คำอธบิ ำยรำยวิชำ กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ สังคมศกึ ษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศกึ ษำปีที่ 4 รำยวิชำ สังคมศกึ ษำ รหัสวิชำ ส 31102 จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ********************************************************************************* ศึกษา วิเคราะห์ ความสาคัญของโครงสร้างทางสังคม การขัดเกลาทางสังคมและการเปลี่ยนแปลง ทางสังคม การแก้ปัญหาและแนวทางการพฒั นาทางสงั คม การปฏิบัติตนและสนับสนนุ ใหผ้ ูอ้ ่ืนประพฤติปฏบิ ัติ เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติและสังคมโลก วัฒนธรรมไทยท่ีสาคัญ การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและอนุรักษ์ วัฒนธรรมไทย และเลือกรับวัฒนธรรมสากล สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและแนวทาง การพัฒนา บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันเก่ียวกับสิทธิมนุษยชน ปัญหา การเมืองที่สาคัญในประเทศไทย การเมือง การปกครอง การประสานประโยชน์ร่วมกันระหว่างประเทศ การแลกเปล่ียนเพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมด้านวัฒนธรรม การศึกษา เศรษฐกิจ สังคม ความสาคัญและ ความจาเป็นที่ต้องธารงรกั ษาไวซ้ ่ึงการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข การมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ กฎหมายแพ่งเกี่ยวกับตนเองและครอบครัว กฎหมายแพ่ ง เกี่ยวกับนิติกรรมสัญญา กฎหมายอาญาในเรื่องความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย กฎหมายอืน่ ที่สาคญั ขอ้ ตกลงระหว่างประเทศ โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกล่มุ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ สามารถนาไปประยุกต์ปฏิบัติในการดาเนินชีวิต มีคุณธรรมจริยธรรม มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในด้านรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ สามารถดาเนินชวี ิตอยา่ งสนั ตสิ ขุ ในสังคมและสังคมโลก มำตรฐำน/ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ส 2.1 ตวั ชว้ี ัด ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 มาตรฐาน ส 2.2 ตัวช้วี ดั ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 รวม 9 ตัวช้ีวดั มำตรฐำน ตวั ชวี้ ัด ตัวชีว้ ดั ท่ี ส 2.1 ต้องรู้ ม.4-6/1 ม.4-6/2 และ ม.4-6/5 ส 2.2 ต้องรู้ ม.4-6/1 ม.4-6/3 และ ม.4-6/4 ส 2.1 ควรรู้ ม.4-6/3 ม.4-6/4 ส 2.2 ส 2.2 ม.4-6/2
รหสั วชิ า ส 31102 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำสงั คมศึกษำ 1.0 หน่วยกติ เวลา 40 ช่ัวโมง ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 คะแนนเต็ม 100 คะแนน ลำดบั มำตรฐำน/ สำระสำคัญ ชื่อ เวลำ น้ำหนัก ที่ ตวั ชวี้ ัด หนว่ ยกำรเรียนรู้ เรียน คะแนน -- โครงสร้างรายวชิ าสังคมศึกษา ส 31102 ปฐมนเิ ทศ 1- 1 ส 2.1 5 15 โครงสร้างทางสังคมมสี ถาบนั ทางสงั คมเปน็ ส่วน สังคมมนุษย์ 5 15 ม. 4-6/2 สาคัญที่ทาหนา้ ทใี่ นการขัดเกลาทางสังคมและมสี ่วน ในการแกป้ ัญหาและพฒั นาสังคม 4 10 2 ส 2.1 5 15 ม. 4-6/5 วฒั นธรรมไทยมคี ุณคา่ และความสาคัญต่อการดาเนิน วฒั นธรรมไทย ชีวิตของชาวไทย ซ่ึงจะต้องรจู้ ัก การปรับปรงุ 3 ส 2.1 เปล่ียนแปลง และอนรุ ักษ์วัฒนธรรมไทย และเลือก ม. 4-6/3 รับวฒั นธรรมสากลอยา่ งเหมาะสม 4 ส 2.1 การปฏบิ ัตติ นเปน็ พลเมืองดีของประเทศชาติและ พลเมอื งดขี อง ม. 4-6/4 สังคมโลกนั้นยอ่ มส่งผลตอ่ การอยู่ร่วมกนั ประเทศชาติและ อย่างสันติสุข สงั คมโลก ปัจจบุ ันนที้ ัง้ องค์กรตา่ ง ๆ ท้งั ในประเทศ และองค์กร สทิ ธิมนุษยชน ระหวา่ งประเทศตา่ งๆ ให้ความสาคัญกบั สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรว่ มมือกนั แกไ้ ข ปญั หาสิทธมิ นุษยชนใหเ้ ป็นไปตามปฏญิ ญาสากล ว่าด้วยสิทธมิ นษุ ยชนแหง่ สหประชาชาติ สอบกลางภาค
ลำดับ มำตรฐำน/ สำระสำคัญ ชือ่ เวลำ นำ้ หนัก ท่ี ตัวชวี้ ดั หนว่ ยกำร เรียน คะแนน เรยี นรู้ 5 ส 2.2 การร่วมมือกนั แก้ปญั หาการเมืองการปกครอง ระบอบการเมือง 6 15 ม. 4-6/1 และประสานประโยชนร์ ่วมกันระหว่างประเทศ การปกครอง ม.4-6/2 เป็นส่วนสาคัญในการธารงรักษาไวซ้ ่งึ ม.4-6/3 การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ 6 ส 2.2 การตรวจสอบการใช้อานาจรัฐตามบทบญั ญัติของ รฐั ธรรมนูญแห่ง 5 15 ม. 4-6/4 รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทยน้นั สามารถ อาณาจักรไทย ตรวจสอบได้โดยองค์กรอสิ ระและตรวจสอบโดย ประชาชน ดังนน้ั ประชาชนทุกคนจงึ ควรมสี ว่ น ร่วมในการตรวจสอบการใชอ้ านาจรัฐ 7 ส 2.1 การปฏบิ ตั ิตนตามกฎหมายท่ีเก่ียวกบั ตนเอง กฎหมายใน 8 15 ม. 4-6/1 ครอบครวั กฎหมายแพง่ เกี่ยวกับนิติกรรมสญั ญา ชวี ิตประจาวนั กฎหมายอาญา กฎหมายที่สาคัญของประเทศ และ ข้อตกลงระหว่างประเทศ ย่อมส่งผลต่อ ความสงบเรยี บรอ้ ยในสังคม ระดับประเทศ และสงั คมโลก รวม 40 60 สอบกลำงภำค 20 สอบปลำยภำค 20 คะแนนรวม 100
สำระท่ี 2 หน้ำที่พลเมือง วัฒนธรรมและกำรดำเนินชวี ิตในสังคม มำตรฐำน ตวั ช้วี ัด มำตรฐำน ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัติตน 1. วิเคราะหแ์ ละปฏิบตั ติ นตามกฎหมายทีเ่ กยี่ วข้องกับตนเอง ตามหน้าท่ขี องการเป็นพลเมืองดี มคี ่านิยม ครอบครวั ชมุ ชน ประเทศชาตแิ ละสังคมโลก ทด่ี งี าม และธารงรกั ษาประเพณแี ละ 2. วเิ คราะหค์ วามสาคัญของโครงสร้างทางสงั คม การขดั เกลา วัฒนธรรมไทย ดารงชีวิตอยรู่วมกันใน ทางสังคม และการเปลยี่ นแปลงทางสงั คม สงั คมไทย และสังคมโลกอยา่ งสันติสุข 3. การปฏบิ ตั ติ นและมีส่วนร่วมสนับสนุน ประพฤติ ปฏบิ ัตเิ พื่อ เปน็ พลเมืองดีของประเทศชาตแิ ละสงั คมโลก มำตรฐำนท่ี ส 2.2 เขา้ ใจระบบการเมือง 4. ประเมนิ สถานการณ์สิทธมิ นษุ ยชนในประเทศไทย และเสนอ การปกครองในสงั คมปจั จบุ ัน ยดึ มน่ั แนวทางพฒั นา ศรัทธา และธารงรักษาไวซ้ ่งึ การปกครอง 5. วเิ คราะห์ความจาเป็นท่ีจะต้องมีการปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลง ระบอบประชาธิปไตย อันมี และอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมไทย และรับวัฒนธรรมสากล พระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข 1. วเิ คราะห์ปัญหาการเมืองที่สาคัญในประเทศ จากแหล่งข้อมูล ต่างๆ พร้อมท้ังเสนอแนวทางแก้ไข 2. เสนอแนวทางทางการเมืองการปกครองที่นาไปสู่ความเข้าใจ และการประสานประโยชน์ร่วมกนั ระหว่างประเทศ 3. วเิ คราะหค์ วามสาคัญและความจาเป็นทีต่ ้องธารงรกั ษาไว้ ซ่ึงการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ์ ทรงเป็นประมขุ 4. เสนอแนวทางและมีส่วนรว่ มในการตรวจสอบการใช้อานาจ รัฐ
แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ 1 รำยวิชำ สังคมศึกษำ รหสั วชิ ำ ส 31102 กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ สงั คมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ช้ันมัธยมศกึ ษำปีที่ 4 ภำคเรยี นท่ี 2 ปีกำรศึกษำ 2563 หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง สังคมมนุษย์ จำนวน 5 คำบ ************************************************************************************************** 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ ตวั ชี้วัด/ผลกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบตั ติ นตามหน้าที่ของการเปน็ พลเมืองดี มคี ่านยิ มทดี่ ีงาม และธารง รกั ษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดารงชีวติ อยรู่วมกันในสงั คมไทย และสงั คมโลกอยา่ งสนั ติสุข ตวั ชว้ี ดั /ผลกำรเรียนรู้ ม.4-6/2 วิเคราะห์ความสาคัญของโครงสร้างทางสังคม การขัดเกลาทางสังคมและการเปล่ียนแปลง ทางสังคม 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรูส้ ่ตู ัวชวี้ ดั 1. บอกความหมาย ความสาคัญ และองค์ประกอบของโครงสร้างทางสงั คมได้ (K) 2. วิเคราะห์และอภิปรายเก่ียวกบั การขดั เกลาทางสังคมและการเปล่ยี นแปลงทางสงั คม (P) 3. เห็นความสาคัญของการจัดระเบียบทางสังคม (A) 3. สำระสำคัญ โครงสร้างทางสังคมมีสถาบันทางสงั คมเปน็ ส่วนสาคญั ที่ทาหน้าที่ในการขดั เกลาทางสงั คมและ มสี ่วนในการแกป้ ัญหาและพัฒนาสังคม 4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน(ใหเ้ ลอื กเขยี นเฉพาะหัวขอ้ ท่สี อดคล้องกับกจิ กรรมการเรียนในแต่ละหนว่ ย และตอ้ งประเมนิ ไดจ้ รงิ ) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 5. ทกั ษะกำรเรียนรู้นกั เรยี นในศตวรรษที่ 21 ทกั ษะดา้ นการเรยี นรู้และนวตั กรรม ทักษะดา้ นสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี ทักษะดา้ นชวี ิตและอาชีพ
6. กำรบูรณำกำรกำรเรยี นรู้ โรงเรยี นคุณธรรม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โรงเรยี นสจุ ริต/ตา้ นทจุ ริต สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ส่ิงแวดล้อม อืน่ ๆ (ระบ)ุ ........................................................................ 7. กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นกำรสอน (ใหเ้ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคญั ด้วยวิธกี ารสอน เทคนิคการสอน กระบวนการสอนทหี่ ลากหลายเหมาะสมกบั รายวชิ า) ช่วั โมงท่ี 1 ขั้นท่ี 1 นำเขำ้ สู่บทเรยี น 1. ครูแจ้งตวั ชีว้ ดั ชว่ งชั้นและจดุ ประสงค์การเรียนรใู้ ห้นกั เรียนทราบ 2. ครูให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน 3. ครนู าภาพครอบครัว กลุ่มเพ่อื น ใหน้ ักเรียนดู แลว้ ถามนักเรยี นว่าเกยี่ วข้องกับโครงสร้างทางสงั คม อย่างไร เพ่ือให้ได้ข้อสรุปที่จะเชือ่ มโยงเข้าเนื้อหาทจี่ ะเรยี น ขน้ั ท่ี 2 กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 4. ครสู นทนากบั นกั เรียนเกยี่ วกับโครงสร้างทางสงั คม 5. ครูให้นกั เรยี นศึกษาค้นคว้าเกย่ี วกบั โครงสร้างทางสังคม 6. ครูใหน้ กั เรยี นนั่งเป็นวงกลมแล้วอภปิ รายรว่ มกันในประเดน็ ต่อไปนี้ 1) โครงทางสังคมหมายถงึ อะไร และมีความสาคัญอย่างไร 2) โครงสรา้ งทางสังคมประกอบด้วยอะไรบา้ ง 3) การรวมกลุ่มของคนในสังคมจัดเป็นโครงสร้างทางสงั คมไดห้ รือไม่ 4) ลกั ษณะของโครงสรา้ งทางสงั คมเป็นอยา่ งไร 5) องค์ประกอบของโครงสร้างทางสังคมประกอบด้วยอะไรบ้าง จากนั้นบันทึกผลการอภิปราย 7. ครูใหน้ กั เรียนทาใบงาน เรื่อง โครงสร้างทางสังคม ข้ันที่ 3 ฝกึ ฝนผู้เรียน 8. ครใู หน้ กั เรียนทากิจกรรมท่ีเก่ยี วกับโครงสร้างทางสังคมและชว่ ยกันเฉลยคาตอบ ขนั้ ท่ี 4 นำไปใช้ 9. ครูให้นักเรียนจัดปา้ ยนิเทศเพื่อเผยแพร่ความรู้เรอื่ งโครงสร้างทางสงั คม ข้ันท่ี 5 สรุป 10. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรเู้ รอื่ ง โครงสรา้ งทางสังคม โดยให้นกั เรยี นสรุปเปน็ แผนที่ความคิด ช่วั โมงที่ 2 ขน้ั ท่ี 1 นำเขำ้ สู่บทเรียน 1. ครูให้นกั เรยี นดภู าพข่าวเกี่ยวกับนกั เรียนที่มีพฤตกิ รรมไม่เหมาะสมเขา้ รับการอบรมในค่ายทหาร ภาพข่าวเกีย่ วกบั การประกาศสงครามกบั ยาเสพติด แล้วซกั ถามนกั เรยี นว่าเป็นขา่ วเกี่ยวกับอะไรนักเรียน ช่วยกันตอบ ครูสรุปเพ่ือเช่อื มโยงเข้าส่เู นื้อหาทจ่ี ะเรยี น
ขน้ั ที่ 2 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 3. ครสู นทนากบั นักเรียนเก่ยี วกับการจัดระเบยี บสงั คม 4. ครูสนทนากับนกั เรยี นเกี่ยวกับการจดั ระเบียบสังคมและตอบคาถามในประเด็นต่าง ๆ เช่น 1) เหตใุ ดจึงตอ้ งมีการจัดระเบียบสงั คม 2) บรรทัดฐานเป็นองค์ประกอบสาคัญท่สี ดุ ในการจดั ระเบยี บสงั คม นักเรียนเห็นดว้ ยหรือไม่ เพราะเหตุใด 3) สงั คมมีวิธคี วบคมุ สมาชิกใหป้ ฏบิ ัตติ ามบรรทดั ฐานทางสังคมอย่างไร 4) ยกตัวอยา่ งจารีตและวิถีชาวบ้านของสังคมไทยที่ยงั คงหลงเหลอื ในปจั จบุ นั มาอยา่ งละ 3 ประการ 5) บทบาททางสังคมมคี วามสมั พนั ธเ์ กีย่ วกับสถานภาพทางสังคมอยา่ งไร 6) เหตใุ ดจงึ ต้องมกี ารควบคุมทางสังคม 5. ครสู มุ่ นกั เรียน 4 คน ออกมาเขยี นคาตอบคนละ 1 ข้อความ บนกระดาน 6. ครูเฉลยคาตอบ จากนน้ั ให้นักเรียนศกึ ษาเรื่อง การจดั ระเบยี บสังคม จากส่ือการเรียนรู้ หรอื จาก แหลง่ การเรยี นรอู้ ื่น ๆ 7. ในขณะปฏบิ ัติกจิ กรรมของนักเรยี น ให้ครสู ังเกตพฤตกิ รรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนักเรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบคุ คลหรอื เป็นกลมุ่ ขน้ั ที่ 3 ฝึกฝนผเู้ รยี น 8. ครูให้นักเรยี นทาสมุดภาพข่าวเกี่ยวกบั นโยบายการจัดระเบยี บสงั คมของรัฐบาลชุดปจั จบุ นั 9. ครใู หน้ ักเรียนทากิจกรรมท่ีเกี่ยวกับการจัดระเบยี บทางสังคม แล้วช่วยกนั เฉลยคาตอบ ข้นั ที่ 4 นำไปใช้ 10. ให้นกั เรยี นเขยี นบทความเก่ยี วกับการจัดระเบยี บทางสังคม แลว้ นาผลงานของทุกคนมาจดั ปา้ ย นเิ ทศ ข้นั ที่ 5 สรุป 11. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรูเ้ รอื่ ง การจัดระเบยี บทางสังคม โดยอาจใหน้ ักเรยี นสรุปเป็น แผนทีค่ วามคดิ ช่ัวโมงท่ี 3 ข้ันท่ี 1 นำเข้ำสบู่ ทเรยี น 1. ครูซกั ถามนักเรียนวา่ การอยรู่ ่วมกนั ในสังคมจาเป็นตอ้ งมีการปรบั ตัวเข้าหากันหรือไม่ เพราะเหตุ ใด โดยครูสุ่มเลือกนักเรยี น 4–6 คน ออกมาตอบคาถาม และใหน้ ักเรียนคนอ่ืน ๆ เสริมความรเู้ พิ่มเติมจาก ทเี่ พื่อนพดู จากน้นั ครสู รปุ เพ่ือเชอ่ื มโยงเข้าสเู่ นอ้ื หาท่ีจะเรียน ขั้นที่ 2 กิจกรรมกำรเรียนรู้ 2. ครูอธิบายเกีย่ วกับการขัดเกลาทางสงั คม แลว้ สุ่มเลือกนักเรยี นออกมาแสดงความคิดเหน็ ว่า ถ้าไม่มีการขดั เกลาทางสังคมจะทาใหส้ ังคมเปน็ อยา่ งไร
3. ครสู รปุ คาตอบและอธบิ ายเพมิ่ เตมิ พร้อมทัง้ ชมเชยให้กาลังใจนกั เรยี นที่ตอบคาถาม 4. ครูให้นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4–6 คน ศึกษาข้อมลู เร่อื ง การขัดเกลาทางสังคม โดยให้แต่ละ กลมุ่ ช่วยเหลือและให้ความรกู้ ันในกลุ่ม แลว้ บันทึกข้อมูลลงในแบบบนั ทึกความรู้ 5. ครูให้นักเรยี นทาใบงานเร่ือง การขัดเกลาทางสังคม 6. ในขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรมของนักเรยี น ให้ครสู งั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคลหรอื เป็นกล่มุ ขั้นท่ี 3 ฝึกฝนผูเ้ รียน 7. ครใู หน้ ักเรียนทากจิ กรรมเกี่ยวกบั การขัดเกลาทางสงั คม และช่วยกนั เฉลยคาตอบ ขน้ั ท่ี 4 นำไปใช้ 8. ครใู ห้นักเรยี นนาความร้เู รื่องการขัดเกลาทางสังคมไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวนั ขัน้ ที่ 5 สรุป 9. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปความรู้เร่ือง การขดั เกลาทางสังคม โดยใหน้ กั เรยี นสรปุ เป็นแผนท่ี ความคิด ช่วั โมงที่ 4 ขัน้ ท่ี 1 นำเขำ้ สบู่ ทเรียน 1. ครูแจ้งตัวชวี้ ดั ชว่ งชั้นและจดุ ประสงค์การเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ 2. ครใู ห้นักเรยี นดูภาพการแต่งงานของคนไทย ภาพการประกอบอาชีพ แล้วรว่ มกนั แสดง ความคดิ เหน็ ครูอธบิ ายสรปุ เพือ่ เชื่อมโยงเข้าสเู่ น้ือหาทจ่ี ะเรยี น ข้ันที่ 2 กิจกรรมกำรเรียนรู้ 3. ครสู นทนากบั นกั เรียนเก่ียวกับลักษณะสงั คมไทย 4. ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–6 คน ให้แต่ละกลุ่มสารวจสภาพสังคมและสถาบันสังคมในท้องถ่นิ ของตนเองว่าเปน็ อย่างไรบา้ ง แล้วบันทึกผล 5. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ นาผลการสารวจมาร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็นและวเิ คราะหว์ า่ ปจั จัยใดท่ีทาให้สังคมมีการเปลย่ี นแปลง 6. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ยี วกับลักษณะท่ัวไปของสงั คมไทย 7. ในขณะปฏบิ ัติกิจกรรมของนักเรียน ให้ครูสังเกตพฤตกิ รรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบคุ คลหรอื เปน็ กล่มุ ขั้นที่ 3 ฝึกฝนผู้เรยี น 8. ครใู ห้นกั เรียนหาภาพและข่าวของสถาบันทางสังคม และวเิ คราะห์สาเหตุของปัญหาสถาบนั สงั คมไทยแตล่ ะปญั หา ข้ันที่ 4 นำไปใช้ 9. ครูใหน้ ักเรยี นรว่ มกันวเิ คราะหแ์ นวทางการแกป้ ัญหาของสถาบนั สังคมไทย 10. นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายว่านกั เรียนสามารถมีสว่ นรว่ มในการแกป้ ญั หาของสถาบันทางสงั คมได้ อย่างไร
ขนั้ ท่ี 5 สรุป 11. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปความรู้เรือ่ งสถาบันทางสงั คม โดยใหน้ ักเรียนสรปุ เป็นแผนผังก้างปลา ชั่วโมงท่ี 5 ขน้ั ท่ี 1 นำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูแจง้ ตัวชวี้ ัดชว่ งชั้นและจดุ ประสงค์การเรยี นรใู้ หน้ กั เรยี นทราบ 2. ครูเกริน่ นาถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางสงั คม แล้วถามนักเรยี นวา่ สงั คมทีเ่ กดิ ขึ้นในอดีตนัน้ แตกต่างกับสังคมปจั จุบันอยา่ งไร เพื่อให้ไดข้ ้อสรุปท่ีจะเช่ือมโยงเข้าเน้อื หาท่ีจะเรยี น ขน้ั ท่ี 2 กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 3. ครูสนทนากับนักเรยี นเกีย่ วกบั การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม 4. ครอู ธิบายเรอ่ื งการเปล่ยี นแปลงทางสังคม 5. ครใู ห้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 3–4 คน ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันคิดคาตอบจากคาถามที่ กาหนดให้ เชน่ 1) การเปลยี่ นแปลงทางสังคมหมายความวา่ อย่างไร 2) ปจั จัยใดบ้างทท่ี าให้เกิดการเปลีย่ นแปลงทางสงั คม 3) การเปลย่ี นแปลงทางสังคมไทยมรี ูปแบบใดบ้าง ขน้ั ท่ี 3 ฝึกฝนผูเ้ รยี น 6. ครใู ห้นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม และชว่ ยกนั เฉลยคาตอบ ข้นั ที่ 4 นำไปใช้ 7. นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายว่านกั เรยี นสามารถมสี ่วนรว่ มในการแก้ปัญหาของการเปล่ยี นแปลงทาง สังคมได้อยา่ งไร ขัน้ ท่ี 5 สรุป 8. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง สงั คมมนุษย์ 9. นักเรยี นสรุปความรู้ เร่อื งสังคมมนษุ ย์ เปน็ แผนทค่ี วามคดิ 8. ส่ือกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ สอื่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียน หน้าที่พลเมืองฯ ม.4-ม.6 2. แบบทดสอบก่อน-หลงั เรยี น เรอื่ ง“สังคมมนษุ ย์” แหลง่ การเรียนรู้ 1. ห้องสมดุ 2. แหล่งข้อมลู สารสนเทศ http://www.m-society.go.th
9. กำรวดั และประเมินผล ดำ้ น วธิ กี ำรวดั ผลและกำรประเมินผล เครอื่ งมอื วัดและประเมินผล เกณฑ์กำรวัด ควำมรู้ (K) 1. ทดสอบก่อนเรยี น 1. ทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรยี น รอ้ ยละ 60 2. ตรวจผลงาน/กจิ กรรมเปน็ 2. เกณฑ์การตรวจผลงาน/กิจกรรม ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคลหรือเปน็ กลมุ่ เปน็ รายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม ทกั ษะ การประเมนิ ดา้ นทักษะ/ แบบประเมินด้านทักษะ/ ระดบั 2 ขึน้ ไป กระบวนกำร (P) กระบวนการ กระบวนการ คณุ ธรรม การประเมนิ ดา้ นคุณธรรม แบบประเมนิ ด้านคุณธรรม ระดบั 2 ข้ึนไป จรยิ ธรรม และ จริยธรรม และค่านยิ ม จริยธรรม และค่านยิ ม ค่ำนิยม (A) เกณฑ์กำรประเมินผลงำนนกั เรียน ด้ำน ระดบั แนวทำงกำรใหค้ ะแนน คณุ ภำพ ดำ้ นควำมรู้ 3 ขอ้ มูลความรูถ้ ูกตอ้ งและสมบูรณ์ (K) 2 ข้อมูลความรู้ถูกต้องแต่ยังไมส่ มบรู ณ์ 1 ขอ้ มลู ความรูไ้ ม่ถูกต้องและไม่สมบรู ณ์ ด้ำนกระบวนกำร (P) 3 มีการวิเคราะห์ อภปิ รายและนาเสนองานหรือแนวคดิ บ่อยครง้ั 2 มกี ารวเิ คราะห์ อภปิ รายและนาเสนองานหรอื แนวคิดบา้ ง 1 ไมม่ ีการอภิปรายและนาเสนองานหรอื แนวคดิ ดำ้ นคณุ ลักษณะ (A) 3 มคี วามรับผดิ ชอบในการทางานเปน็ รายบุคคลหรอื เปน็ กลุม่ ดีมาก 2 พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคลหรอื เปน็ กลมุ่ ดี 1 พฤติกรรมในการทางานเป็นรายบคุ คลหรือเป็นกลมุ่ พอใช้ ระดับคะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดีมาก คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้ คะแนน
แบบประเมินแผนผงั ควำมคิด เร่อื ง สังคมมนุษย์ รำยกำรประเมนิ ดมี ำก (4) คำอธบิ ำยระดบั คณุ ภำพ / ระดับคะแนน ปรับปรุง (1) ดี (3) พอใช้ (2) 1. ควำมสำคัญ วิเคราะห์ วเิ คราะห์ วิเคราะห์ วเิ คราะห์ ของกำรอยู่ ความสาคัญของการ ความสาคัญของการ ความสาคญั ของการ ความสาคัญของการ ร่วมกันเป็น อยู่รว่ มกันเป็นสงั คม อยู่รว่ มกันเปน็ สงั คม อยู่ร่วมกนั เป็นสงั คม อยรู่ ว่ มกนั เปน็ สงั คม สงั คม ไดถ้ ูกต้องชัดเจน ได้ถูกต้อง ชดั เจน ได้ถูกตอ้ งชัดเจนเป็น ได้ถูกตอ้ งแตไ่ ม่ เปน็ สว่ นใหญ่ บางส่วน ชัดเจน 2. โครงสร้ำง อธิบายโครงสร้างทาง อธิบายโครงสรา้ งทาง อธบิ ายโครงสร้างทาง อธิบายโครงสรา้ งทาง ทำงสงั คม สงั คมและ สงั คมและ สงั คมและ สงั คมและ ความสัมพันธ์ระหว่าง ความสมั พนั ธ์ระหว่าง ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง สถาบันทางสงั คมได้ สถาบนั ทางสงั คมได้ สถาบันทางสังคมได้ สถาบันทางสังคมได้ ถูกต้อง ครบถ้วน ถูกต้อง ถกู ต้อง ถกู ต้อง สมบูรณ์ เกือบครบถว้ น เป็นบางส่วน เปน็ ส่วนน้อย 3. กำรขดั เกลำ วเิ คราะห์ผลของการ วิเคราะห์ผลของการ วิเคราะหผ์ ลของการ วเิ คราะห์ผลของการ ทำงสังคม ขัดเกลาทางสงั คมได้ ขัดเกลาทางสงั คมได้ ขดั เกลาทางสังคมได้ ขดั เกลาทางสงั คมได้ อยา่ งมเี หตุผล อยา่ งมเี หตุผล อย่างมเี หตุผล อยา่ งมีเหตผุ ล ถูกต้อง ชัดเจน ถูกต้อง ชัดเจนเป็น ถูกต้อง เปน็ บางสว่ น ถกู ต้อง เปน็ สว่ น สว่ นใหญ่ นอ้ ย 4. กำร วเิ คราะห์ผลของการ วเิ คราะห์ผลของการ วเิ คราะหผ์ ลของการ วเิ คราะหผ์ ลของการ เปลยี่ นแปลง เปลี่ยนแปลงทาง เปลย่ี นแปลงทาง เปลย่ี นแปลงทาง เปล่ียนแปลงทาง ในสงั คม สังคมได้อย่างมี สังคมได้อยา่ งมี สงั คมได้อยา่ งมี สงั คมได้อย่างมี เหตุผล ถกู ต้อง เหตผุ ล ถูกต้องเป็น เหตุผล ถูกต้องเป็น เหตผุ ล ถกู ตอ้ งเป็น ชัดเจน สว่ นใหญ่ บางสว่ น ส่วนน้อย เกณฑ์กำรตัดสนิ คณุ ภำพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภำพ 13-16 ดีมาก 9-12 ดี 5-8 พอใช้ 1-4 ปรับปรงุ
10. บนั ทึกผลหลงั กำรสอน 10.1 สรปุ ผลกำรเรียนกำรสอน 1. นกั เรยี นจานวน........................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ ..............คน คิดเป็นรอ้ ยละ................................. ไมผ่ า่ นจุดประสงค.์ ...........................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ................................. ได้แก่ 1........................................................................................... 2. ........................................................................................ 3. .......................................................................................... นกั เรยี นทมี่ คี วามสามารถพเิ ศษไดแ้ ก่ 1. .......................................................................................... 2. .......................................................................................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นกั เรียนมีความรู้เกดิ ทกั ษะ (P) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. นกั เรียนมีเจตคติ คา่ นยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 10.2 ปัญหำ/อุปสรรค (ผลการประเมนิ ที่ไม่เปน็ ไปตามจุดประสงค์สู่ตวั ชีว้ ดั คุณลักษณะหรอื สมรรถนะ ของ ผเู้ รียน) .................................................................................... ........................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... 10.3 แนวทำงแก้ไข /แนวทำงกำรพฒั นำ (แนวทางการแกป้ ัญหา/พฒั นานักเรียนให้ได้ ตามตวั ช้ีวัด คุณลกั ษณะ หรือสมรรถนะของผเู้ รยี น) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ลงช่อื ................................................................. (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ชานาญการพเิ ศษ
ควำมเห็นของหัวหนำ้ ของหัวหน้ำกล่มุ สำระกำรเรียนรู้ ได้ตรวจแผนการจัดการเรยี นร้ขู อง นางกนกวรรณ ชนะถาวร แล้วมีความคิดเหน็ ดงั น้ี 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้ เน้นผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ นาไปใช้ได้จริง ควรปรับปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ............................................................................................................................. ............................................... .................................................................................................................................. .......................................... ......................................................................................... ................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... ลงชอ่ื ......................................................... (นายตฤณเศรษฐ์ รตั นรังสฤษฎ์) ตาแหน่ง ครู ความคดิ เหน็ รองผ้อู านวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ............................................................................................................................. ........................................ ลงชอื่ .......................................................... (นางบุณฑรกิ ศรบี ุญเรอี ง) รองผู้อานวยการ กลุ่มงานบรหิ ารวิชาการ
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 2 รำยวิชำ สงั คมศกึ ษำ รหสั วิชำ ส 31102 กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ สังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 4 ภำคเรยี นท่ี 2 ปีกำรศกึ ษำ 2563 หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 2 เร่อื ง วัฒนธรรมไทย จำนวน 5 คำบ ************************************************************************************************** 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด/ผลกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มำตรฐำน ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบัติตนตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมอื งดี มคี ่านิยมที่ดีงาม และธารง รกั ษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดารงชีวติ อยรวู่ มกันในสงั คมไทย และสงั คมโลกอย่างสนั ติสุข ตัวชวี้ ดั /ผลกำรเรียนรู้ ม.4-6/5 วัฒนธรรมไทยมีคุณค่าและความสาคัญต่อการดาเนินชีวิตของชาวไทย ซ่ึงจะต้องรู้จัก การปรับปรงุ เปลยี่ นแปลง และอนุรกั ษ์วัฒนธรรมไทย และเลือกรับวัฒนธรรมสากลอย่างเหมาะสม 2. จุดประสงค์กำรเรียนร้สู ตู่ วั ชีว้ ดั 1. อธบิ ายลักษณะสาคัญของวฒั นธรรมไทยได้ (K) 2. วิเคราะหค์ วามสัมพนั ธร์ ะหว่างวฒั นธรรมไทยกบั สถาบนั สังคมไทย (P) 3. เห็นคณุ คา่ และความสาคัญของการเลอื กรบั วฒั นธรรมสากล (A) 3. สำระสำคญั สังคมไทยมีการเปล่ียนแปลงไปตามกระแสโลกาภวิ ัตน์ ซึ่งมีผลท้ังทางบวกและทางลบซ่ึงผลกระทบ ทางลบอาจกอ่ ให้เกดิ ปญั หาสังคมตามมา ดงั นั้น ประชาชนทกุ คนต้องรว่ มกันแก้ไขและช่วยกนั สรา้ งแนวทาง ในการพฒั นาสงั คม เพ่อื สรา้ งรากฐานทางสังคมที่เขม้ แข็ง 4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (ใหเ้ ลอื กเขยี นเฉพาะหัวข้อทีส่ อดคลอ้ งกบั กิจกรรมการเรียนในแตล่ ะหนว่ ย และตอ้ งประเมินไดจ้ รงิ ) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 5. ทักษะกำรเรยี นร้นู กั เรยี นในศตวรรษที่ 21 ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม ทกั ษะดา้ นสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี ทกั ษะดา้ นชีวิตและอาชีพ
6. กำรบูรณำกำรกำรเรยี นรู้ โรงเรียนคณุ ธรรม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนสุจรติ /ตา้ นทจุ รติ สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน สิง่ แวดลอ้ ม อน่ื ๆ (ระบ)ุ ........................................................................ 7. กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นกำรสอน (ให้เน้นผูเ้ รียนเปน็ สาคญั ด้วยวิธกี ารสอน เทคนิคการสอน กระบวนการสอนทห่ี ลากหลายเหมาะสมกบั รายวชิ า) ชว่ั โมงท่ี 1 - 3 ขัน้ ที่ 1 นำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูแจ้งตวั ช้ีวัดชว่ งช้นั และจดุ ประสงค์การเรียนร้ใู หน้ ักเรยี นทราบ 2. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี นเรอื่ ง “วัฒนธรรมไทย” 3. ครใู ห้นักเรียนดูภาพการทาบญุ ตักบาตร ภาพการรดนา้ ดาหัวผใู้ หญ่ แล้วร่วมกันแสดงความคิดเห็น ครอู ธิบายสรุปเพื่อเช่อื มโยงเข้าสเู่ น้อื หาท่ีจะเรยี น ข้ันที่ 2 กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 4. ครูสนทนากับนกั เรยี นเกยี่ วกับลักษณะสังคมไทย 5. ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 4–5 คน ใหแ้ ต่ละกลุ่มศึกษาความรู้เก่ยี วกับวัฒนธรรม จดั ทาสมุดภาพ เก่ยี วกับวัฒนธรรม แล้วนาขอ้ มูลเสนอหนา้ ชนั้ เรียนในรูปแบบ Power Point ในสมดุ ภาพกาหนดให้แตล่ ะ กลมุ่ ต้องมขี ้อมลู ต่อไปนี้ 1) ความหมายของวฒั นธรรม 2) ลกั ษณะสาคญั ของวัฒนธรรม 3) ประเภทของวฒั นธรรมไทย - คตธิ รรม - นิตธิ รรม - สหธรรม - วัตถุธรรม 6. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มตัง้ คาถามให้เพ่ือน ๆ ทายเกมถอดรหัสดาวนิ ชวี ัฒนธรรมไทย กลุ่มละ 1 คาถาม โดยครใู ห้นกั เรียนลองเลน่ เกมจากตวั อยา่ งทค่ี รูเตรียมมา 7. ในขณะปฏิบัติกจิ กรรมของนกั เรียน ใหค้ รสู ังเกตพฤตกิ รรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนักเรียนตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทางานเป็นรายบคุ คลหรือเป็นกลมุ่ ขัน้ ที่ 3 ฝึกฝนผูเ้ รียน 8. นกั เรียนนาเสนอผลงานกลุ่ม และทายเกมถอดรหสั ดาวินชีวฒั นธรรมไทย 9. นกั เรียนเล่นเกมถอดรหัสดาวนิ ชวี ัฒนธรรมไทย 10. ครใู หแ้ ตล่ ะกลุ่มนาผลการศึกษาความรมู้ าร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็นและวิเคราะหว์ ่า ปัจจยั ใดทีท่ าให้วัฒนธรรมมีการเปลีย่ นแปลง
ข้ันที่ 4 นำไปใช้ 11. ครใู ห้นกั เรียนยกตัวอยา่ งวฒั นธรรมไทยท่ีเกีย่ วข้องกับสถาบันทางสงั คม 12. ครใู หน้ กั เรยี นวิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ระหว่างวฒั นธรรมไทยกับสถาบนั สังคมไทย ขน้ั ที่ 5 สรุป 13. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปความรเู้ รอ่ื ง วฒั นธรรมไทย ชว่ั โมงท่ี 4 - 5 ขน้ั ท่ี 1 นำเข้ำสู่บทเรยี น 1. ครใู ห้นักเรียนดูภาพการแต่งกายแบบไทยและการแตง่ กายแบบสากล แล้วรว่ มกันแสดงความ คดิ เหน็ ครูอธบิ ายสรุปเพือ่ เชื่อมโยงเขา้ สู่เน้ือหาทจ่ี ะเรียน ขั้นที่ 2 กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 2. ครูสนทนากับนกั เรียนเกยี่ วกับวฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล 3. ครตู ัง้ คาถามใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับการเลอื กรับวัฒนธรรมสากล 4. นักเรยี นจบั ควู่ เิ คราะห์ผลดี–ผลเสียของการรบั วฒั นธรรมสากล 5. ครสู มุ่ ตัวอย่างเลขท่ี ออกมานาเสนอการวเิ คราะหข์ ้อมูลผลดี–ผลเสยี ของการรับวฒั นธรรมสากล ขั้นท่ี 3 ฝึกฝนผเู้ รียน 6. ครใู ห้นกั เรยี นวิเคราะห์ผลกระทบต่อตนเองและประเทศชาติ จากการรบั วัฒนธรรมสากลเข้ามาใช้ มอี ะไรบ้าง 7. ครูตง้ั คาถามให้นกั เรยี นคดิ วา่ การเลือกรับวัฒนธรรมสากลอยา่ งมวี ิจารณญาณทาได้อย่างไรบา้ ง ขน้ั ที่ 4 นำไปใช้ 8. ครูใหน้ ักเรียนยกตัวอยา่ งการเลอื กรับวฒั นธรรมสากลอย่างมีวจิ ารณญาณ 9. ครูให้นักเรยี นวิเคราะหค์ วามสมั พนั ธ์ระหวา่ งวฒั นธรรมไทยกับวัฒนธรรมสากล ขั้นที่ 5 สรุป 10. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปความรูเ้ รือ่ งวฒั นธรรมไทยกับวฒั นธรรมสากล 11. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเรื่อง “วัฒนธรรมไทย” และช่วยกนั เฉลยคาตอบ 8. ส่อื กำรเรยี นรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน เรื่อง “วฒั นธรรมไทย” 2. ภาพการทาบญุ ตกั บาตร ภาพการรดน้าดาหวั ผใู้ หญ่ 3. เกมถอดรหสั ดาวินชวี ฒั นธรรมไทย 4. ภาพการแต่งกายแบบไทยและการแตง่ กายแบบสากล 5. หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน หนา้ ท่ีพลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนนิ ชวี ิตในสงั คม
9. กำรวดั และประเมนิ ผล ด้ำน วธิ ีกำรวดั ผลและกำรประเมินผล เคร่ืองมือวดั และประเมินผล เกณฑ์กำรวัด 1. ทดสอบก่อนเรียน 1. ทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน ร้อยละ 60 ควำมรู้ (K) 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น 2. เกณฑ์การตรวจผลงาน/กิจกรรม ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คลหรอื เปน็ กลมุ่ เป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุม่ ทกั ษะ/ การประเมนิ ด้านทักษะ/ แบบประเมินดา้ นทักษะ/ ระดับ 2 ขน้ึ ไป กระบวนกำร (P) กระบวนการ กระบวนการ คุณธรรม จรยิ ธรรม การประเมินดา้ นคุณธรรม แบบประเมนิ ด้านคุณธรรมจริยธรรม ระดบั 2 ขึน้ ไป และค่ำนิยม (A) จรยิ ธรรม และคา่ นยิ ม และคา่ นยิ ม เกณฑ์กำรประเมินผลงำนนักเรยี น (สามารถปรบั เปล่ยี นได้ผลความเหมาะสม) ด้ำน ระดบั แนวทำงกำรใหค้ ะแนน คุณภำพ ด้ำนควำมรู้ 3 ขอ้ มลู ความรู้ถูกต้องและสมบูรณ์ (K) 2 ข้อมลู ความรถู้ ูกตอ้ งแตย่ งั ไมส่ มบรู ณ์ 1 ขอ้ มลู ความร้ไู ม่ถูกต้องและไม่สมบรู ณ์ ด้ำนกระบวนกำร 3 มีการวเิ คราะห์ อภปิ รายและนาเสนองานหรือแนวคดิ บ่อยครัง้ (P) 2 มกี ารวเิ คราะห์ อภปิ รายและนาเสนองานหรือแนวคดิ บา้ ง 1 ไมม่ ีการอภิปรายและนาเสนองานหรือแนวคดิ ด้ำนคณุ ลักษณะ 3 มคี วามรบั ผดิ ชอบในการทางานเป็นรายบุคคลหรอื เปน็ กลุ่มดมี าก (A) 2 พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคลหรือเป็นกลุม่ ดี 1 พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคลหรือเป็นกลมุ่ พอใช้ ระดับคะแนน หมายถึง ระดับดีมาก คะแนน 3 หมายถงึ ระดับดี คะแนน 2 หมายถงึ ระดบั พอใช้ คะแนน 1
10. บันทึกผลหลงั กำรสอน 10.1 สรุปผลกำรเรยี นกำรสอน 1. นักเรียนจานวน........................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้...............คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ................................. ไม่ผา่ นจุดประสงค์............................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ................................. ไดแ้ ก่ 1....................................................... .................................... 2. ........................................................................................ 3. .......................................................................................... นักเรยี นทีม่ ีความสามารถพิเศษไดแ้ ก่ 1. .......................................................................................... 2. .......................................................................................... 2. นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นกั เรียนมีความรเู้ กดิ ทักษะ (P) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 10.2 ปญั หำ/อปุ สรรค (ผลการประเมนิ ทไ่ี ม่เปน็ ไปตามจุดประสงคส์ ู่ตวั ชวี้ ัด คุณลักษณะหรือสมรรถนะ ของ ผเู้ รยี น) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ 10.3 แนวทำงแก้ไข /แนวทำงกำรพัฒนำ (แนวทางการแก้ปัญหา/พฒั นานักเรียนให้ได้ ตามตวั ช้วี ดั คณุ ลกั ษณะ หรือสมรรถนะของผูเ้ รียน) ............................................................................................................................................ ................................ ................................................................................................... ......................................................................... ลงชือ่ ................................................................. (.....................................................) ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ.....................
ควำมเหน็ ของหัวหนำ้ ของหัวหนำ้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ไดต้ รวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง...................................................................แล้วมีความคิดเห็น ดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจดั กิจกรรมได้นาเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไม่เนน้ ผูเ้ รียนเปน็ สาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี นาไปใช้ไดจ้ ริง ควรปรบั ปรุงกอ่ นนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ .................................................................................... ........................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................................................ ลงช่อื .................................................................. (..................................................................) ตาแหน่ง............................................................. ความคดิ เหน็ รองผอู้ านวยการ กลมุ่ บริหารวิชาการ ..................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .......................................................... (นางบุณฑริก ศรบี ุญเรอี ง) รองผู้อานวยการ กลุ่มงานบรหิ ารวชิ าการ
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 3 รำยวชิ ำ สังคมศกึ ษำ รหสั วิชำ ส 31102 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ สังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศึกษำปีท่ี 4 ภำคเรยี นท่ี 2 ปีกำรศกึ ษำ 2563 หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง พลเมืองดขี องประเทศชำตแิ ละสังคมโลก จำนวน 4 คำบ ************************************************************************************************** 1. มำตรฐำนกำรเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ดั /ผลกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มำตรฐำน ส 2.1 เขา้ ใจและปฏบิ ตั ิตนตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมอื งดี มคี ่านิยมทด่ี ีงาม และธารง รักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดารงชีวติ อยรวู่ มกันในสังคมไทย และสงั คมโลกอย่างสันตสิ ขุ ตวั ชวี้ ดั /ผลกำรเรยี นรู้ ม. 4-6/3 การปฏิบัติตนและมีส่วนร่วมสนับสนุน ประพฤติ ปฏิบัติเพ่ือเป็นพลเมืองดีของประเทศ ชาติและสังคมโลก 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนร้สู ตู่ วั ชีว้ ดั 1. บอกความสามารถของตนเองในการทาประโยชนต์ ่อสงั คมและประเทศชาติ (K) 2. ปฏิบตั ติ นในส่งิ ท่เี ปน็ ประโยชน์ตอ่ สงั คมและประเทศชาติไดอ้ ย่างเหมาะสม (P) 3. ปฏิบตั ติ นที่แสดงออกถงึ การเคารพในสิทธิและเสรภี าพของตนเองและผู้อนื่ (P) 4. เห็นความสาคญั ของการทาประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ รวมทง้ั การเคารพในสทิ ธิและ เสรภี าพของตนเองและผอู้ น่ื (A) 3. สำระสำคัญ พลเมอื งดี คือ ผู้ทม่ี คี วามรับผิดชอบต่อสังคมและศลี ธรรม มีสว่ นรว่ มกับกิจกรรมของชมุ ชนและมี ความรูใ้ นเร่อื งการเมอื ง นอกจากน้ี ยงั ต้องมสี านกึ ต่อสว่ นรวมหรอื จิตสาธารณะโดยการรบั ผดิ ชอบตอ่ สาธารณสมบตั แิ ละทรัพยากรธรรมชาติ ทากจิ กรรมเพอื่ สังคมทีเ่ ป็นประโยชน์รว่ มกันของสว่ นรวม รวมทัง้ รบั รู้ และตระหนักถึงปัญหาท่เี กิดขึ้นในสงั คมและมีการแก้ไขรว่ มกัน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (ให้เลอื กเขียนเฉพาะหวั ข้อท่สี อดคลอ้ งกบั กิจกรรมการเรยี นในแตล่ ะหนว่ ย และตอ้ งประเมินไดจ้ ริง) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ทักษะกำรเรยี นร้นู ักเรยี นในศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะดา้ นการเรียนรแู้ ละนวตั กรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สือ่ และเทคโนโลยี ทักษะด้านชวี ิตและอาชพี 6. กำรบรู ณำกำรกำรเรยี นรู้ โรงเรยี นคณุ ธรรม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โรงเรียนสจุ ริต/ตา้ นทุจริต สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน สงิ่ แวดล้อม อน่ื ๆ (ระบ)ุ ........................................................................ 7. กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นกำรสอน (ใหเ้ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญดว้ ยวิธกี ารสอน เทคนิคการสอน กระบวนการสอนท่หี ลากหลายเหมาะสมกับรายวิชา) ชั่วโมงที่ 1 ขั้นที่ 1 นำเข้ำส่บู ทเรยี น 1. ครแู จ้งตวั ชวี้ ดั ชว่ งช้นั และจุดประสงคก์ ารเรียนรูใ้ หน้ กั เรยี นทราบ 2. นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เร่อื ง “พลเมืองดี” 3. นักเรยี นดูภาพยนตรส์ ั้นเรื่อง “เป๊ยี ก” จากนั้นครูถามนักเรยี นว่า จากภาพยนตร์สน้ั นักเรยี นคดิ ว่า เกย่ี วขอ้ งกบั การเปน็ พลเมืองดีอย่างไร นักเรียนช่วยกันตอบ จากน้ันครูอธิบายสรปุ เพอ่ื เชือ่ มโยงไปสูเ่ นื้อหา ทจ่ี ะเรียน ขัน้ ที่ 2 กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4. ครูแจกใบงานเรื่องคุณลกั ษณะพลเมอื งดีให้นกั เรยี นทุกคนเขยี นคณุ ลักษณะพลเมืองดใี ห้มากท่สี ดุ 5. ครูแจกกระดาษสต๊ิกเกอรโ์ น้ตใหน้ ักเรยี นทุกคนเขียนคุณลักษณะท่สี าคญั ของพลเมืองดี คนละ 1 คณุ ลักษณะ แลว้ นามาติดบนกระดานหนา้ ชน้ั เรียน 6. ครูอา่ นคาตอบของนักเรยี นทีละแผ่น แล้วใหน้ กั เรยี นใหค้ ะแนนตนเอง 1 คะแนนถา้ นักเรียนมี คุณสมบัติดงั กล่าว ครมู อบรางวัลให้นักเรยี นทไี่ ด้คะแนนสงู สดุ ขนั้ ที่ 3 ฝกึ ฝนผู้เรียน 7. ครูให้นกั เรียนศึกษาส่ือ power point เรอ่ื ง การศึกษาเพ่ือสร้างพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย 8. ครตู ้ังคาถามให้นักเรยี นคดิ วเิ คราะหแ์ ละอภิปรายรว่ มกนั ว่า คณุ ลักษณะของพลเมืองดเี พอื่ การพฒั นา ประเทศชาตแิ ละโลกในยุคปจั จบุ ันควรมีอะไรบ้าง ข้ันที่ 4 นำไปใช้ 8. ครูใหน้ ักเรียนบนั ทึกการปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมืองดีเป็นระยะเวลา 2 สปั ดาห์ ขน้ั ที่ 5 สรุป 9. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปความรเู้ รอ่ื งคณุ ลกั ษณะท่ีสาคัญของพลเมอื งดี
ช่วั โมงที่ 2 – 4 ขน้ั ท่ี 1 นำเข้ำสบู่ ทเรียน ภ 1. ครตู ั้งคาถามถามนักเรยี น ใครเคยร่วมกจิ กรรมบาเพ็ญประโยชน์เพ่อื สงั คมบ้าง ให้นักเรียน อาสาสมคั ร 3 - 5 คน ออกมาเลา่ ประสบการณ์ให้เพื่อนฟงั หนา้ ชน้ั เรียน ขน้ั ท่ี 2 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 2. ครูนาวดี ทิ ศั น์บคุ คลท่ปี ฏบิ ัติตนเปน็ พลเมืองดีแลว้ รว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั เร่ืองราว ดังกลา่ ว 3. ครูให้นักเรียนทุกคนค้นหาบุคคลตน้ แบบที่ปฏบิ ัติตนเปน็ พลเมอื งดีในชุมชน หรือภายในจงั หวดั นนทบรุ ี โดยการสมั ภาษณ์หรือสืบค้น และบนั ทึกลงในแบบฟอรม์ ท่คี รูกาหนด ขน้ั ที่ 3 ฝึกฝนผู้เรียน 4. นักเรยี นแตล่ ะคนคน้ หาบุคคลตน้ แบบที่ปฏิบัติตนเป็นพลเมอื งดีในชุมชน หรือภายในจังหวดั นนทบุรี โดยการสมั ภาษณ์หรือสืบค้น และบนั ทึกลงในแบบฟอร์มท่ีครูกาหนด 5. ครใู หน้ กั เรยี นทุกคนนาเสนอข้อมลู การสมั ภาษณ์พลเมืองดีในชมุ ชนหนา้ ชัน้ เรยี น ข้ันท่ี 4 นำไปใช้ 6. นักเรยี นอภปิ รายร่วมกันวา่ นักเรยี นสามารถนาแนวทางการปฏิบตั ติ นของบุคคลตน้ แบบในชุมชน ไปปฏิบตั ไิ ด้อย่างไรบา้ ง และคาดว่าจะส่งผลต่อสงั คมและประเทศชาติอยา่ งไร ขน้ั ที่ 5 สรุป 7. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรูเ้ รอ่ื งแนวทางการปฏบิ ัตติ นของพลเมอื งดี ชวั่ โมงท่ี 5 ขัน้ ท่ี 1 นำเขำ้ สูบ่ ทเรยี น 1. ครูตง้ั คาถามถามนักเรยี นว่าเราสามารถปฏบิ ัตติ นเป็นพลเมืองดีในเร่อื งอะไรบ้าง ขั้นท่ี 2 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 2. ครูใหน้ ักเรียนนาบันทึกการปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดนี ามาเล่าใหเ้ พื่อน ๆ ฟังหน้าช้ันเรยี น 3. นกั เรียนร่วมโหวตเลอื กขวญั ใจ“พลเมอื งดีท่สี งั คมต้องการ” โดยครูมอบของขวัญเล็กๆนอ้ ยๆ ให้แก่ขวัญใจ“พลเมอื งดีที่สังคมต้องการ” ข้นั ที่ 3 ฝึกฝนผ้เู รยี น 4. ครตู ั้งคาถามถามนกั เรยี นว่านกั เรียนมีความรู้สกึ อยา่ งไรในการไดป้ ฏบิ ัติตนเป็นพลเมืองดี 5. ใหน้ ักเรยี นอภปิ รายวา่ ถา้ คนในสังคมสว่ นใหญ่ปฏิบัติตนเป็นพลเมอื งดจี ะก่อใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อ ชมุ ชน สังคม ประเทศชาติ และโลกอยา่ งไร ขั้นที่ 4 นำไปใช้ 6. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ แนวทางการปฏบิ ัติตนเป็นพลเมอื งดโี ดยนอ้ มนาหลกั ธรรมคาสอนทาง ศาสนามาเป็นหลักการดาเนนิ ชีวิต เช่น การปฏบิ ัตทิ างสายกลาง การพัฒนาศรทั ธาและปัญญา เปน็ ตน้
ข้ันที่ 5 สรุป 7. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี น เรือ่ ง “พลเมืองดี” 8. สื่อกำรเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ น-หลังเรียน เรือ่ ง “พลเมอื งดี” 2. ภาพยนตร์ส้นั เรือ่ ง “เปีย๊ ก” 3. ใบงานเรอื่ งคณุ ลักษณะพลเมืองดี 4. ส่ือ power point เรอื่ ง การศกึ ษาเพื่อสร้างพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย 5. บันทึกการปฏิบตั ติ นเปน็ พลเมืองดี 6. หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน หนา้ ท่ีพลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนินชีวติ ในสังคม 9. กำรวดั และประเมนิ ผล ด้ำน วิธีกำรวัดผลและกำรประเมินผล เครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผล เกณฑ์กำรวดั ควำมรู้ (K) 1. ทดสอบก่อนเรยี น 1. ทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรียน รอ้ ยละ 60 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น 2. เกณฑ์การตรวจผลงาน/กิจกรรม ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม เปน็ รายบคุ คลหรือเปน็ กลุ่ม ทักษะ การประเมนิ ดา้ นทักษะ/ แบบประเมินดา้ นทักษะ/ ระดบั 2 ข้ึนไป กระบวนกำร (P) กระบวนการ กระบวนการ คุณธรรม การประเมนิ ดา้ นคุณธรรม แบบประเมนิ ดา้ นคุณธรรม ระดบั 2 ข้ึนไป จรยิ ธรรม และ จริยธรรม และค่านิยม จรยิ ธรรม และคา่ นิยม ค่ำนยิ ม (A) เกณฑ์กำรประเมินผลงำนนกั เรยี น ดำ้ น ระดบั แนวทำงกำรใหค้ ะแนน คณุ ภำพ ดำ้ นควำมรู้ 3 ขอ้ มลู ความรู้ถูกต้องและสมบูรณ์ (K) 2 ข้อมลู ความร้ถู ูกตอ้ งแต่ยังไม่สมบูรณ์ 1 ขอ้ มูลความรไู้ ม่ถกู ตอ้ งและไม่สมบรู ณ์ ด้ำนกระบวนกำร (P) 3 มกี ารวเิ คราะห์ อภิปรายและนาเสนองานหรือแนวคิดบ่อยครัง้ 2 มีการวเิ คราะห์ อภิปรายและนาเสนองานหรอื แนวคิดบ้าง 1 ไมม่ ีการอภิปรายและนาเสนองานหรือแนวคดิ ด้ำนคุณลักษณะ (A) 3 มีความรับผดิ ชอบในการทางานเป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลุ่มดีมาก 2 พฤติกรรมในการทางานเป็นรายบคุ คลหรอื เป็นกลมุ่ ดี 1 พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคลหรือเปน็ กลมุ่ พอใช้
ระดับคะแนน คะแนน 3 หมายถึง ระดับดีมาก คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช้ 10. บนั ทกึ ผลหลงั กำรสอน 10.1 สรปุ ผลกำรเรียนกำรสอน 1. นกั เรียนจานวน........................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้...............คน คดิ เป็นรอ้ ยละ................................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค.์ ...........................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ................................. ไดแ้ ก่ 1........................................................................................... 2. ........................................................................................ 3. .......................................................................................... นกั เรยี นท่ีมคี วามสามารถพิเศษไดแ้ ก่ 1. .......................................................................................... 2. .......................................................................................... 2. นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นักเรยี นมีความรู้เกิดทักษะ (P) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. นักเรียนมีเจตคติ คา่ นยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 10.2 ปัญหำ/อปุ สรรค (ผลการประเมินทไ่ี ม่เป็นไปตามจุดประสงคส์ ่ตู วั ช้ีวดั คุณลักษณะหรอื สมรรถนะ ของ ผู้เรียน) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 10.3 แนวทำงแก้ไข /แนวทำงกำรพฒั นำ (แนวทางการแก้ปญั หา/พัฒนานกั เรียนใหไ้ ด้ ตามตวั ชว้ี ดั คณุ ลักษณะ หรือสมรรถนะของผ้เู รยี น) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................
ลงช่อื ................................................................. (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชานาญการพิเศษ ควำมเหน็ ของหัวหนำ้ ของหัวหนำ้ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ไดต้ รวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ นางกนกวรรณ ชนะถาวร แลว้ มคี วามคิดเห็น ดังนี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 2. การจดั กิจกรรมได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี นาไปใชไ้ ด้จริง ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ............................................................................................................................. ............................................... .................................................................................................................................. .......................................... ......................................................................................... ................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................... ลงชอ่ื ......................................................... (นายตฤณเศรษฐ์ รัตนรงั สฤษฎ์) ตาแหน่ง ครู ความคดิ เหน็ รองผอู้ านวยการกลุม่ บริหารวิชาการ ............................................................................................................................. ........................................ ลงชื่อ.......................................................... (นางบณุ ฑริก ศรบี ุญเรอี ง) รองผู้อานวยการ กลมุ่ งานบรหิ ารวิชาการ
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 4 รำยวิชำ สงั คมศกึ ษำ รหัสวชิ ำ ส 31102 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ สังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ช้ันมัธยมศกึ ษำปีที่ 4 ภำคเรยี นที่ 2 ปีกำรศกึ ษำ 2563 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง สทิ ธิมนษุ ยชน จำนวน 4 คำบ ************************************************************************************************** 1. มำตรฐำนกำรเรยี นร้/ู ตัวช้ีวดั /ผลกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มำตรฐำน ส 2.1 เขา้ ใจและปฏบิ ัตติ นตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดี มคี ่านยิ มทีด่ ีงาม และธารง รกั ษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดารงชีวติ อยรู่วมกันในสังคมไทย และสงั คมโลกอยา่ งสนั ตสิ ุข ตวั ช้ีวัด/ผลกำรเรยี นรู้ ม. 4-6/4 ประเมนิ สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และเสนอแนวทางพฒั นา 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้สตู่ วั ช้วี ัด 1. ร้แู ละเข้าใจความหมาย ความสาคญั แนวคิดและหลกั การของสิทธมิ นษุ ยชน (K) 2. ปฏบิ ตั ิตนตามหลักการของสิทธิมนษุ ยชนได้อย่างเหมาะสม (P) 3. เห็นความสาคญั ของสทิ ธิมนษุ ยชน (A) 3. สำระสำคญั สิทธมิ นษุ ยชน คือ ศักด์ศิ รีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล ทีเ่ กิดขึน้ มาจากแนวคิดเรอื่ งกฎหมายธรรมชาติ และสิทธิตามธรรมชาติ สิทธินี้เปน็ ของมนษุ ยท์ ุกคนและเป็นวิถที าง นาไปสูส่ นั ติภาพ องคก์ ารสหประชาชาติได้จดั ทาปฏญิ ญาสากลวา่ ด้วยสิทธมิ นษุ ยชนแหง่ สหประชาชาติข้นึ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือใช้เป็นมาตรฐานกลางให้ทกุ ประเทศสมาชิกยดึ ถือเป็นกรอบในการคุ้มครองสทิ ธิ มนษุ ยชนภายในประเทศของตน 4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน (ให้เลือกเขยี นเฉพาะหวั ข้อท่สี อดคล้องกบั กิจกรรมการเรียนในแตล่ ะหนว่ ย และตอ้ งประเมินได้จริง) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 5. ทักษะกำรเรยี นรู้นกั เรียนในศตวรรษท่ี 21 ทักษะด้านการเรียนรแู้ ละนวตั กรรม ทักษะดา้ นสารสนเทศ สอ่ื และเทคโนโลยี ทกั ษะด้านชวี ติ และอาชีพ
6. กำรบรู ณำกำรกำรเรียนรู้ โรงเรียนคุณธรรม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โรงเรยี นสุจรติ /ตา้ นทจุ รติ สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน สง่ิ แวดลอ้ ม อ่ืน ๆ (ระบุ)........................................................................ 7. กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนกำรสอน (ให้เน้นผู้เรยี นเป็นสาคัญด้วยวิธกี ารสอน เทคนิคการสอน กระบวนการสอนทห่ี ลากหลายเหมาะสมกบั รายวิชา) ชว่ั โมงที่ 1 - 2 ข้นั ที่ 1 นำเขำ้ สูบ่ ทเรียน 1. ครแู จง้ ตัวช้ีวัดชว่ งชั้นและจุดประสงคก์ ารเรียนร้ใู ห้นักเรียนทราบ 2. นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง “สิทธมิ นุษยชน” 3. ครนู าภาพการเข้ารบั การรักษาพยาบาล การศกึ ษาอย่างเท่าเทยี มกัน แลว้ ถามนักเรียนว่า เกีย่ วขอ้ งกบั เรื่องอะไร ให้นักเรียนชว่ ยกันตอบ จากนน้ั ครูสรปุ เพอ่ื เชื่อมโยงเข้าสเู่ น้ือหาที่จะเรยี น ขนั้ ท่ี 2 กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4. ครสู นทนากบั นักเรียนเกี่ยวกับสทิ ธิมนุษยชน 5. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ ออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 คน ให้แต่ละกลุ่มศกึ ษาข้อมลู เกี่ยวกับสทิ ธิมนุษยชน แล้ว นาเสนอข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Power Point ตามหัวขอ้ ต่อไปน้ี 1) ความหมายของสิทธมิ นษุ ยชน 2) ความสาคัญของสทิ ธมิ นุษยชน 3) แนวคดิ และหลักการของสิทธมิ นษุ ยชน 4) ปฏิญญาสากลวา่ ด้วยสิทธมิ นษุ ยชนแห่งสหประชาชาติ 6. ครูสุ่มเลือกตวั แทนกลุม่ ออกมานาเสนอผลงานในชวั่ โมงหนา้ 7. ในขณะปฏิบัติกจิ กรรมของนักเรียน ใหค้ รูสงั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนักเรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม ข้ันท่ี 3 ฝึกฝนผ้เู รียน 7. ครใู หน้ กั เรยี นกลมุ่ อื่น ๆ ศึกษา power point เร่ืองสทิ ธมิ นษุ ยชน ทเ่ี พื่อนนาเสนอหน้าชน้ั เรยี น 8. ครตู ้ังคาถามให้นักเรียนคิดวิเคราะห์และอภปิ รายรว่ มกนั ว่า สทิ ธมิ นษุ ยชนมีความสาคัญอยา่ งไร ขน้ั ที่ 4 นำไปใช้ 8. ครูใหน้ ักเรยี นบนั ทึกความรู้ เร่ืองสทิ ธิมนษุ ยชนลงในสมุดบนั ทกึ ความร้เู พ่ือประโยชนใ์ นการนา ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ขน้ั ที่ 5 สรุป 9. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ความรู้เรือ่ ง สิทธิมนษุ ยชน
ชว่ั โมงที่ 3 ขั้นที่ 1 นำเขำ้ สู่บทเรียน 1. ครูให้นกั เรียนชมวดี ิทัศนเ์ รือ่ ง“สทิ ธิเดก็ ” แล้วนกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ ครูสรุปเพอ่ื เชื่อมโยงเข้าสูเ่ นื้อหาท่ีจะเรียน ข้นั ที่ 2 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 2. ครสู นทนากบั นกั เรียนเกีย่ วกบั สทิ ธมิ นุษยชนในประเทศไทย 3. ให้นกั เรียนแบ่งออกเปน็ 9 กลมุ่ ศกึ ษาค้นควา้ เรื่อง สทิ ธิมนษุ ยชนในประเทศไทย กลมุ่ ท่ี 1-3 ศึกษาเร่ือง สิทธิมนษุ ยชนตามรฐั ธรรมนญู กลมุ่ ที่ 4-6 ศึกษาเร่ือง ปญั หาสทิ ธมิ นษุ ยชนของไทย กลมุ่ ท่ี 7-9 ศึกษาเรื่อง แนวทางการแก้ไขและพัฒนาสิทธิมนุษยชนในสงั คมไทย 4. แตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมารายงานหน้าชัน้ เรียน แลว้ บนั ทกึ ลงในแบบบันทกึ การศึกษาคน้ คว้า 5. ในขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรมของนักเรียน ให้ครูสังเกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนักเรยี นตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคลหรือเป็นกล่มุ ข้นั ท่ี 3 ฝกึ ฝนผเู้ รยี น 6. ครใู หน้ ักเรียนทาใบงานเรอ่ื ง ปัญหาสทิ ธิมนุษยชนในประเทศไทย จากนัน้ ครูให้นกั เรยี นบนั ทกึ ความรู้ท่ีได้ลงในแบบบันทึกความรู้ ขั้นที่ 4 นำไปใช้ 7. ครใู หน้ กั เรียนบันทึกความรู้ เรือ่ งสิทธมิ นุษยชนสทิ ธิมนุษยชนในประเทศไทยลงในสมุดบันทกึ ความรู้เพื่อประโยชน์ในการนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ขน้ั ที่ 5 สรุป 9. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้เร่ือง สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ช่ัวโมงท่ี 4 ขน้ั ที่ 1 นำเขำ้ สบู่ ทเรียน 1. ครใู หน้ ักเรียนออกมาอ่านข่าวท่เี กี่ยวกับองค์กรระหวา่ งประเทศที่มีบทบาทดา้ นสทิ ธิ มนษุ ยชนแลว้ ร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ข่าว ครูอธบิ ายเพ่อื เช่ือมโยงเข้าสู่เนอื้ หาที่จะเรยี น ขั้นที่ 2 กิจกรรมกำรเรียนรู้ 2. ครใู หน้ ักเรียนอา่ นเน้อื หาเรื่อง องคก์ รระหว่างประเทศท่ีมีบทบาทด้านสิทธมิ นษุ ยชน 3. ใหน้ กั เรยี นแบ่งออกเป็น 4 กล่มุ ให้แตล่ ะกลมุ่ ศึกษาค้นคว้าข้อมลู เกีย่ วกับเร่ืองตอ่ ไปนี้ กลมุ่ ท่ี 1 องคก์ ารสหประชาชาติ กลุ่มที่ 2 คณะมนตรีสิทธมิ นษุ ยชนแหง่ สหประชาชาติ กลุ่มที่ 3 องคก์ ารนริ โทษกรรมสากล กลุ่มที่ 4 กองทนุ เพื่อเด็กแหง่ สหประชาชาติ
4. ครูให้แต่ละกลุ่มวเิ คราะห์ สรปุ และบนั ทกึ ผล จากน้นั รายงานใหเ้ พ่ือน ๆ ฟงั หน้าชนั้ เรียน แลว้ เพ่ือน ๆ แสดงความคดิ เห็น 5. ในขณะปฏิบัติกจิ กรรมของนักเรยี น ใหค้ รสู งั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนักเรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบคุ คลหรือเปน็ กลุ่ม ขน้ั ที่ 3 ฝกึ ฝนผู้เรยี น 6. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเร่ืององค์กรระหว่างประเทศที่มบี ทบาทดา้ นสิทธิมนุษยชนจากส่อื การเรยี นรู้ หรอื หนงั สือเรียน 7. ให้นกั เรียนทาใบงานเรอ่ื ง องค์กรระหว่างประเทศทม่ี บี ทบาทด้านสทิ ธมิ นุษยชน ข้นั ที่ 4 นำไปใช้ 8. ครยู กตวั อย่างขา่ วจากหนังสือพิมพ์ประจาวนั ให้นักเรยี นเร่ือง องคก์ รระหวา่ งประเทศท่ีมบี ทบาท ดา้ นสทิ ธมิ นษุ ยชน เพ่ือประโยชนใ์ นการนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ขน้ั ท่ี 5 สรุป 9. ครใู ห้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเรอ่ื ง “สิทธมิ นษุ ยชน” และชว่ ยกนั เฉลยคาตอบ 8. ส่อื กำรเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้ 2. แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน เรือ่ ง “สิทธมิ นุษยชน” 2. วดี ทิ ัศน์เรอ่ื ง “สิทธเิ ด็ก” 3. ภาพการเขา้ รบั การรกั ษาพยาบาล การศึกษาอยา่ งเทา่ เทียมกนั 4. สื่อ power point เรือ่ งสทิ ธมิ นุษยชน 5. ใบงานเร่ือง ปญั หาสทิ ธิมนุษยชนในประเทศไทย 6. ใบงานเร่ือง องค์กรระหวา่ งประเทศทม่ี บี ทบาทด้านสทิ ธิมนษุ ยชน 7. หนงั สอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐาน หนา้ ที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนนิ ชีวติ ในสังคม 9. กำรวดั และประเมนิ ผล ดำ้ น วิธีกำรวดั ผลและกำรประเมินผล เคร่ืองมือวัดและประเมินผล เกณฑก์ ำรวัด ควำมรู้ (K) 1. ทดสอบก่อนเรยี น 1. ทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรยี น รอ้ ยละ 60 2. ตรวจผลงาน/กจิ กรรมเป็น 2. เกณฑ์การตรวจผลงาน/กิจกรรม ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คลหรอื เป็นกลมุ่ เปน็ รายบุคคลหรอื เป็นกลุ่ม ทักษะ การประเมนิ ด้านทักษะ/ แบบประเมนิ ดา้ นทักษะ/ ระดับ 2 ขึ้นไป กระบวนกำร (P) กระบวนการ กระบวนการ คณุ ธรรม การประเมินด้านคุณธรรม แบบประเมินด้านคุณธรรม ระดับ 2 ขึ้นไป จรยิ ธรรม และ จริยธรรม และคา่ นยิ ม จรยิ ธรรม และค่านิยม ค่ำนิยม (A)
เกณฑก์ ำรประเมนิ ผลงำนนกั เรยี น ดำ้ น ระดบั แนวทำงกำรให้คะแนน คุณภำพ ดำ้ นควำมรู้ 3 ขอ้ มูลความรูถ้ กู ตอ้ งและสมบูรณ์ (K) 2 ข้อมูลความร้ถู ูกต้องแต่ยังไมส่ มบูรณ์ 1 ข้อมูลความรไู้ ม่ถกู ตอ้ งและไม่สมบูรณ์ ด้ำนกระบวนกำร (P) 3 มีการวเิ คราะห์ อภิปรายและนาเสนองานหรอื แนวคดิ บ่อยครั้ง 2 มีการวเิ คราะห์ อภิปรายและนาเสนองานหรอื แนวคิดบา้ ง 1 ไม่มีการอภปิ รายและนาเสนองานหรอื แนวคดิ ดำ้ นคุณลกั ษณะ (A) 3 มีความรับผิดชอบในการทางานเปน็ รายบคุ คลหรือเปน็ กล่มุ ดีมาก 2 พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบคุ คลหรอื เปน็ กลมุ่ ดี 1 พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคลหรอื เป็นกล่มุ พอใช้ ระดับคะแนน หมายถงึ ระดับดีมาก คะแนน 3 หมายถึง ระดับดี คะแนน 2 หมายถึง ระดบั พอใช้ คะแนน 1
10. บนั ทกึ ผลหลงั กำรสอน 10.1 สรปุ ผลกำรเรยี นกำรสอน 1. นักเรยี นจานวน........................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู.้ ..............คน คิดเป็นรอ้ ยละ................................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์............................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ................................. ได้แก่ 1........................................................................................... 2. ........................................................................................ 3. .......................................................................................... นกั เรียนท่ีมีความสามารถพิเศษไดแ้ ก่ 1. .......................................................................................... 2. .......................................................................................... 2. นักเรียนมีความรคู้ วามเข้าใจ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นกั เรยี นมคี วามรู้เกิดทักษะ (P) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. นกั เรียนมเี จตคติ คา่ นยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 10.2 ปัญหำ/อปุ สรรค (ผลการประเมินทีไ่ ม่เปน็ ไปตามจุดประสงค์สู่ตัวช้วี ดั คุณลักษณะหรอื สมรรถนะ ของ ผู้เรยี น) ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... 10.3 แนวทำงแกไ้ ข /แนวทำงกำรพัฒนำ (แนวทางการแกป้ ญั หา/พฒั นานกั เรียนใหไ้ ด้ ตามตัวชว้ี ัด คุณลกั ษณะ หรือสมรรถนะของผเู้ รยี น) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... .................................................................................. .......................................................................................... ลงช่ือ................................................................. (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ชานาญการพเิ ศษ
ควำมเหน็ ของหัวหนำ้ ของหัวหน้ำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ได้ตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง นางกนกวรรณ ชนะถาวร แลว้ มคี วามคิดเหน็ ดงั น้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมได้นาเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรยี นเป็นสาคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ นาไปใช้ได้จริง ควรปรับปรงุ กอ่ นนาไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................................................ ลงชื่อ......................................................... (นายตฤณเศรษฐ์ รัตนรังสฤษฎ์) ตาแหน่ง ครู ความคดิ เห็นรองผอู้ านวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ ............................................................................................................................. ........................................ ลงชอื่ .......................................................... (นางบณุ ฑรกิ ศรบี ุญเรอี ง) รองผู้อานวยการ กลุ่มงานบริหารวิชาการ
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 5 รำยวชิ ำ สงั คมศึกษำ รหัสวิชำ ส 31102 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ช้นั มัธยมศึกษำปีที่ 4 ภำคเรียนท่ี 2 ปีกำรศึกษำ 2563 หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี 5 เรอ่ื ง ระบอบกำรเมืองกำรปกครอง จำนวน 7 คำบ ************************************************************************************************** 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวช้วี ัด/ผลกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มำตรฐำน ส 2.2 เขา้ ใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จบุ ัน ยดึ มั่นศรัทธา และธารงรักษา ไว้ซ่งึ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ ตัวชว้ี ดั /ผลกำรเรยี นรู้ ม. 4-6/1 วิเคราะหป์ ญั หาการเมืองท่สี าคญั ในประเทศ จากแหล่งข้อมลู ต่างๆ พรอ้ มทงั้ เสนอแนว ทางแก้ไข ม.4-6/2 เสนอแนวทางทางการเมืองการปกครองท่ีนาไปสู่ความเขา้ ใจ และการประสานประโยชน์ รว่ มกนั ระหว่างประเทศ ม.4-6/3 วิเคราะหค์ วามสาคญั และความจาเป็นท่ีต้องธารงรักษาไวซ้ ่ึงการปกครองตามระบอบ ประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้สู่ตวั ชี้วัด 1. อธิบายลักษณะการเมืองการปกครองได้ (K) 2. จาแนกรปู แบบของรฐั ได้ (K) 3. อธิบายการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ ได้ (K) 4. อธบิ ายฐานะและพระราชอานาจของพระมหากษตั ริยไ์ ด้ (K) 5. วเิ คราะหค์ วามจาเป็นในการธารงรกั ษาไว้ซง่ึ การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ (P) 6. เห็นคุณค่าของการปกครองแบบรฐั สภาอันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมุขของประเทศไทย (A) 3. สำระสำคญั รฐั จะต้องประกอบดว้ ย ประชากร ดนิ แดน รฐั บาล และอธิปไตย โดยทวั่ ไปรฐั จะแบ่งได้ 2 รูปแบบ คอื รฐั เดีย่ ว และรฐั รวม โดยรฐั เดี่ยวจะมีรัฐบาลกลางเพยี งอย่างเดยี ว ส่วนรัฐรวมจะมีรัฐอย่างน้อย 2 รัฐมา รวมกนั มีรฐั บาล 2 ระดับ คือ รัฐบาลกลาง และรัฐบาลท้องถน่ิ สาหรบั ประเทศไทยมรี ปู แบบของรัฐเปน็ รัฐ เดยี่ ว คอื มรี ฐั บาลกลางเป็นผู้บรหิ ารปกครองประเทศ
4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน (ใหเ้ ลือกเขยี นเฉพาะหัวข้อทส่ี อดคลอ้ งกบั กิจกรรมการเรียนในแตล่ ะหน่วย และตอ้ งประเมนิ ไดจ้ รงิ ) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ทกั ษะกำรเรียนรูน้ ักเรียนในศตวรรษท่ี 21 ทักษะด้านการเรียนรแู้ ละนวัตกรรม ทกั ษะด้านสารสนเทศ ส่ือ และเทคโนโลยี ทักษะด้านชวี ติ และอาชพี 6. กำรบรู ณำกำรกำรเรยี นรู้ โรงเรียนคุณธรรม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรยี นสุจรติ /ต้านทจุ รติ สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น สง่ิ แวดลอ้ ม อ่ืน ๆ (ระบุ)........................................................................ 7. กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนกำรสอน (ใหเ้ นน้ ผู้เรียนเปน็ สาคญั ด้วยวิธีการสอน เทคนิคการสอน กระบวนการสอนท่หี ลากหลายเหมาะสมกับรายวชิ า) ชัว่ โมงที่ 1 ขนั้ ที่ 1 นำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูแจง้ ตวั ช้วี ดั ชว่ งชัน้ และจุดประสงคก์ ารเรยี นร้ใู หน้ ักเรียนทราบ 2. นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง “ระบอบการเมืองการปกครอง” 3. ครใู หน้ กั เรียนผลดั กนั เล่าความรู้เดมิ เรื่อง ระบอบการปกครองแบบต่างๆ ได้แก่ - ระบอบเผด็จการ - ระบอบประชาธปิ ไตย วา่ เกยี่ วข้องกบั เร่ืองอะไร ให้นักเรียนชว่ ยกันตอบ จากนน้ั ครูสรปุ เพือ่ เชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาที่จะเรยี น ขน้ั ท่ี 2 กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4. ครอู ธิบายใหน้ กั เรียนเข้าใจถงึ หลักการสาคญั ของการปกครองระบอบเผดจ็ การและการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย 5. ครแู บง่ นักเรยี นเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลางค่อนขา้ งอ่อน และอ่อน 6. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มศึกษาความรเู้ ร่ือง ลักษณะการเมืองการปกครอง จากหนังสือเรียน หรอื หนงั สือ ค้นควา้ เพ่ิมเติม หรือแหลง่ ข้อมลู สารสนเทศตามความเหมาะสม ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี
1) ระบอบประชาธปิ ไตย 2) ระบอบเผดจ็ การ 7. นักเรียนแต่ละกลุม่ ผลดั กนั อภปิ รายความรู้ท่ีได้ศึกษา จนมีความเข้าใจกระจา่ งชัดเจน ขน้ั ท่ี 3 ฝึกฝนผ้เู รยี น 8. ครแู จกใบงานเร่ือง การเมืองการปกครอง แล้วใหส้ มาชิกแตล่ ะกลุ่มแบง่ หน้าที่กนั ทาใบงาน ขั้นที่ 4 นำไปใช้ 9. ครขู ออาสาสมคั รตัวแทนแตล่ ะกล่มุ อ่านคาตอบที่สมาชกิ รว่ มกันทากล่มุ ละ 1 ข้อ ขน้ั ที่ 5 สรุป 10. ครแู ละนักเรียนร่วมกันเฉลยคาตอบในใบงาน และช่วยกันสรุปความแตกต่างของการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย กบั ระบอบเผดจ็ การ ชว่ั โมงที่ 2 ขั้นที่ 1 นำเขำ้ สู่บทเรยี น 1. ครตู งั้ คาถามเพ่ือเป็นการตรวจสอบความร้ขู องนักเรยี น เช่น - ประเทศท่ีเปน็ เอกรัฐ หรือรฐั เดีย่ ว ได้แกป่ ระเทศใดบา้ ง แนวคาตอบ ไทย สงิ คโปร์ ญีป่ นุ่ สเปน - ประเทศท่ีเปน็ สหพนั ธรฐั หรอื รัฐรวม ไดแ้ กป่ ระเทศใดบา้ ง แนวคาตอบ สหรฐั อเมรกิ า สหพันธรัฐรัสเซยี มาเลเซีย ขั้นที่ 2 กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 2. ครูตง้ั คาถามเก่ยี วกับรปู แบบของรฐั ตวั อย่างคาถาม 1) การที่จะจัดว่าสังคมใดเปน็ รฐั ตอ้ งพจิ ารณาองคป์ ระกอบอะไรบ้าง 2) องคป์ ระกอบของรฐั ประกอบด้วยอะไรบ้าง 3) รัฐเดยี่ วกบั รฐั รวมแตกต่างกนั อย่างไร 4) ประเทศไทยจัดเป็นรฐั รูปแบบใด เพราะเหตุใด 3. ครูอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจถงึ ความแตกต่างกนั ของเอกรัฐหรือรัฐเด่ยี ว กบั สหพนั ธรฐั หรือรัฐรวม และสรุปประเด็น ดงั นี้ - เอกรัฐหรอื รฐั เดยี่ ว เปน็ รฐั ทีม่ ีรฐั บาลกลางเพยี งรฐั เดียว ใช้อานาจอธิปไตยปกครองดินแดน ท้ังหมด อาจมีการกระจายให้ทอ้ งถ่นิ ไดบ้ รหิ ารกิจการของท้องถิน่ ตามท่ีรฐั บาลเห็นสมควร - รัฐรวมหรือสหพนั ธรัฐ เป็นรฐั ทมี่ รี ฐั บาลหลายระดับ คือ รัฐบาลกลาง และรฐั บาลท้องถิน่ ของแตล่ ะมลรฐั 4. ครูเช่ือมโยงเขา้ สู่เรื่อง รูปแบบของรัฐไทย ซง่ึ เปน็ รัฐเด่ียว มกี ารปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข
ขัน้ ที่ 3 ฝึกฝนผูเ้ รยี น 5. ให้นกั เรยี นจบั คูช่ ว่ ยกันทาใบงาน โดยครแู จกใบงานเร่ือง รปู แบบของรัฐ แลว้ ให้สมาชิกแต่ละคู่ รว่ มคดิ ร่วมทาใบงาน ขั้นที่ 4 นำไปใช้ 6. นักเรยี นสามารถอธิบายเหตผุ ลได้วา่ ประเทศไทยมีรูปแบบรฐั แบบใด ข้ันที่ 5 สรุป 7. ครูและนกั เรยี นร่วมกันเฉลยคาตอบในใบงาน และชว่ ยกันสรปุ รูปแบบของรฐั ชว่ั โมงท่ี 3 ขั้นที่ 1 นำเขำ้ สบู่ ทเรียน 1. ครใู ห้นักเรยี นชมวีดทิ ัศนห์ รือภาพเกีย่ วกบั พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั รัชกาลปจั จบุ ัน แลว้ ใหน้ ักเรียนผลัดกนั แสดงความรสู้ ึกและความประทับใจในพระราชกรณยี กจิ ของพระองค์ 2. ครอู ธบิ ายเช่อื มโยงให้นักเรียนเขา้ ใจว่า พระราชกรณยี กิจดงั กล่าวนน้ั จัดเปน็ บทบาทของ พระมหากษัตรยิ ์ไทยทป่ี ฏบิ ัติตามฐานะและพระราชอานาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ข้นั ท่ี 2 กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 3. นักเรยี นรวมกลมุ่ กัน กลุ่มละ 4-5 คน ตามความสมคั รใจ ให้แตล่ ะกลุ่มศกึ ษาความรูเ้ ร่ือง ฐานะและ พระราชอานาจของพระมหากษัตริย์ จากหนังสือเรียน 4. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันทาใบงานเรื่อง ฐานะและพระราชอานาจของพระมหากษตั รยิ ์ไทย ขนั้ ท่ี 3 ฝกึ ฝนผู้เรยี น 5. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มผลดั กนั นาเสนอผลงานจากใบงาน แล้วใหก้ ลุ่มทีม่ ีความคิดเห็นต่างกันออกไป นาเสนอเพ่ิมเติม โดยครูเป็นผู้ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ขนั้ ท่ี 4 นำไปใช้ 6. ครูมอบหมายให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ค้นควา้ และจัดทาสมุดภาพเกย่ี วกบั พระราชกรณียกจิ ทส่ี าคญั ของ พระมหากษัตริย์ไทย และพระบรมวงศานวุ งศ์ ท่ีมีผลตอ่ การพฒั นาประเทศไทย โดยนาเสนองานด้วยโปรแกรม power point หนา้ ชั้นเรียนในช่วั โมงเรียนหนา้ ขน้ั ท่ี 5 สรุป 7. ครูและนกั เรยี นร่วมกันเฉลยคาตอบในใบงาน และช่วยกันสรุปบทบาทของพระมหากษัตริย์ไทยทีป่ ฏบิ ตั ิ ตามฐานะและพระราชอานาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย ชวั่ โมงท่ี 4 ขั้นที่ 1 นำเขำ้ สบู่ ทเรียน 1. ครูสนทนาซักถามนักเรียนถงึ ความพรอ้ มของนกั เรยี นแต่ละกลุ่มที่ไปสืบคน้ หาความรู้เก่ียวกบั พระราชกรณยี กจิ สาคัญของพระมหากษัตริย์ไทย และพระบรมวงศานวุ งศ์ ท่ีมีผลต่อการพัฒนาประเทศไทย
ข้ันที่ 2 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 2. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานสมดุ ภาพเกีย่ วกบั พระราชกรณียกิจสาคัญของพระมหากษตั รยิ ์ ด้วยโปรแกรม power point หนา้ ชน้ั เรยี น ดังนี้ - กลมุ่ ที่ 1 นาเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 2 แสดงความคดิ เหน็ เพิ่มเติม - กลุ่มที่ 2 นาเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 3 แสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติม - กลมุ่ ท่ี 3 นาเสนอผลงาน กลุม่ ท่ี 4 แสดงความคิดเห็นเพิ่มเตมิ - กลุ่มท่ี 4 นาเสนอผลงาน กลุ่มที่ 5 แสดงความคดิ เห็นเพ่ิมเติม - กลมุ่ ท่ี 5 นาเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 6 แสดงความคดิ เหน็ เพ่ิมเติม - กลมุ่ ที่ 6 นาเสนอผลงาน กลมุ่ ที่ 7 แสดงความคดิ เหน็ เพิ่มเติม - กลมุ่ ท่ี 7 นาเสนอผลงาน กลุ่มท่ี 8 แสดงความคดิ เหน็ เพิ่มเตมิ - กลมุ่ ท่ี 8 นาเสนอผลงาน กลมุ่ ที่ 1 แสดงความคิดเหน็ เพิ่มเติม ขั้นท่ี 3 ฝึกฝนผเู้ รียน 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ รายแนวทางการปฏิบัติตนเพ่ือแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบนั พระมหากษัตริยแ์ ละพระบรมวงศานุวงศ์ ขัน้ ท่ี 4 นำไปใช้ 4. ครแู ละนกั เรยี นเข้าร่วมพิธีสาคัญของสถาบันชาตแิ ละพระมหากษัตรยิ ์ ขน้ั ที่ 5 สรุป 5. ครูและนกั เรยี นช่วยกันอภิปรายความสาคัญและความจาเปน็ ท่ีต้องรักษาไวซ้ งึ่ การปกครองระบอบ ประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข ช่ัวโมงที่ 5 - 7 ข้นั ท่ี 1 นำเขำ้ สูบ่ ทเรียน 1. ครูนาภาพปัญหาการเมืองการปกครองของไทยมาให้นกั เรียนศกึ ษาและรว่ มกันอธบิ ายลักษณะ ของปัญหา 2. ครูพดู เกรนิ่ นาถงึ ปญั หาการเมืองไทยทีเ่ กดิ ขึ้นในปัจจุบนั โดยยกตวั อยา่ งปัญหาที่เกิดขึ้น นักเรียน ชว่ ยกนั ตอบ จากนั้นครสู รปุ เพ่ือเช่ือมโยงเขา้ ส่เู น้ือหาทจี่ ะเรยี น ขั้นท่ี 2 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 3. ครูอธบิ ายเกย่ี วกับปัญหาการเมอื งไทย 4. ครูใหน้ ักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 6–7 คน ศกึ ษาค้นควา้ และวเิ คราะห์เกีย่ วกบั ปญั หาการเมืองไทย พรอ้ มท้ังเสนอแนวทางแก้ไขปัญหานน้ั 5. ครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ จากนัน้ เปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามตามความสนใจ 6. ครูจดั การเรียนการสอนแบบอภิปรายโดยการใชเ้ ทคนคิ ระดมสมอง โดยปฏบิ ัตติ ามขนั้ ตอน ดังน้ี
ขั้นดำเนนิ กำรอภิปรำย 1) ครูแจง้ หวั ขอ้ วตั ถุประสงค์ และรูปแบบการอภิปรายให้นักเรยี นทราบ หวั ขอ้ อภปิ ราย: ปัญหาการเมืองไทย วัตถุประสงค์ของการอภปิ ราย: เพื่อให้นักเรยี นเห็นความสาคัญปัญหาการเมืองไทย 2) ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 6–7 คน โดยแตล่ ะกลมุ่ เลอื กประธาน 1 คน เลขานุการกลุ่ม 1 คน เป็นผู้จดบนั ทกึ ความคดิ เห็นของกล่มุ 3) ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ ดาเนนิ การอภิปรายตามหัวข้อที่กาหนด ในขณะทกี่ ลุ่มดาเนินการอภปิ ราย ครูคอย สงั เกตและกระตุ้นให้ทุกคนได้แสดงความคดิ เห็นกันอยา่ งเต็มที่ ข้นั สรุปกำรอภิปรำย 1) ให้แตล่ ะกลุ่มบันทกึ ผลการอภปิ ราย 2) ตวั แทนกลมุ่ นาเสนอผลการอภิปรายต่อท่ปี ระชุมหรือหน้าชั้นเรยี น 3) เปิดโอกาสใหผ้ ฟู้ ังซักถาม ผอู้ ภปิ รายตอบคาถาม ครคู อยชว่ ยเหลอื ใหค้ าแนะนา 7. ในขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรมของนักเรียน ให้ครูสังเกตพฤตกิ รรมในการทางานและการนาเสนอผลงาน ของนักเรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบคุ คลหรอื เป็นกลมุ่ ขัน้ ที่ 3 ฝึกฝนผ้เู รียน 8. ครใู หน้ ักเรียนทากจิ กรรม “จบั ตาการเลือกตงั้ การเมืองท้องถนิ่ ” โดยหาชอ้ มลู เก่ียวกับการเลอื กตัง้ นายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัดนนทบุรี แลว้ สรุปความรู้ลงในใบงาน เร่อื ง การเมืองท้องถิ่นนนทบรุ ี ขนั้ ที่ 4 นำไปใช้ 9. นักเรยี นทาแผน่ พบั เกยี่ วกับปัญหาการเมืองไทยในปจั จุบันและแนวทางแก้ไขเพ่ือเผยแพรค่ วามรู้ ข้นั ที่ 5 สรุป 10.ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปความรเู้ รื่อง ปัญหาการเมืองไทย 11. นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นเรื่อง “ระบอบการเมืองการปกครอง”และช่วยกันเฉลยคาตอบ 8. สือ่ กำรเรยี นรู้/แหล่งเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ น-หลังเรยี น เร่อื ง “ระบอบการเมืองการปกครอง” 2. ใบงานเรอ่ื ง การเมืองการปกครอง 3. ใบงานเรื่อง รปู แบบของรัฐ 4. วีดทิ ศั น์หรือภาพเกีย่ วกบั พระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั 5. ใบงานเรอ่ื ง ฐานะและพระราชอานาจของพระมหากษตั รยิ ไ์ ทย 6. ใบงาน เรือ่ ง การเมอื งท้องถนิ่ นนทบุรี 7. หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชีวติ ในสังคม
9. กำรวัดและประเมินผล ดำ้ น วิธกี ำรวัดผลและกำรประเมินผล เครอื่ งมือวัดและประเมินผล เกณฑ์กำรวัด ควำมรู้ (K) 1. ทดสอบก่อนเรยี น 1. ทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรียน ร้อยละ 60 2. ตรวจผลงาน/กจิ กรรมเป็น 2. เกณฑ์การตรวจผลงาน/กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์ รายบุคคลหรือเปน็ กลุ่ม เป็นรายบคุ คลหรือเปน็ กลุ่ม ทกั ษะ การประเมินดา้ นทักษะ/ แบบประเมินด้านทักษะ/ ระดบั 2 ขนึ้ ไป กระบวนกำร (P) กระบวนการ กระบวนการ คณุ ธรรม การประเมินด้านคุณธรรม แบบประเมินด้านคุณธรรม ระดับ 2 ขึน้ ไป จริยธรรม และ จริยธรรม และค่านยิ ม จรยิ ธรรม และคา่ นิยม คำ่ นิยม (A) เกณฑ์กำรประเมินผลงำนนักเรยี น ด้ำน ระดบั แนวทำงกำรให้คะแนน คุณภำพ ด้ำนควำมรู้ 3 ข้อมลู ความรถู้ ูกต้องและสมบูรณ์ (K) 2 ข้อมลู ความร้ถู ูกต้องแตย่ งั ไม่สมบรู ณ์ 1 ข้อมลู ความร้ไู ม่ถูกตอ้ งและไม่สมบรู ณ์ ดำ้ นกระบวนกำร (P) 3 มีการวิเคราะห์ อภิปรายและนาเสนองานหรอื แนวคิดบ่อยคร้งั 2 มีการวเิ คราะห์ อภปิ รายและนาเสนองานหรอื แนวคดิ บา้ ง 1 ไม่มีการอภิปรายและนาเสนองานหรือแนวคิด ดำ้ นคณุ ลกั ษณะ (A) 3 มคี วามรับผิดชอบในการทางานเปน็ รายบุคคลหรอื เป็นกลุ่มดีมาก 2 พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบคุ คลหรอื เป็นกลมุ่ ดี 1 พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคลหรือเปน็ กลมุ่ พอใช้ ระดับคะแนน หมายถงึ ระดับดมี าก คะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดี คะแนน 2 หมายถึง ระดบั พอใช้ คะแนน 1
10. บันทกึ ผลหลังกำรสอน 10.1 สรุปผลกำรเรยี นกำรสอน 1. นักเรยี นจานวน........................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้...............คน คดิ เป็นรอ้ ยละ................................. ไม่ผ่านจุดประสงค.์ ...........................คน คดิ เป็นร้อยละ................................. ไดแ้ ก่ 1........................................................................................... 2. ........................................................................................ 3. .......................................................................................... นกั เรยี นทมี่ คี วามสามารถพเิ ศษไดแ้ ก่ 1. .......................................................................................... 2. .......................................................................................... 2. นักเรียนมีความร้คู วามเข้าใจ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นักเรียนมคี วามร้เู กิดทักษะ (P) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 10.2 ปัญหำ/อปุ สรรค (ผลการประเมนิ ทีไ่ ม่เปน็ ไปตามจุดประสงคส์ ูต่ วั ชว้ี ัด คณุ ลักษณะหรอื สมรรถนะ ของ ผ้เู รียน) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ......................................................................................................................................................................... ... 10.3 แนวทำงแกไ้ ข /แนวทำงกำรพฒั นำ (แนวทางการแกป้ ญั หา/พฒั นานกั เรียนให้ได้ ตามตวั ชีว้ ดั คุณลกั ษณะ หรือสมรรถนะของผเู้ รียน) ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ลงช่ือ................................................................. (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชานาญการพเิ ศษ
ควำมเหน็ ของหัวหน้ำของหัวหน้ำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ได้ตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ของ นางกนกวรรณ ชนะถาวร แลว้ มคี วามคดิ เหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผ้เู รยี นเปน็ สาคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาตอ่ ไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี นาไปใชไ้ ด้จริง ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ลงชื่อ......................................................... (นายตฤณเศรษฐ์ รตั นรังสฤษฎ์) ตาแหนง่ ครู ความคดิ เห็นรองผอู้ านวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ ............................................................................................................................. ........................................ ลงชื่อ.......................................................... (นางบณุ ฑริก ศรีบุญเรีอง) รองผู้อานวยการ กลมุ่ งานบรหิ ารวชิ าการ
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ 6 รำยวชิ ำ สงั คมศึกษำ รหัสวิชำ ส 31102 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ สงั คมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ 4 ภำคเรียนที่ 2 ปกี ำรศึกษำ 2563 หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 6 เร่ือง รฐั ธรรมนญู แหง่ อำณำจักรไทย จำนวน 5 คำบ ************************************************************************************************** 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ ตัวชี้วัด/ผลกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ มำตรฐำน ส 2.2 เขา้ ใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยดึ มั่นศรัทธา และธารงรักษา ไว้ซึง่ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ ตวั ชว้ี ดั /ผลกำรเรยี นรู้ ม. 4-6/4 เสนอแนวทางและมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรสู้ ูต่ วั ช้ีวดั 1. อธบิ ายและเสนอวธิ ีการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐได้ (K) 2. วเิ คราะห์ เสนอแนวทาง และมีส่วนรว่ มและเสนอแนะแนวทางในการตรวจสอบการใช้อานาจรฐั (P) 3. เห็นความสาคญั ของการตรวจสอบการใชอ้ านาจรฐั (A) 3. สำระสำคัญ การตรวจสอบการใช้อานาจรัฐเป็นกลไกในการตรวจสอบเพื่อป้องกันมิให้ผู้ใช้อานาจนี้กระทา การทุจริตหรือกระทาในสิ่งท่ีประชาชนและประเทศชาติเสียประโยชน์ โดยในการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ นัน้ จะกระทาได้ทั้งโดยองค์กรอิสระ เชน่ ผ้ตู รวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และการตรวจสอบการใช้อานาจรัฐตามรัฐธรรมนูญ โดยประชาชน สามารถตรวจสอบการใช้อานาจรัฐได้ด้วยเช่นกัน โดยการเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 20,000 รายช่ือ เพ่ือเสนอให้ วฒุ สิ ภามมี ติถอดถอนผู้ดารงตาแหนง่ ระดับสงู ที่ทจุ รติ ออกจากตาแหนง่ 4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน (ใหเ้ ลอื กเขยี นเฉพาะหัวข้อทส่ี อดคล้องกบั กจิ กรรมการเรยี นในแต่ละหน่วย และต้องประเมินได้จรงิ ) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
5. ทักษะกำรเรยี นรู้นกั เรยี นในศตวรรษที่ 21 ทักษะด้านการเรยี นรแู้ ละนวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สอื่ และเทคโนโลยี ทกั ษะดา้ นชีวิตและอาชีพ 6. กำรบูรณำกำรกำรเรยี นรู้ โรงเรยี นคุณธรรม หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โรงเรยี นสุจริต/ตา้ นทจุ ริต สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน สิง่ แวดล้อม อ่นื ๆ (ระบ)ุ ........................................................................ 7. กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน (ให้เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญดว้ ยวธิ ีการสอน เทคนิคการสอน กระบวนการสอนทห่ี ลากหลายเหมาะสมกับรายวิชา) ช่วั โมงที่ 1 - 5 ขน้ั ที่ 1 นำเข้ำสู่บทเรียน 1. ครูแจ้งตัวชี้วัดชว่ งชน้ั และจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ให้นักเรยี นทราบ 2. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เร่อื ง “การตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ” 3. ครูใหน้ ักเรียนหาข่าวเกย่ี วกบั การตรวจสอบบัญชีทรพั ย์สินของรัฐมนตรี จากน้ันให้ออกมาอา่ นข่าวที่ เตรยี มมาใหเ้ พื่อน ๆ ฟงั แล้วรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับขา่ ว จากน้นั ครูอธิบายเพื่อเชอ่ื มโยงเขา้ สู่ เนื้อหาทจ่ี ะเรียน ขน้ั ท่ี 2 กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4. ครอู ธิบายความหมายและความสาคญั เรื่อง การตรวจสอบการใช้อานาจรฐั 5. ครแู นะนาองค์กรอิสระทม่ี ีอานาจในการตรวจสอบการใชอ้ านาจรฐั ตามกฎหมายรฐั ธรรมนูญให้ นกั เรียนรูจ้ ัก 1) รัฐสภา 2) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ 3) คณะกรรมการการเลอื กตง้ั 4) ผู้ตรวจการแผ่นดิน 5) คณะกรรมการตรวจเงนิ แผ่นดิน 6. ครนู าวดี ิทศั น์ของผตู้ รวจการแผ่นดินมาใหน้ กั เรยี นชม 7. ให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 8-9 คน แสดงบทบาทสมมติบทบาทหนา้ ที่ขององคก์ รอิสระใน การตรวจสอบการใชอ้ านาจรัฐจะทาได้อย่างไร และมีแนวทางแก้ไขอย่างไร 8. ในขณะนักเรียนปฏิบตั กิ ิจกรรม ให้ครสู งั เกตพฤติกรรมในการทางานและการนาเสนอผลงานของ นกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทางานเป็นรายบุคคลหรอื เปน็ กลุ่ม
ขัน้ ที่ 3 ฝกึ ฝนผเู้ รียน 9. ครใู ห้แตล่ ะกลุ่มแสดงบทบาทสมมติ เมื่อจบแลว้ ครูชมเชยนกั เรียนในการทากจิ กรรม และเปดิ โอกาสให้นกั เรียนซักถามตามความสนใจ ขั้นท่ี 4 นำไปใช้ 10. ครูพดู กระต้นุ ให้นักเรียนคดิ วิเคราะห์และปฏบิ ตั ิได้จรงิ ในฐานะท่นี กั เรียนเปน็ ประชาชนคนไทย จะมสี ว่ นร่วมในการตรวจสอบการใชอ้ านาจรัฐไดอ้ ยา่ งไร ขนั้ ท่ี 5 สรุป 11. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่อื ง การตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ โดยใหน้ ักเรยี นสรุปเป็น แผนที่ความคดิ 11. ครูให้นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง “การตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ” และช่วยกัน เฉลยคาตอบ 8. ส่อื กำรเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อน-หลงั เรียน เรอ่ื ง “การตรวจสอบการใช้อานาจรัฐ” 2. ขา่ วเกี่ยวกบั การตรวจสอบบัญชีทรพั ย์สนิ ของรฐั มนตรี 3. วดี ทิ ศั นข์ องผู้ตรวจการแผ่นดนิ 4. หนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน หนา้ ท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชวี ติ ในสังคม 9. กำรวัดและประเมินผล ด้ำน วธิ ีกำรวัดผลและกำรประเมินผล เครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล เกณฑ์กำรวดั ควำมรู้ (K) 1. ทดสอบก่อนเรยี น 1. ทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรยี น ร้อยละ 60 2. ตรวจผลงาน/กิจกรรมเปน็ 2. เกณฑ์การตรวจผลงาน/กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์ รายบุคคลหรอื เป็นกล่มุ เปน็ รายบคุ คลหรือเปน็ กลุ่ม ทกั ษะ การประเมนิ ดา้ นทักษะ/ แบบประเมนิ ด้านทักษะ/ ระดบั 2 ขึ้นไป กระบวนกำร (P) กระบวนการ กระบวนการ คณุ ธรรม การประเมนิ ด้านคุณธรรม แบบประเมินดา้ นคุณธรรม ระดับ 2 ขน้ึ ไป จรยิ ธรรม และ จรยิ ธรรม และค่านิยม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม คำ่ นยิ ม (A)
เกณฑก์ ำรประเมนิ ผลงำนนกั เรยี น ดำ้ น ระดบั แนวทำงกำรให้คะแนน คุณภำพ ดำ้ นควำมรู้ 3 ขอ้ มูลความรถู้ กู ตอ้ งและสมบูรณ์ (K) 2 ข้อมูลความรถู้ กู ตอ้ งแต่ยังไมส่ มบูรณ์ 1 ข้อมูลความรไู้ ม่ถูกตอ้ งและไม่สมบูรณ์ ด้ำนกระบวนกำร (P) 3 มีการวเิ คราะห์ อภิปรายและนาเสนองานหรอื แนวคดิ บ่อยครั้ง 2 มีการวเิ คราะห์ อภิปรายและนาเสนองานหรอื แนวคิดบา้ ง 1 ไม่มีการอภปิ รายและนาเสนองานหรอื แนวคดิ ดำ้ นคุณลกั ษณะ (A) 3 มีความรับผิดชอบในการทางานเปน็ รายบคุ คลหรือเปน็ กล่มุ ดีมาก 2 พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบคุ คลหรอื เปน็ กลมุ่ ดี 1 พฤติกรรมในการทางานเปน็ รายบุคคลหรอื เป็นกล่มุ พอใช้ ระดับคะแนน หมายถงึ ระดับดีมาก คะแนน 3 หมายถึง ระดับดี คะแนน 2 หมายถึง ระดบั พอใช้ คะแนน 1
10. บันทกึ ผลหลงั กำรสอน 10.1 สรปุ ผลกำรเรียนกำรสอน 1. นักเรยี นจานวน........................คน ผา่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้...............คน คดิ เปน็ ร้อยละ................................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค.์ ...........................คน คดิ เป็นร้อยละ................................. ไดแ้ ก่ 1........................................................................................... 2. ........................................................................................ 3. .......................................................................................... นักเรียนทม่ี ีความสามารถพเิ ศษได้แก่ 1. ................................................................................. ......... 2. .......................................................................................... 2. นกั เรียนมีความร้คู วามเข้าใจ (K) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นกั เรียนมคี วามรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. นักเรียนมเี จตคติ คา่ นยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 10.2 ปญั หำ/อปุ สรรค (ผลการประเมินท่ีไม่เป็นไปตามจุดประสงค์สตู่ ัวช้ีวัด คุณลักษณะหรือสมรรถนะ ของ ผู้เรยี น) ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ............................................... 10.3 แนวทำงแกไ้ ข /แนวทำงกำรพฒั นำ (แนวทางการแกป้ ญั หา/พฒั นานักเรียนให้ได้ ตามตวั ชีว้ ดั คณุ ลักษณะ หรือสมรรถนะของผ้เู รียน) ............................................................................................................................. ............................................... ...................................................................................................................................................... ...................... ........................................................................................................... ................................................................. ลงชื่อ................................................................. (นางกนกวรรณ ชนะถาวร) ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ชานาญการพิเศษ
ควำมเหน็ ของหัวหน้ำของหัวหน้ำกล่มุ สำระกำรเรียนรู้ ได้ตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง นางกนกวรรณ ชนะถาวร แล้วมคี วามคดิ เหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกจิ กรรมได้นาเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม ยังไมเ่ น้นผ้เู รียนเปน็ สาคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี นาไปใช้ได้จริง ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอื่นๆ .............................................................................................................. .............................................................. ............................................................................................................................. ............................................... ................................................................................................................................................... ......................... .......................................................................................................... .................................................................. ลงช่อื ......................................................... (นายตฤณเศรษฐ์ รตั นรงั สฤษฎ์) ตาแหน่ง ครู ความคดิ เห็นรองผอู้ านวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ ............................................................................................................................. ........................................ ลงชื่อ.......................................................... (นางบุณฑรกิ ศรีบุญเรีอง) รองผู้อานวยการ กลมุ่ งานบรหิ ารวิชาการ
แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ 7 รำยวิชำ สงั คมศกึ ษำ รหัสวชิ ำ ส 31102 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ สังคมศึกษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ช้นั มัธยมศึกษำปีที่ 4 ภำคเรยี นที่ 2 ปีกำรศกึ ษำ 2563 หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง กฎหมำยในชีวติ ประจำวัน จำนวน 8 คำบ ************************************************************************************************** 1. มำตรฐำนกำรเรยี นร้/ู ตวั ชี้วัด/ผลกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน ส 2.1 เขา้ ใจและปฏิบตั ติ นตามหน้าที่ของการเป็นพลเมอื งดี มีค่านยิ มที่ดีงาม และธารง รกั ษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดารงชีวิตอยรู่วมกันในสังคมไทย และสงั คมโลกอยา่ งสนั ตสิ ขุ ตัวช้วี ดั /ผลกำรเรียนรู้ ม. 4-6/1 วเิ คราะหแ์ ละปฏิบัตติ นตามกฎหมายทีเ่ กี่ยวข้องกบั ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน ประเทศชาติ และสงั คมโลก 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรูส้ ตู่ วั ชี้วดั 1. อธิบายและวเิ คราะหก์ ฎหมายทเี่ กยี่ วข้องกบั ตนเองและครอบครัวได้ (K) 2. วิเคราะหค์ วามสาคัญของกฎหมายท่ีเกย่ี วกับตนเองและครอบครัว (P) 3. ปฏบิ ตั ิตนตามกฎหมายทีเ่ ก่ยี วกับตนเองและครอบครัว (P) 4. เห็นคณุ คา่ ของกฎหมายทีเ่ กี่ยวกบั ตนเองและครอบครวั (A) 3. สำระสำคัญ การปฏิบัติตนตามกฎหมายที่เก่ียวกับตนเอง ครอบครัว กฎหมายแพ่งเก่ียวกับนิติกรรมสัญญา กฎหมายอาญา กฎหมายที่สาคัญของประเทศ และข้อตกลงระหว่างประเทศ ย่อมส่งผลดีต่อความสงบ เรยี บร้อยในสงั คมระดับประเทศ และสังคมโลก 4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน (ให้เลือกเขยี นเฉพาะหัวข้อทส่ี อดคล้องกบั กจิ กรรมการเรยี นในแต่ละหน่วย และตอ้ งประเมนิ ได้จริง) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 5. ทักษะกำรเรยี นร้นู กั เรียนในศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะด้านการเรยี นรู้และนวัตกรรม ทกั ษะดา้ นสารสนเทศ ส่อื และเทคโนโลยี ทกั ษะดา้ นชวี ติ และอาชีพ
6. กำรบูรณำกำรกำรเรียนรู้ โรงเรยี นคณุ ธรรม หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โรงเรียนสุจริต/ตา้ นทุจริต สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน สิง่ แวดลอ้ ม อื่น ๆ (ระบ)ุ ........................................................................ 7. กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นกำรสอน (ให้เนน้ ผู้เรยี นเป็นสาคญั ด้วยวธิ ีการสอน เทคนิคการสอน กระบวนการสอนที่หลากหลายเหมาะสมกับรายวชิ า) ชวั่ โมงท่ี 1 - 2 ข้นั ที่ 1 นำเข้ำสู่บทเรยี น 1. ครแู จง้ ตวั ช้วี ัดช่วงชน้ั และจุดประสงค์การเรยี นรใู้ หน้ ักเรียนทราบ 2. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง “กฎหมายในชวี ติ ประจาวนั ” 3. ครูให้นักเรียนดูบตั รประจาตวั ประชาชน แล้วซักถามนกั เรียนวา่ บัตรนม้ี ีความสาคญั อย่างไร ใช้ได้ เมือ่ ไร ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั แสดงความคิดเหน็ จากนัน้ ครูอธิบายสรุปเพ่ือเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหาที่จะเรยี น ขน้ั ท่ี 2 กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4. นักเรียนและครชู ว่ ยกันแสดงความคิดเห็นถึงความหมาย ความสาคัญของกฎหมาย กฎหมาย เกีย่ วกับสิทธิ เสรภี าพ และหนา้ ทข่ี องประชาชน 5. ครูตัง้ คาถามเกย่ี วกับกฎหมายแพ่งเกย่ี วกับตนเองและครอบครวั ตวั อยา่ งคาถาม 1) กฎหมายแพ่งเกยี่ วข้องกับเร่ืองอะไรบ้าง 2) บัตรประจาตวั ประชาชนมีความสาคัญต่อเราอย่างไรบ้าง 3) ชายหญงิ ทมี่ ีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ ถ้าจะต้องแต่งงานกันจะปฏบิ ตั อิ ย่างไร 4) สัญญากยู้ ืมเงนิ เกี่ยวข้องกับกฎหมายใด 5) ถ้าทาผดิ กฎหมายอาญาจะได้รบั โทษอย่างไร 6. นักเรยี นช่วยกนั ตอบแลว้ ครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ 7. ครแู บ่งนักเรียนเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ ใหแ้ ต่ละกล่มุ ศกึ ษาความรู้ จากหนังสือเรียนและใบความรู้ เร่ือง กฎหมายแพ่งเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัวและมรดก และร่วมกันทา ใบงานเร่อื ง ครอบครวั และมรดก ขัน้ ท่ี 3 ฝึกฝนผ้เู รียน 8. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ชว่ ยกันทาใบงาน เรือ่ ง ครอบครวั และมรดก โดยแบง่ งานกนั ทา ดังน้ี - สมาชิกคนท่ี 1 มหี น้าท่ีอ่านคาสัง่ กรณีศึกษาคาถาม แยกแยะใหช้ ดั เจน - สมาชกิ คนท่ี 2 ฟังข้นั ตอน รวบรวมข้อมลู หาแนวทางเสนอแนะการตอบคาถาม - สมาชิกคนที่ 3 ตอบคาถามหรอื ตอบปัญหา - สมาชกิ คนที่ 4 ตรวจสอบความถูกตอ้ ง
ขน้ั ที่ 4 นำไปใช้ 9. สมาชิกในแตล่ ะกลมุ่ หมุนเวยี นเปล่ยี นหน้าทกี่ ันในการตอบคาถาม 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งใบงาน แลว้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ผลดั กนั ตรวจกระดาษคาตอบตามท่ีครเู ฉลย ข้ันที่ 5 สรุป 11. นักเรยี นและครูช่วยกนั สรุปสาระสาคัญของความหมาย ความสาคัญของกฎหมาย กฎหมายกับ สทิ ธิ เสรีภาพ และหน้าท่ีของประชาชน และกฎหมายแพง่ เกย่ี วกับตนเอง ครอบครวั และมรดก ชวั่ โมงท่ี 3 - 4 ขั้นท่ี 1 นำเข้ำสบู่ ทเรยี น 1. ครูนากรณีตัวอย่างเกี่ยวกับบุคคลที่ถูกผู้อ่ืนเอาเปรียบในเร่ือง การซื้อขาย การขายฝาก การกู้ยืม เงิน และการเช่าซ้ือ มาใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั วเิ คราะห์สาเหตุของการถูกเอาเปรียบและแนวทางป้องกันแก้ไข 2. ครูอธิบายเชื่อมโยงให้นักเรียนเห็นความสาคัญของการมีความรู้กฎหมายแพ่งเกี่ยวกับนิติกรรม สัญญา ขน้ั ที่ 2 กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 3. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน คละกันตามความสามารถ มีท้ังเก่ง ปานกลาง และอ่อน เรียกว่า กลุ่มบ้าน (Home Groups) ให้สมาชิกแต่ละคนเลือกหมายเลขประจาตัวตามความสมัครใจ ตั้งแต่ หมายเลข 1, 2 และ 3 4. นักเรียนจากกลุ่มบ้านแยกย้ายกันไปหากลุ่มใหม่ท่ีมีหมายเลขเดียวกัน เรียกว่า กลุ่มผู้เช่ียวชาญ (Expert Groups) รว่ มกนั ศึกษาความรใู้ นใบความรู้ เรือ่ ง นิตกิ รรมและสญั ญา ดงั น้ี - หมายเลข 1 ศึกษาความรู้เร่ือง ซ้ือขาย ขายฝาก และทาใบงานที่ 2.1 เร่ือง ซื้อขาย ขายฝาก - หมายเลข 2 ศึกษาความรู้เรือ่ ง เชา่ ทรพั ย์ เชา่ ซ้อื และทาใบงานที่ 2.2 เรอ่ื ง เช่าทรัพย์ เช่าซอ้ื - หมายเลข 3 ศึกษาความรู้เรื่อง กู้ยืม จานา จานอง และทาใบงานที่ 2.3 เรื่อง กู้ยืม จานา จานอง 5. นักเรียนกลุ่มผู้เช่ียวชาญช่วยกันทบทวนความรู้และความถูกต้องของใบงาน เรื่อง นิติกรรมและ สัญญา ขน้ั ท่ี 3 ฝกึ ฝนผ้เู รยี น 6. นักเรียนกลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลับไปยังกลุ่มเดิมหรือกลุ่มบ้าน (Home Groups) แล้วผลัดกันเล่า ความรเู้ ร่อื งทีต่ นได้ศึกษามาและการสรุปความรใู้ นใบงานใหเ้ พ่ือนในกลุม่ บ้านฟัง ขั้นท่ี 4 นำไปใช้ 7. นักเรียนแต่ละคนบันทึกความรู้ในกลุ่มบ้าน (Home Groups) ลงในใบงาน เรื่อง นิติกรรมและ สญั ญา ขัน้ ที่ 5 สรุป 8. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ใบงาน แลว้ ให้แตล่ ะกลุ่มผลัดกันตรวจกระดาษคาตอบตามท่ีครูเฉลย
Search