Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กำหนดการสอน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

กำหนดการสอน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

Published by TP_Thanakit, 2022-06-19 05:49:56

Description: กำหนดการสอน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

Search

Read the Text Version

กำหนดการสอน รายวิชาวิทยาศาสตร์ 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 ของ ว่าท่ีร้อยตรธี นกฤต ทับพนั ธ์ ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนเสนา “เสนาประสทิ ธิ์” อำเภอเสนา จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามธั ยมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา

บนั ทึกขอ้ ความ สว่ นราชการ โรงเรยี นเสนา “เสนาประสิทธิ์” อำเภอเสนา จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ท่ี 203/2565 วนั ที่ 19 พฤษภาคม 2565 เรื่อง รายงานการจดั ทำกำหนดการสอน เรียน ผอู้ ำนวยการโรงเรียนเสนา “เสนาประสทิ ธ์ิ” สิ่งที่ส่งมาด้วย กำหนดการสอนรายวิชา ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ 1 จำนวน 1 ฉบับ. กำหนดการสอนรายวิชา ว 23101 วทิ ยาศาสตร์ 5 จำนวน 1 ฉบบั ตามคำสั่งโรงเรียนเสนา “เสนาประสิทธิ์” ที่ 068/2565 ลงวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2565 ได้มอบหมายให้ ข้าพเจ้า ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต ทับพันธ์ ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย วิทยฐานะ - ปฏิบัติการสอนรายวิชา ว21101 วิทยาศาสตร์ 1 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และปฏิบัติการสอนรายวิชา ว23101 วิทยาศาสตร์ 5 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะจัดทำ แผนการจัดการเรียนรู้ ข้าพเจ้าจึงได้จัดทำกำหนดการสอนและบันทึกข้อตกลงรายวิชาดังกล่าว สำหรับเป็น แนวทางในการจัดการเรยี นการสอน โดยมีรายละเอียดตามเอกสารท่ีส่งมา จงึ เรยี นมาเพอื่ โปรดทราบ ลงช่ือ วา่ ทร่ี ้อยตรี........................................ (ธนกฤต ทับพันธ์) ตำแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย ความคดิ เหน็ ของหัวหน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้ ความคดิ เห็นของรองผู้อำนวยการฝา่ ยบริหารวชิ าการ เรียนเสนอผอู้ ำนวยการโรงเรียนเพอ่ื โปรดพิจารณา ....................................................................................... ....................................................................................... ลงชื่อ ลงช่ือ (นางสาววรรณนภา จำเนยี รพืช) (นางสาวอารีรตั น์ สวนหลวง) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาสตร์และเทคโนโลยี รองผู้อำนวยการโรงเรยี นกลมุ่ งานบริหารวิชาการ 19/พฤษภาคม/2565 ............/............/............ ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ำนวยการโรงเรียนเสนา “เสนาประสทิ ธ”์ิ ............................................................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ (นางปริศนา สขุ สุสาสน์) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนเสนา “เสนาประสิทธ์ิ” ............/............/............

ก คำนำ กำหนดการสอนฉบบั น้จี ัดทำข้ึนเพอื่ เป็นการเตรยี มความพร้อมสำหรบั ครูกอ่ นทจี่ ะจัดทำแผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชา ว21101 วิทยาศาสตร์ 1 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และรายวิชา ว23101 วิทยาศาสตร์ 5 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยได้ศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ตามสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้จัดทำคำอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวชิ า กำหนดเวลาเรียน และน้ำหนักคะแนน รวมทงั้ บันทึกข้อข้อตกลงรายวิชา หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากำหนดการสอนฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอน ผู้ที่เกี่ยวข้อง สำหรับนำไปใช้เป็น แนวทางในการจดั การเรยี นรู้ และพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนไดบ้ ้างไม่มากก็น้อย ลงช่ือ วา่ ท่รี ้อยตร.ี ....................................... (ธนกฤต ทบั พันธ์) ตำแหน่ง ครูผู้ชว่ ย

สารบญั ข เรอ่ื ง หน้า คำนำ ก ข สารบญั 1 14 กำหนดการสอนรายวิชา ว21101 วิทยาศาสตร์ 1 กำหนดการสอนรายวชิ า ว23101 วทิ ยาศาสตร์ 5

1 คำอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน ว21101 รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 60 ช่ัวโมง จำนวน 1.5 หน่วยกติ ศึกษา วิเคราะห์ ความสำคัญและความหมายของวิทยาศาสตร์ กระบวนการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สมบตั ขิ องสารบริสุทธ์ิ จดุ เดอื ดและจดุ หลอมเหลว ความหนาแนน่ การจำแนก และองค์ประกอบของสารบริสุทธ์ิ การจำแนกสารบรสิ ทุ ธิ์ โครงสร้างอะตอม การจำแนกธาตุและการใช้ประโยชน์ เซลล์ การศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์ โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ การลำเลียงสารเข้าออกเซลล์ การแพร่ ออสโมซิส การสืบพนั ธุ์และการขยายพันธุ์พืชดอก การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ และไม่อาศยั ของเพศของพืชดอก การขยายพันธุ์พืชดอก การสงั เคราะห์ด้วยแสง ปัจจยั และผลผลติ ของการสงั เคราะห์ แสง การลำเลยี งนำ้ ธาตอุ าหาร และอาหารของพืช ธาตุอาหารของพืช การลำเลยี งในพชื โดยใชก้ ารสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการเรียนรู้ ในศตวรรษท่ี 21 การสบื คน้ ขอ้ มลู และการอภปิ ราย เพอื่ ให้เกิดความรู้ ความคิดความเข้าใจ สามารถส่ือสารส่งิ เรียนรู้ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ การแกป้ ัญหา นำความรู้ เทคโนโลยี ไปใช้ในชีวิตประจำวันให้สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีจิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ มท่เี หมาะสม ตวั ชวี้ ัด ว 1.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/10 ม.1/11 ม.1/12 ม.1/13 ม.1/14 ม.1/15 ม.1/16 ม.1/17 ม.1/18 ว 2.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 รวมท้ังหมด 26 ตัวช้วี ดั

2 โครงสร้างรายวชิ า รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 1 รหสั วชิ า ว21101 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 จำนวน 1.5 หน่วยกติ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนเสนา “เสนาประสทิ ธ”์ิ ท่ี ชอื่ หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ดั สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก (ชัว่ โมง) คะแนน 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 35 เรียนรู้วิทยาศาสตรอ์ ยา่ งไร เรือ่ งเราเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ - อย่างไร 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 19 25 สารบริสุทธิ์เร่ือง ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร สารบรสิ ทุ ธิ์และสารผสม ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง สถานะของสสารการเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี บทท่ี 1 สมบตั ขิ องสาร ว 2.1 ม.1/4 เปรียบเทยี บจดุ - สารบริสุทธ์ิประกอบด้วยสาร 4 5 บรสิ ุทธ์ิ เดอื ดจดุ หลอมเหลวของสาร เพียงชนิดเดียว ส่วนสารผสม เรอ่ื งท่ี 1 จดุ เดือดและจดุ บรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสม โดยการ ประกอบด้วยสารตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้น หลอมเหลว วัดอณุ หภมู ิ เขียนกราฟ แปล ไป สารบริสุทธิ์แต่ละชนิดมีสมบัติ ความหมายข้อมูลจากกราฟ บางประการที่เป็นค่าเฉพาะตัว หรอื สารสนเทศ เช่น จุดเดือดและจุดหลอมเหลว คงที่ แต่สารผสมมีจุดเดือดและจดุ หลอมเหลวไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับชนิด และสัดส่วนของสารที่ผสมอยู่ ดว้ ยกนั - จดุ เดอื ด คอื อุณหภูมทิ ่ขี องเหลว เปลี่ยนสถานะเป็นแก๊สทั่วท้ัง ภาชนะ - จุดหลอมเหลว(melting point) คือ อุณหภูมิที่ของแข็งเปล่ียน สถานะเป็นของเหลว ซึ่งสารแต่ละ ชนิดมีจุดหลอมเหลวแตกต่างกัน โดยสารบริสุทธิ์มีจุดหลอมเหลว คงที่ เนื่องจากประกอบด้วยสาร เพียงอย่างเดยี ว จงึ ทำใหค้ วามรอ้ น

3 ท่ี ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วัด สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก (ช่วั โมง) คะแนน บทที่ 1 สมบัตขิ องสาร บรสิ ุทธ์ิ ที่ใช้เปลี่ยนสถานะจากของแข็ง 4 เรือ่ งที่ 2 ความหนาแนน่ เปน็ ของเหลวมคี ่าเท่ากัน 8 บทท่ี 2 การจำแนกและ องคป์ ระกอบของสาร ว 2.1 ม 1/5 อธบิ าย - ค ว า ม ห น า แ น ่ น ค ื อ เ ป็ น 4 บริสทุ ธิ์ เร่อื งท่ี 1 การจำแนกสาร เปรียบเทยี บความหนาแนน่ อัตราสว่ นมวลต่อปรมิ าตรของสาร บริสุทธ์ิ ของสารบริสทุ ธแ์ิ ละสารผสม - สารบริสุทธิ์แต่ละชนิดมีความ ว 2.1 ม 1/6 ใช้เคร่อื งมอื เพ่อื หนาแน่น หรอมวลต่อหนึ่งหน่วย วัดมวลและปริมาตรของสาร ปริมาตรคงที่ เป็นค่าเฉพาะของ บริสุทธิ์และสารผสม สารนั้น ณ สถานะและอุณหภูมิ หนึ่ง แต่ละสารผสมมีความ หนาแน่นไมค่ งทข่ี ึ้นอยู่กบั ชนิดและ สดั ส่วนของสารอยู่ดว้ ยกนั ว 2.1 ม 1/7 อธิบาย -อนุภาคของแข็ง เป็นอนุภาคที่มี 7 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอะตอม ความหนาแน่น ไม่เปลี่ยนแปลง ธาตแุ ละสารประกอบ โดยใช้ ต า ม ภ า ช น ะ ม ี ร ู ป ร ่ า งค งท่ี แบบจำลองและสารสนเทศ ปริมาตรคงที่ -อนุภาคของเหลว เป็นอนุภาคที่มีความหนาแน่น น้อย เปลี่ยนแปลงตามภาชนะ มีรูปร่างคงท่ี มปี รมิ าตรคงท่ี -อนุภาคของแก๊ส เป็นอนุภาคที่มี ความหนาแน่นน้อย เปลี่ยนแปลง ตามภาชนะ มีรูปร่างไม่คงท่ี มีปริมาตรไมค่ งท่ี - การจัดเรียงตัวของอนุภาคของ สารในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส -สารบริสุทธิ์แบ่งออกเป็นธาตุและ สารประกอบธาตุประกอบด้วย อนุภาคที่เล็กที่สุดที่ยังแสดง สมบัติของธาตุนั้นเรียกว่าอะตอม ธาตุแต่ละชนิด ประกอบด้วย อะตอมเพียงชนิดเดียวและไม่ สามารถแยกสลายเป็นสารอื่นได้ ด้วยวิธีทางเคมีธาตุเขียนแทนด้วย สัญลักษณ์ธาตุ สารประกอบ เกิด

4 ท่ี ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ัด สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก (ช่วั โมง) คะแนน จากอะตอมของธาตุตั้งแต่ 2 ชนิด ขึ้นไป รวมตัวกันทางเคมีใน อัตราส่วนคงที่มีสมบัติแตกต่าง จากธาตุที่เป็นองค์ประกอบ สามารถแยกเป็นธาตุไดด้ ้วยวิธีทาง เคมีธาตแุ ละ สารประกอบสามารถ เขยี นแทนได้ด้วยสตู รเคมี - สารบริสุทธิ์ที่มีองค์ประกอบ มากกว่า 1 ชนิด ในอตั ราสว่ นคงที่ เปน็ สารประกอบ - สารบริสทุ ธ์ทิ ่มี อี งค์ประกอบเพยี ง 1 ชนิด เปน็ ธาตุ บทที่ 2 การจำแนกและ ว 2.1 ม.1/8 อธบิ ายโครงสร้าง อะตอมของธาตุประกอบด้วย 2 2 องค์ประกอบของสาร อ ะ ต อ ม ท ี ่ ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย โ ป ร ต อ น ( proton) น ิ ว ต ร อ น บรสิ ุทธ์ิ โปร ต อน นิว ต ร อ น และ ( neutron) แ ล ะ อ ิ เ ล ็ ก ต ร อ น เรื่องท่ี 2 โครงสรา้ งอะตอม อเิ ล็กตรอน โดยใช้แบบจำลอง (electron) โปรตอนมีประจุบวก นิวตรอนเป็นกลางทางไฟฟ้า ส่วน อิเล็กตรอนมีประจุลบ โดย โปรตอนและนิวตรอนอยู่รวมกัน ตรงกลางของอะตอม อิเล็กตรอน อยู่ในที่ว่างรอบ ๆ แต่ละธาตุมี จํานวนโปรตอน นิวตรอนและ อิเล็กตรอนของแตกต่างกัน แต่ จํานวนโปรตอนและอิเล็กตรอน ของแตล่ ะธาตุจะเท่ากัน บทท่ี 2 การจำแนกและ ว 2.1 ม.1/1 อธบิ ายสมบตั ิ ธาตุสามารถจําแนกได้เป็นโลหะ 2 6 องคป์ ระกอบของสาร ทางกายภาพบางประการของ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยใช้สมบัติ บรสิ ทุ ธิ์ ธาตุโลหะ อโลหะ และกง่ึ ทางกายภาพเป็นเกณฑ์ ได้แก่ เรอ่ื งที่ 3 การจําแนกธาตุ โลหะ โดยใช้หลักฐานเชงิ ความมันวาว การนําไฟฟ้าและนํา และการใช้ประโยชน์ ประจักษท์ ี่ไดจ้ ากการสงั เกต ค ว า มร ้อ น จ ุด เด ือ ดและจุด และการทดสอบ และการใช้ ห ล อ ม เ ห ล ว ค ว า ม เ ห น ี ย ว สารสนเทศทไ่ี ดจ้ าก นอกจากนี้สามารถจําแนกธาตุ แหลง่ ขอ้ มูลตา่ งๆ รวมทง้ั จดั กัมมันตรังสีโดยใช้สมบัติการแผ่ รังสีเป็นเกณฑ์ ธาตุโลหะมีพื้นผิว

5 ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก (ช่วั โมง) คะแนน หน่วยที่ 3 หนว่ ยพนื้ ฐาน ของสิง่ มีชีวติ กลมุ่ ธาตุเป็นโลหะ อโลหะ มันวาว นําไฟฟ้าและนําความร้อน 15 4 บทที่ 1 เซลล์ และกึ่งโลหะ ได้ดีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง เรือ่ งที่ 1 การศกึ ษา สิง่ มีชีวิตดว้ ยกลอ้ ง ว 2.1 ม.1/2 วิเคราะห์ผลจาก ไม่เปราะ เหนยี ว จุลทรรศน์ การใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ และธาตุกรมั มนั ตรงั สี ท่ี มีตอ่ ส่ิงมีชวี ติ ส่งิ แวดล้อม เศรษฐกิจและสงั คมจากขอ้ มูล ที่รวบรวมได้ ว 2.1 ม.1/3 ตระหนกั ถึง คณุ ค่าของการใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ ธาตุ กมั มันตรังสี โดยเสนอแนว ทางการใชธ้ าตุอย่างปลอดภัย คุ้มคา่ สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ 12 ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ี ทาํ งานสมั พันธก์ ัน รวมทัง้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ว 1.2 ม 1/1 ใชก้ ลอ้ ง -กล้องจุลทรรศน์สามารถแบ่ง 6 จลุ ทรรศน์ใชแ้ สงศึกษาเซลล์ ออกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ 2 และโครงสรา้ งต่าง ๆ ภายใน ประเภท คือ กล้องจุลทรรศน์แบบ เซลล์ ใช้แสง (Optical microscopes) และกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (Electron microscopes) -โครงสรา้ งพนื้ ฐานทพ่ี บท้ังในเซลล์ พืชและเซลล์สัตว์และสามารถ สังเกตได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้ แสงได้แก่ เยื่อหุ้มเซลล์ไซโทพลา ซึม และนิวเคลียสโครงสร้างที่พบ ในเซลล์พืชแต่ไม่พบในเซลล์สัตว์ ได้แก่ผนังเซลลแ์ ละคลอโรพลาสต์

6 ท่ี ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชว้ี ดั สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก (ช่วั โมง) คะแนน บทท่ี 1 เซลล์ ว 1.2 ม.1/2 เปรยี บเทยี บ -เซลล์พืชและเซลล์สัตว์มีรูปร่าง 4 4 เรื่องที่ 2 รปู ร่างของเซลลพ์ ืชและเซลล์ ลักษณะแตกต่างกัน เซลล์พืชมี เซลลพ์ ชื และเซลล์สตั ว์ สตั ว์ รวมทั้งบรรยายหนา้ ที่ รูปร่างเป็นเหลี่ยม เซลล์สัตว์มี ของผนังเซลล์ เยอ่ื ห้มุ เซลล์ ไซ รูปร่างค่อนข้างกลม โครงสร้าง โทพลาซึม นิวเคลียส แวคิว ของเซลล์ท่ีพบได้ทั้งเซลล์พืชและ โอล ไมโทคอนเดรีย และคลอ เซลล์สัตว์ ได้แก่ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซ โรพลาสต์ โทพลาซึม และนิวเคลียส ส่วน ว 1.2 ม.1/3 อธิบาย โครงสร้างที่พบเฉพาะเซลล์พืช ความสัมพันธร์ ะหวา่ งรปู รา่ ง ได้แก่ผนังเซลล์และคลอโร กับการทาํ หน้าท่ขี องเซลล์ พลาสต์ สำหรับเยื่อหุ้มเซลล์ของ เซลล์พืช อาจเห็นไม่ชัดเจน เพราะเบียดชิดกับผนังเซลล์ แต่ จะเห็นได้ชัดเจนเม่อื เซลลเ์ หี่ยว -โครงสร้างพน้ื ฐานทพ่ี บท้ังในเซลล์ พืชและเซลล์สัตว์ได้แก่ผนังเซลล์ เป็นส่วนห่อหุ้มเซลล์ ให้ความ แข็งแรงแก่เซลล์ และช่วยให้เซลล์ คงรูปอยู่ได้ ,เยื่อหุ้มเซลล์ เย่ือ บางๆ ที่ห่อหุ้มเซลล์ ถัดจากผนัง เซลล์,ไซโทพลาซึม ประกอบด้วย สารเคมีและโครงสร้างต่างๆ ที่ทำ หน้าที่เกี่ยวกับกิจกรรมภายใน เซลล์ ,แวคิวโอล แหล่งสะสมน้ำ แ ล ะ ส า ร ส ี ท ี ่ ท ำ ใ ห ้ พ ื ช ม ี ส ี สั น สวยงาม ,นิวเคลียส ศูนย์กลาง ควบคุมการทำงานของเซลล์ มี บทบาทเกี่ยวกับการแบ่งเซลล์ และในส่วนของพืชมี คลอโรพ ลาสต์ เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ ดว้ ยแสง บทท่ี 2 การลำเลียงสารเข้า ว 1.2 ม 1/5 อธิบาย -การแพร่ เป็นการกระจายตัวของ 1 3 ออกเซลล์ กระบวนการแพร่และออสโม โมเลกุลของสสารจากจุดที่มีความ เร่อื งที่ 1 การแพร่ ซิสจากหลักฐานเชิงประจักษ์ เข้มข้นสูงกว่า ไปยังจุดที่มีความ เข้มข้นต่ำกว่าด้วยการเคลื่อนที่เชงิ

7 ท่ี ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก (ชว่ั โมง) คะแนน และยกตวั อยา่ งการแพรแ่ ละ สุ่มของโมเลกุล การแพร่จะทำให้ ออสโมซิสในชีวติ ประจาํ วนั เกิดการผสมของวัสดุอย่างช้าๆ สำหรับเฟสหนึ่งๆของวัสดุใดๆก็ ตามที่มีอุณหภูมิสม่ำเสมอ และไม่ มีแรงภายนอกมากระทำ กั บ อนุภาค กระบวนการแพร่ก็จะ ยังคงเกิดถึงแม้ว่า สสารจะผสมกัน โดยสมบูรณ์หรือเข้าสู่ภาวะสมดุล แลว้ โดยพ้ืนฐานแล้ว การเคล่ือนที่ ของโมเลกุล จากพื้นที่ที่มีความ เข้มข้นสูงไปสู่ความเข้มข้นที่ต่ำ ก ว ่า เร ียก ว ่า กา รแพ ร่ทั้ งส้ิน ตัวอย่างการแพร่ เช่น การแพร่ ของเกล็ดด่างทับทิมในน้ำ การ แพร่ของน้ำหวานในน้ำ การแพร่ ของสีน้ำในน้ำ การแพร่ของแก๊ส คาร์บอนไดออกไซดใ์ นอากาศ บทท่ี 2 การลำเลียงสารเข้า ว 1.2 ม 1/5 อธบิ าย - อ อ ส โ ม ซ ิ ส ( osmosis) เ ป็ น 1 4 ก ร ะ บ ว น ก า ร แ พ ร ่ โ ม เ ล กุ ล ออกเซลล์ กระบวนการแพร่และออสโม ของเหลวหรือน้ำผ่านเยื่อเลือก ผ่านจากบริเวณที่มีความเข้มข้น เรอื่ งที่ 2 การออสโมซิส ซสิ จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ของน้ำมาก (สารละลายความ เข้มข้นต่ำ) ไปยังบริเวณที่มีความ และยกตัวอยา่ งการแพรแ่ ละ เข้มข้นของน้ำน้อย (สารละลาย ความเข้มข้นสูง) กระจายจนกว่า ออสโมซิสในชวี ติ ประจาํ วัน โมเลกุลของน้ำจะเท่ากัน เป็น กระบวนการทางกายภาพที่ตัวทำ ละลายจะเคลื่อนที่โดยอาศัย พลังงานความร้อน ผ่านเยื่อเลือก ผ่าน

8 ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชว้ี ัด สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก (ชวั่ โมง) คะแนน หนว่ ยที่ 4 การดำรงชีวติ สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ 20 15 ของพืช ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ ทาํ งานสมั พนั ธ์กัน รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ บทท่ี 1 การสืบพันธ์แุ ละ ว 1.2 ม 1/11 อธิบายการ -พืชดอกทุกชนิดสามารถสืบพันธุ์ 6 6 การขยายพนั ธพ์ุ ืชดอก เร่อื งที่ 1 สบื พันธ์ุแบบอาศยั เพศ และไม่ แบบอาศัยเพศได้ นอกจากนั้นบาง การสืบพนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศ อาศัยเพศของพชื ดอก ชนิดยังพบการสืบพันธุ์แบบไม่ ในพชื ดอก อาศัยเพศด้วยการสืบพันธุ์แบบ ว 1.2 ม 1/12 อธิบาย อาศัยเพศของพืชดอกเกิดขึ้นที่ ลกั ษณะโครงสรา้ งของดอกทมี่ ี ดอก โดยทั่วไปดอกประกอบด้วย สว่ นทําให้เกดิ การถ่ายเรณู กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ รวมท้ังบรรยายการปฏิสนธิ และเกสรเพศเมีย ภายในอับเรณู ของพชื ดอก การเกิดผลและ ของเกสรเพศผู้มีเรณูทําหน้าท่ี เมลด็ การกระจายเมลด็ และ สร้างสเปิร์ม ภายในออวุลของ การงอกของเมลด็ เกสรเพศเมียมีถุงเอ็มบริโอทํา หน้าที่สร้างเซลล์ไข่ซึ่งต้องมีการ ถ่ายเรณูจากอับเรณูไปยังยอด เกสรเพศเมียนําไปสู่การปฏิสนธิ ระหว่างสเปิร์มกับเซลล์ไข่ และ ระหว่างสเปิร์มกับโพลาร์นิวคลีไอ ในถุงเอ็มบรโิ อ หลังการปฏิสนธิจะ ได้ไซโกตและเอนโดสเปิร์ม ไซโก ตจะพัฒนาต่อไปเป็นเอ็มบริโอ โดยมีเอนโดสเปิร์มเป็นอาหาร สะสมสําหรับเลี้ยงเอ็มบริโอ ส่วน ออวุลพัฒนาไปเป็นเมล็ดและรังไข่ พัฒนาไปเปน็ ผลผลและเมล็ด -เมล็ดพืชมีส่วนประกอบแตกต่าง กัน ส่วนประกอบต่างๆ ของเมล็ด ทําหน้าที่แตกต่างกัน หรืออาจ เหมือนกัน ซึ่งโดยทั่วไปเมล็ดพืช ประกอบด้วยเปลือกหุ้มเมล็ดท่ี

9 ท่ี ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก (ชวั่ โมง) คะแนน บทที่ 1 การสืบพนั ธแ์ุ ละ การขยายพันธพ์ุ ืชดอก เป็นส่วนห่อหุ้มส่วนประกอบอื่นๆ 1 เรอ่ื งท่ี 2 การขยายพนั ธ์ุพืช ของเมล็ดเอ็มบริโอที่เป็นต้นอ่อน ภายในเมล็ด และเอนโดสเปิร์ม เป็นอาหารสะสมภายในเมล็ดต้น เดมิ ว 1.2 ม 1/16 เลอื กวิธีการ -การขยายพันธุ์พืชแบ่งออกเป็น 2 2 ขยายพันธ์ุพชื ใหเ้ หมาะสมกบั แบบคือ การขยายพันธุ์แบบอาศัย ความต้องการของมนุษยโ์ ดย เพศ ได้แก่ การขยายพันธุ์โดยการ ใช้ความรู้เก่ยี วกบั การสบื พันธุ์ ใช้เมล็ด และการขยายพันธุ์แบบ ไม่อาศัยเพศ ได้แก่ การขยายพันธุ์ ของพืช โดยการใช้ส่วนต่างๆ ของต้นพืช เช่น การปักชำ การตอนกิ่ง การ ว 1.2 ม 1/17 อธบิ าย ติดตา การต่อกิ่ง รวมถึงการ ความสาํ คัญของเทคโนโลยี เพาะเล้ียงเนอื้ เย่ือ การเพาะเลยี้ งเนือ้ เย่ือพืชใน การใชป้ ระโยชนด์ า้ นตา่ ง ๆ บทที่ 2 การสงั เคราะห์ดว้ ย ว 1.2 ม 1/6 ระบปุ จั จัยท่ี -ปัจจัยที่ใช้ในกระบวนการ 6 3 แสง จําเปน็ ในการสงั เคราะหด์ ้วย สังเคราะห์ด้วยแสงของพชื คอื ก๊าซ เรอ่ื งที่ 1 ปจั จัยทจี่ ําเปน็ ใน แสงและผลผลิตทเี่ กดิ ขึน้ จาก คาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ การสังเคราะหด์ ว้ ยแสง การสงั เคราะห์ด้วยแสงโดยใช้ ผลผลิตที่ได้จากกระบวนการ หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช คือ น้ำตาล ออกซิเจน โดย ว 1.2 ม 1/7 อธิบาย กระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นท่ี คลอโรฟิลล์ในช่วงเวลาท่ีมีแสงหรอื ความสาํ คัญของการ ช่วงเวลากลางวัน -กระบวนการสร้างอาหารของพืช สงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื ต่อ เรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์ ด้วยแสง ซึ่งมีน้ำและก๊าซ สง่ิ มชี วี ิตและส่งิ แวดล้อม คารบ์ อนไดออกไซดเ์ ปน็ วัตถุดิบ มี แสงและคลอโรฟิลล์ ช่วยทำให้ได้ ว 1.2 ม 1/8 ตระหนักใน ผลติ ภัณฑ์คอื นำ้ ตาล นำ้ และก๊าซ คณุ คา่ ของพืชท่ีมตี อ่ ส่ิงมชี ีวติ ออกซิเจน พืชต้องการแก๊ส และสิ่งแวดล้อม โดยการ คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเป็น รว่ มกันปลูกและดแู ลรักษา ตน้ ไม้ในโรงเรียนและชุมชน

10 ท่ี ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัด สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก (ชั่วโมง) คะแนน วัตถุดิบในการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยมีคลอโรฟิลล์ แสง และแร่ธาตุ เป็นตัวกระตุ้น ทำให้เกิดน้ำตาล กลูโคสและกา๊ ซออกซิเจน -กระบวนการสร้างอาหารของพืช เรียกว่า กระบวนการสังเคราะห์ ด้วยแสง ซึ่งมีน้ำและก๊าซ คาร์บอนไดออกไซดเ์ ปน็ วตั ถุดิบ มี แสงและคลอโรฟิลล์ ช่วยทำให้ได้ ผลิตภัณฑ์คือน้ำตาล น้ำและก๊าซ ออกซิเจน พืชต้องการแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเป็น วัตถุดิบในการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยมีคลอโรฟิลล์ แสง และแร่ธาตุ เป็นตัวกระตุ้น ทำให้เกิดน้ำตาล กลโู คสและก๊าซออกซเิ จน บทที่ 3 การลำเลียงนำ้ ว 1.2 ม1/ 14 อธบิ าย -ธาตุอาหารสำหรับพืช หมายถึง 2 1 ธาตุอาหาร และอาหารของ ความสาํ คญั ของธาตอุ าหาร ธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับการ พืช บางชนดิ ทมี่ ผี ลตอ่ การ เติบโตของพืช ซึ่งสามารถถูกจดั ได้ เร่อื งท่ี 1 ธาตอุ าหารของ จากเกณฑ์คือ ถ้าเกิดพืชขาด พืช เจรญิ เตบิ โตและการดาํ รงชีวติ สารอาหารนี้แล้ว ทำให้พืชไม่ ของพืช สามารถวงจรชวี ติ ได้ตามปกติ หรือ สารนั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ของพืชหรือส่วนประกอบของสาร ตัวกลางในกระบวนการสร้างและ สลายของสารน้ันๆ (metabolite) บทที่ 3 การลำเลยี งน้ำ ว 1.2 ม 1/9 บรรยายลกั ษณะ -พืชจะมีการลำเลียงน้ำ และ แร่ 2 2 ธาตุอาหาร และอาหารของ และหน้าทขี่ องไซเลม็ และโฟล ธาตุจากดินผ่านทางรากไปสู่ลำตน้ พืช เอม็ กิ่ง ก้าน และใบ โดยผ่านท่อเล็กๆ เร่ืองที่ 2 การลำเลียงนำ้ มากมาย เรียกท่อเล็กๆ นี้ว่า ท่อ ของพืช ว 1.2 ม 1/10 เขียนแผนภาพ ลำเลียงน้ำไซเลม็ (Xylem) นำ้ ตาล ที่บรรยายทิศทางการลาํ เลยี ง กูลโคสและสารอาหารอ่ืนๆ จะถูก สารในไซเลม็ และโฟลเอม็ ของ ลำเลียงไปยัง กิ่ง ก้านลำต้นผ่าน พชื ทางท่อลำเลียงอาหาร โฟลเอ็ม

11 ท่ี ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั (ชวั่ โมง) คะแนน (Phloem) ไปยังส่ว นท ี่ ก ำ ลั ง เจริญเติบโต สู่ส่วนที่สร้างอาหาร ไม่ได้ คือรากและหัว ไปสู่ส่วนที่ทำ หน้าที่สะสมอาหาร คือรากและ เมล็ด โดยอาหารจะแพร่ออกจาก รากไปตามท่อ ลำเลียงอาหาร ไป ยงั เซลล์ต่างๆ โดยตรง การลำเลยี ง อาหารส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตอน กลางคืน บทที่ 3 การลำเลียงน้ำ ว 1.2 ม 1/9 บรรยายลกั ษณะ -พืชจะมีการลำเลียงน้ำ และ แร่ 2 2 ธาตอุ าหาร และอาหารของ และหน้าทีข่ องไซเล็มและโฟล ธาตุจากดินผ่านทางรากไปสู่ลำตน้ พชื เอม็ กิ่ง ก้าน และใบ โดยผ่านท่อเล็กๆ เรอื่ งท่ี 3 การลำเลียง มากมาย เรียกท่อเล็กๆ นี้ว่า ท่อ ว 1.2 ม 1/10 เขียนแผนภาพ ลำเลียงน้ำไซเลม็ (Xylem) นำ้ ตาล อาหารของพืช ทีบ่ รรยายทิศทางการลาํ เลยี ง กูลโคสและสารอาหารอื่นๆ จะถูก สารในไซเล็มและโฟลเอ็มของ ลำเลียงไปยัง กิ่ง ก้านลำต้นผ่าน ทางท่อลำเลียงอาหาร โฟลเอ็ม พืช (Phloem) ไปยังส่ว นท ี่ ก ำ ลั ง เจริญเติบโต สู่ส่วนที่สร้างอาหาร ไม่ได้ คือรากและหวั ไปสู่ส่วนท่ีทำ หน้าที่สะสมอาหาร คือรากและ เมล็ด โดยอาหารจะแพร่ออกจาก รากไปตามท่อ ลำเลียงอาหาร ไป ยังเซลลต์ า่ งๆ โดยตรง การลำเลยี ง อาหารส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตอน กลางคืน คะแนนเกบ็ ระหว่างเรยี น 54 60 คะแนนสอบกลางภาค 3 10 คะแนนสอบปลายภาค 3 30 รวมคะแนนทัง้ หมดตลอดภาคเรยี น 60 100

12 บนั ทกึ ขอ้ ตกลงรายวิชา ว21101 วิทยาศาสตร์ 1 1. การเขา้ เรียนของผเู้ รยี น 1.1 การมาเรียน 1.1.1 มีเวลาเรยี นไมน่ อ้ ยกวา่ 80 % 1.1.2 ขาดเรียนตดิ ต่อกัน 3 ครงั้ โดยไม่มีเหตผุ ลอันสมควรจะเชญิ ผูป้ กครองมาพบ 1.2 อุปกรณก์ ารเรียน 1.2.1 สมุดปกอ่อน ปากกาสีนำ้ เงิน/แดง ไมบ้ รรทดั 2. ข้อปฏบิ ัติตนของผเู้ รียน 2.1 วนิ ัยในการเรียน 2.1.1 เข้าเรียนให้ตรงเวลา (สายเกนิ 15 นาที ถือวา่ “ขาดเรยี น”) 2.1.2 ทำความสะอาดหอ้ งเรยี น และจดั โตะ๊ เกา้ อีใ้ ห้เปน็ ระเบยี บก่อนเข้าเรียน 2.1.3 หา้ มใชโ้ ทรศพั ท์ และเคร่อื งมือส่อื สารในเวลาเรยี น 2.1.4 เม่อื เลกิ เรยี น ใหจ้ ัดและทำความสะอาดห้องเรยี นให้เป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย 2.2 กริ ยิ ามารยาท 2.2.1 ห้ามส่งเสียงดงั ในหอ้ งเรยี น 2.2.2 หา้ มพดู คำหยาบในห้องเรียน 2.2.3 ห้ามนำอาหารและเคร่อื งด่ืมทกุ ชนดิ มารับประทานในหอ้ งเรียน 3. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น 3.1 อตั ราสว่ นคะแนนระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30 3.2. คะแนนระหวา่ งภาคเรยี น 3.2.1 สมุด 3.2.2 ทดสอบก่อนเรียน 3.2.3 พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม 3.2.4 ใบงาน 3.2.5 ทดสอบหลงั เรียน 3.3 ภาระงานที่มอบหมายผเู้ รยี น 3.3.1 สมดุ จดบันทกึ 3.3.2 รายงานการทำการทดลอง 3.4 การสอบวัดผลกลางภาคเรยี น และการพฒั นาแกไ้ ข 3.4.1 ใชข้ ้อสอบแบบปรนัย และแบบอัตนัย คะแนนเต็ม 10 คะแนน ได้ไม่ถงึ 5 คะแนน ให้ สอบแก้ตวั ใหม่ (จะไดค้ ะแนนเท่ากับ 5 คะแนนเทา่ นน้ั )

13 3.5 การสอบวดั ผลปลายภาคเรยี น และการพัฒนาแก้ไข 3.5.1 ใชข้ อ้ สอบแบบปรนัย และแบบอตั นัย คะแนนเตม็ 30 คะแนน ได้ไมถ่ งึ 15 คะแนน ให้ สอบแก้ตัวใหม่ (จะไดค้ ะแนนเท่ากับ 15 คะแนนเท่าน้ัน) 3.6 การตดั สินผลการเรียน/การซอ่ มเสริม สอบแกต้ ัว - คะแนน 80 – 100 ระดบั คะแนน 4 - คะแนน 75 – 79 ระดับคะแนน 3.5 - คะแนน 70 – 74 ระดับคะแนน 3 - คะแนน 65 – 69 ระดบั คะแนน - คะแนน 60 – 64 ระดับคะแนน 2.5 - คะแนน 55 – 59 ระดบั คะแนน 2 - คะแนน 50 – 54 ระดับคะแนน ระดับคะแนน 1.5 - คะแนน 0 – 49 ระดับคะแนน 1 - ไม่ไดส้ ง่ งานที่มอบหมาย ระดบั คะแนน 0 - ขาดเรียนเกนิ ระยะเวลาท่กี ำหนด “ร” “ มส ”

ว23101 รายวิชาวิทยาศาสตร์ 14 ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรียนท่ี 1 คำอธิบายรายวชิ าพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 60 ชั่วโมง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ศึกษา วิเคราะห์ สืบค้นข้อมูล และอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม การถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม การเกิดจโี นไทป์และฟีโนไทป์ในรุ่นลูก ความสาํ คญั ของการแบง่ เซลล์แบบไมโทซิส และไมโอซสิ โรคทางพันธกุ รรม ประโยชนแ์ ละผลกระทบของส่งิ มชี วี ติ ดดั แปรพันธกุ รรม ทดลอง วิเคราะห์ และอธิบายการเกิดคลื่นและส่วนประกอบของคลื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสเปกตรัมของ คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้า ประโยชน์และอนั ตรายของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า ปรากฏการณ์เก่ยี วกบั แสง การสะท้อนของแสงและ การหักเหของแสง การทํางานของทัศนอุปกรณ์ความสวา่ งและการมองเห็น สืบค้นขอ้ มูลและอธิบายปรากฏการณ์ที่เกดิ จากการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทติ ยด์ ว้ ยแรงโน้มถว่ ง การ เกิดฤดู การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ การเกิดข้างขึ้น ข้างแรม การเปลี่ยนแปลงเวลาขึ้นและตกของดวงจันทร์ การเกิดนำ้ ขนึ้ นำ้ ลง เทคโนโลยอี วกาศ โครงการสํารวจอวกาศ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การพัฒนาทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 การสืบคน้ ข้อมูล บันทกึ จดั กลุม่ ข้อมูล และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนำเสนอสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็ นค ุ ณ ค ่ า ขอ ง ก า ร นำ ไ ปใ ช ้ ปร ะโ ย ช น์ ในช ี ว ิต ปร ะจำ วั น ใ ห้ ส อ ดค ล ้ อ ง กั บหล ั ก ปร ั ช ญ าขอ ง เศ ร ษฐ ก ิจ พอ เพียง มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ คุณธรรมจรยิ ธรรม และค่านิยมทเ่ี หมาะสม ตัวชวี้ ัด ว 1.3 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 ว 2.3 ม.3/10 ม.3/11 ม.3/12 ม.3/13 ม.3/14 ม.3/15 ม.3/16 ม.3/17 ม.3/18 ม.3/19 ม.3./20 ม.3/21 ว 3.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 รวม 24 ตัวชี้วดั

15 โครงสรา้ งรายวิชา รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ 5 รหัสวิชา ว23101 ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 จำนวน 1.5 หน่วยกติ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนเสนา “เสนาประสทิ ธ”ิ์ ท่ี ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชว้ี ัด สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก (ชั่วโมง) คะแนน 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 หน่วยการเรยี นรู้น้ีมีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนตระหนักถึงความสำคัญ 3 5 วทิ ยาศาสตร์กบั การ ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ ทั้งในด้าน แกป้ ัญหา การดำรงชีวิตและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่กำลังเกิดขึ้นใน ปัจจุบันและอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเพราะการเปลี่ยนแปลงเกิด ขนึ้ อยตู่ ลอดเวลา 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ 15 17 พนั ธศุ าสตร์ ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอด ลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทาง พันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและ ววิ ฒั นาการของสิง่ มีชีวติ รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ บทท่ี 1 การถ่ายทอด ว 1.3 ม.3/1 อธิบาย - ลักษณะทางพันธุกรรมของ 6 6 ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม ความสัมพันธร์ ะหวา่ งยนี สิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่น เรื่องท่ี 1 โครโมโซมและ ดีเอ็นเอ และโครโมโซม หนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้ โดยมียีน การค้นพบของเมนเดล โดยใช้แบบจำลอง เป็นหน่วยควบคุมลักษณะทาง ว 1.3 ม.3/2 อธบิ ายการ พันธกุ รรม ถ่ายทอดลกั ษณะทาง - โครโมโซมประกอบด้วย ดเี อ็นเอ พนั ธกุ รรมจากการผสมโดย และโปรตีนขดอยูใ่ นนิวเคลียส ยีน พจิ ารณาลกั ษณะเดยี วที่ ด ี เ อ ็ น เ อ แ ล ะ โ ค ร โ ม โ ซ ม มี แอลลลี เดน่ ข่มแอลลลี ด้อย ความสมั พันธก์ นั โดยบางส่วนของ อยา่ งสมบรู ณ์ ดีเอน็ เอ ทำหน้าทเ่ี ป็นยีนท่กี ำหนด ลักษณะของส่งิ มชี วี ติ ว 1.3 ม.3/3 อธบิ ายการเกิด - สิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซม 2 ชุด จโี นไทป์และฟีโนไทปข์ องลูก โครโมโซมที่เป็นคู่กัน มีการ และคำนวณอัตราสว่ นการเกิด เรียงลำดับของยีนบนโครโมโซม จโี นไทปแ์ ละฟีโนไทป์ของ เหมือนกันเรียกว่า ฮอมอโลกัส รุ่นลกู โครโมโซม ยีนหนึ่งที่อยู่บนคู่ ฮอมอโลกัสโครโมโซม อาจมี รูปแบบแตกต่างกัน เรียกแต่ละ รูปแบบของยีนที่ต่างกันนี้ว่า

16 ท่ี ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั (ชัว่ โมง) คะแนน แอลลีล ซึ่งการเข้าคู่กันของแอลลี ลต่าง ๆ อาจสง่ ผลทำใหส้ ิ่งมีชวี ิตมี ลกั ษณะทีแ่ ตกต่างกันได้ - สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีจำนวน โครโมโซมคงที่มนุษย์มีจำนวน โครโมโซม 23 คู่ เปน็ ออโตโซม 22 คู่ และโครโมโซมเพศ 1 คู่ เพศ หญิงมีโครโมโซมเพศเป็น XX เพศ ชายมีโครโมโซมเพศเป็น XY - เมนเดลได้ศึกษาการถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรมของต้นถั่ว ชนิดหนึ่ง และนำมาสู่หลักการ พื้นฐานของการถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธกุ รรมของสง่ิ มชี ีวิต - สิง่ มีชวี ติ ทมี่ ีโครโมโซมเปน็ 2 ชุด ยีนแต่ละตำแหน่งบนฮอมอโลกัส โครโมโซมมี 2 แอลลีล โดยแอล ลีลหนึ่งมาจากพ่อ และอีกแอล ลีลมาจากแม่ ซึ่งอาจมีรูปแบบ เดียวกัน หรือแตกต่างแอลลีลที่ แตกต่างกันน้ี แอลลีลหนึ่ง อาจมี การแสดงออกข่มอีกแอลลีลหนึ่ง ได้ เรียกแอลลีลนั้นว่า เป็นแอล ลีลเด่น ส่วนแอลลีลที่ถูกข่มอย่าง สมบูรณ์ เรยี กวา่ เปน็ แอลลลี ดอ้ ย - เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ แอลลีลที่เป็นคู่กัน ในแต่ละฮ อมอโลกัสโครโมโซมจะแยกจาก กันไปสู่เซลล์สืบพันธุ์แต่ละเซลล์ โดยแต่ละเซลล์สืบพันธุ์จะได้รับ เพียง 1แอลลีล และจะมาเข้าคู่กับ แอลลีลที่ตำแหน่งเดียวกันของอีก เซลล์สืบพันธุ์หนึ่ง เมื่อเกิดการ

17 ท่ี ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก (ช่วั โมง) คะแนน 3 บทที่ 1 การถา่ ยทอด ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม ปฏิสนธิจนเกิดเป็นจีโนไทป์และ 6 เรอื่ งที่ 2 โครโมโซมของ มนุษยแ์ ละความผดิ ปกติ แสดงฟโี นไทป์ในรนุ่ ลูก ทางพันธกุ รรม ว 1.3 ม.3/4 อธิบายความ - กระบวนการแบ่งเซลล์ของ 6 แตกต่างของการแบ่งเซลล์ สิ่งมีชีวิตมี 2 แบบ คือ ไมโทซิส และไมโอซสิ แบบไมโทซิสและไมโอซสิ - ไมโทซิส เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อ ว 1.3 ม.3/5 บอกได้ว่าการ เพิ่มจำนวนเซลล์ร่างกาย ผลจาก เ ป ล ี ่ ย น แ ป ล ง ข อ ง ย ี น ห รื อ การแบ่งจะได้เซลล์ใหม่ 2 เซลล์ที่ โครโมโซมอาจทำให้เกิดโรค มีลักษณะและจำนวนโครโมโซม ทา งพ ันธ ุก ร ร ม พร ้อ มทั้ง เหมือนเซลล์ตง้ั ตน้ ยกตวั อย่างโรคทางพันธกุ รรม - ไมโอซิส เป็นการแบ่งเซลล์เพ่ือ ว 1.3 ม.3/6 ตระหนักถึง สรา้ งเซลลส์ บื พันธุ์ ผลจากการแบง่ จะได้เซลลใ์ หม่ 4 เซลล์ ท่มี จี ำนวน ประโยชน์ของความรู้เรื่องโรค โครโมโซมเป็นครึ่งหนึ่งของเซลล์ ทางพันธุกรรม โดยรู้ว่าก่อน ตั้งต้น เมื่อเกิดการปฏิสนธิของ แตง่ งานควรปรึกษาแพทย์เพ่ือ เซลล์สืบพันธ์ุ ลูกจะได้รับการ ตรวจและวินิจฉัยภาวะเสี่ยง ถ่ายทอดโครโมโซมชุดหนึ่งจากพ่อ ของลูกที่อาจเกิดโรคทาง และอีกชุดหนึ่งจากแม่ จึงเป็นผล พนั ธุกรรม ให้รุน่ ลกู มจี ำนวนโครโมโซมเท่ากับ รุ่นพ่อแม่และจะคงท่ีในทกุ ๆ รนุ่ - การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือ โครโมโซม ส่งผลให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงลักษณะทาง พันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต เช่น โรคธาลัสซีเมียเกิดจากการ เปล่ียนแปลงของยนี - โรคทางพันธุกรรมสามารถ ถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้ ดังนั้นก่อนแต่งงานและมีบุตรจึง ควรป้องกัน โดยการตรวจและ วินิจฉัยภาวะเส่ี ยงจากการ ถา่ ยทอดโรคทางพันธุกรรม

18 ท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้ีวดั สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั 4 บทท่ี 1 การถ่ายทอด (ช่ัวโมง) คะแนน ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม ว 1.3 ม.3/7 อธบิ ายการใช้ - มนุษยเ์ ปลยี่ นแปลงพันธุกรรม 3 5 เร่อื งที่ 3 ส่งิ มชี วี ิตดดั แปร ประโยชนจ์ ากส่ิงมีชวี ิตดดั แปร ของสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ เพื่อให้ พนั ธกุ รรม 21 พนั ธุกรรม และผลกระทบท่ี ได้สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะตาม 5 5 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 อาจมตี ่อมนุษยแ์ ละ ต้องการ เรียกสิ่งมีชีวิตนี้ว่า คล่ืนและแสง สิ่งแวดลอ้ มโดยใชข้ ้อมูลที่ สิง่ มชี วี ติ ดดั แปรพันธกุ รรม รวบรวมได้ - ในปัจจุบันมนุษย์มีการใช้ บทท่ี 1 คลนื่ ว 1.3 ม.3/8 ตระหนักถึง ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตดัดแปร เรือ่ งที่ 1 คลื่นกล เร่อื งท่ี 2 คล่ืน ประโยชน์และผลกระทบของ พันธุกรรม เช่น การผลิตอาหาร แมเ่ หล็กไฟฟา้ สง่ิ มีชีวติ ดดั แปรพันธกุ รรมท่ี การผลิตยารักษาโรค การเกษตร อาจมีตอ่ มนษุ ย์และ อย่างไรก็ดี สังคมยังมีความกังวล ส่งิ แวดล้อม โดยการเผยแพร่ เกี่ยวกับผลกระทบของการดัด ความรทู้ ีไ่ ดจ้ ากการโต้แย้งทาง แปรพันธุกรรมที่มตี อ่ สงิ่ มีชวี ติ และ วทิ ยาศาสตร์ซึง่ มขี ้อมูล สิ่งแวดล้อม ซึ่งยังทำการติดตาม สนับสนนุ ศึกษาผลกระทบดงั กลา่ ว สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 21 ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและ การถา่ ยโอนพลังงานปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่างสสารและพลังงาน พลังงาน ในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ เสียง แสง และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมท้ังนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ว 2.3 ม.3/10 สรา้ งแบบจำลอง - คลื่นเกดิ จากการสง่ ผา่ นพลงั งาน 5 ทอ่ี ธิบายการเกิดคลนื่ และ โดยอาศัยตัวกลาง และไม่อาศัย บรรยายสว่ นประกอบของคลื่น ตัวกลาง ในคลื่นกล พลังงานจะ ว 2.3 ม.3/11 อธิบายคลน่ื ถูกถ่ายโอนผ่านตัวกลางโดย แมเ่ หล็กไฟฟา้ และสเปกตรมั อนุภาคของตัวกลางไม่เคลื่อนท่ี คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ จากขอ้ มูล ไปกับคลื่น คลื่นที่แผ่ออกมาจาก ที่รวบรวมได้ แหล่งกำเนิดคลื่นอย่างต่อเนื่อง ว 2.3 ม.3/12 ตระหนักถึง และมีรูปแบบที่ซ้ำกัน บรรยายได้ ประโยชน์และอันตรายจาก ด้วยความยาวคลื่ น ความถ่ี คลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ โดยนำเสนอ การใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ แอมพลิจดู แ ล ะ อ ั น ต ร า ย จ า ก ค ลื่ น - คลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าเปน็ คลื่นท่ี แมเ่ หล็กไฟฟา้ ในชีวติ ประจำวนั ไม่อาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ มีความถี่ต่อเนื่องเป็นช่วงกว้าง

19 ท่ี ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้ีวดั สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก (ชัว่ โมง) คะแนน มากเคลื่อนที่ในสุญญากาศด้วย อัตราเร็วเท่ากันแต่จะเคลื่อนท่ี ด้วยอัตราเร็วต่างกันในตัวกลาง อื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบ่ง ออกเป็นช่วงความถี่ต่าง ๆ เรียกว่า สเปกตรัมของคล่ืน แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า แตล่ ะช่วงความถ่ีมี ชื่อเรียกต่างกันได้แก่ คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ อินฟราเรด แสงท่ี มองเห็น อัลตราไวโอเลต รังสี เอกซ์และรังสีแกมมา ซึ่งสามารถ นำไปใช้ประโยชนไ์ ด้ - เลเซอรเ์ ป็นคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า ที่มีความยาวคล่นื เดียวเป็นลำแสง ขนานและมีความเข้มสูง นำไปใช้ ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้าน การสื่อสาร มีการใช้เลเซอร์ ส ำ ห รั บ ส ่ ง ส า ร ส น เ ท ศ ผ ่ า น เส้นใยนำแสง โดยอาศัยหลักการ การสะท้อนกลับหมดของแสง ด้านการแพทย์ใชใ้ นการผ่าตัด - คลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้านอกจาก จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์แล้ว ยังมีโทษต่อมนุษย์ด้วย เช่น ถ้า มนุษย์ได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดมะเร็ง ผิวหนัง หรือถ้าได้รังสีแกมมาซ่ึง เป็นคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ ทมี่ ีพลงั งาน สูง และสามารถทะลุผา่ นเซลลแ์ ละ อวัยวะได้ อาจทำลายเนื้อเยื่อหรือ

20 ท่ี ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก (ชวั่ โมง) คะแนน อาจทำให้เสยี ชีวิตได้ เม่ือได้รับรังสี แกมมาในปรมิ าณสูง 6 บทท่ี 2 แสง ว 2.3 ม.3/13 ออกแบบการ - เมือ่ แสงตกกระทบวตั ถุจะเกิด 6 6 เรื่องที่ 1 การสะทอ้ นแสง ทดลองและดำเนินการทดลอง การสะท้อนซึ่งเป็นไปตามกฎการ ดว้ ยวธิ ที ่เี หมาะสมในการ สะท้อนของแสง โดยรังสีตก อธบิ ายกฎการสะท้อนของแสง กระทบเส้นแนวฉาก รังสีสะท้อน ว 2.3 ม.3/14 เขยี นแผนภาพ การเคลื่อนทข่ี องแสง แสดง อยู่ในระนาบเดียวกันและมุมตก การเกดิ ภาพจากกระจกเงา กระทบเท่ากับมุมสะท้อน ภาพ จ า ก ก ร ะ จ ก เ ง า เ ก ิ ด จ า ก ร ั ง สี สะท้อนตัดกันหรือต่อแนวรังสี สะท้อนให้ตัดกัน โดยถ้ารังสี สะท้อนตัดกันจริงจะเกิดภาพจริง แต่ถ้าต่อแนวรังสีสะท้อนให้ไปตดั กันจะเกิดภาพเสมือน 7 บทที่ 2 แสง ว 2.3 ม.3/15 อธิบายการหัก - เมื่อแสงเดินทางผ่านตัวกลาง 8 8 เร่ืองท่ี 2 การหักเหของแสง เหของแสงเม่ือผา่ นตวั กลาง โปร่งใสที่แตกต่างกัน เช่น อากาศ โปร่งใสที่แตกต่างกัน และ และน้ำ อากาศและแก้ว จะเกิด อธิบายการกระจายแสงของ การหักเห หรืออาจเกิดการ แสงขาวเมื่อผ่านปริซึมจาก สะท้อนกลับหมดในตัวกลางที่ ห ล ั ก ฐ า น เ ช ิ ง ป ร ะ จ ั ก ษ์ แสงตกกระทบการหักเหของแสง ว 2.3 ม.3/16 เขียนแผนภาพ ผ่านเลนส์ทำให้เกิดภาพที่มีชนิด การเคลื่อนที่ของแสงแสดง และขนาดตา่ ง ๆ การเกิดภาพจากเลนส์บาง - แสงขาวประกอบด้วยแสงสีต่าง ว 2 . 3 ม . 3 / 1 7 อ ธ ิ บ า ย ๆ เมื่อแสงขาวผ่านปริซึมจะเกิด ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับแสง การกระจายแสงเป็นแสงสีต่าง ๆ และการทำงานของทัศน เรียกว่า สเปกตรัมของแสงขาว อปุ กรณจ์ ากข้อมลู ท่รี วบรวมได้ เมื่อเคลื่อนที่ในตัวกลางใด ๆ ที่ ว 2.3 ม.3/18 เขียนแผนภาพ ไม่ใช่อากาศจะมีอัตราเร็วต่างกัน การเคลื่อนที่ของแสง แสดง จงึ มกี ารหกั เหต่างกนั การเกิดภาพของทัศนอุปกรณ์ - การสะท้อนและการหักเหของ และเลนส์ตา แสงนำไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ ที่เกยี่ วกบั แสง เชน่ รงุ้ มริ าจ และ อธิบายการทำงานของทัศน

21 ท่ี ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ัด สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก (ชัว่ โมง) คะแนน 8 บทท่ี 2 แสง เร่ืองที่ 3 ความสว่าง อุปกรณ์ เช่น แว่นขยายกระจก 2 โค้งจราจร กล้องโทรทรรศน์ 9 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 17 ระบบสุริยะของเรา กลอ้ งจุลทรรศน์ และแวน่ สายตา - ในการมองวัตถุ เลนส์ตาจะถูก ปรับโฟกัส เพื่อให้เกิดภาพชัดที่ จอตา ความบกพร่องทางสายตา เช่น สายตาสั้น และสายตายาว เป็นเพราะตำแหน่งที่เกิดภาพ ไม่ได้อยู่ที่จอตาพอดี จึงต้องใช้ เลนส์ ในการแก้ไข เพ่ือช่วยให้ มองเห็นเหมือนคนสายตาปกติ โดยคนสายตาส้ันใช้เลนสเ์ วา้ สว่ น คนสายตายาวใช้เลนสน์ ูน ว 2.3 ม.3/19 อธิบายผลของ -ความสว่างของแสงมีผลต่อ 2 ความสวา่ งท่ีมตี อ่ ดวงตาจาก ดวงตามนุษย์ การใช้สายตาใน ข้อมลู ที่ไดจ้ ากการสืบคน้ สภาพแวดล้อมที่มีความสว่างไม่ ว 2.3 ม.3/20 วดั ความสว่าง เหมาะสม จะเป็นอันตรายต่อ ของแสงโดยใช้อุปกรณว์ ดั ดวงตา เช่น การดวู ตั ถุในท่มี ีความ ความสวา่ งของแสง สว่างมากหรือน้อยเกินไป การ ว 2.3 ม.3/21 ตระหนกั ใน จ้องดูหน้าจอภาพเป็นเวลานาน คณุ คา่ ของความรู้เรื่อง ความ ความสว่างบนพนื้ ทีร่ บั แสง สวา่ งของแสงทม่ี ีตอ่ ดวงตา มีหน่วยเป็น ลักซ์ ความรู้เกี่ยวกบั โดยวเิ คราะห์สถานการณ์ ความสว่างสามารถนำมาใช้จัด ปญั หาและเสนอแนะการจัด ความสว่างให้เหมาะสมกับการทำ ความสวา่ งให้เหมาะสมในการ กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การจัดความ ทำกิจกรรมต่าง ๆ สว่างที่เหมาะสมสำหรับการอ่าน หนงั สอื สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ 15 ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และ วิวัฒนาการของเอกภพกาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสุรยิ ะ รวมท้งั ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการ ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ

22 ท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก บทท่ี 1 ปฏิสัมพนั ธใ์ น (ช่วั โมง) คะแนน ระบบสรุ ิยะ ว 3.1 ม.3/1 อธิบายการโคจร - ในระบบสุริยะมีดวงอาทิตย์เป็น เร่อื งที่ 1 แรงโน้มถว่ ง 2 4 ระหว่างดวงอาทติ ย์กับ ของดาวเคราะห์รอบ ศูนย์กลางโดยมีดาวเคราะห์และ ดาวบรวิ าร 4 4 ดวงอาทติ ยด์ ว้ ยแรงโนม้ ถ่วง บริวาร ดาวเคราะห์แคระดาว 10 บทที่ 1 ปฏิสัมพันธใ์ น ระบบสุรยิ ะ จากสมการ F = (Gm1m2)/r2 เคราะห์น้อย ดาวหาง และอื่น ๆ เรอ่ื งที่ 2 ปรากฏการณ์ที่ เช่น วัตถุคอยเปอร์โคจรอยู่ เกิดจากการเคล่อื นทีข่ อง โลกรอบดวงอาทติ ย์ โดยรอบ ซึ่งดาวเคราะห์ และวัตถุ เหล่านี้โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วย แรงโน้มถ่วง แรงโน้มถ่วงเป็นแรง ดึงดูดระหว่างวัตถุสองวัตถุ โดย เป็นสัดส่วนกับผลคูณของมวลทั้ง สอง และเป็นสัดส่วนผกผันกับ กำลังสองของระยะทางระหว่าง วัตถทุ ง้ั สอง แสดงได้โดยสมการ F = (Gm1m2)/r2 เม่ือ F แทนความโน้มถ่วงระหว่าง มวลท้ังสอง G แทนคา่ นิจโนม้ ถว่ งสากล m1 แทนมวลของวัตถุแรก m2 แทนมวลของวัตถุที่สอง และ r แทนระยะห่างระหว่างวัตถุทั้ง สอง ว 3.1 ม.3/2 สรา้ งแบบจำลอง - การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทอ่ี ธบิ ายการเกดิ ฤดู และ ในลักษณะที่แกนโลกเอียงกับ การเคลื่อนท่ีปรากฏของ แนวตั้งฉากของระนาบทางโคจร ดวงอาทิตย์ ทำให้ส่วนต่าง ๆ บนโลกได้รับ ป ร ิ ม า ณ แ ส ง จ า ก ด ว ง อ า ท ิ ต ย์ แตกต่างกันในรอบปี เกิดเป็นฤดู กลางวันกลางคืนยาวไม่เท่ากัน และตำแหน่งการขึ้นและตกของ ดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้าและเส้นทาง การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์

23 ท่ี ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก (ชัว่ โมง) คะแนน เปลี่ยนไปในรอบปี ซึ่งส่งผลต่อ (6) การดำรงชีวิต 11 บทท่ี 1 ปฏสิ มั พันธใ์ น ว 3.1 ม.3/3 สร้างแบบจำลอง - ดวงจันทร์โคจรรอบโลก โลก 3 ระบบสุรยิ ะ ทีอ่ ธบิ ายการเกิดขา้ งขึ้น และดวงจันทร์โคจรรอบดวง อาทิตย์ ดวงจันทรร์ ับแสงจากดวง เรอ่ื งท่ี 3 ปรากฏการณท์ ี่ ข้างแรม การเปลยี่ นแปลง อาทิตย์ครึ่งดวงตลอดเวลา เมื่อ ดวงจันทร์โคจรรอบโลกได้หัน เกิดจากปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ ง เวลาการขน้ึ และตกของ ส่วนสว่างมายังโลกแตกต่างกัน ดวงอาทิตย์ โลก และ ดวงจนั ทร์ และการเกิด ดวงจนั ทร์ น้ำขน้ึ น้ำลง จึงทำให้คนบนโลกสังเกตส่วน สว่างของดวงจันทร์แตกต่างไปใน แต่ละวันเกิดเป็นข้างขึ้นข้างแรม - ดวงจันทร์โคจรรอบโลกใน ทิศทางเดียวกับที่โลกหมุนรอบ ตัวเอง จึงเห็นดวงจันทร์ขึ้นช้าไป ป ร ะ ม า ณ ว ั น ล ะ 5 0 น า ที - แรงโน้มถ่วงที่ดวงจันทร์ ดวง อาทิตย์กระทำต่อโลกทำให้เกิด ปรากฏการณน์ ้ำข้ึนน้ำลง วันที่น้ำ มีระดับการขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุด เรียก วันน้ำเกิด ส่วนวันที่ระดับ น้ำมีการขึ้นและลงน้อยเรียกวัน นำ้ ตาย 12 บทที่ 1 ปฏิสมั พันธ์ใน ว 3.1 ม.3/4 อธบิ ายการใช้ - เทคโนโลยีอวกาศได้มีบทบาท (6) ระบบสุรยิ ะ ประโยชน์ของเทคโนโลยี ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ใน เร่ืองท่ี 4 เทคโนโลยอี วกาศ อวกาศ และยกตัวอยา่ ง ปัจจุบันมากมาย มนุษย์ได้ใช้ ความกา้ วหน้าของโครงการ ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศ สำรวจอวกาศ จากข้อมูล เช่น ระบบนำทางด้วยดาวเทียม ท่ีรวบรวมได้ ( GNSS) ก า ร ต ิ ด ต า ม พ า ยุ สถานการณ์ไฟป่าดาวเทียมช่วย ภัยแล้ง - โครงการสำรวจอวกาศตา่ ง ๆ

24 ท่ี ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั (ช่วั โมง) คะแนน ได้พัฒนาเพิ่มพูนความรู้มากขึ้น เป็นลำดับ ตัวอย่างโครงการ สำรวจอวกาศเช่น การสำรวจ สิ่งมีชีวิตนอกโลก การสำรวจดาว เคราะห์นอกระบบสุริยะ คะแนนเก็บระหวา่ งเรยี น 54 60 คะแนนสอบกลางภาค 3 10 คะแนนสอบปลายภาค 3 30 รวมคะแนนท้ังหมดตลอดภาคเรยี น 60 100

25 บนั ทกึ ขอ้ ตกลงรายวิชา ว23101 วิทยาศาสตร์ 5 1. การเขา้ เรียนของผเู้ รยี น 1.1 การมาเรียน 1.1.1 มีเวลาเรยี นไม่นอ้ ยกวา่ 80 % 1.1.2 ขาดเรียนตดิ ตอ่ กนั 3 ครงั้ โดยไมม่ เี หตผุ ลอันสมควรจะเชญิ ผูป้ กครองมาพบ 1.2 อุปกรณก์ ารเรยี น 1.2.1 สมดุ ปกอ่อน ปากกาสีนำ้ เงิน/แดง ไมบ้ รรทดั 2. ข้อปฏบิ ัติตนของผเู้ รียน 2.1 วนิ ัยในการเรยี น 2.1.1 เขา้ เรียนให้ตรงเวลา (สายเกนิ 15 นาที ถือวา่ “ขาดเรยี น”) 2.1.2 ทำความสะอาดหอ้ งเรยี น และจดั โตะ๊ เกา้ อีใ้ ห้เปน็ ระเบยี บก่อนเข้าเรียน 2.1.3 ห้ามใชโ้ ทรศพั ท์ และเคร่อื งมือส่อื สารในเวลาเรยี น 2.1.4 เมื่อเลกิ เรยี น ใหจ้ ัดและทำความสะอาดห้องเรยี นให้เป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย 2.2 กริ ิยามารยาท 2.2.1 ห้ามส่งเสยี งดงั ในหอ้ งเรยี น 2.2.2 ห้ามพดู คำหยาบในห้องเรียน 2.2.3 หา้ มนำอาหารและเคร่อื งดม่ื ทกุ ชนดิ มารับประทานในห้องเรียน 3. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น 3.1 อัตราสว่ นคะแนนระหว่างภาค : ปลายภาค = 70 : 30 3.2. คะแนนระหว่างภาคเรยี น 3.2.1 สมดุ 3.2.2 ทดสอบก่อนเรียน 3.2.3 พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม 3.2.4 ใบงาน 3.2.5 ทดสอบหลงั เรียน 3.3 ภาระงานที่มอบหมายผเู้ รียน 3.3.1 สมดุ จดบันทกึ 3.3.2 รายงานการทำการทดลอง 3.4 การสอบวัดผลกลางภาคเรียน และการพฒั นาแก้ไข 3.4.1 ใชข้ ้อสอบแบบปรนัย และแบบอัตนยั คะแนนเต็ม 10 คะแนน ได้ไม่ถงึ 5 คะแนน ให้ สอบแก้ตวั ใหม่ (จะไดค้ ะแนนเท่ากับ 5 คะแนนเทา่ นน้ั )

26 3.5 การสอบวัดผลปลายภาคเรียน และการพฒั นาแกไ้ ข 3.5.1 ใช้ข้อสอบแบบปรนยั และแบบอัตนัย คะแนนเต็ม 30 คะแนน ได้ไม่ถึง 15 คะแนน ให้ สอบแกต้ วั ใหม่ (จะไดค้ ะแนนเทา่ กับ 15 คะแนนเท่าน้ัน) 3.6 การตดั สินผลการเรยี น/การซ่อมเสริม สอบแก้ตัว - คะแนน 80 – 100 ระดับคะแนน 4 - คะแนน 75 – 79 ระดบั คะแนน 3.5 - คะแนน 70 – 74 ระดับคะแนน 3 - คะแนน 65 – 69 ระดับคะแนน - คะแนน 60 – 64 ระดับคะแนน 2.5 - คะแนน 55 – 59 ระดบั คะแนน 2 - คะแนน 50 – 54 ระดับคะแนน ระดบั คะแนน 1.5 - คะแนน 0 – 49 ระดับคะแนน 1 - ไมไ่ ดส้ ง่ งานที่มอบหมาย ระดบั คะแนน 0 - ขาดเรียนเกินระยะเวลาทกี่ ำหนด “ร” “ มส ” ลงชือ่ วา่ ท่ีรอ้ ยตรี.................................ครผู สู้ อน (ธนกฤต ทับพันธ์) ลงชอื่ ...................................................หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ (นางสาววรรณภา จำเนียรพืช) ลงชื่อ.................................................. หวั หนา้ กลมุ่ วิชาการ (นางสาวอารีรตั น์ สวนหลวง) ลงช่อื ...................................................ผอู้ ำนวยการโรงเรียน (นางปรศิ นา สขุ สุสาสน์)

27


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook