วนอทุ ยานแหง่ ชาตทิ ีอ่ ยู่สูงท่สี ุด ภูกระดงึ จ.เลย อทุ ยานตัง้ อยใู่ นท้องทตี่ ำบลศรีฐาน อำเภอภกู ระดงึ จังหวดั เลย ครอบคลมุ พ้นื ที่ 348.12 ตารางกโิ ลเมตร (217,575 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหนิ ทราย ยอดตดั โดยมที ี่ราบบนยอดภูกระดึง ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร)่ มคี วามสูงอยู่ระหว่าง 400-1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดอย่ทู ี่บรเิ วณ คอกเมย มีความสงู 1,316 เมตร ปลาที่ใหญ่ที่สดุ ในลำนำ้ โขง ปลาบกึ ปลาบกึ เปน็ ปลานำ้ จดื อพยพที่ใหญ่ท่ีสดุ ชนิดหนึ่งของโลก มีถนื่ กำเนดิ เฉพาะในลมุ่ นำ้ โขงเทา่ น้ัน โดยปลาบกึ ขนาดใหญท่ ส่ี ดุ เท่าท่ีมกี ารบันทึกไว้คอื มีน้ำหนัก ๒๘๒ กโิ ลกรัมและยาวสุด ๓ เมตร
นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย พระยามโนปกรณ์นิติธาดา พระยามโนปกรณน์ ิตธิ าดา หรอื มโนปกรณนติ ิธาดา นามเดิม ก้อน หุตะสงิ ห์ (15 กรกฎาคม พ.ศ. 2427 – 1 ตุลาคม พ.ศ. 2491) เปน็ ขนุ นางชาว สยาม ดำรงตำแหน่งนายกรฐั มนตรสี ยามคนแรก หลงั จากการปฏวิ ตั สิ ยาม พ.ศ. 2475 โดยได้รับเลือกจากสมาชกิ คณะราษฎร เพอ่ื เป็นการประนอมอำนาจกบั อำนาจเก่า เปน็ ผมู้ ีสว่ นสำคัญในการร่างรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม (พ.ศ. 2475) ซ่ึงมีการเพ่ิมพระราชอำนาจคืนเปน็ อนั มากเมอ่ื เทยี บกับรฐั ธรรมนญู ฉบบั ชวั่ คราว กราบบงั คมทูลพระกรุณาพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หัวในการส่งั ปดิ สภาผ้แู ทนราษฎรและงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราในเดือนเมษายน พ. ศ. 2476 ซึ่งถือเป็นรัฐประหารครั้งแรกของไทย และเป็นจดุ ด่างพรอ้ ยของประชาธิปไตยไทยมาจวบจนปัจจุบนั สดุ ทา้ ยพระยามโนปกรณ์นติ ิธาดาถูกขับออกจาก ตำแหนง่ จากรฐั ประหารในปี พ.ศ. 2476 สมเดจ็ พระสงั ฆราชองค์แรกของเมืองไทย (กรุงรัตนโกสนิ ทร์) สมเดจ็ พระสงั ฆราชศรี วัดระฆงั โฆสติ าราม ธนบุรี
พระประวตั ใิ นตอนตน้ ไมป่ รากฏรายละเอียด พบแต่เพยี งว่า เดิมเปน็ พระอาจารย์ศรีอยวู่ ัดพนญั เชิงวรวหิ าร หลงั การเสียกรงุ ศรอี ยธุ ยาครง้ั ทีส่ องในปี พ. ศ. 2310 ไดห้ นภี ยั สงครามไปอยู่ท่เี มืองนครศรธี รรมราช ต่อมาเม่ือปี พ.ศ. 2312 สมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบุรเี สด็จไปตเี มืองนครศรธี รรมราช ได้อาราธนาพระองค์ให้ มาอย่ทู วี่ ดั บางว้าใหญ่ (วดั ระฆังโฆสติ าราม) และทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช นับเป็นสมเด็จพระสงั ฆราชพระองคท์ ี่ 2 แห่งกรงุ ธนบรุ ี เม่ือพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราชขึน้ ครองราชย์ ณ กรุงรตั นโกสนิ ทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2325 ได้โปรดเกล้า ฯ ใหค้ งท่สี มณฐานนั ดรศกั ด์ิดังเดมิ และไปครองพระอารามตามเดมิ ดว้ ย ทรงเห็นวา่ เป็นผมู้ ีความสัตยซ์ ่อื ม่นั คง ดำรงรักษาพระ พทุ ธศาสนาโดยแท้ มิได้อาลัยแก่ร่างกายและชวี ิต ควรแกน่ ับถือเคารพสกั การบชู า พระองคท์ รงเป็นกำลงั สำคัญในการชำระและฟ้ืนฟพู ระพทุ ธศาสนา ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ ฯ ทัง้ ในดา้ นความประพฤติปฏบิ ัตขิ อง ภิกษสุ ามเณร การบรู ณปฏสิ ังขรณพ์ ทุ ธสถาน การชำระตรวจสอบพระไตรปฎิ ก ตลอดจนการประพฤติปฏบิ ตั ขิ องพทุ ธศาสนิกชนโดยทัว่ ไป
ทรงถกู ถอดจากตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช คร้ันถงึ พ.ศ. 2324 อนั เป็นปีสดุ ท้ายแห่งรัชกาลสมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบุรี สมเดจ็ พระสังฆราช (ศร)ี ไดถ้ กู ถอดจากตำแหนง่ เนอื่ งจากไดถ้ วายวิสัชนาร่วม กับ พระพุฒาจารย์วดั บางหว้านอ้ ย (วดั อมรนิ ทราราม) และพระพมิ ลธรรมวัดโพธาราม (วัดพระเชตพุ นหรอื วดั โพธ์)ิ เรอ่ื งพระสงฆ์ปุถุชนไม่ควรไหว้คฤหสั ถ์ทีเ่ ปน็ อรยิ บุคคล เนื่องจาก คฤหัสถเ์ ปน็ หนิ เพศต่ำ พระสงฆเ์ ปน็ อดุ มเพศทีส่ ูง เพราะทรงผา้ กาสาวพสั ตรแ์ ละพระจาตปุ ารสิ ทุ ธิศลี อันประเสรฐิ ดงั ความวา่ “ถงึ มาตรว่าคฤหสั ถเ์ ปน็ พระโสดาก็ดี แต่เปน็ หินเพศตำ่ อันพระสงฆถ์ งึ เป็นปุถชุ น ก็ตั้งอยใู่ นอดุ มเพศอันสงู เหตทุ รงผ้ากาสาวพัสตร์ และพระ จตุปารสิ ุทธศิ ลี อนั ประเสรฐิ ซ่ึงจะไหวน้ บคฤหัสถ์ อันเป็นพระโสดานน้ั ก็บ่มิควร” ขอ้ วิสัชนาดังกลา่ วนี้ไมต่ อ้ งพระทยั สมเด็จพระเจ้ากรงุ ธนบุรี พระองค์จึงให้ถอดเสยี จากตำแหน่งพระสงั ฆราช นำไปเฆยี่ นแลว้ ใหไ้ ปขนของโสโครกทว่ี ัด หงส์รัตนารามราชวรวิหาร แลว้ ทรงตั้งพระโพธิวงศ์ เป็นสมเด็จพระสงั ฆราช และตัง้ พระพุทธโฆษาจารย์ เปน็ พระวันรัต สมเดจ็ พระสงั ฆราชครง้ั ที่ 2 ครนั้ เมอื่ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชทรงปราบดาภเิ ษกและสถาปนากรงุ รัตนโกสนิ ทรข์ ึ้นเม่ือ พ.ศ. 2325 ได้ทรงพระกรณุ าโปรด เกลา้ ฯ ใหค้ ืนสสู่ มณฐานนั ดรศกั ดแิ์ ละพระอารามตามเดมิ และสมเด็จพระบวรราชเจา้ มหาสรุ สิงหนาทตรัสสรรเสรญิ ว่าพระองคท์ า่ นซอ่ื สตั ยม์ นั่ คงทีจ่ ะรักษาพระ ศาสนาโดยไมอ่ าลยั ชีวิต ควรเป็นท่นี บั ถือ ต่อไปหากมีขอ้ สงสยั ใดในพระบาลี กใ็ หถ้ ือตามถอ้ ยคำพระองคท์ า่ น แล้วให้รอื้ ตำหนกั ทองของเจา้ กรุงธนบรุ นี น้ั ไปปลูก เป็นกฎุ ีถวาย ณ วดั บางวา้ ใหญ่ ส้ินพระชนม์ ถึงเดือน 5 ปีขาล จ.ศ. 1156 (พ.ศ. 2337) สมเดจ็ พระสังฆราช (ศรี) อาพาธถงึ แกม่ รณภาพ ประธานสภาผ้แู ทนราษฎรคนแรกของไทย
เจ้าพระยาธรรมศกั ดมิ์ นตรี มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาธรรมศักดม์ิ นตรี (สนน่ั เทพหสั ดนิ ณ อยุธยา) (1 มกราคม พ.ศ. 2419 – 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486) นามปากกา ครเู ทพ เปน็ ขนุ นางชาวไทย เคยเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ และเปน็ ประธาน สภาผ้แู ทนราษฎรคนแรก ผู้วางรากฐานการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานและอาชวี ศึกษา ทัง้ ได้รว่ มดำรใิ ห้ก่อตง้ั มหาวิทยาลยั แหง่ แรกของประเทศ คอื จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลยั และเปน็ ผแู้ ปลกติกาฟตุ บอลมาเผยแพรใ่ นประเทศไทย นอกจากน้ี ยงั เป็นนกั ประพนั ธ์ งานประพันธเ์ ลื่องชื่อ คือ เพลงกราวกีฬา และเพลงชาติไทย ฉบับก่อนปจั จบุ นั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรหญงิ คนแรกของไทย นางอรพนิ ท์ ไชยกาล
อรพินท์ ไชยกาล (6 พฤษภาคม พ.ศ. 2447 - 1 มกราคม พ.ศ. 2539) อดตี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจงั หวัดอบุ ลราชธานี เปน็ สตรที ่ไี ดร้ บั เลอื กตั้งเปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรคนแรกของประเทศไทย เคยรับราชการเป็นครูใหญโ่ รงเรยี นนารีนกุ ูล จังหวดั อบุ ลราชธานี เกดิ : 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2447; อำเภอเดชอุดม จงั หวดั อบุ ลราชธานี คสู่ มรส: เลียง ไชยกาล บตุ ร: 5 คน เสยี ชีวิต: 1 มกราคม พ.ศ. 2539 (91 ปี) โรงแรมแห่งแรกของไทย โรงแรมโอเรยี นเต็ล
เมอื ง โรงแรมแมนดารนิ โอเรยี นเต็ล กรงุ เทพมหานคร ประเทศ 48 โอเรยี นเต็ลอเวนวิ ซอยเจรญิ กรงุ 40 ถนน เรมิ่ สรา้ ง เจรญิ กรงุ แขวงบางรัก เขตบางรัก และ 597 ถนน เจรญิ นคร แขวงคลองตน้ ไทร เขตคลองสาน กรงุ เทพมหานคร ประเทศไทย พ.ศ. 2413 (แรกเรมิ่ ) 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2430 (เปิดอยา่ งเป็ นทางการ) โรงแรมแมนดารนิ โอเรยี นเต็ล กรงุ เทพ (องั กฤษ: Mandarin Oriental, Bangkok ชอื่ ภาษาไทย (ถอดเสยี งภาษาองั กฤษ) : แมนดารนิ โอเรยี นทอล คำอา่ น : แมน-ดา-รนิ - โอ-เรยี น-ทอน) ตงั้ อยรู่ มิ แมน่ ้ำ เจา้ พระยา ถนนเจรญิ กรงุ แขวงบางรัก เขตบางรัก โดยในอดตี มชี อ่ื วา่ \"โรงแรมโอเรยี นเต็ล\" โดยปัจจบุ นั บรหิ ารงานโดย บรษิ ัท OHTL จำกดั (มหาชน) (เดมิ มชี อ่ื วา่ บรษิ ัท โรงแรมโอเรยี นเต็ล (ประเทศไทย) จำกดั (มหาชน)) เป็ นโรงแรมทเ่ี กา่ แกท่ ส่ี ดุ แหง่ หนง่ึ ในเอเชยี และเคยเป็ นหนงึ่ ในโรงแรมทถ่ี อื วา่ ดที ส่ี ดุ ของโลกจาก นติ ยสารอนิ สตติ วิ ชน่ั แนล อนิ เวสเตอร์ นวิ ยอรก์ ประเทศสหรัฐ เป็ นเวลา 10 ปีตดิ ตอ่ กนั ตงั้ แตป่ ี 2524-2533
ประวั ติ จากหลกั ฐานพบวา่ โรงแรมตงั้ ขนึ้ ประมาณปี พ.ศ. 2413 โดยนาย ซ.ี ซาลเจ กะลาสเี รอื ชาวเดนมารก์ เป็ นผซู ้ อ้ื กจิ การมาดำเนนิ การ ตอ่ มานายฮนั ส์ นลี ส์ แอนเดอรเ์ ซน เขา้ มาบรหิ ารงาน และในปี 2428 ได ้ ปรับปรงุ โรงแรมใหท้ นั สมยั มกี ารออกแบบอาคารขน้ึ ใหม่ เรยี กวา่ “ออเธอรส์ วงิ ” และไดเ้ ปิดโรงแรมอยา่ งเป็ น ทางการเมอ่ื วนั ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2430 ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2434 ไดม้ ไี ฟฟ้าใชค้ รัง้ แรกในโรงแรม โรงแรมโอเรยี นเต็ลเปลยี่ นเจา้ ของและปรับปรงุ มาหลายครัง้ หลายยคุ สมยั ไดแ้ ก่ ● พ.ศ. 2436 หลยุ ส์ ท.ี ลโี อโนเวนส์ เป็ นเจา้ ของ ● พ.ศ. 2500 แหมม่ ครลู ล์ เป็ นเจา้ ของ ● พ.ศ. 2510 บรษิ ัท สยาม ซนิ ดเิ คท ในเครอื บรษิ ัทอติ ลั ไทยจำกดั เป็ นเจา้ ของ โรงแรม โอเรยี นเต็ล เคยตอ้ นรับแขกผมู ้ เี กยี รติ อาทิ โจเซฟ คอนราด นักเขยี นชอื่ ดงั ชาวองั กฤษ ในปี พ.ศ. 2431, พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 5 เสด็จเยยี่ มโรงแรมในปี พ.ศ. 2433, มกฎุ ราชกมุ ารนิ โคลสั แหง่ รัสเซยี ในปี พ.ศ. 2434, เจา้ ชายลยุ จี อาเมดโิ อ เชอ้ื พระวงศอ์ ติ าลี ในปี พ.ศ. 2438, ซอมเมอรเ์ ซท มอมห นักเขยี นชอื่ ดงั ชาวองั กฤษ ในปี พ.ศ. 2466 ในชว่ งสงครามโลกครัง้ ท่ี 2 ยงั เคยเป็ นกองบญั ชาการ กองทพั ญปี่ ่ นุ และมพี ระบรมวงศานุวงศเ์ คยเสด็จมาดว้ ย การตอ้ นรับพระประมขุ ครัง้ สำคญั ครัง้ หนงึ่ คอื ใน พระราชพธิ ฉี ลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ 60 ปี ใน พ.ศ. 2549 พระประมขุ และผแู ้ ทนพระองคส์ ว่ นใหญป่ ระทบั ณ โรงแรมแหง่ น้ี 1 กนั ยายน พ.ศ. 2551 กลมุ่ กจิ การแมนดารนิ โอเรยี นเต็ล ซงึ่ เป็ นกลมุ่ โรงแรมทมี่ ชี อ่ื เสยี งกลมุ่ หนง่ึ ของ เอเชยี ไดป้ ระกาศเขา้ ซอ้ื กจิ การของโรงแรม หลงั จากนัน้ กไ็ ดม้ กี ารเปลยื่ นชอื่ บรษิ ัทจาก บรษิ ัท โรงแรมโอ เรยี นเต็ล ประเทศไทย จำกดั (มหาชน) มาเป็ น บรษิ ัท OHTL จำกดั (มหาชน) และโรงแรมไดถ้ กู เปลยี่ นชอ่ื เป็ น \"โรงแรมแมนดารนิ โอเรยี นเต็ล กรงุ เทพ \" ทำใหม้ กี ารปรับภาพลกั ษณแ์ ละกระบวนทศั นข์ องการบรหิ าร งานโรงแรม ซง่ึ เป็ นการเปลย่ี นแปลงครัง้ สำคญั ในรอบ 132 ปี
โรงพมิ พแ์ หง่ แรกของไทย โรงพิมพห์ มอบรดั เลย์ ตงั้ อยูท่ ่สี ำเหร่ ธนบุรี โรงพมิ พ์แหง่ แรก ของเมืองไทยตง้ั ขน้ึ เม่อื พ.ศ. 2378 บริเวณสำเหร่ ฝง่ั ธนบรุ ี ของหมอ บรดั เลย์ โดยซอื้ ตวั พิมพ์ของ ร.อ.เจมสโ์ ลว์ จากสงิ คโปร ในสมัย รัชกาลท่ี 3 ต้ังโรงพมิ พแ์ ละตพี มิ พ์ประกาศห้ามสูบฝนิ่ ซ่ึงเปน็ ประกาศทางราชการที่ใชว้ ธิ ตี ีพมิ พ์เป็นคร้งั แรก รเิ ร่ิมนติ ยสาร บางกอกรคี อเดอ (The Bangkok Recorder) หนังสือพมิ พภ์ าษาไทยฉบับแรก พิมพป์ ฏิทนิ สรุ ิยคตเิ ปน็ ภาษาไทยขึ้นเปน็ ครงั้ แรก พมิ พห์ นังสือคัมภีร์ครรภ์ทรักษา หนงั สือบัญญัตสิ ิบประการ (The Commandments) ซ่ึงเป็นหนังสือสอนครสิ ตศ์ าสนามที ัง้ หมด 12 หน้า นางสาวไทยคนแรก นางสาวกันยา เทยี นสว่าง
กันยา เทียนสวา่ ง นางสาวสยาม พ.ศ. 2477 มชี ือ่ เล่นวา่ \"ลซู ิล\" เปน็ ธิดาของ นายสละ เทยี นสวา่ ง และนางสนอม เทียนสวา่ ง แม่เธอมี เชื้อสายมอญ บิดาของเธอทำงานเป็นนายท่าเรืออยู่ที่ ท่าเขยี วไข่กา บางกระบือ พระนคร เกิดเมือ่ วนั ท่ี 30 สงิ หาคม พ.ศ. 2457 ท่บี า้ นปากเกร็ด จังหวดั นนทบรุ ี เธอเปน็ ลกู คนโตในพนี่ ้องท้งั หมด 5 คน ด้วย เหตทุ ่ีหน้าตาคมคาย จมูกโด่งเหมือนฝรง่ั พ่อแมจ่ งึ ตัง้ ช่อื ใหว้ า่ “ลูซิล” เธอได้รบั การศึกษาจากโรงเรยี นวดั สงั เวช โรงเรียนราชนิ ี และโรงเรียนสตรีวทิ ยา เมือ่ อายุ 10 ปีแม่เธอกจ็ ากไป เธอได้รับการอปุ การะจาก น้าชาย เขา้ ประกวดนางสาวสยามเมื่อมอี ายุ 21 ปี ขณะนน้ั ทำงานเป็นครอู ยใู่ นโรงเรียนประชาบาลทาร กานุเคราะห์ ได้ 4 ปีแลว้ ในการประกวด นางสาวสยาม ซ่ึงเป็นสว่ น หน่ึงของงานฉลองรฐั ธรรมนญู ท่ีทางรัฐบาลจดั ขึ้น ซง่ึ ในปี พ.ศ. 2477 ซึ่งเปน็ การเฉลมิ ฉลอง รัฐธรรมนญู ปที ีส่ อง แต่เรม่ิ จดั การจดั ประกวดเป็นปี แรก การประกวดความงาม มติ ิใหม่ของงานฉลองรฐั ธรรมนญู ในครงั้ นด้ี จู ะเป็นจุดรวมความสนใจของประชาชนมากท่สี ดุ ดว้ ยเปน็ ของใหม่และสสี ันอนั ชวนต่นื ตา หนงั สือพิมพป์ ระชาชาติทยอยลงขา่ วคราวการประกวดในครง้ั นี้อยา่ งต่อเนื่อง การจัดงานครงั้ นม้ี กี ระทรวงมหาดไทยเป็นผูด้ ำเนินการ ไดแ้ ต่งตั้งคณะกรรมการจดั งานอนั ประกอบดว้ ยบคุ คลทมี่ ชี อ่ื เสยี งในสมัยน้นั และมีคณะกรรมการตัดสนิ อนั ได้แก่ พระองคเ์ จ้าอาทิตย์ทพิ อาภาและ เจ้าพระยารามราฆพ เปน็ ตน้ ไดร้ ับการ ดูแลเรอ่ื งการแตง่ กาย และการประกวด โดยหมอ่ มกอบแกว้ อาภากร ณ อยธุ ยา ซึ่งกนั ยา เทยี นสว่าง ไดต้ ำแหน่งนางสาวพระนคร มาก่อนในคนื วนั ที่ 9 ธันวาคม และเปน็ ตัวแทนจงั หวดั พระนครเข้าประกวดนางสาวสยามในคนื วนั ที่ 10 ธันวาคม และตัดสินในคนื วนั ท่ี 12 ธันวาคม รางวัลทีไ่ ดม้ ีมงกฎุ ทำดว้ ยผา้ กำมะหยีป่ กั ดิน้ เงิน ประดบั โครงเงินและเพชร(ภายหลังสูญหายไป เนอื่ งจากถกู ขโมย ตงั้ แตส่ มัยก่อนท่ีเธอจะแตง่ งาน) ขันเงินสลกั ช่อื \"นางสาวสยาม ๗๗\" ล็อกเก็ตหอ้ ยคอ ทองคำ(ในภาพ) เข็มกลัดทองคำลงยา อกั ษรว่า \"รัฐธรรมนูญ ๗๗\" และเงนิ สด 1,000 บาท แต่เงนิ นั้น ทางรฐั บาลขอรับบริจาคเพือ่ บำรุงการทหาร การไดร้ ับ ตำแหน่งของกนั ยาในคร้งั นน้ั สรา้ งความไมพ่ อใจต่อทางญาตผิ ู้ใหญใ่ นเร่อื งครอบครัวเป็นอยา่ งมาก เนอื่ งจากกนั ยา ไปประกวด โดยทญ่ี าตผิ ใู้ หญไ่ ม่ทราบเร่อื งมา ก่อน และคนเช้ือสายมอญ ถือเรื่องศกั ดิศ์ รี และถือว่าการกระทำเร่ืองเหล่านี้เปน็ เรื่องนา่ อับอายสำหรบั พวกเขา
หลงั พ้นจากตำแหนง่ ไดเ้ ขา้ ทำงานเป็นเจา้ หน้าท่ีหอสมดุ แห่งชาติ ไดพ้ บกบั ด็อกเตอรส์ ุจติ หริ ัญพฤกษ์ ที่ทำงานอยกู่ ระทรวงตา่ งประเทศ พิธแี ตง่ งาน ของเธอมีข้นึ เมอ่ื 31 ธนั วาคม พ.ศ. 2486 โดยมนี ายดเิ รก ชยั นาม รฐั มนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ผู้บังคบั บัญชาของฝ่ายชายเปน็ เจ้าภาพ ณ บ้านพกั ของ ท่าน ชวี ติ การครองคู่ของเธอเตม็ ไปด้วยความรักความเขา้ ใจอันดีระหว่างกนั และกนั เธอมีบุตรธิดา 5 คน คือ สุกันยา (นมิ มานเหมนิ ท)์ , ทินกร, สุจิตรา, สุ วิชา และ สชุ าติ ตอ่ มาสามขี องเธอไดเ้ ป็นสมาชิกผูแ้ ทนราษฎรจงั หวัดปทุมธานี เปน็ ผู้รว่ มคณะผแู้ ทนไทยในการนำประเทศเข้ารว่ มเป็นสมาชกิ องคก์ ารสหประชาชาติ และรว่ มประชุมสมชั ชาใหญ่เปน็ ครง้ั แรก เปน็ โฆษกฝ่ายไทยประจำสำนักงานใหญ่ องค์การสหประชาชาติ และครอบครวั เธอดำเนินธรุ กจิ บริษัทนาคาไข่มุก ทำกจิ การเพาะเลย้ี งไข่มุกท่ีเกาะนาคา จงั หวดั ภเู ก็ต กันยา (เทียนสวา่ ง) หริ ัญพฤกษ์ ป่วยดว้ ยโรคมะเร็งในมดลกู เธอเดินทางไปรักษาตวั ทีเ่ ยอรมันเพื่อทดลองยาทเ่ี พง่ิ คน้ พบใหม่ ดว้ ยความหวงั กำลงั ใจจะ หายจากโรคร้าย แตย่ ังไม่ทันไดท้ ำการรกั ษา สามีก็ตอ้ งประสบมรสมุ ทางการเมอื ง เมื่อ เมษายน พ.ศ. 2502 กรณมี ขี า่ ววา่ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการคลังทจุ รติ เร่ืองการพิมพธ์ นบัตร ซึง่ สามขี องเธอเป็นเลขานกุ ารรฐั มนตรีฯ เธอรวู้ า่ ไม่มโี อกาสไดร้ ักษาต่อไปแล้ว เธอจึงกลบั มาเป็นขวัญกำลงั ใจเคยี งขา้ งคูช่ วี ิต แมว้ า่ ใน ภายหลังผลการสอบสวนจะไม่พบการกระทำผิด เพราะเนื่องจากเป็นเร่อื งของการเมอื งในขณะนั้น แตก่ ว่าศาลฎกี าจะพพิ ากษากว็ นั ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2508 เธอ จึงไม่มโี อกาสเหน็ สามีผเู้ ปน็ ทร่ี กั ของเธอพน้ มลทิน กันยา (เทียนสวา่ ง) หิรัญพฤกษ์ ถงึ แกก่ รรมเมอ่ื วนั ท่ี 16 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2503 ในวัย 46 ปี ร่างของเธอถกู เก็บไว้ ณ สุสานวดั มกุฏกษตั รยิ าราม ไว้ นานถึง 21 ปี เพอ่ื รอการฌาปนกจิ พรอ้ มกบั การพระราชทานเพลงิ ศพดอ็ กเตอร์สจุ ิต คู่ชีวิตผเู้ ป็นท่รี กั เมอ่ื 28 ธันวาคม พ.ศ. 2524 วดั พระศรีรัตนศาสดาราม (วดั พระแก้ว) สรา้ งขน้ึ ในรัชสมยั ใด รชั กาลที่ 1 (พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลก)
วดั พระศรีรตั นศาสดาราม หรอื ทเี่ รยี กกนั ท่วั ไปว่า วดั พระแก้ว เป็นวัดที่พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ใหส้ ร้างขึน้ พร้อมกบั การ สถาปนากรุงรตั นโกสินทร์ พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวังเช่นเดยี วกบั วัดพระศรสี รรเพชญ์ ซ่งึ เป็นวัดในพระราชวงั หลวงในสมยั อยุธยา และมพี ระราช ประสงค์ให้วดั พระศรรี ัตนศาสดารามเปน็ ท่ปี ระดิษฐาน พระพทุ ธมหามณรี ัตนปฏิมากร และเป็นสถานที่ทรงบำเพญ็ พระราชกศุ ล วดั พระศรีรตั นศาสดารามเปน็ วัด ทไ่ี ม่มีพระสงฆจ์ ำพรรษาอยู่ เพราะมแี ต่ส่วนพทุ ธาวาสไม่มสี ่วนสังฆาวาส ภายในวดั พระศรีรัตนศาสดารามมอี าคารสำคญั และอาคารประกอบเปน็ จำนวนมาก จงึ แบง่ กลุ่มอาคารออกเปน็ 3 กลมุ่ ตามตำแหน่งและความสำคัญ ดงั น้ี กลมุ่ พระอโุ บสถ เป็นกลุม่ ที่มีความสำคญั สูงสดุ มีพระอุโบสถเปน็ อาคารประธานซึ่งเปน็ ทีป่ ระดิษฐานพระพทุ ธมหามณรี ัตนปฏมิ ากร ลอ้ มรอบด้วยศาลาราย พระโพธิ์ธาตพุ มิ าน หอราชพงศานสุ รณ์ หอราชกรมานุสรณ์ หอระฆงั และหอพระคนั ธารราษฎร์ พระปรางค์ท่สี งู ที่สุดในประเทศไทย พระปรางคท์ วี่ ัดอรุณราชวราราม (วดั แจง้ ธนบุร)ี
พระปรางค์วัดอรณุ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรอื เรียกสน้ั ๆ ว่า พระปรางคว์ ดั อรณุ ฯ เป็นพระปรางค์สถาปตั ยกรรมไทย ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยปรางค์ประธานและปรางคร์ องอกี 4 ปรางค์ ต้ังอยู่ที่ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร แขวงวดั อรณุ เขตบางกอกใหญ่ กรงุ เทพมหานคร ตัวพระ ปรางคป์ จั จบุ ันนี้มใิ ชพ่ ระปรางคเ์ ดิม ทีส่ รา้ งขึ้นราวสมยั กรุงศรีอยุธยา ที่มคี วามสงู เพียง 16 เมตร โดยปรางค์ปัจจบุ ันนี้ถกู สรา้ งขึ้นแทน ในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั ในปี พ.ศ. 2363 แตก่ ็ไดแ้ ค่รอื้ พระปรางค์องคเ์ ดิม และขุดดินวางราก ก็เสดจ็ สวรรคตเสยี ก่อน[1] ต่อมาพระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกล้าเจ้า อยหู่ วั ก็ได้ทรงมพี ระราชดำรใิ ห้ดำเนินการสร้างต่อ โดยพระองค์เสดจ็ มาวางศิลาฤกษ์เม่ือวนั ที่ 2 กนั ยายน พ.ศ. 2385 จนแล้วเสร็จเมอ่ื ปี พ.ศ. 2394 ใช้เวลารวม กว่า 9 ปี พระปรางค์วัดอรณุ ฯ ได้รับการบรู ณะเสมอมา จนกระท่ังในรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ไดท้ ำการบรู ณะพระปรางคค์ รัง้ ใหญ่ ซึ่งก็ คือแบบทเี่ ห็นในปัจจบุ นั [2] องคพ์ ระปรางกอ่ อฐิ ถือปูน ประดบั ดว้ ยชน้ิ เปลอื กหอย กระเบ้อื งเคลอื บ จานชามเบญจรงคส์ ีตา่ ง เป็นลายดอกไม้ ใบไม้ และลายอ่ืน ๆ ซง่ึ ส่วนใหญม่ าจากประเทศจีน เป็นจำนวนมหาศาล[5] นอกจากนีย้ ังมกี ารประดบั ตกแต่งดว้ ย กินนร กินรี ยกั ษ์ เทวดา และพญาครฑุ ส่วนยอดบนสุดของพระ ปรางค์ตดิ ตัง้ ยอดนภศลู พระปรางค์วดั อรุณฯ มคี วามสงู จากฐานถงึ ยอด 81.85 เมตร ทำให้กลายเปน็ สิง่ ก่อสร้างท่สี ูงท่ีสุดในกรงุ เทพมาอยา่ งช้านาน รวมถึงเป็นพระปรางคท์ ่สี งู ท่ีสดุ ในประเทศไทยและของโลกอกี ด้วย[4] พระปรางคว์ ดั อรณุ ยังเป็นหนง่ึ ในสญั ลกั ษณ์การท่องเทย่ี วของประเทศไทย ทงั้ การเป็นภาพตราสญั ลักษณก์ ารท่องเทยี่ ว แหง่ ประเทศไทย และยังไดร้ บั การจัดอันดับใหเ้ ปน็ หนง่ึ ในสิบสถานที่ทางพทุ ธศาสนาที่มีช่อื เสียงที่สุด จากทัวร์โอเปยี อกี ด้วย สถานโี ทรทัศน์แหง่ แรกของไทย สถานโี ทรทศั น์ ไทยทีวชี อ่ ง 4 บางขนุ พรหม (ปัจจุบันคอื อสมท.ช่อง9) สถานโี ทรทัศนไ์ ทยแหง่ แรก ชอ่ ง 4 บางขนุ พรหม เกดิ ขึ้นมาจากแนว คดิ ของ จอมพล ป.พิบลู สงคราม กล่าวว่า ถึงเวลาท่ีประเทศไทยควร จะมี Television วันที่ 10 พฤศจิกายน 2495 ได้กอ่ ตง้ั สถานี
โทรทัศน์และวิทยุ โดยบรษิ ัท ไทยโทรทศั น์ จำกัด ตงั้ อยู่ ณ วงั บางขนุ พรหม จงึ เปน็ ทม่ี าของ \"ช่อง 4 บางขุนพรหม\" 24 มถิ ุนายน 2498 หรอื วันชาติ ในสมัยนน้ั ไดแ้ พร่ภาพออกอากาศโทรทศั น์ เปน็ ครั้งแรก เปน็ ภาพขาว-ดำ ออกอากาศ วันอังคาร พฤหสั บดี เสาร์ อาทติ ย์ \"นายจำนง รงั สิกุล\" เปน็ กรรมการผูจ้ ัดการบริษัท ออกอากาศเกย่ี วกบั การเผยแพร่ผลงานของรัฐบาล ชว่ งแรกมี ละครโทรทัศน์เพียง 6 เรอื่ ง ละครโทรทศั นเ์ ร่ืองแรก เรื่อง สุรยิ านไี ม่ยอมแตง่ งาน วนั ท่ี 5 มกราคม 2499 ไดอ้ อกอากาศเปน็ คร้ังแรก นำแสดงโดย ม.ร.ว.ถนัดศรี สวสั ดวิ ัฒน์, โชติรส สโมสร อกี 5 เรื่องไดแ้ ก่ กระสนุ อาฆาต, ดึกเสียแล้ว, น้ำสาบาน, ศัตรูลบั ของสลยา และ ง่ายนิดเดยี ว พ.ศ.2517 ไดย้ กเลิกภาพขาว-ดำ เปลยี่ นเปน็ ภาพสี และเปล่ียนจากช่อง 4 เป็น ช่อง 9 ซึ่งคนไทยจะเรยี กคุน้ หูวา่ \"ไทยทวี สี ชี อ่ ง 9\" กระท่ัง พ.ศ.2520 ววิ ัฒนาการเป็นองคก์ ารสอื่ สารมวลชนแหง่ ประเทศไทย หรือ อ.ส.ม.ท. พ.ศ.2547 จดทะเบยี น จดั ต้ังบรษิ ทั แปลงสภาพเปน็ บรษิ ัท อสมท จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกจิ สือ่ สารมวลชน เครือข่ายดิจิทลั ท่ัวประเทศในปจั จุบนั น้ี สรา้ งสอ่ื บันเทงิ ขา่ วสารคคู่ นไทย มาอยา่ งยาวนานกว่า 66 ปี
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: