Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิธีสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 5E

วิธีสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 5E

Published by บุญธิมา ช่วยชู, 2022-02-06 02:00:33

Description: วิธีสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 5E

Search

Read the Text Version

คานา หนงั สือเลม่ น้ีจดั ทาข้ึนเพอื่ เป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ าการวจิ ยั พฒั นา หลกั สูตรและการเรียนการสอน รหสั วชิ า 5092202 เพอื่ ใหไ้ ดศ้ ึกษาหา ความรู้ในเร่ืองวิธีสอนแบบวฏั จกั รการสืบเสาะหาความรู้ 5E และได้ ศึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพ่อื เป็นประโยชนก์ บั การเรียนรู้ ผจู้ ดั ทาขอขอบพระคุณผชู้ ่วยศาสตราอาจารย์ ดร.ชวนพศิ รักษา พวก ที่คอยใหค้ าแนะนาในการจดั ทาหนงั สือเล่มน้ีจนสาเร็จไปไดด้ ว้ ยดี ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ หนงั สือเล่มน้ีจะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ ่านหรือนกั เรียน นกั ศึกษาที่กาลงั หาขอ้ มูล เรื่องน้ีอยู่ หากมีขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผดิ พลาด ประการใดผจู้ ดั ทาขอภยั มา ณ ท่ีน้ีดว้ ย คณะผจู้ ดั ทา

สารบญั เร่ือง หน้า คานา ก สารบญั ข ความหมายของการจดั การเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E 1 การจดั การเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E 2 กระบวนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry) 5E 3 บทบาทผสู้ อนในกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E 4 บทบาทของผเู้ รียนในการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E 5 คุณลกั ษณะสาคญั ของการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E 6 ประโยชนแ์ ละขอ้ ดีและขอ้ จากดั ของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E 7 สรุปการจดั กิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E 8 ตวั อยา่ งแผนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E 9 - 16 ส่ือการเรียนรู้ 16 - 23 บรรณานุกรรม 24

ความหมายของการจดั การเรยี นรดู้ ว้ ย กระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ บบ 5E การจดั การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ เป็นวธิ ีการจดั การ เรียนรู้ท่ีเนน้ นกั เรียนเป็นสาคญั ใหน้ กั เรียนเป็นศนู ยก์ ลางของการ ปฏิบตั ิกิจกรรมการเรียนการสอนอยา่ งแทจ้ ริง โดยวธิ ีใหน้ กั เรียนเป็น ผคู้ น้ ควา้ หาความรู้ดว้ ยตนเองหรือสร้างความรู้ดว้ ยตนเองโดยใช้ กระบวนการทางวทิ ยา ศาสตร์โดยที่ ครูทาหนา้ ท่ีคลา้ ยผชู้ ่วย คอย สนบั สนุน ช้ีแนะ ช่วยเหลือ ตลอดจนแกปัญหาที่อาจเกิดข้ึนระหวา่ ง การ เรียนการสอน และนกั เรียนทาหนา้ ท่ีคลา้ ยผจู้ ดั วางแผนการเรียน มีความกระตือรือร้นที่จะศึกษาความรู้โดยวธิ ีการเช่นเดียวกบั การ ทางานของนกั วทิ ยาศาสตร์ (ภพ เลาหไพบูลย์ 2542, 123; พมิ พนั ธ์ เดชะคุปต์ 2544, 48; กระทรวงศึกษาธิการ 2545, 37) ดงั น้นั การจดั การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (inquiry-based learning) เป็นกระบวนการจดั การเรียนรู้ท่ีใหน้ กั เรียนมีส่วนร่วมใน กิจกรรมการเรียนรู้ตลอด เวลา ใหโ้ อกาสแก่นกั เรียนไดฝ้ ึกคิด ฝึก สงั เกต ฝึกนาเสนอ ฝึกวเิ คราะห์วจิ ารณ์ ฝึกสร้างองคค์ วามรู้ เนน้ การ พฒั นาความสามารถในการแกป้ ัญหาดว้ ยวธิ ีการ ฝึกใหน้ กั เรียนรู้จกั ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้ โดยครูต้งั คาถาม กระตุน้ ใหน้ กั เรียนใช้ กระบวนการทางความคิดหาเหตุผลจนคน้ พบความรู้หรือแนวทางใน การแกไ้ ขปัญหาท่ีถกู ตอ้ งดว้ ยตนเอง

การจดั การเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ บบ 5E เนน้ ใหผ้ เู้ รียนเป็นผคู้ น้ ควา้ หาความรู้ดว้ ยตนเองหรือสร้างความรู้ดว้ ย ตนเอง โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ผสู้ อนเป็นผอู้ านวยความสะดวก เพ่ือใหผ้ เู้ รียนบรรลุเป้ าหมายวธิ ีสืบสอบความรู้จะเนน้ ผเู้ รียน เป็นสาคญั ของ การเรียนหรือเป็นวิธีสอนที่ฝึกใหผ้ เู้ รียนรู้จกั คน้ ควา้ หาความรู้โดยใช้ กระบวนการทางความ คิดหาเหตุผลจะคน้ พบความรู้หรือแนวทางท่ีถกู ตอ้ ง ดว้ ยตนเองโดยผสู้ อนต้งั คาถามประเภทกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนใชค้ วามคิดหาวิธี การแกป้ ัญหาไดเ้ องและสามารถนาการแกป้ ัญหามาใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ หรือเป็นการสอนที่เนน้ กระบวนการแสวงหาความรู้ที่ช่วยใหผ้ เู้ รียนไดค้ น้ พบความจริงต่างๆ ดว้ ยตนเองใหผ้ เู้ รียนมีประสบการณ์ตรงในการเรียนรู้ เน้ือหาอีกท้งั การจดั การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ นอกจาน้นั การสืบเสาะหาความรู้ยงั เกี่ยวขอ้ งกบั กระบวนการเรียนรูท้ ่ี หลาก หลาย คือ การถามคาถามออกแบบการสารวจขอ้ มูล การสารวจขอ้ มูล การวิเคราะห์ การสรุปผลการคิด คน้ ประดิษฐ์ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสื่อสารคาอธิบายดว้ ยเป็นวธิ ีสอนท่ีเนน้ ความสาคญั ที่ผเู้ รียนเป็น สาคญั วิธีการสอนน้ีเป็นการใหผ้ ู้ เรียนเป็นศูนยก์ ลางของการปฏิบตั ิกิจกรรมการ เรียนการสอนอยา่ งแทจ้ ริง โดยผู้ เรียนคน้ ควา้ ใชค้ วามสามารถในการเรียนรู้ ดว้ ยตนเองใหเ้ ป็นคนช่างสงั เกต ช่างสงสยั และพยายามหาขอ้ สรุป จนใน ที่สุดจะเกิดความคิดรวบยอดในเรื่องที่ศึกษาน้นั

กระบวนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ แบบ 5E 1. การสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการนาเขา้ สู่บทเรียนหรือเร่ือง ท่ีสนใจ ซ่ึงอาจเกิดข้ึนเองจากเร่ืองท่ีสงสยั จากความสนใจของตวั ผเู้ รียนเอง หรือเกิดจากการอภิปรายภายในกลุม่ เร่ืองท่ีน่าสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ท่ี กาลงั เกิดข้ึนในช่วงเวลาน้นั 2. การสารวจและค้นหา (Exploration) เมื่อทาความเขา้ ใจในประเดน็ หรือ คาถามท่ีสนใจศึกษาอยา่ งถอ่ งแทแ้ ลว้ ใหม้ ีการวางแผนกาหนดแนวทางใน การสารวจตรวจ สอบต้งั สมมติฐานกาหนดทางเลือกท่ีเป็น ไปได้ ลงมือ ปฏิบตั ิ เพื่อรวบรวมขอ้ มลู ขอ้ สนเทศ หรือปรากฏการณ์ต่างๆ 3. การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) เม่ือไดข้ อ้ มูลอยา่ งเพยี งพอต่อ การสารวจตรวจสอบ แลว้ จึงนาขอ้ สนเทศท่ีไดม้ าวเิ คราะห์ แปลผล สรุปผล และนาเสนอผลที่ไดใ้ นรูปต่างๆ 4. การขยายความรู้ (Elaboration) เป็นการนาความรู้ท่ีสร้างข้ึนไป เชื่อมโยงกบั ความรู้เดิมหรือแนว คิด ท่ีไดค้ น้ ควา้ เพิ่มเติมหรือนา แบบจาลองหรือขอ้ สรุปที่ไดไ้ ปใชอ้ ธิบายสถานการณ์หรือเหตุการณ์อ่ืนๆ 5. การประเมนิ ผล (Evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ดว้ ย กระบวนการต่างๆ วา่ ผเู้ รียนมีความ รู้อะไรบา้ ง อยา่ งไร มากนอ้ ยเพียงใด จากน้นั จึงนาความรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นเรื่องอ่ืนๆ

บทบาทผูส้ อนในกระบวนการสบื เสาะหา ความรแู้ บบ 5E 1. การสร้างความสนใจ (Engagement) โดยผสู้ อนควรสร้างความสนใจ สร้าง ความอยากรู้อยากเห็นมีการต้งั คาถามกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนคิดดึงเอา คาตอบที่ยงั ไม่ ครอบคลุมสิ่งท่ีผเู้ รียนรู้ หรือแนวคิดหรือเน้ือหา 2. การสารวจและค้นหา (Exploration) โดยผสู้ อนส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนทางาน ร่วมกนั ในการสารวจตรวจสอบสงั เกตและฟังการโตต้ อบกนั ระหวา่ ง ผเู้ รียนกบั ผเู้ รียนทาการซกั ถามเพ่อื นาไปสู่การสารวจตรวจสอบของผเู้ รียนและใหเ้ วลา ผเู้ รียนในการคิดขอ้ สงสยั ตลอดจนปัญหาต่าง ๆ และทาหนา้ ที่ใหค้ าปรึกษาแก่ ผเู้ รียน 3. การอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) โดยผสู้ อนส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนอธิบาย แนวคิดหรือใหค้ าจากดั ความดว้ ยคาพดู ของผเู้ รียนเองใหผ้ เู้ รียน แสดงหลกั ฐานให้ เหตุผลและอธิบายใหก้ ระจ่าง ใหผ้ เู้ รียนอธิบาย ใหค้ าจากดั ความและช้ีบอกส่วน ต่างๆ ใน แผนภาพใหผ้ เู้ รียนใชป้ ระสบการณ์เดิมของตนเป็นพ้ืนฐานในการอธิบาย แนวคิด 4. การขยายความรู้ (Elaboration) โดยผสู้ อนคาดหวงั ใหผ้ เู้ รียนไดใ้ ชป้ ระโยชน์ จากการช้ีบอก ส่วนประกอบตา่ งๆ ในแผนภาพคาจากดั ความและอธิบายสิ่งท่ี เรียนรู้มาแลว้ ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนนาสิ่งที่ผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้ไปประยกุ ตใ์ ชห้ รือขยาย ความรู้ และทกั ษะในสถานการณ์ใหม่ ใหผ้ เู้ รียนอธิบายอยา่ งมีความหมาย ให้ ผเู้ รียนอา้ งอิงขอ้ มลู ที่มีอยพู่ ร้อมท้งั แสดงหลกั ฐานและถามคาถามผเู้ รียนวา่ ได้ เรียนรู้อะไรบา้ ง หรือไดแ้ นวคิดอะไร 5. การประเมินผล (Evaluation) โดยผสู้ อนสงั เกตผเู้ รียนในการนาแนวคิดและ ทกั ษะใหม่ไปประยกุ ตใ์ ช้ ประเมินความรู้และทกั ษะ ผเู้ รียน

บทบาทของผูเ้ รยี นในการเรยี นการสอน แบบสบื เสาะหาความรแู้ บบ 5E 1. การสร้างความสนใจ (Engagement) โดยผเู้ รียนถามคาถาม เช่น ทาไมส่ิงน้ีจึงเกิดข้ึน ฉนั ไดเ้ รียนรู้อะไรบา้ งเก่ียวกบั ส่ิง น้ี 2. การสารวจและค้นหา(Exploration) โดยผเู้ รียนคิดอยา่ งอิสระแตอ่ ยใู่ นขอบเขตของกิจกรรมทดสอบการคาดคะเนและ สมมติฐานคาด คะเนและต้งั สมมติฐานใหมพ่ ยายามหาทางเลือกในการแกป้ ัญหา และอภิปรายทางเลือกเหล่าน้นั กบั คนอื่นบนั ทึกการสงั เกตและใหข้ อ้ คิดเห็น และ ลงขอ้ สรุป 3. การอธิบายและลงข้อสรุป(Explanation โดยผเู้ รียนอธิบายการแกป้ ัญหาหรือคาตอบที่ซบั ซอ้ นฟังคาอธิบายของคนอื่นอยา่ ง คิดวิเคราะห์ ถามคาถามเก่ียวกบั สิ่งท่ีคนอ่ืนไดอ้ ธิบายฟังและพยายามทาความ เขา้ ใจเก่ียวกบั ส่ิงท่ีครูอธิบายอา้ งอิงกิจกรรม ท่ีไดป้ ฏิบตั ิมาแลว้ ใชข้ อ้ มูลท่ีไดจ้ าก การบนั ทึกหรือสงั เกตในการอธิบาย 4. การขยายความรู้ (Elaboration) โดยผเู้ รียนอธิบายการแกป้ ัญหาหรือคาตอบท่ีซบั ซอ้ นฟังคาอธิบายของคนอื่นอยา่ ง คิดวิเคราะห์ถามคาถามเกี่ยวกบั ส่ิงท่ีคนอ่ืนไดอ้ ธิบายฟังและพยายามทาความเขา้ ใจ เก่ียวกบั ส่ิงที่ผสู้ อนอธิบายอา้ งอิงกิจกรรมท่ีได้ ปฏิบตั ิมาแลว้ ใชข้ อ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการ บนั ทึกหรือสงั เกตในการอธิบาย 5. การประเมินผล (Evaluation) โดยผเู้ รียนตอบคาถามปลายเปิ ด โดยใชก้ ารสงั เกต หลกั ฐานและคาอธิบายที่ ยอมรับมาแลว้ แสดงออก ถึงความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ความคิดรวบยอดหรือ ทกั ษะประเมินความกา้ วหนา้ ดว้ ยตนเองถามคาถาม เพื่อให้ มีการตรวจสอบต่อไป

คุณลกั ษณะสาคญั ของการสบื เสาะหา ความรแู้ บบ 5E 1. ผเู้ รียนต้งั คาถามทางวทิ ยาศาสตร์ โดยส่วนใหญ่คนเราจะต้งั คาถามต่างๆไดก้ ็ ต่อเม่ือ เกิดการสงั เกต เกิดปัญหาหรือขอ้ สงสยั ต่างๆข้ึนในตนเองแมว้ า่ ผสู้ อนจะ กระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนเกิดทกั ษะและฝึกกระบวนการการ สร้างคาถามแต่จะพบ ไดว้ า่ ในสถานการณ์จริงเราอาจจะไม่สามารถตอบคาถามไดท้ ุกเร่ืองในช่วงเวลาน้นั 2. ผเู้ รียนให้ความสาคญั กบั หลกั ฐานหรือประจกั ษพ์ ยานของคาถามท่ีต้งั ข้ึนซ่ึงจาก คาถามที่ต้งั ข้ึน ผเู้ รียน จะทาการปฏิบตั ิเพื่อหาคาตอบ ดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ 3. ผเู้ รียนสร้างคาอธิบายจากขอ้ มลู และหลกั ฐานท่ีมีซ่ึงเมื่อผเู้ รียนไดเ้ กบ็ ขอ้ มูล ต่างๆ ดว้ ยความ ละเอียดแลว้ ขอ้ มูลดิบที่ไดม้ า จะถูกนามาวิเคราะห์และใชเ้ ป็น หลกั ฐานในการใชส้ ร้างคาอธิบาย 4. ผเู้ รียนเชื่อมโยงองคค์ วามรู้ที่ไดส้ ู่องคค์ วามรู้ทางวิทยาศาสตร์ เมื่อผเู้ รียนได้ หลกั ฐานสามารถ สร้างคาอธิบายและใชก้ ระบวนการสงั เคราะห์ออกมาเป็น คาอธิบายของตนเองแลว้ ผเู้ รียนควรไดท้ าการสืบคน้ เพ่ือศึกษาเพ่ิมเติมวา่ จากองค์ ความรู้ท่ีผเู้ รียนไดน้ ้นั มีความสอดคลอ้ งหรือแตกต่างจากองคค์ วามรู้ 5. ผเู้ รียนสื่อสารและประเมินองคค์ วามรู้อยา่ งมีเหตุผลการท่ีผเู้ รียนไดส้ ร้างองค์ ความรู้จากการลงมือ ปฏิบตั ิและสืบเสาะดว้ ยตนเองความรู้ใหม่ที่ไดจ้ ะช่วยให้ ผเู้ รียนไดร้ ู้สึกเห็นคุณคา่ ของการทางาน

ประโยชนแ์ ละขอ้ จากดั ของการสอนแบบสบื เสาะหาความรแู้ บบ 5E ประโยชน์ของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E การจดั การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E สามารถพฒั นาศกั ยภาพดา้ นสติปัญญา นกั เรียนได้ พฒั นาความคิดอยา่ งเตม็ ที่ ไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองจึงมีการอยากรู้อยู่ ตลอดเวลา นกั เรียนไดม้ ีโอกาสฝึก ความคิดและฝึกการกระทา ไดเ้ รียนรู้วธิ ีการจดั ระบบ ความคิดและวธิ ีเสาะแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง ทาให้ ความรู้คงทนและถ่ายโยงการเรียนรู้ ได้ คือ ทาใหส้ ามารถจดจาไดน้ านและนาไปใชใ้ นสถานการณ์ใหม่ได้ นกั เรียนเป็น ศนู ยก์ ลางการจดั การเรียนรู้ ทาใหบ้ รรยากาศในการเรียนมีชีวติ ชีวา สามารถเรียนรู้มโน ทศั น์ และหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ไดเ้ ร็วข้ึน อีกท้งั ส่งผลใหน้ กั เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการ เรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ช่วย ใหน้ กั เรียนเกิดความเชื่อมนั่ ไม่วา่ จะทาการสิ่งใดๆ จะสาเร็จดว้ ย ตนเอง สามารถคิดและแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง ไม่ยอ้ ทต้ ่ออุปสรรค ข้อจากดั ของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 1. ในการสอนแต่ละคร้ังตอ้ งใชเ้ วลาในการสอนมาก 2. ถา้ สถานการณ์ท่ีครูสร้างข้ึนไม่ทาใหน้ ่าสงสัยแปลกใจจะทาใหน้ กั เรียนเบ่ือหน่ายถา้ ครูไม่ เขา้ ใจบทบาทหนา้ ที่ในการสอนวธิ ีน้ีมุ่งควบคุมพฤติกรรมของนกั เรียนมากเกินไป จะทาให้ นกั เรียนไม่มีโอกาสไดส้ ืบเสาะ หาความรู้ดว้ ยตนเอง 3. ในกรณีที่นกั เรียนมีระดบั สติปัญญาต่าและเน้ือหาค่อนขา้ งยากนกั เรียนอาจจะไม่สามารถ ศกึ ษาหาความรู้ดว้ ยตนเองได้ 4. นกั เรียนบางคนท่ียงั ไม่เป็นผใู้ หญ่พอทาใหข้ าดแรงจูงใจที่จะศกึ ษาปัญหาและนกั เรียนที่ ตอ้ งการ แรงกระตุน้ เพือ่ ใหเ้ กิดความกระตือรือร้นในการเรียนมากๆ อาจจะพอตอบคาถาม ไดแ้ ต่นกั เรียนไม่ประสบความ สาเร็จในการเรียนดว้ ยวธิ ีน้ีเท่าท่ีควร 5. การใชส้ อนแบบน้ีอยเู่ สมอ อาจทาใหค้ วามสนใจของนกั เรียนในการศกึ ษาคน้ ควา้ ลดลง จากการ ศึกษาขอ้ ดีและขอ้ จากดั ของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้

สรปุ การจดั กจิ กรรมการสอนแบบสบื เสาะหา ความรแู้ บบ 5E การใหก้ ารศึกษาสาหรับศตวรรษท่ี 21 จะมีความยดื หยนุ่ สร้างสรรคท์ า้ ทายและซบั ซอ้ น เป็นการ ศึกษาท่ีจะทาใหโ้ ลกเกิดการ เปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็วอยา่ งเตม็ ไปดว้ ยส่ิงทา้ ทายและปัญหารวมท้งั โอกาส และ ส่ิงท่ีเป็นไปไดใ้ หม่ๆที่น่าต่ืนเตน้ ความทา้ ทายโดยการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ แบบ 5E เป็นการ เรียนการสอนใหค้ วามสาคญั กบั ผเู้ รียนหรือผเู้ รียนเป็นศนู ยก์ ลางมีการ จดั การเรียนรู้ท่ีฝึกให้ ผเู้ รียนรู้จกั คน้ ควา้ หาความรู้ โดยใชก้ ระบวนการทาง ความคิดหาเหตุผลทาใหค้ น้ พบความรู้หรือแนวทางแก้ ปัญหาท่ีถูกตอ้ งดว้ ย ตนเอง โดยผสู้ อนต้งั คาถามประเภทกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนใชค้ วามคิดหาวิธีการ แกป้ ัญหาไดเ้ อง สามารถนาการแกป้ ัญหามาใชป้ ระโยชน์ ในชีวิตประจาวนั ได้ ซ่ึงไดเ้ สนอข้นั ตอนในการจดั การเรียนการสอน เป็น 5 ข้นั ตอนหลกั ประกอบดว้ ย ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) ข้นั ประเมิน (Evaluation) กระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบ 5E ดงั ท่ีกลา่ วน้นั ไดเ้ นน้ ที่องค์ ความรู้ ทกั ษะความเชี่ยวชาญและสมรรถนะ ท่ีเกิดกบั ตวั ผเู้ รียน เพอื่ ใชใ้ น การดารงชีวติ ในสังคมแห่งความเปล่ียนแปลงในปัจจุบนั

ตวั อยา่ งแผนการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ แบบ 5E แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ฉนั มีโครงสร้างอยา่ งไร หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 การดารงชีวติ ของพชื วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2563 ผสู้ อน .......................................................... เวลา 3 ชว่ั โมง 1. สาระสาคัญ พชื มีโครงสร้างภายนอก ไดแ้ ก่ ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผล และเมลด็ ซ่ึงแตล่ ะส่วนทาหนา้ ที่ แตกตา่ งกนั แตจ่ ะทางานสัมพนั ธ์กนั อยา่ งเป็นระบบทอ่ ลาเลียง คือ กลุ่มเซลลข์ องพชื ท่ีทาหนา้ ที่ ลาเลียงน้าและ อาหาร 2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของส่ิงมีชีวติ หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวติ การลาเลียงสารเขา้ และออก จากเซลล์ ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหนา้ ท่ีของระบบตา่ ง ๆ ของสัตวแ์ ละมนุษยท์ ี่ทา งาน สัมพนั ธ์กนั ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหนา้ ที่ ของอวยั วะตา่ ง ๆ ของพชื ท่ีทางานสมั พนั ธ์กนั รวมท้งั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน ตวั ชี้วดั บรรยายหนา้ ที่ของราก ลาตน้ ใบ และดอก ของพชื ดอก โดยใชข้ อ้ มูลท่ีรวบรวมได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1. บอกโครงสร้างภายนอกของพชื ได้ (K) 3.2. บอกความหมายของท่อลาเลียงของพชื ได(้ K) 3.3. อธิบายหนา้ ท่ีของท่อลาเลียงของพชื ได้ (K) 3.4. สังเกตโครงสร้างภายนอกของพชื ชนิดต่าง ๆ ในทอ้ งถิ่นได้ (P) 3.5. เป็นผใู้ ฝ่ เรียนรู้ ช่างสงั เกต ช่างคิด ช่างสงสัย และเป็นผทู้ ่ีมีความกระตือรือร้นในการเสาะ แสวงหาความรู้ (A) 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 4.1. ความสามารถในการส่ือสาร 4.2. ความสามารถในการคิด 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.1. ใฝ่ เรียนรู้ 5.2. มุง่ มน่ั ในการทางาน

6. สาระการเรียนรู้ 6.1. โครงสร้างของพืช 6.2. ส่วนประกอบของพืช 7. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 สร้างความสนใจ (engagement) 1.1 ครูนานกั เรียนร้องเพลง กิ่ง กา้ น ใบ จากน้นั ใหน้ กั เรียนแสดงท่าทางประกอบ ตามจินตนาการ ของนกั เรียน 1.2 ครูทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียน โดยครูนาภาพโครงสร้างภายนอกของพืชมาใหน้ กั เรียน ศึกษา จากน้นั ครูใชถ้ ามคาถามกระตุน้ ความสนใจของนกั เรียน ดงั น้ี 1.2.1 นกั เรียนทราบหรือไมว่ า่ พืชมีส่วนประกอบใดบา้ ง 1.2.2 โครงสร้างของพืชแต่ละชนิดมีหนา้ ท่ีเหมือนหรือแตกต่างกนั ข้นั ท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 2.1 นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน 2.2 นกั เรียนแต่ละกลุ่มศึกษาใบความรู้เรื่อง โครงสร้างและหนา้ ที่ของรากและลาตน้ 2.3 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มช่วยกนั สารวจตน้ ไมบ้ ริเวณรอบโรงเรียน และบนั ทึกลง ในใบงานกิจกรรม ท่ี 1 เรื่อง โครงสร้างของพืช 2.4 นกั เรียนเขียนแผนภาพความคิดส่วนประกอบของพืชลงในใบงานกิจกรรมที่ 2 เร่ือง โครงสร้างของพืช 2.5 นกั เรียนอธิบายหนา้ ที่ส่วนประกอบของพืชท่ีกาหนดใหล้ งในใบงานกิจกรรมที่ 3 เรื่อง โครงสร้างของพืช ข้นั ท่ี 3 อธิบายและลงข้อสรุป (explanation) 3.1 ตวั แทนนกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการสารวจและภาพวาดหนา้ ช้นั เรียน 3.2 นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกบั หนา้ ที่ส่วนประกอบของพชื โดยครูถามคาถาม ดงั น้ี 3.2.1 บริเวณโรงเรียนมีตน้ ไมช้ นิดใดบา้ ง 3.2.2 ตน้ ไมแ้ ต่ละชนิดมีโครงสร้างภายนอกเหมือนกนั หรือไม่ 3.2.3 ตน้ ไมแ้ ตล่ ะชนิดมีโครงสร้างภายนอกไดแ้ ก่อะไรบา้ ง 3.2.4 โครงสร้างภายนอกของพืชทาหนา้ ที่เหมือนกนั หรือไม่ อยา่ งไร

ข้นั ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 4.1 นกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้ใหไ้ ดป้ ระเดน็ ดงั น้ี พืชมีโครงสร้างภายนอก ไดแ้ ก่ ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผลและเมลด็ โดยแต่ละส่วนทา หนา้ ท่ีแตกต่างกนั แต่จะทางาน สมั พนั ธ์กนั ข้นั ที่ 5 ประเมนิ (evaluation) ใหน้ กั เรียนเขียนแสดงความรู้สึกหลงั การเรียน ในประเดน็ ต่อไปน้ี 5.1 ส่ิงที่นกั เรียนไดเ้ รียนรู้ในวนั น้ีคืออะไร 5.2 นกั เรียนเขา้ ใจเร่ืองใดมากที่สุด 5.3 นกั เรียนมีปัญหาหรือขอ้ สงสัยในเรื่องใดบา้ ง 5.4 นกั เรียนพงึ พอใจกบั การเรียนในวนั น้ีหรือไม่ 5.5 นกั เรียนตอ้ งการใหค้ รูปรับปรุงการสอนในเรื่องใดบา้ ง 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1. ใบความรู้เรื่อง โครงสร้างและหนา้ ที่ของรากและลาตน้ 8.2. กิจกรรมที่ 1 สารวจตน้ ไมบ้ ริเวณรอบโรงเรียน 8.3. กิจกรรมที่ 2 เขียนแผนภาพความคิดส่วนประกอบของพืช 8.4 กิจกรรมท่ี 3 อธิบายหนา้ ที่ส่วนประกอบของพชื 9. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์ 1.สังเกตพฤติกรรมการ 1.แบบประเมินพฤติกรรมการทางาน มีผลการ ประเมินใน ทางานกลุ่ม กลุ่ม ระดบั ดีข้ึน 2. ประเมินการนาเสนอ 2. แบบประเมินการนาเสนอ หนา้ ช้นั ไป หนา้ ช้นั 3. เกณฑก์ ารตรวจใบกิจกรรม 3. ตรวจใบกิจกรรม

10. บันทกึ ผลหลงั การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 10.1 ผลการเรียนรู้ ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ............................................................................ 10.2 ปัญหา/อปุ สรรค ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ........................................................................... 10.3 แนวทางการแกไ้ ขปัญหา/อุปสรรค ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ...................................................................................................................... ............................................................................................................. ลงชื่อ............................................ผอู้ อกแบบการเรียนรู้ (.......................................) ............../.................../................

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม คาชี้แจง ครูผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียนแลว้ ขีด ลงใน ช่องที่ตรงกบั ระดบั คะแนน การแสดง รวม ความ ิคดเ ็หน ลาดับที่ ชื่อ-สกุล การทางาน 20 ตามท่ีได้รับ คะ มอบหมาย ความ ีมน้าใจ การมี ส่วนร่วมใน การป ัรบป ุรง กาผรลยงาอนมรักบลุ่ม ความ ิคดเ ็หนที่ แตกต่าง 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 แน น ลงช่ือ............................................ผอู้ อกแบบการเรียนรู้ (.......................................) ............../.................../................ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑก์ ารให้คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน 18 - 20 ดีมาก ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 14 - 17 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน 10 - 13 ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน ต่ากว่า 10 พอใช้ ปรับปรงุ

แบบประเมินการทาใบกจิ กรรม คาชี้แจง ครูผู้สอนประเมนิ การทางาน/ทาใบกจิ กรรมของนักเรียนตามรายการทกี่ าหนดแล้วขีด  ลง ในช่องทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ท่ี ชื่อ-สกุล พฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ หมายเหตุ 4321 เกณฑ์การวดั ผล ให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ระดบั คุณภาพ 4 (ดีมาก) (1) ทาใบครบถว้ นและเสร็จตามกาหนดเวลา (2) ทาใบไดถ้ ูกตอ้ ง (3) แสดงลาดบั ข้นั ตอนของการทาใบงานชดั เจนเหมาะสม ระดับคุณภาพ 3 (ดี) (1) ทาใบงานครบถว้ นและเสร็จตามกาหนดเวลา (2) ทาใบงานไดถ้ ูกตอ้ ง (3) สลบั ข้นั ตอนของการทาใบงานหรือไม่ระบุข้นั ตอนของการทาใบงาน ระดบั คุณภาพ 2 (พอใช้) (1) ทาใบงานครบถว้ นและแตไ่ ม่เสร็จตามกาหนดเวลา (2) ทาใบงานบางขอ้ ไม่ถูกตอ้ ง (3) สลบั ข้นั ตอนของการทาใบงานหรือไมร่ ะบุข้นั ตอนของการทาใบงาน ระดับคุณภาพ 1 (ต้องปรับปรุง) (1) ทาใบงานไม่ครบถว้ นหรือไมเ่ สร็จตามกาหนดเวลา (2) ทาใบงานบางขอ้ ไมถ่ ูกตอ้ ง (3) แสดงลาดบั ข้นั ตอนของการทาใบงานไม่สมั พนั ธ์กบั โจทยห์ รือไมแ่ สดงลาดบั ข้นั ตอน

แบบประเมินการนาเสนอผลงาน คาช้แี จง ครูผสู้ อนประเมนิ การนาเสนอผลงานของนกั เรียนตามรายการท่ีกาหนดแลว้ ขีด ลงในช่อง ท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 4 3 21 1 เน้ือหาละเอียดชัดเจน 2 ความถกู ต้องของเน้ือหา 3 ภาษาท่ีใชเ้ ข้าใจงา่ ย 4 ประโยชน์ทไี่ ด้จากการนาเสนอ 5 วิธกี ารนาเสนอผลงาน รวม ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ............/............../............. เกณฑ์การใหค้ ะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ้ บกพร่องบางสว่ น ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ้ บกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรับปรุง ระดบั คุณภาพดขี ้ึนไป ผา่ นเกณฑ์

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาชีแ้ จง ครูผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี นแลว้ ขีด ลงในช่อง ทต่ี รงกับระดบั คะแนน ระดับ คุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ รายการประเมิน คะแนน 3210 2. ใฝ่ เรียนรู้ ตัวชว้ี ัดที่ 1.1 ตง้ั ใจเพยี รพยายามในการ เรียนและเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ ตวั ชวี้ ัดท่ี 1.2 แสวงหาความรู้จากแหล่ง เรยี นรู้ตา่ ง ๆ ทัง้ ภายในและภายนอก โรงเรียนด้วยการเลือกใช้สือ่ อยา่ งเหมาะสม สรุปเปน็ องค์ความร้แู ละสามารถนาไปใชใ้ น ชีวิตประจาวันได้ 3. มุ่งม่ันในการทางาน ตวั ช้วี ัดท่ี 1.1 ตง้ั ใจและรับผดิ ชอบในหนา้ ที่ การงาน ตวั ช้วี ดั ท่ี 1.2 ทางานด้วยความเพียร พยายามและอดทนเพ่ือให้งานสาเร็จตาม เป้ าหมาย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตัวชีว้ ดั ท่ี (1) ตง้ั ใจเพียรพยายามในการเรยี นและเข้ารว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารประเมินรายการพฤตกิ รรมบ่งชี้ ดีเยยี่ ม (3) เข้าเรยี นตรงเวลาตง้ั ใจเรียนเอาใจใสแ่ ละมคี วามเพียรพยายามในการเรยี นรู้ มี สว่ นรว่ มในการเรยี นรแู้ ละเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรูต้ ่าง ๆ ทั้งภายในและ ดี (2) ภายนอกโรงเรียนเป็นประจาและเปน็ แบบอยา่ งที่ดี ผา่ น (1) เขา้ เรยี นตรงเวลาตง้ั ใจเรียนเอาใจใส่และมีความเพียรพยายามในการเรยี นรู้ มี สว่ นร่วมในการเรียนรู้และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ตา่ ง ๆ ทงั้ ภายในและ ไมผ่ า่ น (0) ภายนอกโรงเรียนบอ่ ยครัง้ เขา้ เรียนไม่ตรงเวลาต้งั ใจเรียนเอาใจใสแ่ ละมคี วามเพยี รพยายามในการเรียนรู้ มี สว่ นร่วมในการเรยี นรู้และเข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ตา่ ง ๆ ทัง้ ภายในและ ภายนอกโรงเรียนเป็นบางคร้ัง ไม่ตง้ั ใจเรียน















บรรณานุกรรม ทิศนา แขมมณีและคณะ. (2545). การคิดและการสอนเพอ่ื ใใใใใพฒั นากระบวนการคิด. กรุงเทพฯ: สานกั งานพฒั นา คุณภาพวชิ าการ (พว.) กรุงเทพฯ: ใใใใใสานกั พิมพเ์ ดอะมาสเตอร์กรุ๊ปแมเนจเมน้ ท.์ สุวทิ ย์ มลู คา; และ อรทยั มลู คา. (2545). 21 วิธีจดั การ ใใใใใเรียนรู้เพื่อพฒั นากระบวนการคิด. กรุงเทพฯ:โรง พิมพภ์ าพพิมพ.์ http://da-inquiry-cycles.blogspot.com/p/blogpage ใใใใใ_18.html

เสนอ ผชู้ ว่ ยศาสตราอาจารย์ ดร.ชวนพิศ รกั ษาพวก รายวชิ า วชิ าการวจิ ยั พฒั นาหลกั สตู ร และการเรยี นการสอน รหสั วชิ า 5092202 ผจู้ ดั ทา นางสาวนงลกั ษณ์ งามใจ รหสั นกั ศกึ ษา 645509104 นางสาวบุญธมิ า ชว่ ยชู รหสั นกั ศึกษา 645509215


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook