Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เปลือกส้มล้มกลิ่นอับ

เปลือกส้มล้มกลิ่นอับ

Published by ศุภิศรา เทพอินทร์, 2019-09-21 08:15:06

Description: โครงงานวิชา-การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้เรื่องเปลือกส้มล้มกลิ่นอับ

Search

Read the Text Version

โครงงานวิชา การศึกษาค้นคว้าและสรา้ งองค์ความรู้ เร่อื ง เปลือกสม้ ลม้ กล่ินอับ จดั ทำโดย เลขที่ 4 นำงสำวณัฐนชิ ำ ทีระฆงั เลขที่ 7 นำงสำววมิ ลสิริ ขุลิลงั เลขท่ี 16 นำงสำวพลอยชยำ ปญั ญำภู เลขท่ี 19 นำงสำวศุภิศรำ เทพอินทร์ เลขท่ี 34 นำงสำวปวัณรตั น์ ปิงยศ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 5/2 เสนอ คณุ ครู ดำรงค์ คันธะเรศย์ รำยงำนฉบับนี้เป็นสว่ นหนึ่งของวิชำกำรศกึ ษำค้นคว้ำ และสร้ำงองคค์ วำมรู้ ( I30201 ) ภำคเรียนที่ 1 ปีกำรศึกษำ 2562 โรงเรียนปัว อำเภอปัว จงั หวัด สำนักงำนเขตพืน้ ที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำเขต 3๗

ก คานา รำยงำนเลม่ น้เี ป็นส่วนหนึ่งของวชิ ำ IS1 รหสั วิชำ I30201 ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ี่ 5 ภำคเรยี นท่ี 1 ปี กำรศกึ ษำ 2562 โดยมจี ุดประสงค์เพ่อื ศึกษำ ขนั้ ตอนกำรทำสเปรย์เพอ่ื ดบั กลนิ่ จำกเปลือกส้ม รำยงำนเล่มนส้ี ำเรจ็ ลุลว่ งดว้ ยดี เพรำะไดร้ บั ควำมช่วยเหลือและคำแนะนำจำกเพ่ือนๆ และท่ีสำคญั ขอขอบคุณ คุณครู ดำรงค์ คันธะเรศย์ ผใู้ ห้คำปรึกษำในกำรทำรำยงำน คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่ำงยง่ิ วำ่ รำยงำนฉบับ น้จี ะเปน็ ประโยชนแ์ กผ่ อู้ ำ่ นไม่มำกก็น้อย หำกผดิ พลำดประกำรใดกข็ ออภัยมำ ณ โอกำสนี้ คณะผู้จดั ทำ (16 กนั ยำยน 2562)

ข สารบัญ เร่อื ง หน้ำ คำนำ…………………………………….…………………………………….………………………………………………………………………….…………………… ก สำรบัญ………………………………………………………………………….………………………………………………………………………….………………… ข บทคดั ย่อ…………………………………………………………………………….………………………………….………… ง บทท่ี 1 บทนำ……………………………………………………………………….……………………………………………………………………………….… ๑ ที่มำและควำมสำคัญของโครงงำน………………………………………………………………………….……………………………….. ๒ วัตถปุ ระสงคข์ องกำรทำโครงงำน………………………………………………………………………….…………………………………. ๒ สมมติฐำนของกำรศึกษำ………………………………………………………………………….………………………………..……………….. ๒ ของเขตของกำรทำโครงงำน………………..………………………………………………….………………………………..……………… ๒ ประโยชน์ทีค่ ำดวำ่ จะได้รับ……………………………………………………………………….………………………………..……………… ๓ บทท่ี 2 เอกสำรและงำนวจิ ยั ท่ีเก่ยี วข้อง……………………..………………………………………….………………………………..……… ๔ ควำมหมำยของส้ม……………………………………………………….……………………………………………………………………………… ๔ ประเภทของส้ม……………………………………………………….……………………………………………………………………………….…… ๔ ควำมหมำยของสเปรยป์ รบั อำกำศ…………………….……………………………………………………………………………….…. ๕ ชนดิ ของสเปรย์ปรับอำกำศ………………………………….……………………………………………………………………………….…. ๕ วิธกี ำรกำจัดกล่ินอบั …………………………………………………….……………………………………………………………………………. ๕ ควำมสำคัญของเปลอื กส้ม………………………………….……………………………………………………………………………….….. ๗ ควำมสำคญั ของส้ม…………………………………………………….……………………………………………………………………………... ๘ ควำมสำคญั ของสเปรย์ปรับอำกำศ……………………….……………………………………………………………………………... ๙ องค์ประกอบและวิธที ำสเปรยด์ ับกล่ินอับจำกเปลือกสม้ ………………………………………………………………... ๙ งำนวจิ ัยที่เกีย่ วขอ้ ง…………………………………………………….……………………………………………………………………………... ๑๐ บทท่ี 3 วิธดี ำเนนิ กำรศึกษำค้นควำ้ ………………………..……………….…………………………………………………………………….. ๑๑

ค ระเบยี บวิธที ใ่ี ช้ในกำรศกึ ษำ……….…………………………….……………………………………………………………………………... ๑๑ ประชำกร/กลมุ่ ตวั อยำ่ ง…………………………………………….……………………………………………………………………………... ๑๑ วธิ ดี ำเนินกำรศึกษำ…………………………………………………….……………………………………………………………………………... ๑๑ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นกำรศึกษำ………………………………………….……………………………………………………………………………. ๑๒ กำรเก็บรวบรวมข้อมูล……………………………………………….……………………………………………………………………………... ๑๓ กำรวเิ ครำะหข์ ้อมูล…………………………………………………….……………………………………………………………………………... ๑๓ สถติ ิท่ีใช้ในกำรศึกษำ……………………………………………….……………………………………………………..……………………..... ๑๓ บทท่ี ๔ ผลกำรดำเนนิ งำน………………………………………………….….…………………………………………. ๑๓ บทที่ ๕ สรปุ ผล อภปิ รำย และขอ้ เสนอแนะ……………………….….…………………………………………… ๑๔ บทสรุปผลกำรศกึ ษำ……………………………………………….….…………………………………………… ๑๕ ขอ้ เสนอแนะ……………………………………………….….……………………………………………………… ๑๖

ง บทคัดย่อ 1. ชอ่ื โครงงาน เปลอื กส้ม ลม้ กล่นิ อบั 2. ผจู้ ดั ทาโครงงาน 2.1 นำงสำวณัฐนิชำ ทีระฆงั เลขที่ 4 2.2 นำงสำววิมลสิริ ขุลลิ งั เลขที่ 7 2.3 นำงสำวพลอยชยำ ปัญญำภู เลขที่ 16 2.4 นำงสำวศุภิศรำ เทพอินทร์ เลขท่ี 19 2.5 นำงสำวปวณั รัตน์ ปิงยศ เลขท่ี 34 3. ช่ือครูท่ปี รกึ ษาโครงงาน คุณครู ดำรงค์ คันธะเรศย์ 4. ทม่ี าและความสาคัญของโครงงาน เนอ่ื งจำกในปจั จุบนั ประเทศไทยมีอำกำศที่ร้อนข้นึ ซงึ่ ทำให้เวลำท่ีคนเรำตอ้ งเดินทำงออกไปด้ำนนอกก็ ทำใหร้ ่ำงกำยของเรำไดม้ ีกำรเผำผลำญพลงั งำนออกมำในรปู ของเหงื่อเปน็ จำนวนมำก ซง่ึ เหงอ่ื กเ็ ปน็ สำเหตหุ นง่ึ ทท่ี ำให้เสื้อผำ้ ที่เรำใสอ่ ย่นู ั้นเกิดกลน่ิ อับและมีควำมชน้ื ซึ่งควำมช้นื และกลิ่นเหม็นอบั หำกเรำสูดดมเข้ำไป ซ่งึ สง่ิ แรกก็จะทำใหเ้ รำเกิดควำมรำคำญ และหำกตดิ ต่อกนั หลำยชวั่ โมง กอ็ ำจจะทำให้ปอดทำงำนหนัก และ สง่ ผล เสียตอ่ รำ่ งกำยทำให้เกิดโรคภมู ิแพ้,หอบหดื ,ปอดติดเช้อื และ โรคอน่ื ๆ ดว้ ยเหตนุ จี้ งึ ทำให้ผู้ศึกษำเกิดควำม สนใจท่ีจะทดลองทำสเปรย์ปรับอำกำศจำกเปลอื กสม้ ข้ึน 5. วัตถุประสงคข์ องการทาโครงงาน 5.1 เพือ่ ศึกษำประโยชนแ์ ละสรรพคณุ ของส้ม 5.2 เพื่อศกึ ษำกำรทำสเปรยด์ ับกล่นิ จำกเปลือกส้ม 5.3 เพ่อื ทดลองทำสเปรย์ดับกล่ินอบั จำกเปลอื กส้มในกำรดบั กลนิ่ อับจำกเสือ้ ผ้ำ 6. สมมตฐิ านของการศึกษา สเปรย์ดบั กล่นิ อับจำกเปลอื กสม้ สำมำรถดบั กลิ่นอับชื้นในเส้ือผ้ำได้ 7. ของเขตของการทาโครงงาน ใชว้ ัสดุที่หำไดง้ ำ่ ยและรำคำไม่แพง ใช้ส้มจำกท้องถ่นิ ส้มตำมฤดูกำล

จ 8. วิธีดาเนนิ การ วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1.ขวดสเปรย์ 2.สม้ 3.มดี ปอกผลไม้ 4.เบกกง้ิ โซดำ 5.แอลกอฮอล์ 6.น้ำเปล่ำ ขัน้ ตอนการดาเนนิ งาน 1. ต้มนำ้ เปล่ำให้เดอื ด 2. นำนำ้ ส้มท่ีค้ันแลว้ และเปลือกสม้ ใส่ลงไปในน้ำที่เดอื ด 3. ใสเ่ บกก้ิงโซดำและแอลกอฮอล์ตำมลงไปในน้ำเดือด 4. คนสว่ นผสมให้เป็นเนอ้ื เดียวกัน 5. นำน้ำทไ่ี ด้มำบรรจใุ นขวดสเปรย์ 9. ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั 9.1 ไดท้ รำบถึงประโยชนแ์ ละสรรพคุณของเปลอื กส้ม 9.2 ได้ทรำบถึงวิธกี ำรทำสเปรย์ปรบั อำกำศจำกส้ม 9.3 ใช้สเปรย์จำกเปลอื กส้มในกำรดบั กล่นิ ได้อยำ่ งมปี ระสิทธภิ ำพ 9.4 สำมำรถนำสเปรยจ์ ำกเปลือกสม้ มำใช้ในชีวิตประจำวันได้ 10. แผนการการหนดเวลาปฏิบัตงิ าน วนั จนั ทร์ ท่ี 5 สงิ หำคม 2562 - กำหนดแนวทำงและแบ่งงำนในกำรเตรียมอุปกรณ์ วนั จันทร์ ท่ี 12 สงิ หำคม 2562 - รวบรวมอปุ กรณใ์ นกำรทำ วนั จันทร์ ที่ 19 สิงหำคม 2562 - ลงมอื ทำสว่ นผสมของเปรยส์ ม้ แล้วใส่ลงภำชนะ วนั จนั ทร์ ท่ี 26 สิงหำคม 2562 - ทดลองใช้ในเสอ้ื ผ้ำทีม่ กี ลน่ิ อับชื้น

ฉ 11. เอกสารอ้างอิง Issue247.(2557).คุณประโยชนข์ องเปลือกสม้ .(ออนไลน์). http://issue247.com/health/benefits-of-orange-and-banana-peels/ .(สบื คน้ เมอ่ื วนั ที่ 5 สงิ หำคม 2562) Central inspirer.(2490).วิธีทาสเปรย์ดบั กล่นิ .(ออนไลน์). https://www.central.co.th/e- shopping/how-to-make-spray-conditioner/ .(สยื คน้ เมือ่ วนั ท่ี 12 สงิ หำคม 2562) My home .(2019).สมนุ ไพรดบั กลนิ่ เปลีย่ นกลิ่นไม่พงึ ประสงคใ์ ห้หอมฟงุ้ . (ออนไลน)์ .https://www.baanlaesuan.com/94993/diy/easy-tips/herbdeodorant.(สบื คน้ เมือ่ วนั ท่ี 19 สิงหำคม 2562)

๑ บทท่ี 1 บทนา 1. ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หา ปจั จบุ นั ประเทศไทยมอี ำกำศทร่ี ้อนขึ้นซึ่งทำให้เวลำท่ีคนเรำตอ้ งเดนิ ทำงออกไปดำ้ นนอกก็ทำใหร้ ำ่ งกำยของ เรำได้มีกำรเผำผลำญพลงั งำนออกมำในรปู ของเหงื่อเปน็ จำนวนมำก ซง่ึ เหงื่อกเ็ ปน็ สำเหตุหนง่ึ ท่ีทำใหเ้ สือ้ ผ้ำที่เรำใส่ อยู่น้ันเกดิ กลิ่นอับและมีควำมชื้น ซึง่ ควำมชืน้ และกลิน่ เหมน็ อบั หำกเรำสูดดมเข้ำไป ซ่งึ จะทำใหเ้ รำเกิดควำมรำคำญ และหำกติดตอ่ กนั หลำยชั่วโมง กอ็ ำจจะทำให้ปอดทำงำนหนกั และ ส่งผลเสียต่อรำ่ งกำยทำให้เกิดโรคภมู แิ พ้,หอบหดื ,ปอดตดิ เชอ้ื และ โรคอน่ื ๆ ตำมหลักปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพยี ง ซึ่งเปน็ แนวทำงกำรพัฒนำท่อี ย่บู นพืน้ ฐำนของกำรพง่ึ ตนเอง ควำมพอมี พอใช้ กำรรู้จกั พอประมำณกำรคำนงึ ถงึ ควำมมีเหตุผล ส่งเสริมควำมประหยดั ในครัวเรอื น หำกจะต้องซ้ือสเปรยด์ ับ กลิน่ อบั อำจจะต้องทำใหเ้ สียเงนิ ซื้อในรำคำทแ่ี พงและบำงยห่ี ้ออำจจะมสี ว่ นผสมของสำรเคมีที่อันตรำยบำงชนดิ สม้ ซ่งึ เป็นผลไมท้ ม่ี ีในทอ้ งถิน่ จงึ เปน็ อกี หนึ่งตวั เลือก ในทำกำรทำสเปรยด์ บั กล่นิ อับจำกวสั ดุธรรมชำติ ทั้งยงั ปลอดภัย จำกสำรเคมี ดว้ ยเหตุนี้จงึ ทำให้ผศู้ กึ ษำมงุ่ ท่จี ะศกึ ษำกำรทดลองทำสเปรยจ์ ำกเปลอื กสม้ ขน้ึ เพ่อื ชว่ ยดับกลน่ิ อับในเสอื้ ผ้ำ 2. วัตถปุ ระสงค์ - เพอ่ื ศึกษำประโยชน์และสรรพคุณของส้ม - เพื่อศึกษำกำรทำสเปรยด์ บั กลิ่นจำกเปลือกส้ม - เพ่อื ทดลองทำสเปรย์ดบั กล่ินอบั จำกเปลือกส้มในกำรดบั กลิน่ อับจำกเสือ้ ผ้ำ 3. สมมุตฐิ าน สเปรย์ดบั กลิ่นอบั จำกเปลือกสม้ สำมำรถดับกล่ินอับชน้ื ในเสอื้ ผำ้ ได้ 4. ขอบเขตของการศกึ ษา 4.1 สม้ ทใ่ี ชใ้ นกำรศกึ ษำ ควำมหมำยของส้ม ช่อื ไม้พ่มุ หรอื ไม้ต้นขนำดเลก็ หลำยชนิดในสกุล Citrus วงศ์ Rutaceae ใบหนำ เป็นมัน ดอกสขี ำว มีกลิน่ หอมออ่ น ๆ ใบ ดอก และผิว ผลมีตอ่ มนำ้ มัน กลิ่นฉนุ ผลรสเปรี้ยว หรอื หวำน กิน ได้ มีกำรระบุว่ำ ไดม้ กี ำรปลกู ส้มมำนำนหลำยพนั ปีมำแลว้ เชื่อกันวำ่ ส้มหลำยชนดิ (species) ทีอ่ ยู่ในสกลุ ซทิ รสั เป็นพชื ทมี่ ีถ่ินกำเนิด หรอื เป็นพชื ทอ้ งถน่ิ ดั้งเดมิ ในเขตรอ้ น และเขตกง่ึ รอ้ นของทวปี เอเชยี และกลมุ่ เกำะมลำยู ในประเทศไทยไมม่ หี ลกั ฐำนปรำกฏชัดว่ำ มีกำรปลกู สม้ กนั มำตั้งแต่เมื่อใด พบแต่เพียงรำยงำน ซึ่งมีต้นฉบับเป็นภำษำฝร่งั เศส แปลและจดั พิมพ์เป็นภำษำองั กฤษ เมอ่ื พ.ศ. ๒๒๓๖ หรอื กว่ำ๓๐๐ ปีมำแลว้

๒ ท่ีกลำ่ วถงึ ส้มชนิดตำ่ งๆ ๓ ชนิด คือ ส้มโอ สม้ แก้ว และมะกรูด สำหรบั สม้ เขียวหวำนนน้ั ไม่ทรำบประวตั ิที่ ชดั เจน มีข้อสันนิษฐำนว่ำ อำจเกิดจำกกำรเพำะเมล็ด และขยำยพนั ธ์ุจำกส้มแกว้ หรือเกดิ จำกพันธ์ทุ ีช่ ำวจีน นำเขำ้ มำปลูกในภำคกลำง เม่ือประมำณรอ้ ยกวำ่ ปมี ำแล้ว ต่อมำจงึ มกี ำรนำไปกระจำยปลกู ในภำคอนื่ ๆ และ เรียกกันวำ่ ส้มเขยี วหวำน เพรำะเมื่อผลส้มสุกหรือแก่จดั แล้ว ส่วนเปลอื กยังคงมสี เี ขยี ว แตม่ ีรสชำติหวำน เป็นลักษณะของส้มท่ัวไป ท่ีปลกู ในภำคกลำง หรือในพืน้ ที่ทอี่ ณุ หภมู ิไมเ่ ย็นจดั ประเภทของสม้ ประเภทของสม้ สำหรับสำยพันธุส์ ม้ นนั้ มีหลำกหลำยชนดิ แต่ละชนดิ จะมีลกั ษณะและรสชำติท่ีแตกตำ่ งกันออกไป โดยกำรเลอื กซ้ือส้มใหม้ รี สชำตหิ วำนอร่อยควรเลอื ดส้มท่ีผวิ เรียบเนยี น เปลือกบำงเพรำะจะให้นำ้ เยอะ สำหรับส้ม นยิ มปลกู มำกในบำ้ นเรำนี้กไ็ ดแ้ ก่ ส้มเกลยี้ ง สม้ เขียวหวำน สม้ จกุ สม้ ตรำ(ส้มเชง้ ) และสม้ โอ สว่ นชนิดของ ส้มนั้น ก็ ได้แก่ 1.สม้ เขียวหวำน มเี น้อื หวำน เหมำะกับกำรค้ันกนิ สดๆ มีเปลอื กบำงและค้นั ด่มื ง่ำย 2.ส้มเกลยี้ ง ถิน่ กำเนิดจำกจีน เป็นหนง่ึ ในตระกูลสม้ ท่ีนิยมปลูกกนั มำกในไทย เหมำะแก่กำรใชท้ ำบุญหรือ งำนเทศกำลต่ำงๆ 3.สม้ เชง้ หรอื สม้ ตรำ สม้ พน้ื เมืองของชำวจนี และจดั วำ่ เป็นผลไมม้ งคลในกำรประกอบพธิ ีตำ่ งๆ ใชก้ ินสดๆ หรอื ทำเป็นน้ำผลไม้ 4.สม้ แก้ว ปลูกมำกในจังหวดั สมุทรสงครำม เปน็ ส้มท่มี ขี นำดใหญร่ องจำกส้มโอ นยิ มใชท้ ำนำ้ สม้ คั้น และ เป็นผลไม้เซน่ ไหวใ้ นชว่ งเทศกำลต่ำงๆ 5.ส้มจุก มีรสขำตหิ วำนออ่ นๆ เหมำะกับผู้ที่เปน็ โรคเบำหวำน หรือผทู้ ต่ี อ้ งกำรลดน้ำหนัก 6.ส้มจีน ผลไม้มงคลสำหรบั คนจนี สีเหมอื นทอง นิยมนำมำไหวเ้ จำ้ หรอื บรรพบรุ ุษ 7.สม้ จ๊ดี ไมน่ ิยมนำมำกนิ เพรำะมรี สเปร้ยี วมำก แต่คนจีนนยิ มนำมำอบแหง้ 8.ส้มโอ สำมำรถนำทำอำหำรไดห้ ลำยชนิด ทัง้ คำวและหวำน 9.สม้ ซนั คิสต์ รสชำติเขม้ ข้น เปลือกมกี ลน่ิ หอม นิยมใชเ้ ปลือกมำทำขนมเช่น แยม คกุ ก้ี 10.เลมอน มรี สเปร้ียวหวำนนิดๆ เปน็ ทีน่ ิยมของตำ่ งประเทศ 11.มะนำว ก็จดั อยใู่ นตระกลู ส้มเหมอื นกันและจดั วำ่ มรี สเปรี้ยวมำกที่สุด 12.มะกรูด นิยมนำกลิ่นหอมจำกเปลือกมำใช้ในกำรปรุงอำหำร แตน่ ้ำมะกรูดก็นำมำใช้ทำยำสระผมได้ เหมือนกัน 4.2 กลมุ่ ตัวอย่ำงท่ใี ช้ในกำรศกึ ษำ กล่มุ ตัวอยำ่ ง หมำยถงึ สว่ นหน่ึงของนกั เรยี นโรงเรียนปัว กลุ่มตัวอย่ำงท่ีใช้ศึกษำครัง้ นีเ้ ป็นนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษำปที ี่ 5 โรงเรียนปวั ปกี ำรศึกษำ 2562 จำนวน 20 คน

๓ 4.3 เนื้อหำท่ใี ช้ในกำรศกึ ษำ เนื้อหำทใี่ ช้ในกำรศกึ ษำเป็นเนื้อหำทเ่ี ลือกจำกปญั หำทพ่ี บในโรงเรียนหรอื เรือ่ งทนี่ กั เรยี นสนใจ คือ กำรดบั กลน่ิ ดว้ ยสเปรย์จำกเปลือกส้ม 4.4 ระยะเวลำ ระยะเวลำทใี่ ช้ในกำรศึกษำครง้ั นี้ ดำเนนิ กำรในปีกำรศึกษำ 2562 5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.เพือ่ เป็นแนวทำงในกำรนำเปลอื กส้ม นำมำทำเปน็ สเปรยท์ ี่สำมำรถดับกลนิ่ เสอื้ ผำ้ ได้ 2.ไดท้ รำบวำ่ เปลอื กส้มมีประโยชนส์ ำมำรถนำมำประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้ 3.ชว่ ยลดกลนิ่ อับไดใ้ นเสื้อผำ้ ได้ 4.ช่วยลดคำ่ ใช้จ่ำย และลดกำรใช้สำรเคมี ปัญหำ -กำจดั แมลงวันอย่ำงไรใหม้ ปี ระสทิ ธภิ ำพ รวบรวมขอ้ มูล -ขอ้ มลู ท่ีเกย่ี วขอ้ งกนั วิธกี ำรกำจัดแมลงวนั และลดจำนวนแมลงวัน สำรทเ่ี ปน็ พษิ ตอ่ แมลงวนั ออกแบบวธิ กี ำรทดลอง -ใช่สำรซำโปนนิ ซึ่งมีควำมเปน็ พิษต่อหนอนแมลงวนั ในปริมำณทแ่ี ตกต่ำงกันเพื่อหำปรมิ ำณทีเ่ หมำะสมและ มปี ระสทิ ธิภำพท่สี ดุ วำงแผนและดำเนนิ งำน - กำหนดชว่ งเวลำทใี่ ช้แก้ปญั หำ และดำเนินกำรแก้ปญั หำโดยทำตำมวธิ กี ำรทอ่ี อกแบบไว้ ทดสอบ ประเมนิ และปรับปรุง - บันทึกผลที่เกดิ ขน้ึ และนำมำวเิ ครำะห์ ก่อนจะนำมำปรับปรงุ ต่อไปนำเสนอ - ทำเปน็ รำยงำน หรือขอ้ มลู ลงในเวบ็ ไซต์

๔ บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทเ่ี ก่ยี วข้อง กำรศึกษำในคร้ังน้ี ผู้ศกึ ษำได้ศกึ ษำเอกสำรและงำนวจิ ัยท่เี ก่ียวข้อง โดยแบ่งเนื้อหำของเอกสำรและงำนวิจัย ออกเป็นหัวขอ้ ตำ่ งๆ ดงั นี้ ควำมหมำยของสม้ ชื่อไมพ้ มุ่ หรือไม้ต้นขนำดเลก็ หลำยชนดิ ในสกลุ Citrus วงศ์ Rutaceae ใบหนำเปน็ มนั ดอกสีขำว มกี ลนิ่ หอมออ่ น ๆ ใบ ดอก และผิว ผลมีต่อมนำ้ มัน กลิ่นฉุน ผลรสเปรย้ี ว หรือหวำน กินได้ มกี ำรระบุว่ำ ได้มีกำรปลูกส้มมำนำนหลำยพันปมี ำแล้ว เชอ่ื กันว่ำ สม้ หลำยชนดิ (species) ทอ่ี ยใู่ นสกุล ซิทรสั เปน็ พชื ท่ีมีถน่ิ กำเนดิ หรอื เปน็ พชื ท้องถ่ินดัง้ เดิมในเขตร้อน และเขตก่ึงร้อนของทวีปเอเชีย และกลุ่มเกำะมลำยู ในประเทศไทยไม่มหี ลักฐำนปรำกฏชัดว่ำ มีกำรปลูกสม้ กันมำต้ังแต่เมอื่ ใด พบแต่เพียงรำยงำน ซึง่ มตี ้นฉบับเป็นภำษำ ฝรัง่ เศส แปลและจดั พิมพ์เป็นภำษำองั กฤษ เม่อื พ.ศ. ๒๒๓๖ หรือกว่ำ ๓๐๐ ปีมำแล้ว ทีก่ ล่ำวถึงส้มชนิดต่ำงๆ ๓ ชนิด คือ สม้ โอ สม้ แก้ว และมะกรูด สำหรบั สม้ เขียวหวำนน้นั ไมท่ รำบประวัติทชี่ ัดเจน มีข้อสนั นิษฐำนวำ่ อำจเกิด จำกกำรเพำะเมลด็ และขยำยพนั ธจุ์ ำกส้มแกว้ หรือเกิดจำกพันธ์ทุ ่ีชำวจีนนำเข้ำมำปลกู ในภำคกลำง เมือ่ ประมำณ รอ้ ยกว่ำปีมำแล้ว ต่อมำจงึ มีกำรนำไปกระจำยปลกู ในภำคอื่นๆ และเรียกกนั วำ่ ส้มเขียวหวำน เพรำะเมอื่ ผลส้มสกุ หรอื แก่จัดแล้ว สว่ นเปลอื กยังคงมีสีเขยี ว แตม่ ีรสชำตหิ วำน เปน็ ลกั ษณะของส้มทัว่ ไป ทปี่ ลกู ในภำคกลำง หรอื ใน พ้นื ทท่ี ี่อุณหภูมไิ ม่เยน็ จัด ประเภทของส้ม สำหรบั สำยพนั ธสุ์ ม้ นน้ั มหี ลำกหลำยชนดิ แต่ละชนดิ จะมลี ักษณะและรสชำติท่แี ตกตำ่ งกนั ออกไป โดยกำร เลอื กซอื้ สม้ ให้มีรสชำติหวำนอรอ่ ยควรเลือดส้มที่ผิว เรียบเนียน เปลือกบำงเพรำะจะให้น้ำเยอะ สำหรบั ส้มนิยมปลกู มำกในบ้ำนเรำนี้กไ็ ดแ้ ก่ สม้ เกล้ียง ส้มเขยี วหวำน สม้ จกุ สม้ ตรำ(สม้ เช้ง) และสม้ โอ ชนดิ ของสม้ ได้แก่ ส้มเขียวหวำน มีเนื้อหวำน เหมำะกับกำรค้ันกินสดๆ มีเปลือกบำงและคัน้ ด่ืมงำ่ ย สม้ เกลยี้ ง ถนิ่ กำเนิดจำกจนี เปน็ หน่งึ ในตระกูลส้มท่ีนิยมปลูกกนั มำกในไทย เหมำะแกก่ ำรใช้ทำบญุ หรอื งำนเทศกำล ตำ่ งๆ ส้มเช้ง หรือ ส้มตรำ สม้ พ้นื เมืองของชำวจีนและจดั วำ่ เปน็ ผลไมม้ งคลในกำรประกอบพธิ ตี ่ำงๆ ใชก้ นิ สดๆ หรือทำเป็นน้ำผลไม้ สม้ แก้ว ปลกู มำกในจงั หวัดสมทุ รสงครำม เป็นสม้ ทีม่ ขี นำดใหญ่รองจำกส้มโอ นยิ มใชท้ ำนำ้ สม้ คั้น และเป็น ผลไม้เซน่ ไหว้ในช่วงเทศกำลต่ำงๆ สม้ จกุ มีรสชำติหวำนออ่ นๆ เหมำะกบั ผ้ทู ี่เปน็ โรคเบำหวำน หรอื ผู้ท่ีต้องกำรลดน้ำหนัก สม้ จีน ผลไมม้ งคลสำหรับคนจนี สีเหมอื นทอง นยิ มนำมำไหวเ้ จ้ำหรือบรรพบรุ ุษ ส้มจ๊ดี ไม่นยิ มนำมำกินเพรำะมรี สเปรี้ยวมำก แตค่ นจีนนิยมนำมำอบแหง้

๕ ส้มโอ สำมำรถนำทำอำหำรไดห้ ลำยชนิด ท้ังคำวและหวำน สม้ ซนั คิสต์ รสชำติเข้มข้น เปลอื กมกี ล่ินหอม นยิ มใช้เปลือกมำทำขนมเช่น แยม คุกกี้ เลมอน มรี สเปรีย้ วหวำนนดิ ๆ เป็นท่นี ยิ มของต่ำงประเทศ มะนำว ก็จดั อยูใ่ นตระกลู สม้ เหมือนกนั และจัดว่ำมีรสเปรย้ี วมำกที่สุด มะกรูด นยิ มนำกลนิ่ หอมจำกเปลือกมำใช้ในกำรปรงุ อำหำร แตน่ ้ำมะกรดู กน็ ำมำใชท้ ำยำสระผมได้ เหมอื นกัน ควำมหมำยของสเปรยป์ รับอำกำศ เปน็ ผลิตภัณฑส์ ำหรบั กำจัดกลิ่นอนั ไม่พึงประสงค์ และทำให้อำกำศมีกลิ่นหอม รวมถึงกำรฆำ่ เชอื้ แบคทีเรยี ในอำกำศหรือผวิ ของวสั ดุ อุปกรณ์ เครื่องเรอื น และเครื่องนงุ่ หม่ เปน็ ต้น ชนดิ สเปรยป์ รับอำกำศ 1. สเปรยป์ รับอำกำศสำหรบั กำรฆำ่ เช้อื เป็นผลติ ภัณฑ์ทมี่ กี ำรผลติ เฉพำะในภำคอตุ สำหกรรม เป็นชนดิ ท่ปี ระกอบดว้ ยสำรท่ีออกฤทธิ์ฆำ่ เช้ือไวรัส และจุลินทรยี จ์ ำพวกแบคทีเรียเปน็ หลกั โดยเฉพำะบริเวณทอ่ี บั ชน้ื หรอื มีกำรปนเปอ้ื นของสิ่งสกปรกตำ่ งๆทำให้ เช้ือจุลนิ ทรยี ์ไมส่ ำมำรถเจรญิ เติบโต และสร้ำงกลน่ิ อันไมพ่ งึ ประสงคไ์ ด้ ส่วนประกอบอน่ื ๆ เชน่ กล่ินสงั เครำะห์ เพ่ือ เพม่ิ ควำมหอมให้กบั น้ำยำ 2. สเปรย์ปรับอำกำศสำหรับดบั กล่ิน เปน็ ผลติ ภัณฑท์ี่ีมกี ำรผลติ ทั้งในภำคอตุ สำหกรรมหรือสำมำรถทำขน้ึ เองได้โดยไม่ผ่ำนกระบวนกำรอดั ก๊ำซ เป็นชนดิ ทใ่ี ช้สำหรบั กำรดับกล่ิน และกำรสรำ้ งกล่ินหอมใหก้ บั อำกำศเปน็ หลกั อำจมสี ่วนประกอบของสำรตอ่ ต้ำน เชอื้ จลุ นิ ทรียร์ ว่ มดว้ ย องคป์ ระกอบหลักจะเป็นน้ำมันหอมระเหยทสี่ กดั ได้จำกพชื หรือสังเครำะหข์ น้ึ มำโดยเฉพำะ วธิ ีกำรกำจัดกลน่ิ อับ 1. วธิ กี ำจดั กลิ่นอบั ในตู้เยน็ แนน่ อนวำ่ วธิ กี ำจดั กล่นิ อบั ในตู้เยน็ ท่นี ิยมที่สุด คอื กำรนำเบกกงิ้ โซดำไปแชไ่ วใ้ นตู้เยน็ และชอ่ งฟรีซเพื่อดดู ซับกลน่ิ แต่ถ้ำหำกตู้เยน็ ของใครมกี ล่ินเหม็นมำกจนทนไมไ่ หว ขอแนะนำใหใ้ ช้สเปรยฉ์ ีดพ่นตำมชน้ั ต่ำง ๆ แลว้ คอ่ ย เช็ดออกทีหลงั จะดกี วำ่ รับรองเลยวำ่ สำมำรถช่วยใหก้ ลิ่นไม่พึงประสงค์หำยไปไดไ้ วขน้ึ แน่ ทวำ่ ทำงที่ดกี อ็ ย่ำลมื หม่นั เชก็ วนั หมดอำยขุ องอำหำร ทำควำมสะอำดครำบสกปรก และเกบ็ อำหำรที่มีกลิน่ แรงหรืออำหำรกนิ เหลอื ใสไ่ วใ้ น กลอ่ งท่มี ฝี ำปิดมดิ ชิด เพอ่ื ป้องกนั กลิ่นอบั ในต้เู ย็น 2. วิธีกำจดั กล่นิ เหมน็ ในถงั ขยะ หลงั จำกนำเศษขยะในถงั ไปทิ้งแลว้ อยำ่ ลืมทำควำมสะอำดเพ่ือปอ้ งกนั กลน่ิ เหม็น โดยล้ำงดว้ ยน้ำอนุ่ ผสมกับ น้ำสม้ สำยชู หรอื ถำ้ หำกถังขยะใครยังไมเ่ ต็ม แต่ดันส่งกล่นิ เหมน็ ซะแลว้ ให้ใช้กำกกำแฟ 1 ชอ้ นโตะ๊ ผสมกับเบกกิ้ง

๖ โซดำ 1 ช้อนโตะ๊ และอบเชยอกี นดิ หนอ่ ยลงในถงุ จำกนนั้ มดั ปำกถงุ แบบบหุ งำ แลว้ นำไปใส่ลงในถังขยะ ก็จะชว่ ย กำจัดกล่นิ เหมน็ อบั ในถังขยะ ในครวั และในบำ้ น 3. วธิ ีกำจดั กลิน่ อบั ในเขียง ไม่วำ่ จะเปน็ เขยี งพลำสตกิ หรือเขียงไม้กค็ วรทำควำมสะอำดบ่อย ๆ หลงั ใช้เสรจ็ ทุกครงั้ โดยโรยเกลือลงบน เขยี งจำกน้นั นำมะนำวผำ่ คร่งึ ซกี ถใู หท้ ่วั เขยี ง แล้วใชน้ ้ำล้ำงออก 4. วธิ กี ำจดั กลิ่นอบั ในไมโครเวฟ ทุกวันนเี้ รำใช้ไมโครเวฟอนุ่ อำหำรกันบอ่ ยมำก แถมอำหำรทน่ี ำไปอบแต่ละครง้ั ก็ยงั ไมซ่ ้ำหนำ้ ซ้ำตำ และซำ้ กลน่ิ กนั อกี เลยทำใหพ้ ืน้ ทีเ่ ล็ก ๆ แคบ ๆ ในไมโครเวฟตลบอบอวลดว้ ยกลน่ิ อำหำรนบั สิบ แต่อย่ำงไรกต็ ำมเรำ สำมำรถกำจดั กล่ินติดคำ้ งออกไปได้ไม่ยำก เร่มิ ตน้ ดว้ ยกำรเชด็ ครำบสกปรกต่ำง ๆ ออกไปให้เกลี้ยง จำกนนั้ นำมะนำว สไลด์ใสล่ งไปในถ้วยน้ำเปล่ำ แล้วนำเขำ้ ไปอ่นุ ประมำณ 2-3 นำที เสรจ็ แลว้ เปิดฝำตู้ทง้ิ ไว้เพ่ือปล่อยใหก้ ล่นิ ระบำย ออก 5. วิธกี ำจดั กลน่ิ อบั ในหอ้ งนำ้ เพือ่ ช่วยให้บรรยำกำศในหอ้ งน้ำสดชื่น ให้ฉีดสเปร์ยดับกลิน่ เหมน็ และเพม่ิ กลิ่นหอม โดยมีสูตรในกำรทำคอื ผสมนำ้ 3 สว่ นเขำ้ กับวอดกำ้ 1 สว่ น จำกนนั้ ใส่น้ำมนั หอมระเหยกลน่ิ ลำเวนเดอร์ กลิ่นไซตรสั หรือกลิ่นยูคำลิปตสั ลง ไปประมำณ 10-20 หยด เสรจ็ แล้วก็นำไปฉดี ในหอ้ งน้ำ หรอื ใครอยำกจะลองใชอ้ ีกสูตร ด้วยกำรผสมนำ้ เปล่ำ 2 ส่วน น้ำส้มสำยชขู ำว 1 ชอ้ นโต๊ะ เบกกงิ้ โซดำ 1 ช้อนชำ และนำ้ มนั หอมระเหย 10 หยดเขำ้ ด้วยกันแทนได้ 6. วิธีกำจดั กลน่ิ อบั ในโถส้วม สำหรับกล่ินเหมน็ อบั ในโถส้วม ให้เรำพยำยำมทำควำมสะอำดเปน็ ประจำ โดยมขี ั้นตอนคือ ผสมเบกก้งิ โซดำ 1 ถว้ ยตวง สำรบอแรกซ์ 1 ถว้ ยตวง และเกลอื 1 ถว้ ยตวงเข้ำดว้ ยกนั หลังจำกนน้ั สำมำรถเตมิ นำ้ มันหอมระเหยสัก 2-3 หยดเพ่ือเพ่มิ กลิ่นหอมสดชืน่ ได้ เสร็จแลว้ กไ็ ปเทลงในชักโครกเพ่ือชว่ ยกำจดั กลน่ิ และครำบ หรือไมเ่ ช่นนนั้ ก็อำจจะใช้ เจลขดั หอ้ งนำ้ มำถู ๆ ขัด ๆ เพื่อกำจัดครำบและกลิ่นแทนได้ รวมถึงกำรเทสำรฟอกขำว ½ ถ้วยตวง ลงไปผสมกับนำ้ ในชกั โครก 7. วิธีกำจัดกล่ินอบั ในทอ่ นำ้ ทง้ิ ไม่ว่ำจะท่อนำ้ ทิ้งในสว้ มหรือในครวั ถำ้ มีกลน่ิ เหม็นอบั ไม่พงึ ประสงค์ ใหน้ ำนำ้ แขง็ มำวำงไว้บนปำกท่อ แลว้ โรยผงบอแรกซต์ ำมลงไป พรอ้ มกบั เปิดนำ้ ใหไ้ หลผ่ำน หรอื ผสมเบกก้ิงโซดำกบั น้ำร้อนแล้วเทลงไปในทอ่ น้ำ ท้งิ ไวส้ กั พกั กอ่ นเทน้ำรอ้ นตำมลงไปอกี ครงั้ เพอ่ื กำจดั กลนิ่ และสิง่ สกปรกท่อี ุดตนั อยูใ่ นท่อ 8. วิธกี ำจัดกลนิ่ อบั ในอำกำศของหอ้ งนง่ั เลน่ วธิ กี ำจัดกล่นิ อบั ในอำกำศของห้องน่งั เล่นข้ันแรก ให้เปิดหนำ้ ต่ำงเพื่อระบำยอำกำศ จำกนน้ั นำสำลจี ุ่มน้ำมัน หอมระเหยใส่ถว้ ยเลก็ ๆ มำวำงไวต้ ำมมมุ ห้อง หรือใชว้ ิธีจุดเทียนหอมทิ้งไว้

๗ 9. วิธกี ำจัดกลิ่นอบั ในพรม พรมน่ีแหละเป็นตวั ดูดซบั กลิน่ อับชน้ั ดี ดงั น้ันเรำจึงต้องหมน่ั กำจัดกลิ่นอยู่เป็นประจำ โดยมีขน้ั ตอนในกำรทำ ควำมสะอำดคอื โรยเบกก้ิงโซดำลงใหท้ ่ัวพรม ปล่อยท้งิ ไวป้ ระมำณ 30 นำที หลังจำกนัน้ กน็ ำเครื่องดูดฝ่นุ มำทำ ควำมสะอำด 10. วิธีกำจดั กล่นิ อบั ของทน่ี อน ใช้ไปนำน ๆ เข้ำ จะไมใ่ หก้ ลิ่นเหงื่อ กลิ่นเหม็นสะสม จนเกดิ เป็นกลน่ิ อับตดิ เตียงได้อย่ำงไรไหว แตต่ อ้ งบอก เลยวำ่ วธิ ีกำรกำจัดกลิ่นอับดับกลิ่นเหม็นบนท่นี อนก็ไมไ่ ดย้ ำก เพรำะมขี นั้ ตอนเหมอื นกบั กำรทำควำมสะอำดพรมทุก อย่ำง น่ันก็คือ โรยเบกกง้ิ โซดำให้ท่ัวฟกู จำกนัน้ ปลอ่ ยให้มนั เซตตวั และดูดกล่นิ สักพกั เสร็จแลว้ กน็ ำเครอื่ งดูดฝุ่นมำ ดูดออก ไม่นำนกล่ินเหม็นอับกจ็ ะคอ่ ย ๆ จำงไป 11. วิธีกำจัดกลน่ิ อบั ในต้เู สือ้ ผ้ำ กำรปิดประตตู ู้เสอื้ ผำ้ ถอื เป็นกำรเกบ็ กักควำมชน้ื และกลิ่นอบั ให้คำ้ งอย่ใู นตู้เล็ก ๆ ไม่ระบำยออกไปไหน ทำง ท่ดี ถี ำ้ เรำอยำกกำจัดควำมชื้นและกลิ่นเหมน็ ออกไป ควรมองหำเครอื่ งลดควำมชื้นเลก็ ๆ สำหรบั ต้เู ส้ือผ้ำตดิ ไวส้ ักอัน หรือไม่เช่นน้ันนำเบกก้ิงโซดำหรอื กำกกำแฟใสถ่ งุ ตำขำ่ ยไปแขวนไว้ในตเู้ สอ้ื ผ้ำเพอ่ื ดูดกล่ินอบั ออก ควำมสำคญั ของเปลือกสม้ เปลอื กส้ม เปน็ เปลอื กผลไมท้ ีม่ ีประโยชน์มำก ท้งั กำรปรุงเปน็ ยำ ไลย่ งุ ใช้ทำเคร่ืองหอม หรอื จะใช้ทำเป็นอำหำร กไ็ ด้ แตป่ ระโยชนใ์ นกำรดับกลิ่นทไี่ ม่พึ่งประสงคใ์ นบำ้ นได้อกี ดว้ ย 1. ดับกลน่ิ ถงั ขยะ ถังขยะทีส่ ง่ กลิ่นเหม็นเน่ำจำกเศษอำหำรทหี่ มกั หมมโชยออกมำ ทำให้บำ้ นหรอื หอ้ งครัว มีกลน่ิ ไมพ่ งึ ประสงค์ตำมไปด้วย ซึง่ เรำสำมำรถแก้ปัญหำนี้ไดโ้ ดยวำงเปลอื กสม้ ทย่ี งั ไมแ่ ห้งลงในก้นถัง ขยะ เพรำะกรดและกล่นิ ของเปลอื กส้มจะชว่ ยกำจดั เช้อื โรค ดับกลนิ่ เหมน็ และเพิ่มกล่ินหอมสดชนื่ อกี ดว้ ย 2. ดบั กลิน่ รองเท้ำ ปัญหำใหญข่ องคนทำงำนอำจหนไี มพ่ น้ เรื่องของกลิ่นเหม็นอับจำกรองเทำ้ ทีอ่ ำจจะทำ ใหไ้ มม่ ่นั ใจเมอ่ื ต้องถอดรองเทำ้ แต่เรำสำมำรถดบั กลิน่ รองเท้ำได้ โดยกำรนำเปลอื กส้มทแ่ี ห้งแลว้ มำฉกี เป็นชิน้ เลก็ ๆ แลว้ นำไปใสใ่ นถงุ ผ้ำขนำดเล็กท่มี ลี ักษณะค่อนข้ำงโปรง ซึง่ จะทำใหก้ ลน่ิ ของเปลือกส้ม ระบำยออกมำได้ จำกนัน้ นำถุงผำ้ ไปใส่ไวใ้ นรองเท้ำ เพรำะถงุ หอมจำกเปลือกส้มจะชว่ ยดูดซับกล่ิน ทำ ให้รองเทำ้ ไมม่ ีกลน่ิ เหมน็ อับ 3. ดบั กลน่ิ น้ำส้มสำยชูใครท่ีฉุนกลิ่นของน้ำสม้ สำยชจู นทนไมไ่ หวแนะนำ ใหใ้ ชเ้ ปลอื กสม้ ใส่ลงไป จะช่วยลด กล่นิ ฉุนไดเ้ ป็นอย่ำ งมำก 4. ลดกล่นิ เหม็นในขยะได้ บำ้ นใครทมี่ กี ลิ่นในถงั ขยะเหม็นจนแทบอำเจียนและมนึ หวั ลองโยนเปลอื กส้มลง ไป จะสำมำรถชว่ ยลดกลิ่นเน่ำเหม็นเหลำ่ น้นั ไดอ้ย่ำงยอดเย่ยี ม แถมยังกำจัดเชือ้ โรคได้อีกด้วย

๘ 5. กำจัดกล่นิ ท่อระบำยน้ำ เปลือกส้มสำมำรถกำจดั กลิ่นเหมน็ ในท่อระบำยน้ำไดเ้ ปน็ อย่ำงดเี พยี งวำงไว้ บรเิ วณปำกทอ่ น้ำ เสียก็ชว่ ยระงับกล่นิ ได้อยำ่ งมำก รับรองว่ำกล่นิ ไม่พงึ ประสงค์ลดลงแน่นอน 6. ขัดเงำวัสดแุ สตนเลส เพียงใชีเปลอื กสม้ ถยู งั สิ่งทเ่ี ป็นแสตนเลส เชน่ ชอ้ น จำน ชำม หรอื จะนำเปลือกส้ม แชน่ ำ้ แลว้ ผสมเกลือเล็กน้อยจำกนน่ั แชเ่ ครือ่ งแสตนเลสลงไป 7. ทำควำมสะอำดไมโครเวฟ เพยี งใชเ้ ปลือกส้มผสมน้ำ ใส่ถ้วยแลว้ นำเข้ำไปอบในไมโครเวฟ 1-2 นำที จำกนัน้ ก็เช็ดทำควำมสะอำดไดก้ ลน่ิ ของเปลอื กส้มจะชว่ ยใหไ้ มโครเวฟไร้กลิ่น 8. กำจดั ครำบชำกำแฟ เปลือกสม้ สำมำรถกำจัดครำบชำกำแฟไดเ้ พยี งใส่ลงไปในภำชนะทเี่ ปน็ ครำบกำแฟ แลว้ ใสน่ ้ำร้อนลงไป ท้งิ ไว้120 นำทีแล้วเทนำ้ ร้อนออกก็สำมำรถทำให้ครำบชำกำแฟหำยไป 9. ไล่มด กล่นิ ของเปลือกส้มสำมำรถไล่มดไดเ้ พรำะว่ำกลิน่ คอ่ นข้ำงฉุน ดังน้ันสำมำรถนำเปลือกส้มไปวำง ตำมขอบประตูขอบหนำ้ ต่ำง หรือตูก้ ับข้ำวได้ 10.ปอ้ งกันควำมซนของแมวใครท่กี ลัวแมวเหมียว มำยุ่ง มำอึ มำปสั สำวะ ลองเอำเปลอื กส้ม มำไวท้ บี่ ริเวณ ใต้ตน้ ไมก้ ลนิ่ ฉุนๆ ของมนั ทำให้แมวไม่ชอบ เจ้ำแมวสดุ ซนของคุณจะไม่มำกวนแน่นอน 11.เพ่มิ กล่ินหอมในบ้ำน บ้ำนใครที่มกี ลนิ่ ไม่พงึ ประสงคล์ องใชเ้ ปลอื กสม้ หำแท่นจดุ เทียนอโรม่ำมำสกัด แท่นแล้ววำงเปลอื กสม้ ไว้จดุ เทียนรับรองผ่อนคลำยแน่นอน 12. ทำเคร่ืองหอมเพียงนำเปลอื กส้มเกบ็ ไว้ในนภำชนะทีม่ ีฝำปิดแลว้ ท้งิ เอำไว้กจ็ ะได้เคร่อื งหอมติดบ้ำนแลว้ ควำมสำคญั ของสม้ -ชว่ ยลดริว้ รอยก่อนวยั เบต้ำแคโรทีนในส้มมีสรรพคณุ เปน็ สำรต้ำนอนุมูลอิสระทีช่วยให้ผวิ อ่อน เยำว์ ตำ้ นอนมุ ลู อสิ ระ ที่จะมำทำลำยเซลล์ผิวหนังของเรำใหเ้ ห่ยี วย่น ที่เป็นสำเหตุของกำรเกิดร้วิ รอยแหง่ วยั ช่วยเสรมิ สรำ้ งคอลลำเจน ทำใหผ้ ิวไม่เหีย่ ว เกิดร้ิวรอยไดง้ ่ำย เบตำ้ แคโรทนี จะชว่ ย ชะลอควำมเส่อื มในร่ำงกำย ทำให้ผิว เส้นผม มีสขุ ภำพดี ทัง้ ยังทำให้ผนงั หลอดเลอื ดและเสน้ เลือด ฝอยแข็งแรง -แก้กระหำย กำรดมื่ นำ้ สม้ จะช่วยแกอ้ ำกำรกระหำย เพม่ิ ควำมกระปร้ีกระเปร่ำ ทำใหร้ ่ำงกำยสดชื่น -ช่วยลดภำวะควำมเครียด คนที่มีควำมเครยี ด นอนไมห่ ลบั กอ่ นนอนให้ลองทำนสม้ 2 ผล ก่อน นอนติดต่อกันหลำยๆ วัน จะสำมำรถคลำยควำมเครยี ดลงได้ -เป็นยำดม เนอ่ื งจำกเปลือกสม้ มีน้ำมันหอมระเหย จึงชว่ ยแกอ้ ำกำรวงิ เวยี นศีรษะได้ ทำใหร้ ่ำงกำย รู้สึกผ่อนคลำยและชว่ ยกระตนุ้ ระบบประสำทได้ดี

๙ -ชว่ ยลดคอเลสเตอรอล เปลือกสม้ มีสำรที่ชว่ ยลดคอเลสเตอรอล ลดระดบั นำ้ ตำลในเลือด และช่วย กรองสำรพษิ ในตบั -ใชเ้ ป็นยำกันยุง โดยนำเปลือกสม้ แห้งมำจุดไฟจนมกี ลนิ่ หอม ใชไ้ ลย่ งุ ได้ นำ้ มันหอมระเหยใน เปลอื กสม้ จะสง่ กลิน่ หอมซงึ่ ยุงไมช่ อบทำใหไ้ ล่ยงุ ได้ -เปลือกส้มทำใหต้ ูเ้ ย็นหอมสดชืน่ ตเู้ ย็นเปรยี บเสมอื นถังขยะของสดทเ่ี รำนำทุกอย่ำงแช่เข้ำไปท้งั ผัก ผลไม้ เน้อื สัตว์ นำ้ ด่ืม ฯลฯ ดังน้นั จงึ ไมต่ อ้ งแปลกใจ หำกตเู้ ยน็ จะมสี ำรพดั กลน่ิ ไม่ถูกใจ แต่ แม่บำ้ นสนุก โฮม ก็มีวธิ ีรับมือกบั กลนิ่ เหลำ่ นั้นแบบงำ่ ยๆ คอื ใช้เปลอื กสม้ ช่วยดับกลน่ิ วิธีกำรคือ ผ่ำ ส้มออกครงึ่ ลกู จำกนัน้ แกะเน้ือส้มออกจนเหลอื แต่เปลือกส้ม วำงเปลอื กส้มลงในชำมใบเลก็ ๆ แลว้ ผสมเกลอื ลงไป จำกนน้ั นำชำมไปวำงไวใ้ นตเู้ ยน็ ดำ้ นในสดุ ตู้เย็นของคุณก็จะหอมช่นื ใจ ไรก้ ลน่ิ เหม็นรบกวน ควำมสำคัญของสเปรย์ปรับอำกำศ - กำจัดกล่ินในอำกำศ ดว้ ยคุณสมบัตขิ องสำรท่ีสำมำรถลดจำนวนของแบคทเี รียท่ีอำจมกี ำรหมกั หมมทำให้ เกิดกล่นิ ในอำกำศ - ฆ่ำเชอ้ื แบคทีเรีย ด้วยสำรทีเ่ ป็นองคป์ ระกอบมฤี ทธต์ิ อ่ ตำ้ นกำรเจริญเตบิ โตของแบคทีเรีย - ดับกลน่ิ และทำให้กลิน่ หอม ด้วยสำรใหก้ ลนิ่ สังเครำะห์ของกล่ินหอมตำ่ งๆจะทีช่ ว่ ยระงบั กลิน่ อำหำรหรอื กล่ินไมพ่ งึ ประสงค์อ่นื ๆในอำกำศ - จบั โมเลกุลของกลิ่นทเี่ ปน็ โทษตอ่ ระบบทำงเดนิ หำยใจ พร้อมทำปฏิกริ ยิ ำสลำยกลิ่น และเปลยี่ นสภำพให้ เป็นกลำง กลำยเป็นอำกำศบริสทุ ธิท์ เ่ี รำทกุ คนตอ้ งกำร - สำมำรถสลำยกล่นิ ทีไ่ มต่ ้องกำรได้โดยส้นิ เชงิ องค์ประกอบและวธิ ที ำสเปรยด์ ับกลิน่ อับจำกเปลอื กส้ม -วิธีท่ี 1 เปลือกส้มและนำ้ สม้ สำยชูก็ถอื เปน็ อกี หนง่ึ วธิ ดี บั กลิ่นอบั ง่ำย ๆ ทีช่ ่วยทำควำมสะอำดบ้ำนได้ด้วย โดยขัน้ แรกใหเ้ รำแกะเปลือกสม้ ใส่เปลอื กสม้ ลงไปให้เตม็ เหยอื กหรือขวดโหล จำกน้ันเทนำ้ สม้ สำยชูใส่ลงไปจมท่วม เสรจ็ แล้วก็ปล่อยทิ้งไวอ้ ย่ำงน้อย 2 สัปดำห์ พอครบกำหนดแล้วจงึ นำมำกรองออกเอำแต่นำ้ จำกนั้นคอ่ ยนำไปผสมกบั น้ำเปล่ำในอัตรำ 1:1 ส่วน เพอ่ื เจือจำงกล่ินน้ำสำยชู แลว้ เทลงในขวดสเปรย์ (ถ้ำไมต่ อ้ งกำรใหส้ เปรย์เขม้ ขน้ เกนิ ไป สำมำรถผสมน้ำเปลำ่ 2 ส่วน ต่อ นำ้ ยำ 1 สว่ นได้) เป็นอนั เสร็จพร้อมใช้งำน -วิธีท่ี 2 สเปรย์ปรบั อำกำศกลนิ่ สม้ คือเร่มิ แรกให้เทน้ำกลัน่ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกบั วอดก้ำ 3 ช้อนโต๊ะและ นำ้ มันหอมระเหยกลิ่นกลนิ่ สม้ ไมเ่ กนิ 20-30 หยด แล้วเขย่ำขวดเพ่ือให้สว่ นผสมรวมกนั ในขวดสเปรย์ จำกนัน้ ก็ สำมำรถนำไปฉีดบนท่ีต่ำงๆ ในหอ้ งนอนไดเ้ ลย

๑๐ ขอ้ ดขี องกลนิ่ ส้มคือมีสำรโฟเลตอยู่ชว่ ยกระตุ้นให้สมองหล่งั ฮอรโ์ มนเซโรโทนนิ ออกมำ ช่วยใหร้ ูส้ ึกผ่อนคลำยและ กระปรกี้ ระเปร่ำ ชว่ ยกระตุ้นระบบประสำทและช่วยใหก้ ำรเผำผลำญพลังงำนเปน็ ปกติ เมื่อสูดดมแลว้ จะรูส้ ึกสดชนื่ แจม่ ใส เบิกบำน อำรมณ์ดี งำนวิจยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง - งำนวจิ ยั ในประเทศ กนกพร วอ่ งไว ( 2561) สรปุ ไดว้ ำ่ กำรทำโครงงำนสเปรยด์ ับกลิน่ อับช้นื จำกนำ้ สม้ ในครง้ั นส้ี มำชกิ ชว่ ยกนั ทำตำมหนำ้ ท่ี ทไี่ ด้รับมอบหมำย ชว่ ยกันสืบค้นขอ้ มลู และปฏิบัตเิ ปน็ รปู เลม่ รำยงำน และทำ ผลิตภัณฑ์ เพือ่ ให้สำเรจ็ ตำมวตั ถุประสงคท์ ี่ตอ้ งกำรและนอกจำกนี้ยังเปน็ กำรศึกษำวธิ ีกำรทำและลงมือ ปฏิบัตดิ ว้ ยตนเอง

๑๑ บทท่ี3 วธิ ีดาเนนิ การศึกษาค้นคว้า ในกำรศึกษำคร้งั น้ี ผู้ศกึ ษำได้ศึกษำกำรทำสเปรย์ดบั กล่นิ อับจำกเปลอื กสม้ ทส่ี ำมำรถดับกลิ่นอบั ชนื้ ภำยใน หอ้ ง เสอ้ื ผ้ำ และกล่นิ ตวั ซึง่ มวี ิธีกำรดงั นี้ 1.ระเบียบวธิ ีท่ีใช้ศกึ ษา ในกำรศึกษำใช้รูปแบบกำรสำรวจ สืบค้นขอ้ มูล จำกหนังสอื อนิ เตอร์เนต็ และตอบแบบสอบถำม 2. ประชากร/กลุ่มตัวอยา่ ง ประชากร ประชำกรท่ีใช้ในกำรศึกษำครั้งนี้ เปน็ นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี 5 โรงเรียนปวั ปีกำรศกึ ษำ 2562 จำนวน 1 หอ้ งเรียน เปน็ นักเรยี นท้ังสิน้ 34 คน กลุ่มตัวอยา่ ง กล่มุ ตวั อยำ่ งทใ่ี ช้ในกำรศกึ ษำครัง้ น้ีได้แก่นักเรยี นระดับช้นั มัธยมศึกษำปีที่5 โรงเรยี นปัว ปี กำรศึกษำ 2562 จำนวน 1 หอ้ งเรยี น เป็นนักเรียนทง้ั สนิ้ 34 คน ได้มำโดยส่มุ อย่ำงงำ่ ย เพ่ือตอบ แบบสอบถำมท่ีสร้ำงข้ึน โดยไดม้ ำจำกบุคคลทมี่ ีกลิ่นตัวแรงอย่ตู ลอดเวลำหรอื ทุกครัง้ หลงั จำกกำรออกกำลงั กำย ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการศกึ ษา ระยะเวลำทใ่ี ชใ้ นกำรศึกษำ ปี 2562 3.วิธีการดาเนินการศกึ ษา ผศู้ ึกษำได้ดำเนนิ กำรตำมข้ันตอนดงั นี้ 3.1 กำหนดเร่อื งทีจ่ ะศึกษำ โดยสมำชิกท้ัง 5 คน ประชุมร่วมกนั และรว่ มกนั คิดและวำงแผนว่ำ จะศึกษำเรอ่ื งใด ( สมำชกิ กลมุ่ ท้งั 5 คน ไดม้ ำโดยนำผลกำรเรียนวิชำภำษำไทยพ้ืนฐำนมำจดั แบ่งกลุ่ม เก่ง กลำง อ่อน) 3.2 สำรวจปญั หำที่พบในโรงเรยี น ซงึ่ มที ง้ั ปญั หำดำ้ นผ้เู รยี น ครูผู้สอน อำคำร สถำนทส่ี ิ่งแวดล้อม ในโรงเรียน ฯลฯ 3.3 เลือกเร่ืองทีจ่ ะศึกษำ โดยเลอื กเรื่องท่ีสมำชิกมีควำมสนใจมำกทสี่ ุดเพอ่ื เปน็ แรงจูงใจในกำร ค้นหำคำตอบ 3.4 ศกึ ษำแนวคดิ ในกำรแกป้ ัญหำ ( ในข้อน้ียงั ไมส่ ำมำรถดำเนนิ กำรได้เนือ่ งจำกกำรเรยี นรำยวชิ ำ IS1 เวลำมีจำกัด ผู้ศึกษำจึงทำไดเ้ ฉพำะกำรสำรวจควำมคิดเหน็ และสรำ้ งเคร่ืองมือ(แบบสอบถำม) ศึกษำ เพยี งเพือ่ ใหม้ ีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ เรอื่ งกระบวนกำรวิจยั เท่ำน้ัน

๑๒ 3.5 ต้งั ช่ือเรอื่ ง 3.6 สมำชิกทง้ั 5คนของกลุม่ พบครผู ูส้ อนเพื่อปรึกษำวำงแผนและรับฟงั ควำมคิดเหน็ ปรบั ปรุงแกไ้ ข 3.7 เขียนควำมสำคญั ควำมเป็นมำของปญั หำ วตั ถปุ ระสงค์ สมมุติฐำนขอบเขตกำรวจิ ัยและ ประโยชน์ทค่ี ำดวำ่ จะไดร้ บั โดยศกึ ษำข้อมูลจำกหนงั สอื วิทยำนพิ นธ์และสบื คน้ ข้อมูลจำกอนิ เตอร์เน็ต และ จดบนั ทกึ ในโครงร่ำงรำยงำนเชิงวชิ ำกำร (ตำมใบงำน) 3.8 สร้ำงเครอื่ งมอื ทเี่ ปน็ แบบสอบถำม จำนวน 5 ขอ้ 3.9 นำเครอ่ื งมือทีป่ รบั ปรงุ แลว้ ไปใช้กับกลุม่ ตัวอย่ำง 3.10 รวบรวมข้อมูล 3.11 วเิ ครำะห์ขอ้ มลู 3.12 สรปุ กำรศึกษำ 4. เครือ่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศึกษา เครื่องมือที่ใชใ้ นกำรศกึ ษำครัง้ น้ี คอื แบบสอบถำม ( หรอื แบบประเมินควำมพงึ พอใจ) 1 ฉบบั ซ่ึงมี รำยละเอยี ดดงั นี้ 4.1 ออกแบบแบบสอบถำม เรื่อง ผลทตี่ ำมมำหลังใช้สเปรยด์ บั กลิน่ อบั จำกส้ม โดยขอคำแนะนำ จำกที่ปรึกษำหรอื ผู้สอนโดยเตรยี มร่ำงข้อคำถำม มลี กั ษณะเป็นข้อคำถำมจำนวน 5 ข้อ เป็นแบบมำตรำสว่ น ประมำณ 5 ระดบั คอื 5 หมำยถงึ เห็นดว้ ยมำกทีส่ ดุ 4 หมำยถึง เหน็ ดว้ ยมำก 3 หมำยถงึ เหน็ ดว้ ยปำนกลำง 2 หมำยถึง เห็นด้วยนอ้ ย 1 หมำยถึง เห็นดว้ ยนอ้ ยทส่ี ดุ กำรพิจำรณำค่ำเฉลี่ย จะใช้เกณฑ์ดงั นี้ คำ่ เฉลย่ี 4.51 – 5.00 หมำยถึง เห็นด้วยมำกที่สดุ ค่ำเฉลี่ย 3.51 – 4.50 หมำยถึง เหน็ ด้วยมำก คำ่ เฉลย่ี 2.51 – 3.50 หมำยถงึ เหน็ ด้วยปำนกลำง ค่ำเฉล่ยี 1.51 – 2.50 หมำยถงึ เหน็ ดว้ ยนอ้ ย ค่ำเฉลย่ี 1.00 – 1.50 หมำยถงึ เห็นด้วยน้อยทสี่ ุด 4.2 สร้ำงแบบสอบถำม เร่ือง ผลที่ตำมมำหลังใช้สเปรยด์ บั กลนิ่ อบั จำกส้ม โดยขอคำแนะนำจำกท่ี ปรึกษำหรือผ้สู อน จำกนน้ั นำมำปรับปรงุ แก้ไข แล้วนำไปตรวจสอบควำมเหมำะสม 4.3 นำแบบสอบถำมเรอื่ ง ผลทีต่ ำมมำหลงั ใช้สเปรย์ดับกลิน่ อับจำกสม้ ทแี่ ก้ไขปรบั ปรุงแล้วให้กลมุ่ ตัวอยำ่ งประเมิน หลงั จำกนั้นนำผลทไ่ี ดม้ ำหำคำ่ เฉล่ีย

๑๓ 5. การเก็บรวบรวมข้อมลู กำรศึกษำครั้งนไี้ ดด้ ำเนินกำรโดยนำแบบสอบถำมทสี่ รำ้ งข้นึ ให้นกั เรยี นกลุม่ ตวั อย่ำงตอบจำนวน 20 คน และเก็บรวบรวมขอ้ มูลจำกนกั เรยี น ท่เี ป็นกลมุ่ ตัวอยำ่ ง โดยผู้ศกึ ษำท้ัง 5 คนดำเนนิ กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูลดว้ ย ตนเอง 6. การวิเคราะหข์ ้อมูล ในกำรวเิ ครำะห์ข้อมลู ผู้ศกึ ษำได้วิเครำะห์ข้อมูล ดังน้ี 6.1 นำแบบสอบถำมทงั้ หมดทตี่ อบโดยนักเรียนกลุ่มตัวอย่ำง มำหำคำ่ คะแนนรวม 6.2 นำผลรวมมำคิดค่ำรอ้ ยละและกำรหำค่ำเฉลี่ย 7. สถติ ิท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา สถติ ทิ ่ีใช้ในกำรศึกษำคร้ังน้ี คือ ร้อยละและกำรหำคำ่ เฉล่ีย

๑๔ บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน กำรจดั ทำโครงงำนวชิ ำ กำรศกึ ษำค้นควำ้ และสรำ้ งองคค์ วำมรู้ เรื่อง เปลอื กส้มล้มกลน่ิ อับ มีวัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ทดลองทำสเปรย์ดบั กล่นิ อับจำกเปลอื กส้มในกำรดับกลนิ่ อบั จำกเส้อื ผ้ำ ศึกษำประโยชนแ์ ละ สรรพคณุ ของส้ม และศึกษำกำรทำสเปรยด์ ับกล่นิ จำกเปลือกส้ม เพ่อื ให้ผ้จู ัดทำโครงงำนนำมำประยกุ ตใ์ ชใ้ ห้เข้ำกบั กำรเรยี นรขู้ องตนเองมำกขนึ้ ตลอดจนสำมำรถติดตอ่ สือ่ สำรกนั ได้ระหว่ำงครู เพอ่ื นๆ และผสู้ นใจทั่วไป ซ่ึงมผี ลกำร ดำเนนิ โครงงำนดังนี้ ผลการทาโครงงานเรื่องเปลือกส้มล้มกล่นิ อบั ในกำรศกึ ษำเพ่อื ทดลองทำสเปรยด์ ับกลิ่นอับจำกเปลอื กส้มในกำรดบั กล่นิ อับเส้ือผ้ำ ผจู้ ดั ทำไดเ้ รม่ิ ดำเนนิ งำน ตำมขน้ั ตอนกำรดำเนนิ งำนท่ีเสนอในบทที่ 3 แล้ว ได้ศึกษำและทดลองทำสเปรยด์ ับกล่ินอับจำกเปลือก ส้ม และได้นำเสนอให้แก่เพื่อนๆในห้องเรียน ใหม้ ีสวนรว่ มในกำรเรียนรู้ โดยสำมำรถแสดงควำมเหน็ ในเนอื้ หำ และ รูปแบบในกำรนำเสนออย่ำงหลำกหลำย ทำใหเ้ กดิ กำรเรียนรู้ และเป็นประโยชนต์ ่อกำรเรียนรู้สำหรบั ผู้ที่สนใจ

๑๕ บทท่ี ๕ สรุปผล อภิปรายและข้อเสนอแนะ บทสรปุ ผลการศึกษา จำกกำรศกึ ษำกำรทำสเปรยป์ รับอำกำศจำกส้ม คณะผ้จู ดั ทำพบวำ่ กำรทำสเปรยป์ รับอำกำศจำกสม้ นั้นมี สรรพคุณ ข้อดี ประโยชน์ในกำรนำไปใช้หลำยๆด้ำนของส้ม กำรทำรำยงำนฉบบั น้ที ำให้ผู้จัดทำมีควำมกลำ้ คิด กล้ำ ศึกษำ และยังเกิดควำมสำมัคคีแกห่ มู่คณะ อีกทง้ั ยงั ทำใหผ้ ู้จดั ทำตระหนักได้วำ่ ควรให้ควำมสำคัญและโอกำสใน กำรทดลอง กำรศกึ ษำคณุ ประโยชน์ของพชื ผัก ผลไม้ หลำยๆชนิด แล้วจะพบประโยชน์หลำยๆด้ำนท่สี ำมำรถ นำมำใช้ในชวี ิตประจำวันได้ สรรพคณุ ของส้ม ๑. สม้ มสี ำรต่อตำ้ นอนมุ ลู อสิ ระมำกมำย จงึ ช่วยในกำรชะลอวยั ๒. ส้มมีคุณสมบตั ิในกำรช่วยสร้ำงคอลลำเจน ทำใหช้ ่วยลดเลือนหรือชะลอกำรเกิดรว้ิ รอยแห่งวยั ได้ ๓. ส้มช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปลง่ ปล่งั สดใส ๔. ช่วยให้ผิวมสี ุขภำพดีไม่แห้งกรำ้ น ๕. ชว่ ยบำรุงสำยตำ ปอ้ งกันกำรเกิดโรคตอ้ กระจก เพรำะส้มมวี ิตำมนิ ซี ๖. ชว่ ยเสริมสรำ้ งกระดกู ใหแ้ ขง็ แรง ด้วยแคลเซียมและวิตำมนิ ดจี ำกส้ม ๗. กำรกินสม้ กช็ ่วยลดสภำวะควำมเครียดไดเ้ หมอื นกันนะ ๘. สม้ ชว่ ยเสรมิ สร้ำงภมู คิ ุ้มกนั ให้แกร่ ่ำงกำย ให้สุขภำพรำ่ งกำยแขง็ แรง ๙. ช่วยปอ้ งกันกำรเกดิ โรคหลอดเลอื ดหวั ใจตีบ ๑๐.ชว่ ยปอ้ งกนั กำรเกดิ โรคเลือดออกตำมไรฟัน ๑๑.ช่วยปอ้ งกันกำรเกดิ โรคหัวใจ ๑๒.ช่วยในกำรขบั ถ่ำย เพรำะส้มมีกำกใยสงู ๑๓.ชว่ ยลดโอกำสกำรเกิดโรคมะเร็งทป่ี ำก กลอ่ งเสียง และท่กี ระเพำะ ๑๔.ช่วยปอ้ งกนั กำรเปน็ อัมพำตหำกกินผลไมต้ ระกลู ส้มเปน็ ประจำ ๑๕.สำรฟลำโวนอยดใ์ นสม้ จะช่วยป้องกันกำรอกั เสบและเลอื ดจับตัวกนั เปน็ ก้อน ๑๖.ในส้มมีสำรเบตำแคโรทนี ที่ช่วยชะลอควำมเส่ือมเสน้ ผม เลบ็ และผิวของคณุ และช่วยให้ผนงั หลอดเลอื ด เสน้ เลือดฝอยแขง็ แรง ๑๗.ชว่ ยซ่อมแซมสว่ นทส่ี กึ หรอในรำ่ งกำยของเรำ ๑๘.ช่วยในกำรสมำนแผลตำ่ ง ๆ เช่น แผลไฟไหม้หรือแผลหลงั ผำ่ ตัดให้หำยดียิง่ ข้ึน ๑๙.เปลือกส้มจะมนี ำ้ มันหอมระเหยท่ีช่วยแกอ้ ำกำรวิงเวยี นศีรษะและเปน็ ยำระบำยอ่อน ๆ ๒๐.เปลือกสม้ มีสำรชว่ ยลดคอเลสเตอรอล ช่วยปรับระดบั น้ำตำลในเลอื ด และช่วยกรองสำรพิษในตบั ไดด้ ว้ ย ๒๑.เปลือกส้มมีฤทธ์ใิ นกำรช่วยทำลำยเซลลม์ ะเรง็ ได้

๑๖ ๒๒.ประโยชน์ของส้ม น้ำสม้ ใช้ด่มื แก้กระหำย เพม่ิ ควำมสดชืน่ ใหแ้ ก่รำ่ งกำย เพ่มิ ควำมกระปรีก้ ระเปรำ่ เปลือกส้มท่แี หง้ แล้ว เม่ือนำไปจุดไฟจะมีกลน่ิ หอมและมคี ณุ สมบัติในกำรไลย่ ุง น้ำมันหอมระเหยจำกเปลือกส้มก็ช่วยใหร้ ำ่ งกำยรู้สึกผอ่ นคลำยและช่วยกระต้นุ ระบบประสำทไดด้ ี กำรเสิร์ฟเปลือกสม้ ค่กู ับอำหำรทเ่ี ปน็ เนอื้ สัตว์ จะช่วยในกำรย่อยอำหำรที่มีไขมนั สงู ได้ ข้อเสนอแนะ ๑.ในกำรทดลองอำจจะใช้ประมำณส้มเยอะ เพื่อให้ไดป้ ริมำณทท่ี ำครั้งเดียวแล้วสำมำรถใชไ้ ดอ้ กี หลำยๆคร้งั ๒.รำคำของส้มอำจจะแพงในบำงช่วง ๓.สว่ นประกอบของวิธีกำรทำบำงอยำ่ งมรี ำคำแพง เช่น วอดกำ้ เป็นต้น ๔.ส่วนประกอบบำงอย่ำงอำจเกดิ อันตรำยต่อสขุ ภำพผ้ทู ีไ่ มไ่ ด้ศกึ ษำขอ้ มูล และเด็ก หำกน้ำมำรบั ประทำน กบั เช่น น้ำกล่ัน เป็นต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook