Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม สค21003

พัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม สค21003

Published by punpalee poon, 2021-11-28 08:31:11

Description: พัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม สค21003

Search

Read the Text Version

42 . จุดเด่นของผลิตภณั ฑ์ผ้าในงานหัตถกรรมพนื บ้าน ผา้ ในงานหัตถกรรมพืนบา้ นโดยทวั ไปมีอยู่ สองลกั ษณะ คือ ผา้ พืนและผา้ ลาย ผา้ พืนไดแ้ ก่ ผา้ ทีทอเป็ นสีพืนธรรมดาไม่มีลวดลาย ใชส้ ีตามความนิยม ในสมยั โบราณสีทนี ิยมทอ คอื สีนําเงนิ สีกรมทา่ และสีเทา ส่วนผา้ ลายนนั เป็นผา้ ทมี กี ารประดิษฐล์ วดลายหรือ ดอกดวงเพมิ ขนึ เพือความงดงาม มีชือเรียกเฉพาะตามวธิ ี เช่น ถา้ ใชท้ อ (เป็นลายหรือดอก) เรียกวา่ ผา้ ยก ถา้ ทอ ดว้ ยเสน้ ดา้ ยคนละสีกบั สีพืนเป็ นลายขวาง และตาหมากรุก เรียกว่า ลายตาโถง ถา้ ใชเ้ ขียนหรือพิมพจ์ ากแท่ง แม่พมิ พโ์ ดยใชม้ อื กด เรียกว่าผา้ พิมพ์ หรือผา้ ลาย ซึงเป็นผา้ พิมพล์ าย ทคี นไทยเขียนลวดลายเป็ นตวั อย่างส่งไป พมิ พท์ ตี ่างประเทศ เช่น อินเดียผา้ เขียนลายส่วนมากเขียนลายทอง แต่เดิมชาวบา้ นรู้จกั ทอแต่ผา้ พืน (คือ ผา้ ทอ พนื เรียบไม่ยกดอกและมลี วดลาย) ส่วนผา้ ลาย (หรือผา้ ยก) นนั เพิงมารู้จักทาํ ขึนในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ หรือสมยั อยธุ ยาตอนปลาย การทอผา้ นีมีอยู่ในทุกภาคของประเทศ หลักการและวิธีการนนั คล้ายคลึงกันทงั หมด แต่อาจมี ขอ้ ปลีกย่อยแตกต่างกันบา้ ง การทอจะทาํ ดว้ ยมือโดยตลอดใชเ้ ครืองมือเครืองใช้แบบง่าย ๆ ซึงตอ้ งอาศัย ความชาํ นาญและความประณีต การทอผา้ ทีชาวบา้ นทาํ กนั นนั ตอ้ งอาศยั ความจาํ และความชาํ นาญเป็ นหลกั เพราะไม่มีเขียนบอกไว้ เป็นตาํ รา นอกจากนียงั พยายามรักษารูปแบบและวธิ ีการเอาไวอ้ ยา่ งเคร่งครัด จึงนบั ว่าเป็นการอนุรกั ษ์ศลิ ปกรรม แขนงนีไวอ้ ีกดว้ ย . สถานทีท่องเทยี ว จุดเด่นทนี ่าสนใจ อาณาเขตพนื ทีของป่ าสงวนแห่งชาติ ป่ าเขาพระวิหาร ป่ าฝัง ซ้ายลาํ โดมใหญ่ ทอ้ งทีอาํ เภอกันทรลกั ษ์ จงั หวดั ศรีสะเกษ และอําเภอนํายนื จงั หวดั อุบลราชธานี สภาพ ธรรมชาติทีมีทศั นียภาพสวยงามเด่นชดั เฉพาะตวั อยู่หลายแห่ง มีสภาพป่ าไมท้ ีอุดมสมบูรณ์ เป็ นแหล่งของ แร่ธาตุหลายชนิด ตลอดจนโบราณสถานสาํ คญั ๆ อีกหลายจุดทสี ามารถจดั ใหเ้ ป็นแหล่งนนั ทนาการควรค่าแก่ การศึกษาหาความรู้ และพกั ผอ่ นหยอ่ นใจไดเ้ ป็ นอยา่ งดีอีกหลายแห่ง เช่น ผามออีแดง นับเป็ นสถานทีตรงจุด ชายแดนเขตประเทศไทยติดต่อกบั ราชอาณาจักรกมั พูชา ใกลท้ างขึนสู่ปราสาทเขาพระวิหารทีมีทศั นียภาพ สวยงาม เป็นจุดชมววิ ทวิ ทศั น์พืนทีแนวชายแดนราชอาณาจกั รกมั พูชา และบริเวณปราสาทเขาพระวหิ ารไดอ้ ยา่ ง สวยงามและกวา้ งไกลทีสุด จุดสูงสุดของหนา้ ผามออีแดง สามารถส่องกลอ้ งชมปราสาทเขาพระวิหารไดช้ ดั เจน มีความสวยงามและมีคุณค่าทางประวตั ิศาสตร์และโบราณสถานและหากในอนาคตอนั ใกลน้ ี ประเทศไทยสามารถเปิ ด ความสัมพนั ธไมตรีกบั ราชอาณาจกั รกมั พูชาไดแ้ ลว้ มีการใชป้ ระโยชนร์ ่วมกนั ทงั สองประเทศได้อยา่ งใกลช้ ิด และมีค่ายิงนัก ปราสาทโดนตวล เป็ นปราสาทหนึงทีสําคญั อีกแห่งหนึงทีมีศิลปวัฒนธรรมน่าศึกษา อยู่มากตงั อยู่ตรงเขตชายแดนของประเทศไทยอยู่ห่างจากหน้าผาเพียงเล็กน้อย ประมาณ 300 เมตร สถูปคู่ เป็นโบราณวตั ถุมีอยู่ 2 องค์ ตงั คู่อยบู่ ริเวณทิศตะวนั ตกของผามออีแดง ถา้ เดินทางจากผามออีแดงไปยงั เขาพระวิหารก็จะผา่ นสถูปคู่นี มลี กั ษณะเป็นสีเหลียมและส่วนบนกลม ก่อสรา้ งดว้ ย หินทรายเป็ นท่อนทตี ดั

43 และตกแต่งอีกที นบั ว่าแปลกจากศิลปวฒั นธรรมยคุ อืนใด ทาํ นบสระตราว สร้างดว้ ย ทอ่ นหินทรายซึงตดั มาจาก แหล่งตดั หินมาวางเรียงกนั อยา่ งเป็ นระเบียบ และตอนนีไดม้ ีการบูรณะและทาํ ความสะอาดบริเวณสระตราว สามารถเกบ็ กกั นาํ นําขึนมาใชอ้ ุปโภคบริการแกเ่ จา้ หนา้ ที และนกั ท่องเทยี ว ณ บริเวณ ผามออีแดง และปราสาท เขาพระวิหารไดอ้ ยา่ งเพยี งพอ ในเขตชายแดนฝังตะวันออกและตะวนั ตกของประเทศไทย ซึงมีอาณาเขตติดต่อกบั สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรฐั แห่งสหภาพพม่า ราชอาณาจกั รกมั พชู า มีสภาพภูมิประเทศสวยงามดว้ ย ทิวเขายาวสุดสายตา ปกคลุมดว้ ยป่ าไม้ นาํ ตก และแมน่ าํ สายสําคญั เช่น แม่นาํ โขง แม่นาํ สาละวนิ นอกจากเป็น แหล่งทอ่ งเทียวแลว้ ยงั เป็นทีจบั จ่ายใชส้ อยขา้ วของเครืองใชข้ องประเทศเพือนบา้ น เช่น ตลาดการคา้ ชายแดน อาํ เภอแม่สาย จงั หวดั เชียงราย ตลาดการคา้ ชายแดนอาํ เภอแม่สอด จงั หวดั ตาก ตลาดการคา้ ชายแดนช่องเมก็ อาํ เภอสิรินธร จงั หวดั อุบลราชธานี ตลาดการคา้ ชายแดนจงั หวดั มุกดาหาร นอกจากเป็นช่องทางการคา้ ระหวา่ ง ประเทศไทยกบั ประเทศเพือนบา้ นแลว้ ยงั เป็ นเส้นทางการเดินทางไปท่องเทียวในประเทศเพอื นบา้ นไดอ้ ีกดว้ ย เรืองที ศักยภาพประเทศไทยกบั การพฒั นาอาชีพ . ภูมศิ าสตร์ ประเทศไทยมีสภาพทางภูมิศาสตร์ทีหลากหลาย ภาคเหนือเป็ นพืนทีภูเขาสูงสลบั ซบั ซอ้ น จุดทีสูง ทีสุดในประเทศไทย คอื ดอยอินทนนท์ ประมาณ , ตารางกิโลเมตรเหนือระดบั นําทะเล รวมทงั ยงั ปกคลุม ดว้ ยป่ าไมอ้ นั เป็ นตน้ นาํ ลาํ ธารทีสาํ คญั ของประเทศ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เป็ นพืนทีของทีราบสูง โคราช สภาพของดินคอ่ นขา้ งแหง้ แลง้ และไม่เอืออาํ นวยต่อการเพาะปลูกผกั แม่นําเจา้ พระยาเกิดจากแมน่ าํ

44 หลายสายทีไหลมาบรรจบกนั ทีปากนําโพ จงั หวดั นครสวรรค์ อนั ไดแ้ ก่ แม่นาํ ปิ ง แม่นาํ วงั แม่นํายม และแม่นาํ น่าน ทาํ ใหภ้ าคกลางกลายเป็นทีราบลุ่มแมน่ าํ ทีมคี วามอุดมสมบูรณ์ทสี ุดในประเทศ และถือไดว้ า่ เป็น แหล่งปลูกขา้ วทีสําคญั แห่งหนึงของโลก ภาคใต้เป็นส่วนหนึงของคาบสมุทรไทย-มาเลย์ ขนาบดว้ ยทะเลทงั สอง ดา้ น มจี ุดทแี คบลง ณ คอคอดกระ แลว้ ขยายใหญ่เป็ นคาบสมุทรมลายู ส่วนภาคตะวันตกเป็ นหุบเขาและแนว เทอื กเขาซึงพาดตวั มาจากทางตะวนั ตกของภาคเหนือ แม่นาํ เจ้าพระยาและแม่นาํ โขงถือเป็ นแหล่งเกษตรกรรมทีสําคญั ของประเทศไทย การผลิตของ อุตสาหกรรมการเกษตรจะตอ้ งอาศยั ผลผลิตทีเกบ็ เกียวไดจ้ ากแมน่ าํ ทงั สองและสาขาทงั หลาย อ่าวไทยกินพนื ที ประมาณ , ตารางกิโลเมตร ซึงไหลมาจากแม่นาํ เจา้ พระยา แมน่ ําแม่กลอง แม่นาํ บางปะกง และแม่นาํ ตาปี ซึงเป็ นแหล่งดึงดูดนกั ทอ่ งเทยี ว เนืองจากนาํ ตืนใสตามแนวชายฝังของภาคใตแ้ ละคอคอดกระ อ่าวไทยยงั เป็ น ศนู ยก์ ลางทางอุตสาหกรรมของประเทศ เนืองจากมีท่าเรือหลกั ในสัตหีบ และถือไดว้ ่าเป็ นประตูทีจะนําไปสู่ ทา่ เรืออืน ๆ ในกรุงเทพมหานคร ส่วนทะเลอนั ดามนั เป็นแหล่งทรพั ยากรธรรมชาตทิ มี ีคุณคา่ มากทีสุด เนืองจาก มีรีสอร์ททีไดร้ บั ความนิยมอยา่ งสูงในทวปี เอเชีย รวมถึงจงั หวดั ภูเก็ต จงั หวดั กระบี จงั หวดั ระนอง จงั หวดั พงั งา จงั หวดั ตรัง เป็นตน้ ผานกแอ่น ในอุทยานแห่งชาติภูกระดงึ

45 ภูมภิ าค สภาวิจยั แห่งชาติไดแ้ บง่ ประเทศไทยออกเป็น ภูมิภาค ตามลกั ษณะธรรมชาติ รวมถึงธรณีสันฐาน และทางนํา รวมไปถึงรูปแบบวฒั นธรรมมนุษย์ โดยภูมิภาคต่าง ๆ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวนั ออก ภาคตะวนั ตก และภาคใต้ ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ทงั หกนีมีความ แตกตา่ งกนั โดยมีเอกลกั ษณข์ องตนเองในดา้ นประชากร ทรัพยากรพืนฐาน ลกั ษณะธรรมชาติ และระดบั ของ พฒั นาการทางสงั คมและเศรษฐกิจ ความหลากหลายในภูมิภาคต่าง ๆ เหลา่ นีไดเ้ ป็ นส่วนสําคญั ต่อลกั ษณะทาง กายภาพของประเทศไทย ป่ าสนในจังหวดั เชียงใหม่ ภาคเหนือ มีลักษณะภูมิประเทศแบบภูเขาสูงสลับกบั หุบเขาและพืนทีสูงซึงติดต่อกบั เขตทีราบลุ่ม ตอนกลางของประเทศ มที ิวเขาทีวางตวั ยาวในแนวเหนือ-ใต้ ระหว่างทิวเขาจะมีหุบเขาและแอ่งทีราบระหว่าง ภูเขาเป็ นทตี งั ของตวั จังหวดั เช่น จงั หวดั เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน และแพร่ ทิวเขาทีสําคญั ไดแ้ ก่ ทิวเขาถนนธงชัย ทิวเขาแดนลาว ทิวเขาขุนตาน ทิวเขาผีปันนํา และทิวเขาหลวงพระบาง ช่วงฤดูหนาวใน เขตภูเขาของภาคเหนือ อุณหภูมติ าํ เหมาะสมตอ่ การปลูกไมผ้ ลเมืองหนาว อาทิ ลินจีและสตรอร์เบอรี แม่นําใน ภาคเหนือหลายสาย รวมไปถึงแม่นาํ ปิง แม่นาํ วงั แม่นาํ ยม และแมน่ าํ น่าน ไหลมาบรรจบกนั และก่อใหเ้ กดิ เป็ นที ราบลุ่มแม่นําเจา้ พระยา ในอดีตลักษณะทางธรรมชาติเหล่านีทาํ ให้ภาคเหนือสามารถทาํ การเกษตรได้หลาย ประเภท รวมไปถึงการทาํ นาในหุบเขาและการปลูกพชื หมุนเวียนในเขตพืนทสี ูง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสาน ประกอบด้วยจังหวดั จังหวดั มีเนือที , ตาราง กิโลเมตร หรือประมาณหนึงในสามของพืนทีทงั ประเทศ สภาพพืนทีอยู่บนทรี าบสูง มีแม่นาํ โขงเป็ นแม่นํา สายหลกั อาชีพหลกั คือ การทาํ นา ปลูกออ้ ย มนั สําปะหลงั ยางพารา และผลิตผา้ ไหมเป็นอตุ สาหกรรม

46 ซึงมีบทบาทสําคญั ต่อเศรษฐกิจ เนืองจากผา้ ไหมเป็ นทีนิยมทังคนไทยและชาวต่างชาติ ภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ แบง่ ลกั ษณะภูมิประเทศเป็น เขต ไดแ้ ก่ ทวิ เขาด้านทศิ ตะวนั ตก ประกอบดว้ ยทิวเขาดงพญาเยน็ มีลกั ษณะเด่น คือ ส่วนทีเป็ นหินทราย จะยกตวั สูงขึนเป็นขอบชนั กบั พนื ทีภาคกลาง และมภี ูเขายอดตดั จาํ นวนมาก ไดแ้ ก่ ภูเรือ ภูหอ ภูหลวง ภูกระดึง เป็นภูเขาหินทราย พบภูเขาหินปนู แทรกสลบั อยู่บา้ ง ทวิ เขาทางด้านใต้ มีทิวเขาสนั กาํ แพงและทวิ เขาพนมดงรกั เป็นทิวเขาหลกั ทิวเขาสันกําแพงมี ลกั ษณะเป็นหินปนู หินดินดานภูเขาไฟ และหินทราย ส่วนทิวเขาพนมดงรักเป็นทิวเขาทีเป็นภูเขาหินทราย และ ยงั มีภูเขาไฟดบั แลว้ ตงั อยู่ ทวิ เขาตอนกลาง เป็ นเนินและภูเขาเตยี เรียกว่า ทวิ เขาภพู าน ทรี าบแอ่งโคราช เป็ นพนื ทรี าบของลุ่มนําชี และมูล ทีไหลลงสู่แม่นําโขง เป็ นทีราบทีมีเนือที กวา้ งทสี ุดของประเทศ จุดเด่นของแอ่งโคราชคือ มีการพบซากดึกดาํ บรรพ์ ไมก้ ลายเป็ นหิน ชา้ งโบราณและ ไดโนเสาร์จาํ นวนมาก แอ่งสกลนคร เป็ นทีราบบริเวณฝังแม่นาํ โขง มีแม่นําสายสัน ๆ เช่น แม่นําสงคราม เป็ นตน้ บริเวณนีมหี นองนาํ ขนาดใหญ่ เรียกว่า \"หนองหาน\" เกิดจากการยบุ ตวั จากการละลายของเกลือหิน ทวิ เขาเพชรบรู ณ์ ภาคกลาง เป็นพนื ทีทมี ีความสมบรู ณ์ทางธรรมชาติ จนไดร้ ับการขนานนามว่า \"อู่ขา้ วอู่นํา\" มีระบบ ชลประทานทีไดพ้ ฒั นาสาํ หรบั เกษตรกรรมทาํ นาในภาคกลาง โดยไดพ้ ฒั นาต่อเนืองมาตงั แต่อาณาจกั รสุโขทยั มาจนถึงปัจจุบนั ภูมิประเทศเป็ นทีราบลุ่มมีแนวภูเขาเป็นขอบดา้ นตะวนั ออกและตะวนั ตก ไดแ้ ก่

47 ทิวเขาเพชรบูรณ์ และทวิ เขาถนนธงชยั ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์บริเวณภาคกลางตอนบนเป็นทีราบเชิงเขา ลานพกั ลาํ นาํ และเนินตะกอนรูปพดั ส่วนดา้ นตะวนั ออกเป็นทีราบลาดเนินตะกอนเชิงเขาและภูเขาโดดเตีย ๆ ซึงเป็ น ภูเขาไฟเก่า พบทงั หินบะซอลต์ หินไรโอไลต์ และหินกรวดภูเขาไฟ มีพืนทีราบลุ่มแม่นํายม แม่นาํ เจา้ พระยา ตอนบน และแมน่ าํ ป่ าสัก ส่วนภาคกลางตอนลา่ งมีลกั ษณะเป็นทีราบลุ่มโดยตลอด มีลานตะพกั ลาํ นาํ เป็นทีราบนาํ ทว่ มถึงและคนั ดินธรรมชาตยิ าวขนานตามแม่นาํ เจา้ พระยา แมน่ าํ ลพบรุ ี แมน่ าํ ป่ าสัก แมน่ าํ ท่าจีน ทีราบภาคกลาง ตอนกลางมีชือเรียกวา่ \"ทุ่งราบเจา้ พระยา\" เริมตงั แต่จงั หวดั นครสวรรคไ์ ปจนสุดอ่าวไทย ภาคตะวนั ออก ประกอบดว้ ย จงั หวดั มอี าณาเขตทศิ เหนือติดกบั ภาคกลางและภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ทศิ ตะวนั ออก ติดกบั ราชอาณาจกั รกมั พชู า ทิศใตแ้ ละทศิ ตะวนั ตก ติดกบั อา่ วไทย มีเนือที , ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศของภาคตะวนั ออกแบง่ ได้ ลกั ษณะ คอื ภูมิประเทศส่วนทิวเขา มที ิวเขา สนั กาํ แพง ทวิ เขาจนั ทบุรี และทิวเขาบรรทดั ภูมิประเทศส่วนทีเป็นทรี าบลุ่มนาํ คอื ทรี าบลุ่มนาํ บางปะกง ทรี าบชายฝังทะเล ตงั แต่ปากแมน่ าํ บางปะกงไปจนสุดเขตแดนทีจงั หวดั ตราด ส่วนใหญ่ชายฝังทะเลจะมี หาดทรายสวยงาม ทงั ส่วนเกาะและหมเู่ กาะ เช่น เกาะสีชงั เกาะเสมด็ หมู่เกาะชา้ ง และเกาะกูด เมอื งพัทยา ภาคตะวนั ตก ประกอบดว้ ย จงั หวดั มเี นือที , ไร่ มีเทือกเขาตะนาวศรีเป็ นเทือกเขายาวตงั แต่ ภาคเหนือมาถึงภาคตะวนั ตกของประเทศ และเป็นพรมแดนทางธรรมชาตริ ะหว่างไทยกบั พมา่ สภาพภูมิประเทศ ของภาคตะวนั ตกมีลกั ษณะเช่นเดียวกบั ภาคเหนือ โดยมภี ูเขาสูงสลบั กบั หุบเขาซึงมแี ม่นาํ ไหลผา่ น มีทรี าบลุ่มนาํ สําคญั ได้แก่ ทีราบลุ่มนําปิ ง -วัง ทีราบลุ่มนําแม่กลอง และทีราบลุ่มนาํ เพชรบุรี ภาคตะวนั ตกมีพืนทีป่ าที อุดมสมบูรณ์เป็นจาํ นวนมาก ทรัพยากรนาํ และแร่ธาตเุ ป็นทรพั ยากรทสี ําคญั ของภาค โดยอุตสาหกรรมเหมอื งแร่ ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมหลกั นอกจากนีภาคตะวนั ตกยงั เป็นทตี งั ของเขือนทสี ําคญั ของประเทศ

48 หาดมาหยา ในหมู่เกาะพีพี ภาคใต้ เป็ นส่วนหนึงของคาบสมุทรแคบ ๆ มีความแตกต่างกับภาคอืน ๆ ของไทยทงั ในดา้ น สภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และทรัพยากร ลกั ษณะภูมิประเทศของภาคใตแ้ บ่งเป็น แบบ ไดแ้ ก่ ทิวเขา ประกอบด้วยทิวเขาสําคญั ได้แก่ ทิวเขาภูเก็ต ทิวเขานครศรีธรรมราช และทิวเขา สันกาลาครี ี ทรี าบฝังอ่าวไทยและทรี าบฝังอนั ดามนั โดยทีราบฝงั อ่าวไทยตงั อยทู่ างตะวนั ออกของภาคใต้ มลี กั ษณะเป็นอ่าวขนาดใหญ่กระจดั กระจาย ชายฝังคอ่ นขา้ งเรียบตรงและมีหาดทรายสวยงาม และยงั มีส่วนที เป็ นหาดเลนและโคลนจะเป็ นป่ าชายเลน มีลกั ษณะเด่นคือมีแหลมทีเกิดจากการทบั ถมของทรายและโคลน แห่ง ไดแ้ ก่ แหลมตะลุมพกุ จงั หวดั นครศรีธรรมราช และแหลมตาชี จงั หวดั ปัตตานี และมีทะเลสาบสงขลา เป็นทะเลสาบ 3 นํา คือ นาํ เคม็ นาํ จืด และนาํ กร่อย ซึงจะต่างกนั ตามสภาพการรับนําทีไหลเขา้ ทะเลสาบ ทีเกิด จากคลืนและกระแสนําพดั พาตะกอนทรายไปทบั ถมเป็ นแนวสันทราย ส่วนทีราบฝังทะเลอนั ดามนั จะอยู่ ดา้ นตะวนั ตกของภาค มีลกั ษณะเป็ นชายฝงั แบบยบุ ตวั มีทรี าบแคบเนืองจากมีชายเขาและหนา้ ผาติดชายฝัง และ มหี าดทรายขาวแคบ ๆ เกาะ ภาคใตม้ ีเกาะและหมเู่ กาะมากมาย โดยฝังอ่าวไทยมเี กาะสําคญั เช่น เกาะสมยุ เกาะพงนั หมเู่ กาะ อ่างทอง เป็ นต้น ส่ วนฝังอันดามันมีเกาะภูเก็ต ซึงเป็ นเกาะทีใหญ่ทีสุ ดในประเทศไทย หมู่เกาะพีพี หมู่เกาะสิมิลนั เกาะตะรุเตา เศรษฐกิจของภาคใตข้ ึนอยกู่ บั การผลิตยางสําหรับอุตสาหกรรม การปลูกมะพร้าว การทาํ เหมืองแร่ ดีบุก และการท่องเทียว โดยเฉพาะอย่างยิง จงั หวดั ภูเก็ต ซึงได้รับความนิยมอย่างมาก ลกั ษณะเด่นของ ภูมิประเทศแบบมว้ นตวั กบั ภูเขาและการขาดแม่นาํ สายใหญ่ ๆ มีแนวภูเขาซึงเรียงตวั กนั ในแนวเหนือ-ใต้

49 และ ป่ าฝนเขตร้อนอนั ลึกลบั ไดท้ าํ ใหเ้ กิดการโดดเดียวในยคุ เริมตน้ และการพฒั นาทางการเมืองแยกตา่ งหากกบั ส่วนอืน ๆ ของประเทศ การเขา้ ถึงทะเลอนั ดามนั และอ่าวไทยทาํ ให้ภาคใตเ้ ป็นทางผ่านของทงั พระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท โดยมีศูนยก์ ลางอยู่ทีจงั หวดั นครศรีธรรมราช และศาสนาอิสลาม โดยอดีตมีศูนยก์ ลางอยู่ที อาณาจกั รปัตตานีซึงมีพรมแดนติดตอ่ กบั ประเทศมาเลเซีย . ภมู อิ ากาศ พนื ทีส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีลกั ษณะภูมิอากาศแบบร้อนชืนหรือแบบสะวนั นา ตามการแบ่งเขต ภูมิอากาศแบบเคปิ เปน ในขณะทีภาคใตแ้ ละทางตะวนั ออกสุดของภาคตะวนั ออกเป็ นเขตภูมิอากาศแบบมรสุม เขตร้อน ทวั ประเทศมีอุณหภูมเิ ฉลียระหว่าง - °C ในฤดูแลง้ อุณหภูมิเพิมสูงขึนอย่างรวดเร็วในช่วงครึงหลงั ของเดือนมีนาคม โดยสูงกว่า °C ในบางพืนทใี นช่วงกลางเดือนเมษายนเมือดวงอาทิตยเ์ คลือนผ่านจุดเหนือ ศรี ษะ มรสุมตะวนั ตกเฉียงใตซ้ ึงพดั เขา้ สู่ประเทศไทยระหวา่ งเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคม (ยกเวน้ ภาคใต)้ เป็นจุดบ่งชีวา่ ประเทศไทยเขา้ สู่ฤดูฝน ซึงกินเวลาจนถึงเดือนตุลาคม และเมฆซึงปกคลุมทาํ ให้อุณหภูมิลดลง แต่มคี วามชืนสูงมาก เดือนพฤศจิกายนและเดือนธนั วาคมเป็นจุดเริมตน้ ของฤดูแลง้ และอุณหภูมใิ นเวลากลางคืน เหนือพืนดินสามารถลดตาํ ลงกว่าจุดเยอื กแขง็ อุณหภูมิเพมิ สูงขึนอีกครังในช่วงเดือนมกราคม เมือดวงอาทิตย์ ส่องแสงมายงั ภูมปิ ระเทศ ฤดูแลง้ ในภาคใตม้ ีระยะเวลาสนั ทสี ุด เนืองจากการทภี าคใตต้ งั อยใู่ กลท้ ะเลจากทกุ ดา้ น ในคาบสมุทรมลายู พนื ทีทงั ประเทศไดร้ บั ปริมาณฝนอยา่ งเพียงพอ ยกเวน้ บางพนื ทเี ท่านนั แต่ระยะเวลาของฤดู ฝนและปริมาณฝนมีความแตกตา่ งกนั ไปตามภูมิภาคและระดบั ความสูง ประเทศไทยยงั คงมีความหลากหลายทางชีวภาพของทงั พชื และสัตวอ์ ยมู่ าก อนั เป็นรากฐานอนั มนั คง ของการผลิตในภาคการเกษตร และประเทศไทยไดม้ ีผลไมเ้ มอื งร้อนหลากชนิดพนื ทีราว % ของประเทศไทย เป็นป่ าไม้ รวมไปถึงพืนทปี ลูกยางพาราและกิจกรรมปลูกป่ าบางแห่งประเทศไทยมีเขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ ่ ากว่า แห่ง เขตหา้ มล่าสัตวป์ ่ าอีก แห่ง โดยพืนที % ของประเทศเป็ นอุทยานแห่งชาติ (ปัจจุบนั มี แห่ง) และอีกเกือบ % เป็นเขตป่ าสงวนประเทศไทยมีพืช , สปี ชีส์ คดิ เป็น % ของสปี ชีส์พืชทงั หมดบนโลก ในประเทศไทย พบนกจาํ นวน ชนิด นอกจากนี ยงั เป็นถินทีอยขู่ องสัตวส์ ะเทินนําสะเทินบก นก สัตว์เลียง ลูกดว้ ยนาํ นม และสัตวเ์ ลือยคลานกว่า , สปีชีส์

50 . ทรัพยากรธรรมชาติ ประเทศไทยเป็นประเทศทีมีทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยอู่ ยา่ งมากมายแบง่ ได้ ดงั นี ทรัพยากรดิน ในประเทศไทยแบ่งออกเป็ น ชนิด ได้แก่ ดินเหนียว พบไดใ้ นบริเวณแอ่งโคราช ทีราบลุ่มแม่นําบางปะกง แม่นาํ แม่กลอง แม่นําตาปี แมน่ าํ ปากพนงั ดินร่วน พบมากในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคตะวนั ออก ภาคกลางตอนบน และภาคเหนือ ดินทราย พบมากในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ดินอินทรีย์ พบมากในป่ าพรุ เช่น ป่ าพรุสิรินธร จงั หวดั นราธิวาส ทรัพยากรป่ าไม้ ป่ าไมจ้ ะกระจายอยทู่ วั ประเทศ มีลกั ษณะแตกต่างกนั ตามภูมิประเทศและภูมิอากาศ มี ประเภท ไดแ้ ก่ ป่ าผลดั ใบ พบไดใ้ นทุกภูมิภาค แต่ภาคใตพ้ บน้อยทีสุด และป่ าไม่ผลดั ใบ ส่วนใหญ่อยู่ใน พืนทีภาคใต้ และบนภูเขาสูงทีมีความชุ่มชืน เช่น อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาตภิ ูสอยดาว เป็นตน้ ทรัพยากรนํา ในประเทศไทยมีแหล่งนาํ สําคญั แหล่งคือ จากนาํ ผิวดิน ซึงมีแม่นาํ เจา้ พระยาเป็ น แม่นําสายสําคญั ทีสุดของประเทศ นอกจากนียงั มีแม่นําต่าง ๆ ตามภูมิภาค เช่น แม่นํามูล ชี ปิ ง วงั ยม น่าน แม่กลอง ตาปี เป็นตน้ และจากนําบาดาล ทรัพยากรแร่ธาตุ พบอย่ทู วั ไปในทุกภูมภิ าคของประเทศไทย แตกต่างกนั ตามสภาพทางธรณีวิทยา เช่น สงั กะสีพบมากในภาคตะวนั ตกและภาคเหนือ ดีบุกพบมากในภาคใต้ แร่รตั นชาติพบมากในภาคตะวนั ออก และแร่เชือเพลิง ซึงพบมากในอ่าวไทย เช่น แก๊สธรรมชาติ ส่วนลิกไนตจ์ ะพบมากในภาคเหนือ . ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ีชีวติ ประเทศไทย ตงั อยบู่ นพนื ฐานของเอกลกั ษณ์และความศรัทธาของไทยสมยั ใหม่ ทาํ ให้พุทธศาสนาใน ประเทศไทยไดม้ ีการพฒั นาตามกาลเวลา ซึงรวมไปถึงการรวมเอาความเชือทอ้ งถินทีมาจากศาสนาฮินดู การถือผี และการบูชาบรรพบุรุษ ส่วนชาวมุสลิมอาศยั อยู่ทางภาคใตข้ องประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ รวมไปถึงชาวจีน โพ้นทะเลทีเขา้ มามีส่วนสําคญั อยู่ในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิงในพืนทีกรุงเทพมหานครและใกล้เคียง ซึงการปรับตวั เขา้ กบั สังคมไทยได้เป็ นอย่างดี ทาํ ให้กลุ่มชาวจีนมีตาํ แหน่งและบทบาททางเศรษฐกิจและ การเมอื ง วฒั นธรรมไทยมสี ่วนทีคลา้ ยคลึงกบั วฒั นธรรมเอเชีย กล่าวคือ มีการให้ความเคารพแก่บรรพบุรุษ ซึงเป็ นการยึดถือปฏิบตั ิกนั มาอย่างชา้ นาน ชาวไทยมกั จะมีความเป็ นเจา้ บา้ นและความกรุณาอย่างดี แต่ก็มี ความรู้สึกในการแบ่งชนชนั อยา่ งรุนแรงเช่นกนั ความอาวโุ สเป็ นแนวคิดทีสําคญั ในวฒั นธรรมไทยอย่างหนึง ผอู้ าวุโสจะตอ้ งปกครองดูแลครอบครวั ของตนตามธรรมเนียม และนอ้ งจะตอ้ งเชือฟังพี

51 การทกั ทายตามประเพณีของไทย คือ การไหว้ ผูน้ ้อยมกั จะเป็ นผทู้ กั ทายก่อนเมือพบกนั และผูท้ ี อาวุโสกวา่ กจ็ ะทกั ทายตอบในลกั ษณะทีคลา้ ย ๆ กนั สถานะและตาํ แหน่งทางสังคมก็มสี ่วนตอ่ การตดั สินวา่ ผใู้ ด ควรจะไหวอ้ ีกผูห้ นึงก่อนเช่นกนั การไหวถ้ ือว่าเป็ นสัญลกั ษณ์ในการใหค้ วามเคารพและความนบั ถือแก่อีก ผหู้ นึง ศิลปะ พระทนี ังไอศวรรย์ทิพย์อาสน์ พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จิตรกรรมไทย เป็นลกั ษณะอุดมคติ เป็นภาพ มิติ โดยนําสิงใกลไ้ วต้ อนล่างของภาพ สิงไกล ไวต้ อนบนของภาพ ใชส้ ีแบบเบญจรงค์ คือ ใชห้ ลายสีแตม่ ีสีทโี ดดเด่นเพียงสีเดียว ประติมากรรมไทยเดิม ช่างไทยทาํ งานประติมากรรมเฉพาะสิงศกั ดิสิทธิ เช่น พระพุทธรูป เทวรูป โดยมีสกลุ ช่างตา่ ง ๆ นบั ตงั แต่ก่อนสมยั สุโขทยั เรียกว่า สกุลช่างเชียงแสน สกุลช่างสุโขทยั สกุลช่าง อยธุ ยา และสกุลช่างรัตนโกสินทร์ โดยใชท้ องสาํ ริดเป็ นวสั ดุหลกั ในงานประติมากรรม เนืองจากสามารถแกะ แบบดว้ ยขีผงึ และตกแต่งไดแ้ ล้วจึงนําไปหล่อโลหะ เมือเทียบกบั ประติมากรรมศิลาในยุคก่อนนนั งานสําริด นบั ว่าอ่อนชอ้ ยงดงามกว่ามาก สถาปัตยกรรมไทย มีปรากฏใหเ้ ห็นในชนั หลงั เนืองจากงานสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ชํารุด ทรุดโทรมไดง้ ่าย โดยเฉพาะงานไม้ไมป่ รากฏร่องรอยสมยั โบราณเลย สถาปัตยกรรมไทยมีใหเ้ ห็นอยู่ในรูปของ บา้ นเรือนไทย โบสถ์ วดั และปราสาทราชวงั ซึงลว้ นแต่สรา้ งขึนใหเ้ หมาะสมกบั สภาพอากาศและการใชส้ อยจริง

52 แกงมัสมัน อาหารไทย อาหารไทยเป็ นการผสมผสานรสชาติความหวาน ความเผด็ ความเปรียว ความขม และความเค็ม ส่วนประกอบซึงมกั จะใชใ้ นการปรุงอาหารไทย รวมไปถึง กระเทยี ม พริก นํามะนาว และนําปลา และวตั ถุดิบ สําคญั ของอาหารในประเทศไทย คือ ขา้ ว โดยมีขา้ วกลอ้ งและขา้ วซอ้ มมือเป็ นพืน มีคุณลกั ษณะพิเศษ คือ ใหค้ ุณคา่ ทางโภชนาการครบถว้ น และใหส้ รรพคุณทางยาและสมุนไพร อาหารทีขึนชือทีสุดของคนไทย คือ นาํ พริกปลาทู พรอ้ มกบั เครืองเคียงทีจดั มาเป็นชุด ส่วนอาหารทีไดร้ ับความนิยมและเป็นทรี ู้จกั ไปทวั โลกนนั คือ ตม้ ยาํ กุง้ เมอื พ.ศ. เวบ็ ไซต์ CNNGO ไดจ้ ดั อนั ดบั เมนูอาหารทีอร่อยทีสุดในโลกโดยการลงคะแนนเสียง ทางเฟสบคุ๊ ปรากฏว่า แกงมสั มนั ไดร้ ับเลือกใหเ้ ป็นอาหารทอี ร่อยทีสุดในโลก ภาพยนตร์ไทย ภาพยนตร์ไทยมปี ระวตั ิความเป็นมาทยี าวนาน ปัจจุบนั ประเทศไทยมีภาพยนตร์ทมี ุ่งสู่ตลาดโลก เช่น ภาพยนตร์เรือง ตม้ ยาํ กงุ้ ทีสามารถขึนไปอยบู่ นตารางบอ็ กซอ์ อฟฟิ ศในสหรัฐอเมริกา และยงั มีภาพยนตร์ไทย หลายเรื องทีเป็ นทียอมรับในเทศกาลภาพยนตร์ ล่าสุด ภาพยนตร์เรือง ลุงบุญมีระลึกชาติ กํากับโดย อภิชาตพงศ์ วีระเศรษฐกลุ ไดร้ ับรางวลั ปาล์มทองคาํ จากงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครังที นบั เป็ น ภาพยนตร์จากภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตเ้ รืองแรกทีไดร้ ับรางวลั นี นอกจากนนั ปัจจุบนั เยาวชนไทยไดห้ นั มาสนใจผลิตหนังสันเขา้ ประกวดในระดับนานาชาติ เป็ นความคิดสร้างสรรคง์ านทงั ทีเป็ นหนังสันและ แอนนิเมชนั

53 ดนตรีไทย ดนตรีในประเทศไทยนนั ไดร้ ับอิทธิพลมาจากประเทศต่างๆ ดนตรีไทยเป็ นดนตรีทีมีความไพเราะ น่าฟัง มี ประเภท ไดแ้ ก่ ดีด สี ตี เป่ าในอดีตดนตรีไทยนิยมเล่นในการขบั ลาํ นาํ และรอ้ งเล่น ต่อมามีการนาํ เอา เครืองดนตรีจากต่างประเทศเขา้ มาผสม ดนตรีไทยนิยมเล่นกนั เป็ นวง เช่น วงปี พาทย์ วงเครืองสาย วงมโหรี ดนตรีไทยเขา้ มามีบทบาทในชีวติ ประจําวนั มากขึน โดยใชป้ ระกอบงานมงคล งานอวมงคล ฯลฯ ในปัจจุบนั ดนตรีไทยไม่ค่อยเป็ นทีนิยมกนั แพร่หลายนกั เนืองจากหาดูไดย้ าก คนส่วนใหญ่จึงไมค่ ่อยรู้จกั ดนตรีไทย การปล่อยโคมลอยในงานประเพณยี ีเป็ ง เทศกาลประเพณี เทศกาลประเพณีในประเทศไทยนันมีความหลากหลายและอลงั การ ทงั ประเพณีไทยดงั เดิม เช่น ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีลอยกระทง ประเพณีตกั บาตรดอกไม้ ประเพณีบญุ บงั ไฟ และประเพณีทีเป็ นสากล เช่น เทศกาลวนั คริสตม์ าส เทศกาลวนั ขึนปี ใหม่ ฯลฯ สรุปจุดเด่นของประเทศไทย ทงั ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทาํ เลทีตงั ประเพณี วฒั นธรรม และวิถีชีวิต และความสามารถของคนไทย ทีสามารถนาํ มาเป็นจุดขายเพือการสร้างงาน

54 อาชีพใหก้ บั คนไทยไดอ้ ยา่ งมากมาย หากสามารถดึงศกั ยภาพเหล่านนั มาคิดและหาแนวทางการสร้าง งานทสี อดคลอ้ งกบั ความรู้ ความสามารถของตนเองได้ . กลุ่มอาชีพทสี ัมพนั ธ์กบั ศักยภาพของประเทศไทย อาชีพ หมายถึ ง การทํากิจกรรม การทํางาน การประกอบการทีไม่เป็ นโทษแก่สังคม และมรี ายไดต้ อบแทน โดยอาศยั แรงงาน ความรู้ ทกั ษะ อุปกรณ์ เครืองมือ วธิ ีการ แตกตา่ งกนั ไป ประเภทและลักษณะของอาชีพ การแบ่งประเภทของอาชีพ สามารถจัดแบ่งตามลกั ษณะได้เป็ น 2 ลกั ษณะ คอื การแบ่งตามเนือหาวิชาของอาชีพ และแบง่ ตามลกั ษณะของการประกอบอาชีพ ลกั ษณะที 1 การแบ่งอาชีพตามเนือหาวิชาของอาชีพ สามารถจดั กลุ่มอาชีพตามเนือหาวิชาไดเ้ ป็ น 6 ประเภท ดงั นี 1. อาชีพเกษตรกรรม ถือว่าเป็นอาชีพหลกั และเป็นอาชีพสําคญั ของประเทศ ปัจจุบนั ประชากรของ ไทยไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 60 ยงั ประกอบอาชีพนีอยู่ อาชีพเกษตรกรรมเป็ นอาชีพเกียวเนืองกบั การผลิต การจดั จาํ หน่ายสินคา้ และบริการทางดา้ นการเกษตร ซึงผลผลิตทางการเกษตร นอกจากใชใ้ นการบริโภคเป็นส่วนใหญ่ แลว้ ยงั ใชเ้ ป็นวตั ถุดิบในการผลิตทางอุตสาหกรรมอีกดว้ ย อาชีพเกษตรกรรม ไดแ้ ก่ การทาํ นา ทาํ ไร่ ทาํ สวน เลียงสตั ว์ ฯลฯ 2. อาชีพอุตสาหกรรม การทําอุตสาหกรรม หมายถึง การผลิตสินค้าอันเนืองมาจาก การนาํ เอาวสั ดุ หรือสินคา้ บางชนิดมาแปรสภาพให้เกิดประโยชน์ต่อผใู้ ชม้ ากขึน กระบวนการประกอบการ อุตสาหกรรม ประกอบดว้ ย วตั ถดุ ิบหรือสินค้า ผา่ น กระบวนการ สินค้าสาํ เร็จรูป จาํ หน่าย ผ้บู ริโภค ผลผลติ ไดผ้ ลผลิต ในขนั ตอนของกระบวนการผลิต มีปัจจยั มากมายนบั ตงั แตแ่ รงงาน เครืองจกั ร เครืองมอื เครืองใช้ เงินทนุ ทดี ิน อาคาร รวมทงั การบริหารจดั การ การประกอบอาชีพอตุ สาหกรรมแบ่งตามขนาด ไดด้ งั นี 2.1 อุตสาหกรรมในครอบครัว เป็นอุตสาหกรรมทีทาํ กนั ในครวั เรือน หรือภายในบา้ น ใชแ้ รงงานคน ในครอบครัวเป็นหลกั บางทอี าจใชเ้ ครืองจกั รขนาดเลก็ ช่วยในการผลติ ใชว้ ตั ถุดิบ วสั ดุทหี าไดใ้ นทอ้ งถนิ มาเป็น ปัจจยั ในการผลิตอุตสาหกรรมในครวั เรือนเช่น การทอผา้ การจกั สาน การทาํ ร่ม การทาํ อฐิ มอญ การทาํ ถวั เน่าแผน่

55 นาํ พริกลาบ นาํ มนั งา ฯลฯ ลกั ษณะการดาํ เนินงานไมเ่ ป็นระบบมากนกั รวมทงั การใชเ้ ทคโนโลยแี บบง่าย ๆ ไม่ ยงุ่ ยากซบั ซ้อน และมกี ารลงทนุ ไม่มาก 2.2 อุตสาหกรรมขนาดยอ่ ม เป็นอุตสาหกรรมทมี ีการจา้ งคนงานไมเ่ กิน 50 คน ใชเ้ งินทนุ ดาํ เนินการ ไม่เกิน 10 ลา้ นบาท อุตสาหกรรมขนาดย่อม ไดแ้ ก่ โรงกลึง อู่ซ่อมรถ โรงงานทาํ ขนมปัง โรงสีขา้ ว เป็นตน้ ในการดาํ เนินงานของอุตสาหกรรม ขนาดย่อมมีขบวนการผลิตไม่ซบั ซ้อน และใชแ้ รงงานทมี ีฝีมือไม่มาก 2.3 อุตสาหกรรมขนาดกลาง เป็นอุตสาหกรรมทมี กี ารจา้ งคนงานมากกว่า 50 คน แต่ไม่เกิน 200 คน ใชเ้ งินทุนดาํ เนินการมากกวา่ 10 ลา้ นบาท แต่ไม่เกิน 100 ลา้ นบาท อุตสาหกรรมขนาดกลางไดแ้ ก่ อุตสาหกรรม ทอกระสอบ อุตสาหกรรมเสือผา้ สาํ เร็จรูป เป็นตน้ การดาํ เนินงานของอุตสาหกรรมขนาดกลางตอ้ งมีการจดั การ ทีดี แรงงานทีใชต้ อ้ งมีทกั ษะ ความรู้ ความสามารถในกระบวนการผลิตเป็ นอยา่ งดี เพอื ทีจะไดส้ ินคา้ ทมี ีคุณภาพ ระดบั เดียวกนั 2.4 อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เป็ นอุตสาหกรรมทีมีคนงานมากกว่า 200 คนขึนไป เงินทุนในการ ดาํ เนินการมากกว่า 200 ลา้ นบาท อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น อุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี อุตสาหกรรมถลุง เหล็ก อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ อุตสาหกรรมผลิตเครืองใชไ้ ฟฟ้ า เป็นตน้ อุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีระบบ การจดั การทีดี ใชค้ นทีมีความรู้ ทกั ษะ ความสามารถเฉพาะด้าน หลายสาขา เช่น วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ในการดาํ เนินงานผลิตมีกรรมวิธีทียงุ่ ยาก ใชเ้ ครืองจกั ร คนงาน เงินทุน จาํ นวนมากขึน มีกระบวนการผลิตที ทนั สมยั และผลิตสินคา้ ไดท้ ีละมาก ๆ มีการว่าจา้ งบุคคลระดบั ผบู้ ริหารทีมีความสามารถ 3. อาชีพพาณชิ ยกรรมและอาชีพบริการ 3.1 อาชีพพาณิชยกรรม เป็นการประกอบอาชีพทีเป็ นการแลกเปลียนระหว่างสินคา้ กับเงิน ส่วนใหญ่จะมีลกั ษณะเป็ นการซือมาและขายไป ผูป้ ระกอบอาชีพทางพาณิชยกรรมจึงจดั เป็ นคนกลาง ซึงทาํ หนา้ ทีซือสินคา้ จากผผู้ ลิตและนาํ มาขายต่อให้แก่ผบู้ ริโภค ประกอบดว้ ยการคา้ ส่งและการคา้ ปลีก โดยอาจจดั จาํ หน่ายในรูปของการขายตรงหรือขายออ้ ม 3.2 อาชีพบริการ หมายถึง อาชีพทีทาํ ให้เกิดความพอใจแก่ผซู้ ือ การบริการอาจเป็ นสินคา้ ทีมี ตวั ตน หรือไมม่ ีตวั ตนกไ็ ด้การบริการทมี ีตวั ตน ไดแ้ ก่ บริการขนส่ง บริการทางการเงิน ส่วนบริการทีไมม่ ีตวั ตน ไดแ้ ก่ บริการท่องเทียว บริการรักษาพยาบาล เป็ นตน้ 3.3 อาชีพพาณิชยกรรม จึงเป็ นตวั กลางในการขายสินคา้ หรือบริการต่าง ๆ นบั ตงั แต่การนาํ วตั ถุดิบจากผผู้ ลิตทางดา้ นเกษตรกรรม ตลอดจนสินคา้ สําเร็จรูปจากโรงงานอุตสาหกรรม รวมทงั คหกรรม ศลิ ปกรรม หตั ถกรรม ไปใหผ้ ูซ้ ือ หรือผูบ้ ริโภค อาชีพพาณิชยกรรมจึงเป็ นกิจกรรมทีสอดแทรกอยทู่ ุกอาชีพ ในการประกอบอาชีพ พาณิชยกรรม หรือบริการ ผูป้ ระกอบอาชีพจะตอ้ งมีความสามารถในการจัดหา มีความคดิ ริเริม และมีคุณธรรม จึงจะทาํ ใหก้ ารประกอบอาชีพเจริญกา้ วหนา้

56 4. อาชีพคหกรรม การประกอบอาชีพคหกรรม เช่น อาชีพทีเกียวกบั การประกอบอาหาร ขนม การตดั เยบ็ การเสริมสวย ตดั ผม เป็นตน้ 5. อาชีพหัตถกรรม การประกอบอาชีพหัตถกรรม เช่น อาชีพทีเกียวกบั งานช่าง โดยการใชม้ ือใน การผลิตชินงานเป็นส่วนใหญ่ เช่น อาชีพจกั สาน แกะสลกั ทอผา้ ดว้ ยมือ ทอเสือ เป็นตน้ 6. อาชีพศิลปกรรม การประกอบอาชีพศิลปกรรม เช่น อาชีพเกียวขอ้ งกับการแสดงออก ในลกั ษณะตา่ ง ๆ เช่น การวาดภาพ การปัน การดนตรี ละคร การโฆษณา ถ่ายภาพ เป็นตน้ ลักษณะที 2 การแบ่งอาชีพตามลักษณะของการประกอบอาชีพ การจัดกลุ่มอาชีพตาม ลกั ษณะการประกอบอาชีพ แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คอื อาชีพอิสระ และอาชีพรับจา้ ง 1. อาชีพอิสระ หมายถึง อาชีพทุกประเภททีผปู้ ระกอบการดาํ เนินการดว้ ยตนเอง แต่เพียงผูเ้ ดียวหรือ เป็นกลุ่ม อาชีพอิสระเป็นอาชีพทีไม่ตอ้ งใชค้ นจาํ นวนมาก แต่หากมคี วามจาํ เป็นอาจมกี ารจา้ งคนอืนมาช่วยงาน ได้ เจา้ ของกิจการเป็นผลู้ งทุน และจาํ หน่ายเอง คิดและตดั สินใจดว้ ยตนเองทุกเรือง ซึงช่วยให้การพฒั นางาน อาชีพ เป็ นไปอย่างรวดเร็วทนั ต่อเหตุการณ์ การประกอบอาชีพอิสระ เช่น ขายอาหาร ขายของชํา ซ่อมรถจกั รยานยนต์ ฯลฯ ในการประกอบอาชีพอิสระ ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งมีความรู้ ความสามารถในเรือง การบริหารการจดั การ เช่น การตลาด ทาํ เลทีตงั เงินทุน การตรวจสอบ และประเมินผล นอกจากนียงั ตอ้ งมี ความอดทนต่องานหนกั ไมท่ อ้ ถอยต่อปัญหาอุปสรรคทีเกิดขึน มีความคิดริเริมสร้างสรรค์ และมองเห็นภาพ การดาํ เนินงานของตนเองไดต้ ลอดแนว 2. อาชีพรับจ้าง หมายถึง อาชีพทีมีผูอ้ ืนเป็ นเจา้ ของกิจการ โดยตวั เองเป็ นผูร้ ับจา้ งทาํ งานให้ และ ไดร้ บั ค่าตอบแทนเป็นค่าจา้ ง หรือเงนิ เดือน อาชีพรบั จา้ งประกอบดว้ ย บคุ คล 2 ฝ่าย ซึงไดต้ กลงว่าจา้ งกนั บคุ คล ฝ่ายแรกเรียกว่า \"นายจา้ ง\" หรือผูว้ ่าจา้ ง บุคคลฝ่ายหลังเรียกวา่ \"ลูกจา้ ง\" หรือผูร้ ับจา้ ง มีค่าตอบแทนทีผวู้ ่าจา้ ง จะตอ้ งจ่ายใหแ้ ก่ ผรู้ ับจา้ งเรียกว่า \"ค่าจา้ ง\" การประกอบอาชีพรับจา้ ง โดยทวั ไปมีลกั ษณะ เป็นการรับจา้ งทาํ งาน ในสถานประกอบการหรือโรงงาน เป็นการรับจ้างในลกั ษณะการขายแรงงาน โดยได้รับค่าตอบแทนเป็ น เงินเดือน หรือค่าตอบแทนทีคิดตามชินงานทีทาํ ได้ อตั ราค่าจา้ งขึนอยกู่ บั การกาํ หนดของเจา้ ของสถานประกอบการ หรือนายจา้ ง การทาํ งานผรู้ ับจา้ งจะทาํ อยภู่ ายในโรงงาน ตามเวลาทีนายจา้ งกําหนด การประกอบอาชีพรับจา้ ง ในลกั ษณะนีมีขอ้ ดี คอื ไม่ตอ้ งเสียงกบั การลงทนุ เพราะลูกจา้ งจะใชเ้ ครืองมือ อุปกรณท์ นี ายจา้ งจดั ไวใ้ หท้ าํ งาน ตามทีนายจา้ งกาํ หนด แต่มีขอ้ เสีย คือ มกั จะเป็นงานทีทาํ ซาํ ๆ เหมือนกนั ทกุ วนั และตอ้ งปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบ ของนายจา้ ง ในการประกอบอาชีพรับจา้ งนนั มีปัจจยั หลายอยา่ งทีเอืออาํ นวยใหผ้ ปู้ ระกอบอาชีพรับจา้ งมีความ เจริญกา้ วหนา้ ได้ เช่น ความรู้ ความชาํ นาญในงาน มนี ิสัยการทาํ งานทีดี มคี วามกระตือรือร้น มานะ อดทน และ มีวินยั ในการทาํ งาน ยอมรับกฎเกณฑแ์ ละเชือฟังคาํ สัง มีความซือสัตย์ สุจริต ความขยนั หมนั เพียร รับผิดชอบ มมี นุษยสัมพนั ธท์ ีดี รวมทงั สุขภาพอนามยั ทดี ี อาชีพต่าง ๆ ในโลกมมี ากมาย หลากหลายอาชีพ

57 ซึงบคุ คลสามารถจะเลอื กประกอบอาชีพไดต้ ามความถนดั ความตอ้ งการ ความชอบ และความสนใจ ไม่วา่ จะเป็นอาชีพประเภทใด จะเป็ นอาชีพอิสระ หรืออาชีพรับจา้ ง ถา้ หากเป็นอาชีพทีสุจริตยอ่ มจะทาํ ใหเ้ กิด รายไดม้ าสู่ตนเอง และครอบครัว ถา้ บุคคลผนู้ นั มีความมุ่งมนั ขยนั อดทน ตลอดจนมีความรู้ ขอ้ มูลเกียวกบั อาชีพตา่ ง ๆ จะทาํ ใหม้ องเห็นโอกาสในการเขา้ สู่อาชีพ และพฒั นาอาชีพใหม่ ๆ ใหเ้ กิดขึนอยู่เสมอ กระทรวงศึกษาธิการ โดย ฯพณฯท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีนโยบายการจัด การศกึ ษาเพือการมีงานทาํ ใหส้ ถาบนั การศึกษา และสถานศึกษา ในสังกดั กระทรวงศึกษาธิการ จัดการศึกษา อาชีพใน 5 กลุ่ม ดงั นี 1. เกษตรกรรม 2. อุตสาหกรรม 3. พาณิชยกรรม 4. ความคิดสร้างสรรค์ 5. บริหารจดั การและบริการ โดยพฒั นาหลกั สูตรการเรียนการสอนให้สอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพทีมีอยูใ่ นทอ้ งถิน รวมถึงสนองต่อ ตลาดแรงงานในระดบั ทอ้ งถิน ประเทศ และภูมภิ าคของโลก ประชาชนไทยสามารถรับบริการการศกึ ษาอาชีพ ได้ ณ ศูนยฝ์ ึ กอาชีพชุมชนของสถาบนั การศึกษา สถานศึกษาต่าง ๆ โดยเฉพาะศูนยฝ์ ึ กอาชีพชุมชน กศน. ในระดบั อาํ เภอไดท้ วั ประเทศ การมองเห็นโอกาสในการประกอบอาชีพ การมองเห็นโอกาสและความสามารถทีจะนําโอกาสนันมาประกอบอาชีพไดก้ ่อนผูอ้ ืน เป็ นหวั ใจ สําคญั ของการประกอบอาชีพ หากผูใ้ ดประกอบอาชีพตามทีตลาดต้องการ และเป็ นอาชีพทีเหมาะสมกบั สภาพการณ์ในขณะนนั ผนู้ นั ยอ่ มมีโอกาสประสบความสําเร็จ เราสามารถพฒั นาตนเองให้มองเห็นโอกาสใน การประกอบอาชีพ ดงั นี 1. ความชาํ นาญจากงานทที าํ ในปัจจุบนั การงานทีทาํ อยใู่ นปัจจุบนั จะเป็นแหล่งความรู้ ความคิดทีจะ ช่วยให้มองเห็นโอกาสในการประกอบอาชีพไดม้ าก บางคนมคี วามชาํ นาญทางดา้ นการทาํ อาหาร ตดั เยบ็ เสือผา้ ซ่อมเครืองใชไ้ ฟฟ้ า ต่อท่อนําประปา ช่างไม้ ช่างปูกระเบือง เป็ นตน้ ซึงสามารถนําความชาํ นาญดงั กล่าวมา พฒั นาและประกอบเป็นอาชีพขึนมา บางคนเคยทาํ งานทีโรงงานทาํ ขนมปัง เมือกลบั ไปภูมิลาํ เนาของตนเอง สามารถใชป้ ระสบการณท์ ไี ดร้ ับไปประกอบอาชีพของตนเองได้

58 2. ความชอบ ความสนใจส่วนตวั หรืองานอดิเรก เป็นอีกทางหนึงทจี ะช่วยใหม้ องเห็นโอกาสในการ ประกอบอาชีพ บางคนชอบประดิษฐ์ดอกไม้ บางคนชอบวาดรูป เป็นตน้ บุคคลเหล่านีอาจจะพฒั นางานทีชอบ งานอดิเรกไดก้ ลายเป็นอาชีพหลกั ทีทาํ รายไดเ้ ป็นอยา่ งดี 3. การฟังความคดิ เห็นจากแหล่งต่าง ๆ การพูดคุยแลกเปลียนความคิดเห็นกบั บุคคลกลุ่มต่าง ๆ เป็ น แหล่งความรู้และก่อใหเ้ กิดความคดิ ริเริมเป็นอย่างดี ในบางครงั เรามีความคิดอยแู่ ลว้ การไดค้ ุยกับบุคคลต่าง ๆ จะช่วยใหก้ ารวิเคราะห์ความคิดชดั เจนขึน ช่วยให้มองไปขา้ งหนา้ ไดอ้ ยา่ งรอบคอบ ก่อนทีจะลงมอื ทาํ งานจริง 4. การศึกษา คน้ ควา้ จากหนังสือ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ การดูวีดิทศั น์ ฟังวิทยุ ดูรายการโทรทศั น์ เป็นตน้ จะช่วยทาํ ใหเ้ กิดความรู้และความคิดใหม่ ๆ ได้ 5. ขอ้ มูล สถิติ รายงาน ข่าวสารจากหน่วยราชการและเอกชน รวมทงั แผนพฒั นาเศรษฐกิจของ ประเทศ ในการมองหาช่องทางในการประกอบอาชีพ ผทู้ ีจะมองหาอาชีพ พฒั นาอาชีพจึงควรใหค้ วามสนใจใน ขอ้ มูลขา่ วสารต่างๆ เพือตดิ ตามใหท้ นั ต่อเหตกุ ารณ์ แลว้ นาํ มาพิจารณาประกอบการตดั สินใจในการประกอบ อาชีพ 6. ทรัพยากรรอบ ๆ ตวั หรือในชุมชน ทีเกียวขอ้ งกบั การประกอบอาชีพ ทงั ดา้ นทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิประเทศ ภูมอิ ากาศ ประเพณี ศลิ ปวฒั นธรรมและวถิ ีชวี ิต ทีเอือต่อการประกอบอาชีพ ซึงแต่ละพนื ทีแตกต่างกัน นอกเหนือไปจากความรู้ ความสามารถทมี ีอยู่

59 กจิ กรรม 1. ใหย้ กตวั อยา่ งอาชีพของคนไทยทีใชศ้ กั ยภาพดา้ นทรัพยากรธรรมชาติ มาเป็นองคป์ ระกอบใน การเลอื กประกอบอาชีพ 1 อาชีพ 2. อาชีพสมยั ใหม่ทพี งึ มขี ึนในประเทศไทย ทีเกิดจากความคดิ สรา้ งสรรคข์ องคนไทย มีอะไรบา้ ง ยกตวั อยา่ ง 1 อาชีพ พรอ้ มอธิบายประกอบดว้ ย 3. ในทอ้ งถนิ ทนี กั ศึกษาอยู่ มีความโดดเด่นในเรืองใดบา้ ง ทีสามารถนาํ มาประกอบการตดั สินใจ เลือกประกอบอาชีพได้ ใหย้ กตวั อยา่ ง 1 อาชีพ

60 บรรณานุกรม การศกึ ษานอกโรงเรียน, กรม. ชุดวชิ าการพฒั นาโครงการ. กรุงเทพฯ : บริษทั สามเจริญพาณิชย์ จาํ กดั , 2537. การศึกษานอกโรงเรียน, กรม. ชุดวชิ าวจิ ยั ทางการศึกษานอกโรงเรียน การเกบ็ รวบรวมข้อมลู เพอื การวจิ ยั . กรุงเทพฯ : บริษทั ประชาชน จาํ กดั , 2538. การศึกษานอกโรงเรียน, กรม. ชุดวชิ าวจิ ัยทางการศึกษานอกโรงเรยี น การวิเคราะห์ข้อมูล. กรุงเทพฯ : บริษทั ประชาชน จาํ กดั , 2538. เกรียงศกั ดิ หลิวจนั ทรพ์ ฒั นา. การวเิ คราะห์ข้อมลู ทางการแพทย์และสาธารณสุขด้วยคอมพวิ เตอร์. กรุงเทพฯ : สํานกั พิมพจ์ ฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2538. ชยนั ต์ วรรธณะภูต.ิ ค่มู อื การวจิ ัยเชิงคุณภาพเพอื งานพฒั นา. ขอนแก่น : สถาบนั วจิ ยั เพอื การพฒั นา มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น, เอกสารอดั สาํ เนา. ณฐั นรี ศรีทอง. การเพมิ ศักยภาพภาวะความเป็ นผ้นู าํ ในงานพฒั นาชุมชน. กรุงเทพฯ : โอ เอส พรินตงิ เฮาส์, 2552. ทวีป ศริ ิรัศมี. การวางแผนพฒั นาและประเมนิ โครงการ. กรุงเทพฯ : สาํ นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวิจยั (สกว.), 2544. ปาริชาติ วลยั เสถียร และคณะ. กระบวนการและเทคนิคการทาํ งานของนกั พฒั นา. กรุงเทพฯ : สํานกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวิจยั (สกว.), 2543. ศนู ยเ์ ทคโนโลยที างการศึกษา. ความหมายเกียวกับแผนงานโครงการ. กรุงเทพฯ : กราฟฟิ คโกร, 2545. ศูนยก์ ารศกึ ษานอกหอ้ งเรียนภาคใต.้ ชุดวชิ าแผนแม่บทชุมชน. สงขลา : เทมการพิมพ,์ 2548. สถาบนั การพฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ภาคเหนือ. ค่มู อื การทาํ วจิ ัยอย่างง่าย. อุบลราชธานี : บริษทั ยงสวสั ดิอนิ เตอร์กรุ๊ป จาํ กดั , 2552. สถาบนั การศึกษาและพฒั นาตอ่ เนืองสิรินธร. กระบวนการจดั การศึกษานอกโรงเรยี นและอธั ยาศัย. เอกสาร ประกอบการอบรมวทิ ยากรกระบวนการจดั การศึกษาเพอื เสริมสรา้ งความเขม้ แขง็ ของชุมชน, นครราชสีมา : 2544. สญั ญา สัญญาวิวฒั น.์ ทฤษฎแี ละกลยุทธ์การพฒั นาสังคม. กรุงเทพฯ : สํานกั พิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 2543. สาํ นกั บริหารงานการศกึ ษานอกโรงเรียน. ค่มู อื การจัดกระบวนการเรียนรู้เพอื จดั ทาํ แผนชุมชน. กรุงเทพฯ : รงั ษี การพมิ พ,์ 2546. เสรี พงศพ์ ิศ. วธิ ีทาํ และวิธคี ดิ แผนชีวติ เศรษฐกจิ ชุมชน. กรุงเทพฯ : 2546.

61 สุภางค์ จนั ทวานิช. วธิ ีการวจิ ัยเชิงคุณภาพ. (พมิ พค์ รงั ที 10) กรุงเทพฯ : สาํ นกั พมิ พแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั , 2545. http://www.jd.in.th/e.learning/th33101/pan08/t305.8002.htm. http://www.tddf.or.th/tddf//:braly/doc/libraly-2007-02-28-240.doc. http://www.bic.moe.go.th/th/index.php?option=com_content&view=article&id=192&Itemid =148 http://www.nmt.or.th/TOTOP/Lists/OTOP /AllItems.aspx http://www.aseanthailand.org/index.php http://www.geocities.com/jea_pat/ http://blog.eduzones.com/offy/5174 ดร.กระมล ทองธรรมชาติ และคณะ, สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ม. , สาํ นกั พิมพ์ อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จาํ กดั , , หนา้ - วิรัช มณีสาร, เรือโท. ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศและลกั ษณะอากาศตามฤดูกาลของภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย. เอกสารวิชาการเลขที . - - , ISBN: - - - , กนั ยายน ฝ่ายกรรมวธิ ีขอ้ มลู . สถิตภิ ูมอิ ากาศของประเทศไทยในคาบ ปี (พ.ศ. - ). รายงาน ขอ้ มลู อุตุนิยมวิทยาเลขที . - - , ISBN : - - - , กองภูมอิ ากาศ, กรมอุตนุ ิยมวิทยา, กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือสาร วริ ัช มณีสาร, เรือโท. สถิตอิ งค์ประกอบอตุ นุ ยิ มวทิ ยาของภาคต่างๆ ในประเทศไทย คาบ ปี (พ.ศ. - ) เอกสารวชิ าการเลขที . - - , ISBN : - - - , กนั ยายน กลุ่มภูมิอากาศ, สาํ นกั พฒั นาอุตนุ ิยมวิทยา, กรมอุตนุ ิยมวิทยา, กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสือสาร. . ความรู้อตุ ุนิยมวทิ ยา - เปอร์เซ็นต์ความถที ศี ูนย์กลางพายุเคลอื นทผี ่านพนื ทขี องประเทศไทย จากกรมอุตุนิยมวิทยา, กระทรวงคมนาคม.

62 ภาคผนวก ตัวอย่างการเขยี นโครงการ โครงการ ค่ายอาสาพฒั นาชุมชนโรงเรียนหนองม่วง ต.เมอื งไผ่ อ.หนองกี จ.บุรีรัมย์ องค์กร/สถาบนั โรงเรียนมธั ยมประชานิเวศน์ ทีตัง สํานกั งานเขตจตุจกั ร กรุงเทพมหานคร ผู้ประสานงานโครงการ นายประจวบ ใจด้วง 1. ความเป็ นมาโครงการ ตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และทีแกไ้ ขเพมิ เติม (ฉบบั ที 2) 2545 ใน หมวดที 1 มาตราที 6 วา่ ดว้ ยการจดั การศึกษาตอ้ งเป็นไปเพือพฒั นาคนไทยใหเ้ ป็นมนุษยท์ ีสมบรู ณ์ ทงั ร่างกายจิตใจ สติปัญญา ความรู้และคณุ ธรรม จริยธรรม และวฒั นธรรมในการดาํ รงชีวติ สามารถ อยรู่ ่วมกบั ผอู้ ืนไดอ้ ยา่ งมีความสุข ซึงเป็นเป้ าหมายสาํ คญั ในการสรา้ งทรพั ยากรมนุษยท์ ีทกุ สถานศึกษา พึงรับมาปฏิบตั ิความสาํ เร็จของเป้ าหมายมิใช่อยทู่ คี วาม เขม้ แขง็ ของสถานศึกษาเทา่ นนั ความร่วมมือของภาคครัวเรือน ชุมชน จนถึงระดบั รฐั มีความ จาํ เป็นทีจะตอ้ งสร้างความแขง็ แกร่ง ดา้ นคณุ ธรรมในทุกภาคส่วน ทงั นีจะตอ้ งอาศยั ความรู้ ความเขา้ ใจ และแบบอยา่ งการประพฤติ ปฏิบตั ิ โดยผา่ นการปลูกฝังค่านิยม และจิตสาํ นึกทีดใี น ทกุ กลไกในการดาํ เนินการสร้างคณุ ธรรมสู่ สงั คมไดแ้ ก่ ครู ผปู้ กครองและนกั เรียน ในการดาํ เนินการทุกขนั ตอน และขณะเดียวกนั จะตอ้ ง เสริมสร้างพืนฐานจิตใจของคนในชาติ ใหม้ ีจิตสาํ นึกในคุณธรรม ความซือสัตย์ และใหม้ คี วาม รอบรู้ทีเหมาะสม ดาํ เนินชีวติ ดว้ ยความอดทน ความเพยี ร มีสตปิ ัญญา และความรอบคอบ เพือให้ สมดุลและพร้อมรับการเปลียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว

63 ทางสาํ นกั งานศกึ ษากรุงเทพมหานครไดส้ ง่ เสริมใหเ้ ยาวชน นกั เรียน มีจิตสาธารณะ ใน การใชช้ ีวิตอย่างพอเพยี ง คือ พอมีพอกิน พึงพาตนเองได้ และช่วยเหลือผอู้ ืนได้ โดยใหเ้ ยาวชน จดั ค่ายอาสาพฒั นาชุมชนเพือเป็นการปลูกฝังวินยั ในการทาํ ดเี พือสงั คม โดยเห็น ประโยชน์ส่วนรวม มากกวา่ เห็นประโยชนส์ ่วนตน ปัจจบุ นั ความวนุ่ วายของสงั คมมีมากนกั การแขง่ ขนั ทีรอ้ นแรงใน ทกุ ๆ ดา้ น การทาํ ลายสิงแวดลอ้ ม การเอาเปรียบผดู้ อ้ ยโอกาส การปลอ่ ยมลพษิ สู่สงั คม การวา่ รา้ ย เสียดแทง การแก่งแยง่ ชิงดี ฯลฯ ลว้ นแลว้ แตม่ าจากสาเหตุเบืองตน้ คลา้ ย ๆ กนั คือ ความเห็นแก่ตวั หรือเอาแตไ่ ดใ้ นส่วนตนเป็นหลกั ทาํ อยา่ งไรจึงจะลดความเอาแต่ไดล้ งบา้ ง ตรงกนั ขา้ มกบั การเอา เขา้ มาใส่ตวั กค็ ือ “การให”้ แกค่ นอืนออกไป เมือคนตา่ ง ๆ เริมมองออกสู่ภายนอก แค่นอกจาก ตวั เองเทา่ นนั มองเห็นผอู้ ืนอยา่ งลึกซึงแทจ้ ริงมากขนึ เริมเขา้ ใจมุมมองของคนอืน เขาตอ้ งการอะไร เขาอยู่ในสภาพไหน เราช่วยอะไรไดบ้ า้ ง มองเห็นสงั คม เหน็ แนวทางทีจะช่วยกนั ลดปัญหา เริมแรก ใหเ้ ริมสละสิงทีเรามีอยู่ ไม่วา่ จะเป็นเวลา แรงงาน เงิน สิงของ อวยั วะหรือแมก้ ระทงั สละความเป็น ตวั เราของเรา ซึงนันเป็นหนทางการพฒั นาจิตใจแตล่ ะคนไดอ้ ยา่ งเป็นรูปธรรม จิตสาธารณะตรงนีทีมองเหน็ ผอู้ นื เหน็ สงั คมดงั นีเอาทีเราเรียกกนั วา่ “จิตอาสา” จิตใจที เห็นผอู้ นื ดว้ ย ไม่เพยี งแตต่ วั เราเอง เราอาจจะยนื มือออกไปทาํ อะไรใหไ้ ดบ้ า้ ง เสียสละอะไรไดบ้ า้ ง ช่วยเหลืออะไรไดบ้ า้ ง แบบเพอื นช่วยเหลือซึงกนั และกนั ไม่ใช่ผเู้ หนือกวา่ มีนาํ ใจแก่กนั และกนั ไม่นิงดดู ายแบบทีเรืองอะไรจะเกิดขึนไม่เกียวกบั ฉนั ฉนั ไม่สนใจ สามารถแสดงออกมาไดใ้ น หลายรูปแบบ ทงั การใหร้ ูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนการอาสาเพอื ชว่ ยเหลือสงั คม ดงั นนั โครงการจิตอาสาพฒั นาจึงจะจดั กิจกรรมใหน้ กั เรียนไดม้ ีความรู้ทีถูกตอ้ ง เกียวกบั จิตอาสาเพือกระตุน้ ใหแ้ ต่ละคนลกุ ขึนมาทาํ ความดกี นั คนละนิด คนละนิดเดียวเท่านนั ประเทศชาติ ของเราน่าจะงดงามขึนอีกไมน่ อ้ ย เช่น เพยี งร่วมกนั บริจาคเงินกนั เพียงคนละเลก็ ละนอ้ ย เรากจ็ ะมี งบประมาณชว่ ยเหลือสังคมขึนมาทนั ที ในกรณีโรงเรียนมธั ยมประชานิเวศน์ จึงจดั ตงั โครงการ จิตอาสาขึนโดยใหน้ กั เรียนโรงเรียนมธั ยมประชานิเวศน์ไดร้ ่วมกนั ทาํ ความดี เพือพฒั นาโรงเรียนใน ชนบท เช่น บูรณะพนื ทีตา่ ง ๆ ในโรงเรียน รับบริจาคหนงั สือ เครืองใชต้ า่ ง ๆ ไปมอบใหแ้ ก่ โรงเรียนวดั หนองมว่ ง ตาํ บลเมืองไผ่ อาํ เภอหนองกี จงั หวดั บรุ ีรัมย์ ในวนั ที 23 ตลุ าคม 2551- 26 ตลุ าคม 2551

64 2. วตั ถปุ ระสงค์ 3. เป้ าหมายของโครงการ 3.1 ด้านปริมาณ บุคลากรครูทีรับผิดชอบโครงการ และนกั เรียนระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และ ตอนปลาย โรงเรียนมธั ยมประชานิเวศน์ แบง่ เป็นบคุ ลากรครู จาํ นวน 6 คน และการรับสมคั รและคดั เลือกจาํ นวน 60 คน 3.2 ด้านคณุ ภาพ บคุ ลากรและนกั เรียนในโรงเรียนเป็นผมู้ จี ิตสาธารณะ และเกิดความภาคภมู ิใจ ในการช่วยเหลือผอู้ ืนอยเู่ สมอ

65 4. กจิ กรรมดาํ เนนิ การ โครงการจิตอาสาพฒั นาชุมชนประกอบดว้ ย 4 กิจกรรม ดงั นี . ระยะเวลาดําเนนิ โครงการจิตอาสาพฒั นาชุมชนเดือน พ.ค. – ต.ค. 2551

66 6. งบประมาณ รายละเอียดของงบประมาณดาํ เนินการจดั กิจกรรม ในการออกคา่ ยอาสาพฒั นาชุมชน จาํ นวน 110,000 บาท โดยงบประมาณทงั หมดไดจ้ ากการบริจาคของผปู้ กครอง นกั เรียน คณะครู พอ่ คา้ ประชาชน 7. ปัญหาและอุปสรรค จาํ นวนสิงของและเงินบริจาคอาจไม่เพียงพอ 8. ผลทีคาดว่าจะได้รับ นกั เรียนและบุคลากรทีเขา้ ร่วมโครงการมีนาํ ใจและจิตสาธารณะ 9. การตดิ ตามและประเมนิ ผลโครงการ 9.1 ผตู้ ิดตามและประเมินผล 9.1.1 ครู บุคลากรและนกั เรียนทีเขา้ ร่วมโครงการ 9.2 วธิ ีติดตามและประเมินผล 9.2.1 การสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียน 9.2.2 การตอบแบบสอบถาม

67 คณะผู้จดั ทาํ ทปี รึกษา บุญเรือง เลขาธิการ กศน. 1. นายประเสริฐ อิมสุวรรณ์ รองเลขาธิการ กศน. 2. ดร.ชยั ยศ จาํ ปี รองเลขาธิการ กศน. 3. นายวชั รินทร์ แกว้ ไทรฮะ ทีปรึกษาดา้ นการพฒั นาหลกั สูตร กศน. 4. ดร.ทองอยู่ ตณั ฑวุฑโฒ ผอู้ าํ นวยการกลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 5. นางรกั ขณา สถาบนั กศน. ภาคใต้ จงั หวดั สงขลา ผ้เู ขยี นและเรียบเรยี ง 1. นางมยรุ ี สุวรรณเจริญ ผ้บู รรณาธิการและพฒั นาปรับปรุง 1. นายวิวฒั น์ไชย จนั ทนส์ ุคนธ์ กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน 2. นางพิชญาภา ปิ ติวรา กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 3. นางสาววรรณพร ปัทมานนท์ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 4. นายศภุ โชค ศรีรตั นศลิ ป์ ศกึ ษานิเทศกเ์ ชียวชาญ 5. นายสุรพงษ์ มนั มะโน ขา้ ราชการบาํ นาญ ครูชาํ นาญการพิเศษ 6. นางสาวเพชรินทร์ เหลืองจิตวฒั นา กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน ผ้พู ฒั นาและปรับปรุงครังที . นางสาวสุดใจ บุตรอากาศ . นางพรทิพย์ เขม็ ทอง . นางบุษบา มาลินีกลุ . นางพรทิพย์ พรรณนิตานนท์ . นางสาวกรวรรณ กวีวงษ์พิพฒั น์

68 คณะทาํ งาน มนั มะโน กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน 1. นายสุรพงษ์ ศรีรตั นศลิ ป์ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 2. นายศภุ โชค ปัทมานนท์ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 3. นางสาววรรณพร กุลประดษิ ฐ์ กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน 4. นางสาวศริญญา เหลืองจิตวฒั นา กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 5. นางสาวเพชรินทร์ กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน ผ้พู มิ พ์ต้นฉบับ คะเนสม กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 1. นางปิ ยวดี เหลืองจติ วฒั นา กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน 2. นางเพชรินทร์ กวีวงษพ์ พิ ฒั น์ กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน 3. นางสาวกรวรรณ ธรรมธิษา กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน 4. นางสาวชาลีนี บา้ นชี 5. นางสาวอริศรา กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน ศรีรตั นศลิ ป์ ผ้อู อกแบบปก 1. นายศภุ โชค


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook