Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 19-03-2018-17-54-00_1495743306

19-03-2018-17-54-00_1495743306

Published by ซามีฮะห์ ยะอิง, 2018-08-11 04:52:06

Description: 19-03-2018-17-54-00_1495743306

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ า ท ๑๖๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2560กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทยชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลา ๑ ช่วั โมงเรื่อง สานวนไทยท่เี ป็นคาพังเพยและสภุ าษติมาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจแกป้ ญั หา ในการดาเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ยั รกั การอ่านตัวชี้วัด ป ๖ / ๒ อธบิ ายความหมายของคา ประโยคและข้อความที่เปน็ โวหารสถานการณ์ อา่ นนทิ าน วรรณกรรม วรรณคดี หนังสือพิมพ์ข้ันนา ครเู ปิดคลิปการอ่านบทร้อยกรองปริศนาสุภาษิต “ปากหวานกนั เปร้ียว”จาก youtube.comขั้นสอน ๑. นักเรยี นอ่านนิทาน วรรณกรรม วรรณคดี หนังสอื พิมพ์ เช่น เรื่อง ศรีธนญชยั รามเกยี รต์ิ ๒. แบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 3-4 คน นกั เรียนชว่ ยกันศกึ ษาใบความรู้เก่ียวกับสานวน สภุ าษิต คาพงั เพย ๓. นกั เรียนชว่ ยกันหาสานวน สภุ าษิต คาพังเพย จากบทร้อยกรอง นทิ าน วรรณกรรม วรรณคดีโดยเปดิ ใชง้ านอนิ เตอร์เนต็ ผ่านเว็บบราวเซอร์ Google Chrome สืบคน้ ที่ google.com หรอื google.co.th ๔ นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอ ๕. นกั เรียนและครูสนทนา ช่วยกันบอกความหมายสานวน สุภาษติ คาพังเพยและการนาไปใชใ้ ห้เหมาะสม จากการสบื คน้ ข้อมูลทางอินเตอรเ์ นต็ ๖. นกั เรยี นวิเคราะห์สานวน สุภาษติ คาพงั เพย จากบทร้อยกรอง นิทาน วรรณกรรม วรรณคดีจากใบกิจกรรม ๗. นกั เรียนและครรู ว่ มกันอภิปราย ๘. ครูสรุป/เติมเต็ม ประเมินผลงาน ๙. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียนขน้ั สรปุ นักเรยี นและครูช่วยกนั สรุปความหมายของสานวน สภุ าษิต คาพังเพยส่ือ - บทรอ้ ยกรอง นทิ าน วรรณกรรม วรรณคดี - ใบความรู้เรอ่ื งสานวน สภุ าษติ คาพงั เพย - Internet (Search Engine) ,youtube.com - ใบกจิ กรรม - แบบทดสอบประเมินผล ตรวจใบกจิ กรรมและแบบทดสอบกิจกรรมเสนอแนะ………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………บนั ทึกขอ้ เสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผทู้ ่ีได้รบั มอบหมาย………………………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………………………………............................................................................………………………………………...…………............................................................................................................................. ............................................................ ลงช่ือ……………………………………..

2 (..............................................) ตาแหนง่ ...................................................................... …………./............................/..................บนั ทึกผลหลงั กระบวนการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ (เกง่ ดี มสี ขุ )………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………………....................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................................. ................................................... ปญั หา / อปุ สรรค………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………………............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................. ........................................................ ข้อเสนอแนะ / แนวทางแก้ไข………………………………………………………………………………...…………………………………………………………………………………............................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................................................................. ................... (ลงช่ือ) ………...................……….. ผสู้ อน (.........................................) ตาแหน่ง............................................................................... …………./............................/..................

3 ปริศนาสุภาษิต ปากหวานกน้ เปร้ยี ว พดู จาออ่ นหวาน ด้วยชาญฉลาด ดุจด่งั นกั ปราชญ์ ผูเ้ ป็นครูสอน เน้อื แทน้ น้ั หนา หาได้อาทร ปลน้ิ ปลอกหลอกหลอน เพราะแล้งนา้ ใจ หมายถึง พดู จาอ่อนหวานแตไ่ ม่จรงิ ใจ ใบความรู้ เร่ือง สานวน สภุ าษติ คาพงั เพยคาสุภาษติ

4 คอื คาในภาษาไทยท่ใี ชใ้ นการส่ือสารเชิงเปรยี บเทียบอุปมาอปุ มัย มักมีความหมายในการตกั เตอื นสง่ั สอนใน ทางบวก มคี วามหมายท่ีดี คาสุภาษติ มกั จะแต่งให้คลอ้ งจองฟงั แล้วระรน่ื ช่ืนหู เพื่อให้จดจาได้งา่ ยและเกิดการใช้งานได้ บอ่ ย หลายคร้งั ที่เราได้พบกับคาสภุ าษิตจากสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเปน็ เฟซบุก๊ หรอื ทวติ เตอร์ เราอาจจะเข้าใจหรือไม่ เขา้ ใจในความหมายของมันก็ได้ ไดร้ วบรวมความหมายของคาสุภาษติ คาพงั เพย ไทย ๆ มาไวท้ น่ี ีค่ รบถว้ นแล้ว นอกจากนย้ี ังมีคาใกลเ้ คยี งกบั คาสภุ าษิตอยู่อีกคอื คาพงั เพย คอื คาพดู ท่ีออกมาโดยที่ไมไ่ ด้ตัง้ ใจว่าจะสัง่ สอนอะไร ออกแนวพูดเปรียบเทียบวา่ สถานการณน์ ้ีเป็นอย่างไรเสีย มากกวา่ แต่คาพงั เพยส่วนใหญก่ ็มักจะแฝงคติเตือนใจท่ีสามารถนาไปปฏิบตั ิใช้ได้ สานวนท่ีเกดิ ใหม่ จไุ รรัตน์ ลกั ษณะศิริ, บาหยนั อิ่มสาราญ (บรรณาธิการ, ๒๕๔๘, หน้า ๖๗-๗๑) กลา่ วถึงสานวนท่ีเกดิ ใหม่ ดังนี้ ๑. สานวนท่ีเกดิ จากวงการส่อื มวลชน เชน่ ไปไม่ถึงดวงดาว (ไมส่ าเรจ็ ไม่บรรลวุ ตั ถุประสงค์ ตามท่คี ิดไว)้ มองตา่ งมุม (แสดงความคิดเห็นท่ีแตกต่างออกไป) เป็นต้น ๒. สานวนทเี่ กดิ จากวงการเมือง เชน่ โปร่งใส (ชดั เจน ไม่มลี บั ลมคนใน) น็อตหลุด (ย้งั ไม่อยู่ พดู โพลง่ ออกมาหรือแสดงอารมณอ์ ยา่ งไม่สมควร) เปน็ ต้น ๓. สานวนท่ีเกดิ จากวงการโฆษณา เช่น ภาษาดอกไม้ (คาพูดทีไ่ พเราะ รื่นหู พดู ไป ทางที่ ด)ี มีระดบั (คุณภาพดี มมี าตรฐานสงู ) เปน็ ต้น ๔. สานวนท่เี กิดจากวงการบันเทงิ เชน่ แจ้งเกิด (เรม่ิ มชี ่ือเสียงเป็นที่รู้จักหรือเป็นที่ยอมรับใน วงการนั้น ๆ) ค่กู ัด (คทู่ ่ีไม่ถูกกัน) เปน็ ต้น ๕. สานวนทแี่ ปลมาจากภาษาตา่ งประเทศ เช่น เเกะดา (back sheep ใช้หมายถึง คนชวั่ ใน กลมุ่ คนดี) แขวนอยูบ่ นเสน้ ดา้ ย (hang by a thread ใช้หมายถึง ตกอยู่ในสถานการณท์ ่หี มิน่ เหม่ ตอ่ อันตราย) ลน่ื เหมอื นปลาไหล (slippery as eel ใช้หมายถงึ (คน)ทีเ่ ชื่อถือได้ยากเพราะเปน็ คน ตลบตะแลง พลิกแพลงกลับกลอก หรือหลบเลี่ยงไปมาได้คลอ่ งแคลว่ ) ล้างมือ (wash one’ s hand of ใชห้ มายถึง ปฏิเสธท่จี ะเก่ยี วข้องหรือรบั ผิดชอบ หรือเลิกเกี่ยวข้อง) สรา้ งวมิ านในอากาศ (build castles in the air ใชห้ มายถงึ ฝันหรอื หวังในส่ิงท่ไี ม่วสามารถจะเป็นความจริงได)้ เป็นตน้ ๖. สานวนเกิดใหม่ที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์รายวัน -สานวนสร้างใหม่ เชน่ ขบเหล่ยี ม (ไมล่ งรอยกัน ขดั กัน หักรา้ งกัน) ไทยเหลอื ง (พระท่ปี ระพฤติ ตน ไม่เหมาะสม)

5-สานวนดดั แปลง เชน่ กง้ิ กา่ ฟาดหาง (อาการเตะเพือ่ ทารา้ ยฝา่ ยตรงข้าม ดดั แปลงจากชือ่ ท่ามวยไทย จระเข้ฟาดหาง ) นกั กินเมือง (นักการเมืองท่ีมงุ่ แตจ่ ะหาประโยชน์เขา้ ตัวเอง ดัดแปลงจากคาวา่ นกั การเมอื ง) ยคุ IMF (ยุคท่เี ศรษฐกิจตกต่าตอ้ งประหยดั IMF มาจากคาว่า InternationalMonetary Found ซึ่งเป็นช่อื กองทุนการเงนิ ระหวา่ งประเทศ) -สานวนทีเ่ ปล่ียนบรบิ ทการใช้ เช่น ชงิ สุกกอ่ นหา่ ม (ตกรอบไปก่อนเวลาอันสมควรปรกติใช้กับการที่หนุ่มสาวลกั ลอยได้เสยี กันก่อนแต่งงาน แต่นามาใช้ในบรบิ ทใหม่ทางการกฬี า)อุ้ม (ลักพาตัวไป เพื่อนาไปฆ่า เปลีย่ นความหมายจากเดิมท่หี มายถึง โอบ ยกข้ึน ยกขึ้นไว้กบั ตัว หรือให้ความอุปถัมภช์ ว่ ยเหลือ) -สานวนทมี่ าจากภาษาต่างประเทศ เช่น ฮั้ว (สมยอมกนั ในการประมลู งานโดย บรษิ ัทหน่งึ จะนดั บริษัทอน่ื ๆ ท่ีสนใจในการประมลู งานใดงานหนึ่งมาตกลงกัน บริษทั น้ันจะจ่ายเงนิ จานวนหนึง่ ให้บรษิ ทั อนื่ ๆ เพือ่ ให้บริษทั เหล่าน้นั หลีกทางให้บริษทั ตนเปน็ ผู้ประมลู ได้ มาจากคาวา่ ฮวั้ ในภาษาจีน) ไฮโซ ไฮซอ้ ไฮซ้มิ (ชนช้นั สูงหรือผมู้ ีเงนิ มฐี านะในวงสงั คม มที ี่มาจากคุณหญงิคุณนายทเี่ ปน็ ภรรยาหรือบตุ รนักธรุ กิจ ซ่งึ สว่ นใหญ่เปน็ คนไทยเสอ้ื สายจีน และบางคนอาจมีลักษณะของความเปน็ จนี อยู่ จึงมีการพูดลอ้ เลียน ไฮซ้อ ไฮซมิ้ มาจากคาวา่ ไฮโซ รวมกบั คาวา่ ซอ้ และซม้ิ ซึง่ เป็นภาษาจนี ) เตะซีมะโดง่ (ใหพ้ ้นจากตาแหน่ง ปรกตจิ ะใช้วา่ เตะโด่ง ซมี ะโดง่ เป็นคามาจากภาษาเขมรวา่ ซมี วยดอง แปลวา่ กนิ หน่ึงครง้ั เสยี งพยางคส์ ุดท้ายใกล้เคยี งกับคาว่า โด่ง ในภาษาไทย จึงนามาใช้แทนคาวา่ โดง่ ) วธิ กี ารใช้สานวนไทย การใชส้ านวนท่ีถกู ต้องเหมาะสมจะชว่ ยใหก้ ารสอื่ สารมปี ระสทิ ธิภาพมากยงิ่ ข้นึ สามารถส่ือความหมาย ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ถูกต้อง และรวดเร็ว โดยทว่ั ไปเราใชส้ านวนเพอ่ื การส่อื สารในกรณีตอ่ ไปนี้๑. ใชใ้ นการจูงใจ เชน่ ทาดีไดด้ ี ทาชัว่ ไดช้ วั่ รกั ดหี ามจวั่ รกั ช่วั หามเสา ธรรมะยอ่ มชนะอธรรม คบคนพาลพาลพาไปหาผดิ คบบณั ฑติ บณั ฑติ พาไปหาผล แพเ้ ปน็ พระ ชนะเป็นมารเปน็ ตน้ ๒. ใชย้ ่อข้อความยาว ๆ เชน่ ขิงกร็ า ข่ากแ็ รง ตดั หางปลอ่ ยวดั จบั ปลาสองมอื กนิ

6เปลา่ ชบุ มอื เปบิ ตาน้าพริกละลายแมน่ ้า เป็นตน้๓. ใช้ขยายความหรือเน้นความเข้าใจ เชน่ ปดิ ทองหลังพระ หนีเสอื ปะจระเข้ ทาคุณบชู าโทษ กินนา้ ใตศ้ อก เรือล่มในหนองทองจะไปไหน หนตู กถงั ข้าวสาร เป็นต้น๔. ใชแ้ ทนถ้อยคาที่ไม่ต้องการกล่าวตรงๆ เช่น เฒา่ หัวงู ส้นิ บุญ เจ้าโลก บา้ นเล็ก ไกแ่ กแ่ ม่ปลาช่อน โคแก่กินหญา้ ออ่ น วัวเคยขาม้าเคยข่ี เปน็ ต้นใบกจิ กรรม

7

8แบบทดสอบ

9 เรอื่ ง สานวน สุภาษิต คาพงั เพย๑. ข้อใดกล่าวถึง สานวน ไม่ถูกตอ้ งก. ส่ือความหมายอย่างตรงไปตรงมา ข. ใชภ้ าษาเรียบเรยี งอยา่ งสละสลวยค. ผอู้ า่ นหรือผู้ฟงั ตอ้ งตีความให้เขา้ กบั เรอ่ื ง ง. ส่วนใหญ่เกิดจากการนาสิง่ ใกลต้ ัวมากลา่ วเปรียบเปรย๒. สานวนข้อใดทแ่ี สดงวา่ ผู้พูดขาดคุณลกั ษณะ “ใชว้ าจาอ่อนหวาน” ในขณะสนทนาก. ยกตนขม่ ท่าน ข. ปากวา่ ตาขยิบค. ปากหวานก้นเปรีย้ ว ง. พูดจามะนาวไมม่ นี ้า๓. สานวนใดมีความหมายเชิงบวกก. ตบตา ข. คมในฝักค. นา้ น่ิงไหลลกึ ง. หงมิ ๆ หยบิ ชิน้ ปลามนั๔. สานวนขอ้ ใดมุ่งสอนเรื่องความขยนั ขนั แข็งก. พรา้ ขัดหลังเล่มเดียว ข. อฐั ยายซ้ือขนมยายค. สอนหนังสือสงั ฆราช ง. เกบ็ เบยี้ ใตถ้ นุ รา้ น๕. “ทั้งสองตา่ งใช้คาพดู เผด็ ร้อนท่มุ เถียงกนั อย่าง ……………………….” ควรเติมสานวนใดลงในช่องว่างก. คอขาดบาดตาย ข. ขงิ ก็ราขา่ ก็แรงค. ขมนิ้ กับปนู ง. ถงึ พรกิ ถึงขงิ เฉลย๑. ก ๒. ง ๓. ข ๔. ก ๕. ง โดย ครนู ชุ จรินทร์ ร่นื รมย์ โรงเรียนบ้านดอนบม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook