Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน ส 31101 ปี 65

แผน ส 31101 ปี 65

Published by kchanataworn, 2022-08-03 08:05:22

Description: แผน ส 31101 ปี 65

Search

Read the Text Version

ซอน อันเป็นเขตท่ีมีอากาศร้อนและฝนตกชุก พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าดิบช้ืน และในบริเวณตอนใต้ของ ประเทศอาร์เจนตนิ า ที่มีภูมอิ ากาศแห้งแลง้ เปน็ ทะเลทราย ด้วยอิทธิพลของภูมปิ ระเทศกับเส้นศนู ย์สูตร จึงกล่าว ได้ว่า ทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต้มีลักษณะพ้ืนที่ที่ประชากรอาศัยอยู่เบาบางแตกต่างกัน เพราะมี ลักษณะภมู ปิ ระเทศที่แตกต่างกันน่นั เอง) 2) หากพิจารณาจากสัดส่วนประชากรไทยแบ่งตามภาค พบว่า ภาคใดที่มีความหนาแน่นของ ประชากรมากท่ีสุด เพราะเหตุใดจงึ เปน็ เช่นนั้น (แนวตอบ หากพิจารณาจากสัดส่วนและพื้นท่ีจะพบว่า บริเวณพ้ืนที่ภาคกลางมีสัดส่วนความ หนาแนน่ ของประชากรมากทสี่ ุด ถงึ รอ้ ยละ 18.3 เนอื่ งจากความเหมาะสมของลักษณะภูมปิ ระเทศและลกั ษณะ ทางภูมิศาสตร์ เช่น พนื้ ท่ีสว่ นใหญข่ องภาคกลางเปน็ ที่ราบลุ่มแมน่ ้า มีความอุดมสมบรู ณ์ เป็นบริเวณพ้นื ที่การอยู่ อาศัยดั้งเดมิ มีการคมนาคมสะดวก เปน็ ศูนย์กลางความเจรญิ ก้าวหน้าของประเทศ จึงเหมาะแก่การอย่อู าศัยของ ประชากรไทยโดยสว่ นใหญ่ ทาใหเ้ ปน็ ภมู ภิ าคท่ีมีสัดส่วนความหนาแน่นของประชากรมากท่ีสุด) 3) หากในอนาคตประชากรไทยมีอัตราลดลง จะส่งผลกระทบอย่างไร (แนวตอบ จะส่งผลให้สังคมไทยเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ มีประชากรผู้สูงอายุเป็นประชากร หลักของประเทศ สง่ ผลให้ตอ้ งมีการดูแลผู้สงู อายุจานวนมาก อาจส่งผลตอ่ เนือ่ งถึงงบประมาณของประเทศ ใน ดา้ นการดแู ล การรักษาพายาบาล และการสาธารณสุขต่าง ๆ ท่เี พมิ่ มากข้ึน) 4) เพราะเหตใุ ด ภาคตะวันตกของประเทศไทยจึงมีความหนาแน่นของประชากรน้อยท่ีสุด (แนวตอบ เน่ืองจากพ้ืนที่ส่วนใหญ่ของภาคตะวันตกเป็นแนวเทือกเขาสูง และมีลักษณะเป็น เทือกเขาในแนวด่ิงที่ทอดตัวจากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้ รวมถึงมีแนวเทือกเขาที่กั้นทิศทางลมและฝน ส่งผลให้ภาค ตะวนั ตกเปน็ เขตเงาฝน หรอื เขตอับฝน เป็นอปุ สรรคตอ่ การต้ังถิ่นฐานและการประกอบอาชีพ ทาให้ภาคตะวนั ตก มีความหนาแนน่ ของประชากรนอ้ ยที่สดุ ) 5) บริเวณใดของภาคกลางท่ีถือเป็นท่ีราบลุ่มเจ้าพระยาอันอุดมสมบูรณ์เหมาะสมแก่การ เพาะปลกู (แนวตอบ บริเวณตง้ั แต่ ตาบลปากนา้ โพ อาเภอเมอื ง จังหวัดนครสวรรค์ ลงไปจนสดุ อา่ วไทยเป็น ที่ราบที่เกิดจากตะกอนน้าพาของแมน่ ้าสายต่าง ๆ ทับถมเป็นท่ีราบดินตะกอนขนาดใหญ่ จึงมีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูก) 6) เมืองเศรษฐกิจที่สาคญั ในภาคตะวันออก คือเมอื งใด และมคี วามสาคัญทางเศรษฐกิจอย่างไร (แนวตอบ เมืองพทั ยา จงั หวดั ชลบุรี จดั เป็นเมืองศรษฐกิจท่ีสาคัญของภาคตะวันออก โดยมี ความสาคัญต่อเศรษฐกิจไทยในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านการท่องเท่ียว อุตสาหกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีต่าง ๆ ทาใหก้ ่อเกดิ อาชีพทห่ี ลากหลาย และทาใหเ้ ศรษฐกิจประเทศไทยเกดิ การขยายตวั ได้อยา่ งรวดเร็ว) 7) ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือมที ร่ี าบกวา้ งใหญ่ แตเ่ พราะเหตใุ ดจึงทาการเพาะปลกู ไมค่ ่อยไดผ้ ล เทา่ ทคี่ วร (แนวตอบ เนอื่ งจากมีดินส่วนใหญเ่ ป็นดนิ ทราย ไม่อมุ้ นา้ ดนิ ขาดความอดุ มสมบรู ณ์ ทาใหพ้ นื้ ท่ี บางแหง่ ไม่สามารถทาการเพาะปลกู ได)้ 8) ภาคเหนอื มลี ักษณะภูมปิ ระเทศเด่นอย่างไร (แนวตอบ มีภูเขาสลับซับซ้อนต่อเน่ืองกันเป็นทิวเขา วางตัวตามแนวทิศเหนือลงไปทางทิศใต้ ระหว่างทวิ เขาจะมีหุบเขาและที่ราบ) 5. ครอู ภปิ รายร่วมกันกับนักเรียนเกี่ยวกับการกระจายและความหนาแน่นของประชากร

ขั้นท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) 1. ครูใหน้ กั เรียนกลุ่มเดิมเลือกทวปี หรอื ภูมิภาคท่นี กั เรียนสนใจ วิเคราะหถ์ งึ การกระจายและ ความหนาแนน่ ของประชากรในพนื้ ทด่ี ังกล่าว จากน้นั นาข้อมลู ท่ไี ด้มาเชอ่ื มโยงกบั โครงสร้างประชากร ตาม ลกั ษณะพีระมดิ ทงั้ 3 รูปแบบ อนั ไดแ้ ก่ พรี ะมิดประชากรแบบฐานกวา้ ง แบบคงท่ี และแบบฐานแคบ 2. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง และเสนอแนะข้อคดิ เหน็ เพ่ิมเติม 3. ครูสุม่ นักเรยี นเพ่ือแสดงความคดิ เห็นในประเด็นแนวโน้มโครงสรา้ งประชากรโลกและประชากร ไทยในอนาคตตามความคดิ เห็นของนักเรยี น พร้อมท้ังยกตัวอยา่ งและอธิบายเหตุผลประกอบ จากนน้ั ครูถาม คาถามเพ่ิมเติม เช่น พรี ะมิดแบบขยายตัวแสดงถึงส่งิ ใด และมักพบในกลมุ่ ประเทศใด (แนวตอบ พรี ะมดิ แบบขยายตวั หรือพรี ะมิดทม่ี ีฐานกว้าง ยอดแหลม สามารถแสดงข้อมูลไดว้ ่ามี จานวนคนเกดิ และคนตายมาก มักพบในกลุ่มประเทศอัฟกานสิ ถาน บังกลาเทศ อันมีสาเหตุมาจากปัญหาในด้าน การแพทย์ การสาธารณสุข การศกึ ษา หรอื เศรษฐกิจ) 4. ครใู ห้นักเรียนทบทวนความรู้ โดยศึกษาสรุปสาระสาคัญหรือใช้ PPT สรุปสาระสาคัญของเนื้อหา ทีไ่ ด้ศกึ ษามา 5. ครูให้นักเรยี นทาใบงานที่ 3.1 เร่ือง การกระจายและความหนาแนน่ ของประชากร 6. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกสมรรถนะฯ ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 เกีย่ วกับเรือ่ ง การกระจายและความ หนาแนน่ ของประชากร เพื่อเป็นการบา้ นสง่ ครูในช่วั โมงถัดไป ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) - ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบผลจากการตอบคาถาม การทาใบงาน ขั้นสรุป ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปความรู้ ตลอดจนการใช้เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ และเครือ่ งมือดา้ นเทคโนโลยีใน การสืบค้นเก่ียวกับการกระจายและความหนาแนน่ ของประชากร หรือใช้ PPT สรปุ สาระสาคัญของเนอื้ หา ขน้ั ประเมิน 1. ครปู ระเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคาถาม การรว่ มกันทางาน และการนาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาใบงาน 9. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 1. ใบงานที่ 3.1 เร่ือง การกระจายและความหนาแนน่ ของประชากร 2. แผนท่โี ลกทแ่ี สดงการลักษณะการตัง้ ถิ่นฐาน 3. หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 เร่ือง สิง่ แวดลอ้ มทางกายภาพกบั ประชากรและการต้ังถน่ิ 4. เอกสารประกอบการเรียนการเรียนรู้ ภมู ศิ าสตร์ ม.4 – 6 5. เว็บไซตท์ างภูมศิ าสตร์

10. การวดั และประเมินผล เครอื่ งมือ/วิธีการประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ สงั เกตพฤติกรรม ระดับดีข้ึนไป ประเดน็ การประเมนิ พฤติกรรมการเรยี น แบบประเมนิ ผลงานกลมุ่ 10 คะแนนข้ึนไป ประเมินผลงานกลุ่ม แบบทดสอบกอ่ นเรียน - ทดสอบก่อนเรยี น 11. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 11.1 สรปุ ผลการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.2 ปญั หา/อุปสรรค ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.3 แนวทางแก้ไข /แนวทางการพัฒนา ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… ลงช่ือ............................................. ครผู สู้ อน (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ชานาญการพิเศษ

ใบงานที่ 3.1 เร่อื ง การกระจายและความหนาแน่นของประชากร คาช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นเขียนบรรยายความสัมพนั ธข์ องสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกบั กจิ กรรมของมนษุ ย์ กับการกระจายและความหนาแน่นของประชากรของภูมิภาคต่าง ๆ ในโลก จากแผนที่ ที่กาหนดให้ จานวน 6-8 บรรทดั …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9 เรอ่ื ง กำรเปล่ียนแปลงประชำกรโลกและประชำกรไทย รายวชิ า สงั คมศกึ ษา รหัสวิชา ส 31101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง ส่งิ แวดลอ้ มทางกายภาพกับประชากรและการตง้ั ถิ่นฐาน เวลา 2 ช่วั โมง 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับส่ิงแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์วิถีการ ดาเนินชีวิต มีจิตสานึกและมสี ่วนรว่ มในการจดั การทรัพยากรและส่ิงแวดล้อมเพ่ือการพัฒนาทย่ี งั่ ยืน ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ ม.4-6/1 วิเคราะห์ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างส่งิ แวดล้อมทางกายภาพกบั กิจกรรมของมนษุ ย์ในการสร้างสรรค์ วิถีการดาเนนิ ชวี ติ ของท้องถน่ิ ทัง้ ในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก และเหน็ ความสาคญั ของ สง่ิ แวดลอ้ มท่ีมีผลต่อการดารงชีวิตของมนุษย์ 2. จุดประสงค์การเรยี นร้สู ู่ตัวชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ 1. วเิ คราะหป์ ฏิสัมพนั ธ์ระหว่างสง่ิ แวดล้อมทางกายภาพกับกิจกรรมของมนุษย์ท่ีก่อให้เกดิ การ เปลีย่ นแปลงประชากรโลกและประชากรไทยได้ (K) 2. เลือกใชเ้ ครอื่ งมือทางภูมิศาสตร์ในการศกึ ษาประชากรและการเปลย่ี นแปลงประชากรได้ (P) 3. สนใจศกึ ษาโครงสร้างประชากรและการเปลย่ี นแปลงประชากรเพิ่มมากขึน้ (A) 3. สาระสาคญั (เนือ้ หา) ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งส่ิงแวดล้อมทางกายภาพกับวิถีการดาเนนิ ชวี ิต ภายใต้กระแสโลกาภวิ ัตน์ ได้แก่ ประชากรและการตั้งถ่นิ ฐาน (การกระจายและการเปลยี่ นแปลงประชากร ชมุ ชนเมอื งและชนบท และ การกลายเป็นเมือง) 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) วถิ ีการดาเนินชีวติ ของท้องถิ่นทงั้ ในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก เกดิ จากปฏิสัมพันธร์ ะหว่าง สงิ่ แวดล้อมทางกายภาพกบั กิจกรรมของมนุษย์ นอกจากนี้ กระแสโลกาภวิ ตั น์ทาใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง ส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพและวถิ ีการดาเนนิ ชีวิต 4.2 ทักษะ/กระบวนการ(P) (วิธีการและขน้ั ตอนทใ่ี ช้ดาเนนิ การคน้ ควา้ หาความร)ู้ ใช้ทักษะทางภูมิศาสตร์ ไดแ้ ก่ 1. การสังเกต 2. การแปลความข้อมลู ทางภูมิศาสตร์ 3. การใชเ้ ทคนิค และเครื่องมือทางภูมศิ าสตร์ 4. การคดิ เชิงพ้นื ท่ี 5. การใชเ้ ทคโนโลยี 6. การใช้สถติ ิพน้ื ฐาน

4.3 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)  ซอ่ื สัตย์ สจุ รติ  รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  ใฝเ่ รยี นรู้  มีวนิ ัย  ม่งุ ม่นั ในการทางาน  อย่อู ย่างพอเพยี ง  มีจิตสาธารณะ  รักความเปน็ ไทย  ความสามารถในการคิด 5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ  ความสามารถในการสื่อสาร  ใส่ใจนวัตกรรม  ความสามารถในการแก้ปญั หา  แก้ปัญหาเป็น  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี  เตม็ ใจร่วมมือ 6. ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21  รเู้ ท่าทันส่ือ  ฉลาดสอื่ สาร 6.1 ทักษะด้านการเรยี นรู้และนวัตกรรม  คดิ สรา้ งสรรค์  รู้จักปรับตัว  มวี ิจารณญาณ  ใสใ่ จดูแลตนเอง  สอ่ื สารดี  เรียนรู้วฒั นธรรม  รับผิดชอบหน้าที่ 6.2 ทกั ษะด้านสารสนเทศ สื่อ เทคโนโลยี  หมัน่ หาความรู้รอบดา้ น  อัพเดตทุกข้อมูลข่าวสาร  รอบรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ  โรงเรยี นส่งิ แวดลอ้ ม  โรงเรียนสุจริต/ต้านทจุ รติ 6.3 ทักษะชีวติ และอาชีพ  สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น  มคี วามยดื หย่นุ  ริเรมิ่ สิ่งใหม่  รู้จกั เข้าสังคม  มคี วามเป็นผู้นา  พฒั นาอาชีพ 7. แนวทางการบูรณาการ การจดั การเรยี นรู้  หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  โรงเรยี นคณุ ธรรม  บูรณาการกลมุ่ สาระการเรียนรู้  บริหารจัดการช้นั เรียนเชิงบวก 8. การจัดกิจกรรม /กลยุทธ์/วธิ กี าร/รูปแบบการจัดการเรยี นรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ขั้นนา

1. ครูให้นักเรียนดูภาพ หรือคลิปวิดีโอเก่ียวกับความแตกต่างของลักษณะการอยู่อาศัยของประชากรใน ปัจจบุ นั เช่น 2. ครูถามคาถามกระตุ้นความคดิ โดยใหน้ กั เรียนรว่ มกนั ตอบคาถาม เชน่ - จากภาพตัวอยา่ ง สามารถแสดงขอ้ มูลในเรอื่ งใดไดบ้ ้าง (แนวตอบ เช่น ลกั ษณะประชากร โครงสรา้ งประชากร จานวนประชากร การศึกษา อาชีพ เศรษฐกจิ ลักษณะการอยอู่ าศัย เทคโนโลยี ฯลฯ) ขั้นสอน ขนั้ ที่ 1 การต้งั คาถามเชิงภูมิศาสตร์ 1. ครูให้นกั เรยี นดูแผนทีแ่ สดงอัตราการเกิดของโลก ในปี พ.ศ. 2550-2560 จากหนังสือเรยี น ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 แลว้ ร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั อัตราเกดิ และจานวนประชากรในแตล่ ะทวปี ทวั่ โลก 2. ครถู ามคาถามให้นักเรียนร่วมกันตอบ เชน่ - จากอตั ราการเกดิ ของโลก นักเรยี นคิดวา่ ในอนาคตแนวโน้มประชากรโลกอาจมโี ครงสรา้ งใน รูปแบบใด และมสี าเหตุจากสง่ิ ใด (แนวตอบ ในอนาคต ประชากรโลกมแี นวโนม้ ว่าจะมีโครงสรา้ งเปน็ สงั คมผสู้ ูงอายุ อันมีสาเหตุ เน่ืองมาจากการมีประชากรในวัยเด็กที่ลดน้อยลง เพราะประชากรส่วนใหญ่ให้ความสาคัญกับการศึกษา การคุมกาเนิด มีการแต่งงานและมีบุตรท่ีลดน้อยลง ดังน้ัน จึงมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตประชากรโลกจะ กลายเปน็ สังคมผสู้ ูงอายเุ พ่มิ มากขนึ้ ) 3. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาเช่อื มโยงถึงแผนท่ีแสดงจานวนประชากรและอัตราเกิดของประชากรโลกและ ประชากรไทย ในปี พ.ศ. 2550-2560 จากหนังสอื เรียนภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 แลว้ รว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับ ความสมั พันธ์ระหว่างจานวนประชากรในแต่ละทวีปทัว่ โลกและจานวนประชากรในประเทศไทย 4. ครูให้นกั เรยี นใชส้ มาร์ตโฟนสืบคน้ จานวนประชากรและอตั ราเกดิ ของประชากรโลกในบริเวณพ้นื ท่ี ท่ีนักเรยี นสนใจเพิ่มเติม 5. ครูกระตนุ้ ให้นักเรยี นชว่ ยกนั ต้ังประเด็นคาถามเชงิ ภมู ศิ าสตร์ เช่น 1) ปัจจัยใดท่ีทาให้ประเทศตา่ ง ๆ ในโลกมีอัตราเกิดและอัตราตายทีแ่ ตกตา่ งกนั

2) โครงสร้างประชากรแต่ละพ้ืนท่ีมีสิ่งใดเป็นเกณฑ์ในการจัดแบ่ง ตลอดจนมีความเหมือนหรือ ความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร 3) หากในอนาคต ประชากรโลกมีช่วงอายุใดอายุหนงึ่ มากจนเกินไป จะส่งผลกระทบตอ่ ส่ิงใดบา้ ง ขน้ั ท่ี 2 การรวบรวมขอ้ มลู 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มมีหมายเลขประจาตัว คือ หมายเลข 1 2 3 และ 4 เรยี กว่า กลมุ่ แมบ่ า้ น 2. นกั เรยี นกลมุ่ แมบ่ า้ นแยกย้ายไปรวมกนั ตามหมายเลขเดียวกัน เรยี กวา่ กลุม่ ผ้เู ชยี่ วชาญ 3. สมาชิกในกลุ่มผู้เช่ียวชาญ ร่วมกันสืบค้นความรู้ เร่ือง การเปล่ียนแปลงประชากรโลกและ ประชากรไทย จากหนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ม.4-6 ประกอบการใช้เครอื่ งมือทางภมู ิศาสตร์ และสรุปความรูล้ งใน ใบงาน ตามประเด็นต่อไปนี้ 1) หมายเลข 1 ทาใบงานที่ 3.2 เร่อื ง การเกิด 2) หมายเลข 2 ทาใบงานท่ี 3.3 เร่อื ง การตาย 3) หมายเลข 3 ทาใบงานที่ 3.4 เรอื่ ง การยา้ ยถ่นิ 4) หมายเลข 4 ทาใบงานที่ 3.5 เรือ่ ง การเปลยี่ นแปลงประชากรสงู อายุ 4. ครแู นะนาแหล่งข้อมูลสารสนเทศทีน่ ่าเช่ือถอื ใหก้ ับนักเรียนเพ่ิมเติม ชัว่ โมงท่ี 2 ข้ันที่ 3 การจัดการขอ้ มูล 1. สมาชิกในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญแต่ละหมายเลขทาการรวบรวมและอภิปรายข้อมูลจากการทาใบงาน แลว้ กลับไปยงั กลุม่ แมบ่ า้ นของตนเอง 2. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มนาขอ้ มลู ท่ตี นได้จากการรวบรวมมาอธบิ ายแลกเปล่ียนความรรู้ ะหวา่ งกัน ข้ันที่ 4 การวิเคราะหแ์ ละแปลผลข้อมลู 1. ครูสุ่มถามนักเรียนเพิ่มเติมถึงพ้ืนที่ที่มีอัตราเกิด อัตราตายมากท่ีสุดและน้อยท่ีสุด รวมถึงสาเหตุท่ี ทาให้เป็นเชน่ นั้น จากนน้ั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ รว่ มกนั 2. ครูใหน้ กั เรยี นดคู ลิปวดิ ีโอทเี่ กี่ยวข้องกบั การตายของประชากรโลกและประชากรไทย จากนั้นถาม คาถามท่เี กี่ยวขอ้ งกับประเด็นการตายของประชากร เพอื่ เป็นการเช่อื มโยงและวเิ คราะหค์ วามรูเ้ พิม่ เติม เช่น 1) ในปัจจุบัน ขนาดของประชากรมนุษย์มีจานวนเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอัตราการรอด ชวี ิตของทกุ ช่วงอายสุ ูงขึน้ นกั เรียนคิดวา่ มสี าเหตจุ ากสง่ิ ใด (แนวตอบ ความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและการแพทย์ ทาให้ประชากรสามารถสร้างสรรค์ส่ิง ใหม่ ๆ เพ่ืออานวยความสะดวกและเพ่ิมคุณภาพในการดารงชีวิต เช่น การสร้างท่ีอยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม รถยนต์ เคร่ืองทุน่ แรงต่าง ๆ รวมไปถึงการพัฒนาในด้านการรักษาโรคและควบคมุ โรคอย่างมีประสทิ ธิภาพ สง่ ผล ให้อตั ราการรอดชวี ิตเพ่มิ สูงขนึ้ หรือมอี ัตราตายทล่ี ดนอ้ ยลงนั่นเอง) 2) การแพร่กระจายของโรคระบาด ถอื เปน็ สาเหตหุ นึ่งที่ทาใหเ้ กดิ การตายในประชากร ซง่ึ มีความ เก่ยี วข้องกับปัจจยั ทสี่ ง่ ผลต่อการตายในด้านใด (แนวตอบ การแพรก่ ระจายของโรคระบาด อนั เปน็ สาเหตหุ น่ึงท่ีทาใหป้ ระชากรโลกและประชากร ไทยต้องเสียชีวิตลง ซ่ึงมีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการตายทั้งในด้านสาธารณสุข ด้านสวัสดิการสังคม

และด้านส่ิงแวดล้อมที่หมายรวมถึงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากการแพร่กระจายของเช้ือโรคในประเทศเขตอบอุ่น มักเกดิ ขนึ้ ไดง้ า่ ยกว่าประเทศในเขตหนาว เป็นต้น) 3. ครใู ห้นักเรียนร่วมกันศกึ ษาแผนทแ่ี สดงอตั ราตายของโลกทีแ่ ตกตา่ งกนั ในรอบ 10 ปี คอื ระหว่าง พ.ศ. 2550-2560 จากหนังสือเรยี นภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 หรือจากแหล่งการเรียนร้อู ่นื ๆ เพิ่มเตมิ ข้ันที่ 5 การสรปุ เพอ่ื ตอบคาถาม 1. ครูต้ังคาถามเพ่ือทดสอบนักเรียนกลุ่มแม่บ้าน เพื่อเป็นการเช่ือมโยงและวิเคราะห์ความรู้ จากน้ัน ให้นาคะแนนของแตล่ ะคนในกลมุ่ มารวมกัน กลุ่มใดมีคะแนนมากทส่ี ุด ถอื เป็นผู้ชนะ ตัวอย่างคาถามเช่น 1) ปัจจัยใดบ้างที่มผี ลใหจ้ านวนประชากรผู้สงู อายุมีอตั ราที่เปลยี่ นแปลงไปจากในอดีต (แนวตอบ ความกา้ วหน้าทางเศรษฐกิจ ความกา้ วหนา้ ทางการแพทย์ การสาธารณสุข การศกึ ษา ตลอดจนเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ท่ีมีส่วนให้ชีวิตของประชากรมีความมั่นคงยืนยาวได้เพิ่มมากขึ้น เช่น อาหาร ยารักษาโรค เครอื่ งมือทางการแพทย์ ตลอดจนการสอ่ื สารและการคมนาคมตา่ ง ๆ) 2) แนวทางใดบ้างทสี่ ามารถนามาแกป้ ัญหาการเข้าส่สู ังคมผ้สู ูงอายุในปัจจุบนั (แนวตอบ เช่น การให้ความรู้ หรือช้ีให้เห็นถึงความสาคัญของการมีบุตร เพื่อส่งเสริมให้มีการ เพ่ิมขึ้นของจานวนประชากรในสังคม ตลอดจนเพ่ิมสวัสดิการ แรงจูงใจ หรือสทิ ธิพิเศษในการมีบุตรของวัยเจริญ พันธภุ์ ายใต้การดูแลอยา่ งถกู ตอ้ งจากทกุ ภาคสว่ นของสังคม) 3) ประชากรสงู อายุ มคี วามสัมพันธก์ บั การย้ายถิ่นได้หรือไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ เช่น ประชากรสูงอายุอาจมีความเก่ียวข้องสัมพันธ์กับการย้ายถิ่น ยกตัวอย่างเช่น ใน กรณีสถานการณ์ผู้สูงอายุในประเทศญ่ีปุ่นที่มีจานวนมาก จนก่อให้เกิดปัญหาด้านการแพทย์และการ สาธารณสุข เป็นผลให้เกิดการย้ายถิ่นออกนอกประเทศของผู้สูงอายุ เพื่อหาที่พักท่ีเหมาะสม เช่น จังหวัด เชียงใหม่ ประเทศไทย) 4) การคา้ ทาส เป็นการย้ายถนิ่ ประเภทใด (แนวตอบ การคา้ ทาส เป็นการยา้ ยถนิ่ แบบท่ีถกู บังคับให้ย้าย เพราะเป็นการอพยพย้ายถิน่ ซึ่งผ้ทู ี่ ตัดสนิ ใจให้มีการย้ายถน่ิ มกั จะไมใ่ ชต่ วั ของผยู้ ้ายถ่นิ เอง) 5) ประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเมทศไทย มักมีการย้ายถ่ินเข้ามาตั้งถ่ินฐานใน เขตกรงุ เทพมหานครเปน็ จานวนมาก จากสถานการณ์ดงั กลา่ วถอื ว่าเป็นการยา้ ยถ่นิ ในลกั ษณะใด (แนวตอบ เป็นการย้ายถ่ินของประชากรในประเทศ เนื่องจากเป็นการย้ายถ่ินจากเขตเมืองเมือง หนึ่งไปสู่อีกพ้ืนที่หน่งึ ท่ีบริเวณไม่กว้างขวางหรือห่างไกลกันมากนัก เพ่ือแสวงหาทางเลือกในการดารงชีวิตที่ดีข้ึน เชน่ อาชพี เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การศกึ ษา) 6) ประเทศจดุ หมายสาคัญในการยา้ ยถิน่ เขา้ ไปอยูใ่ นทวีปยุโรป ได้แกป่ ระเทศใดบา้ ง (แนวตอบ เชน่ สเปน ฝร่ังเศส เยอรมนี อิตาลี สหราชอาณาจักร) 7) หากมีการยา้ ยถิ่นของประชากรระหว่างทวีปเพ่ิมมากขนึ้ ในอนาคต อาจก่อให้เกิดปัญหาในดา้ น ใด (แนวตอบ เชน่ ปญั หาในด้านแรงงาน ปัญหาในด้านความมัน่ คง ปญั หาในดา้ นเศรษฐกจิ ตลอดจน ปัญหาในดา้ นสาธารณสุข) 8) จากกรณแี รงงานย้ายถนิ่ จากทวีปยุโรปเข้าส่ปู ระเทศองั กฤษ ซง่ึ หากไม่มีการย้ายถิ่นในรปู แบบนี้ อาจก่อใหเ้ กิดปญั หาในด้านใด (แนวตอบ เชน่ ปัญหาในดา้ นการขาดแคลนแรงงาน สง่ ผลต่อเนอ่ื งใหเ้ กดิ ปัญหาในดา้ นการผลติ

ทอ่ี าจจะทาให้การผลิตสินคา้ ไม่เพียงพอ หรอื ไม่ทันตอ่ การจาหน่าย รวมถึงขาดแคลนสนิ ค้าอปุ โภค บริโภคต่าง ๆ ซ่งึ อาจส่งผลให้ราคาสนิ ค้าปรบั ตวั สูงข้ึนอยา่ งรวดเรว็ ) 2. ครูเฉลยคาถามและรวบรวมคะแนนของนักเรียนในแต่ละกลุ่ม สรุปผลการทดสอบและร่วมกัน แสดงความคิดเหน็ เพมิ่ เติม 3. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกสมรรถนะฯ ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 เก่ียวกบั เรอื่ ง การเปลี่ยนแปลงประชากร โลกและประชากรไทย เพื่อเป็นการบ้านสง่ ครใู นชวั่ โมงถัดไป ขั้นสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงประชากรโลกและประชากรไทย ตลอดจน ความสาคัญที่มีอทิ ธิพลตอ่ การดาเนนิ ชีวิตของประชากร หรอื ใช้ PPT สรุปสาระสาคัญของเน้ือหา ข้ันประเมิน 1. ครปู ระเมนิ ผลโดยสังเกตจากการตอบคาถาม การรว่ มกันทางาน และการนาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาใบงาน 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบงานท่ี 3.2 เรอ่ื ง การเกิด 2. ใบงานท่ี 3.3 เรื่อง การตาย 3. ใบงานที่ 3.4 เรื่อง การยา้ ยถิ่น 4. ใบงานท่ี 3.5 เร่อื ง การเปลยี่ นแปลงประชากรสูงอายุ 5. เอกสารประกอบการเรียนการเรยี นรู้ ภูมศิ าสตร์ ม.4 – 6 6. เครอื่ งมือทางภมู ิศาสตร์ ได้แก่ แผนที่ ลูกโลกจาลอง รปู ถา่ ยทางอากาศ และภาพจากดาวเทียม 10. การวัดและประเมินผล เครื่องมอื /วิธกี ารประเมิน เกณฑ์การประเมิน สงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั ดีข้นึ ไป ประเดน็ การประเมิน พฤติกรรมการเรียน แบบประเมนิ ผลงานกลมุ่ 10 คะแนนข้ึนไป ประเมินผลงานกลุ่ม

11. บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 11.1 สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.2 ปัญหา/อุปสรรค ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.3 แนวทางแกไ้ ข /แนวทางการพัฒนา ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ............................................. ครผู สู้ อน (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชานาญการพิเศษ

ใบงำนท่ี 3.2 เร่อื ง กำรเกิด คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นศึกษาความรเู้ รื่อง การเกิด แลว้ ตอบคาถามตามประเดน็ ต่อไปนี้ การเกิด ปจั จัยที่ส่งผลต่ออตั ราเกดิ ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………..… … สถานการณอ์ ัตราเกิด ของโลก ของไทย ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… …………………………………………...…… …………………………………………...…… สาเหตุ สาเหตุ ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… …………………………………………...…… …………………………………………...……

ใบงำนที่ 3.3 เรอื่ ง กำรตำย คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง การตาย แล้วตอบคาถามตามประเด็นต่อไปน้ี การตาย ปัจจัยทส่ี ่งผลต่ออตั ราตาย ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………..… … สถานการณ์อตั ราตาย ของโลก ของไทย ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… …………………………………………...…… …………………………………………...…… สาเหตุ สาเหตุ ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… …………………………………………...…… …………………………………………...……

ใบงำนที่ 3.4 เรอื่ ง กำรย้ำยถิ่น คาช้ีแจง : ให้นกั เรียนศกึ ษาความรู้เรื่อง การยา้ ยถ่นิ แลว้ ตอบคาถามตามประเด็นตอ่ ไปนี้ การย้ายถน่ิ ปจั จยั ท่ีส่งผลต่อการย้ายถน่ิ ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………..… … สถานการณก์ ารย้ายถ่นิ ของโลก ของไทย ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… …………………………………………...…… …………………………………………...…… สาเหตุ สาเหตุ ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… …………………………………………...…… …………………………………………...……

ใบงำนที่ 3.5 เร่ือง กำรเปลยี่ นแปลงประชำกรสงู อำยุ คาช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนศึกษาความรเู้ ร่ือง การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ แล้วตอบคาถามตามประเด็น ตอ่ ไปน้ี การเปลยี่ นแปลงประชากรสูงอายุ ปัจจยั ท่ีทาให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงประชากรสงู อายุ ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………..… … สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ ของโลก ของไทย ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… …………………………………………...…… …………………………………………...…… สาเหตุ สาเหตุ ………………………………………………… ………………………………………………… เฉล………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… …………………………………………...…… ย………………………………………………… ………………………………………………… …………………………………………...……

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 10 เร่ือง กำรต้งั ถนิ่ ฐำนและควำมเปน็ เมือง รายวชิ า สงั คมศึกษา รหัสวิชา ส 31101 กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง ส่งิ แวดลอ้ มทางกายภาพกับประชากรและการตง้ั ถิน่ ฐาน เวลา 2 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับส่ิงแวดล้อมทางกายภาพท่ีก่อให้เกิดการสร้างสรรค์วิถีการ ดาเนินชวี ติ มีจิตสานกึ และมสี ่วนร่วมในการจัดการทรพั ยากรและสิ่งแวดล้อมเพือ่ การพัฒนาที่ย่งั ยืน ตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ ม.4-6/1 วิเคราะห์ปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับกจิ กรรมของมนุษย์ในการสร้างสรรค์ วถิ กี ารดาเนินชวี ิตของท้องถนิ่ ทัง้ ในประเทศไทยและภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก และเหน็ ความสาคัญของ สงิ่ แวดล้อมทีม่ ผี ลต่อการดารงชวี ติ ของมนุษย์ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้สู ู่ตวั ช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ 1. วิเคราะหล์ ักษณะการต้ังถิ่นฐานและความเป็นเมืองภายใตอ้ ทิ ธิพลของโลกาภิวัตน์ได้ (K) 2. วเิ คราะห์ปฏสิ มั พันธ์ระหว่างส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพกบั การตง้ั ถ่ินฐานและความเปน็ เมืองภายใต้ อทิ ธิพลของโลกาภิวตั น์ได้ (K) 3. เลือกใชเ้ ครื่องมือทางภูมิศาสตรใ์ นการศกึ ษาการตั้งถิ่นฐานและความเป็นเมืองภายใตอ้ ทิ ธิพลของ โลกาภวิ ัตน์ได้ (P) 4. สนใจศกึ ษาปฏสิ มั พันธ์ระหว่างมนษุ ย์กับสิง่ แวดลอ้ มทางกายภาพเพิ่มมากขนึ้ (A) 3. สาระสาคญั (เนือ้ หา) ปฏิสมั พันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับวถิ ีการดาเนนิ ชีวิต ภายใตก้ ระแสโลกาภิวัตน์ ได้แก่ ประชากรและการตง้ั ถนิ่ ฐาน (การกระจายและการเปลี่ยนแปลงประชากร ชุมชนเมอื งและชนบท และ การกลายเป็นเมือง) 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) วถิ กี ารดาเนินชีวติ ของท้องถิน่ ทั้งในประเทศไทยและภมู ิภาคต่าง ๆ ของโลก เกิดจากปฏสิ ัมพันธ์ระหวา่ ง สิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับกิจกรรมของมนุษย์ นอกจากนี้ กระแสโลกาภิวัตน์ทาให้เกดิ การเปลี่ยนแปลง สิ่งแวดลอ้ มทางกายภาพและวิถกี ารดาเนนิ ชีวิต

4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ(P) (วิธีการและข้นั ตอนทีใ่ ช้ดาเนนิ การคน้ ควา้ หาความร)ู้ ใช้ทกั ษะทางภมู ิศาสตร์ ได้แก่ 1. การสังเกต 2. การแปลความข้อมูลทางภูมศิ าสตร์ 3. การใชเ้ ทคนิค และเครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ 4. การคดิ เชิงพน้ื ท่ี 5. การใชเ้ ทคโนโลยี 6. การใช้สถติ ิพืน้ ฐาน 4.3 คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)  รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์  ซอ่ื สัตย์ สุจรติ  มีวนิ ัย  ใฝ่เรยี นรู้  อยอู่ ย่างพอเพยี ง  มุ่งมนั่ ในการทางาน  รักความเปน็ ไทย  มีจิตสาธารณะ 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน  ความสามารถในการสอื่ สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 6.1 ทักษะด้านการเรยี นรู้และนวตั กรรม  คดิ สรา้ งสรรค์  ใสใ่ จนวัตกรรม  มีวจิ ารณญาณ  แก้ปญั หาเป็น  สอ่ื สารดี  เตม็ ใจร่วมมือ 6.2 ทกั ษะด้านสารสนเทศ สอ่ื เทคโนโลยี  อัพเดตทุกข้อมลู ขา่ วสาร  รเู้ ทา่ ทนั สื่อ  รอบรเู้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ  ฉลาดสอื่ สาร 6.3 ทกั ษะชีวิตและอาชีพ  มีความยดื หยนุ่  รู้จกั ปรับตวั  รเิ ริ่มสง่ิ ใหม่  ใส่ใจดูแลตนเอง  รจู้ ักเขา้ สงั คม  เรยี นรู้วฒั นธรรม  มีความเป็นผนู้ า  รับผิดชอบหนา้ ท่ี  พฒั นาอาชีพ  หมั่นหาความรู้รอบดา้ น 7. แนวทางการบูรณาการ การจัดการเรยี นรู้  หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง  โรงเรยี นส่งิ แวดลอ้ ม  โรงเรียนคุณธรรม  โรงเรียนสจุ ริต/ต้านทุจริต  บรู ณาการกล่มุ สาระการเรยี นรู้  สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น  บริหารจดั การชนั้ เรียนเชิงบวก 8. การจัดกิจกรรม /กลยุทธ์/วิธกี าร/รูปแบบการจัดการเรยี นรู้ ชวั่ โมงที่ 1 ข้นั นา

1. ครูให้นักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอเก่ียวกับการต้ังถ่ินฐานของประชากรในพ้ืนท่ีตามภูมิภาคต่าง ๆ ของ โลก เชน่ 1) นครเซี่ยงไฮ้ 2) นครลอนดอน 3) จังหวดั เชยี งใหม่ 4) เขตบรหิ ารพิเศษฮ่องกง 2. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ จากภาพ หรือคลปิ วดิ โี อเก่ยี วกับการตงั้ ถนิ่ ฐานของประชากรใน พน้ื ที่ตามภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก 3. ครูให้นักเรียนใช้สมาร์ตโฟนส่องดู QR Code เรื่อง เมืองใต้เหมืองโอปอล (Coober Pedy) จากหนังสือ เรียนภมู ิศาสตร์ ม.4-6 4. ครสู ุ่มนักเรียนเพือ่ แสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกับความแตกต่างระหวา่ งความเปน็ เมืองและชนบทในความคดิ ของนักเรยี น ประกอบการใช้คาถามเพ่ิมเติม เชน่ ปจั จัยใดบา้ งท่กี อ่ ให้เกิดความแตกตา่ งระหวา่ งเมืองและชนบท (แนวตอบ เช่น อุตสาหกรรม เทคโนโลยี การเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกจิ การศกึ ษา การสาธารณสุข การคมนาคมขนสง่ การติดต่อสื่อสาร ตลอดจนความตอ้ งการของประชากรทไ่ี มส่ ิน้ สดุ ในพืน้ ทตี่ า่ ง ๆ) ขน้ั สอน ขั้นที่ 1 การตั้งคาถามเชิงภูมิศาสตร์ 1. ครูใหน้ กั เรียนดแู ผนที่แสดงอัตราการเกดิ ของโลก ในปี พ.ศ. 2550-2560 จากหนงั สอื เรยี น ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 แล้วรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั อัตราเกิดและจานวนประชากรในแตล่ ะทวีปท่วั โลก 2. ครูถามคาถามใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั ตอบ เช่น - จากอัตราการเกดิ ของโลก นักเรยี นคดิ วา่ ในอนาคตแนวโน้มประชากรโลกอาจมีโครงสร้างใน รปู แบบใด และมสี าเหตจุ ากส่ิงใด (แนวตอบ ในอนาคต ประชากรโลกมีแนวโนม้ ว่าจะมโี ครงสร้างเป็นสังคมผู้สูงอายุ อนั มีสาเหตุ เน่ืองมาจากการมีประชากรในวัยเด็กท่ีลดน้อยลง เพราะประชากรส่วนใหญ่ให้ความสาคัญกับการศึกษา การคุมกาเนิด มีการแต่งงานและมีบุตรท่ีลดน้อยลง ดังนั้น จึงมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตประชากรโลกจะ กลายเป็นสังคมผู้สูงอายเุ พมิ่ มากขน้ึ ) 3. ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษาเช่อื มโยงถงึ แผนทแ่ี สดงจานวนประชากรและอัตราเกดิ ของประชากรโลกและ ประชากรไทย ในปี พ.ศ. 2550-2560 จากหนงั สือเรยี นภูมิศาสตร์ ม.4-6 แลว้ ร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งจานวนประชากรในแต่ละทวปี ทั่วโลกและจานวนประชากรในประเทศไทย 4. ครูให้นกั เรียนใชส้ มาร์ตโฟนสบื คน้ จานวนประชากรและอัตราเกดิ ของประชากรโลกในบริเวณพ้นื ท่ี ทนี่ ักเรียนสนใจเพิม่ เตมิ ขนั้ ท่ี 1 การตัง้ คาถามเชงิ ภมู ศิ าสตร์ 1. ครูให้นักเรียนดูภาพต่อไปนี้ จากนั้นให้นักเรียนลองบอกสิ่งท่ีเห็นจากสายตาว่า มีความเก่ียวข้อง กับการตัง้ ถิ่นฐานและความเปน็ เมอื ง ภายใตอ้ ทิ ธพิ ลของโลกาภิวัตนห์ รือไม่ อยา่ งไร

2. ครูกระตุ้นใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันต้งั ประเดน็ คาถามเชงิ ภมู ิศาสตร์ เช่น 1) ปจั จยั ใดบ้างท่มี ีผลต่อการตงั้ ถิน่ ฐานของประชากรในภมู ภิ าคต่าง ๆ ของโลก 2) ลักษณะชมุ ชนเมอื งและชนบทในภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลกมีลกั ษณะอย่างไร 3) ลักษณะการกลายเปน็ เมอื งในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกมผี ลกระทบตอ่ วถิ กี ารดาเนนิ ชวี ิตอย่างไร 4) อทิ ธิพลของโลกาภวิ ตั นส์ ่งผลต่อประชากรและการตงั้ ถ่ินฐานอย่างไร 3. ครแู นะนาแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศท่ีนา่ เชือ่ ถือให้กบั นักเรยี นเพิ่มเติม ข้นั ท่ี 2 การรวบรวมข้อมลู 1. นักเรียนทาการแบ่งกลุ่ม จานวน 7 กลุ่ม จับสลากเลือกพื้นที่เพ่ือทาการสืบค้นข้อมลู เก่ียวกับการ ตั้งถิ่นฐานของประชากรจากหนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ม.4-6 หรือจากแหล่งการเรียนรู้อ่ืน ๆ เช่น หนังสือใน หอ้ งสมุด เว็บไซตใ์ นอนิ เทอรเ์ นต็ ประกอบการใช้เครอ่ื งมือทางภมู ิศาสตร์ โดยมีหัวข้อในการจบั สลาก ดังนี้ 1) ทวปี เอเชีย 2) ทวีปยุโรป 3) ทวีปอเมริกาเหนือ 4) ทวปี อเมรกิ าใต้ 5) ทวีปแอฟริกา 6) ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนยี 7) ประเทศไทย 2. ครูอธิบายให้นักเรียนทาการรวบรวมข้อมูล โดยบันทึกข้อมูลลงในใบงานที่ 3.6 เรื่อง การต้ัง ถ่นิ ฐานและความเป็นเมอื ง ภายใตอ้ ทิ ธิพลของโลกาภวิ ตั น์ ตามประเดน็ ต่อไปนี้ 1) ขนาดการตัง้ ถิ่นฐาน 2) การต้งั ถ่ินฐานเมือง 3) การต้ังถิน่ ฐานชนบท 4) ความเป็นเมอื ง 5) การใชท้ ด่ี นิ ภายในเมือง 6) ปญั หาเมอื ง 3. ครูแนะนาแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศทีน่ ่าเชือ่ ถอื ใหก้ บั นกั เรยี นเพิม่ เตมิ ชวั่ โมงที่ 2 ข้นั ท่ี 3 การจัดการขอ้ มลู 1. สมาชกิ แต่ละคนในกลมุ่ นาข้อมลู ทีต่ นไดจ้ ากการรวบรวมมาอธบิ ายแลกเปลยี่ นความรรู้ ะหวา่ งกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลมุ่ ช่วยกันคัดเลือกข้อมูลทน่ี าเสนอเพ่อื ให้ได้ข้อมูลทถ่ี ูกตอ้ ง และร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็นเพิม่ เตมิ

ขน้ั ที่ 4 การวเิ คราะหแ์ ละแปลผลข้อมูล 1. ครูสุ่มนักเรียนเพื่อสอบถามถึงความเป็นเมือง ในความคิดของนักเรียน จากนั้นอภิปรายความ คดิ เห็นร่วมกัน 2. ครูถามคาถามเพ่อื ให้นกั เรียนรว่ มกนั วเิ คราะห์และเชอ่ื มโยงความรู้เพิ่มเติม เช่น 1) ปัจจัยสาคญั ท่ีก่อให้เกดิ ความเปน็ เมอื งในภูมภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก ไดแ้ กส่ งิ่ ใด (แนวตอบ เช่น เทคโนโลยี การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การศึกษา การสาธารณสุข การ คมนาคมขนสง่ การตดิ ตอ่ ส่อื สาร การรกั ษาสภาพแวดล้อม) 2) ปัจจบุ ันประเทศไทยถอื ไดว้ า่ มคี วามเป็นเมืองเพมิ่ มากขึน้ อนั มสี าเหตุสาคญั มาจากส่ิงใด (แนวตอบ สาเหตุสาคัญของการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองของประเทศไทยในปัจจุบัน คือ ลักษณะ ทางเศรษฐกิจ กล่าวคือ ลักษณะทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันก่อให้เกิดการพัฒนาบนพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ นามาซ่ึงการพัฒนาความสาคัญในด้านต่าง ๆ ซึ่งทาให้ประชากรเกิดการอพยพย้ายถิ่นฐาน เพื่อการทางาน การศึกษา รวมถึงปัจจัยทางสังคมอ่ืน ๆ จึงเป็นสาเหตุสาคัญของการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองของประเทศไทยใน ปจั จุบนั ) 3. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ศึกษาแผนท่แี สดงความเป็นเมือง พ.ศ. 2533 จากหนังสือเรียนภมู ิศาสตร์ ม.4- 6 เพ่ือวิเคราะห์เพ่ิมเติมเชื่อมโยงกับลักษณะการตั้งถิ่นฐานของพื้นที่ของกลุ่มท่ีนักเรียนรับผิดชอบ ประกอบการ ใชค้ าถาม ในประเดน็ เช่น 1) ความแตกตา่ งของลกั ษณะพ้ืนที่ 2) จานวนประชากรในเมือง 3) ปรมิ าณความเป็นเมือง 4. จากน้ันให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาข้อมูลมาวิเคราะห์เช่ือมโยงกับแผนท่ีแสดงความเป็นเมือง พ.ศ. 2560 จากหนงั สือเรียนภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 เพอ่ื วิเคราะห์เพิม่ เติมเชอื่ มโยงกับลกั ษณะการตง้ั ถน่ิ ฐานของแตล่ ะทวีป ตลอดจนผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองทน่ี ักเรยี นได้ทาการสืบคน้ ขอ้ มลู มา จากน้ันร่วมกันตรวจสอบความ ถกู ตอ้ งของข้อมลู 5. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาขอ้ มูลของตนเองมาเชื่อมโยงกับอิทธพิ ลของโลกาภวิ ัตน์ เพอื่ วเิ คราะห์ เพ่มิ เติมเก่ยี วกับอิทธพิ ลของโลกาภิวัตนท์ สี่ ่งผลตอ่ ประชากรและการตงั้ ถิ่นฐานของแต่ละทวปี ในโลก ข้ันท่ี 5 การสรปุ เพ่อื ตอบคาถาม 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอข้อมูลจากการศึกษา พร้อมท้ังอภิปรายแสดงความคิดเห็น ร่วมกัน 2. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้ ประกอบการใช้คาถาม เช่น 1) เขตศูนยก์ ลางธุรกิจการคา้ ของเมืองในประเทศไทย ได้แกพ่ ้นื ทีใ่ นบรเิ วณใด (แนวตอบ เช่น พ้ืนทีใ่ จกลางเมอื งบรเิ วณสีลม สาธร ลาดพรา้ ว สขุ มุ วิท ฯลฯ) 2) ผู้ท่ีมีเขตที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณเขตศูนย์กลางธุรกิจการค้าของเมืองจะมีข้อดี และข้อจากัด อย่างไร (แนวตอบ ข้อดี คือ มีความสะดวกสบายในการดารงชีวิตด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นท่ีอยู่อาศัย อาหาร เคร่อื งแต่งกาย การคมนาคม การส่ือสาร การศึกษา การรักษาพยาบาล แต่มีข้อจากัด คอื จะตอ้ งประสบ กับปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหามลพิษ ปัญหาค่าครองชีพ ตลอดจนปัญหาอื่น ๆ ท่ีเกิดจากความวุ่นวายจาก การแขง่ ขันกนั ในสังคม)

3) เขตอุตสาหกรรมสาคัญในประเทศไทย ไดแ้ ก่ที่ใด (แนวตอบ เช่น นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพดุ จงั หวัดระยอง นิคมอตุ สาหกรรมอมตะนคร จังหวัด ชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นิคม อุตสาหกรรมบางปู จังหวดั สมุทรปราการ ฯลฯ) 4) หากในเมือง ๆ หน่ึงมีการใช้ทีด่ ินภายในเมอื งอยา่ งเหมาะสม จะสง่ ผลดตี อ่ สิ่งใดบา้ ง (แนวตอบ เมืองท่มี ีการใช้ท่ดี ินอย่างเหมาะสมจะทาให้ประชากรมีคุณภาพชวี ิตและคณุ ภาพจติ ใจ ที่ดีส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการขับเคลื่อนทางอาชีพและเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน นอกจากน้ี ยังทาให้ประเทศชาติมี ความเจริญกา้ วหน้าตามไปดว้ ย) 3. ครใู ห้สมาชกิ ในแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั สรุปสาระสาคัญเพ่อื ตอบคาถามเชิงภูมศิ าสตร์ 4. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบฝกึ สมรรถนะฯ ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 เรือ่ ง การตัง้ ถนิ่ ฐานและความเป็นเมอื ง โดยครแู นะนาเพม่ิ เตมิ 5. ใหน้ กั เรียนทาแบบวัดฯ ภมู ิศาสตร์ ม.4-6 เรอื่ ง สิ่งแวดลอ้ มทางกายภาพกับประชากรและการ ตงั้ ถ่นิ ฐาน เพื่อทดสอบความรทู้ ่ีไดศ้ กึ ษามา ข้นั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงประชากรโลกและประชากรไทย ตลอดจน ความสาคัญที่มีอทิ ธิพลตอ่ การดาเนินชีวติ ของประชากร และใช้ PPT สรปุ สาระสาคญั ของเนอ้ื หา ข้ันประเมนิ 1. ครปู ระเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคาถาม การรว่ มกันทางาน และการนาเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาใบงาน แบบวัดฯ และแบบฝกึ สมรรถนะฯ ภูมศิ าสตร์ ม.4-6 3. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรื่อง สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพกบั ประชากร และการตั้งถ่ินฐาน 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบงานท่ี 3.6 เร่ือง การตั้งถ่นิ ฐานและความเป็นเมือง ภายใตอ้ ิทธิพลของโลกาภิวตั น์ 2. เอกสารประกอบการเรียนการเรยี นรู้ ภมู ิศาสตร์ ม.4 – 6 3. เคร่ืองมือทางภมู ิศาสตร์ ไดแ้ ก่ แผนท่ี ลกู โลกจาลอง รปู ถา่ ยทางอากาศ และภาพจากดาวเทยี ม 10. การวัดและประเมินผล ประเดน็ การประเมิน เครื่องมอื /วิธกี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ พฤติกรรมการเรียน สงั เกตพฤติกรรม ระดับดขี นึ้ ไป ประเมนิ ผลงานกลุ่ม ทดสอบหลงั เรยี น แบบประเมินผลงานกลุม่ 10 คะแนนขึ้นไป แบบทดสอบหลังเรยี น รอ้ ยละ 70 ข้นึ ไป

11. บันทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 11.1 สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.2 ปัญหา/อุปสรรค ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.3 แนวทางแก้ไข /แนวทางการพฒั นา ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................. ครผู ู้สอน (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชานาญการพิเศษ

ใบงานที่ 3.6 เร่อื ง การตงั้ ถ่นิ ฐานและความเปน็ เมือง ภายใตอ้ ิทธิพลของโลกาภวิ ัตน์ คาช้แี จง : ใหน้ ักเรียนแต่ละกล่มุ สืบค้นและวิเคราะห์ พร้อมทง้ั บันทึกขอ้ มูลเกี่ยวกับการตง้ั ถิน่ ฐานและ ความเป็นเมือง ภายใตอ้ ทิ ธพิ ลของโลกาภวิ ัตน์ในภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก 1. กลุ่มท่ี ………….… ชอ่ื พื้นท่ีทีศ่ กึ ษา.................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………… 2. ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการสืบคน้ และรวบรวม ขนาด การตง้ั ถิ่นฐาน การต้งั ถิ่นฐาน ความเปน็ เมือง การใช้ท่ีดิน ปัญหาเมือง การตัง้ ถ่นิ ฐาน เมือง ชนบท ภายในเมือง 3. ความแตกต่างระหวา่ งเมืองกบั ชนบท ชนบท เมือง 4. พื้นที่ทศ่ี ึกษามคี วามเปน็ เมือง หรือชนบทมากกว่ากนั อธิบายพรอ้ มเหตุผลทเี่ ชอื่ มโยงกับอทิ ธิพลของ โลกาภวิ ัตน์ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 11 เรือ่ ง กำรตั้งถิ่นฐำนและควำมเป็นเมอื ง รายวิชา สงั คมศกึ ษา รหสั วิชา ส 31101 กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เร่อื ง สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพกบั กจิ กรรรมทางเศรษฐกิจ เวลา 2 ชัว่ โมง 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์วิถีการ ดาเนนิ ชวี ติ มีจิตสานกึ และมสี ่วนร่วมในการจดั การทรัพยากรและสง่ิ แวดลอ้ มเพ่อื การพฒั นาท่ียั่งยนื ตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ ม.4-6/1 วิเคราะหป์ ฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกบั กิจกรรมของมนษุ ย์ในการสรา้ งสรรค์ วิถกี ารดาเนนิ ชวี ิตของท้องถ่นิ ทง้ั ในประเทศไทยและภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก และเห็นความสาคัญของ สง่ิ แวดล้อมท่ีมผี ลต่อการดารงชีวติ ของมนษุ ย์ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรูส้ ูต่ ัวชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ 1. วิเคราะหป์ ฏสิ ัมพันธ์ระหวา่ งสง่ิ แวดล้อมทางกายภาพทก่ี อ่ ใหเ้ กิดกิจกรรมทางเศรษฐกจิ ประเภท เกษตรกรรมและการเปล่ียนแปลงในด้านต่าง ๆ ได้ (K) 2. เลือกใช้เคร่ืองมือทางภูมิศาสตรใ์ นการศึกษาปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งสิง่ แวดลอ้ มทางกายภาพท่ีกอ่ ให้เกิด กจิ กรรมทางเศรษฐกิจประเภทเกษตรกรรมและการเปลีย่ นแปลงในด้านตา่ ง ๆ ได้ (P) 3. สนใจศกึ ษากจิ กรรมทางเศรษฐกิจประเภทเกษตรกรรมและการเปลีย่ นแปลงในด้านต่าง ๆ เพ่ิมมากขึน้ (A) 3. สาระสาคญั (เนอื้ หา) ปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพกบั กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของมนุษย์ กระแสโลกาภิวตั น์ ทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงของส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพและวถิ ีการดาเนินชีวิต 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับวถิ ีการดาเนินชีวิต ภายใต้กระแสโลกาภวิ ัตน์ ไดแ้ ก่ การกระจายของกจิ กรรมทางเศรษฐกิจ (เกษตรกรรม อตุ สาหกรรมการผลติ การบริการและการท่องเทีย่ ว) 4.2 ทักษะ/กระบวนการ(P) (วิธกี ารและข้นั ตอนทีใ่ ชด้ าเนินการคน้ คว้าหาความรู)้ ใช้ทกั ษะทางภมู ิศาสตร์ ไดแ้ ก่ 1. การสงั เกต 2. การแปลความขอ้ มลู ทางภมู ิศาสตร์ 3. การใช้ เทคนิคและเครื่องมือทางภมู ศิ าสตร์ 4. การคดิ เชงิ พน้ื ที่ 5. การใช้เทคโนโลยี 4.3 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต

 มีวินยั  ใฝเ่ รียนรู้  ม่งุ มน่ั ในการทางาน  อยอู่ ย่างพอเพียง  มจี ติ สาธารณะ  รักความเปน็ ไทย  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น  ใส่ใจนวตั กรรม  ความสามารถในการสื่อสาร  แกป้ ญั หาเป็น  เตม็ ใจร่วมมอื  ความสามารถในการแก้ปัญหา  รู้เทา่ ทนั สอื่  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี  ฉลาดสอ่ื สาร 6. ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21  รจู้ กั ปรบั ตัว  ใส่ใจดูแลตนเอง 6.1 ทกั ษะด้านการเรยี นรู้และนวตั กรรม  เรยี นรู้วฒั นธรรม  รบั ผิดชอบหนา้ ท่ี  คดิ สรา้ งสรรค์  หมน่ั หาความรู้รอบด้าน  มวี ิจารณญาณ  ส่อื สารดี 6.2 ทกั ษะด้านสารสนเทศ สือ่ เทคโนโลยี  อัพเดตทุกข้อมูลข่าวสาร  รอบรเู้ ทคโนโลยีสารสนเทศ 6.3 ทักษะชีวติ และอาชีพ  มคี วามยดื หยุ่น  ริเริ่มสง่ิ ใหม่  รู้จกั เข้าสังคม  มคี วามเปน็ ผูน้ า  พัฒนาอาชพี 7. แนวทางการบรู ณาการ การจัดการเรยี นรู้  หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง  โรงเรยี นสง่ิ แวดลอ้ ม  โรงเรียนคณุ ธรรม  โรงเรียนสุจริต/ต้านทจุ รติ  บรู ณาการกลมุ่ สาระการเรยี นรู้  สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน  บรหิ ารจดั การช้นั เรียนเชิงบวก 8. การจัดกิจกรรม /กลยทุ ธ์/วิธีการ/รปู แบบการจัดการเรยี นรู้ ชัว่ โมงท่ี 1 ขั้นนา 1. ครแู จง้ ใหน้ ักเรียนทราบถึงชอ่ื เรอ่ื งทจี่ ะเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ และผลการเรยี นรู้ 2. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เร่อื ง สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพกับกิจกรรม ทางเศรษฐกิจ 3. ครถู ามคาถามกระต้นุ ความคิดโดยให้นักเรยี นร่วมกันตอบคาถาม เชน่ 1) พืชชนิดใดเป็นพืชเศรษฐกจิ ในบริเวณเขตศนู ยส์ ูตร

(แนวตอบ ยางพารา ชา กาแฟ) 2) พชื ชนิดใดสามารถปลกู ได้ทกุ ภูมิภาค (แนวตอบ ขา้ วโพด) 3) พชื ชนดิ ใดมีมากในเขตเมดเิ ตอร์เรเนียน (แนวตอบ ส้ม องุ่น มะกอก) 4) สัตว์ชนดิ ใดที่สามารถเล้ยี งไดใ้ นเขตทีม่ ีท่งุ หญา้ บาง น้าน้อย (แนวตอบ แพะ แกะ) 5) การประมงและการเล้ยี งปลานา้ จืดพบได้มากในทวีปใด (แนวตอบ ทวปี เอเชีย) ขน้ั สอน ขนั้ ท่ี 1 การตงั้ คาถามเชิงภูมิศาสตร์ 1. ครูให้นักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอท่ีเกี่ยวข้องกับการเกษตรกรรมทั้งการเพาะปลูก การเล้ียงสัตว์ และการประมง แลว้ รว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั ภาพหรอื คลิปวดิ ีโอดังกลา่ ว 2. ครูสอบถามนักเรียนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ หรือลักษณะทางกายภาพ สภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากาศของแต่ละพ้นื ที่บนโลก ว่ามีความเหมอื นหรือแตกตา่ งในการเพาะปลกู หรือไม่ อยา่ งไร 3. ครูให้นักเรยี นดภู าพพืชชนดิ ต่าง ๆ แล้วสุ่มถามถงึ แหล่งเพาะปลกู ทีเ่ หมาะสม จากน้ันร่วมกนั แสดง ความคดิ เห็นเพิ่มเตมิ เช่น (แนวตอบ 1. ยางพารา ปลกู ได้ดบี รเิ วณเนินเขา หรอื บรเิ วณดนิ ร่วนที่สามารถระบายนา้ ไดด้ ี พน้ื ที่ปลูก ยางพาราส่วนใหญ่อยใู่ นภมู ิภาคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ จีน อนิ เดีย และศรีลังกา 2. กาแฟ ปลูกได้ดีในดนิ ท่ีเกิดจากหินภเู ขาไฟที่มรี ูพรุนและมีแรธ่ าตุอุดมสมบรู ณ์ พ้นื ทป่ี ลกู กาแฟสว่ นใหญ่ เช่น ประเทศบราซลิ เกาะชวา เกาะสุมาตรา ประเทศจาเมกา ดนิ แดนเปอร์โตริโก 3. ชา ปลูกได้ดใี นพ้นื ทที่ ่มี ีความสูงกว่าระดับน้าทะเล 1,000-2,000 เมตร หรอื บริเวณ เทอื กเขา พ้นื ท่ีปลูกชาส่วนใหญ่ เชน่ ประเทศอนิ เดีย ประเทศจีน ประเทศญี่ปนุ่ 4. ข้าวโพด สามารถปลูกไดท้ ว่ั ไป พน้ื ทปี่ ลกู ข้าวโพดสว่ นใหญ่ เชน่ สหรฐั อเมรกิ า จีน

เม็กซิโก บราซลิ อาร์เจนตนิ า สหภาพยุโรป อินเดยี แอฟรกิ าใต้ แคนาดา 5. ฝา้ ย ปลกู ได้ดีในเขตร้อนและเขตอบอุ่น พน้ื ที่ปลกู ฝ้ายสว่ นใหญ่ เชน่ สหรฐั อเมรกิ า ทวปี เอเชียทางตะวันตกเฉียงเหนือ แถบที่ราบสูงเดกกัน ในประเทศอินเดีย แถบลุ่มแม่น้าฉางเจียงและหวางเหอใน ท่รี าบภาคเหนอื ของประเทศจนี ) 4. ครใู หน้ กั เรยี นจับกลมุ่ ทากจิ กรรมตาม Geo Activity เกย่ี วกบั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งลกั ษณะ ภูมิประเทศและลักษณะภมู อิ ากาศ จากหนงั สือเรยี นภมู ิศาสตร์ ม.4-6 5. ครูสุ่มนักเรียนนาเสนอผลการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะภูมิประเทศและลักษณะ ภูมิอากาศ จากนั้นรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ เพ่มิ เติม 6. ครใู ห้นกั เรยี นใชส้ มารต์ โฟนสืบคน้ ภาพ หรอื คลิปวดิ ีโอตวั อย่างทีเ่ กยี่ วข้องกับการเพาะปลูกใน รูปแบบต่าง ๆ เช่น การเพาะปลูกแบบยังชีพ การเพาะปลูกบบเพ่ิมผลผลิต การเพาะปลูกในพ้ืนที่กว้างขวาง การเพาะปลูกแบบผสม การเพาะปลูกแบบไร่ขนาดใหญ่ 7. ครสู มุ่ นกั เรยี นนาเสนอผลการสืบค้น จานวน 4-5 คน อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเตมิ รว่ มกนั 8. ครูกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนช่วยกันตัง้ ประเด็นคาถามเชงิ ภูมศิ าสตร์ เช่น 1) กิจกรรมทางเศรษฐกิจในด้านการเพาะปลูก เล้ียงสัตว์ ประมง ในประเทศไทยและภูมิภาค ต่าง ๆ ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงจากในอดีตอย่างไรบ้าง และปัจจัยใดเป็นสาเหตุท่ีก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลง ดังกล่าว 2) สิ่งแวดล้อมทางกายภาพส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในด้านการเพาะปลูก เล้ียงสัตว์ ประมง ในประเทศไทยและภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลกอย่างไร 9. ครูให้นกั เรยี นศึกษา Geo Knowledge เกยี่ วกบั การใชเ้ ทคโนโลยีในการทาเกษตรกรรม จาก หนังสอื เรียนภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ประกอบการตงั้ คาถามทางภูมศิ าสตรเ์ พิ่มเตมิ ข้ันท่ี 2 การรวบรวมขอ้ มลู 1. ครูให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม จานวน 3 กลุ่ม สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกจิ จากหนังสือ เรียนภูมิศาสตร์ ม.4-6 หรือจากแหล่งการเรียนรู้อ่ืน ๆ เช่น หนังสือในห้องสมุด เว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต ใน ประเด็นต่อไปนี้ 1) ประเภทของเกษตรกรรม 2) กจิ กรรมทางการเกษตรท่สี าคัญของโลก 3) เกษตรกรรมในประเทศไทย 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาข้อมูลในหัวข้อท่ีรับผิดชอบ โดยนาความรู้เกี่ยวกับเคร่ืองมือทาง ภูมศิ าสตร์มาใชป้ ระกอบในการศึกษาดว้ ย 3. ครแู นะนาแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศทน่ี ่าเชอ่ื ถอื ให้กบั นักเรียนเพมิ่ เติม ช่วั โมงท่ี 2 ขนั้ ท่ี 3 การจัดการข้อมูล 1. สมาชิกแต่ละคนในกลมุ่ นาข้อมูลท่ตี นไดจ้ ากการรวบรวม มาอธิบายแลกเปลยี่ นความรรู้ ะหว่างกัน 2. จากนัน้ สมาชิกในกลมุ่ ช่วยกันคัดเลือกข้อมลู ทน่ี าเสนอเพ่ือให้ได้ข้อมลู ท่ีถูกต้อง และรว่ มอภิปราย แสดงความคดิ เหน็ เพิ่มเตมิ

ข้นั ท่ี 4 การวิเคราะหแ์ ละแปลผลขอ้ มลู 1. ครูให้นักเรียนดูภาพ หรอื คลปิ วิดโี อทเี่ ก่ียวขอ้ งกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภทการเลีย้ งสตั วแ์ ละ การประมงประกอบการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเตมิ 2. ครถู ามคาถามเพือ่ ใหน้ กั เรยี นไดว้ เิ คราะห์ความรู้ เช่น 1) การเล้ียงสัตวใ์ นไรน่ าแบบผสมคืออะไร พบได้มากในบรเิ วณใด และมสี าเหตุจากสิ่งใด (แนวตอบ การเลี้ยงสัตว์ในไร่นาแบบผสม คือ การเลี้ยงสัตว์ร่วมกับการปลูกพืชรวมถึงพืชท่ีเป็น อาหารของสัตว์ โดยมีสัตว์ที่นิยมเลี้ยงในไร่นาแบบผสม เช่น โคนม โคเน้ือ สุกร สัตว์ปีก พบได้มากในบริเวณ ตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาและตะวันออกเฉียงใต้ของแคนาดา เนอื่ งจากมคี วามอดุ มสมบูรณ์ท้ังด้าน ทรัพยากรธรรมชาติและเทคโนโลยี รวมถงึ มคี วามชื้นที่เพยี งพอ) 2) บรเิ วณจังหวัดสมุทรสงครามและสมุทรสาครของประเทศไทยถือไดว้ ่าเป็นแหล่งการประมง ขนาดใหญข่ องประเทศ อันเนือ่ งมาจากสาเหตุใด (แนวตอบ บรเิ วณจงั หวดั สมุทรสงครามและสมทุ รสาครของประเทศไทยเปน็ พืน้ ที่ท่ีมลี กั ษณะทาง กายภาพเป็นการผสมกันระหว่างน้าจืดที่ไหลลงทะเล ทาให้น้าทะเลได้รับอินทรียวัตถุซึ่งเป็นอาหารของสัตว์น้า มีลักษณะชายฝ่ังที่เว้าแหว่ง ระดับน้าไม่ลึกจนเกินไป เหมาะแก่การอาศัยและขยายพันธ์ุของสัตว์น้า รวมไปถึง การมีแรงงานและมีประชากรที่หนาแน่น ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทาให้บริเวณจังหวัดสมุทรสงครามและ สมุทรสาครของประเทศไทยเป็นแหลง่ การประมงขนาดใหญแ่ หล่งหน่ึงของประเทศน่นั เอง) 3. ครูให้นักเรยี นดูแผนทแี่ สดงการกระจายเกษตรกรรมสาคัญ จากหนังสอื เรียนภูมศิ าสตร์ ม.4-6 แล้วรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น 4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาข้อมูลจากการสืบค้นในหัวข้อท่ีรับผิดชอบ มาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ ระหวา่ งกจิ กรรมของมนษุ ย์กบั ลักษณะทางกายภาพ จดั ทาเปน็ แผนผังประกอบการวาดภาพประกอบ 5. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงาน แล้วแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกัน เพ่ือวิเคราะห์ และแปลผลขอ้ มลู ร่วมกนั 6. ครูใหน้ ักเรยี นดแู ผนที่แสดงปริมาณผลผลิตขา้ วสาลีในฤดูหนาวของสหรัฐอเมริกา และแผนทีแ่ สดง พื้นท่ีที่เหมาะสมในการทาสวนผลไม้รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากหนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ม.4-6 แล้วร่วมกัน อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เพ่ิมเตมิ เชือ่ มโยงกบั ลกั ษณะทางกายภาพตามแผนท่ีท่กี าหนด 7. ให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เช่ือมโยงความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางกายภาพกับกิจกรรม ทางการเกษตรท่สี าคัญของโลก พรอ้ มทงั้ ยกตัวอย่าง หรืออภิปรายโดยใช้คาถาม เช่น 1) เพราะเหตุใดประเทศไทยจงึ พบการปลูกขา้ วสาลนี ้อยกวา่ การปลกู ขา้ วเจา้ (แนวตอบ เนื่องจากอทิ ธพิ ลของสภาพภมู อิ ากาศ เพราะขา้ วสาลีมกั เจริญเตบิ โตไดด้ ีในฤดูใบไม้ผลิ และฤดูหนาว โดยจะต้องมีสภาพแวดล้อมและอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งแตกต่างกับสภาพภูมิอากาศของประเทศ ไทย ในขณะที่ข้าวเจ้ามีความเหมาะสมกับสภาพแวดลอ้ มและอณุ หภูมิของประเทศไทยมากกว่า เนื่องจากข้าวเจ้า สว่ นใหญเ่ จริญเติบโตได้ดีในเขตรอ้ นทมี่ ีภูมอิ ากาศแบบมรสมุ และสภาพพน้ื ที่ทีเ่ ปน็ ทร่ี าบล่มุ แมน่ ้า) 2) ผลผลติ ทไี่ ดจ้ ากการปลูกออ้ ยและข้าวโพด ก่อให้เกิดการขบั เคล่อื นทางธุรกจิ เกิดเป็นสนิ คา้ ชนิดใดไดบ้ า้ ง (แนวตอบ เชน่ นา้ ออ้ ย น้าตาล นา้ นมข้าวโพด ขนมหวาน อาหารกระปอ๋ ง ผลติ ภณั ฑอ์ าหารสตั ว์ พลังงานเชื้อเพลิง ไมอ้ ดั แปรรปู ฯลฯ) 8. ครูให้นักเรยี นร่วมกันศึกษาและยกตัวอยา่ ง เขตประมงสาคัญของโลก จากหนงั สอื เรียนภมู ิศาสตร์ ม.4-6 หรอื จากแหล่งการเรยี นรูอ้ ื่น ๆ เชน่ เว็บไซต์ในอนิ เทอร์เนต็ เพ่ิมเตมิ

9. ครูสุม่ ถามนักเรียนเพม่ิ เติมถึงพ้นื ทที่ ม่ี ผี ลผลติ จากการทาประมงในภูมภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก จากน้นั อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นเพือ่ วิเคราะห์และแปลผลขอ้ มลู รว่ มกนั 10. ครูให้นักเรียนร่วมกันนาข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาวิเคราะห์เช่ือมโยงกับประเด็น “เกษตรกรรม ในประเทศไทย” อภปิ รายและเสนอแนะขอ้ คดิ เหน็ เพิม่ เตมิ ขั้นที่ 5 การสรปุ เพอ่ื ตอบคาถาม 1. ครใู ห้สมาชิกในแตล่ ะกลุ่มช่วยกันสรุปสาระสาคัญเพอ่ื ตอบคาถามเชิงภมู ิศาสตร์ 2. ครูใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั ทาใบงานที่ 4.1 เร่อื ง กจิ กรรมทางเศรษฐกิจในด้านเกษตรกรรม 3. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร์ ม.4-6 เกี่ยวกับเรือ่ ง กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในดา้ นเกษตรกรรม โดยครูแนะนาเพ่มิ เติม ข้ันสรุป ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ตลอดจนการใช้เครื่องมือทางภูมศิ าสตร์ และเคร่ืองมอื ดา้ นเทคโนโลยี ในการสืบคน้ เกี่ยวกบั กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ในดา้ นเกษตรกรรม และใช้ PPT สรุปสาระสาคัญของเนื้อหา ข้ันประเมนิ 1. ครูประเมินผลโดยสงั เกตจากการตอบคาถาม การร่วมกันทางาน และการนาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาใบงาน แบบวดั ฯ 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบงานท่ี 4.1 เรือ่ ง กิจกรรมทางเศรษฐกิจในด้านเกษตรกรรม 2. เอกสารประกอบการเรียนการเรียนรู้ ภมู ศิ าสตร์ ม.4 – 6 3. เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ ได้แก่ แผนที่ ลกู โลกจาลอง รปู ถา่ ยทางอากาศ และภาพจากดาวเทยี ม 4. แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ - http://earth.google.co.th - http://maps.google.co.th - https://scbeic.com/th/detail/product/4325 - https://ryt9.com/tag/เศรษฐกจิ โลก - https://thai.tourismthailand.org 10. การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมิน เคร่ืองมือ/วธิ ีการประเมนิ เกณฑ์การประเมิน พฤติกรรมการเรยี น สังเกตพฤติกรรม ระดับดขี ้นึ ไป ประเมนิ ผลงานกลุ่ม ทดสอบก่อนเรียน แบบประเมนิ ผลงานกลุ่ม 10 คะแนนขนึ้ ไป แบบทดสอบกอ่ นเรยี น -

11. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 11.1 สรปุ ผลการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.2 ปญั หา/อุปสรรค ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.3 แนวทางแก้ไข /แนวทางการพัฒนา ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ............................................. ครผู สู้ อน (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชานาญการพเิ ศษ

ใบงานท่ี 4.1 เรอ่ื ง กิจกรรมทำงเศรษฐกิจในด้ำนเกษตรกรรม คาชี้แจง : ใหน้ ักเรียนสืบค้นสถานการณ์ข่าวท่เี กย่ี วกบั กิจกรรมทางเศรษฐกิจในด้านเกษตรกรรม พร้อมท้งั บนั ทกึ ขอ้ มูลตามประเด็นทกี่ าหนด (สถานการณข์ า่ วทเี่ ก่ยี วกับกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ในด้านเกษตรกรรม) 1. สถานการณข์ า่ วมีประเด็นสาคญั เกี่ยวกบั เร่ืองใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. สถานการณ์ข่าวมฏี สิ มั พันธ์ระหว่างสงิ่ แวดล้อมทางกายภาพทกี่ ่อใหเ้ กิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจประภทเกษตรกรรม อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. สถานการณข์ า่ วก่อใหเ้ กดิ การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ ตลอดจนสง่ ผลกระทบอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 12 เรอ่ื ง กจิ กรรมทำงเศรษฐกิจ : อุตสำหกรรม กำรทอ่ งเท่ียวและกำรบรกิ ำร รายวชิ า สงั คมศึกษา รหัสวชิ า ส 31101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง สิง่ แวดลอ้ มทางกายภาพกบั กิจกรรรมทางเศรษฐกิจ เวลา 2 ชัว่ โมง 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 5.2 เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์วิถีการ ดาเนนิ ชีวติ มจี ิตสานกึ และมสี ว่ นรว่ มในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเพ่อื การพฒั นาที่ยงั่ ยืน ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้ ม.4-6/1 วิเคราะหป์ ฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสิง่ แวดล้อมทางกายภาพกบั กจิ กรรมของมนษุ ย์ในการสร้างสรรค์ วิถีการดาเนนิ ชีวติ ของท้องถ่นิ ทง้ั ในประเทศไทยและภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก และเห็นความสาคญั ของ สงิ่ แวดลอ้ มทีม่ ผี ลต่อการดารงชีวติ ของมนุษย์ 2. จุดประสงค์การเรียนร้สู ่ตู ัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 1. วเิ คราะห์ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งสิ่งแวดล้อมทางกายภาพทก่ี ่อใหเ้ กิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภท อุตสาหกรรมการท่องเทยี่ ว การบรกิ าร และการเปลย่ี นแปลงในด้านต่าง ๆ ได้ (K) 2. เลอื กใชเ้ ครื่องมือทางภมู ิศาสตรใ์ นการศกึ ษาปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพทกี่ ่อใหเ้ กิด กิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภทอุตสาหกรรม การท่องเท่ยี ว การบรกิ าร และการเปล่ียนแปลงในด้านต่างๆ ได้ (P) 3. สนใจศกึ ษากจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ประเภทอตุ สาหกรรม การท่องเที่ยว การบริการและการ เปลี่ยนแปลงในด้านตา่ ง ๆ เพ่ิมมากข้นึ (A) 3. สาระสาคญั (เนื้อหา) สิง่ แวดล้อมทางกายภาพสง่ ผลต่อกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของมนุษย์ในด้านอตุ สาหกรรม การทอ่ งเที่ยว และการบริการ ในประเทศไทยและภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ปฏิสมั พันธ์ระหวา่ งส่งิ แวดล้อมทางกายภาพกับวถิ กี ารดาเนินชีวติ ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ ไดแ้ ก่ การกระจายของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (เกษตรกรรม อตุ สาหกรรมการผลิต การบริการและการท่องเที่ยว) 4.2 ทกั ษะ/กระบวนการ(P) (วิธีการและขนั้ ตอนทใี่ ชด้ าเนนิ การคน้ ควา้ หาความร้)ู ใช้ทกั ษะทางภูมิศาสตร์ ไดแ้ ก่ 1. การสงั เกต 2. การแปลความข้อมูลทางภูมิศาสตร์ 3. การใช้ เทคนิคและเคร่ืองมือทางภมู ิศาสตร์ 4. การคิดเชงิ พ้ืนที่ 5. การใช้เทคโนโลยี 4.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  ซอ่ื สตั ย์ สุจริต

 มวี ินัย  ใฝเ่ รยี นรู้  มุ่งมัน่ ในการทางาน  อยู่อย่างพอเพยี ง  มีจิตสาธารณะ  รักความเป็นไทย  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน  ใสใ่ จนวตั กรรม  ความสามารถในการส่ือสาร  แก้ปญั หาเปน็  เต็มใจร่วมมอื  ความสามารถในการแก้ปญั หา  รเู้ ทา่ ทนั ส่อื  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี  ฉลาดส่อื สาร 6. ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21  รูจ้ ักปรบั ตัว  ใส่ใจดแู ลตนเอง 6.1 ทักษะด้านการเรยี นรู้และนวตั กรรม  เรยี นร้วู ัฒนธรรม  รับผดิ ชอบหน้าที่  คดิ สร้างสรรค์  หม่ันหาความรรู้ อบด้าน  มวี จิ ารณญาณ  ส่ือสารดี 6.2 ทกั ษะด้านสารสนเทศ ส่ือ เทคโนโลยี  อพั เดตทุกข้อมลู ข่าวสาร  รอบรูเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 6.3 ทกั ษะชวี ติ และอาชีพ  มคี วามยืดหยุน่  รเิ ริ่มสิ่งใหม่  ร้จู ักเข้าสงั คม  มคี วามเป็นผู้นา  พัฒนาอาชีพ 7. แนวทางการบรู ณาการ การจัดการเรียนรู้  หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง  โรงเรยี นสง่ิ แวดล้อม  โรงเรียนคณุ ธรรม  โรงเรียนสจุ ริต/ตา้ นทจุ ริต  บรู ณาการกลมุ่ สาระการเรียนรู้  สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น  บรหิ ารจดั การช้นั เรียนเชงิ บวก 8. การจัดกจิ กรรม /กลยทุ ธ์/วิธีการ/รปู แบบการจัดการเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 ข้ันนา 1. ครแู จ้งใหน้ ักเรียนทราบถึงช่อื เร่อื งที่จะเรียนรู้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ 2. ครูให้นักเรียนนาคลิปวิดีโอที่ได้ร่วมกันหามาล่วงหน้าเก่ียวกับความก้าวหน้าของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ของมนุษย์ในเรื่องต่าง ๆ เชน่ อุตสาหกรรมการผลติ เคร่อื งใช้ไฟฟ้า การผลติ อาหาร หรอื การทอ่ งเที่ยว 3. ครใู หน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นจากคลิปวดิ โี อ ตามประเดน็ เชน่ 1) จากคลิปวิดีโอแสดงถงึ ความเจริญก้าวหนา้ ในดา้ นใด

2) จากคลิปวิดโี อแสดงถงึ กจิ กรรมทางเศรษฐกิจทีส่ าคัญในเรื่องใด 3) ปัจจัยสาคัญท่ีส่งผลต่อการดาเนินกจิ กรรมตามคลิปวดิ โี อคอื สิ่งใด 4. ครูให้นักเรียนศึกษาแผนที่แสดงการกระจายอุตสาหกรรมสาคัญในบริวณต่าง ๆ ท่ัวโลก จากหนังสือ เรียนภูมิศาสตร์ ม.4-6 5. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเช่ือมโยงเก่ียวกับปัจจัยที่กาหนดทาเลท่ีตั้งของอุตสาหกรรม เพ่มิ เติม 6. ครถู ามคาถามกระตุ้นความคิดโดยให้นักเรยี นรว่ มกนั ตอบคาถาม เชน่ 1) อุตสาหกรรมทนี่ ับได้วา่ เปน็ รากฐานของสาคญั ของสังคมสมยั ใหม่คอื อุตสาหกรรมใด และสามารถพบ ไดใ้ นบรเิ วณใด (แนวตอบ อตุ สาหกรรมประเภทเหล็กและเหล็กกลา้ พบในบริเวณต่าง ๆ ของโลก เชน่ เขตเทือกเขา แอปพาเลเชยี น ในสหรัฐอเมรกิ า เขตดอนบาส ในรัสเซีย เขตเทอื กเขาอรู ัล ในไซบเี รีย เขตเมอื งอานชานในจีน) 2) อุตสาหกรรมการตอ่ เรอื มคี วามเกยี่ วขอ้ งสมั พนั ธก์ บั แหล่งอุตสาหกรรมใด (แนวตอบ อุตสาหกรรมประเภทเหล็กและเหล็กกล้า เนื่องจากอุตสาหกรรมการต่อเรือจะต้องใช้เหล็ก เป็นจานวนมาก รวมถึงตอ้ งมีลกั ษณะทางกายภาพทเี่ ปน็ บรเิ วณปากนา้ กว้าง หรือรมิ ฝั่งทะเลที่อยใู่ กลแ้ หล่งผลิต เหล็กกล้า เชน่ ญีป่ ่นุ สหราชอาณาจักร เยอรมนี) 3) อุตสาหกรรมเหลก็ และเหล็กกลา้ เป็นปัจจัยท่ีกอ่ ใหเ้ กดิ กิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภทอุตสาหกรรม ในด้านใด (แนวตอบ เชน่ อตุ สาหกรรมการตอ่ เรือ อุตสาหกรรมการผลติ รถยนต์ อุตสาหกรรมการผลติ เครือ่ งบิน อุตสาหกรรมการผลติ รถไฟ ) ขน้ั สอน ขัน้ ที่ 1 การตง้ั คาถามเชงิ ภูมิศาสตร์ 1. ครูให้นักเรยี นดูภาพ หรือคลิปวดิ โี อทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั วตั ถุดบิ ที่นามาใชใ้ นอุตสาหกรรม โดยเฉพาะใน ด้านการเกษตรกรรม เพื่อเช่ือมโยงความรู้ที่ผ่านมา จากนน้ั ใหน้ ักเรียนแสดงความคิดเหน็ ร่วมกัน 2. ครูนาภาพตัวอย่างสินค้าจากอุตสาหกรรมมาให้นักเรียนดูแล้ววิเคราะห์ร่วมกันว่าสามารถพบได้ ในแหลง่ ผลติ ใดบา้ ง เช่น 1 23

4 56 3. ครูให้นักเรียนดูแผนผังแสดงสัดส่วนการส่งออกของไทยท้ังการแยกตามตลาดส่งออกและ แยกตามหมวดหมู่สินค้า แล้ววเิ คราะหค์ วามเขา้ ใจเบ้อื งตน้ รว่ มกัน โดยครทู าการกระตุ้นเพ่มิ เตมิ 2. ครูกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตัง้ ประเด็นคาถามเชิงภมู ิศาสตร์ เช่น 1) ปัจจัยสาคัญท่ีทาให้มนุษย์สามารถดาเนินกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรม การท่องเท่ียวและ การบริการ คอื สิง่ ใด 2) ปัจจัยใดบ้างท่ีทาให้การดาเนินกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวและการบริการ มกี ารเปล่ยี นแปลง หรอื มีการพัฒนาเพมิ่ มากขึน้ 3) การดาเนินกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวและการบริการ ก่อให้เกิดการ เปลย่ี นแปลงสิ่งแวดลอ้ มทางกายภาพของโลกอย่างไร 4) อิทธิพลของโลกาภิวัตน์ส่งผลต่อการดาเนินกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรม การท่องเท่ียวและ การบรกิ ารอยา่ งไร ขัน้ ท่ี 2 การรวบรวมขอ้ มูล 1. ครใู ห้นักเรียนแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 5-7 คน สืบคน้ ขอ้ มูลเกีย่ วกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในดา้ น อตุ สาหกรรม การทอ่ งเที่ยวและการบริการ ตามพ้นื ท่ตี ่าง ๆ ของโลก จากหนังสอื เรยี นภูมศิ าสตร์ ม.4-6 หรือจาก แหลง่ การเรยี นรู้อนื่ ๆ เชน่ หนังสอื ในหอ้ งสมดุ เว็บไซต์ในอนิ เทอรเ์ นต็ ประกอบการใช้เครอ่ื งมอื ทางภมู ิศาสตร์ 2. ครูให้นกั เรียนศกึ ษา Geo Tip เก่ยี วกบั หลักการทัว่ ไปของการแปรรูปอาหาร จากหนงั สอื เรียน ภมู ศิ าสตร์ ม.4-6 ประกอบการรวบรวมขอ้ มลู 3. ครแู นะนาแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศท่นี ่าเชอ่ื ถอื ใหก้ ับนักเรียนเพมิ่ เติม ช่วั โมงที่ 2 ขน้ั ท่ี 3 การจดั การข้อมลู 1. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มนาข้อมูลท่ีตนได้จากการรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู้ระหว่าง กัน 2. จากนน้ั สมาชกิ ในกลุ่มช่วยกันคดั เลอื กขอ้ มลู ทีน่ าเสนอเพื่อใหไ้ ด้ขอ้ มูลทถี่ ูกต้อง และร่วมอภปิ ราย แสดงความคดิ เหน็ เพ่มิ เติม ขั้นที่ 4 การวิเคราะห์และแปลผลข้อมูล 1. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ นาข้อมลู การสบื คน้ ของตนเองมาเชื่อมโยงกับรูปแบบของการท่องเที่ยว และวิเคราะหว์ ่าในแตล่ ะทวปี มีรูปแบบทางการทอ่ งเทย่ี วทโ่ี ดดเดน่ ในด้านใดบ้าง พรอ้ มท้ังยกตัวอยา่ งประกอบ

2. ครูนาแผนท่ีแสดงท่ีตั้งเมืองสาคัญในการท่องเท่ียวเชิงธุรกิจ สุขภาพ และนันทนาการ มาให้ นักเรียนดูแล้วตอบคาถามเพ่ิมเติมถึงลักษณะทางกายภาพท่ีเป็นผลให้เมืองดังกล่าวเป็นเมืองสาคัญในการ ทอ่ งเทย่ี วเชงิ ธุรกจิ สุขภาพ และนนั ทนาการ 3. ครูให้นักเรยี นร่วมกันวเิ คราะห์ในประเด็นของประเทศไทย ว่ามีพ้ืนที่ในบริเวณจงั หวัดใดบ้างท่ีถือ ว่าเป็นเมืองสาคัญในการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ สุขภาพ และนันทนาการ อันเกิดจากลักษณะทางกายภาพ หรือ ปจั จัยอื่น ๆ ประกอบกนั อยา่ งไร 4. ครใู ห้นักเรียนดูแผนทแี่ สดงกลมุ่ นักทอ่ งเทีย่ วและจดุ หมายปลายทางท่ไี ด้รับความนิยม พ.ศ. 2560 จากหนงั สอื เรยี นภูมศิ าสตร์ ม.4-6 แล้วรว่ มกันวิเคราะห์เพ่ิมเติมถงึ ลักษณะทางกายภาพท่เี ป็นผลใหเ้ มืองดงั กล่าว เป็นเมืองสาคัญในการท่องเทย่ี วเชิงธรุ กจิ สขุ ภาพ และนนั ทนาการ 5. ครูสุ่มถามนักเรียนถึงสถานท่ีท่ีนักเรียนอยากไปท่องเที่ยวหรือไปใช้บริการมากท่ีสุด พร้อมท้ัง เชือ่ มโยงเพ่ิมเติมว่า หากนักเรยี นไดไ้ ปท่องเทีย่ วหรอื ใชบ้ ริการที่สถานท่ีดังกล่าวจรงิ จะสามารถนาเทคโนโลยีใด ไปใชป้ ระกอบในการทอ่ งเท่ียวไดบ้ ้าง จากนั้นให้นักเรยี นอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ รว่ มกัน 6. ครถู ามคาถามเพอื่ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วเิ คราะหแ์ ละเชื่อมโยงความรู้เพม่ิ เติม เชน่ 1) นักเรยี นคิดวา่ ปัจจยั สาคัญท่ีทาใหป้ ระเทศไทยเป็นจดุ หมายปลายทางของนักท่องเท่ยี วคือสิง่ ใด (แนวตอบ เช่น ความสวยงามของธรรมชาติ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและสถานที่ ความประหยัดของคา่ ใช้จา่ ย ความสะดวกสบายในการเดินทาง) 2) นกั เรยี นคิดว่า ในอนาคตสถานการณ์การทอ่ งเท่ียวของประชากรโลกจะมแี นวโน้มเป็นอย่างไร และสง่ ผลกระทบอย่างไร (แนวตอบ เช่น ในอนาคตประชากรโลกอาจมีแนวโน้มในการท่องเที่ยวท่ีสูงขึ้น อันเนื่องมาจาก การคาดการณ์ของ UNWTO หรือหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติที่ควบคุมดูแลทางการท่องเที่ยว ท่ี คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากข้ึนในปี ค.ศ. 2020 เป็นจานวนถึง 1,400 ล้านคน และในปี ค.ศ. 2030 เป็นจานวนถึง 1,800 ล้านคน จึงสามารถคาดการณ์ได้ว่า ในอนาคตประชากรโลกจะมีการท่องเท่ียวที่เพิ่มมาก ข้ึนอยา่ งต่อเนอื่ ง อนั เปน็ การส่งผลใหเ้ ศรษฐกจิ โลกมีการขยายตัวและดาเนินกิจกรรมตา่ ง ๆ ได้อย่างต่อเนอื่ ง เกิด ความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่ทั้งนี้ อาจส่งผลกระทบในด้านการย้ายถน่ิ การเกิดแรงงานผดิ กฎหมาย หรือ เกิดปัญหาในด้านสิ่งแวดลอ้ มที่เส่อื มโทรมลงได)้ 8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเชื่อมโยงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในดา้ นอตุ สาหกรรม การท่องเท่ียวและการบริการ ที่ได้ทาการศึกษา จากนั้นให้แตล่ ะกลุ่มจัดทาแผนผังมโนทัศน์ สรุปความรู้ทง้ั หมด โดยครูแนะนาเพ่ิมเตมิ 9. ครูให้นักเรียนร่วมกันทาใบงานท่ี 4.2 เรื่อง กิจกรรมทางเศรษฐกิจในด้านอุตสาหกรรม การทอ่ งเทยี่ วและการบรกิ าร ขัน้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ ตลอดจนการใช้เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ และเครื่องมือด้าน เทคโนโลยีในการสบื ค้นเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในดา้ นอุตสาหกรรม การทอ่ งเท่ียวและการบริการ และใช้ PPT สรปุ สาระสาคญั ของเนอื้ หา

ขนั้ ประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคาถาม การร่วมกันทางาน และการนาเสนอผลงานหน้า ช้นั เรยี น 2. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่ือง สิ่งแวดล้อมทางกายภาพกบั กิจกรรมทางเศรษฐกิจ 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบงานที่ 4.2 เร่ือง กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ในด้านอตุ สาหกรรม การทอ่ งเที่ยวและการบริการ 2. เอกสารประกอบการเรยี นการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ ม.4 – 6 3. เครอ่ื งมอื ทางภูมิศาสตร์ ไดแ้ ก่ แผนท่ี ลูกโลกจาลอง รูปถ่ายทางอากาศ และภาพจากดาวเทยี ม 4. แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ - http://www.lesa.biz - http://earth.google.co.th - http://maps.google.co.th - http:// thaigoodview.com - https://thai.tourismthailand.org 10. การวัดและประเมนิ ผล ประเดน็ การประเมิน เครอ่ื งมือ/วิธกี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ พฤติกรรมการเรียน สังเกตพฤติกรรม ระดับดีขึ้นไป ประเมินผลงานกลุ่ม ทดสอบหลงั เรียน แบบประเมนิ ผลงานกลุม่ 10 คะแนนขึน้ ไป แบบทดสอบหลังเรยี น รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป

11. บันทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 11.1 สรุปผลการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.2 ปัญหา/อุปสรรค ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.3 แนวทางแก้ไข /แนวทางการพฒั นา ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… ลงชื่อ............................................. ครผู ู้สอน (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชานาญการพิเศษ

ใบงำนท่ี 4.2 เรือ่ ง กจิ กรรมทางเศรษฐกิจในดา้ นอุตสาหกรรม การทอ่ งเท่ียวและการบริการ คาช้แี จง : ใหน้ กั เรียนอ่านสถานการณ์ แลว้ ตอบคาถามตามประเด็นท่ีกาหนด ตอนท่ี 1 ทุ่นแรงและรวดเร็ว เดลิเชียส คุค แอนด์ โค. บริษัทผลิตอาหารในเมืองนาราชิโน ประเทศญี่ปุ่น นาหุ่นยนต์ขนาดใหญ่มาช่วยใน การเรียงข้าวป้ันห่อสาหร่ายจานวนมากในโรงงาน เพื่อเพมิ่ ความสะดวกสบายและรวดเร็วต่อการทางาน โดยหุ่นยนต์ ดังกล่าวเป็นนวัตกรรมท่ีผลิตโดยบริษัทคาวาซากิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ จากัด บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมหนักที่ สร้างสรรคผ์ ลิตภัณฑส์ ันทนาการแห่งญ่ีปุ่น ทมี่ า : https://www.thairath.co.th/content/1261982 1. จากสถานการณ์ท่กี าหนด เป็นอตุ สาหกรรมประเภทใด และใช้เทคโนโลยใี ดบา้ งในการประกอบอตุ สาหกรรม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. นกั เรยี นคิดว่า จากสถานการณ์ท่ีกาหนด มีผลดีและผลเสียอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นกั เรียนคดิ ว่า ประเทศไทยสามารถนาตัวอย่างจากสถานการณท์ ี่กาหนดมาปรบั ใชใ้ นอุตสาหกรรมได้อย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ตอนที่ 2 ปี 2560 ประเทศไทยมนี ักท่องเท่ียวตา่ งชาติ 35.38 ล้านคน อุตฯ ท่องเที่ยวสรา้ งรายได้รวม 2.75 ล้านล้านบาท สถานการณ์การท่องเท่ียวของชาวต่างชาติสาหรับปี 2560 ที่ผ่านมา พบว่า ตลอดทั้งปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้า มาท่องเท่ยี วยังประเทศไทยท้ังส้ิน 35,381,210 คน ขยายตัวร้อยละ 8.77 เมื่อเทียบกับปกี ่อนหนา้ และกอ่ ให้เกิดรายได้รวม 1,824,042.35 ลา้ นบาท ขยายตวั รอ้ ยละ 11.66 เมือ่ เทียบกบั ปีก่อนหนา้ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาพบว่า นักท่องเที่ยวขยายตัวร้อยละ 15.51 ตามการ ขยายตวั ของนักทอ่ งเที่ยวเกือบทกุ ภูมิภาค โดยเฉพาะภมู ิภาคเอเชียตะวันออกท่ีขยายตัวสูงถึงร้อยละ 21.80 จากการฟื้นตัว ของนกั ทอ่ งเที่ยวจีน ส่วนนักท่องเที่ยวท่ีมจี านวนมากที่สุด 10 อนั ดับแรก ประกอบด้วย จีน มาเลเซยี เกาหลี ลาว ญป่ี ุ่น อินเดีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร ตามลาดับ ขณะที่นักท่องเท่ียวที่สร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย จีน รัสเซีย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย และเยอรมนี ตามลาดบั ทมี่ า : http://www.362degree.com 1. จากสถานการณ์ มีประเด็นสาคัญเกี่ยวกบั เรื่องใดบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัจจยั ใดบา้ งทม่ี ีส่วนเก่ยี วข้องทท่ี าใหน้ ักท่องเทยี่ วตา่ งชาตินยิ มเดนิ ทางมาประเทศไทยเพิม่ มากขึน้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นักเรียนคดิ ว่า จากสถานการณ์มีผลดหี รือผลเสียตอ่ ประเทศไทยอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13 เรื่อง ภยั พบิ ัตธิ รรมชาติทางธรณภี าค รายวิชา สงั คมศึกษา รหัสวชิ า ส 31101 กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง ภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติ เวลา 2 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 5.1 เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซ่ึงมีผลต่อกัน ใช้แผนที่และ เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใช้ภูมิ สารสนเทศอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ ม.4-6/2 วเิ คราะหล์ ักษณะทางกายภาพ ซ่ึงทาใหเ้ กดิ ปัญหาและภัยพบิ ตั ทิ างธรรมชาตใิ นประเทศไทย และภูมภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก ส 5.2 เขา้ ใจปฏสิ มั พันธ์ระหวา่ งมนุษยก์ ับส่งิ แวดลอ้ มทางกายภาพที่ก่อใหเ้ กิดการสรา้ งสรรค์วถิ ีการ ดาเนินชวี ติ มีจติ สานกึ และมสี ่วนร่วมในการจดั การทรัพยากรและส่งิ แวดล้อมเพ่ือการพฒั นาทย่ี ่ังยนื ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้ ม.4-6/2 วิเคราะห์สถานการณ์ สาเหตุ และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงดา้ นทรัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ้ มของประเทศไทยและภูมภิ าคต่าง ๆ ของโลก 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้สูต่ วั ช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ 1. วเิ คราะหล์ กั ษณะทางกายภาพที่ทาใหเ้ กิดปัญหาหรือภยั พบิ ัตธิ รรมชาติทางธรณภี าคในประเทศไทย และภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกได้ (K) 2. วิเคราะห์ผลกระทบท่เี กดิ จากภยั พบิ ัตธิ รรมชาติทางธรณีภาคได้ (K) 3. เสนอแนวทางปอ้ งกนั ในการปอ้ งกันตนเองและระวังภัยพบิ ัติธรรมชาติทางธรณภี าคได้ (P) 4. สนใจศึกษาเกย่ี วกับภัยพิบตั ิธรรมชาติทางธรณีภาคเพื่อนามาปรบั ใช้ในชวี ิตประจาวนั เพิ่มมากข้ึน (A) 3. สาระสาคัญ (เน้อื หา) 1. ปญั หาทางกายภาพและภัยพบิ ัติทางธรรมชาตใิ นประเทศและภมู ิภาคต่าง ๆ ของโลก 2. สถานการณ์การเปลย่ี นแปลงดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมอิ ากาศ ความเสื่อมโทรมของส่งิ แวดล้อม ความหลากหลายทางชวี ภาพ และภัยพิบัติ 3. การจดั การภยั พิบัติ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ (K)

1) ลกั ษณะทางกายภาพทแ่ี ตกต่างกันสง่ ผลให้เกดิ ปัญหาและภยั พบิ ตั ิธรรมชาติทางธรณีภาคท่แี ตกตา่ ง กัน ทง้ั ในด้านประเภท ความถี่ และความรนุ แรง 2) กจิ กรรมของมนุษย์เป็นสาเหตุสาคญั ทที่ าใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดล้อมของประเทศไทยและภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก ซ่งึ อาจสง่ ผลกระทบทงั้ ในระดบั ประเทศ ภมู ภิ าค และ โลก 4.2 ทักษะ/กระบวนการ(P) (วิธีการและขนั้ ตอนทีใ่ ชด้ าเนินการค้นคว้าหาความรู้) ใช้ทักษะทางภูมิศาสตร์ ได้แก่ 1. การสงั เกต 2. การแปลความข้อมูลทางภมู ิศาสตร์ 3. การใช้ เทคนิคและเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ 4. การคดิ เชิงพื้นท่ี 5. การใช้เทคโนโลยี 4.3 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)  รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  ซอ่ื สตั ย์ สุจรติ  มวี นิ ัย  ใฝ่เรียนรู้  อย่อู ยา่ งพอเพียง  มุ่งมั่นในการทางาน  รกั ความเปน็ ไทย  มีจติ สาธารณะ 5. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน  ความสามารถในการสอ่ื สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 6.1 ทักษะด้านการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรม  คิดสร้างสรรค์  ใส่ใจนวตั กรรม  มวี จิ ารณญาณ  แก้ปัญหาเปน็  สือ่ สารดี  เตม็ ใจร่วมมือ 6.2 ทกั ษะด้านสารสนเทศ ส่ือ เทคโนโลยี  อพั เดตทุกข้อมูลข่าวสาร  รเู้ ท่าทันสือ่  รอบรเู้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ  ฉลาดสือ่ สาร 6.3 ทกั ษะชีวติ และอาชีพ  มคี วามยืดหยุน่  รู้จักปรับตวั  ริเริ่มสง่ิ ใหม่  ใส่ใจดูแลตนเอง  รจู้ ักเข้าสงั คม  เรยี นร้วู ัฒนธรรม  มีความเป็นผูน้ า  รบั ผดิ ชอบหน้าท่ี  พฒั นาอาชพี  หมั่นหาความรรู้ อบดา้ น 7. แนวทางการบูรณาการ การจัดการเรียนรู้  หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง  โรงเรยี นส่ิงแวดล้อม  โรงเรียนสุจริต/ตา้ นทุจรติ  โรงเรียนคุณธรรม  สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน  บรู ณาการกลมุ่ สาระการเรียนรู้  บริหารจดั การช้ันเรยี นเชงิ บวก

8. การจัดกจิ กรรม /กลยุทธ์/วิธีการ/รปู แบบการจัดการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นนา 1. ครูแจ้งให้นกั เรยี นทราบถึงชอ่ื เรื่องที่จะเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ และผลการเรยี นรู้ 2. ครูให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เร่อื ง ภยั พบิ ตั ิทางธรรมชาติ 3. ครอู า่ นขอ้ ความตวั อยา่ งให้นักเรยี นฟงั ดงั นี้ “แผ่นดินไหว 7.9 ริกเตอร์ ตามมาตราริกเตอร์ที่เนปาล วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 และเกิดอาฟเตอร์ช็อก (After Shock) รุนแรงมาก มีผู้เสียชีวิตมากกว่าการเกิด แผ่นดนิ ไหวคร้งั ท่แี ล้วถึง 3,000 คน และมอี าคารบา้ นเรือนเสยี หายมากที่สุด” 4. ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามจากข้อความตัวอยา่ ง เช่น 1) หากนกั เรยี นเป็นผ้ปู ระสบภัยแผ่นดินไหว จะมีแนวทางรับมือกบั เหตุการณ์ดงั กล่าวอย่างไร (แนวตอบ เชน่ ติดตามขา่ วสารจากทางราชการ เตรียมสงิ่ ของที่จาเป็น สังเกตสัญญาณภัยพิบัติ อยู่หา่ ง จากอาคารสงู กาแพง หรอื เสาไฟฟา้ ) 2) ความรุนแรงของการสน่ั สะเทือนทราบไดจ้ ากการใชเ้ คร่ืองมือทางภูมศิ าสตรช์ นดิ ใดบา้ ง (แนวตอบ เชน่ เครอ่ื งมือวัดคลนื่ แผน่ ดนิ ไหว (Sesimology) หรอื แผนท่)ี 3) ผลกระทบจากการเกิดปญั หาหรอื ภัยพิบัตทิ างธรรมชาตินีก้ ่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายอยา่ งไร (แนวตอบ เชน่ ทาใหอ้ าคารบ้านเรือนเสียหาย ผู้คนสญู เสียชีวิตและทรพั ยส์ ิน) 5. ครูให้นักเรียนใช้สมาร์ตโฟนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับภัยพิบัติธรรมชาติทางธรณีภาคที่เคยเกิดข้ึนและ ก่อให้เกิดความเสียหายอยา่ งรุนแรงในประเทศไทยและภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก เช่น แผน่ ดินไหว สึนามิ ภูเขาไฟ ปะทุ แผ่นดินถลม่ เพ่อื เชอื่ มโยงเขา้ สู่บทเรียน ขั้นสอน ขนั้ ที่ 1 การต้งั คาถามเชิงภูมิศาสตร์ 1. ครูให้นักเรียนดูภาพท่ีเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติธรรมชาติทางธรณีภาค ทั้งในด้านแผ่นดินไหว เหตุการณ์ การเกิดสึนามิ ภเู ขาไฟปะทุ หรือแผ่นดนิ ถล่ม จากหนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ม.4-6 หรือจากแหล่งการเรียนรู้อ่ืน ๆ เช่น หนังสือในห้องสมุด เว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต เพื่อเช่ือมโยงความรู้ท่ีผ่านมา จากนั้นให้นักเรียนแสดงความ คิดเห็นรว่ มกัน 2. ครูใหน้ ักเรียนวิเคราะห์ร่วมกันว่า หากนกั เรียนเปน็ ผู้ประสบภยั พิบัติธรรมชาติทางธรณีภาค จะมีวิธกี าร จดั การอย่างไร ทั้งในชว่ งกอ่ นเกดิ ภัย ขณะเกดิ ภยั และหลงั เกิดภยั 3. ครูให้นักเรียนดูแผนท่ีแสดงการกระจายการเกิดแผ่นดินไหวของโลก จากหนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ม.4-6 แลว้ รว่ มกนั อภิปรายถงึ การเปน็ แหลง่ ตน้ กาเนดิ แผ่นดนิ ไหวของโลก

4. ครกู ระตนุ้ ให้นักเรียนชว่ ยกนั ตั้งประเด็นคาถามเชงิ ภมู ิศาสตร์ เช่น 1) ภัยพิบัตธิ รรมชาติทางธรณีภาคท่ีเกดิ ขน้ึ ในแต่ละภมู ิภาคของโลกมคี วามสมั พันธ์กบั ลกั ษณะ ภูมิประเทศอย่างไร 2) ภยั พบิ ัติธรรมชาติทางธรณีภาคท่ีเกิดขึน้ ในภูมภิ าคต่าง ๆ มคี วามเหมือน หรือแตกตา่ งกัน อยา่ งไร 3) ภัยพิบัติธรรมชาติทางธรณีภาคท่ีเกิดข้ึนในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกมีความรุนแรงและสร้างความ เสียหายอย่างไร 4) แนวทางการปฏบิ ตั ิตนใหป้ ลอดภยั จากปัญหา หรือภยั พิบตั ธิ รรมชาติทางธรณภี าค ควรทาอยา่ งไร ขัน้ ท่ี 2 การรวบรวมข้อมลู 1. ครใู หน้ ักเรียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 5-7 คน สบื คน้ ขอ้ มูลเกย่ี วกับภยั พิบัติธรรมชาติทางธรณภี าค ตลอดจนสาเหตุ ลกั ษณะทางกายภาพที่เป็นจดุ เส่ยี งตอ่ การเกดิ ภัยพบิ ัติธรรมชาติทางธรณีภาค เหตุการณ์ภยั พบิ ัติ ธรรมชาติทางธรณีภาคท่ีเคยเกิดข้ึนในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก สถิติการเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ ธรรมชาติทางธรณีภาคท่ีเคยเกิดข้ึนในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก และแนวทางการจัดการภัยพิบัติ ธรรมชาติทางธรณีภาคประเภทต่าง ๆ จากหนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ม.4-6 หรือจากแหล่งการเรียนรู้อื่น ๆ เช่น หนังสอื ในหอ้ งสมุด เว็บไซต์ในอนิ เทอรเ์ น็ต ประกอบการใช้เครือ่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ ตามประเด็นดังน้ี 1) แผน่ ดนิ ไหว 2) ภเู ขาไฟปะทุ 3) สึนามิ 4) แผน่ ดนิ ถลม่ 2. ครแู นะนาแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศทีเ่ ช่อื ถือได้ให้กับนักเรยี นเพ่ิมเตมิ ชว่ั โมงที่ 2 1. สมาชกิ แตล่ ะคนในกลมุ่ นาขอ้ มูลที่ตนได้จากการรวบรวมมาอธบิ ายแลกเปลยี่ นความรรู้ ะหว่างกัน 2. จากนั้นสมาชกิ ในกลุ่มชว่ ยกันคัดเลอื กข้อมูลทนี่ าเสนอเพือ่ ให้ได้ข้อมลู ทีถ่ ูกต้อง และรว่ มอภิปรายแสดง ความคดิ เหน็ เพม่ิ เตมิ ขนั้ ท่ี 4 การวเิ คราะหแ์ ละแปลผลข้อมลู 1. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลุม่ นาข้อมูลการสบื คน้ ของตนเองมาเชอื่ มโยงกับประเดน็ วิเคราะห์ในใบงานท่ี 5.1 เรือ่ ง ธรณีพิบตั ิภยั ตามประเดน็ ดังน้ี 1) ชอื่ ธรณีพิบตั ิภยั ทีเ่ ลือกศกึ ษา 2) ลักษณะทางกายภาพทสี่ ่งผลใหเ้ กิดธรณพี ิบัติภัย 3) ผลกระทบสาคญั จากธรณพี ิบตั ิภยั 4) แนวทางการระวังภัยจากธรณพี ิบตั ภิ ยั 2. ครูนาแผนท่ีโลกในรปู แบบโปสเตอรม์ าให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันอภปิ รายและแสดงความคดิ เห็น เชื่อมโยงภัยพิบัติธรรมชาติทางธรณีภาคที่ได้ทาการศึกษา และให้แต่ละกลุ่มระบุตาแหน่งพื้นท่ีเกิดภัยพิบัติ รวมถึงพ้ืนที่ที่มีความเส่ยี งที่จะเกิดภัยพิบัติ แล้วเชื่อมโยงพ้ืนที่ต่าง ๆ ตามลักษณะทางกายภาพของพื้นท่ี โดยครู แนะนาเพ่มิ เตมิ 3. ครถู ามคาถามเพ่ือใหน้ กั เรยี นร่วมกันวิเคราะหแ์ ละเชือ่ มโยงความรู้เพิ่มเตมิ เกย่ี วกับธรณีพบิ ัติภัย ไดแ้ ก่ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟปะทุ สนึ ามิ และแผ่นดนิ ถล่ม เช่น

1) พ้นื ทใ่ี นภาคใดของประเทศไทยเส่ียงต่อการเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุด เพราะเหตใุ ด (แนวตอบ พ้ืนท่ีเส่ียงต่อการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันตก และ ภาคใต้ เน่ืองจากมีรอยเลื่อนขนาดเล็กที่ยังมีพลัง รวมถึงอาจได้รับแรงส่ันสะเทือนจากการเกิดแผ่นดินไหวจาก แนวรอยเล่อื นขนาดใหญใ่ นประเทศอนิ เดีย เมียนมา และจีนอีกด้วย) 2) ประเทศใดในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตท้ ี่มักประสบกบั ภยั ภเู ขาไฟปะทุ (แนวตอบ เช่น ประเทศฟลิ ิปปินส์ ประเทศอนิ โดนีเซีย เนือ่ งจากทั้งสองประเทศตัง้ อยู่ในบริเวณ รอยเล่ือนขนาดใหญ่ท่ียงั ทรงพลังท่ีเรียกว่า แนววงแหวนไฟแปซิฟิก ซึ่งยังมกี ารเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกอยู่ ตลอดเวลา) 3) ภาษาที่ใชใ้ นการต้ังชอ่ื การเกดิ สึนามสิ ัมพันธ์กบั แหล่งท่ีมักเกิดสนึ ามิอย่างไร (แนวตอบ สึนามิ มาจากภาษาญ่ีปุ่น แปลว่า คลื่นอ่าวจอดเรือ เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มัก ได้รับผลกระทบจากสึนามิท่ีส่วนใหญ่เกิดข้ึนในมหาสมุทรแปซิฟิก ดังน้ัน สึนามิ จึงเป็นการต้ังช่ือที่สัมพันธ์กับ แหล่งการเกิด คอื บริเวณมหาสมทุ รแปซฟิ กิ โดยเฉพาะประเทศญีป่ ุ่นนนั่ เอง) 4) ประเทศไทยไดร้ ับผลกระทบจากการเกิดสึนามิอย่างไร (แนวตอบ การเกิดสึนามิจากแผ่นดินไหวทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศ อนิ โดนเี ซีย ในปี พ.ศ. 2547 ก่อให้เกดิ สึนามิซดั เขา้ ทาลายพื้นทช่ี ายฝั่งของหลายประเทศที่ติดตอ่ กับมหาสมุทร อินเดีย โดยชายฝ่ังทะเลอันดามันของประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง คือ มีผู้เสียชีวิตทั้งชาวไทยและ ชาวต่างประเทศราว 5,400 คน ส่ิงก่อสร้างต่าง ๆ รวมถึงระบบนิเวศชายฝั่งเกิดความเสียหายอย่างประเมินค่า มไิ ด)้ 5) ปจั จยั ทางธรรมชาตทิ ี่ทาให้เกิดแผ่นดนิ ถล่มได้แก่อะไรบ้าง (แนวตอบ เช่น การเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงทีส่ ่งผลให้ดินบริเวณดินท่ีลาดเชิงเขาเกิดการเคลื่อนตัว ลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก การเกิดฝนตกหนักทาให้ดินอมุ้ น้าไว้มากจนไม่สามารถเกาะตัวอยู่ได้ จึงเล่ือนไหล ลงมาตามความลาดชัน และปัจจัยอื่น ๆ เช่น การปะทุของภูเขาไฟ การเกิดสึนามิ การละลายของหิมะ การเปล่ยี นแปลงของระดับนา้ ใต้ดนิ ) 6) การประกอบกิจกรรมของมนุษยเ์ ปน็ ปจั จยั ทีท่ าให้เกิดแผ่นดนิ ถลม่ ได้อย่างไร (แนวตอบ เช่น การขุดดินบริเวณเชิงเขาเพ่ือทาถนน เพื่อการอยู่อาศัย หรือเพ่ือการเกษตร ส่วน แผ่นดินถล่มบริเวณพื้นท่ีราบอาจเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การสูบน้าบาดาลข้ึนมาใช้ในปริมาณมาก จนเกินไป การดูดทรายจากใต้ดินหรือแม่น้าข้ึนมาใช้ประโยชน์ รวมไปถึงการบดอัดดินเพ่ือใช้ประโยชน์ในการ ก่อสร้างก็อาจก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงโครงสร้างทางธรณีวิทยาของพ้ืนที่โดยรอบจนนาไปสู่ การเกิดแผ่นดิน ถล่มได้เช่นเดยี วกนั ) ข้นั ท่ี 5 การสรปุ เพอ่ื ตอบคาถาม 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปข้อมูลท่ีได้จากการศึกษา จากน้ันส่งตัวแทนนาเสนอข้อมูลประกอบ แผนท่ที ีไ่ ดจ้ ัดทา พรอ้ มทงั้ อภิปรายแสดงความคิดเห็นร่วมกนั 2. ครูใหส้ มาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันสรปุ สาระสาคัญเพอ่ื ตอบคาถามเชงิ ภมู ศิ าสตร์ ขัน้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ ตลอดจนการใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเครื่องมือด้าน เทคโนโลยีในการสืบคน้ เก่ยี วกับภัยพบิ ตั ิธรรมชาตทิ างธรณีภาค และใช้ PPT สรุปสาระสาคญั ของเนอื้ หา

ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคาถาม การร่วมกันทางาน และการนาเสนอผลงานหน้า ช้นั เรียน 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาใบงาน 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบงานท่ี 5.1 เรื่อง ธรณพี ิบัติภัย 2. เอกสารประกอบการเรยี นการเรียนรู้ ภมู ศิ าสตร์ ม.4 – 6 3. เครือ่ งมือทางภมู ิศาสตร์ ได้แก่ แผนท่ี ลกู โลกจาลอง รปู ถ่ายทางอากาศ และภาพจากดาวเทียม 4. แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ - http://earth.google.co.th - http://maps.google.co.th - http://www.dmr.go.th - https://www.tmd.go.th - http://www.ndwc.go.th - https://www.thairath.co.th 10. การวดั และประเมินผล ประเดน็ การประเมิน เครือ่ งมือ/วธิ กี ารประเมนิ เกณฑ์การประเมิน พฤติกรรมการเรียน สงั เกตพฤติกรรม ระดบั ดขี ึ้นไป ประเมินผลงานกลุ่ม ทดสอบก่อนเรียน แบบประเมินผลงานกล่มุ 10 คะแนนขึน้ ไป แบบทดสอบกอ่ นเรยี น -

11. บันทึกผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 11.1 สรปุ ผลการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.2 ปัญหา/อุปสรรค ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… 11.3 แนวทางแกไ้ ข /แนวทางการพัฒนา ……………………………………………………………………………………………….……………….………………………………………………………………… ………….……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………………… ลงชอ่ื ............................................. ครผู สู้ อน (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชานาญการพิเศษ

ใบงานท่ี 5.1 เรอ่ื ง ธรณีพิบตั ภิ ยั คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นสืบค้นขอ้ มูลในรอบ 10 ปีทผี่ า่ นมา เก่ยี วกบั การเกดิ ธรณพี บิ ัติภยั ในภูมภิ าคตา่ ง ๆ ในโลก โดยยกตัวอย่างมา 1 เหตกุ ารณ์ แล้วตอบคาถามในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี เหตกุ ารณ์นี้ คือ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. ลักษณะทางกายภาพมีผลต่อการเกดิ ธรณีภัยพิบัตินี้อยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ธรณภี ัยพิบัตินสี้ ง่ ผลกระทบอย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. เราสามารถป้องกนั ตนเองและระวังภัยจากธรณภี ยั พิบตั ิไดอ้ ยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 เรอื่ ง เรอื่ ง ภยั พบิ ตั ิธรรมชาติทางบรรยากาศภาค รายวิชา สงั คมศึกษา รหัสวิชา ส 31101 กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 เรอื่ ง ภัยพบิ ัติทางธรรมชาติ เวลา 2 ชั่วโมง 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 5.1 เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซ่ึงมีผลต่อกัน ใช้แผนที่และ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใช้ภูมิ สารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ ม.4-6/2 วเิ คราะหล์ ักษณะทางกายภาพ ซึ่งทาให้เกดิ ปัญหาและภัยพบิ ัติทางธรรมชาติในประเทศไทย และภมู ิภาคตา่ ง ๆ ของโลก ส 5.2 เขา้ ใจปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ งมนุษยก์ บั สิง่ แวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกดิ การสร้างสรรคว์ ิถกี าร ดาเนินชีวติ มจี ิตสานกึ และมีส่วนรว่ มในการจัดการทรัพยากรและสิง่ แวดลอ้ มเพ่ือการพัฒนาที่ย่ังยนื ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้ ม.4-6/2 วเิ คราะหส์ ถานการณ์ สาเหตุ และผลกระทบของการเปล่ยี นแปลงดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ้ มของประเทศไทยและภูมภิ าคต่าง ๆ ของโลก 2. จุดประสงค์การเรยี นรสู้ ตู่ ัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ 1. วเิ คราะห์ลกั ษณะทางกายภาพทท่ี าใหเ้ กดิ ปญั หาหรอื ภัยพบิ ัติธรรมชาตทิ างบรรยากาศภาคใน ประเทศไทยและภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลกได้ (K) 2. วิเคราะห์ผลกระทบทีเ่ กิดจากภัยพบิ ตั ธิ รรมชาตทิ างบรรยากาศภาคได้ (K) 3. เสนอแนวทางในการป้องกันตนเองและระวงั ภัยพิบัติธรรมชาติทางบรรยากาศภาคได้ (P) 4. สนใจศกึ ษาเก่ยี วกับภัยพิบัติธรรมชาติทางบรรยากาศภาคเพื่อนามาปรบั ใช้ในชีวิตประจาวันเพิ่มมาก ขน้ึ (A) 3. สาระสาคัญ (เนื้อหา) 1. ปญั หาทางกายภาพและภัยพิบัติทางธรรมชาตใิ นประเทศและภูมภิ าคต่าง ๆ ของโลก 2. สถานการณ์การเปล่ยี นแปลงดา้ นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม ไดแ้ ก่ การเปลีย่ นแปลงสภาพ ภูมอิ ากาศ ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชวี ภาพ และภัยพิบัติ 3. การจัดการภัยพิบัติ

4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) ลกั ษณะทางกายภาพทแ่ี ตกตา่ งกนั สง่ ผลใหเ้ กิดปัญหาและภัยพิบัตธิ รรมชาติทางบรรยากาศภาคท่ี แตกต่างกัน ทงั้ ในด้านประเภท ความถ่ี และความรนุ แรง 4.2 ทักษะ/กระบวนการ(P) (วธิ กี ารและขัน้ ตอนท่ใี ช้ดาเนนิ การค้นควา้ หาความร้)ู ใช้ทกั ษะทางภมู ิศาสตร์ ไดแ้ ก่ 1. การสงั เกต 2. การแปลความขอ้ มูลทางภมู ิศาสตร์ 3. การใช้ เทคนคิ และเครื่องมือทางภูมศิ าสตร์ 4. การคิดเชงิ พ้ืนที่ 5. การใช้เทคโนโลยี 4.3 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ  มีวินยั  ใฝ่เรยี นรู้  อยอู่ ย่างพอเพยี ง  มงุ่ มั่นในการทางาน  รักความเป็นไทย  มจี ติ สาธารณะ 5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น  ความสามารถในการสือ่ สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 6.1 ทกั ษะด้านการเรียนรแู้ ละนวัตกรรม  คิดสรา้ งสรรค์  ใสใ่ จนวัตกรรม  มีวิจารณญาณ  แก้ปัญหาเปน็  สื่อสารดี  เตม็ ใจรว่ มมอื 6.2 ทกั ษะด้านสารสนเทศ สอื่ เทคโนโลยี  อพั เดตทุกข้อมลู ขา่ วสาร  รเู้ ทา่ ทันสอ่ื  รอบรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ  ฉลาดสอ่ื สาร 6.3 ทกั ษะชวี ิตและอาชีพ  มคี วามยดื หยนุ่  รู้จักปรับตวั  ริเร่ิมสง่ิ ใหม่  ใสใ่ จดแู ลตนเอง  รู้จักเขา้ สังคม  เรยี นรู้วัฒนธรรม  มีความเปน็ ผู้นา  รบั ผิดชอบหน้าที่  พัฒนาอาชพี  หมน่ั หาความรู้รอบด้าน 7. แนวทางการบรู ณาการ การจัดการเรียนรู้  หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  โรงเรียนสงิ่ แวดลอ้ ม  โรงเรียนสจุ รติ /ต้านทุจริต  โรงเรยี นคุณธรรม  สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น  บูรณาการกลุ่มสาระการเรยี นรู้  บริหารจดั การชนั้ เรยี นเชงิ บวก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook