ปาปา จติ ฺต นิวารเย. ๒. เปน แดนเปรียบ (กวา) เรยี กชอ่ื วา อปาทาน ดจุ เดียวกนั . อุ. ทานโต สีล มหปผฺ ลตร (โหต)ิ . ๓. เปนเหตุ (เหตุ) เรยี กชอื่ วา เหต.ุ อ.ุ ชาติปจจฺ ยา ชรามรณ (สมภฺ วติ). (๑๕๕) บทนามนาม ทปี่ ระกอบดว ยฉฏั ฐวี ภิ ัตติ ใชใ นอรรถ ๖ อยา ง เขา กบั นาม ดังนี:้ -

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสัมพันธ - หนา ที่ 220 ๑. เนือ่ งดวยเปน เจาของพัสดุ (ของ) เรียกชือ่ วา สามสี มฺพนฺโธ. อุ. ภกิ ขฺ ุสสฺ จีวร. ๒. เนอ่ื งอยูในหมู (แหง) เรียกชอื่ วา สมหุ สมฺพนโฺ ธ. อ.ุ โคณาน ยูโถ. ๓. เนอื่ งดว ยเปน เจา ของกิรยิ าอาการเปน ตน (แหง ) เรยี กช่ือ วา ภาวาทิสมฺพนฺโธ. อ.ุ สาธุ ธมมฺ สสฺ สุธมมฺ ตา. ๔. เปน ประธานในพากยางคที่แทรกเขามา (เมอื่ ) เรียกชอ่ื วา อนาทโร. อุ. มาตาปตูน----รุทมานาน----อคารสฺมา อนคารยิ  ปพฺพชิ. ๕. เปน จาํ นวนที่รวมกนั อยู ซง่ึ จะตอ งถอนออก (แหง ) เรียก ชอื่ วา นทิ ฺธารณ. อ.ุ มนสุ ฺสาน ขตตฺ ิโย สรู ตโม. ๖. เปนกรรมในบทท่ีเปนนามกิตก เวน แตศัพททป่ี ระกอบดวย ตุ ปจจยั เรยี กชอ่ื วา ฉฏ กี มมฺ . อ.ุ จติ ตฺ สสฺ ทมโถ สาธุ ภวสิ ฺสนฺติ ธมฺมสสฺ อฺ าตาโร. (๑๕๖) บทนามนาม ทปี่ ระกอบดวยสัตตมีวิภัตติ ใชใ นอรรถ ๙ อยาง เขา กับกริ ยิ าบา ง เขากับนามบา ง ดงั น้ี :- ๑. เปน ที่กาํ บงั ไวโ ดยปกติ (ใน) เรยี กชอ่ื วา ปฏจ ฺฉนฺนาธาโร. อุ. กรณฺฑเก มณิ.

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พันธ - หนา ที่ 221 ๒. เปน ทซ่ี ึมซาบหรือปนอยู (ใน) เรยี กชื่อวา พฺยาปก าธาโร. อ.ุ ตเิ ลสุ เตล. ๓. เปน ทอ่ี ยอู าศัย (ใน) เรียกชือ่ วา วสิ ยาธาโร. อุ. ชเล มจฺฉา. ๔. เปนที่ใกล (ใกล, ณ) เรยี กชอ่ื วา สมีปาธาโร. อุ. นครทฺวาเร คามา. ๕. เปน ทีร่ อง (เหนือ, บน, ที่.) เรียกช่อื วา อุปสเิ ลสิกาธาโร. อุ. ปฺตเฺ ต อาสเน นสิ ที ิ. ๖. เปน กาล (ใน, ณ.) เรยี กชื่อวา กาลสตฺตม.ี อ.ุ ตสมฺ ึ สมเย ธมมฺ า โหนตฺ ิ ขนธฺ า โหนฺต.ิ ๗. เปนเครอ่ื งหมายหรือเปน เหตุ (ในเพราะ) เรียกชื่อวา นมิ ติ ตฺ สตฺตมี. อุ. สรา โข สพเฺ พป สเร ปเร โลป ปปโฺ ปนตฺ ิ. กุชฺ โร ทนเฺ ตสุ หฺเต. ๘. เปน ประธานในพากยางคท ่ีแทรกเขามา (ครน้ั เมือ่ ) เรยี ก ช่ือวา ลกฺขณ หรอื ลกขฺ ณวนฺต. อุ. สรุ ิเย อฏงคฺ เต, จนฺโท อคุ ฺคจฺฉติ. ๙. เปน จาํ นวนที่รวบกนั อยซู ่ึงจะตองถอนออก (ใน) เรยี กชื่อ วา นทิ ฺธารณ. อ.ุ ทนโฺ ต เสฏโ  มนุสเฺ สส.ุ

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสมั พันธ - หนา ที่ 222 (๑๕๗) บทนามนาม ทเี่ ปน คาํ สาํ หรบั รองเรยี ก เรยี กชื่อวา อาลปน. อ.ุ ธมมฺ  โว ภกิ ขฺ เว เทเสสสฺ าม.ิ (๑๕๘) บทคณุ นาม ใชในอรรถ ๓ อยา ง ดงั น:้ี - ๑. เปนเครื่องทํานามนามใหแปลกจากปกติ เรียกช่อื วา วเิ สสน. อุ. ปโ ย ปุตโฺ ต. ๒. เปน คุณนามก็ดี เปน นามนามแตใ ชด จุ คุณนามกด็ ี ทเ่ี ขา กบั กิริยาวา มี วาเปน เรยี กชอ่ื วา วกิ ตกิ ตฺตา. อุ. พหสุ ฺสโุ ต โหต.ิ ชาตยิ า ขตฺติโย โหติ. ๓. บทวเิ สสนะ ที่ประกอบดว ยทตุ ยิ าวภิ ัตติเขา กับกิริยาวา ทํา ในพากยท่เี ปนกัตตวุ าจก และประกอบดวยปฐมาวภิ ตั ติในพากยท ่ี เปนกรรมวาจก เรียกช่ือวา วิกตกิ มมฺ . อ.ุ อมิ  อตถฺ  ปากฏ กโรหิ. กฏุ ม พฺ สสฺ สามิก น กรสิ สฺ าม.ิ ปาณาตปิ าตสฺส อาการโก กโต. กริ ยิ าที่กลาวในสวนท่ี ๒ ที่ ๓ ในพากยเปน กัตตุวาจก แหง ขอ นี้ แมถงึ ไมเขยี นไวก็ได ตองเขา ใจเอาเอง ดังน:้ี - อตตฺ า หิ อตตฺ โน นาโถ (โหต)ิ , อมิ  อตถฺ  ปากฏ (กตฺวา) วเทหิ. (๑๕๙) บทสพั พนาม, ถาเปนปรุ สิ สพั พนาม เรียกชอ่ื เหมอื น บทนามนาม; ถา เปน วเิ สสนสพั พนาม เรยี กช่อื วา วิเสสน.

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพนั ธ - หนา ที่ 223 (๑๖๐) บทกิริยาเปน ๒ อยา ง คอื บทกริ ิยาในพากยางคอยา ง ๑ บทกิริยาในพากยอยาง ๑ ไดช ือ่ ตา ง ๆ กนั ดงั นี้:- บทกริ ยิ าในพากยางค ๑. บทกิรยิ า ที่ประกอบดว ยอันตปจ จยั หรือมานปจ จยั เรยี ก ช่ือวา วเิ สสน บาง อพภฺ นฺตรกิรยิ า บา ง. อ.ุ อิทานิ กริยมาโน อุโปสโถ. ปตุ ฺโต มาตาปต เรสุ สมมฺ า ปฏปิ ชฺชนฺโต. ๒. บทกิรยิ า ทป่ี ระกอบดวย ต ปจจัย เรียกชือ่ วา วิเสสน. อ.ุ อปุ ปฺ นนฺ  ลาภ อนุรชุ ฌฺ ติ. เรยี กชอื่ วา วิกตกิ ตฺตา. อุ. ปาโป ชาโต ส.ิ เรยี กชอื่ วา วกิ ติกมฺม อ.ุ ธมฺม จเร สจุ ริต. สวน บทกิรยิ าแหงอนาทร เรยี กชอ่ื วา อนาทรกิริยา, แหง ลกั ขณะ เรียก ลักขณกิริยา จงดอู ุทาหรณในท่นี น้ั (๑๕๕+๔,๑๖๕+๘.) เถิด. สว น บทกริ ยิ า ทป่ี ระกอบดวย ต ปจจัยในพากย เรียกช่ือตามแบบในพากย, แมบ ทท่ีประกอบดว ย ตพพฺ และ อนยี ก็เหมือนกัน. ๓. บทกิริยา ทป่ี ระกอบดวย ตนู , ตวฺ า, ตฺวาน, ปจจยั เรียก ชื่อ ๖ อยา ง ตามความ จะแสดงแตบทท่ีประกอบดวย ตฺวา ปจ จัย พอเปนตัวอยา ง ดงั น้ี :- ก. ถาเปน กริ ยิ าท่ที าํ กอนแลว จงึ ทํากริ ยิ าขางหลงั ตอไปอกี เรยี กช่อื วา ปพุ พฺ กาลกิรยิ า. อ.ุ ธมมฺ  สตุ วฺ า คาม ปจฺจาคจฉฺ ต.ิ

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพันธ - หนาที่ 224 ข. ถาเปนกริ ิยาทกี่ ลาวซาํ้ กบั กริ ิยาขา งตน แสดงวาทําสําเร็จแลว เรยี กช่ือวา ปรโิ ยสานกาลกริ ยิ า. อ.ุ เยน ภควา, เตนปุ สงกมิ; อุปสงกฺ มิตวฺ า----นิสีท.ิ ค. ถา เปน กริ ิยาท่ีทําพรอมกับกริ ยิ าอ่ืน, เรียกช่อื วา สมาน- กาลกริ ยิ า. อ.ุ ฉตฺต คเหตวฺ า คจฉฺ ต.ิ ในท่ีนี้ ประสงคคนเดมิ กัน้ รม, ไมไดมงุ กริ ิยาทีจ่ ับรมกอนแลว จึงไป. ฆ. ถา เปนกิริยาที่ทําทหี ลังกริ ยิ าอื่น, เรยี กชอ่ื วา อปรกาล- กริ ยิ า. อุ. ธมมฺ าสเน นสิ ีทิ จิตตฺ วีชนึ คเหตฺวา, ในทีน่ ้ี ประสงคว า พระธรรมกถกึ ขึน้ น่งั บนธรรมาสนแลว จึงจบั พดั ทเ่ี ขาวางไวสําหรับ บนธรรมาสนน น้ั อยางบนธรรมาสนท เ่ี ทศนาในวันธมั มัสสวนะ, ไม ไดม งุ ความวา พระธรรมกถกึ นงั่ ตง้ั พัดใหศีลอยูบนธรรมาสน. ถามุง ความตามนัยหลัง ตอ งเรียกชื่อวา สมานกาลกิริยา. ง. ทไี่ มส งเคราะหเขาในอรรถเหลา น;้ี ถาเขากบั นาม, เรยี กวา วเิ สสน. อ.ุ เปตฺวา เทฺว อคฺคสาวเก อวเสสา อรหตตฺ  ปาปุณสึ ุ. ถาเขา กบั กิรยิ า, เรยี กวา กิรยิ าวเิ สสน. อุ. ตณี ิ รตนานิ เปตฺวา อฺ เม ปฏสิ รณ นตถฺ .ิ จ. ถามีกตฺตาตางจากกิรยิ าหลัง, เรยี กชื่อวา เหต.ุ อ.ุ สีห ทิสวฺ า ภย อปุ ฺปชชฺ ต.ิ ในท่นี ้ี ทสิ ฺวา เปน กิริยาของ ปุคคฺ โล อปุ ฺปชฺชติ เปน กิริยาของ ภย.

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พันธ - หนา ที่ 225 บทกิรยิ าในพากย ๔. ถา เปน อาขยาต. ไดชื่อตามวาจกแจกเปน ๕ อยาง ดังนี:้ - ก. กตั ตุวาจก เรียกชอ่ื วา กตตฺ ุวาจก อาขยฺ าตปท. อุ. สโู ท โอทน ปจติ. ข. เหตกุ ตั ตวุ าจก เรยี กชือ่ วา เหตกุ ตตฺ วุ าจก อาขฺยาตปท อุ. อมจโฺ จ สูท โอทน ปาเจต.ิ ค. ภาววาจก เรียกชอ่ื วา ภาววาจก อาขยฺ าตปท. อ.ุ เตน ภยู เต. ฆ. กรรมวาจก เรียกชื่อวา กมมฺ วาจก อาขฺยาตปท. อ.ุ สูเทน โอทโน ปจฺจเต. ง. เหตุกรรมวาจก เรยี กช่อื วา เหตุกมมฺ วาจก อาขฺยาตปท. อุ. อมจเฺ จน สเู ทน โอทโน ปาจาปยเต. ๕. ทเี่ ปน กิตกก ไ็ ดชอื่ ตามวาจกเหมือนอาขยาต เปน แตเรยี กวา กติ ปท แทน อาขฺยาตปท เทา น้ัน, บทกริ ยิ ากติ กในพากย คือบท ทีป่ ระกอบดว ย ต, ตพฺพ, อนยี , ปจ จัย. (๑๖๑) นบิ าต ไดช อื่ หลายอยา งตา ง ๆ กนั ตามลักษณะทีล่ ง ในขอ ความดงั จะแสดงตอไปนี้:- (๑๖๒) นิบาตหมวดท่ี ๑ กําหนดดวยความ ๒ ทอ นลงใน ทอ นหลัง.



ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสมั พันธ - หนา ท่ี 226 วิตถารโชตกนบิ าต ๑. ในความขอ เดียวกนั แตก ลาวเปน ๒ ทอน, ทอนตนกลา ว แตโ ดยยอ , ทอ นหลงั กลา วโดยพสิ ดาร เพ่อื จะอธิบายความทอนตน ใหกวางขวางตอไปอีก; นบิ าตในทอ นหลงั ทสี่ ําหรับลงตอ ความ ในทอ นหลงั กบั ทอนกอ นใหเ กี่ยวกัน เรียกช่ือวา วติ ถฺ ารโชตโก หรือเรยี กใหส นั้ วา วติ ฺถาโร, ในอรรถนีใ้ ชนิบาต คอื หิ ศัพทเ ดียว ตรงความไทย คือ ความพิสดารวา หรือ ก็ มีอทุ าหรณ ดงั น้ี :- ปเร จ น วชิ านนตฺ ีติ อมิ  ธมมฺ เทสน สตฺถา เชตวเน วหิ รนฺโต โกสมพฺ เิ ก ภกิ ฺขู อารพภฺ กเถสิ. โกสมพฺ ิย หิ โฆสิตาราเม ปฺจสตปริวารา เทวฺ ภกิ ขฺ ู วหิ รึสุ: วนิ ยธโร จ ธมมฺ กถโิ ก จ. ฯ เป ฯ (ธมมฺ ปทฏ กถา ภาคท่ี ๑ เรอื่ งท่ี ๕) ต้งั แต ปเร จ ถงึ กเถสิ เปน ทอนตน กลา วเรอื่ งน้ันโดยยอ , ตั้งแต โกสมพฺ ิย หิ ไปจนจบเร่ือง เปนทอนหลงั อธบิ ายความท่กี ลาวใน ทอ นตนน้ัน ใหก วางขวางออกไป หิ ในทอ นหลงั น้นั เรียก วิตถฺ าร- โชตโก หรอื วติ ถฺ าโร เพราะสอ งความพิสดาร อุทาหรณผ กู ไวเปน ตวั อยา ง ดงั น:้ี สมาโส กจิ ฺจวเสน ทุวโิ ธ โหติ: ลตุ โฺ ต จ อลตุ ฺโต จ. ตตถฺ หิ รโฺ  ธน ราชธน อจิ จฺ าทิ ลตุ ฺโต นาม. ทเู รนทิ าน อิจจฺ าทิ อลุตฺโต นาม.

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พนั ธ - หนา ที่ 227 วากยารัมภนบิ าต ๒. ถาความทอนตนท่แี สดงไวยังไมห มดความ เปนเหตใุ หถ าม ใหว สิ ัชนากันร่าํ ไป; จึงอธบิ ายตอเสียในทอ นหลงั ทเี ดียว ไมต องให ถาม, แตไมไดอ ธบิ ายซํ้าความเดมิ เหมือนพากยว ิตถารโชดก, เปน แตปรารภความที่กลา วแลว ในทอ นตน กลาวความเนือ่ งกันไปไมข าด สาย; นิบาตซึง่ เปน เครื่องหมายความขอ น้ใี นทอ นหลัง เรยี กชอ่ื วา วากฺยารมภฺ โชตโก หรอื เรียกใหส้ันวา วากยฺ รมโฺ ภ, ในอรรถนใ้ี ช นบิ าต ๓ ศพั ท คอื ห,ิ จ, ปน; ตรงความไทยวา ก,็ แล, ก็แล, มอี ุทาหรณด ังน้:ี จตมุ มฺ คคฺ ผลนพิ ฺพานวเสน นววิโธ, ปรยิ ตตฺ ิยา สห ทสวโิ ธ วา ธมโฺ ม, ธารณจฺ ปเนตสสฺ อปายาทนิ ิพพฺ ตตฺ นกกฺ ิเลส- วิทธฺ สน. (สงฺคหฏกี า) ความในทอ นตน เปนเหตใุ หถามวาอยางไร มรรค ๔ ผล ๔ กับพระนิพพาน เปน ๙ ประการ ดงั น้ีบาง หรอื รวม เขากบั พระปรยิ ัติดว ยเปน ๑๐ ประการ จึงชอื่ วา พระธรรม พระ ธรรมนั้นมคี ณุ อยา งไร ดังนบี้ าง ก็ได, ในทอ นหลังจงึ แสดงเสยี ทเี ดยี ววา ความทรงพระธรรมนั้นไว กาํ จัดกิเลสซ่ึงเปนเหตเุ กิดใน อบายเปน ตนได, จ ในทอ นหลังนน้ั เรียก วากฺยารมภฺ โชตโก เพราะ สอ งความที่ทา วพากยกอน. อทุ าหรณผ ูกไวเ ปน ตัวอยา งดงั น้ี: วริ ิย นาม สมมฺ า ปยตุ ตฺ  สุขมาวหติ. ตกฺการา หิ เตน อปุ ฺปาทิต สุข อธิคนตฺ วฺ า อตฺตโน วจนการก ตตฺถ นโิ ยเชนฺติ.

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสมั พันธ - หนา ที่ 228 เหตโุ ชตกนิบาต ๓. ถา ความทอ นตน กลา วผลซึ่งชวนใหถามถึงเหตวุ าเปน อยางนั้น เพราะอะไร, จึงกลา วเหตเุ สียในความทอ นหลงั ทีเดยี ว ไมตอ งให ถาม; นิบาตซงึ่ เปนเครอ่ื งหมายความขอนใี้ นทอนหลัง เรยี กชอื่ วา การณโชตโก หรือเรยี กใหส้ันวา เหตุ. ในอรรถน้ีใชนบิ าต ๓ ศพั ท เหมือนวากยารัมภ, ตรงความไทยวา เหตวุ า, เพราะวา. มีอทุ าหรณ ดงั น้ี: สพพฺ วจนาน อตฺโถ อกฺขเรเหว สฺายเต. อกขฺ รวปิ ตฺติย หิ อตฺถสสฺ ทนุ นฺ ยตา โหต.ิ (กัจจายนปกรณสนั ธิกปั ปสูตรตน ) ความในทอ นตน นาชวนใหถามวา เหตุไฉน ความแหงคําพดู ทง้ั ปวง อาจารยต องกําหนดหมายดว ยอักษรอยา งเดียว ในทอนหลังจึง แสดงเสยี ทเี ดยี ววา เหตวุ า เมอ่ื อกั ษรวิบตั ิ ความก็เปน ถอ ยคาํ ท่ี นาํ ตอ ๆ กนั ไปไมถกู ตอ ง; เหตุนัน้ ความในทอนตนช่อื วา กลา ว ผล เพราะการทตี่ อ งหมายความแหงคําพดู ดวยอกั ษรน้ัน คงอาศยั เหตุอยา งหน่ึง, ความในทอนหลงั ช่อื วากลา วเหตุ เพราะการท่ีแสดงวา เม่ืออักษรวบิ ัติ ความเสียเปน เหตใุ หคิดแกไขไมใหค วามเสยี , การ คิดแกนั้น กค็ ือจัดหมาย ดวยอักษรทีไ่ มว บิ ัติ ความใน ๒ ทอ นน้นั เปน เหตแุ ละผลเนือ่ งกันฉะน้;ี หิ ในทอ นหลงั น้ันเรยี ก การณโชตโก หรือ เหตุ เพราะสองความทเ่ี ปนเหตุ. อุทาหรณเปนตัวอยา งดังนี้; ภิชชฺ ติ ปตู ิสนฺเทโห, มรณนตฺ  หิ ชีวติ . (ธมมฺ ปทฏ กถา ภาค ๕ เรอื่ งที่ ๑๒๐)

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพันธ - หนา ท่ี 229 ผลโชตกนิบาต ๔. ถาความทอ นตนกลาวเหตุ ซงึ่ นา ชวนใหถามถึงผลวา ขอ น้นั จะใหผ ลอยา งไร, จงึ กลาวผลเสยี ในความทอ นหลังทเี ดยี ว ไม ตอ งใหถาม; นบิ าตซึ่งเปน เครื่องหมายความขอ นีใ้ นทอ นหลัง เรียก ชื่อวา ผลโชตโก หรือเรียกใหส น้ั วา ผล. แมใ นอรรถนก้ี ็ใช นบิ าต ๓ ศพั ทน น้ั , ตรงความไทยวา ดว ยวา , มอี ุทาหรณดังนี้: ทาน ทาตพฺพเมว. ทายฺหิ โภคสมฺปท อาวหติ. (คันถาภรณ.) ความทอนตน นา ชวนใหถามวา ใหทานมผี ลอะไร, จงึ อธบิ ายผล แหง ทานนนั้ ในทอนหลงั วานําโภคสมบัตมิ า, เหตุน้ันความทอนตน จึงชอ่ื วาเปน เหต,ุ ความทอ นหลังชอ่ื วาเปนผลฉะน้ี; หิ ในทอ นหลงั นั้นเรยี ก ผลโชตโก เพราะสองความทีเ่ ปน ผล อทุ าหรณผกู ไวเปน ตวั อยางดงั นี้: ปฺา นาม อจิ ฺฉิตพฺพา. ตาย จ สขุ ุมมฺป อตฺถ วจิ าเรติ. วิเสสโชตกนบิ าต ๕. ถาความทอนตนกลา ว ลกั ษณะแหงคน หรือของอะไร ๆ โดย อาการเสมอกนั ไมไ ดวนิ ิจฉัยวา วิเศษกวา กันอยางไร, ความทอนหลงั วนิ จิ ฉัยวิเศษออกไป นิบาตซ่งึ เปน เครอื่ งหมายความขอนใ้ี นทอนหลัง เรยี กชื่อวา วเิ สสโชตโก หรือเรยี กใหส ้ันวา วิเสโส. แมในอรรถน้ี ก็ใชน ิบาต ๓ ศัพทน นั้ , ตรงความไทยวา แต, ก็แตว า , ถึง

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พนั ธ - หนา ท่ี 230 อยา งนน้ั . มอี ุทาหรณด ังนี้: ปุ ฺ วา ปฺ วา จาติ อิเม เทวฺ ชนา อมิ สฺมึ โลเก ทลุ ลฺ ภา. เตสุ หิ ปฺ วาเยว ทลุ ลฺ ภตโร. (คนั ถาภรณนยั .) ความทอนตน แสดงคนมีบญุ และคนมีปญ ญาวา หายากในโลกโดยอาการทีไ่ มแปลกกนั , ความทอนหลังแสดงแปลก ออกไปวา คนมีปญญาหายากกวา; หิ ในทอ นหลังน้ัน เรียกวา วเิ สสโชตโก เพราะสองความทแี่ ปลกออกไป. อุทาหรณผกู ไวเปน ตวั อยา งดงั นี้: ทานป  กสุ ล, สลี ป  กุสล, เตสุ ปน สีล ทานโต วรตร. ตปั ปาฏกิ รณโชตกนบิ าต ๖. ถา ความทอ นตนกลาวอรรถไมป รากฏชัด, ความทอนหลงั กลาวใหปรากฏชดั ดวยขอ อุปมา; นบิ าตซึง่ เปน เครอื่ งหมายความขอ น้ี ในทอนหลงั เรียกชือ่ วา ตปฺปาฏิกรณโชตโก หรอื เรยี กสัน้ วา ตปปฺ าฏิกรณ แมในอรรถนี้ ก็ใชน บิ าต ๓ ศัพทน น้ั , ตรงความไทย วา เหมอื นอยางวา. มอี ุทาหรณด งั น:้ี นคิ คฺ หิต นาม สร นิสสฺ าย ติฏ ติ, ตสฺมึ วินฏเ อฺ  นสิ สฺ าย ตฏิ  ต.ิ ยถา หิ สกโุ ณ ย รุกฺข นิสสฺ าย นิลยี ต;ิ ตสฺมึ วนิ ฏเ , อุปปฺ ตติ วฺ า อฺ  นสิ ียต;ิ เอวเมว นคิ ฺคหติ  ย สร นิสฺสาย ติฏ ติ, ตสมฺ ึ วินฏเ  อฺ นิสสฺ าย ตฏิ  ติ (สารตฺถวิลาสนิ ี ฏีกาคนถฺ ฏ ิ.) ความทอ นตน ไมป รากฏชดั , ความทอ นหลังมีอปุ มาปรากฏชดั ; หิ ในทอ นหลัง นนั้ เรยี กวา ตปปฺ าฏกิ รณโชตโก เพราะสอ งอรรถที่ทําความขอนั้น

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสมั พันธ - หนาที่ 231 ใหช ดั , อุทาหรณเ ปนตัวอยางดังนี:้ ยถา ปน ตานิ เขฬาทีนิ อสจุ นี ิ วปิ ปฺ สนเฺ นน อุทเกน โธวยิ มานานิ วินสฺสนตฺ -ิ ---เอวเมว อเวเรน---- เวรานิ วปู สมฺสมนฺต.ิ (ธมมฺ ปทฏ กถา ภาคท่ี ๑ เรอื่ งที่ ๔) ทฬั หกี รณโชตกนบิ าต ๗. ความทอนตน ควรอางเอาคําอ่ืนมาเปน เคร่อื งสาธกหรือ รับรองใหม่นั ขึน้ เรียกวา ทฬหฺ ยิ . ทฬั หยิ ะน้นั จดั เปน ๒ อยา ง คือ ควรอางคาํ ในคมั ภีรทท่ี านเกา ๆ กลาวไว เชน พุทธภาษติ เรียก อาคมทฬฺหิย อยา งหนึ่ง ควรอางคาํ ที่กลา วเอง แตส มแกคาํ ตน เรียก ยุตฺติทฬหฺ ิย อยา งหน่ึง. ความทอ นหลงั ซ่งึ นํามาเปน เคร่อื งสาธกหรอื รับรองใหม่นั ขึน้ เรียก ทฬหฺ กี รณ ทัฬหกี รณะน้ัน กจ็ ัดเปน ๒ อยาง ตามประเภทแหง ทฬั หยิ ะฉะน้นั . นบิ าตในทอ นหลัง เรยี ก ทฬหฺ ิกรณ- โชตโก. ในอรรถนีใ้ ชนบิ าตแต ๒ ศพั ท คือ หิ กับ จ, ตรงความ ไทยวา จรงิ อยู, แทจริง; อทุ าหรณในอาคมทฬั หีกรณะพงึ รูใ นคาํ วา วุตตฺ ฺเหต ภควตา; วตุ ฺตมปฺ  เจต ภควตา เปนตน. อุทาหรณ ในยตุ ตทิ ฬั หีกรณะวา พทุ ฺธาทิ (รตนตตฺ ย) วนทฺ เนยยฺ  ว. น หิ ต วนิ า อฺ อตถฺ ิ. (คนั ถากรณนยั .) ห,ิ จ, ในอุทาหรณน้นั เรียก ทฬฺหกี รณโชตโก เพราะสอ งความเคร่ืองทําคาํ กอนใหมั่น อุทาหรณเปนแบบเทยี บอาคมทฬั หกี รณะดังน้ี: ปตุ โฺ ต มาตาปต เรสุ สมมฺ า ปฏปิ ชชฺ นฺโต เตส สนฺติกา สงคฺ ห ลภติ. วตุ ตฺ ฺเจต

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสัมพนั ธ - หนาท่ี 232 ภควตา สคิ าลกสสฺ คหปตปิ ตุ ิตสสฺ ธมฺม เทเสนฺเตน \"อเิ มหิ โข คหปติปตุ ตฺ ปฺจหิ เนหิ ปุตเฺ ตน ปุรตถฺ ิมา ทสิ า มาตาปตโร ปจจฺ ุปฏิตา ปฺจหิ เนหิ ปตุ ตฺ  อนกุ มปฺ นตฺ :ิ ปาปา นวิ าเรนฺต,ิ กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, สิปปฺ  สิกฺขาเปนฺต,ิ ปฏริ เู ปน ทาเรน สโยเชนฺติ, สมเย ทายชชฺ  นยิ ยฺ าเทนตฺ \"ี ติ. (สิคาโลวาทสตู ร ในทีหนิกาย ปาฏกิ - วคั ค ๑๑/๒๐๓) ยตุ ตทฬั หกี รณะดังนี:้ ปรุ สิ า หิ อติ ฺถิโย อติ ถฺ โิ ย วา ปรุ สิ า อภูตปพุ พฺ า นาม นตฺถิ. ปรุ สิ า หิ ปรสสฺ ทาเรสุ อติจริตฺวา กาล กตฺวา พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจิตวฺ า มนุสฺสชาตึ อาคจฉฺ นตฺ า อตฺตภาวสเต อิตฺถภี าว อาปชฺชนตฺ -ิ --- อิตถิโย ปน ทานาทีนิ ปุ ฺ านิ กตฺวา อติ ถฺ ภี าเว ฉนทฺ  วิราเชตวฺ า \"อทิ  โน ปุ ฺ  ปรุ ิสตตฺ ภาวปฏิลาภาย สว ตฺตตู\" ติ จิตฺต อธฏิ  หิตวฺ า กาล กตวฺ า ปุรสิ ตฺตภาว ปฏลภนตฺ .ิ (ธมมฺ ปทฏ กถา ภาค ๒ เรื่องท่ี ๓๒.) ปก ขนั ตรโชตกนบิ าต ๘. ในขอความท่ีกลาวถงึ คนหรอื ของหลายฝายตาง ๆ กนั นิบาต ในความทอ นหลังทีก่ ลา วถึงฝา ยหนง่ึ ๆ เรียกช่ือวา ปกฺขนตฺ รโชตโก. ในอรรถนใ้ี ชน ิบาต ๒ ศพั ท คอื จ กบั ปน, ตรงความไทยวา ฝา ยวา , สวนวา ; มีอุทาหรณดงั น:้ี ทุกฺโข พาเลหิ สว าโส, อมิตเฺ ตเนว สพพฺ ทา. ธโี ร จ สุขสวาโส, าตีนว สมาคโม. (ธมฺมปทฏ กถา ภาค ๖ เรื่องท่ี ๑๖๓) จ ในทอนหลังเรยี ก ปกขฺ นตฺ รโชตโก เพราะ

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสัมพันธ - หนา ท่ี 233 สองความอีกฝายหนงึ่ . จงดูอทุ าหรณเทียบ ในทฬั หีกรณโชตกนบิ าต (๗) อุทาหรณส ดุ ทา ยเถดิ . ปน ในคาํ วา อิตฺถิโย ปน ฯ เป ฯ ปฏิลภนตฺ .ิ เรียก ปกขฺ นตฺ รโชตโก. อนั วยโชตกนบิ าต ๙. ถา ความทอนตนกลาวปฏิเสธ คอื มี ไม ๆ อยา ๆ ความ ทอ นหลังกลาวอนโุ ลม คอื ไมใชปฏิเสธ แตคลอยตามความทอ นตน นิบาตในความทอ นหลงั เรียกชอ่ื วา อนวฺ ยโชตโก. ในอรรถน้ีใช นบิ าต ๓ ศพั ท คือ ห,ิ จ, ปน, ตรงความไทยวา อนั , มีอทุ าหรณ ดงั นี้: ยาจกา นาม มจฺฉรชิ เน \"เทห\"ี ติ น ยาจนตฺ ิ; เกวล ปโพธยนฺต.ิ \"สามิ ตวฺ ป ม ปพุ เฺ พ ทานสสฺ อทนิ ฺนตาย อวตถฺ ก- ปาลหตถู  วจิ รนฺต ปสฺส, ตฺว มาทิโส มา ภวา' ต.ิ มจฉฺ รชิ นา ปน \"เทหี' ติ วจนมตตฺ  สุตวฺ า ฆเร สพฺพ วิภว ขย วิย สมฺปสสฺ มานา กากณิกป  ทาตุ อสกโฺ กนตฺ า ปรภิ าสนฺต.ิ (ฎีกา- คนั ถฏั ฐิ) ปน ในความทอ นหลงั เรยี ก อนวฺ ยโชตโก. อุทาหรณ ผกู ไวเ ปนแบบเทยี บดงั น้ี; พาโล นาม น วิสฺสาสิตพฺโฑ. โส จ มิตตฺ ทพุ ภฺ ี โหติ.

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พนั ธ - หนาที่ 234 พยติเรกโชตกนบิ าต ๑๐. ถาความทอนตนกลาวอนุโลม คือไมมีปฏเิ สธหา ม, ความ ทอ นหลงั กลาวมีปฏิเสธหาม แตค ลอยตามกัน, นบิ าตในความทอนหลงั เรยี กวา พฺยติเรกโชตโก. ในอรรถนี้ ใชนบิ าติ ๓ ศพั ทน้นั เหมือน อนั วยโชตก, ตรงความไทยวา อนั , มอี ุทาหรณดังน้ี: รตนตตฺ ย นาม วนฺทนีย ต วนทฺ โต สกลภยาทอิ ุปททฺ วนิวารณสมตฺถตฺตา. น หิ ต เปตวฺ า อฺา สตตฺ าน ปฏสิ รณ อตฺถ.ิ (ฎกี าคันถัฏฐ)ิ หิ ในความทอ นหลงั เรยี ก พยฺ ตเิ รกโชตโก. อทุ าหรณผกู ไวเปน แบบเทยี บดงั นี:้ ปฺ า ว เสฏ า สลี าทโย จ ตสสฺ กล น อุเปนตฺ ิ. สัมภาวนโชตกนิบาต ๑๑. ความทอนตนกลาวต.ิ ความทอนหลงั กลาวชม, นิบาต ในความทอนหลงั เรยี กช่ือวา สมฺภาวนโชตโก. ในอรรถนใี้ ชน บิ าต คอื ปน ศัพทเดยี ว, ตรงความไทยวา ถึงอยางน้ัน, แต กแ็ ตวา; มีอทุ าหรณดังน้:ี อสนฺธทิ มปฺ  (ปฏสิ นธฺ ึ ทาตุ อสกฺโกนตฺ มฺป) อุทธจฺจ ชนกสตตฺ ิยา (ปวตตฺ ยิ  วปิ าก ชเนตุ สมตถฺ ตาย) ปน วปิ ากธมมฺ เมต. (คนั ถากรณ.) ความทอ นตนกลาวติ อทุ ธจั จะ วา ไมอาจใหปฏสิ นธ,ิ ความทอ นหลังชมวา ใหว ิบากได; ปน ใน ความทอ นหลัง เรียก สมภฺ าวนโชตโก เพราะสอ งความสรรเสริญ.

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสัมพันธ - หนาที่ 235 อทุ าหรณผ ูกเปนแบบเทยี บดงั น้ี: อย ทนฺโธ โหต.ิ โวสาน ปน อนาปชชฺ ติ ฺา นิจจฺ เมว สตถฺ  สกิ ฺขติ. ครหโชตกนิบาต ๑๒. ถา ความทอนตน กลาวชม, ความทอ นหลังกลาวติ, นบิ าต ในความทอ นหลงั เรยี กช่ือวา ครหโชตโก, ในอรรถน้ี ใชนบิ าต คือ ปน ศพั ทเดยี ว, ตรงความไทย เหมือนสัมภาวนโชตก, ตา ง แตอทุ าหรณดังนี;้ อุเปกฺขา สนฺตตฺตา สขุ นเฺ ตวฺ ว สงฺขย คจฺฉติ สา ปน อนจิ จฺ โต ทุกฺขเ ยว โหต.ิ (คนั ถาภรณนยั .) ความทอ นตน กลาวชมอเุ บกขาวา เพราะเปนเวทนาละเอียดนับวาสขุ , ความทอนหลงั กลา วติวา เพราะไมเ ทย่ี ง จึงไดชอ่ื วาทกุ ข; ปน ในทอนหลงั เรยี ก ครหโชตโก เพราะสอ งความติ. อทุ าหรณผกู เปน แบบเทียบ ดังนี:้ อย เฉโก โหติ. โวสาน ปน อาปชชฺ ิตฺวา สพพฺ ปจฺฉโต โอหยิ ิ. (๑๖๓) นิบาตหมวดที่ ๒ ลงในบทหรอื ความอนั เน่ืองถงึ กัน. สมุจจยตั ถนบิ าต ๑. การควบพากยก็ดี บทกด็ ี เขาใหเ ปนพวกเดยี วกนั เรียก วา สมุจจฺ โย. สมจุ จยะนัน้ จัดเปน ๒ อยาง คอื การควบพากย กบั พากยท่ีมกี ตั ตาเดยี วกัน เรียกวา วากฺยสมจุ จฺ โย, การควบบท

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พนั ธ - หนา ท่ี 236 กบั บทที่มีวภิ ัตติเสมอกนั เรยี กวา ปทสมุจฺจโย. ในอรรถน้ี ใช นบิ าตคิ อื จ เปนพืน้ เรียกชอ่ื วา สมุจฺจยตโฺ ถ. ตรงตอ นิบาตไิ ทย ท่ีใชใ นระหวางพากยหรอื บทวา กับ, และ; ทใ่ี ชข า งทายพากย หรือบทวา ดว ย, หนงึ่ , มีอทุ าหรณว ากยสมจุ จยะดังน้:ี ทานฺจ ทสสฺ าม ธมมฺ ฺจ โสสสฺ าม, ปทสมจุ จยะดงั นี้: เทสนาวสาเน กมุ าโร จ กมุ ารกิ า จ โสตาปนนฺ า อเหสุ. ติสฺโส เวทนา: สขุ จฺ ทกุ ฺขฺจ อทกุ ขฺ มสุขฺจ. ในอรรถน้ี ใช วา (บา ง) ป (ทงั้ ) บา ง หา ง ๆ. อ.ุ ธมมฺ  วา วินย วา ปริยาปณุ สิ ฺสาม. สุตาวา อรยิ สาวโก รูปสมฺ ึ ป นิพฺพินทฺ ติ----วิฺ าณสฺมึ ป นิพพฺ ินฺทติ. สัมปณฑนบิ าต ๒. การบวกความทอนหลัง ๆ เขากับความทอ นตน ๆ เรียก วา สมฺปณ ฺฑน ในอรรถนี้ ใชนบิ าตคอื จ เปนพื้น เรยี กชื่อวา สมปฺ ณฑฺ นตฺโถ, ตรงตอนบิ าตไทยวา อนึง่ , ซง่ึ ใชตน พากย มี อุทาหรณด งั น:้ี อธิ ภิกขฺ เว ภกิ ขฺ ุ สลี วา โหต-ิ ---ปนุ จ ปร ภกิ ฺขเว ภิกขฺ ุ กลยฺ าณมติ โฺ ต โหติ ฯ เป ฯ สัมปณ ฑนะนี้ แปลก จาก วากยสมุจจยะ ดวยมีกตั ตาตางจากกัตตาในความทอนตน .

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พันธ - หนา ที่ 237 อนกุ กฑั ฒนัตถนิบาต ๓. การชกั เอาความทอ นตน มาพูดในความทอนหลงั อีก เรยี กวา อนกุ ฺกฑฒฺ น. ในอรรถนี้ ใชนิบาตคือ จ เปนพนื้ เรียกชื่อวา อนกุ ฺกฑฒฺ นตฺโถ, ตรงตอนิบาตไทยวา ดว ย, ซงึ่ ใชขางทายความ ทอ นหลงั อยางเดยี ว, มอี ุทาหรณอยางนี:้ สโร โข ปโร, ปุพฺเพ สเร ลุตฺเต, กฺวจิ ทีฆ ปปโฺ ปติ. (นคี้ วามทอ นตน) ปุพฺโพ จ สโร, ปรโลเป กเต, กวฺ จิ ทีฆ ปปโฺ ปต.ิ อนกุ กัฑฒนะนี้ แปลก จากสัมปณฑนะ ดว ยมกี ิรยิ าอยางเดยี วกนั กับความทอนตน . วิกปั ปต ถนิบาต ๔. การแยกพากยกด็ ี บทก็ดี ทรี่ วมกนั อยอู อก คอื เอาแต อยางเดียว เรยี กวา วิกปโฺ ป. วิกัปปะน้ี จดั เปน ๒ อยาง คือ การ แยกพากย เรยี กวา วากยฺ วิกปฺโป, การแยกบท เรยี ก ปทวิกปฺโป, ในอรรถน้ี ใชน ิบาตคอื วา เปน พ้นื เรียกชื่อวา วกิ ปปฺ ตโฺ ถ ตรง ตอ นิบาตไทย ที่ใชร ะหวา งพากยหรอื บทวา หรอื , ทใ่ี ชข างทาย พากยห รอื บทวา บา ง, กด็ ,ี ก็ตาม; มอี ทุ าหรณว ากยวิกปั ปะดังน้ี: มนสา เจ ปทฏุ เน ภาสติ วา กโรติ วา. ปทวกิ ปั ปะ ดงั น้:ี ยมปฺ ท จกฺขุสมฺผสสฺ ปจฺจยา อุปชฺชติ เวทยติ  สุข วา ทกุ ขฺ  วา อทกุ ขฺ ม- สุข วา ตมปฺ  อนิจฺจ. ยสมฺ ึ สมเย กามาวจร จิตตฺ  อุปฺปนนฺ  โหติ---- รูปารมมฺ ณ วา---- โผฏพพฺ ารมฺมณ วา. ในอรรถนี้ ใช

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพนั ธ - หนา ท่ี 238 ยทิวา, อุท, อถวา, (หรือวา) บาง ป (บาง), วาปน (กห็ รือ) อปจ (อกี อยางหน่ึง) กฺวจิ (บาง) หาง ๆ อุ. คาเม วา ยทวิ า- รเฺ ----ยตฺถ อรหนโฺ ต วิหรนตฺ ิ, ต ภมู ิรามเณยฺยก; โย ธมมฺ จารี กาเยน วาจาย อทุ เจตสา. โย----อปฺปทฏุ เ สุ ทสุ ฺสต,ิ ทสนนฺ - มฺ ตร าน ขปิ ฺปเมว นคิ จฺฉต:ิ เวทน ผรุส ชาน-ึ ---อถวาสสฺ อคารานิ อคฺคิ ฑหติ ปาวโก. อธิ เอกจโฺ จ หตฺถิรตนมปฺ  ทสสฺ นาย คจฉฺ ติ, อสฺสรตนมฺป ทสสฺ นาย คจฉฺ ติ, มณิรตนมฺป ทสสฺ นาย คจฉฺ ติ, อุจจฺ าวจ วาเปน ทสฺสนาย คจฉฺ ต.ิ ตสิ ฺโส เวทนา: สขุ  ทุกฺข อทกุ ขฺ มสุขฺจติ. อปจ ปจฺ เวทนา: สขุ  ทุกฺข โสมนสฺส โทมนสฺส อเุ ปกขฺ า จาติ. อุทาหรณแหง กฺวจิ จงดูในอนุกกัฑฒ- นัตถนบิ าต (๓) เถดิ . ปรกิ ัปปตถนบิ าต ๕. ขอ ความท่ยี ังไมแน เปนแตก ําหนดไว เรยี กวา ปรกิ ปฺโป. ในอรรถนี้ ใชนบิ าต ๔ ศัพท คือ สเจ, เจ, ยทิ, อถ, เรียกช่ือวา ปริกปปฺ ตโฺ ถ ตรงตอนบิ าตไทย ทใี่ ชต น พากยว า ถา วา , หากวา, ผวิ า ; มีอทุ าหรณด ังนี้: สเจ มย ปุตตฺ  วา ธตี ร วา ลภิสฺสาม, ตมุ หฺ าก สกกฺ าร กริสสฺ าม. มนสา เจ ปสนฺเนน ภาสติ วา กโรติ วา, ตโต น สขุ มนเฺ วติ ฉายาว อนุปายนิ .ี ยทิ สงฆฺ สฺส ปตฺตกลฺล, สงฺโฆ อุโปสถ กเรยฺย ปาฏโิ มกขฺ  อุทฺทิเสยฺ. อถ

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พนั ธ - หนา ท่ี 239 ปาปานิ กมมฺ านิ กร พาโล น พุชฌฺ ติ, เสหิ กมเฺ มหิ ทุมเฺ มโธ อคฺคทิ ฑฺโฒว ตปปฺ ต.ิ ในอรรถน้ี ใช อปเฺ ปวนาม, ยนนฺ นู ท่ีตรง ตอนบิ าตไทยวา ถา ไฉน, ถา อยา งไร, บา ง; อ.ุ อปฺเปวนาม มยมฺป อายสฺมนตฺ าน กิ จฺ มิ ตตฺ  อนปุ ปฺ ทชเฺ ชยยฺ าม. ยนนฺ ูน มยมฺป เยน ภควา เตนปุ สงฺกเมยฺยาม. อนุคคหตั ถ และ อรจุ ิสูจนตั ถนบิ าต ๖. ในความ ๒ ขอ ขอ ตน พูดคลอยตาม เรยี กวา อนคุ คฺ โห, ขอหลงั พดู แสดงความไมเหน็ ดวย เรยี กวา อรุจิสูจโน, ในอนุคคหะ ใชน บิ าต ๓ ศัพท คอื กิ ฺจป, ยทปิ , กาม หรอื กามจฺ , เรียกชอ่ื วา อนคุ ฺคหตโฺ ถ; ตรงตอ นบิ าตไทยวา ถึง, ซ่งึ ใชห นา คําพดู , แมน อ ยหนึ่ง, ซ่งึ ใชหลังคาํ พดู , ในอรจุ ิสจู นะใชนิบาต ๓ ศพั ท คือ ตถาป, ปน, อถโข เรยี กชอ่ื วา อรุจิสจู นตโฺ ถ; ตรงตอนบิ าตไทยวา แต, ถึงอยา งนั้น, ทแี่ ท, ซึ่งใชหนาคําพูด. อ.ุ กิฺจาป ปจฺ กามคุณา กาทาจิ สขุ  อุปฺปาเทนตฺ ิ, ตถาป วิปรณิ ามฺถาภาวา ทุกฺขาการณเยวาติ ทฏพพฺ า. ยทปิ  อาจรโิ ย สิสเฺ ส ตาเฬติ, เตสุ ปน อนุกมฺป กโรต:ิ กามฺจ ธน อจิ ฺฉิติจฺฉิต นิปผฺ าเทต,ิ อถโข ปฺ าว เสฏ า ตสสฺ อุปฺปาทปจฺจยตตฺ า.

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพนั ธ - หนาท่ี 240 อปุ มาโชตก กับ อุปเมยยโชตกนบิ าต ๗. ขอความท่ีนํามาเปรยี บ เรยี กวา อปุ มา, ขอ ความที่ ควรเปรียบ เรียก อปุ เมยฺโย. ในอุปมา ใชน ิบาต ๔ ศัพท คอื ยถา, เสยฺยถาป, เรียกชอื่ วา อปุ มาโชตโก. ตรงตอนิบาตไทย วา ฉนั ใด; วยิ , อิว, วา ราวกะ; เพยี งดงั , เหมอื น, เชน, ดจุ , ประหนึ่ง, เปนตน ; ในอปุ เมยฺย ใชนบิ าต ๒ ศพั ท คอื ตถา, เอว, เรยี กช่อื วา อปุ เมยฺยโชตโก. ตรงตอนิบาตไทยวา ฉันนัน้ . อทุ าหรณด ังน:ี้ ยถา ทณฺเฑน โคปาโล คาโว ปาเชติ โคจร (อุปมา) เอว ชรา จ มจฺจุ จ อายุ ปาเชนฺติ ปาณิน (อปุ เมยยฺ ). เสยยฺ ถาป ภกิ ฺขเว ยานิ กานจิ ิ ชงฺคลาน ปาณาน ปทชาตานิ, สพฺพานิ ตานิ หตฺถิปเท สโมธาน คจฺฉนตฺ ิ, หตฺถิ- ปท เตส อคคิ มกฺขายติ, ยททิ  มหนฺตตฺเตน (อุปมา); เอวเมว โข ภกิ ฺขเว เย เกจิ กสุ ลา ธมมฺ า, สพฺเพ เต อปฺปมาทมูลกา อปฺปมาสโมสรณา, อปปฺ มาโท เตส อคฺคมกฺขายติ (อปุ เมยฺย). เถโร จกกฺ วตตฺ ริ ฺโ สนฺตกิ า ปฏิลทธฺ มหาลาโภ มหาโยโธ วยิ ตุฏ มานโส สาวกปารมิาเณ ตฺวา ปปุ ผฺ าสนานโุ มทน อารภิ. ทกุ โฺ ข พาเลหิ สว าโส อมติ เฺ ตเนว สพฺพทา.

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พันธ - หนา ที่ 241 (๑๖๔) นบิ าตหมวดท่ี ๓ ลงในความทอ นเดียว. อนุสสวนตั ถนิบาต ๑. นิบาตทใ่ี ชใ นความเลาหรือลือกนั ตอ ๆ มา เรียกชือ่ วา อนุสสฺ วนตโฺ ถ, ตรงตอนิบาตไทยวา ไดยินวา , นบิ าตพวกน้ี ๓ ศัพท คือ กริ , ขลุ, สุท. อุ. เอก กิรสสฺ อโหสิ สมโณ ขลุ โภ โคตโม----ราชคห อนุปฺปตโฺ ต. ตตรฺ สุท ภควา เวสาลยิ  วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย. ปจุ ฉนัตถนิบาต ๒. นิบาตที่ใชใ นคําถาม เรยี กชอื่ วา ปจุ ฺฉนตโฺ ถ. นบิ าต พวกนหี้ ลายศัพท คือ พวก กึ ศพั ทท ง้ั ปวง, ปน, กถ, กจจฺ ิ, น,ุ นนุ, อทุ าห,ุ อาทูล เสยยฺ ถีท, เปนตน ตรงตอนบิ าตไทยอยางไร จงดใู นวจีวิภาค สว นอัพยยศพั ทท วี่ าดวยนบิ าต (๙๒) เถิด. อ.ุ กึ ปน ปฺ ายมานสสฺ ตฺถาย โรทนโฺ ต พาโล โหติ, อุทาหุ (อปฺ ายมานสฺส). กจจฺ ิตถฺ ปริสทุ ธฺ า ? เทวดา นุสิ คนฺธพโฺ พ, อาทู สกฺโก ปุรนิ ทฺ โท ? นนุ เอว มยา วุตตฺ  ? อรโิ ย อฏิ งฺคิโก มคโฺ ค เตส อคฺคมกขฺ ายต,ิ เสยฺยถที  ? สมมฺ าทิฏิ . . . สมมฺ า-

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พนั ธ - หนา ที่ 242 สมั ปฏจิ ฉนตั ถนบิ าต ๓. นบิ าตนใ้ี ชรบั คาํ ถาม เรียกชอ่ื วา สมปฺ ฏจิ ฉฺ นตโฺ ถ. นบิ าต น้ใี ช อาม เปนพื้น, ใช อามนฺตา แตในพระอภธิ รรม, ตรง นบิ าตไทยวา ขอรับ, จะ , เออ, เปนตน ตามคาํ สูง คาํ เสมอ คาํ ตํ่า. อ.ุ ปสสฺ ถ ภนฺเต ? อาม อาวโุ ส ปสฺสามิ. เย เกจิ กสุ ลา ธมฺมา, สพเฺ พเต กุสลา ? อามนฺตา. ใช เอว บาง กม็ ี อ.ุ เอว ภนเฺ ต. อยุ โยชนตั ถนบิ าต ๔. นิบาตทใ่ี ชใ นคํายอม, คาํ เตอื น, คาํ ชกั ชวน, คาํ ใชใ หทาํ . เรยี กช่ือวา อยุ ฺโยชนตฺโถ, ตรงตอ นิบาตไทยวา เชญิ เถิด, เอาเถิด, เอาสิ, ถา อยา งน้นั . นบิ าตพวกนี้ ๔ ศัพท คอื องิ ฆฺ , ตคฆฺ , หนทฺ , เตนห.ิ (ศัพทหลังนี้ เรียกวา วิภตฺตปิ ฏริ ปู โก เพราะมีรูปแมน ศพั ท ท่ีประกอบดว ยวภิ ตั ตนิ าม.) อุ. องิ ฆฺ ภนเฺ ต สราเปหิ. ตคฆฺ ตวฺ  อาวุโส อจฺจโย อจจฺ คมา. หนทฺ มย อาวโุ ส ธมฺมจฺ วินยจฺ สงฺคาเยยยฺ าม. เตนหิ เถโร ภิกฺขู อจุ ฺจนิ ตุ. อจั ฉรยิ ตั ถ และ สังเวคตั ถนบิ าต ๕. นิบาตทใ่ี ชในคาํ แสดงความหลากใจ เบกิ บานใจ เรียกชือ่ วา อจฺฉรยิ ตฺโถ, ตรงตออนบิ าตไทยวา โอะ ซึง่ ใชต น คําพูด, หนอ ใชข า งทา ย ใชใ นคําแสดงความสลดใจ กรอมใจ เรียกชอ่ื

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสัมพนั ธ - หนา ที่ 243 วา สเวคตฺโถ, ตรงตอนิบาตไทยวา โอ, พุโธ, หนอ. นิบาต พวกน้ี ๒ ศพั ท คอื อโห, กบั วต. อ.ุ (หลากใจ) อโห พุทธฺ าน อานุภาโว ! อจฺฉริย วต โภ ! (เบิกบานใจ) อโห สุข ! สสุ ขุ  วต ชวี าม ! (สลดใจ) อโห อนิจฺจา สงขฺ รา ! อนจิ ฺจา วต สงขฺ ารา ! (กรอมใจ) อโห ทกุ ขฺ  ! วต ! (๑๖๕) นบิ าติหมวดที่ ๔ ลงในบท อวธารณตั ถนิบาต ๑. นิบาตทีใ่ ชหา มนาม, คุณ, และกิริยาอื่นเสยี เรียกชอ่ื วา อวธารณตโฺ ถ บาง อวธาโร บา ง ตรงตอนบิ าตไทยวา เทา นัน้ ; นัน่ เทยี ว, เทยี ว, แล, เปน ตน นบิ าตพวกน้ใี ช เอว กับ ว เปน พนื้ ใช หิ บา ง หาง ๆ อ.ุ ตเฺ เวตถฺ ปฏปิ จุ ฺฉิสสฺ ามิ. ตสิ ฺโส ธนธุ โร เอว. ปพพฺ ชสิ สฺ าเมวาห ตาต. อเิ ธกจฺโจ อสสฺ ทฺโธ ว สมาโน 'อโห วต ม ชโน 'สทโฺ ธ' ติ ชาเนยยฺ า\" ติ อจฺฉติ. เอวหฺ ิ โว ภิกขฺ เว สกิ ฺขติ พพฺ . อทุ าหรณท ี่ ๑ หา มนามอ่นื วา ขา พเจา จักถามทา นแล ไมถ ามคนอืน่ . ท่ี ๒ หา มคุณอื่นวา นายดิสสเปน คน ถือธนเู ทานั้น ไมไดเ ปน อืน่ . ท่ี ๓ หามกิริยาอ่ืนวา ขา พเจา จักบวช ใหไ ด ไมเวนละ.

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พันธ - หนาท่ี 244 อเปกขตั ถนิบาต ๒. นบิ าตเพงนามอ่ืนดว ย เรียกชื่อวา อเปกขฺ ตโฺ ถ. ตรงตอ นบิ าตไทยวา แม, ถงึ . นบิ าตนี้ใช ป หรอื อป. อ.ุ โย ปน ภิกขฺ ุ สฺจจิ ฺจ มนุสฺสวคิ คฺ ห ชีวิตา โวโรเปยฺย----อยมฺป ปาราชโิ ก โหติ อสวาโส. ป ศพั ทในอุทาหรณน ี้แสดงวา ใชจ ะตอ งปาราชิก แต ๒ รูปเทาน้ันหามิได, ถงึ รูปน้ีกต็ อ งเหมือนกนั . สมั ภาวนัตถ และ ครหตั ถนบิ าต ๓. นิบาตทใี่ ชชม เรียกช่อื วา สมภฺ าวนตฺโถ, ทใ่ี ชต ิ เรียก ช่ือวา ครหตฺโถ, ตรงตอนบิ าตไทยวา แม, ถงึ . นบิ าตนี้ใช ป หรอื อป. อ.ุ (ชม) อย ชาตสิ มปฺ นโฺ นป มาน น กโรติซ (ต)ิ อย ทลิทโฺ ทป ปมาณ น ชานาติ. ปทปรู ณนบิ าต ๔. นบิ าตทีไ่ มไดหมายความอะไร เปน แตพ อใหอ กั ขระใน บาทแหง คาถาเต็มตามกําหนดก็ดี พอใหค ําไพเราะสละสลวยข้นึ ก็ดี เรยี กชอ่ื วา ปทปูรโณ บา ง วจนาลงฺกาโร บา ง วจนสลิ ิฏโก บา ตามอรรถท่ีกลา วแลว โดยลาํ ดับ ตรงตอ นบิ าตไทยอยางหร และ อะไรบาง จงดูในวจีวิภาคสวนอพั ยยศพั ท ทีว่ าดว ยนบิ าตสักวา เปน เครอ่ื งทําบทใหเตม็ [๙๒] เถิด. จะแสดงอุทาหรณพอเปน ตัวอยา ง

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพันธ - หนา ที่ 245 ธมโฺ ม หเว รกขฺ ติ ธมฺมจารึ. แมถ ึง ห,ิ จ, ปน ทีไ่ มมคี วาม อะไร ก็เรยี กวา ปทปูรณ. สมวายนิบาต ๕. นิบาตที่ใชแสดงนามบาง กิรยิ าบา ง ที่พรอมกัน เรียกช่อื วา สมวาโย ตรงตอ นบิ าตไทยวา พรอ ม. นิบาตพวกนีใ้ ช ๒ ศพั ท คอื สทฺธ,ึ สห; เขากับนาม เรียกชื่อวา ทพพฺ สมวาโย. เขา กบั กริ ยิ า เรยี กชือ่ วา กริ ิยาสมวาโย. อุ. (ทัพพ) เอก สมย ภควา เวรฺชาย วหิ รติ นเฬรปุ จุ ิมนฺทมูเล มหตา ภิกขฺ ุสงฺเฆน สทฺธึ (กิรยิ า) สหาป คคฺเคน สงฺโฆ อโุ ปสถ กเรยยฺ . ปฏเิ สธนิบาต ๖. นิบาตท่ีใชหา ม เรียกช่ือวา ปฏิเสโธ, นิบาตพวกนใ้ี ช น, โน, มา, เปนพื้น. อ.ุ น สนฺติ ตาณา. โน เหต ภนเฺ ต. มาสฺสุ พาเลหิ สงฺคฉฺ .ิ อติ ศิ พั ท ๗. อิตศิ ัพท ไดชือ่ ตางตามลกั ษณะ ดังน:้ี - ก. ถา อมขอ ความทเ่ี ปนพากยไ วเ ต็มที่ มคี วามเกยี่ วเนอื่ งกับ บทกริ ยิ า เรยี กช่ือวา อากาโร. อ.ุ อธิ วสฺส วสสิ สฺ ามิ, อธิ เหมนฺตคิมหฺ ิส.ุ อติ ิ พาโล วิจนิ เฺ ตติ, อนตฺ ราย น พชุ ฌฺ ต.ิ

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสัมพนั ธ - หนา ท่ี 246 ข. ถา มคี วามเน่ืองดวยบทนาม เรยี กช่อื วา สรุป อ.ุ มโน ปุพฺพงคฺ มา ธมมฺ า ฯ เป ฯ จกกฺ ว วหโต ปทนตฺ ิ อย คาถา กตถฺ ภาสติ า ? ค. ถา อมความยอไวไมห มด เรียกช่อื วา อาทยตโฺ ถ. อ.ุ ธมมฺ  โว ภกิ ขฺ เว เทเสสสฺ ามิ อาทกิ ลยฺ าณนตฺ ิ อย เทสนาธมโฺ ม นาม. ไดชื่ออยางน้ี เพราะชกั เอามาไมห มด ยงั มี มชเฺ ฌกลยฺ าณ ปริโยสานกลฺยาณ อีก. อนึ่ง พึงรูจ กั อทุ าหรณในตน เรือ่ งแหงธมั ม- ปทัฏฐกถาท้งั ปวง มี มโนปพุ ฺพงฺคมาติ อิม ธมมฺ เทสน เปน ตน. ฆ. ถาวางไวพอเปน ตวั อยาง เรียกชอ่ื วา นทิ สสฺ น อุ. อติ ปิ  โส ภควา อรห สมมฺ าสมฺพทุ ฺโธ. อติ ิ รปู , อิติ รปู สฺส สมทุ โย, อติ ิ รปู สสฺ อฏิ งฺคโม. ง. ถา เปน เหตุ เรยี กชือ่ วา เหตวฺ ตฺโถ. อ.ุ ทสุ ฺสติ เตนาติ โทโส. จ. ถาเปนประการะ เรยี กชื่อวา ปกาโร. อุ. อติ ิ ยนฺต วตุ ฺต. อทิ เมต ปฏจิ ฺจ วุตฺต. ฉ. ถา มใี นทส่ี ุดความ เรยี กชื่อวา สมาปนฺโน บา ง ปรสิ มา- ปนโฺ น บา ง. อ.ุ เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปณุ สึ ูต.ิ ช. ใชบ อกชือ่ กไ็ ด เรียก สฺาโชตโก. อุ. สินธฺ วาติ สินฺธว- รฏเ ชาตา (อสฺสา) ความเทากับพากยว า สนิ ธฺ วรฏเ  ชาตา (อสฺสา) สินธฺ วา นาม.

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพันธ - หนาท่ี 247 (๑๖๖) นิบาตหมวดท่ี ๕ เปนบท มชี ื่อดังนี้ :- ๑. นิบาตบอกอาลปนะท้ังปวง เรยี กชอื่ วา อาลปน. ๒. นบิ าตบอกกาลทัง้ ปวง เรยี กชื่อวา กาลสตตฺ ม.ี ๓. นบิ าตบอกท่ที งั้ ปวง เรียกชอื่ วา อาธาโร. ๔. นิบาติบอกเขตแดน, ประการเปนตน ซ่งึ เปน คณุ ของกิริยา เรียกวา กริ ิยาวเิ สสน. วธิ ีสมั พันธ (๑๖๗) บทท้ังหลายในพากยางคกด็ ี ในพากยก ด็ ี ยอมมคี วาม เนอื่ งถึงกันส้ิน. การเรียนใหรูจกั วา บทไหนเน่ืองกับบทไหน เรียก วาเรียนสัมพันธ. การแสดงวธิ ีสมั พันธนั้น มใี จความสาํ คญั อยูก ็ เพียงใหรจู ักการเน่อื งกนั ของบทเหลา นนั้ อยา งเดียว จะรจู กั ชอ่ื สังเขป หรอื พสิ ดารไมเ ปน ประมาณนัก แมใ นคัมภีรโยชนาพระวินัยและพระ อภธิ รรมก็ใชบ อกช่อื อยางสงั เขป ในทน่ี ีจ้ ะดําเนินตามอยางน้ันบาง. (๑๖๘) จะเกบ็ เอาขอความบางเรอ่ื งมาต้ังและแสดงสัมพันธเ ปน ภาษาไทยบาง เปน ภาษามคธบาง ไปตามลาํ ดับ ดงั น้:ี (๑๖๙) ตสมฺ ึ สมเย เอโก ปณ ฑฺ จารกิ ตฺเถโร ฯ เป ฯ มยฺห โทส โสธาเปถาติ. (ธมมฺ ปทฏ กถา ภาค ๓ เร่ืองที่ ๔๐)

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พนั ธ - หนา ที่ 248 ๑. ปณ ฑฺ จารกิ ตเฺ ถโร สยกตั ตา ใน ปาวสิ .ิ ปาวิสิ อาขยาต- บท กตั ตวุ าจก. ตสฺมึ วเิ สสนะ ของ สมเย. สมเย กาลสตตฺ มี ใน ปาวิสิ. เอโก วเิ สสนะ ของ ปณ ฺฑจาริกตฺเถโร. ปณ ฑาย สัมปทาน ใน จรนโฺ ต. จรนโฺ ต อัพภันตรกิริยา ของ ปณ ฑฺ จาริกตเฺ ถโร. ต วเิ สสนะ ของ นเิ วสน. นเิ วสน สมั ปาปุณยิ กัมม ใน ปาวสิ .ิ ๒. วสิ าขา สยกตั ตา ใน อฏาสิ. อฏ าสิ อาขยาตบท กตั ตวุ าจก. สสรุ  อวุตตกมั ม ใน วชี มานา. วชี มานา อัพภันตร- กริ ยิ า ใน ติ า. ติ า อัพภันตรกริ ิยา ของ วสิ าขา. ต อวตุ ตฺ - กัมม ใน ทสิ วฺ า. ทสิ ฺวา ปพุ ฺพกาลกิรยิ า ใน จนิ ฺเตตวฺ า. สสุรสสฺ สัมปทาน ใน อาจิกขฺ ติ .ุ อาจิตฺขติ ุ ตมุ ตั ถกตั ตา ใน อยตุ ตฺ . อยตุ ตฺ  กติ บท กัตตุวาจก. อิติ ศพั ท อาการ ใน จินเฺ ตตวฺ า. จินเฺ ตตฺวา ปุพพฺ กาลกิรยิ า ใน อฏ าส.ิ โส สยกตั ตา ใน ปสฺสต.ิ ปสสฺ ติ อาขยาตบท กตั ตวุ าจก. ยถา กริ ยิ าวเิ สสนะ ใน ปสฺสต.ิ เถร อวุตตกมั ม ใน ปสฺสต.ิ เอว กริ ิยาวิเสสนะ ใน อปคนตฺ ฺวา อฏาสิ. อปคนฺตวฺ า สมานกาลกริ ยิ า ใน อฏ าส.ิ ๓. ปน ศพั ท วากยารัมภะ. โส สยกัตตา ใน ภุ ชฺ ต.ิ ภุฺชติ อาขยาตบท กัตตุวาจก. พาโล วเิ สสนะ ของ โส. เถร อวุตตกมั ม ใน ทิสวฺ า. ทสิ ฺวา สมานกาลกริ ยิ า ใน ภุ ชฺ ติ. ป ศัพท สัมภาวนะ เขากบั ทสิ ฺวา. อปสฺสนโฺ ต วกิ ตกิ ัตตา ใน หุตวฺ า. วิย ศัพท อปุ มาโชตกะ ใน อปสฺสนฺโต. หตุ ฺวา สมาน-

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพันธ - หนา ที่ 249 กาลกริ ยิ า ใน ภุชฺ ติ. อโธมโุ ข วเิ สสนะ ของ โส. เอว ศพั ท อวธารณะ เขากับ ภุฺชติ. ๔. วสิ าขา สยกัตตา ใน อาห. อาห อาขยาตบท กัตต-ุ วาจก. สสุโร สยกัตตา ใน น กโรต.ิ น ศัพท ปฏเิ สธ ใน กโรต.ิ กโรติ อาขยาตบท กตั ตุวาจก. เถร อวตุ ตกมั ม ใน ทิสฺวา. ทสิ วฺ า ปพุ พกาลกริ ยิ า ใน น กโรติ. ป ศัพท สมั ภาวนะ เขา กับ ทิสฺวา. เม สามีสัมพันธ ใน สสุโร. สฺ อวตุ ตกมั ม ใน น กโรต.ิ อติ ิ ศพั ท อาการ ใน ตฺวา. ตวฺ า ปุพพกาล- กิริยา ใน อาห. ภนเฺ ต อาลปนะ. ตมุ ฺเห สยกตั ตา ใน อติจฉฺ ถ. อติจฺฉถ อาขยาตบท กัตตุวาจก. มยฺห สามีสัมพันธ ใน สสโุ ร. ปรุ าณ อวุตตกมั ม ใน ขาทติ. อิติ ศพั ท อาการ ใน อาห. ๕. โส สยกัตตา ใน อาห. อาห อาขยาตบท กัตตวุ าจก. นิคฺคณฺเหิ อนภิหติ กตั ตา ใน กถิต. กถิตกาเล กาลสัตตมี ใน อธิวาเสตวฺ า. อธวิ าเสตวฺ า ปพุ พฺ กาลกิรยิ า ใน อปเนตฺวา. ป ศพั ท สัมภาวนะ เขากับ อธิวาเสตวฺ า. ปุราณ อวุตตกัมม ใน ขาทต.ิ ขาทติ อาขยาตบท กตั ตวุ าจก ของ สสโุ ร. อิติ ศพั ท สรปู ใน วจนสสฺ . วจนสสฺ สามสี ัมพนั ธ ในขเณ. วุตตฺ กขฺ เณ กาล- สตั ตมี ใน อปเนตวฺ า อาห. เอว ศัพท อวธารณะ เขา กบั วตุ ฺตกฺขเณ. หตถฺ  อวุตตกัมม ใน อปเนตฺวา. อปเนตฺวา ปุพฺพ-

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพันธ - หนา ท่ี 250 กาลกริ ยิ า ใน อาห. ตมุ ฺเห สยกัตตา ใน หรถ. หรถ อาขยาตบท กัตตวุ าจก. อมิ  วิเสสนะ ของ ปายาส. ปายาส อวตุ ตกมั ม ใน หรถ. อโิ ต อปาทาน ใน หรถ. ตุมเฺ ห สยกตั ตา ใน นกิ กฺ ฑฒฺ ถ. นิกกฺ ฑฒฺ ถ อาขยาตบท กตั ตุวาจก. เอต วเิ สสนะ ของ ทาริก. ทาริก อวตุ ตกมั ม ใน นิกฺกฑฺฒถ. อมิ สมฺ า วิเสสนะ ของ เคหา. เคหา อปาทาน ใน นิกกฺ ฑฒฺ ถ. ทาริกา สยกตั ตา ใน กโรต.ิ กโรติ อาขยาตบท กัตตวุ าจก. อย วเิ สสนะ ของ ทารกิ า. โข ศัพท ปทปรู ณ. ม อวุตฺตกมั ม ใน กโต.ิ เอวรปู เป วิเสสนะ ของ มงฺคลกาเล. มงฺคลกาเล กาลสตั ตมี ใน กโรต.ิ อสุจิขาทก วิกติกัมม ใน กโรต.ิ นาม ศัพท สัญญาโชตกะ ใน อสุจขิ าทก. อติ ิ ศพั ท อาการ ในอาห. ๖. ทาสกมมฺ กรา สยกตั ตา ใน น วสิ หนฺติ. น วสิ หนตฺ ิ อาขยาตบท กตั ตวุ าจก. ตสมฺ ึ วิเสสนะ ของ นเิ วสเน. โข ศพั ท ปทปรู ณ. ปน ศพั ท วากยารัมภะ. นิเวสเน วิสยาธาร ใน ทาส- กมมฺ กรา. สพเฺ พ กด็ ี สนตฺ กา ก็ดี วิเสสนะ ของ ทาสกมมฺ ากรา. วิสาขาย สามีสัมพนั ธ ใน สนตฺ กา. ว ศัพท อวธารณะ เขา กบั สนตฺ กา. อปุ คนตฺ ุ ตมุ ัตถสมั ปาทาน ใน น วหสนฺต.ิ น ศัพท ปฏเิ สธ ใน วสิ หนฺต.ิ ทาโส วา กตั ตุวาจก. โก วเิ สสนะ ของ ทาโส วา กมฺมกโร วา. น อวตุ ตกมั ม ในคณหฺ สิ สฺ ต.ิ

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พันธ - หนาที่ 251 หตเฺ ถ กด็ ี ปาเท กด็ ี อปุ สเิ ลสกิ าธาร ใน คณหฺ สิ สฺ ติ. วา สองศพั ท วิกปั ปะ ใน หตฺเถ ใน ปาเท. โกจิ ทาโส วา กมมฺ กโร วา สยกตั ตา ใน นตฺถ.ิ นตฺถิ อาขยาตบท กัตต-ุ วาจก. มเุ ขน กรณะ ใน กเถตุ. กเถตุ ตุมตั ถสัมปทาน ใน สมตฺโถ. สมตโฺ ถ วิเสสนะ ของ โกจิ ทาโส วา กมฺมกโร วา. ป ศพั ท สมั ภาวนะ เขากับ สมตโฺ ถ. ๗. วสิ าขา สยกตั ตา ใน อาห. อาห อาขยาตบท กัตตุ- วาจก. สสรุ สฺส สามสี มั พันธ ใน กถ. กถ อวุตตกมั ม ใน สตุ วฺ า. สุตวฺ า ปุพพฺ กาลกิรยิ า ใน อาห. ตาต อาลปนะ. มย สยกัตตา ใน นกิ ฺขมาม. นกิ ขฺ มาม อาขยาตบท กตั ตุวาจก. น ศพั ท ปฏิเสธ ใน นกิ ฺขมาม. เอตฺตเกน วิเสสนะ ของ การ- เณน. การเณน เหตุ ใน นิกขฺ มาม. เอว ศัพท อวธารณะ ใน เอตตฺ เกน. อห วุตตกมั ม ใน อานีตา. อานีตา กิตบท กัมม- วาจก. น ศพั ท ปฏเิ สธ ใน อานีตา. ตุมฺเหหิ อนภหิ ติ กัตตา ใน อานีตา. อทุ กตติ ฺถโต อปาทาน ใน อานตี า. กมุ ภฺ ทาสี วิกตกิ มั ม ใน อานตี า. วยิ ศพั ท อปุ มาโชตกะ ใน กุมภฺ ทาสี. นาม ศพั ท สัญญาโชตกะ ใน ธตี โร. ธีตโร สยกตั ตา ใน นกิ ฺข- มนตฺ .ิ นิกขฺ มนตฺ ิ อาขยาตบท กัตตวุ าจก. ธรมานกมาตาปต ูน สามีสัมพันธ ใน ธีตโร. น ศัพท ปฏเิ สธ ใน นิกขฺ มนฺติ. เอตฺตเกน วเิ สสนะ ของ การเณน. การเณน เหตุ ใน นกิ ขฺ มนตฺ ิ. เอว

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสมั พันธ - หนา ท่ี 252 ศัพท อาวธารณะ ใน เอตฺตเกน. ปต า สยกัตตา ใน เปส.ิ เปสิ อาขยาตบท กัตตุวาจก. เอเตน วเิ สสนะ ของ การเณน. เอว ศพั ท อวธารณะ ใน เอเตน. เม สามสี ัมพนั ธ ใน ปต า. การเณน เหตุ ใน เปสิ. อิธ อาธาร ใน อาคมน. อาคมน- กาเล กาลสตฺตมี ใน เปสิ. อฏ วเิ สสนะ ของ กฏุ มฺพิเก. กฏุ ม พิเก อวตุ ตกัมม ใน ปกโฺ กสาเปตฺวา. ปกฺโกสาเปตฺวา กด็ ี วตฺวา ก็ดี ปพุ พฺ กาลกริ ิยา ใน เปสิ. สเจ ปรกิ ัปปะ ใน อปุ ปฺ ชชฺ ติ. โทโส สยกตั ตา ใน อุปปฺ ชชฺ ติ. อุปปฺ ชฺชติ อาขยาตบท กัตตุวาจก. เม สามสี ัมพนั ธ ใน ธตี ุ. ธีตุ สัมปทาน ใน อปุ ฺปชฺชต.ิ ตมุ เฺ ห สยกัตตา ใน โสเธยยฺ าถ. โสเธยฺยาถ อาขยาตบท กัตตวุ าจก. อิติ ศพั ท อาการ ใน วตวฺ า. ม อวุตตกมั ม ใน เปสิ. เตส สามี- สัมพันธ ใน หตเฺ ถ. หตเฺ ถ อุปสิเลสกิ าธาร ใน เปส.ิ ตมุ เฺ ห เหตกุ ัตตา ใน โสธาเปถ. โสธาเปถ อาขยาตบท เหตกุ ัตตุวาจก. เต อวตุ ตกัมม ใน ปกโฺ กสาเปตวฺ า, และ การติ กมั ม ใน โสธาเปถ. ปกโฺ กสาเปตฺวา ปพุ ฺพกาลกิรยิ า ใน โสธาแปถ. มยหฺ  สามสี มั พนั ธ ใน โทส. โทส อวุตตกมั ม ใน โสธาเปถ. อิติ ศัพท อาการใน อาห. (๑๗๐) อยยฺ า อิธาป ฯ เป ฯ เอว เสเสสุป. (ภาคนัน้ เร่ืองน้นั ) ๑. อยยฺ าติ ปท อาลปน. อิธาติ ปท โทโสติ ปเท ภนิ นฺ า- ธาโร. ปสทโฺ ท อเปกฺขตโฺ ถ. ตาวสทโฺ ท อนุคฺคหตฺโถ. โทโสติ ปท โหตตู ิ ปเท สยกตตฺ า. มาสทโฺ ท โหตูติ ปเท ปฏิเสโธ.

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พนั ธ - หนาที่ 253 โหตตู ิ ปท โทโสติ ปทสสฺ กตฺตุวาจก อาขยฺ าตปท. อิมสิ สฺ าติ ปท ทาริกายาติ ปทสฺส วเิ สสน. ทาริกายาติ ปท ปต าติ ปทสสฺ สมฺพนฺโธ. ปนสทฺโท อรจุ สิ ูจนตฺโถ. ปตาติ ปท อทาสตี ิ ปเท สยกตฺตา. อธิ าติ ปท คมนาติ ปเท อาธาโร. คมนกาเลติ ปท อทาสตี ิ ปเท กาลสตฺตม.ี อมิ นตฺ ิ ปท ทาริกนตฺ ิ ปทสสฺ วิเสสน. ทารกิ นตฺ ิ ปท โอวทนฺโตติ ปเท อวตุ ฺตกมมฺ . โอวทนฺโตติ ปท ปตาติ ปทสสฺ อพภฺ นตฺ รกริ ิยาปท. คุ หฺ ปฏจิ ฺฉนเฺ นติ จ ทสาติ ปเท อวุตตฺ กมฺม. อาทาสตี ิ ปท ปตาติ ปทสฺส กตตฺ ุวาจก อาขยฺ าตปท. เตสนตฺ ิ ปท อตฺถนฺติ ปทสสฺ สมพฺ นฺโธ. อตถฺ นตฺ ิ ปท ชานามีติ ปเท อวุตฺตกมมฺ . นสทโฺ ท ชานามีติ ปเท ปฏิเสโธ. ชานามีติ ปท อหนฺติ ปทสฺส กตตฺ วุ าจก อาขฺยาตปท. เตสนฺติ ปท อตฺถนตฺ ิ ปทสฺส สมพฺ นโฺ ธ. เมติ ปท กเถตูติ ปเท สมฺปทาน. อตถฺ นตฺ ิ ปท กเถตูติ ปเท อวุตตฺ กมฺม. กเถตูติ ปท ทารกิ าติ ปทสสฺ กตตฺ วุ าจก อาขยฺ าตปท. อิมิสสฺ าติ ปท ทาริกายาติ ปทสฺส วิเสสน. ทารกิ ายาติ ปท ปตาติ ปทสสฺ สมพฺ นโธ. ปนสทฺโท วิตถฺ ารโชตโก. ปตาติ ปท อาหาติ ปเท สยกตตฺ า. อนฺโตอคฺคีติ ปท นหี ริตพโฺ พติ ปเท วุตฺตกมมฺ . ตยาติ ปท นหี รติ พฺโพติ ปเท อนภิหติ กตตฺ . พหีติ ปท นีหริตพฺโพติ ปเท อาธาโร. นสทโฺ ท นีหรติ พโฺ พติ ปเท ปฏเ สโธ. นีหริตพโฺ พติ ปท อคคฺ ีติ ปทสสฺ กมมฺ -

ประโยค๑ - บาลีไวยากรณ วากยสัมพนั ธ - หนา ที่ 254 วาจก กิตปท. อติ สิ ทโฺ ท อาหาติ ปเท อากาโร. อาหาติ ปท ปตาติ ปทสสฺ กตฺตุ . . . ปท. สกกฺ าติ ปท ภาววาจก กิริยาปท. นุสทฺโท ปุจฉฺ นตโฺ ถ. โขสทฺโท วจนาลงฺกาโร. อมเฺ หหตี ิ ปท สกกฺ าติ ปเท อนภหิ ติ กตตฺ า. อภุ โตติ ปท เคหานนฺติ ปเท ตตยิ า- วเิ สสน. ปฏวิ สิ สฺ กเคหานนตฺ ิ ปท อทตวฺ าติ ปเท สมฺปทาน อคฺคนิ ติ ปท อทตวฺ าติ ปเท อวุตตฺ กมมฺ . อทตวฺ าติ ปท วสติ ุนตฺ ิ ปเท สมานกาลกิริยาปท. วสิตนุ ตฺ ิ ปท สกกฺ าติ ปเท ตมุ ตถฺ สมฺปทาน. อติ สิ ทโฺ ท อาหาติ ปเท อากาโร. อาหาติ ปท เสฏีติ ปทสฺส กตตฺ ุ . . . ปท. เสฏีติ ปท อาหาติ ปเท สยกตตฺ า. ๒. เอวสทโฺ ท สจฺจวาจโก ลงิ คฺ ตฺโถ. กริ สทโฺ ท อนสุ ฺสวนตโฺ ถ. อมมฺ าติ ปท อาลปน. อติ ิสทฺโท ปจุ ฉฺ ึสตู ิ ปเท อากาโร. ปุจฉฺ ึสตู ิ ปท เตติ ปทสฺส กตฺตุ . . . ปท. เตติ ปท ปุจฉฺ สึ ตู ิ ปเท สยกตฺตา. ๓. ตาตาติ ปท อาลปน. มยหฺ นตฺ ิ ปท ปตาติ ปทสฺส สมฺพนโฺ ธ. ปตาติ ปท กเถสตี ิ ปเท สยกตตฺ า. นสทฺโท สนฺพาย กเถสตี ิ ปททวฺ เย ปฏิเสโธ. เอตนฺติ ปท วจนนตฺ ิ ปทสสฺ วิเสสน. วจนนฺติ ปท สนฺธายาติ ปเท อวตุ ฺตกมมฺ ง สนฺธายาติ ปท กเถสตี ิ ปเท สมานกาลกิรยิ าปท. กเถสีติ ปท ปตาติ ปทสสฺ กตฺตุ . . . ปท. อิทนฺติ ปท วจนนตฺ ิ ปทสฺส วิเสสน. วจนนฺติ ปท สนธฺ ายาติ ปเท อวุตฺตกมมฺ . ปนสทฺโท วเิ สสตโฺ ถ. สนฺธายาติ ปท กเถสีติ ปเท สมาน . . . ปท. กเถสตี ิ ปท ปตาติ ปทสฺส

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสมั พนั ธ - หนาท่ี 255 กตตฺ ุ . . . ปท. อมมฺ าติ ปท อาลปน. ตวาติ ปท สสฺสุ . . . สามกิ า- นนฺติ ปทสสฺ สมพฺ นฺโธ. สสสฺ ุ . . . สามกิ านนตฺ ิ ปท อคณุ นตฺ ิ ปทสสฺ สมพฺ นฺโธ. อคุณนตฺ ิ ปท ทสิ ฺวาติ ปเท อวุตตฺ กมฺม. ทิสวฺ าติ ปท กเถสีติ ปเท ปุพฺพกาลกริ ยิ าปท. พหีติ ปท ววิ รยิ  กเถสตี ิ ปเท อาธาโร. ตสฺมึ ตสฺมนิ ฺติ ปททวฺ ย เคเหติ ปทสฺส วเิ สสน. เคเหติ ปท พหีติ ปทสฺส ววิ รณ กเถสตี ิ ปเท อาธาโร. ตวฺ าติ ปท กเถสตี ิ ปเท สมาน . . . ปท. มาสทฺโท ตวฺ า กเถสตี ิ ปททวฺ เย ปฏิเสโธ. กเถสตี ิ ปท ตฺวนฺติ ปทสสฺ กตฺต.ุ . . ปท. อติ สิ ทโฺ ท กเถสีติ ปเท อากาโร. เอวรูเปนาติ ปท อคคฺ นาติ ปทสฺส วิเสสน. หสิ ทโฺ ท ทฬหฺ ีกรณตโฺ ถ. อคฺคินาติ ปท สทโิ สติ ปเท กรณ. สทโิ สติ ปท ปคคฺ ีติ ปทสฺส วิเสสน. อคคฺ ีติ ปท นตถฺ ตี ิ ปเท สยกตตฺ า. นามสทโฺ ท สฺาโชตโก. นตถฺ ตี ิ ปท อคคฺ ีติ ปทสสฺ กตตฺ ุ . . . ปท. ๔. อยฺยาติ ปท อาลปน. เอตนฺติ ปท วจนนฺติ ปทสฺส วเิ สสน. วจนนตฺ ิ ปท โหตตู ิ ปเท สยกตฺต. ตาวสทฺโท อนคุ คฺ - หตโฺ ถ. โหตตู ิ ปท วจนนตฺ ิ ปทสสฺ กตฺตุ . . . ปท. อิมสิ ฺสาติ ปท ทารกิ ายาติ ปทสฺส วเิ สสน. ทารกิ ายาติ ปท ปตาติ ปทสฺส สมฺพนฺโธ. ปนสทโฺ ท อรจุ สิ ุจนตฺโถ. ปตาติ ปท อาหาติ ปเท สยกตฺตา. พาหริ โตติ ปท อคคฺ ีติ ปเท ตตยิ าวิเสสน. อคคฺ ตี ิ ปท ปเวเสตพฺโพติ ปเท เหตกุ มฺม. ตยาติ ปท ปเวเสตพฺโพติ

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสัมพันธ - หนาที่ 256 ปเท อนภหิ ิตกตฺตา. นสทโฺ ท ปเวเสตพฺโพติ ปเท ปฏิเสโธ. อนฺโติ ปท ปเวเสตพโฺ พติ ปเท อาธาโร. ปเวเสตพฺโพติ ปท อคคฺ ตี ิ ปทสฺส เหตุมฺมวาจก กติ ปท. อติ สิ ทฺโท อาหาติ ปเท อากาโร. อาหาติ ปท ปต าติ ปทสฺส กตตฺ ุ . . . ปท กสึ ทโฺ ท ปุจฺฉนตโฺ ถ. สกฺกาติ ปท ภาววาจก กริ ิยาปท. อมเฺ หหีติ ปท สกกฺ าติ ปเท อนภิหิตกตตฺ า. อนโฺ ตอคคฺ ิมฺหตี ิ ปท ลกฺขณวนฺต. นิพพิ เุ ตติ ปท อนาหรติ นุ ตฺ ิ ปเท ลกขฺ ณกริ ยิ า. พาหิรโตติ ปท อคฺคนิ ฺติ ปเท ตตยิ าวเิ สสน. อนาหรติ นุ ตฺ ิ ปเท วา อปาทาน. อคคฺ ินฺติ ปท อนาหรติ นุ ฺติ ปเท อวตุ ตฺ กมมฺ . อนาหริตนุ ตฺ ิ ปท สกฺกาติ ปเท ตมุ ตถฺ สมฺปทาน. อิตสิ ทโฺ ท อหารติ ปเท อากาโร. อาหารติ ปท เสฏตี ิ ปทสฺส กตตฺ ุ . . . ปท. เสฏตี ิ ปท อาหาติ ปเท สยกตตฺ า. ๕. เอวสทโฺ ท สจฺจวาจโก ลิงคฺ ตฺโถ. กริ สทโฺ ท อนุสสฺ วนตโฺ ถ. อมมฺ าติ ปท อาลปน. อติ ิสทฺโท ปุจฉฺ ึสูติ ปเท อากาโร. ปจุ ฺฉสึ ตู ิ ปท เตติ ปทสสฺ กตฺตุ . . . ปท. เตติ ปท ปจุ ฉฺ ึสตู ิ ปเท สยกตตฺ า ๖. ตาตาติ ปท อาลปน. มยฺหนตฺ ิ ปท ปต าติ ปทสฺส สมพฺ นฺโธ. ปต าติ ปท กาเถสตี ิ ปเท สยกตฺตา. นสทโฺ ท สนฺธาย กเถสีติ ปททฺวเย ปฏเิ สโธ. เอตนฺติ ปท วจนนตฺ ิ ปทสสฺ วเิ สสน. วจนนตฺ ิ ปท สนฺธายาติ ปเท อวุตฺตกมฺม. สนธฺ ายติ ปท กเถสีติ ปเท สมาน . . . ปท. กเถสตี ิ ปท ปตาติ ปทสฺส กตฺตุ . . .

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสัมพนั ธ - หนาที่ 257 ปท. อิทนตฺ ิ ปท วจนนตฺ ิ ปทสสฺ วเิ สสน. วจนนฺติ ปท สนฺธายาติ ปเท อวตุ ตฺ กมมฺ . ปนสทโฺ ท วิเสสตโฺ ถ. สนธฺ ายาติ ปท กเถสตี ิ ปเท สมาน . . . ปท. กเถสตี ิ ปท ปตาติ ปทสฺส กตฺตุ . . . ปท. สเจสทโท ปรกิ ปฺปตฺเถ นิปาโต. เตติ ปท สสฺสุ . . . สามกิ านนตฺ ิ ปทสสฺ สมพฺ นฺโธ. ปฏวิ สิ สฺ กเคเหสูติ ปท อิตถฺ โิ ย ปรุ สิ าต ปททวฺ เย ภนิ ฺนาธาโร. อิตฺถิโย ปุรสิ าติ ปททฺวย กเถนตฺ ตี ิ ปเท สยกตตฺ า. วาสททฺ า วิกปปฺ ตฺถา. สสฺสุ . . . สามกิ านนตฺ ิ ปท อคุณนตฺ ิ ปทสฺส สมพฺ นฺโธ. อคณุ นตฺ ิ ปท กเถนตฺ ตี ิ ปเท อวตุ ฺตกมมฺ . กเถนฺตตี ิ ปท อติ ฺถโิ ย ปรุ ิสาติ ปททฺวยสฺส กตตฺ ุ . . . ปท. เตหตี ิ ปท กถิตนฺติ ปเท อนภิหิตกตฺตา. กถิตนฺติ ปท วจนนตฺ ิ ปทสสฺ วเิ สสน. วจนนตฺ ิ ปท ปาหริกตฺตา. กถติ นฺติ ปท วจนนฺติ ปทสสฺ วเิ สสน. วจนนฺติ ปท สมาน . . . ปท. อสุโกติ ปท กเถตตี ิ ปเท สยกตตฺ า. นามสทฺโท สฺ าโชตโก. ตมุ ฺหากนฺติ ปท อคณุ นฺติ ปทสสฺ สมพฺ นโฺ ธ. เอวสทโฺ ท นิทสสฺ นตโฺ ถ. อคณุ นตฺ ิ ปท กเถตีติ ปเท อวตุ ฺตกมฺม. กเถตตี ิ ปท อสุโกติ ปทสฺส กตตฺ ุ . . . ปท. อติ สิ ทฺโท กเถยฺยาสีติ ปททฺวเย ปฏเิ สโธ. กเถยยฺ าสตี ิ ปท ตวฺ นฺติ ปทสสฺ กตฺตุ . . . ปท. ตวฺ นฺติ ปท กเถยยฺ าสีติ ปเท สยกตตฺ า. อิติสทโฺ ท กเถสตี ิ ปเท อากาโร. เอเตนาติ ปท อคฺคินาติ ปทสสฺ วเิ สสน. หิสทฺโท ทฬฺหีกรโณ. อคฺคนิ าติ ปท สทโิ สติ ปเท

ประโยค๑ - บาลไี วยากรณ วากยสัมพันธ - หนาท่ี 258 กรณ. สทโิ สติ ปท อคคฺ ีติ ปทสฺส วเิ สสน. อคฺคีติ ปท นตถฺ ตี ิ ปเท สยกตตฺ า. นามสทฺโท สฺ าโชตโก. นตฺถีติ ปท อคคฺ ีติ ปทสสฺ กตฺตุ . . . ปท. อติ ิสทโฺ ท อาหาติ ปเท อากาโร. อาหาติ ปท วสิ าขาติ ปทสฺส กตตฺ ุ . . . ปท. วิสาขาติ ปท อาหาติ ปเท สยกตตฺ า. ๗. เอวส ทโฺ ท ปการตฺโถ. อมิ สฺมนิ ตฺ ิ ปท การเณติ ปทสฺส วเิ สสน. การเณติ ปท อโหสีติ ปเท นิมติ ฺตสตฺตมี. โทสาติ ปเท วา ภินนฺ าธาโร. สาติ ปท อโหสีติ ปเท สยกตตฺ า. นิทฺโทสาติ ปท อโหสีติ ปเท วิกตกิ ตตฺ า. อโหสตี ิ ปท สาติ ปทสฺส กตตฺ ถ. . . ปท. ยถาสทโฺ ท อปุ มาโชตโก. จสทโฺ ท สมปฺ ณ ฑฺ นตโฺ ถ. เอตฺถาติ ปท อโหสีติ ปเท นิมติ ฺตสตตฺ มี. นิทฺโทสาติ ปท อโหสตี ิ ปเท วิกติกตตฺ า. อโหสีติ ปท สาติ ปทสสฺ กตตฺ ุ . . . ปท. สาติ ปท อโหสตี ิ ปเท สยกตฺตา. เอวส ทฺโท อปุ เมยฺยโชตโก. เสเสสุติ ปท การเณสตู ิ ปทสฺส วเิ สสน. การเณสตู ิ ปท อโหสตี ิ ปเท นิมิตฺตสตฺตมี. ปสทฺโท อเปกขฺ ตฺโถ. นิทฺโทสาติ ปท อโหสตี ิ ปเท วิกตกิ ตตฺ า. อโหสีติ ปท สาติ ปทสฺส กตฺตุ . . . ปท. สาติ ปท อโหสีติ ปเท สยกตตฺ า.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook