JAPAN Land of the Rising Sun LET’S KNOW ABOUT JAPAN
JAPAN
ศาลเจ้าเทพเจ้า สถานที่ยอดนิยม จิ้งจอกอินาริ ของญี่ปุ่น ศาลเจ้าเทพอินาริ เป็นศาลเจ้าที่มีความ สำ คั ญ แ ห่ง ห นึ่ ง ข อ ง เ มื อ ง เ กี ย ว โต(Kyoto) มีชื่ อเสียงโด่งดังจาก ประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือ เสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้าง หลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่ นต้น จนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ผู้คนเชื่ อกันว่าเป็นภูเขา ศักดิ์สิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็น ตัวแทนของความอุ ดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผล ไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็น สัตว์คู่กาย จึงพบรูปปั้ นจิ้งจอกอยู่ จำนวนมาก KYOTO,JAPAN 2|The Journey ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูก สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโต คาดกัน ว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือกว่าพันปี มาแล้ว นอกจากจะมีไฮไลท์อยู่ที่เสาประตูสีแดง แล้วนั้นตัวอาคารศาลเจ้าเองก็มีความน่าสนใจไม่ แพ้กัน ทั้ง Romon Gate ทางด้านหน้า และตัว อาคารหลักที่เรียกว่า Honden เสาโทริอิสีแดงนั้นก็ล้วนมาจากการ บ ริ จ า ค จ า ก ส่ ว น ต่ า ง ๆ ทั้ง จ า ก บุ ค ค ล แ ล ะ อ ง ค์ ก ร สามารถสังเกตเห็นได้จากตัวหนังสือข้างหลังเสา โดยราคาเริ่มจากไม่กี่ร้อยเยนสำหรับเสาต้นเล็กๆ ไปจนถึงหลายล้านเยนสำหรับเสาต้นใหญ่ๆ
ภู เ ข า ที่ สู ง ที่ สุ ด ใ น ภูเขาไฟฟูจิ รู ป แ บ บ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ญี่ ปุ่ น ภู เ ข า ไ ฟ ฟู จิ มี ผู้ ปี น ภู เ ข า ไ ฟ ฟู จิ ค รั้ง แ ร ก เ มื่ อ พ . ศ . กิ จ ก ร ร ม ที่ ต่ อ เ นื่ อ ง ย า ว น า น ใ น 1 2 0 6 โ ด ย นั ก บ ว ช ท่ า น ห นึ่ ง แ ล ะ ใ น ช่ ว ง ก า ร เ ป็ น แ ร ง บั น ด า ล ใ จ ไ ด้ ก ล า ย เ ป็ น วิ ถี ร ะ ห ว่ า ง นั้ น จ น ถึ ง ยุ ค เ ม จิ ภู เ ข า ไ ฟ ฟู จิ ไ ด้ ชื่ อ ว่ า ป ฏิ บั ติ ท า ง ศ า ส น า ที่ เ ชื่ อ ม โ ย ง ผู้ ค น ที่ นั บ ถื อ เ ป็ น ภู เ ข า ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ซึ่ ง ห้ า ม ผู้ ห ญิ ง ขึ้ น ปั จ จุ บั น ภู ศ า ส น า ชิ น โ ต พุ ท ธ ศ า ส น า แ ล ะ ธ ร ร ม ช า ติ เ ข า ไ ฟ ค ฟู จิ เ ป็ น ส ถ า น ที่ ท่ อ ง เ ภ ที่ ย ว ที่ สำ คั ญ เ ข้ า ด้ ว ย กั น ภู เ ข า ไ ฟ ฟู จิ ยั ง มี อิ ท ธิ พ ล ต่ อ เ ป็ น สั ญ ลั ก ษ ณ์ อ ย่ า ง ห นึ่ ง ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ศิ ล ปิ น ใ น ช่ ว ง ต้ น ค ริ ส ต์ ศ ต ว ร ร ษ ที่ 1 9 ใ น ญี่ ปุ่่ น ซึ่ ง จ ะ เ ห็ น ไ ด้ จ า ก ใ น ง า น เ ขี ย น ห รื อ ภ า พ ก า ร ผ ลิ ต ภ า พ เ ขี ย น ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ ท า ง ว า ด ต่ า ง ๆ โ ด ย เ ฉ พ า ะ ภ า พ ว า ด ข อ ง โ ฮ กู ไ ซ ที่ มี วั ฒ น ธ ร ร ม ใ ห้ เ ห็ น ใ น ว ร ร ณ ก ร ร ม แ ล ะ ก า พ ย์ ก ล อ น ที่ สำ คั ญ ซึ่ ง ทำ ใ ห้ ภู เ ข า ไ ฟ ลู ก นี้ เ ป็ น ที่ รู้ จั ก ม า ก ม า ย ข อ ง ญี่ ปุ่ น ไ ป ทั่ ว โ ล ก ทั้ ง นี้ ภู เ ข า ไ ฟ ฟู จิ ซึ่ ง มี ค ว า ม สู ง มี ฐ า น ทั พ ข อ ง ญี่ ปุ่ น ตั้ ง อ ยู่ ที่ เ ชิ ง ข อ ง 3 , 7 7 6 เ ม ต ร ตั้ ง อ ยู่ ร ะ ห ว่ า ง จั ง ห วั ด ย ะ ม ะ น ะ ภู เ ข า ไ ฟ ฟู จิ เ พื่ อ ดู แ ล ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย แ ล ะ มั่ น ค ง ชิ แ ล ะ ชิ ซุ โ อ ะ ก ะ เ ป็ น ห นึ่ ง ใ น ทั ศ นี น ย ภ า พ ที่ ส ว ย ง า ม ที่ สุ ด แ ห่ ง ห นึ่ ง ข อ ง ญี่ ปุ่ น เ ล ย 3| The Journey
ฟาร์ม โทมิตะ HOKKAIDO, JAPAN เป็นฟาร์มในเมืองนา กะฟูราโนะ จังหวัดฮกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตะวัน ออกเฉียงเหนือของนครซัปโป โรไปราว 120 กิโลเมตร ฟาร์มเปิดให้เข้าชมระหว่างเดือนเมษายน ถึงเดือนพฤศจิกายน ช่วงเหมาะสมไปเยือนที่สุด คือเดือนกรกฎาคม การเข้าชมฟาร์มฟรี ฟาร์มโทมิตะก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1903 โดยนายโทกูมะ โทมิตะ เกษตรกรจากฟู กูอิ ก่อนที่ในปี 1958 จะได้เริ่มมีการปลูกต้น ลาเวนเดอร์เพื่อใช้ทำน้ำมันหอมระเหย พื้นที่ แปลงลาเวนเดอร์เคยกว้างที่สุดถึง 1,400 ไร่ ในปี 1970 ก่อนที่จะลดขนาดลงมา ต่อมาในปี 1976 ทุ่งลาเวนเดอร์ของฟาร์มโทมิ ตะถูกนำไปใช้เป็นภาพบนปฏิทินของกลุ่ม บริษัทรถไฟ ทำให้เกิดกระแสนักท่องเที่ยวหลั่ง ไหลมาเยี่ยมชมจากทั่วญี่ปุ่น ตั้งแต่นั้นมาก็ เริ่มมีการพัฒนาฟาร์มเป็นแหล่งท่องเที่ยว มี การปลูกดอกไม้ สร้างเรือนกระจก ในปัจจุบัน ฟาร์มโทมิตะสามารถ ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่าหนึ่งล้านคนต่อปี และกลายเป็นหนึ่งในจุดหพมายปลายทางของ การท่องเที่ยวในจังหวัดฮอกไกโด 4| The Journey
Tokyo Disneyland โตเกียวดิสนีย์แลนด์ สวนสนุกของดิสนีย์แห่งแรกที่สร้างขึ้น ภายนอกสหรัฐอเมริกาและ เป็นแห่งแรกของทวีปเอเชีย เปิดให้บริการใน วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2526 ก่อสร้างโดยวอลต์ดิสนีย์อิเมจจิ เนียร์ริง ในลักษณะที่คล้ายคลึงกับดิสนีย์ แลนด์ที่แคลิฟอร์เนียและแมจิกคิงดอมที่ ฟลอริดา ดำเนินงานโดยบริษัทโอเรียนทัล แลนด์คอมปานี ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากเดอะ วอลต์ดิสนีย์ ทั้งโตเกียวดิสนีย์แลนด์และ โตเกียวดิสนีย์ซี ถือเป็นสวนสนุกเพียง แห่งเดียวที่วอลส์ดิสนีย์มิได้เป็นเจ้าของ สวนสนุกแบ่งออกเป็นเจ็ดสวนสนุก ย่อย เช่น เวิร์ลด์บาซาร์ แอดเวนเจอร์ แลนด์ เวสเทิร์นแลนด์ แฟนตาซีแลนด์ และทูมอโรว์แลนด์ โตเกียวดิสนีย์แลนด์มีจำนวนผู้เข้า ชมประมาณ 13.65 ล้านคน จัดอยู่ใน อันดับที่สามของสวนสนุกดิสนีย์ที่มีผู้เข้า ชมมากที่สุดรองจากแมจิกคิงดอมที่ ฟลอริดา และดิสนีย์แลนด์ที่แคลิฟอร์เนีย 5| The Journey
Tokyo Tower เป็นหอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ที่ตั้ง อยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว ประเทศ ญี่ปุ่น มีความสูง 332.6 เมตร (1,091 ฟุต ) สร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) เป็นจุด แลนด์มาร์ค ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น จุดประสงค์หลักของโตเกียว ทาวเวอร์คือการส่งสัญญาณวิทยุ โทรทัศน์ นอกเหนือจากความสามารถ ในการกระจายสัญญาณให้ได้ไกลแล้ว ผู้มีส่วนร่วมในการสร้างยังคิดว่า ไหนๆ ก็จะสร้างทั้งที เรามาสร้างให้มัน เหนือกว่าหอไอเฟล (324 เมตร) ไป เลย ในท้ายที่สุดโตเกียวทาวเวอร์จึงมี ความสูงที่ 333 เมตร มีจุดชมวิว 2 แห่งที่ความสูง 150 เมตรและ 250 เมตร สามารถชมความ งดงามของเมืองโตเกียวได้ทั้งเวลา กลางวันและกลางคืน 6| The Journey
มุมมองที่ดีที่สุดของภูเขาไฟฟูจิ คือชายฝั่ ง ทางตอนเหนือของทะเลสาบ โดยเฉพาะใน ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระจำนวนมาก เบ่งบานประมาณกลางเดือนเมษายน หนึ่ง ในจุดชมดอกซากุระคือพิพิธภัณฑ์คาวากูจิ โกะมิวสิคฟอร์เรส เป็นหนึ่งใน 5 ทะเลสาบที่อยู่รอบภูเขาไฟ ฟูจิแบบใกล้ๆ แต่เป็นเพียงทะเลสาบแห่ง เดียวที่สามารถเดินทางไปถึงได้ง่ายที่สุดใน บรรดา 5 ทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากูชิโกะ (Lake Kawaguchiko) ฤดูใบไม้ร่วงประมาณครึ่งเดือน แรกของเดือนพฤศจิกายนใบไม้ เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม และเหลืองสลับกัน แต่อย่างไรก็ตามยอดภูเขาไฟฟูจิมัก ถูกบดบังด้วยเมฆในช่วงกลางวันแม้ สภาพอากาศจะปกติ โดยเฉพาะในช่วง ฤดูร้อน ดังนั้นเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ ช่วงเช้าของทุกๆวัน(ก่อน 9 โมงเช้า) และช่วงบ่ายเย็นๆ 7| The Journey
รู้จักกันในชื่อ วัดน้ำใส นับเป็นวัดที่ไม่ได้ มีชื่อเสียงโด่งดังระดับจังหวัดเท่านั้น แต่ยังเป็นวัด ที่พูดได้เลยว่าดังที่สุดในญี่ปุ่นก็ไม่ผิดเลย เนื่องจากการที่วัดมีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงาม ชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็น มรดกโลก (UNESCO world heritage sites) ซึ่งที่มาของชื่อวดั น้ำใสก็มาจากการที่วัด แห่งนี้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นปี ค.ศ. 780 แล้วได้มีน้ำที่ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่านตัววัดนั่นเอง วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์การท่อง เที่ยวของที่นี่ก็คงไม่พ้น อาคารไม้ ขนาดใหญ่ที่แค่การสร้างก็น่าทึ่งแล้ว เพราะการสร้างทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะ ปูใดๆทั้งสิ้น ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของ คนโบราณที่สุดยอดเลยจริงๆ เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูก สร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้ บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มอง เห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และเป็น จุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อ ของเกียวโตอีกด้วย 8| The Journey
ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1592-1614 จากความที่สร้างอยู่บนพื้นที่ราบเค้าจึงอีกชื่อเรียก หนึ่งในภาษาญี่ปุ่นว่า ฮิราจิโระ(Hirajiro) ความปัง เรื่องสถาปัตยกรรมการสร้างนั้น ประการแรกจะเป็นมีหอคอยและป้อมปืน เชื่อมต่อกับโครงสร้างอาคารหลัก รวมทั้งภายใน ตกแต่งด้วยไม้ จุดที่น่าสนใจ ได้แก่ บันไดไม้สูงชัน ช่องเก็บหินสำหรับโจมตีศัตรู ช่องสำหรับธนู และ หอสังเกตการณ์บนชั้น 6 แต่สิ่งที่ทำให้ปราสาทดัง มากๆนาจะเป็นสีนี่เอง ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) โทนสีเน้นไปที่สีเข้มๆดูมืดๆ มองไปมองมาให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และ สุขุม จนได้รับฉายาว่าปราสาทอีกา นั่นเอง ช่วงที่ถือได้ว่าไฮซีซั่นยอดนิยม แบบสุดๆต้องยกให้ฤดูใบไม้ผลิเลยถ้า จะพูดว่าพีคสุดของที่นี่ที่ซากุระภายใน บริเวณที่รายล้อมตัวปราสาทจะเบ่ง บานงดงามมากที่สุด ต้องมาช่วงเดือนเมษายน ของทุกปีนะคะ แบบว่าสวยอลังการจน กลายมาเป็นจุดชมซากุระยอดนิยม แห่งหนึ่ง ผู้คนจำนวนมากต่างมาเดิน เล่นในสวนหย่อม และรอบๆปราสาท ซึ่งคูเมืองด้านนอกปลูกต้นซากุระ 9| The Journey
ตัวชื่อเกาะมิยาจิม่าที่แปลว่าเกาะแห่ง ศาลเจ้า เพราะ มีศาลเจ้าอิสึกุชิมะตั้งอยู่ มียอดเขา สูงที่ชื่อภูเขาไมเซน(Misen)ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สำหรับคนท้องถิ่น และเกาะแห่งนี้ได้รับเลือกจากผู้ ที่มีอำนาจที่สุดในสมัยเฮอันให้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้า ประจำตระกูลและได้สร้างศาลเจ้าอิสึกุชิมะขึ้นมา ศาลเจ้าอิสึกุชิมะนั้นจะประกอบไปด้วยหลายอาคาร เช่น อาคารภาวนา อาคารหลัก และโรงละครโนะ ซึ่ง จะเชื่อมต่อกันด้วยทางระเบียงทางเดินที่มีเสาด้าน ล่างอยู่ในทะเลเพื่อรับน้ำหนัก ศาล เจ้าอิสึกุชิมะ Itsukushima Shrine ตั้งอยู่บนเกาะมิยาจิม่า(Miyajima) นับเป็นศาลเจ้าที่ดังมากๆแห่งหนึ่ง ของฮิโรชิม่า ซึ่งความโด่งดังที่ว่านี้ หลักๆก็มาจากประตูโทริอิสีแดงขนาด ใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางทะเลจนดูเหมือน ลอยอยู่ในน้ำ ในช่วงที่น้ำขึ้นนี่เองล่ะค่ะ มันเป็นอะไรที่ อเมซิ่งมากๆที่เห็นเหมือนประตูที่ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ความ ศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่บนน้ำ เรียกได้ว่าเป็น ส่วนผสมลงตัวของทั้งวัฒนธรรมกับ ธรรมชาติ 10| The Journey
เป็นสวนริมทะเลขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียง ด้านทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะทุ่งดอกโค เชีย(Kochia)ที่โดยปกติจะมีสีเขียว และจะเปลี่ยน เป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอยู่ที่เมืองฮิตาชินา กา(Hitachinaka) ของจังหวัดอิบารากิ อยู่ห่างจาก เมืองโตเกียวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 130 กิโลเมตร ที่สวนริมทะเลฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (สามารถ เดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีเพราะจะมีดอกไม้ สายพันธ์ต่างๆที่จะสลับกันบานตลอดเวลา รวมทั้ง ยังมีโซนของสวนสนุกที่ชื่อว่า Pleasure Garden สวนริมทะเลฮิตาชิ (Hitachi Seaside Park) มีทุ่งดอกเนโมฟีเลีย(Nemophila) หรือที่เรียกกันว่าช่วง Nemophila Harmony โดยจะบานต่อจากดอกทิว ลิปในฤดูใบไม้ผลิเหมือนกัน ตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนจนถึงปลายเดือน พฤษภาคม จะเป็นดอกไม้สีฟ้า และ น้ำเงิน ทำให้ทุ่งหญ้าสีเขียวกลายเป็นสี ฟ้าสวยงามแปลกตามาก เพราะหาชม ไม่ได้ง่ายนัก ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน ไฮไลท์ของสวนแห่งนี้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีทุ่งดอก rapeseed สี เหลืองสดที่จะบานพร้อมกันด้วย 11| The Journey
ย่านชินจูกุ(Shinjuku) ย่านชินจูกุ(Shinjuku) แหล่งบันเทิงและ แหล่งช้อปปิ้ งขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวงโตเกียว เป็นศูนย์รวมแฟชั่นเก๋ๆ เท่ห์ๆ ของเหล่าบรรดา แฟชั่นนิสต้า มีสถานีรถไฟชินจูกุที่เป็นเหมือน ศูนย์กลางของของย่านนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีที่ คึกคักที่สุดในญี่ปุ่น ในแต่ละวันมีผู้คนจำนวนมาก ถึง 2.5 ล้านคนที่ใช้บริการสถานีแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง โตเกียวเป็นแลนมาร์คของความเป็น มหานครยุคใหม่ของญี่ปุ่นอย่าง แท้จริง โดยเฉพาะบริเวณห้าแยกชิบู ย่าที่กลายเป็นสัญญลักษณ์สำคัญจุด หนึ่งของเมืองโตเกียว รวมไปถึงย่าน ช้อปปิ้ งกลางเมืองอย่างชินจูกุที่เป็น หนึ่งในย่านชื่อดังของเมืองโตเกียว ที่ มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาหลัก หลายล้านคนในแต่ละปี 12| The Journey
ย่านมินามิ นัมบะ และชินไซบาชิ Minami Namba Shinsaibashi ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองโอซาก้า (Osaka) เรียกได้ว่าเป็นย่านยอดสุดฮอตของเหล่านักท่อง เที่ยวเลยก็ว่าได้ บอกเลยว่าถ้ามาโอซาก้าแล้วไม่มา เที่ยวย่านนี้ถือว่ามาไม่ถึง เนื่องจากเป็นย่านศูนย์ กลางการช้อปปิ้ งที่ใหญ่ที่สุดของเมืองโอซาก้าและ ภูมิภาคคันไซทีเดียวค่ะ แถมยังมีแลนด์มาร์กของ เมืองอย่างเจ้าป้ายกลูลิโกะอยู่ที่ย่านนี้อีกด้วย โดย จะมีหลายช้อปปิ้ งสตรีทรวมตัวกัน ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) หนึ่งในสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่โด่ง ดังมากที่สุดของโอซาก้าเลยก็ว่าได้ค่ะ ถ้าอยากจะมาหาของกินแจ่มๆต้องมา แถวนี้ให้ได้ เพราะส่วนนี้นับว่าเป็น แหล่งรวมร้านอาหารมากมายที่เปิดให้ บริการ 24 ชั่วโมง เรียกว่าคึกคักได้ ตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยตัวถนนแห่งนี้จะเลียบริม คลองโดทงโบริ และยังมีทั้งร้านค้า และแหล่งบันเทิงอีกมากมาย ในช่วง กลางคืนก็จะเปิดไฟประดับประดาสวย รวมไปถึงป้ายนักวิ่งกูลิโกะ(Glico Running Man sign) เป็นสัญลักษณ์ ของเมืองโอซาก้าด้วย 13| The Journey
กำแพงหิมะทาเทยาม่า คุโรเบะ (Tateyama Kurobe Alpine) เป็นเส้นทางที่น่าตื่นตาตื่นใจผ่านทาง ตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ซึ่งสามารถเข้า ถึงได้โดยระบบขนส่งต่างๆ เช่น เคเบิ้ลคาร์ รถ โดยสาร รถบัส และกระเช้า เป็นต้น เส้นทางนี้เชื่อม ต่อระหว่างเมืองโทยาม่า(Toyama) ในจังหวัดโท ยาม่า กับเมืองโอมาจิ(Omachi) จังหวัดนากา โน่(Nagano) แหล่งท่องเที่ยวหลักของเส้น ทางทาเทยาม่าคุโรเบะ คือทัศนียภาพอัน งดงามของเทือกเขาทาเทยาม่ า ซึ่ง(Tateyama Mountain Range) เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชุบุซัง งาคุ(Chubu Sangaku National Park) โดยนักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับวิว ทิวทัศน์ของธรรมชาติที่แตกต่างกันใน แต่ละฤดูกาลตลอดปี ในฤดูใบไม้ผลิจะมีหิมะที่สะสมอยู่ กำแพงหิมะรอบๆมูโรโดะจะเปิดให้ นักท่องเที่ยวเดินเข้าชมตั้งแต่กลาง เดือนเมษายน-กลางเดือนมิถุนายน(ปี 2015 เริ่ม 16เมษายน – 22 มิถุนายน) 14| The Journey
พิพิธภัณท์สัตว์น้ำ โอซาก้า (Kaiyukan Osaka Aquarium) สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าที่สุดแห่ง หนึ่งของญี่ปุ่น ส่วนมากชาวญี่ปุ่นจะรู้จักกันในชื่อ “Kaiyukan” ซึ่งตั้งอยู่ใน Tempozan Harbor Village กับอ่าวโอซาก้า การที่จะเป็น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของประเทศมาอย่างยาวนานนี่เรียกว่าไม่ใช่เล่นๆ เลยนะคะ เพราะสัตว์น้ำที่จัดแสดงนั้นถือได้ว่ามี ความหลากหลายมากๆ จัดแบ่งออกเป็นโซนๆมี ทั้งหมด 8 ชั้น มีไฮไลท์อยู่ที่ Central Tank ที่มี ความลึกมากถึง 9 เมตรเลยทีเดียว ภายในจะมีการจำลองสภาพ แวดล้อมให้คล้ายคลึงกับมหาสมุทร แปซิฟิคมากที่สุด เหมือนเราได้ดำดิ่งไป ในใต้ทะเลน้ำลึกได้ประมาณนั้น โดดเด่น ที่สุดน่าจะเป็นเจ้าฉลามวาฬขนาดใหญ่ ยักษ์ที่จะโฉบไปโฉบมาให้เห็นกันระยะ ประชิด นอกจากนั้นแล้วยังจะมีการจัด แสดงสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทร แปซิฟิคต่างพื้นที่กันให้เห็นด้วยนะคะ โดยจะมีการจัดแสดงให้เห็นทั้งหมด 15 ตู้ สัตว์น้ำบางชนิดนี่นับว่าหายากแล้วก็ ยังมีให้เห็นในที่นี่ แนะนำเลยค่ะว่ามาแต่ เช้าจะมีที่สุด เพราะบริเวณกว้างขวาง แล้วมีหลายชั้น 15| The Journey
สวนเค็นโรคุเอ็น (Kenrokuen Garden) นับเป็นแลนมาร์กที่โดดเด่นมากๆของ เมืองคานาซาวะ(Kanazawa)ที่สายธรรมชาติอยาก เห็นสวนงามๆต้องมาให้ได้เลยล่ะค่ะ เพราะที่นี่นั้นได้ ชื่อว่าติด1 ใน 3 ของสวนที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของ ประเทศญี่ปุ่น ที่บอกเลยว่ามาแล้วต้องฟินอินไปกับ ทัศนียภาพความงดงามภายในสวนที่สวยไม่ซ้ำใน ทุกๆฤดูแน่ๆ โดยชื่อ“เค็นโรคุ” นั้นหมายความถึง สวนที่มีองค์ประกอบที่ดี 6 อย่างด้วยกัน พื้นที่ที่กว้างขวาง, บรรยากาศที่ เงียบสงบ, ความลงตัว, ความเป็นมาอัน ยาวนาน, แหล่งนํ้า, และทัศนียภาพล้อม รอบที่สวยงามตระการตา บอกเลยว่า สวนแห่งนี้มีอย่าครบไม่มีขาดไปซักข้อ แบบว่าพอเข้ามาปุ๊บจะได้เห็นทั้งวิว ทิวทัศน์ของบ่อนํ้า หุบเขาอันสวยงาม บ้านหลังน้อยใหญ่ที่ใช้ในการ ผลิตชาที่มีชื่อเสียงนั่นเองล่ะค่ะ ไม่ว่าจะ มาช่วงฤดูไหนก็รับรองว่าสวยไม่ยิ่ง หย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะถ้าชอบ ซากุระแล้วล่ะก็มาที่นี่รับประกันความฟิ นมีร้อยให้ร้อยเลว เพราะว่าสวยตระการ ตาอลังการงานสร้างมาก ยิ่งช่วงไหนที่มีการเปิดไฟกลางคืนนี่ 16| The Journey
สวนกวางนารา (Nara Park) บอกเลยว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดังมากๆ ของเมืองนาราเลย ภายในสวนเป็นที่อยู่ของกวาง จำนวนมาก เมืองนารานั้นมีกวางเกือบ 1200 ตัว ซึ่งทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองนารา โดย จากเหล่าน้องกวางสุดน่ารักที่จะได้เห็นกัน ภายในบริเวณสวนแห่งนี้จะเป็นสวน สาธารณะขนาดใหญ่มากๆในตัวเมืองนารา ใครที่ กลัวว่ากว้างจะดุก็ไม่ต้องกลัวกันไปค่ะ เพราะกวาง ที่นี่จะค่อนข้างคุ้นเคยกันคนมากๆ ขนาดมีการโค้งประหนึ่งทำการ คำนับเพื่อของอาหารจากเราเพียงด้วย แค่จะมีเฉพาะบางช่วงที่อาจดูหงุดหงิดดุ ไปยู่บ้างก็ในตอนที่ให้อาหารนี่ ที่มีขนาด บางตัวอาจจะเข้ามาดึงเสื้อผ้าหรือ กระเป๋าได้ แนะนำเลยว่าให้แต่งตัวรัดกุม ทะมัดทะแมงและมีความระมัดระวัง ระหว่างการให้อาหารจะดีสุด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าอาหารที่ กวางโปรดปรานนี่จะไม่ใช่พืชผักอย่างที่ หลายๆคนคุ้นเลยกัน แต่กวางที่สวน แห่งนี้นั้นเลิฟๆ”ขนมเซนเบ้”ที่เราๆ ท่านๆคุ้นเคยกันว่าเป็นขนมท้องถิ่นที่ คนญี่ปุ่นนิยมกินแกล้มไปกับชาร้อน 17| The Journey
สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Yaen Park) ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาจิโกคุดานิ(Jigokudani valley) ในจังหวัดยามาโนอูจิ(Yamanouchi) เรียก ได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแลนด์มากสุดปังที่ดัง มากๆของที่นี่ก็ว่า. แบบว่าพูดถึงลิงแช่ออนเซนปุ๊บภาพของที่นี่ มันลอยขึ้นมาให้เห็นทันใด ถ้าอยากไปแช่ออนเซน ฟินๆก็เดินทางมาต่อที่นี่สบายๆเลยล่ะค่ะ เพราะ สวนแห่งนี้นั้นไม่ไกลจาก Shibu Onsen โดยเป็น น้ำพุร้อนธรรมชาติที่ลิงป่าลงมาอาบน้ำ และเป็นที่ อยู่อาศัยของลิงหิมะชนิดนี้มาอย่างยาวนาน สวนสาธารณะแห่งนี้ด้านใน เค้าจะมีสระว่ายน้ำที่สร้างขึ้นมาสำหรับ เจ้าลิงทั้งหลายโดยเฉพาะ แบบว่าเดิน เข้ามาแค่ 5 นาทีก็จะเห็นเจ้าลิงตัวน้อย ตัวใหญ่มาให้เห็นกันตลอดเส้นทางที่ไป ยังสระน้ำเป็นออร์เดิรฟ์ ก่อนจะไปเจอของจริงอย่างเจ้า ลิงนอนแช่น้ำแบบสบายใจโดยพวกมัน จะจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ มีความคุ้น เคยกับมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตามห้าม เข้าไปจับหรือให้อาหารโดยเด็ดขาด แล้ว ถ้าเกิดอยากจะได้ข้อมูลต่างๆเพิ่มเติมก็ ทำได้ง่ายๆค่ะ เพราะบริเวณลานจอดรถ เป็นที่ตั้งของศูนย์ข้อมูลเล็กๆสังเกต พฤติกรรมของลิงได้ด้วย 18| The Journey
สวนและพิพิธภัณท์สันติภาพฮิโรชิม่า Hiroshima Peace Parkได บริเวณใจกลางเมืองฮิโรชิม่า(Hiroshima) นับเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่มาก ถึง120,000ตารางกิโลเมตรเลยล่ะค่ะ เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่แขกไปใครมา เยือนเมืองฮิโรชิม่าจะต้องมาที่นี่ดูซักครั้ง ไม่ใช่แค่ จะมีเพียงสวนเปล่าๆนะคะ แต่ที่นี่ยังจะมีส่วนที่เป็น พิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถเข้า ไปเชมภายในได้อีกต่างหาก จุดที่เป็นเสมือนไฮไลท์ ของสวนแห่งนี้นั้นนั่นก็คือตึก A-Bomb Dome สวนสันติภาพฮิโรชิม่านั้นถูก สร้างขึ้นเพื่ออุทิศเป็นอนุสรณ์สถานให้ กับการทิ้งระเบิดปรมาณูเมื่อ สงครามโลกครั้งที่ 2 และยังเป็นจุด ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลักของเมืองฮิโร ชิม่าจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว จริงๆ . ภายในสวนแห่งนี้จะแบ่งออก เป็นสองส่วนหลักๆ ซึ่งจะเป็น พิพิธภัณฑ์ที่จะมีการจัดแสดงเกี่ยวกับ เมืองฮิโรชิม่าล้วนๆเลยล่ะค่ะ บอกได้เลย มาทีได้ความรู้ติดตัวไปเพียบ โดยส่วน แรกจะจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ของเมืองฮิโรชิม่า และอีกส่วนจะเกี่ยว กับการถูกทิ้งระเบิด 19| The Journey
เมืองสกีรีสอร์ท นิเซโกะ Niseko เกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการจัด ลำดับว่ามีหิมะที่ละเอียดเป็นปุยนุ่ม แบบที่เรียกกัน ว่า Powder Snow เหมาะสำหรับการเล่นสกีและส โนว์บอร์ดเป็นลำดับสามของโลก รองจากแคนาดา และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ลานสกีญี่ปุ่นยังได้รับ การกล่าวขานว่ามีความปลอดภัยสูงมาก ทำให้ลาน สกีในฮอกไกโดเป็นที่นิยมของนักสกีและนักสโนว์ บอร์ดจากทั่วโลก เมืองนิเซโกะ(Niseko)มีชาวต่างชาติ อาศัยอยู่และมาท่องเที่ยวเป็นจำนวน มาก โดยเฉพาะชาวออสเตรเลีย ร้านเช่า และขายอุปกรณ์สกีกว่า 80% ดำเนิน การโดยชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมี โรงเรียนนานาชาติ อพาร์ตเมนท์และซู เปอร์มาร์เก็ตที่วางขายสินค้านำเข้า สำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาว ต่างชาติ บ่อน้ำแร่บางแห่งในเมืองนิเซ โกะจึงอนุญาตให้ผู้มีรอยสักและผู้ที่ใส่ ชุดว่ายน้ำลงแช่ได้ ซึ่งนับเป็นเรื่อง แปลกในเมืองอื่ นของประเทศญี่ปุ่น 20| The Journey
ป้อมโงเรียวกาคุ Fort Goryokaku ป้อมโงเรียวกาคุ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ป้อม ดาว 5 แฉก” ตั้งอยู่ที่เมืองฮาโกดาเตะ(Hakodate) ในจังหวัดฮอกไกโด(Hokkaido) เรียกได้ว่าเป็นอีก หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของเมือง ยังจะเป็นจุดชมซากุระที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองอีกต่างหาก หลายคนอาจจะสงสัยกันกับ ชื่อของป้อมว่าทำไมถึงเรียกว่าป้อมดาว 5 แฉก นั่น ก็เพราะบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่รูปดาว เนื่องจากต้องการเพิ่มพื้นที่ในการวางปืนใหญ่ ใจกลางพื้นที่รูปดาว สมัยก่อน นั้นเคยเป็นที่ทำการรัฐบาลของฝ่าย สาธารณรัฐ(Former Magistrate Office) ของเจ้าหน้าที่ผู้สำเร็จราชการ บริหารฮอกไกโด โดยนับว่าเป็น ศูนย์กลางการปกครองภาคเหนือใน สมัยของรัฐบาลโชกุน อาคารดั้งเดิมได้ ถูกทำลายหลังจากการล่มสลายของ รัฐบาลโชกุนเอโดะในปี ค.ศ. 1871 และได้ รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่ จึงมีการนำภาพถ่ายในอดีตและ เอกสารอ้างอิงและก่อสร้างสำนักงาน ปกครองฮาโกดาเตะขึ้นให้ใกล้เคียง สภาพเดิมมากที่สุด และเริ่มเปิดให้ ประชาชนได้เข้าชมในปี ค ศ. .2010 21| The Journey
เทือกภูเขาไฟอะโซะ (Aso Mountain) เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มากที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคคิวชู(Kyushu) เป็น ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับขนาดใหญ่อยู่ใจกลางเกาะคิวชูใน จังหวัดคุมาโมโต้(Kumamoto) เป็นทุ่งหญ้ากว้าง ใหญ่กินพื้นที่กว่า 100 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในภูเขาไฟ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่เพียงแต่จะได้เต็มอิ่มไปกับธรรมชาติ สวยๆกันเท่านั้น ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ JR Aso ที่ เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังภูเขาไฟอะโซะยังจะมีศาลเจ้า อะโซะ ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานมาก ถึง 2 พันปี และเป็นศาลเจ้าที่มีประตูทาง เข้า(Romon Gate) แบบ 2 ชั้นที่ใหญ่ติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว . ซึ่งภายในนั้นเป็นที่ประดิษฐานของ เทพเจ้าที่เชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างเมืองอะโซะ รวมไป ถึงต้นสน(pine tree) ที่เชื่อกันว่าจะทำให้สมหวัง เรื่องชีวิตคู่ด้วย ที่อยู่ถัดจากสถานีอะโซะ แล้ว เดินประมาณ 20 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็น ภูเขาไฟที่เต็มไปด้วยสีสันน่าค้นหาและยังใกล้กับ สถานที่ท่องเที่ยวน่าปักหมุดอีกเพียบ 22| The Journey
ปราสาทนิโจ Nijo Castle 二条城ปราสาทนิโจ(Nijo Castle, ) ตั้ง อยู่ที่เมืองเกียวโต โดยถือเป็นอีกสิ่งปลูกสร้างหนึ่ง ของเมืองที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกของยูเนสโก้ ปราสาทแห่งนี้นั้นมีอายุมานานหลายร้อยปีเลยนะ โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1603 เพื่อเป็น ที่พำนักอาศัยของท่านโชกุนโทคุกาวะ ที่ถือเป็น บุคคลสำคัญ เนื่องจากท่านนั้นเป็นโชกุนคนแรก ของสมัยเอโดะราวๆปี ค.ศ. 1603-1867 ปราสาทนิโจมีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรม ของญี่ปุ่นดั้งเดิมที่สวยงามและได้รับการขึ้น ทะเบียนให้เป็นสถานที่ทางมรดกโลกแห่งองค์ การยูเนสโกในปี ค ศ. .1994 ภายในปราสาทนิโจ นั้นสามารถแบ่งออกเป็นสามส่วนหลักใหญ่ๆ อย่างฮอนมารุ – honmaru (ปราสาทชั้นใน) นิฮอ นมารุ – ninomaru (ปราสาทชั้นนอก) และสวน รวมไปถึงกำแพงหินที่โอบล้อมปราสาททั้งหมด หลังจากหมดยุคราชวงศ์โทคุกาวะใน ปี 1867 ปราสาทนิโจถูกใช้เป็นพระราชวังสำหรับ ราชวงศ์ในยุคต่อๆมา จนมาภายหลังนั่นเองที่ได้ ถูกส่งมอบให้กับเมืองเกียวโตและเปิดให้เป็น สถานที่ทางประวัติศาสตร์ โดยมีการเปิดให้ผู้ สนใจเข้าเยี่ยมชม นับว่าเป็นปราสาทอันเก่าแก่ที่ ไม่ควรพลาดอีกแห่งหนึ่งเลย 23| The Journey
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ Okinawa Churaumi Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดในประเทศ ญี่ปุ่น เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 2002 ตั้งอยู่ใน Ocean Expo Park ที่เคยจัดแสดงงานนานาชาติ เอ็กซ์โปในปี 1975 ไฮไลท์ของการเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้คือแท็งก์น้ำคุโรชิ โอะ(Kuroshio Tank) ซึ่งเป็น 1 ในแท็งก์น้ำที่ใหญ่ ที่สุดของโลก ซึ่งภายในนั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตใน ทะเลแถบโอกินาว่าที่หลากหลาย สัตว์น้ำที่โดดเด่น ที่สุดคือฉลามวาฬยักษ์ และกระเบนราหู ในอาคารพิพิธภัณฑ์แยกออกไป 3 ชั้น โดย ทางเข้าอยู่บนชั้น 3 และทางออกอยู่ที่ชั้น 1 หลัง จากที่นักท่องเที่ยวเข้ามาจะพบกับบ่อน้ำที่ อนุญาตให้ทดลองสัมผัสปลาดาว และหอยชนิด ต่างๆได้ ถัดไปเป็นแท็งก์น้ำที่จัดแสดงโลกของ สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการัง เมื่อเดินผ่าน ตู้ปลามาแล้วจะเป็นแท็งก์คุโรชิโอะ โดยการให้ อาหารสัตว์น้ำจะมีวันละ 2 ครั้ง แท็งก์ถัดมาเป็นที่อยู่อาศัยของฉลาม ฉลามเสือ และฉลามวัว ต่อจากนั้นเป็นสิ่งมีชีวิต ในน่านน้ำที่อาศัยลึกลงไปอีก รวมถึงปลาที่เรือง แสงได้ นอกจากนี้ยังมีสระน้ำกลางแจ้งที่ตั้งอยู่ ใกล้ริมน้ำซึ่งเป็นที่จัดการแสดงของโลมาแสนรู้ เต่าทะเล และพะยูน ที่จัดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งต่อ วัน(ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) 24| The Journey
ตลาดนิชิกิ(Nishiki Market) ตลาดนิชิกิ(Nishiki Market)ถือว่าเป็น ตลาดที่ดังที่สุดในเมืองเกียวโตทีเดียวค่ะ ดูได้จาก คึกคักอยู่ตลอดเวลาและมีผู้คนพลุกพล่าน เดิน เลือกซื้ออาหารของสดและของแห้ง มีความหลากหลายของร้านค้าตลอดทั้ง เส้น แม้จะเป็นถนนสายช้อปปิ้ งสายแคบๆ ความ ยาวประมาณห้าช่วงตึก มีร้านค้าและร้านอาหาร มากกว่า 100 ร้านค้าเรียงรายกันอยู่ มีทั้งของสด ของแห้งไปจนถึงอาหารทะเลสดๆ, ภาชนะประกอบ อาหาร, มีดญี่ปุ่น, และยังเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงที่มี อาหารตามฤดูกาลให้เลือกซื้อเลือกชิม ร้านค้าของที่นี่พูดได้เลยว่ามีความหลาก หลายมากที่สุดของเมืองเกียวโต ซึ่งมีทั้งร้านค้าที่ เป็นแผงลอยขนาดเล็กไปจนถึงร้านค้าขนาดใหญ่ แบบสองชั้น คนที่อยากลองชิมอาหารท้องถิ่นนี่ ไม่มีคำว่าผิดหวังเมื่อมาเยือนที่นี่ เพราะอาหาร ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาดนี้จะเป็นของพื้นเมือง ที่ผลิตและแปรรูปกันในท้องถิ่น ทำให้ของที่ขายมีเอกลักษณ์และไม่ เหมือนใคร จึงเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว เป็นอย่างมาก อีกทั้งสายหวานจะต้องตาลุกวาว เนื่องจากมีขนมเยอะแยะมากมาย ส่วนมากจะเน้น อาหารแบบปรุงสำเร็จทานได้ทันทีทำให้สามารถ เดินไปกินไปและเพลินกับร้านค้าและบรรยากาศ โดยรอบได้เรื่อยๆ ของแต่ละอย่างช่างน่าเสียเงิน โดยแท้บอกเลยว่าเดินไปเดินมามีกระเป๋าเบา 25| The Journey
อุโมงค์วิสทีเรีย Kawachi Fuji Garden ฤดูใบไม้ผลิคงไม่มีความงดงามใดเกิน หน้าเกินตาเหล่ามวลบุปผาและดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ กำลังออกดอกเผยความงามเบ่งบานอวดสายตา เหล่านักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นเองและจากทั่วทุก มุมโลก ทั้งดอกบ๊วยและดอกสึบากิ (ดอกคามิเลีย) ที่เผยความงามก่อนหน้านี้ไปบ้างแล้ว ดอกซากุระอันโด่งดังก็ได้รับการ พยากรณ์ว่าจะเริ่มผลิดอกช่วงประมาณกลางเดือน มีนาคมนี้ ไล่ขึ้นไปตั้งแต่โอกินาว่าทางใต้จรดเกาะ ฮอกไกโดทางเหนือและอีกหนึ่งความงดงามที่กำลัง เบ่งบานไล่เลี่ยกันอย่างดอกวิสทีเรีย ความจริงแล้วสวนแห่งนี้เป็นพื้นที่ ส่วนบุคคล ซึ่งต้องขอบคุณทางเจ้าของสวนใจดี ที่เปิดประตูให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมความ งาม (แต่เก็บเงินนะ) สำหรับปีนี้ กำหนดการการ เยี่ยมชวนสวน Kawachi Fuji Garden ได้ประกาศออกมาแล้วคือระหว่าง วันที่ 21 เมษายน – 6 พฤษภาคม 2561 เริ่ม จำหน่ายบัตรเข้าชมในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ซื้อได้ที่ ร้านสะดวกซื้อ (7 Eleven กับ Family Mart ทุก สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น) โดยราคาค่าบัตรขึ้นอยู่กับ สภาพอากาศและความงามบานสะพรั่งของดอกวิ สทีเรียในวัน (ราคาประมาณ 500- 1,500 เยน) 26| The Journey
สวนชินจูกุเงียวเอน Shinjuku Gyoen ตั้งอยู่ภายในย่านชินจูกุ(Shinjuku)ของเมือง โตเกียว(Tokyo) ถือว่าเป็นอีกจุดที่ต้องมาปักหมุดให้ ได้ถ้ามาเยือนยังโตเกียวเชียวล่ะค่ะ ที่สำคัญเดินทาง มาง่ายมากๆสามารถมาด้วยรถไฟได้สบายๆเพราะ ไม่ไกลจากสถานีรถไฟชินจูกุ สวนชินจูกุเงียวเอนแห่งนี้นั้นนับว่าเป็นสวน สาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุด ของกรุงโตเกียวเลย สวนชินจูกุเงียวเอนเมื่อก่อนนี้เคยเป็น อยู่อขุนนางที่อยู่อาศัยของขุนนางผู้ปกครอง โตเกียว ต่อมาได้ถูกดัดแปลงให้เป็นสวน พฤกษศาสตร์ และกลายเป็นของราชวงศ์ในปี 1903 เป็นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ และให้ควา บันเทิงแก่แขกผู้มาเยือน แต่ในช่วงสงครามโล ครั้งที่ 2 สวนแห่งนี้ได้ถูกทำลายทั้งหมด ในปี 1949 จึงสร้างใหม่แล้วเสร็จ เปิดให้ประชาชน ทั่วไป ถือได้ว่าเป็นสวนที่มีขนาดใหญ่และจัดแต่ แบ่งโซนอย่างลงตัวมากๆแห่งนึง 1.สวนที่เก่าแก่ที่สุด เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น แบบดั้งเดิม ซึ่งประกอบด้วย บ่อน้ำขนาดใหญ่ พร้อมศาลานั่งพัก และ คิวโงเรียวเต(Kyu Goryotei)หรือเรียกว่าศาลาไต้หวัน ช่วงครึ่ง เดือนแรกของเดือนพฤศจิกายนจะมีจัดแสดง ดอกเบญจมาศในสวนแห่งนี้ 27| The Journey
เกาะร้าง ฮะชิมะ (Gunkanjima) 端島เกาะร้าง ฮะชิมะ ( Hashima) หรือ กุงกันจิมะ (Gunkanjima) ชื่อนี้อาจจะคุ้นหูสำหรับ คนที่ชอบสายหลอนๆ เพราะบอกเลยว่าขึ้นชื่อว่าทั้ง เฮี้ยนและหลอนมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นและยัง อันดับโลกอีกนะคะ ซึ่งเรื่องเล่าต่างๆที่กล่าวขานเล่า ต่อๆกันมาก็ยังหาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ด้วยบรรยากาศอาจทำให้แลดูร้อนๆบวกกับสิ่งปลูก สร้างร้างๆนี่ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวพิลึก คิดดูว่าฮิตขนาด เอามาสร้างเป็นภาพยนตร์และเป็นมีการถ่าย รายการแนวผีๆอีกเพียบ เกาะร้าง ฮะชิมะนั้นตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือของ เมืองนางาซากิ(Nagasaki) ประมาณ 15 กิโลเมตร มี ความยาวเกาะประมาณ 500 เมตร เกาะนี้เดิมทีมีชื่อ เรียกว่า ฮาชิมะ(Hashima) แต่ต่อมาช่วงประมาณ ปลายของศตวรรษที่ 18 เกาะนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นเหมือง ถ่านหิน จึงมีการสร้างอาคารต่างๆเพื่อเป็นที่พักอาศัย ของคนงานจนกลายเป็นเมืองขนาดย่อมๆขึ้นมา นั่นเอง ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยประมาณ 5,000 คนได้ ทำให้เมื่อก่อนเป็นที่ที่มีประชากรอยู่หนาแน่น ที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับพื้นที่เชียวนะคะ ภายหลังได้มี การสร้างกำแพงคอนกรีตสูงรอบเกาะจนหน้าตาเกาะดู คล้ายกับเรือรบนั่นจึงกลายมาเป็นชื่อใหม่ว่า กุงกันจิ มะ (Gunkanjima) หรือสามารถแปลตรงๆตัวว่า เกาะ เรือรบ นี่แหล่ะค่ะ โดยมีความยาวประมาณ 450 เมตร และกว้างประมาณ 150 เมตร เพื่อใช้ทำเป็นเหมืองแร่ เหมืองบนเกาะฮะชิมะแห่งนี้นั้นเปิดทำงานจนถึงปี ค.ศ. 1974 เท่านั้น 28| The Journey
วัดโทไดจิและหลวงพ่อโต Todaiji Temple & Daibutsu of Nara วัดโทไดจิ(Todaiji) มีชื่อเรียกหลายๆชื่อ ที่คนทั่วไป มักจะเรียกขานกันทั้ง วัดหลวงพ่อโต แห่งเมืองนารา หรือ ไดบุตสึ(Daibutsu of Nara) ไม่ได้เป็นแค่วัดดังของจังหวัดนาราเท่านั้นบอกได้ เลยว่าวัดนี้นั้นชื่อเสียงความโด่งดังนี่ระดับประเทศ ญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ นับเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียง มากที่สุดและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของ ประเทศญี่ปุ่นอย่างมากก็ว่าได้ค่ะ จุดที่มาแล้วต้อง มาชมให้ได้นั่นก็เป็น อาคารหลักของวัดแห่งนี้ นั่นเอง ฐานขนาดรอบเสาร์นี้มีขนาดเท่ากันรูจมูก ของหลวงพ่อโต และด้านล่างของเสาร์จะเป็นช่อง ขนาดไม่ใหญ่มาก มีความเชื่อว่าหากใครสามารถรอด ผ่านช่องนี้ไปได้ก็จะสามารถตรัสรู้ได้ในชาติหน้า ด้าน ตรงประตูทางเข้านั้นจะเป็นไม้บานขนาดใหญ่ ที่มอง ปุ๊บจะเห็นรูปปั้ นเฝ้าอยู่ทั้งสองประตู และที่น่าจะเป็นที่ ชื่นชอบสำหรับสาวๆไปจนถึงเด็กน้อยทั้งหลายก็ต้อง เจ้ากวางน้อยใหญ่ที่เดินควักไขว่ไปมา . ซึ่งก็สามารถให้อาคารกวางเหล่านั้นด้วย ขนมแซมเบ้ที่ทำมาสำหรับกวางโดยเฉพาะ โดยหาไม่ ยากเลยนะคะเดินไปก็จะเจอหลายๆร้านที่ขายราคาก็จะ อยู่ประมาณห่อละ 150 เยน บอกเลยว่าเป็นวัดที่มากก ว่าวัดไม่ว่าจะผู้ใหญ่ที่อยากมาดูวัดที่รวมความเป็นที่สุด หลายๆด้าน รวมถึงเด็กๆที่อยากมาสัมผัสความน่ารัก ของเหล่ากวางน้อยรับรองว่าไม่มีคำว่าผิดหวังแน่ๆ 29| The Journey
คิบูเนะ Kibune คิบูเนะ(Kibune) เมืองชนบทขนาดเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ากลางหุบเขา โดยสามารถเดินเท้าไปยัง เมืองมาระ (Kurama)ที่โด่งดังว่าเป็นเมืองบนภูเขา และแหล่งแช่ออนเซนได้ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เลยนะคะ ซึ่งเมืองแห่งนี้นับว่ามีชื่อเสียงมากๆใน ด้านความงามตามธรรมชาติที่ผสานกับศิลปะและ วัฒนธรรมของญี่ปุ่น ชื่อของเมืองว่า คิบูเนะ สามารถแปลได้ ว่าหมายถึง เรือสีเหลือง ตามตำนานเล่าที่มาของชื่อ นี้ว่าเทพเจ้าเดินทางจากเมืองโอซาก้าโดยใช้เรือสี เหลือง แล้วทำการล่องมาทางภูเขาทางเหนือของ เกียวโตมาจนถึงปลายทางนั่นก็คือเมืองคิบูน นอกจากความงดงามทางธรรมชาติที่หลาย คนกล่าวถึงแล้วนั้น เมืองนี้ยังมีศาลเจ้าคิบูเนะที่มีชื่อ เสียงอย่างมากตั้งอยู่ด้วยนะคะ โดยศาลเจ้าคิบูเนะ (Kibune Shrine) ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าน้ำ และฝนและเชื่อกันว่าจะช่วยดูแลพิทักษ์รักษาผู้ที่ออก ทะเล ความแตกต่างของศาลเจ้านี้กับที่อื่นๆก็เพราะที่ ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีการทำนายดวงชะตาที่ด้วยการสุ่ม เลือกกระดาษคำทำนาย ซึ่งเป็นกระดาษพิเศษ (omikuji) โดยจะยัง มองไม่เห็นข้อความบนกระดาษในทันที แต่จะสามารถ มองเห็นต่อเมื่อนำกระดาษจุ่มลงในน้ำแล้ว ตัว ข้อความคำทำนายก็จะปรากฏขึ้นมาให้เห็นในที่สุด พูด ได้เลยว่าเป็นเมืองเล็กๆที่มีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าเมือ งอื่ นๆเลยทีเดียว 30| The Journey
FEBRUARY 2021| ISSUE NO. 1 JAPAN TIPS ON CAMPING OUTDOORS TRAVELING LIGHT Gearing up for a camping trip UNDER BUDGET Traveling with a tight budget EMERGENCY SOP Preparing for fun and happy
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: