ชดุ ท่ี 3 เรื่องดิน หนา 1 คําชแี้ จงสําหรับการใชชดุ กจิ กรรมการเรียนรูวทิ ยาศาสตร หนวยการเรยี นรเู รอ่ื ง โลกและการเปลี่ยนแปลง โดยใชก ระบวนการเรียนรูแ บบสืบเสาะ 5E ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรูวิทยาศาสตร หนวยการเรียนรูเรอ่ื งโลกและการเปลีย่ นแปลง โดยใช กระบวนการเรยี นรูแบบสืบเสาะ 5E สําหรบั นกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 ชุดนี้ประกอบดวยเนื้อหายอ ย ๆ มที ง้ั หมดจาํ นวน 7 ชุด ดงั น้ี ชดุ ที่ 1 เรื่อง โครงสรา งของโลก ชุดท่ี 2 เรอ่ื ง การเปลีย่ นแปลงของเปลือกโลก ชดุ ที่ 3 เร่ือง ดิน ชดุ ที่ 4 เรอ่ื ง หิน ชดุ ที่ 5 เรอ่ื ง แร ชุดที่ 6 เรอื่ ง เชื้อเพลงิ ธรรมชาติ ชุดที่ 7 เรื่อง แหลงนํา้ ชดุ น้เี ปนชดุ ที่ 3 เรื่อง ดนิ ใชเวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู 3 ชัว่ โมง และจัดการเรยี นรู โดยใชกระบวนการสืบเสาะ 5E ดงั นี้ ขนั้ ท่ี 1 ข้นั สรางความสนใจ (Engagement) ประกอบดว ยกิจกรรมกระตนุ การคิด ขน้ั ท่ี 2 ขั้นสํารวจและคน หา (Exploration) ประกอบดวยกิจกรรมคน ควา หาคําตอบ ขั้นที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอสรปุ (Explanation) ประกอบดวยกิจกรรมทดสอบตอบปญหา ขั้นท่ี 4 ข้นั ขยายความรู (Elaboration) ประกอบดว ยกจิ กรรมตรวจสอบ เชือ่ มโยงความรู ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) ประกอบดวยกิจกรรมทบทวน ชวนคนควา ซ่ึงจัดทําขึ้นเพ่ือใหนักเรียนใชประกอบการเรียนรูในหองเรียน โดยครูผูสอนเปนผูคอยกํากับดูแล และใหก ารชวยเหลือ แนะนํา กระตุนใหน ักเรยี นเกิดการเรียนรู เปด โอกาสใหน ักเรียนไดแลกเปล่ียนเรียนรู ในข้ันตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรูตามคูมือสําหรับครูท่ีผูสอนไดจัดทําข้ึนประกอบ และใชคูขนานกับ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรวู ิทยาศาสตรข องนักเรยี น
ชดุ ที่ 3 เรื่องดิน หนา 2 คาํ ชี้แจงสาํ หรบั นักเรียน นกั เรียนศกึ ษากอนลงมือปฏิบัติกจิ กรรม ดงั นี้ 1. ศกึ ษาคาํ ชี้แจงการใชช ดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร 2. ศกึ ษามาตรฐานการเรยี นรู /ตวั ช้ีวัด จดุ ประสงคการเรียนรู สาระการเรยี นรู 3. ทําแบบทดสอบกอนเรียน จาํ นวน 10 ขอ 4. ลงมอื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมจากชุดกิจกรรมการเรียนรวู ทิ ยาศาสตร ชุดที่ 3 ตามลําดับ ดังนี้ - บัตรเนื้อหาท่ี 1 เรื่อง กระบวนการเกิดดินและลกั ษณะชั้นหนาตัดดนิ - บัตรใบงานที่ 1 เร่อื ง กระบวนการเกิดดนิ และลักษณะชัน้ หนาตดั ดนิ - บัตรกจิ กรรมท่ี 1 เร่ือง ลักษณะของดนิ ช้นั บนและดินชน้ั ลาง - บตั รบันทึกกจิ กรรมท่ี 1 เร่ือง ลกั ษณะของดนิ ช้ันบนและดินชนั้ ลาง - บตั รเน้ือหาที่ 2 คณุ สมบตั ิและการปรบั ปรุงคุณภาพของดนิ - บัตรใบงานท่ี 2 เรือ่ ง คุณสมบตั ิและการปรบั ปรุงคณุ ภาพของดนิ - บัตรใบงานท่ี 3 ประโยชนและการปรับปรุงคณุ ภาพดนิ 5. เมอื่ พบคําชแี้ จงหรอื คาํ ถามในแตล ะกิจกรรมใหน กั เรียนอา นและปฏบิ ตั กิ ิจกรรม อยา งรอบคอบและเครงครัด 6. ขณะที่นกั เรยี นศกึ ษาและปฏบิ ตั กิ ิจกรรม หากมปี ญหาไมเ ขาใจสามารถปรึกษา ซกั ถามครผู สู อนได 7. เม่ือปฏิบตั กิ จิ กรรมการทดลองครบแลว ใหจ ดั เก็บอุปกรณใ หเรยี บรอ ย 8. ในระหวางเขา รว มกิจกรรมทุกคร้ัง ควรใหความรว มมอื ต้ังใจในการปฏิบัติกิจกรรม และตรงตอ เวลาเสมอ 9. เมอ่ื นกั เรยี นปฏิบัติกิจกรรมครบทุกกิจกรรมแลว ใหทาํ แบบทดสอบหลงั เรียน จาํ นวน 10 ขอ เพื่อวดั ความเขาใจแลว ตรวจคําตอบเพือ่ เปรยี บเทียบความกาวหนาทางการเรียน
ชดุ ที่ 3 เร่ืองดิน หนา 3 มาตรฐานการเรยี นรู มาตรฐาน ว 6.1 เขาใจกระบวนการตางๆ ที่เกิดข้ึนบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธของ กระบวนการตางๆ ท่ีมผี ลตอการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก มีกระบวนการสืบ เสาะหาความรูแ ละจิตวทิ ยาศาสตร สือ่ สารสง่ิ ท่เี รยี นรแู ละนําความรูไปใชประโยชน มาตรฐาน ว 8.1 ใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรและจติ วิทยาศาสตรในการสืบเสาะหาความรู การ แกป ญ หา รวู าปรากฏการณทางธรรมชาตทิ ่เี กดิ ขน้ึ สว นใหญม ีรูปแบบทแี่ นน อน สามารถอธบิ าย และ ตรวจสอบ ไดภายใตขอมูลและเคร่ืองมอื ที่มีอยูในชวงเวลาน้ันๆ เขาใจวาวิทยาศาสตร เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดลอม มีความเกีย่ วขอ งสัมพันธก ัน ตัวชวี้ ัด ว 6.1 ม.2/1 สาํ รวจ ทดลอง และอธบิ ายลักษณะของชั้นหนา ตัดดิน และกระบวนการเกดิ ดนิ ว 6.1 ม.2/2 สาํ รวจ วิเคราะหและอธิบายการใชป ระโยชนและการปรบั ปรงุ คุณภาพของดนิ ว 8.1 ม.1-3/8 บันทึกและอธิบายผลการสังเกต การสํารวจตรวจสอบคนควาเพิ่มเติมจากแหลง ความรูตางๆ ใหไดขอมูลที่เช่ือถือได และยอมรับการเปล่ียนแปลงความรูท่ีคนพบเม่ือมีขอมูลและประจักษ พยานใหมเ พ่ิมข้ึนหรือโตแ ยง จากเดมิ จุดประสงคการเรยี นรู ดานความรู (K) 1. นักเรียนสามารถสืบคน ขอมลู อภิปรายสรุปกระบวนการเกิดของดินได 2. นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะหนาตัดขางของดินได 3. นักเรียนสามารถอธิบายสวนประกอบและคณุ สมบตั ิของดนิ ได 4. นักเรยี นสามารถอธบิ ายความพรนุ และความเปน กรด เปน เบสของดนิ ได 5. นักเรยี นสามารถบอกสาเหตปุ ญ หาของดินและการแกปญหาได 6. นักเรียนสามารถอธบิ ายการใชประโยชนและการปรับปรงุ คณุ ภาพของดินได ดา นทักษะกระบวนการ (P) 1. นักเรียนทดลอง ตรวจสอบลกั ษณะของดินชนั้ บนและดินชนั้ ลาง 2. นักเรยี นมที กั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร ดา นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค (A) 1. นักเรยี นมีวนิ ัย 2. นกั เรียนใฝรใู ฝเ รียน 3. นกั เรยี นมงุ มน่ั ในการเรียนรู
ชุดที่ 3 เร่ืองดิน หนา 4 สาระการเรยี นรู 1. กระบวนการเกิดดินและสวนประกอบของดนิ 2. ลักษณะหนาตัดของดิน 3. สวนประกอบและคณุ สมบัตขิ องดิน 4. ความพรุนและความเปนกรด เปนเบสของดิน 5. ปญหาของดินและการแกปญหา 6. ประโยชนแ ละการปรบั ปรงุ คุณภาพของดนิ
ชุดที่ 3 เร่อื งดนิ หนา 5 แบบทดสอบกอนเรยี น เร่อื ง ดิน คําชแ้ี จง ใหนกั เรียนเลือกคาํ ตอบที่ถูกท่ีสุดเขียนลงในกระดาษคําตอบ (10 ขอ 10 คะแนน) 1. กระบวนการเกดิ ดนิ เกดิ จากกระบวนการในขอ ใด ก. การยกตัวของแผนเปลอื กโลก ข. การทาํ ปฏิกิริยาของธาตแุ ละสารประกอบ ค. การทรดุ ตัวของแผน เปลือกโลก ง. การสลายตวั ของอนนิ ทรยี วตั ถแุ ละอนิ ทรียว ัตถุ 2. ขอ ความใดถูก ก. ดินช้นั บนมักมสี ารอนนิ ทรยี สะสมอยทู ี่ผิวดินมากทําใหดนิ มสี คี ล้าํ ข. ดนิ ชน้ั บนมักมีสารอนิ ทรยี สะสมอยทู ผี่ ิวดินมากทาํ ใหด นิ มสี ีคลาํ้ ค. ดินช้นั ลางมักมีสารอนนิ ทรียส ะสมอยมู ากทําใหดินชนั้ ลางมีสคี ลํ้า ง. ดินชนั้ ลาง มกั มสี ารอนิ ทรยี สะสมอยมู ากทําใหดินชั้นลา งมสี ีคลา้ํ 3. ฮิวมสั ซง่ึ เปนอาหารของพืชเกดิ จากส่งิ ใด ก. การเนาเปอยของซากพชื ที่มสี ีเขียว ข. การเนา เปอ ยของซากสตั ว มีสีนา้ํ ตาล ค. การเนาเปอยของซากพืชซากสตั ว มีสขี าว ง. การเนา เปอ ยของซากพชื ซากสตั ว มสี ดี าํ 4. จากการทดสอบ pH ของดิน 3 ชนิด พบวาดิน A คา pH = 9 ดิน B คา pH = 7 ดิน C คา pH = 6 ขอทถี่ ูกตอง คอื ก. ดนิ ทั้ง 3 ชนดิ เปนเบส ข. ดิน A เปนกรด ดนิ B เปนเบส ดนิ C เปนกลาง ค. ดิน A เปน เบส ดนิ B เปนกลาง ดนิ C เปนกรด ง. ดนิ A กบั ดิน C เปนเบสมากกวาดิน B 5. พืชชนิดใดทป่ี ลูกแลวจะทําใหธาตุไนโตรเจนสงู ขน้ึ ก. พชื ตระกลู สม ข. พชื ตระกลู กหุ ลาบ ค. พืชตระกลู ถั่ว ง. พืชตระกลู บอน 6. เม่ือภูมบิ ดนิ ทร ขุดตน ไมท่ีเจรญิ เติบโตอยา งดีในบา นของประภสั สร มาปลกู ทบี่ านของตน ปรากฏวา ตนไม ตนนั้นไมเ จริญเตบิ โตงดงามเทาท่คี วร นักเรยี นคิดวานา จะเปน เพราะเหตุใด ก. ทบ่ี านภูมบิ ดนิ ทรแ สงสวางมีนอ ย รม เงามีมากทาํ ใหต นไมร บั แสงไดไ มเต็มท่ี ข. ทบ่ี า นประภัสสรดินมีคา pH เหมาะกับตนไมชนดิ น้นั มากกวาดินทีบ่ า นภมู ิบดนิ ทร ค. ท่ีบา นภมู ิดนิ ทรมีแมลงศตั รูพชื รบกวนตนไมมากกวา ท่บี านประภัสสร ง. อาจเปน ไปไดท้ังขอ ก, ข และ ค
ชุดที่ 3 เรอ่ื งดนิ หนา 6 7. เหตุท่ฝี นตกแลว ทําใหเ กดิ การชะลา งพังทลายของดนิ คือ ก. ฝนตกลงมากระทบตนไม กลายเปน แหลงรวมกระแสน้าํ ทาํ ใหดนิ ทลาย ข. ฝนตกลงมารวมตวั กนั ได เพราะมพี ืชคลุมดินกันนาํ้ ทาํ ใหเ กิดเปนลาํ ธารชะลา งดินใหพงั ทลาย ค. ฝนตกลงมากัดชะดนิ ท่ปี ราศจากพชื ปกคลุม พรอ มกันน้ันเกิดการรวมตวั เปนสายธารเลก็ ๆ ท่เี ร่ิม กดั ชะดินมากขึ้น ง. ฝนตกลงมามคี วามรุนแรงเนอื่ งจากแรงโนมถวงของโลก ทําใหเ กิดการชะลา งดนิ ใหพงั ทลาย 8. การทาํ สวนบนเนินหรือไหลเ ขาท่มี ีความลาดเอียงควรจะ ก. ไถเปนรอ งจากที่สูงลงไปที่ต่าํ ฝนจะไดไหลไปตามรอง ไมเกิดการชะกรอน ข. การปลูกพืชตามแนวระดบั ใชว ิธกี ารไถพรวน หวา น ปลกู และเกบ็ เกี่ยวพืชขนานไปตามแนว ระดับเดยี วกนั ขวางทางลาดเอียงของพืน้ ที่ ค. การปลุกพชื แบบขั้นบันได ใชวธิ กี ารสรา งคันดิน หรอื แนวหินขวางความลาดเอียงของพนื้ ท่ี แลว ปลกู พชื บนข้ันบนั ได ง. ขอ ข และ ค ถูก 9. การปลูกพชื หมนุ เวยี น หมายถึง ก. การปลูกพชื ชนดิ เดียวกนั เปนการปลกู ตอเนอื่ งหลังจากเก็บเกย่ี วรุนแรกแลว เพ่ือไมใหพ้นื ดินอยู วาง ข. การปลูกพชื ตา งชนิด หลังจากปลูกพชื ชนดิ แรกเกบ็ เก่ยี วเสรจ็ แลวปลกู พชื ชนดิ อื่นตอ ค. การปลูกพืชตา งชนิดกนั หลงั จากปลูกพืชชนดิ แรกเกบ็ เกยี่ วเสร็จแลว ทิง้ ไวอ ีก 1 ป เพอื่ ใหดิน ปรบั ตวั ตามธรรมชาติ แลวจึงปลกู พืชชนิดอืน่ ง. การปลกู พืชชนิดเดียวกนั แตเ วนใหด ินไดปรบั ตัวตามธรรมชาติแลว 1 ป จึงปลูกตอไป 10. เหตใุ ดปลูกพืชจึงตองพรวนดิน ก. หากไมพ รวนดนิ แลว รากพืชจะไมมที างหย่ังรากลงพ้ืนดินระดบั ลึกได ข. หากไมพรวนดินแลว ดนิ จะรวนซยุ มากเกนิ ไป ไมม ที างใหรากยดึ ดนิ ได ค. การพรวนดนิ เปนการชวยทําใหด นิ รว มซุยน้าํ และอากาศสามารถผานชองวางขนาดใหญไดดีกวา ชองวา งขนาดเล็ก ง. การพรวนดนิ เปน การชว ยทําใหด นิ รวนซยุ นํา้ และอากาศสามารถผานชอ งวา งขนาดเลก็ ไดด กี วา ชอ งวา งขนาดใหญ
ชดุ ท่ี 3 เรอ่ื งดิน หนา 7 กระดาษคําตอบกอนเรียน เร่ือง ดิน ขอท่ี คําตอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 รวมคะแนน ลงชือ่ ...........................................ผตู รวจ
ชดุ ท่ี 3 เรอื่ งดิน หนา 8 กจิ กรรมกระตนุ การคิด (เวลา 10 นาท)ี ทีม่ า : https://sharehi.wordpress.com/2013/05/21/youth-for-sustainability/ จากภาพ นักเรียนสงั เกตเห็นสง่ิ ใดบาง และนักเรยี นมคี วามรสู ึกอยา งไรกับภาพ ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................
ชดุ ที่ 3 เร่ืองดิน หนา 9 กจิ กรรมคน ควาหาคําตอบ (เวลา 40 นาท)ี บัตรเน้อื หาที่ 1 เรอ่ื ง กระบวนการเกิดดิน และลกั ษณะหนา ตดั ดิน กระบวนการเกดิ ดนิ และลักษณะหนา ตัดดิน ดิน (soil) จัดเปนทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีประโยชนและมีความสําคัญตอส่ิงมีชีวิตอยางย่ิง โดยเฉพาะมนุษยซ่ึงไดอาศัยดินในการสรางที่อยูอาศัย ทําการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว เพอื่ ใหไดอาหารและ เกิดปจจัยสําคัญอ่ืนๆ อีก เชน เครอื่ งนุงหม ยารักษาโรค เปนตน นับเปนหนึ่งในปจจัยท่ีสําคัญตอการ ดํารงชีวิตของมนุษยทั้งทางตรงและทางออมพืช และสัตวสวนใหญจะใชดินเปนแหลงในการดํารงชีวิต ถา ปราศจากดนิ แลว สิ่งมชี วี ติ หลายๆ ชนิดจะไมสามารถดํารงชีวติ อยไู ด กระบวนการเกิดดิน การเปล่ียนแปลงและสลายตวั ของสสารตน กําเนิดดิน ซึง่ มีลาํ ดบั ขั้นตอนดังน้ี ขน้ั ท่ี 1 การผุพังอยกู ับทีเ่ ปนสาเหตุทําใหช น้ั หนิ แตกเปน หนิ กอนใหญ หินช้นั น้ีเมอื่ ถกู แสงแดดและ ฝนก็จะแตกหกั และผพุ งั เพ่มิ ขนึ้ กลายเปนหินชนิ้ เล็กๆ ตอไป ขัน้ ที่ 2 พืชจะเจริญงอกงามตามบริเวณรอยแตกของหนิ แมลงเล็กๆ และสตั วอ่นื จะเขามาอาศยั ตามบริเวณรอยแตก เม่ือพืชและสตั วตายจะสลายตวั กลายเปนฮิวมัส ข้นั ที่ 3 สัตวเล็กๆ ในดนิ จะเคล่อื นทไี่ ปมา ทําใหฮ ิวมสั ผสมกับเศษหนิ และแรก ลายเปน ดนิ ทสี่ มบูรณ เรียกวา ดนิ ชนั้ บน ภาพที่ 1 แสดงกระบวนการเกดิ ดนิ ทม่ี า : http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31389
ชดุ ที่ 3 เร่อื งดิน หนา 10 ลักษณะของดินจะแตกตางกันตามลักษณะของธรณีสัณฐาน ซึ่งดินในระดับความลึกตางๆ ก็จะมี ลกั ษณะตา งกนั เมอื่ มองตามความลกึ ลงไปในแนวด่ิง จะเหน็ ไดว า ดินมีการทับถมกนั เปน ช้นั ๆ โดยแตล ะชน้ั จะ แสดงใหเห็นความแตกตางของสวนประกอบที่มีอยูภายในดิน เชน สีดิน เน้ือดิน ชนิดของวัสดุหรือส่ิงท่ี ปะปนอยใู นดิน เปน ตน ลกั ษณะหนาตดั ของดิน นักวิทยาศาสตรท างดินหรือนกั ปฐพีวิทยา เรียกผวิ ดานขางของหลุมดนิ ท่ตี ดั ลงไปจากผวิ หนาดนิ ตาม แนวด่งิ ซงึ่ จะปรากฏใหเหน็ ช้ันตา งๆ ภายในดินนีเ้ รียกวา หนาตดั ดนิ และเรียกชั้นตางๆ ในดินที่วางตวั ขนาน กบั ผวิ หนาดนิ วา ชนั้ ดิน ซึง่ แบงออกเปน 4 ชั้น ดังน้ี ภาพท่ี 2 แสดงลักษณะของชั้นดิน ทม่ี า : https://sites.google.com/a/padad.ac.th/502-klum-6/phaenphang-nga-nbu-rna-kar/chan- din-kxn-laea-hlang-kar-keid-phaen-din-hiw ชนั้ ของอนิ ทรียวัตถุ คือช้นั O จะอยตู อนบนสุดของรูปดานขา งของดิน โดยจะประกอบดว ย อนิ ทรยี วัตถุเปนสว นใหญ ซ่งึ จะทาํ ใหด นิ ชนั้ น้ีมีสีคอนขา งดาํ ประกอบดวยซากพชื และซากสตั ว ท้ังทีผ่ ุพังไป แลวและยังไมผ ุพงั ดนิ โดยท่ัวไปจะมชี ั้นนี้บางมาก ชั้นดนิ A เปน ชั้นดินแรธาตุทีอ่ ยูบ นสดุ ของรูปดานขา ง มอี นิ ทรียผ สมคลกุ เคลา อยมู ากกวาช้นั ดินอนื่ ช้นั ดนิ O และชน้ั A รวมเรียกวา ดนิ ชัน้ บน ช้ันดิน B เปน ดนิ ช้ันลางท่ีสะสมสวนทถ่ี ูกชะลา งมาจากชนั้ ดนิ A และมักจะมีความหนามากกวาชั้น อนื่ ๆ ชน้ั ดิน C เปน ช้นั ของวตั ถุตนกาํ เนิดดิน ซงึ่ ประกอบดวยสวนที่สลายตวั แตกหกั ผุกรอนของหนิ และแร ชน้ั หนิ R เปน ช้นั หนิ แข็งท่ีอยใู ตช น้ั ดนิ C
ชุดท่ี 3 เรอื่ งดิน หนา 11 สว นประกอบของดิน ดินดีไมไดห มายถงึ ดนิ ท่ีมีธาตุอาหารอุดมสมบูรณเ ทา น้นั แตจะตองมีสวนประกอบ อน่ื ๆ ท่เี หมาะสม ตอ การเจริญเติบโตของพชื ดวย โดยทั่วไปดนิ ทมี่ ีความเหมาะสมตอการ ปลูกพืช จะมีสวนประกอบของเนือ้ ดิน เปนของแข็ง 50% และอีก 50% เปนชองวางระหวางเม็ดดิน สวนที่เปนของแข็งน้ันจะประกอบไปดวย อนินทรยี ว ัตถุ คือ สวนทเ่ี ปนแรธ าตุตาง ๆ 45% และอนิ ทรียวัตถุ ท่ีเกิดจากการผุพงั ของซากพชื ซากสัตว 5% สว นท่เี ปน ชองวา งในดินอกี คร่งึ หน่ึงน้นั ประกอบดวยนํา้ และอากาศในปรมิ าณ 25% เทากัน อินทรยี วัตถุ 5% นา้ํ 25 % แรธ าตตุ า ง ๆ 45% อากาศ 25% ภาพที่ 3 แสดงสวนประกอบของดินที่เหมาะสมตอการปลูกพชื สวนประกอบของดิน ดงั ตอไปนี้ 1. สวนท่ีเปนแรธาตุหรืออนินทรียวัตถุ (Minerals) เปนสว นท่มี ีมากท่สี ุด คอื รอยละ 45 เกิดจาก การสลายตัวผุพังของหินและแรธาตุตาง ๆ กลายเปนอนุภาคขนาดตาง ๆ กัน ทําใหดินในแตละแหงมี คณุ สมบตั ติ า งกันไป แรธ าตหุ ลายชนิดในดนิ เปน ธาตุอาหารท่จี าํ เปน ตอการ เจริญเติบโตของพืช 2. อินทรียวัตถุ (Organic matter) เกิดจากการผุพังสลายตัวของซากพืช ซากสัตว ที่ทับถมกัน อยูในดิน ถึงแมจ ะมอี ยูเพียง 5% แตก ็มคี วามสําคัญ เพราะเปน แหลง อาหารพืช และจลุ ินทรียด ินชวยใหดิน มโี ครงสรา งท่โี ปรง รวนซุย ระบายน้ํา ระบายอากาศไดด ี และยังชวยดินดูดซบั น้ําและอาหารพชื ไดดขี ้นึ 3. นาํ้ (Water) นํ้าในดินสวนใหญไดม ากจากนา้ํ ฝนซ่ึงซมึ แทรกอยูในชองวางระหวางเมด็ ดิน น้าํ ใน ดินจะชวยละลายธาตุอาหารในดินใหอยูในรูปของสารละลายที่รากพืชสามารถดูดขึน้ ไปใชประโยชนได เปน สวนประกอบของเนื้อเยื่อในสวนตาง ๆ ของพืช ทําใหพืชทรงตัวอยูไดและเปนองคประกอบสาํ คัญที่พืชใชใน กระบวนการสงั เคราะหแสง 4. อากาศ (Air) อากาศในดิน ไดแ ก กาซตาง ๆ เชน ไนโตรเจน ออกซเิ จน คารบอนไดออกไซด เปนตน รากพชื ใชออกซิเจนในการหายใจ เพอ่ื ใหไดพลงั งานนํามาใชในการดดู น้ําและแรธาตตุ าง ๆ นอกจากน้ี อากาศในดินยงั จาํ เปน ตอ การหายใจของจลุ นิ ทรีย ในดนิ อีกดวย นอกจากดินจะมีองคประกอบทั้ง 4 สวน ดังกลาวมาแลว ดินยังเปนท่ีอยูอาศัยของ ส่ิงมีชีวิตอีก หลายชนิด เชน แมลง ไสเดือน เชื้อรา บัคเตรี เปนตน สิ่งมีชีวิตเหลาน้ี บางชนิดชวยยอยสลาย สารอนิ ทรยี ใ นดิน บางชนิดชวยทําใหโครงสรางของดินดี บางชนิด ชวยเปลีย่ นแรธ าตุในดินใหอ ยูในรูปท่ีพืชใช ประโยชนได แตบ างชนดิ ก็เปน สาเหตุสําคัญที่ทําใหเกดิ โรคพชื ไดเ ชนกัน
ชุดที่ 3 เร่ืองดนิ หนา 12 บัตรใบงานที่ 1 เร่ือง กระบวนการเกดิ ดนิ และลักษณะชัน้ หนาตัดดิน คาํ ชีแ้ จง ใหนกั เรยี นทาํ บตั รใบงานที่ 1 เร่อื งกระบวนการเกิดดนิ และลักษณะดนิ ช้ันหนา ตดั ดิน (10 คะแนน) 1. ใหนักเรยี นเตมิ คาํ ท่กี ําหนดใหลงในชองวา งใหถกู ตอง (2 คะแนน) อนิ ทรียวตั ถุ หินและแร การสลายตวั กระบวนสลายตัว การทบั ถมของสว นที่ กระบวนการ สลายตัวผุพังเกดิ เปน สรางดนิ กระบวนการ วตั ถุตนกาํ เนดิ ดิน ทาํ ลาย ดนิ 2. ใหนักเรียนเติมคาํ ลงในชอ งวา งใหถ กู ตองสมบูรณ (4 คะแนน) ชนั้ O คือ.................................................................... มีลักษณะ...................................................................... ...................................................................................... ชนั้ A คือ.................................................................... มีลกั ษณะ...................................................................... ...................................................................................... ชัน้ B คือ.................................................................... มีลักษณะ...................................................................... ...................................................................................... ชั้น C คือ.................................................................... มีลกั ษณะ...................................................................... ......................................................................................
ชุดที่ 3 เรื่องดิน หนา 13 3. ใหน ักเรียนพิจารณาแผนภาพวงกลมแสดงสวนประกอบของดนิ แลวตอบคาํ ถาม (4 คะแนน) 4 3 1 2 3.1 หมายเลขใดท่ีทาํ ใหด ินแตละแหงแตกตางกัน ตอบ...................................................................................................................................................................... 3.2 หมายเลขใดที่เกดิ จากการผุพังของซากพืชซากสัตว ตอบ...................................................................................................................................................................... 3.3 วัตถตุ นกําเนดิ ดิน และฮิวมสั เปนหมายเลขใดตามลาํ ดบั ตอบ...................................................................................................................................................................... 3.4 จากภาพ หมายเลข 1,2,3 และ 4 เปนสวนประกอบดนิ ไดแ กอ ะไรบางเรยี งตามลําดับ ตอบ......................................................................................................................................................................
ชดุ ที่ 3 เรอื่ งดนิ หนา 14 กจิ กรรมทดสอบ ตอบปญ หา (เวลา 60 นาท)ี บัตรกจิ กรรมที่ 1 เร่ือง ลกั ษณะของดนิ ชั้นบนและดนิ ชั้นลา ง คาํ ช้แี จง ใหน กั เรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามบตั รกจิ กรรม บนั ทกึ ผลการทดลอง วเิ คราะหผลและสรปุ ผลการทาํ กิจกรรมเกี่ยวกบั ลกั ษณะและสมบัตขิ องดนิ (10 คะแนน) วสั ดุ - อุปกรณ 1. บีกเกอรข นาด 500 ml จํานวน 2 ใบ 2. เสยี มขุดดนิ จํานวน 1 ดาม 3. แทงแกวคนสาร จาํ นวน 1 แทง 4. นํ้ากลั่น จาํ นวน 1 ขวด 5. กระดาษขาว จํานวน 2 แผน 6. ไมบรรทดั จํานวน 1 อัน ขัน้ ตอนการทดลอง 1. ใหนักเรยี นแบงกลุมๆ ละ 4-5 คน 2. แตล ะกลุม ชว ยกนั ขุดดนิ ในบรเิ วณหนึ่งใหล ึกไมเกนิ 20 cm นาํ ดินท่ขี ุดไปใสบ ีกเกอรใบที่ 1 แลว ทําการขดุ ตอไปในที่เดมิ ใหลึกลงไปมากกวา 20 cm แลว นาํ ดินไปใสในบีกเกอรใบที่ 2 3. สงั เกตลักษณะดนิ ทั้ง 2 บีกเกอร โดยใหนักเรียนเปรียบเทยี บลักษณะตางๆ ของดินในบีกเกอร ใบท่ี 1 และใบท่ี 2 แลว บันทกึ ผลการทดลอง 4. เทนาํ้ ลงในบกี เกอรท ่ี 1 และใบที่ 2 จนเกอื บเตม็ คนใหด ินละลายแลวท้งิ ไวใหตกตะกอน 5. เทนํา้ ในบีกเกอรทัง้ 2 ใบออก แลว เทตะกอนลงบนกระดาษขาว สังเกตสงิ่ มีชีวิต ลักษณะของ กรวดและหนิ ในดนิ ทงั้ สองบีกเกอร บนั ทกึ ผลการทดลอง
ชดุ ที่ 3 เรอื่ งดิน หนา 15 บัตรบันทกึ กจิ กรรมท่ี 1 เรอื่ ง ลกั ษณะของดินชั้นบนและดินช้นั ลา ง สมาชิกในกลุม 1…………………………………………………………………ประธาน 2…………………………………………………………………รองประธาน 3………………………………………………………………… 4………………………………………………………………… 5………………………………………………………………… 6…………………………………………………………………เลขา กจิ กรรมเรื่อง .............................................................................................................................................. จดุ ประสงค ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. ปญ หา ............................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................. สมมติฐาน .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. บันทึกผลการทดลอง ลักษณะทั่วไป ส่ิงมชี วี ิต ลักษณะของ ดิน สดี ิน เนื้อดิน ตะกอน บีกเกอรท่ี 1 ดินทค่ี วามลกึ ไม เกนิ 20 cm บีกเกอรท ่ี 2 ดินที่ความลกึ มา กวาเกนิ 20 cm สรปุ ผลการทดลอง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
ชดุ ที่ 3 เร่อื งดิน หนา 16 คําถามหลังกิจกรรมการทดลอง 1. ลักษณะการตกตะกอนของดินในถว ยพลาสตกิ ใบท่ี 1 และ 2 มีความแตกตา งกันอยางไร ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 2. เมอื่ พจิ ารณาส่ิงท่ีเหลอื คา งอยูบ นผา ขาวบางของดนิ ท้งั 2 ระดับพบวามีความแตกตางกันหรือไม อยางไร ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 3. สรุปผลการทดลองนไี้ ดว าอยา งไร ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 4. ดินในบีกเกอรใดเหมาะสมแกการปลูกพืชมากกวา เพราะเหตใุ ด .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
ชุดที่ 3 เรื่องดิน หนา 17 กิจกรรมตรวจสอบ เช่อื มโยงความรู (เวลา 40 นาที) บัตรเนื้อหาท่ี 2 เรอื่ ง คุณสมบตั แิ ละการปรับปรงุ คุณภาพของดิน คณุ สมบัติ และการปรับปรุงคณุ ภาพของดิน คณุ สมบัติของดิน คณุ สมบัติทางกายภาพ 1. เนื้อดิน หมายถึง ความหมายหรอื ความละเอียดของเนื้อดิน โดยพิจารณาจากขนาดของช้ินสวน อนินทรียสารที่ประกอบขึ้นเปนเนื้อดิน เปนคุณสมบัติที่มีผลตอการปลูกพืชอยางมาก เพราะพืชแตละชนิด ชอบดนิ ทม่ี เี นอ้ื ตางกันไป เนอ้ื ดินแบงออกไดเปน 3 ลักษณะใหญ ๆ คอื 1) เน้ือดินหยาบหรือดินทราย ดินกลุมน้ีจะมีอนุภาคของดินสวนที่เปนของแข็งจะมีขนาด ใหญ ชองวางระหวางเม็ดดินกวา ง ทาํ ใหเน้อื ดินหยาบ ไมค อยเกาะยึดกัน กักเกบ็ นํ้าไดน อย นํ้าซมึ ผานเรว็ มี ธาตุอาหารตํ่าเพราะถูกชะลางออกจากดินไดงาย ดินในกลุมน้ีมักมีความอุดมสมบูรณนอยมาก สวนใหญใช ปลูกพชื หวั เชน มนั สําปะหลงั เพราะสามารถเกบ็ เก่ยี วไดงา ย 2) เน้ือดนิ ละเอยี ดหรอื ดนิ เหนียว ดนิ ในกลมุ นีช้ องวา งระหวางเมด็ ดินมขี นาดเล็กมาก ทําให เนื้อดินละเอียด สามารถอุมน้ําและธาตุอาหารพืชไวไ ดมากแตก ารระบายน้ําและอากาศไมดี เมือ่ ดินเปยกช้ืน จะเหนียว เมื่อแหงจะแข็ง ทําใหย ากตอการไถพรวน เหมาะสาํ หรับปลกู พืชท่ีตองการนํ้าขงั เชน ขาว เปน ตน 3) เนื้อดินปานกลางหรือดินรวน ดินกลุมน้ีมีเน้ือดินหยาบและเนื้อดินละเอียดผสมอยูใน อตั ราเทา ๆ กันทําใหเน้ือดินปานกลาง มีการอุมนํ้าไวไดมากพอควร การระบายน้ําและอากาศเหมาะสมกบั การปลูกพชื การไถพรวนก็ทําใหส ะดวก จึงจัดเปนดิน ทีเ่ หมาะตอการปลกู พืชมากท่ีสุด ภาพท่ี 4 แสดงลกั ษณะของเนอ้ื ดนิ ทม่ี า : https://sites.google.com/site/sciencekids02/home/din
ชุดที่ 3 เรื่องดนิ หนา 18 2. โครงสรางของดิน หมายถึง ลักษณะการเกาะตัวหรือการจับกันของอนุภาคขนาดเล็กของดิน กอนดินนั้นจะแตกเปนดินกอนเลก็ ซึ่งมีรูปรางแตกตางกัน ลักษณะรูปรางท่ตี างกนั ของดินเหลา นี้เราเรียกวา โครงสรางของดิน ดินในประเทศไทยสว นใหญจะมีโครงสรา งแบบรูปเหลี่ยม รปู ทรงกลมและโครงสรางคลาย แผนกระดาษหรือรูปแผนโครงสรางของดินมีผลกระทบตอการเจริญเติบโตของพืชเปนอยางมาก ดินท่ีมี โครงสรางดี ควรจะเปน รปู ทรงกลม โครงสรา งดนิ ที่ทําใหพืชเจรญิ นอยที่สุดคอื รูปแผน ภาพท่ี 5 แสดงโครงสรา งดินแบบตา งๆ ทีม่ า : https://sites.google.com/site/oatcnine9990/khorng 3. ชองวางในดิน จะเก่ียวของกับลักษณะโครงสรางของดิน เปนท่ีเก็บกักน้ํา และอากาศในดิน โครงสรางของดินแบบทรงกลมจะมีชองวางมากกวาแบบอืน่ ๆ นอกจากน้ีชองวางจะเปนแบบตอเนื่อง ไมเ หมือน รูปเหล่ียม ซ่ึงบางชองใหญมากแตไมตอเน่ือง สวนแบบรูปแผนชองวางจะมีนอยมาก ชองวา งของดนิ เหลานี้ จะเปนที่อยูของนํ้าและอากาศในดิน น้ํามีความสําคัญตอพืชมาก เพราะจะทําใหพืชเจริญเติบโตมีชีวิตอยูได นอกจากน้ียังชวยละลายธาตุอาหารพชื ในดนิ เพื่อใหพชื ดูดไปใชไดอกี ดวย ฉะน้ันถา ดินมีโครงสรา งแบบแผน พืชจะขาดนํ้าและอากาศ ที่ใชหายใจ สวนรูปเหลีย่ มพืชเจรญิ เติบโตไดแ ตไมดีเทาแบบทรงกลม อยางไรกต็ าม เราสามารถปรับปรุงโครงสรางของดินเหลาน้ีใหเหมาะสมตอการเจริญเติบโตของพชื ได โดยการใสสวนที่เกิด จากการเนา เปอยผพุ ังของเศษพชื ผสมคลุกเคลา ลงไปในดนิ
ชดุ ที่ 3 เรือ่ งดิน หนา 19 คุณสมบัติทางเคมี คณุ สมบัติทางเคมขี องดิน เปนคุณสมบัติอยางหน่ึงของดินทเี่ ก่ียวขอ งกบั ปฏิกิรยิ าเคมี ทเี่ กิดขึ้นภายใน ดิน มีความสลับซับซอนมาก ไมส ามารถมองเห็นดว ยตาเปลา ตองใชเครอ่ื งมือเฉพาะเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติทาง เคมีของดนิ ที่เก่ยี วกบั การปลูกพืชที่นักเรียนควรรูจกั และศกึ ษา คือ ความเปนกรดเปน ดา งของดนิ (คา ปฏกิ ริ ยิ า ดนิ ) หรือโดยทว่ั ไปเรียกวา คา pH ของดนิ ความเปนกรดเปนดางของดินไมมผี ลโดยตรงตอการเจริญเติบโตของพืช แตจะมีผลทางออม คือเปน ตัวควบคมุ การละลายของธาตุอาหารพืช ใหอยใู นรปู ท่พี ืชสามารถดูดไปใชได รวมท้ังควบคุมการละลายของ สารอ่ืนท่ีอาจเปนพิษตอพืชดวย กลาวคือ ถา ดินเปนกรดมาก ธาตุอาหารบางชนิด เชน เหล็ก แมงกานีส สังกะสี จะละลายออกมามาก ถาดินเปน ดาง ธาตุโบรอนและโมลิบดีนับจะละลายมาก อยางไรก็ตามการ ที่ดินเปน กรดหรอื ดางมากเกินไป จะมีผลกระทบตอการปลูกพชื ทั่วไป เพราะธาตุอาหารบางตัวจะละลายมาก จนเปน พษิ ตอ พืช และธาตอุ าหารบางตัวอาจไมล ะลายจนพชื แสดงอาการขาดธาตุเหลานัน้ นอกจากนี้ความเปน กรดเปนดางของดินยังมีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและการทํางานของจุลลินทรียในดินเปนอยางมาก เชน บัคเตรที ่ีเจริญเติบโตไดดีในดินท่ีคอนขา งเปนกลาง เช้ือราเจริญเติบโตดีในดินท่ีคอนขา งเปนกรด เปนตน ซง่ึ จลุ ินทรียเ หลาน้มี ีความสําคัญตอ ขบวนการเปล่ียนแปลงธาตอุ าหาร พชื หลายชนดิ ในดนิ พืชแตละชนิดจะเจริญเตบิ โตในดินที่มีความเปนกรดเปนดางไมเทา กนั โดยท่ัวไปพืชจะเจรญิ ไดในดิน ท่ีมีชวง pH 3.0 – 8.0 แตจ ะข้ึนไดดีระหวา ง pH 5.5 – 7.0 คา pH ที่ต่ําคือ มีคาประมาณ 3.0 – 6.0 ถอื วาเปนกรด คา pH เทา กับ 7.0 เปนกลาง ถา pH มากกวา 7.0 เปนดาง ถา pH ตาํ่ มากก็เปนกรดมาก ถาสูงกวา 7 มากกเ็ ปน ดางมาก พืชทว่ั ๆ ไปชอบดินท่ีเปนกลางหรอื กรดออนมี pH ตั้งแต 5.5 ถงึ 7.0 ทง้ั น้ี ขึ้นอยูกบั ชนดิ ของพชื ดว ย ตารางที่ 1 ตารางแสดงความเปนกรดเปนดางของดนิ ท่ีมีผลตอพืช คา pH ผลทเ่ี กิดกบั พชื 3.0 – 6.0 ดินเปนกรด พืชเจริญเติบโตไมไ ด 5.5 – 7.0 พืชเจริญเตบิ โตไดดี 7.0 ดินเปน กลาง เหมาะตอ การปลกู พชื สูงกวา 7.0 ขนึ้ ไป ดนิ เปน ดาง พชื เจริญเติบโตไมดี การวดั คา pH ของดิน สามารถทําไดโดยใชเครื่องมอื วัดดวยไฟฟา เรยี กวา pH Meter หรือใชชุด ตรวจสอบดว ยนํา้ ยาเปล่ยี นสี ทเี่ รียกวา pH Test Kit ประเภทของดิน ประเภทของดินทางการเกษตรจดั แบงตามสภาพคณุ สมบตั ทิ แ่ี ตกตา งกนั ของของดนิ ไดดงั ตอไปน้ี 1. ดินเหนียว คือ ดินที่มีอนุภาคดินเน้ือละเอียดอยูมากกวา 50% เม็ดดินจับตัวกันอยางเหนียว แนน มีชอ งวา งระหวางเมด็ ดินนอย สามารถอมุ นํา้ ไดดี นํา้ ซึมผานไดย าก เหมาะกับพืชที่ชอบความชืน้ สงู 2. ดินทรายรว น มีเนื้อดนิ ละเอียดปนอยู 10% – 20% นอกนนั้ เปน ดนิ เนอื้ หยาบ
ชดุ ท่ี 3 เรือ่ งดิน หนา 20 3. ดนิ รวนทราย มเี นือ้ ดนิ ละเอยี ดปนอยู 20% – 30% นอกน้ันเปน ดนิ เนอ้ื หยาบ 4. ดินรวน มีเน้ือดินละเอียดปนอยูรอยละ 30 – 50 ที่เหลอื เปนดินเนื้อหยาบ หรือ ดินตะกอน ปนอยู 5. ดินทราย คือ ดนิ ทมี่ ที รายปนอยูมากกวา 70% ทําใหเ นื้อดินหยาบ เม็ดดินไมเกาะกนั ระบายน้ํา ไดดมี าก แตไมส ามารถเกบ็ นาํ้ และปุยไวไดนาน ๆ 6. ดินปูน คือ ดินที่มีธาตุแคลเซียมอยูประมาณ 20% หรือมากกวา ดินชนิดน้ีอาจเปนดิน เหนียว ดนิ รวนหรอื ดนิ ทรายก็ได 7. ดนิ กรด คอื ดินท่ีมี pH ตํ่ากวา 7.0 ดินมักจะมีรสเปรี้ยว พบมากในแถบท่ีมีฝนตกชุกหรือแอง นา้ํ ไหล บางครั้งเรียกวา ดนิ เปรีย้ ว 8. ดนิ อนิ ทรียวตั ถุ คือ ดินท่มี ีซากพืชซากสัตวปนอยูประมาณ 5% หรอื มากกวา พบมากตามปา ทึบ ตน แหลง นาํ้ หรือตามสนั ดอนทนี่ าํ้ พัดพาซากพืชมาทับถมนานเปนแรมป 9. ดินดาง คือ ดินท่ีมี pH สูงกวา 7.0 ในดินชนดิ น้ีจะพบธาตุโซเดียมสูง มีมากในเขตแหงแลง เชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื เปน ตน 10. ดินเกลือ หรือดินเค็ม เปนดินท่ีมีเกลือชนิดท่ีละลายไดปนอยูมาก ไดแก เกลือของโซเดียม และแคลเซียม โดยทั่วไปจะมีคา pH สูงกวา 7 แตไมเกิน 8.5 พบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ บริเวณชายฝง ทะเลภาคใตข องไทย ความสําคญั ของดนิ ดินเปน ทรพั ยากรธรรมชาติท่ีมีคุณประโยชนและความสาํ คัญตอมนษุ ยและพืช ดงั ตอ ไปนี้ 1. ความสําคัญของดินตอมนุษย ดินเปนแหลงผลติ พืชซึ่งมีความสําคัญตอส่ิงมีชีวิตบนโลก ทําใหเกิด ปจจัยสี่ท่ีมีความจําเปนตอการดํารงชีวิตของมนุษยเราไดอาศยั ดนิ ปลูกพืชทเี่ ปนอาหาร เปนวสั ดุกอสรางท่ีอยู อาศยั พืชเสนใยใชทาํ เคร่ืองนุงหมและพืชสมนุ ไพรใชเปนยารักษาโรค นอกจากน้ี ดินยังเปนปจจัยสําคัญใน การประกอบอาชีพ 2. ความสาํ คญั ของดินตอ พืช ดินเปนทรพั ยากรท่จี ําเปนตอ การเจรญิ เตบิ โตของพชื กลาวคอื 1) ดินเปนแหลง อาหารสําคญั ของพชื พืชท่ปี ลูกจะดูดธาตุอาหารจากดนิ นําไปใชป ระโยชน ในการสรางความเจรญิ เติบโต ทาํ ใหผลิดดอกออกผล 2) ดินเปนแหลงใหนํ้าใหความช้ืนในดินแกพืช รากพืชสามารถดึงดูดนํ้า และความช้ืนสงไป ยังสว นตาง ๆ ของตน ทําใหเซลลข องพืชเติบโต 3) ดินเปนแหลงใหอากาศแกพืช รากพืชใชอากาศในดินเพ่ือการหายใจ ดินท่ีมีการถา ยเท อากาศดี จะทําใหตนพืชมีพลังงานในการดดู นํ้าและธาตุอาหารไดมาก พืชจะเจริญเติบโต แข็งแรงและใหผ ล ผลติ สงู 4) ดินทําหนาทใ่ี หรากพชื ไดยึดเกาะ เพ่ือใหพชื ยืนตน ไดอยางมั่นคง แขง็ แรง ดินทรี่ ว นซุยมี ชนั้ ดินลึก รากพชื จะเติบโตซอนไช ยึดเกาะดิน ไมท ําใหลมหรือถอนโคนงา ย
ชุดท่ี 3 เรื่องดิน หนา 21 ดินดี คือดินที่มีความอุดมสมบูรณ เปนดินท่ีเหมาะแกการปลูกพืช จะชวยใหพืชเจริญงอกงามให ผลผลติ สูง เชน ดินในพ้ืนที่ภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งเกดิ จากการทับถมของตะกอนท่ีถูกนํ้าพัดดามาจาก ทางตอนเหนือ เปน ตน ปญ หาของดิน 1. ดินเปนกรดหรือดินเปร้ียว เกิดจากสภาพทางเคมีและชีวภาพของดินเปล่ียนแปลงไป โดยเกิด จากหลายสาเหตุ เชน ในดินมปี ริมาณอนมุ ูลของกรดเกลือเปนจาํ นวนมาก การใสป ุย เคมีบางชนดิ ในปริมาณ มากและมีระยะเวลายาวนานทําใหดินเปนกรดไมเหมาะสมสําหรับการเจริญเติบโตของพืช มีผลทําใหพืชที่ เพาะปลูกไมเจรญิ เติบโต ผลผลติ ลดลง 2. ดินฝาด เกิดจากการสะสมของอนุมูลเกลือพวกโซเดียมคารบอเนต หรือโซเดียมไฮโดรเจน คารบ อเนต ทาํ ใหดินมีหนิ ปูนเปนสวนประกอบอยูมาก ดนิ ฝาดเปนดินทไี่ มเหมาะสมตอการเจรญิ เติบโตของ พืช 3. ดินเค็ม เกดิ จากดินมสี วนประกอบของเกลือโซเดยี มคลอไรดอ ยูในปรมิ าณมาก ทําใหดินมีความ เขม ขน ของเกลือสูง ทาํ ใหเกิดดินเคม็ ขน้ึ ซึ่งเปนดนิ ท่ไี มเหมาะสมสําหรับการเพาะปลูกพืช เนอ่ื งจากพืชจะไม สามารถดดู น้ําที่อยใู นดินมาเลี้ยงลําตนได พชื จึงแหงเห่ยี วเฉาและใบไหม ทาํ ใหพืชไมเ จริญเตบิ โต 4. ดินท่ีขาดความอุดมสมบูรณหรือดินจืด เกิดจากเน้ือดินมีลักษณะเนื้อหยาบ ดูดซับน้ําและแร ธาตุไดนอยไมเหมาะสําหรับการเจริญเตบิ โตของพชื การชะลางพังทลายของดิน 1. การชะลา งพงั ทลายของดินตามธรรมชาติ เชน พน้ื ดนิ แตกระแหงเน่ืองจากลม พน้ื ดนิ รมิ ฝง นํา้ ถกู กดั เซาะเนื่องจากนาํ้ หนาดินถกู นํา้ ฝนพดั พาไป ภาพท่ี 6 แสดงการพังทลายของดินเนอ่ื งจากลม ภาพที่ 7 แสดงการพังทลายของดนิ เน่อื งจากนํ้ากัดเซาะ ท่มี า : http://www.thairath.co.th/member/login
ชุดท่ี 3 เร่อื งดิน หนา 22 ภาพที่ 8 แสดงการพงั ทลายของดนิ เนื่องจากฝน ที่มา : http://www.showded.com/rss/display.php?user=movies&jnId=153944&jucId= 2. การชะลางพงั ทลายดินโดยการกระทําของมนุษยแ ละสัตว เชน การหกั รา งถางปา การขดุ ถนน การขดุ เหมืองแร การระเบิดเขา การขุดท่ีอยูอ าศัยของสัตว ภาพที่ 9 แสดงการหกั รา งถางปา ที่มา : http://www.rd1677.com/branch.php?id=51856 ภาพที่ 10 แสดงสัตวขุดรูในพ้ืนดินทําทีอ่ ยูอาศยั ผลกระทบของการชะลางพงั ทลายของดินตอ ทีม่ า : http://www.trueplookpanya.com/ สง่ิ มชี วี ติ มดี ังนี้ true/knowledge_detail.php?mul_content_id=4 1. ดนิ ชน้ั บนซึง่ อดุ มสมบูรณด วยธาตุ อาหารของพืชถกู เคลือ่ นยา ย เปนผลกระทบตอ เกษตรกรรม 2. ดินเกิดเปนรองน้ํา 3. ดินถูกพดั พาไปตกตะกอนทาํ ใหแมน ํ้า และอา งเกบ็ นํ้าตื้นเขนิ และทําใหเกิดเปนสันดอน ขน้ึ เปนอุปสรรคตอการคมนาคมทางนาํ้ 4. ทาํ ใหเ กิดอุทกภยั รายแรง
ชดุ ที่ 3 เรอื่ งดนิ หนา 23 การปรับปรงุ คุณภาพดิน 1. ดนิ กรดหรอื ดินเปร้ียว ปรับปรุงคุณภาพดินโดยการเติมปูนขาวหรอื ดินมารล คลุกเคลาใหเ ขากับ ดินในปรมิ าณที่เหมาะสม 2. ดินฝาด สภาพดินฝาดเปนดินที่แกไขไดยาก แตสามารถแกไขไดโดยวิธกี ารเติมผงกํามะถันลงไป ในดิน 3. ดินเค็ม ปรับปรุงไดโดยใชน้ําจืดชะลางใหเกลือละลาย แลวระบายน้ําทิ้ง หรือเติมแคลเซียม ซลั เฟตหรอื ยิปซมั ลงไป 4. ดินท่ขี าดความอดุ มสมบูรณหรือดินจืด ปรบั ปรุงโดยการเติมสารอนิ ทรียลงไปในดนิ ในปริมาณที่ เหมาะสม และมีความสม่ําเสมอ ซงึ่ สารอนิ ทรยี จ ะชวยดูดซบั นํ้าและชวยเพ่ิมแรธาตุใหแ กด ิน ทําใหดินเกาะ ยึดกนั ได การอนรุ ักษแ ละพัฒนาทดี่ ิน การอนรุ ักษดิน หมายถึง การใชประโยชนจากดินอยา งชาญฉลาด ซ่ึงก็คือการใชประโยชนจากดิน ไดอยางเหมาะสม ถูกวิธี และถูกตอง ไมเปนการทําลายดินทั้งในดานกายภาพและคุณภาพ การอนุรักษด ิน สามารถทาํ ไดท ุกพ้ืนทแ่ี ละมวี ิธีการอนุรกั ษดินทหี่ ลากหลายวธิ ดี ังน้ี 1. การปลกู พชื คลมุ ดิน คอื การปลกู พชื เพ่ือคลมุ หนาดินดวยการปลูกพืชท่ีระบบรากลึกและหนาแนน เพือ่ ใหร ากของพชื ยดึ เกาะหนา ดิน ปองกันการชะลางพงั ทลายของหนาดิน 2. การปลูกพชื หมุนเวียน คือการปลูกพืชหลายชนดิ บนพ้ืนทเ่ี ดียวกนั หมนุ เวียนสับเปลี่ยนกนั ไป และ ควรปลกู พชื ตระกูลถั่วสลับกับการปลกู พชื ชนิดอ่ืน 3. การปลูกพชื ตามแนวระดับ คือการทาํ กิจกรรมที่เก่ียวกับการเพาะปลูก โดยมีการเพาะปลูกพืช ขนานกันไปตามแนวระดับ เพอ่ื ลดการพังทลายของหนาดนิ 4. การปลูกพืชตามข้นั บนั ได คอื การเพาะปลูกพชื ในพื้นที่ที่มีลกั ษณะเปนไหลเขา โดยทําคันดินขวาง ความลาดเอยี งของพ้ืนที่ แลวปลูกพชื บนชั้นบันได ซึ่งชวยลดความลาดเทของพ้ืนที่ และชวยชะลอความเร็ว ของนาํ้ เปน การปอ งกันการสญู เสยี หนาดิน และชวยใหด นิ เกบ็ ความชมุ ช้นื ไดม ากข้นึ 5. การเพม่ิ อนิ ทรียสารในดนิ คอื การคลุมดินดวยเศษหญา เศษพืช วัชพืช เพ่อื ใหดินสามารถเก็บ รักษะความชื้นในดิน รวมท้ังลดแรงปะทะ การกัดเซาะหนาดินจากน้ําฝน เพ่ือเปนการักษาหนาดินและแร ธาตตุ า งๆ ทีอ่ ยใู นดินได นอกจากนเี้ มอ่ื เศษวัชพืชตา งๆ เนา เปอยผุพังก็จะกลายเปน ปยุ แกพ ืช การใชปุยถกู วิธี และการไมใชสารเคมีและยาฆาแมลงท่ีมพี ิษดวยการพฒั นาที่ดิน เปน การชวยปองกันการชะลางพังทลายของ ดิน ซึ่งสามารถทาํ ไดหลายวิธี เชน การปลูกพืชหมนุ เวยี น การปลูกพชื คลมุ ดนิ การปลูกพชื แบบขั้นบันได ตามไหลเขาหรือเนนิ เขา การปราบปรามและตรวจสอบไมใหมกี ารตัดไมทาํ ลายปา เผาปา
ชุดท่ี 3 เรอ่ื งดนิ หนา 24 บัตรใบงานที่ 2 เรอื่ ง คุณสมบัตแิ ละการปรับปรุงคณุ ภาพของดนิ คําชแ้ี จง ใหน กั เรยี นทําบัตรใบงานที่ 2 คณุ สมบัติและการปรบั ปรงุ คุณภาพของดิน (10 คะแนน) 1. ใหน กั เรียนนาํ ตัวอักษรหนา ขอ ความดานขวามอื มาใสในชองวา งทางซา ยมือหนา ขอ ทสี่ มั พนั ธกนั ใหถกู ตอง (5 คะแนน) ...............1.1 ดินทีเ่ หมาะแกการปลกู พชื มากที่สดุ ก. เนื้อดนิ หยาบหรือดินทราย ...............1.2 เปนดินทมี่ ีชอ งวางระหวา งเม็ดดนิ เลก็ มาก ข. เนอ้ื ละเอียดหรือดินเหนยี ว ระบายนํ้าและอากาศไมดี ค. เนือ้ ดินปานกลางหรือดินรวน ...............1.3 ทําใหดินมคี า ph นอยกวา 7 ง. ดินท่ีมีโครงสรางทรงกลม ...............1.4 ลกั ษณะการเกาะตัวของอนุภาคดนิ ท่ีมผี ลทาํ ให จ. ดินทม่ี โี ครงสรางเปน รปู แบน พืชเจรญิ เตบิ โตนอ ยทสี่ ดุ ฉ. ชองวางหรือความพรนุ ของดนิ ...............1.5 เปน ท่ีอยขู องนํา้ และอากาศในดนิ ช. การใสปุยเคมี 2. ใหนกั เรยี นนําคําท่ีกาํ หนดใหเตมิ หนาขอความใหถ ูกตอ งสมบูรณ (5 คะแนน) ดินเหนียว ดินรว น ดนิ ปูน ดินกรด ดินอินทรยี วัตถุ ดินดา ง ดนิ เกลอื ................2.1 เปนดนิ ท่ีพบในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ และบรเิ วณชายฝงทะเลภาคใตของไทย ................2.2 เปนดนิ ที่พบมากตามปา ตน แหลง น้ํา หรือตามสันดอน ทนี่ ้าํ พัดพาซากพืชซากมาทับถมกัน ................2.3 เปนดินที่มีธาตแุ คลเซยี มอยปู ระมาณ 20% อาจเปน ดินเหนียว ดนิ รวน หรอื ดินทรายกไ็ ด ................2.4 ดินเปร้ียว ................2.5 เปน ดนิ ทีม่ ีธาตโุ ซเดียมสูง
ชดุ ท่ี 3 เร่อื งดนิ หนา 25 กิจกรรมทบทวน ชวนคนควา (เวลา 10 นาที) บตั รใบงานท่ี 3 เรื่อง ประโยชนและการปรับปรุงคุณภาพดนิ คําชแี้ จง ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมในบตั รใบงานที่ 3 เร่ืองประโยชนและการปรบั ปรุงคุณภาพดนิ (10 คะแนน) 1. ใหน กั เรยี นวิเคราะหขอ ความดานซา ยมอื แลวเตมิ ขอ ความในชองวางดานขวามือ (4 คะแนน) บริเวณ A ลักษณะดิน เปนดินรวน 1.1 ประโยชน. .......................................................... มสี ีคลา้ํ มีซากพืชซากสัตวปะปนอยู .................................................................................... มาก .................................................................................... .................................................................................... ทองถนิ่ A ดินมีสภาพเปนกรด 1.2 คาํ แนะนาํ .......................................................... (ดนิ เปรี้ยว) ขาดแรธาตุ .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... บริเวณ B ลักษณะดิน เปนดิน 1.3 ประโยชน............................................................ เหนยี วมีเนอ้ื ละเอยี ด .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ทอ งถ่ิน B ดนิ มีสภาพเปนเบส 1.4 คําแนะนาํ ........................................................... (ดนิ เคม็ ) ดินอุมน้ําไดด ี .................................................................................... .................................................................................... ....................................................................................
ชดุ ท่ี 3 เร่อื งดนิ หนา 26 2. จากภาพเปนการอนรุ กั ษแ ละพัฒนาที่ดิน ใหนักเรียนอธิบายวา แตละภาพเปนการอนรุ ักษแ ละพฒั นาทด่ี ิน โดยวิธีใด (6 คะแนน) 2.1 จากภาพเปน การอนรุ ักษแ ละพฒั นาทีด่ ินดวยวิธใี ด .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... 2.2 จากภาพเปน การอนุรกั ษและพฒั นาท่ีดนิ ดวยวิธใี ด .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... 2.3 จากภาพเปนการอนุรกั ษและพฒั นาทด่ี ินดวยวธิ ีใด .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ....................................................................................
ชุดท่ี 3 เร่อื งดนิ หนา 27 แบบทดสอบหลังเรียน เรอ่ื ง ดิน คําชแี้ จง ใหนกั เรียนเลือกคาํ ตอบทถ่ี ูกทสี่ ุดเขียนลงในกระดาษคาํ ตอบ (10 ขอ 10 คะแนน) 1. ขอ ความใดถกู ก. ดินชน้ั บนมักมสี ารอนินทรยี สะสมอยทู ผี่ ิวดินมากทําใหด ินมสี คี ลา้ํ ข. ดินชน้ั บนมกั มสี ารอินทรยี สะสมอยทู ่ผี ิวดนิ มากทาํ ใหด ินมสี ีคลาํ้ ค. ดนิ ชน้ั ลางมักมสี ารอนนิ ทรียสะสมอยมู ากทําใหด นิ ช้นั ลา งมสี คี ลํ้า ง. ดินชน้ั ลา ง มักมสี ารอินทรียสะสมอยูมากทาํ ใหดินช้ันลางมสี ีคลาํ้ 2. กระบวนการเกดิ ดนิ เกดิ จากกระบวนการในขอใด ก. การยกตัวของแผน เปลอื กโลก ข. การทาํ ปฏิกิรยิ าของธาตแุ ละสารประกอบ ค. การทรุดตัวของแผนเปลือกโลก ง. การสลายตัวของอนินทรียวตั ถแุ ละอินทรียวัตถุ 3. จากการทดสอบ pH ของดิน 3 ชนิด พบวาดิน A คา pH = 9 ดนิ B คา pH = 7 ดิน C คา pH = 6 ขอ ท่ีถูกตอง คือ ก. ดนิ ท้ัง 3 ชนิดเปน เบส ข. ดิน A เปนกรด ดิน B เปนเบส ดิน C เปนกลาง ค. ดิน A เปนเบส ดิน B เปนกลาง ดนิ C เปน กรด ง. ดิน A กบั ดนิ C เปน เบสมากกวาดนิ B 4. ฮวิ มสั ซ่งึ เปนอาหารของพชื เกดิ จากส่ิงใด ก. การเนาเปอยของซากพชื ที่มสี ีเขยี ว ข. การเนาเปอยของซากสัตว มีสีนา้ํ ตาล ค. การเนาเปอ ยของซากพืชซากสัตว มีสขี าว ง. การเนาเปอ ยของซากพชื ซากสัตว มสี ีดํา 5. เม่อื ภูมบิ ดินทร ขดุ ตน ไมที่เจรญิ เตบิ โตอยางดีในบานของประภสั สร มาปลกู ที่บา นของตน ปรากฏวาตนไม ตนน้นั ไมเ จริญเตบิ โตงดงามเทา ท่คี วร นักเรยี นคิดวานาจะเปน เพราะเหตุใด ก. ทบ่ี านภมู บิ ดนิ ทรแสงสวางมีนอย รม เงามีมากทาํ ใหต นไมรบั แสงไดไ มเตม็ ที่ ข. ท่ีบา นประภัสสรดินมคี า pH เหมาะกับตน ไมช นิดนน้ั มากกวา ดินทบ่ี านภมู ิบดินทร ค. ทบ่ี านภูมดิ ินทรม ีแมลงศตั รูพืชรบกวนตน ไมมากกวา ทบ่ี านประภสั สร ง. อาจเปนไปไดท้ังขอ ก, ข และ ค 6. พชื ชนดิ ใดทปี่ ลูกแลว จะทําใหธ าตุไนโตรเจนสูงขนึ้ ก. พชื ตระกลู สม ข. พืชตระกลู กุหลาบ ค. พชื ตระกูลถ่ัว ง. พชื ตระกูลบอน
ชุดที่ 3 เรอื่ งดนิ หนา 28 7. การทาํ สวนบนเนนิ หรือไหลเขาที่มคี วามลาดเอยี งควรจะ ก. ไถเปนรอ งจากที่สูงลงไปที่ตํ่า ฝนจะไดไหลไปตามรอง ไมเกดิ การชะกรอน ข. การปลูกพชื ตามแนวระดับ ใชว ธิ ีการไถพรวน หวาน ปลกู และเก็บเกีย่ วพชื ขนานไปตามแนว ระดบั เดยี วกนั ขวางทางลาดเอียงของพื้นที่ ค. การปลุกพชื แบบขน้ั บนั ได ใชวิธีการสรา งคนั ดนิ หรือแนวหนิ ขวางความลาดเอยี งของพื้นท่ี แลว ปลูกพชื บนขน้ั บันได ง. ขอ ข และ ค ถกู 8. เหตุใดปลกู พืชจงึ ตองพรวนดนิ ก. หากไมพ รวนดินแลว รากพืชจะไมมีทางหย่ังรากลงพน้ื ดนิ ระดบั ลกึ ได ข. หากไมพ รวนดินแลว ดนิ จะรว นซยุ มากเกนิ ไป ไมมที างใหร ากยดึ ดินได ค. การพรวนดนิ เปน การชวยทําใหด นิ รวมซยุ นํ้า และอากาศสามารถผานชองวางขนาดใหญไดด ีกวา ชองวา งขนาดเล็ก ง. การพรวนดินเปนการชวยทําใหดนิ รวนซยุ นํ้าและอากาศสามารถผา นชองวางขนาดเล็กไดดีกวา ชองวางขนาดใหญ 9. เหตทุ ่ีฝนตกแลว ทําใหเ กดิ การชะลางพังทลายของดนิ คือ ก. ฝนตกลงมากระทบตน ไม กลายเปนแหลงรวมกระแสนา้ํ ทําใหดนิ ทลาย ข. ฝนตกลงมารวมตวั กนั ได เพราะมพี ชื คลุมดินกนั น้าํ ทาํ ใหเกดิ เปนลําธารชะลางดนิ ใหพงั ทลาย ค. ฝนตกลงมากัดชะดินที่ปราศจากพืชปกคลมุ พรอ มกนั น้ันเกดิ การรวมตัวเปน สายธารเลก็ ๆ ท่ีเริ่ม กดั ชะดินมากขน้ึ ง. ฝนตกลงมามีความรุนแรงเนือ่ งจากแรงโนม ถวงของโลก ทาํ ใหเ กิดการชะลางดินใหพ งั ทลาย 10. การปลกู พืชหมนุ เวียน หมายถงึ ก. การปลูกพชื ชนิดเดยี วกัน เปน การปลูกตอเนอ่ื งหลังจากเกบ็ เกี่ยวรุนแรกแลว เพื่อไมใหพ ้ืนดนิ อยู วาง ข. การปลูกพชื ตา งชนดิ หลังจากปลกู พชื ชนิดแรกเก็บเก่ียวเสรจ็ แลวปลูกพชื ชนิดอ่นื ตอ ค. การปลูกพชื ตา งชนิดกันหลงั จากปลูกพชื ชนดิ แรกเกบ็ เกี่ยวเสร็จแลว ท้งิ ไวอ ีก 1 ป เพื่อใหดนิ ปรับตวั ตามธรรมชาติ แลวจึงปลกู พชื ชนดิ อนื่ ง. การปลูกพืชชนิดเดียวกนั แตเ วนใหด ินไดป รับตัวตามธรรมชาติแลว 1 ป จึงปลูกตอไป
ชดุ ที่ 3 เรอื่ งดนิ หนา 29 กระดาษคําตอบหลังเรียน เรือ่ ง ดิน ขอท่ี คาํ ตอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 รวมคะแนน ลงชือ่ ...........................................ผูตรวจ
ชุดท่ี 3 เร่ืองดนิ หนา 30 ผลการประเมิน ชดุ กิจกรรมการเรยี นรชู ดุ ท่ี 3 เรื่องดิน กจิ กรรมการเรยี นรู บัตรใบงาน บัตร แบบทดสอบ ผลตา งหลงั - กิจกรรม กอ นเรยี น คะแนนเตม็ 1 23 กอน หลงั ได 10 10 10 1 10 10 10
ชุดท่ี 3 เร่ืองดิน หนา 31 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช ุมนมุ สหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย. จรสั ประดลั ภ และคณะ. (2548). สรุปเขม วิทยาศาสตร ม.2. กรุงเทพฯ : สาํ นักพิมพแมค็ จาํ กดั . ปรชี า สวุ รรณพนิ จิ และคณะ. (2550). คูมอื เตรียมสอบวิทยาศาสตร ม.1-2-3 กลมุ สาระการเรยี นรู วทิ ยาศาสตร. กรงุ เทพฯ : ไฮเอด็ พบั ลชิ ชง่ิ . พมิ พพันธ เตชะคปุ ต และคณะ. (2554). หนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 2. กรงุ เทพฯ : พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พ.ว.). ยพุ า วรยศและคณะ. (2552). วิทยาศาสตร ม.2 เลม 2 (พิมพครั้งที่ 13). กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน. _______. (2552). คูมอื ครูวทิ ยาศาสตร ม.2 เลม 2 (พิมพครัง้ ท่ี 13). กรงุ เทพฯ : อักษรเจริญทศั น. ศรีลกั ษณ ผลวฒั นะและคณะ. (2551). ครูมืออาชีพ. กรงุ เทพฯ : สาํ นักพิมพแม็ค จาํ กัด. สกลศักดิ์ มหาพรหม. (2552). New สรปุ เขม วิทยาศาสตร ม.2. กรุงเทพฯ : สํานกั พมิ พแ มค็ จาํ กัด. สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลย.ี (2553). หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร 3 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 2 เลม ท่ี 3. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ สกสค. ลาดพราว. https://sharehi.wordpress.com/2013/05/21/youth-for-sustainability/ สบื คน เม่ือวนั ท่ี 7 ตุลาคม 2559. https://sites.google.com/a/padad.ac.th/502-klum-6/phaenphang-nga-nbu-rna-kar/chan-din- kxn-laea-hlang-kar-keid-phaen-din-hiw สืบคนเมือ่ วันที่ 7 ตลุ าคม 2559. http://www.rd1677.com/branch.php?id=51856 สบื คน เม่อื วันที่ 7 ตุลาคม 2559. http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=4 สืบคนเมอื่ วันที่ 7 ตุลาคม 2559. http://www.thairath.co.th/member/login สืบคนเมื่อวนั ที่ 7 ตลุ าคม 2559. http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31389 สืบคน เม่ือวันท่ี 7 ตุลาคม 2559. https://sites.google.com/site/sciencekids02/home/din สืบคน เมื่อวันท่ี 7 ตุลาคม 2559. https://sites.google.com/site/oatcnine9990/khorng สืบคนเมือ่ วันท่ี 7 ตลุ าคม 2559.
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: