Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวนพฤกษศาสตร์

สวนพฤกษศาสตร์

Published by K'Kanchana, 2020-11-05 04:54:37

Description: นางสาว กาญจนา เเก้วประภา เลขที่10 ม.5/3
นางสาว ปนิภา งานดี เลขที่15 ม.5/3

Search

Read the Text Version

หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เร่ืองสวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน เลม่ น้ีจดั ทาข้ึนเพื่อนใชป้ ระกอบการเรียน วชิ า ว32101 เทคโนโลย2ี เน้ือหาประกอบไปดว้ ยขอ้ มูลเก่ียวกบั ตน้ ไมแ้ ละ ดอกไมใ้ นโรงเรียนวงั เนือวทิ ยา ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ จะเป็นประโยชน์ต่อผทู้ ่ีศึกษาดเ้ ป็น อยา่ งดี นางสาวกาญจนา แกว้ ประภา นางสาวปนิภา งานดี ผจู้ ดั ทา

แคฝร่ัง หมวด: Magnoliophyta ชนั้ : Magnoliopsida อนั ดบั : Fabales วงศ:์ Fabaceae สกลุ : Gliricidia สปีชีส:์ Gliricidia sepium แคฝร่ัง (Mata Raton) เป็นไมย้ ืนตน้ พลดั ใบขนาดเลก็ ถึงขนาด กลาง นิยมปลกู เพ่ือเป็นไมป้ ระดบั ดอก เน่ืองจาก ออกดอกเป็นชอ่ ใหญ่หลงั การ หลน่ รว่ งของใบ ดอกมีสขี าวหรอื ชมพอู ม ขาว แลดสู วยงาม รวมถงึ เพ่ือการ รบั ประทานดอก โดยนามาประกอบ อาหารไดห้ ลากหลายชนิด ปัจจบุ นั เป็น ท่ีนิยมปลกู มากทงั้ ในสถานท่ีสาธารณะ หรอื ราชการ สถานท่ีท่องเท่ียว ตาม บา้ นเรอื น และหวั ไรป่ ลายนา

วธิ ีการขยายพนั ธุ์ การใช้ประโยชน์ การปลกู ดว้ ยเมลด็ หลงั จากตน้ พืชชนิดนีใ้ ชป้ ระโยชนไ์ ดห้ ลากหลาย เช่น กลา้ เตบิ โตไดป้ ระมาณ 1 เดอื น ปลกู เป็นรวั้ อาหารสตั ว์ ใหร้ ม่ เงา หรอื มีความสงู ประมาณ 20-30 เชือ้ เพลงิ ป๋ ยุ อินทรยี ์ และยาฆา่ หนู แคฝร่งั เซนติเมตร ก็สามารถนาลงหลมุ ใชเ้ ป็นยาและปอ้ งกนั แมลง ในฟิลิปปินส์ ปลกู ได้ ทงั้ นี้ การเจรญิ เติบโต สารสกดั จากใบใชก้ าจดั ปรสติ ภายนอกแค ของแคฝร่งั ในชว่ งแรกจะ ฝร่งั เติบโตไดด้ ใี นดนิ คณุ ภาพต่า จึงใช้ คอ่ นขา้ งชา้ แตห่ ากตงั้ ตน้ ได้ ปลกู ทดแทนป่าท่ีถกู ทาลายได้ แลว้ จะสามารถเติบโตไดถ้ ึง 3 เมตร ภายในปีเดียว ... การ ปลกู ดว้ ยก่ิงปักชา

ชาทอง ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Duranta erecta L. ช่ือวงศ์ VERBENACEAE ช่ือสามญั Goldan dewdrop , Pigeon berry , sky - flower ชื่อพืน้ เมืองอื่นๆ พวงม่วง , เทียนพญา อินทร์ ชาทอง เป็นไมพ้ ่มุ ขนาดเล็กสงู 2-3 เมตร ลาตน้ สีนา้ ตาลอ่อน แตกก่ิงกา้ นจานวนมาก ทรงพ่มุ แน่นทบึ ยอดอ่อนเป็นเหล่ียม และมีหนามแหลม โคนใบสอบ ขอบใบ หยกั สีเขียวสด ใบอ่อนสเี ขียวอ่อนอม เหลืองถึงสเี หลืองทอง ช่อดอกเป็นช่อ กระจะออกท่ีปลายก่ิง ดอกสีมว่ ง โคน หลีบดอกเช่ือมตดิ กนั เป็นรูปกรวย ปลาย แยกเป็น 5 แฉก ดอกบานเตม็ ท่ีขนาด 1.5 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี ผลสด ทรงกลม ขนาด 0.5 - 0.8 เซนตเิ มตร ผล ออ่ นสเี ขียว ผลแก่สีสม้ มี 1 เมลด็ ตอ่ ผล

ประโยชน์ ประโยชนห์ ลกั ของเทียน คอื เป็นไม้ ดอกไมป้ ระดบั เพราะมีลาตน้ คลา้ ยลา เทียน มีดอกงดงามเป็นเอกลกั ษณ์ เฉพาะตวั มีหลากหลายสี ปลกู งา่ ย มี ดอกเรว็ ปลกู ไดท้ งั้ ในกระถาง ปลกู ลง แปลง ปลกู ตามรมิ รวั้ ฯลฯ อีกทงั้ ช่ือของ เทียนก็เป็นมงคลเพราะเป็นส่ิงท่ีใหแ้ สง สวา่ งท่ีชาวไทยโดยเฉพาะชาวพทุ ธ ใชใ้ น การบชู าพระรตั นตรยั และใชใ้ นงานพิธี ตา่ งๆ ซง่ึ ขาดเทียนไม่ไดเ้ ลย วิธีการขยายพนั ธุ์ 1.การปักชาก่ิง นิยมมากท่ีสดุ เพาะ สะดวกและไดต้ น้ เรว็ กวา่ วธิ ีการ ตดั ก่ิง สว่ นยอดยาวประมาณ 4-5 นิว้ เดด็ ใบ ออกบา้ ง ปักชาในกระถางหรอื ถงุ ดาหรอื กะบะเพาะ วสั ดเุ พาะใชด้ นิ รว่ นปนทราย หรอื ใชด้ ินผสมขยุ มะพรา้ ว ลกึ ประมาณ 1-2นิว้ รดนา้ ใหช้ ่มุ ทกุ วนั

ชบา ชอื่ วทิ ยาศาสตร:์ Hibiscus ชบา (Hibiscus) rosa-sinensis จดั เป็นไมป้ ระดบั ดอกท่ีนิยม สายพนั ธทุ ์ เี่ หนือกวา่ : สกลุ ปลกู กนั ท่วั โลก โดยเฉพาะใน แถบประเทศเขตรอ้ นของ ชบา อเมรกิ า และแอฟรกิ า จนได้ วงศ:์ Malvaceae สมญานามวา่ ราชินีแหง่ อาณาจกั ร: Plantae ดอกไมเ้ มืองรอ้ น นอกจากนนั้ ชน้ั : สปี ชสี ์ ยงั นิยมนาดอก และใบท่ีมีสาร สปี ชสี :์ H. rosa-sinensis เมือกมาใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ น สมนุ ไพร และความงามอีก ดว้ ย

ประโยชน์ มีสว่ นช่วยบารุงผวิ พรรณ ช่วยบารุงจิตใจใหส้ ดช่ืนแจ่มใส ช่วยฟอก โลหติ ชว่ ยรกั ษาและบรรเทาอาการของโรคท่ีเก่ียวกบั ไต ช่วยดบั รอ้ น ในรา่ งกาย แกก้ ระหาย และช่วยแกไ้ ข้ ดว้ ยการใชด้ อกชบา 4 ใบ นามาแชใ่ นนา้ ตม้ สกุ 2 แกว้ แลว้ ด่ืมตา่ งนา้ (ดอก) วิธีการขยายพนั ธุ์ ปักชา เตรยี มก่ิงชาขนาดเสน้ ผ่า ศนุ ยก์ ลางประมาณ 1 ซม. เสียบยอด นิยมใชพ้ รู่ ะหง ชบา หรอื ชบาดา่ งเป็นตน้ ตอ เน่ืองจากมีความแแข็งแรงทนทานตอ่ สภาพแวด ลอ้ ม

ลีลาวดี ล่นั ทม หรอื ลลี าวดี เป็นไมด้ อกยืนตน้ ในวงศต์ ีนเป็ด หรอื วงศไ์ ม้ ล่นั ทม มีหลายชนิดดว้ ยกนั บางคนมีความเช่ือวา่ ไมค่ วรปลกู ตน้ ล่นั ทมในบา้ นเพราะมคี วามเช่ือวา่ เป็นอปั มงคล คือไปพอ้ งกบั คาวา่ 'ระทม' ซง่ึ แปลวา่ เศรา้ โศก ทกุ ขใ์ จ นิยมปลกู กนั แพรห่ ลายอย่าง มาก ช่ือพืน้ เมืองอ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ จาปา, จาปาลาว และจาปาขอม เป็น ตน้

ช่ือพฤกษศาสตร์ : Plumeria spp. ช่ือวงศ์ : APOCYNACEAE ช่ือทอ้ งถ่ิน : ล่นั ทม ช่ือสามญั : Frangipani , Pagoda tree, Temple tree ถ่ินกาเนิด : อเมรกิ าเขตรอ้ น แหลง่ ท่ีพบ : พบไดท้ ่วั ไปในประเทศไทย ประโยชน:์ ช่วยรกั ษาไขห้ วดั (ราก) ใชป้ รุงเป็นยาแกไ้ อ (เนือ้ ไม)้ ช่วยถ่ายเสมหะและโลหิต (ยางและแกน่ ) ชว่ ยขบั เหง่ือ แกร้ อ้ นใน (ราก) ชว่ ยรกั ษาโรคหืดหอบ ดว้ ยการใชใ้ บลลี าวดีแหง้ นามาชง กบั นา้ รอ้ นด่ืม (ใบแหง้ )

ดอกพุด ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Gardenia Augusta ช่ืออ่ืน ๆ : พดุ ป่า (ลาปาง), พดุ ฝร่งั (กรุงเทพฯ), พดุ สา, พดุ สวน, พดุ จีบ (กลาง), เคด็ ถวา, แคถวา (เชียงใหม)่ ช่ือสามญั : Gerdenia วงศ์ : RUBIACEAE (The Madder Family)

ประโยชน์ วธิ ีการขยายพันธุ์ สรรพคณุ ของ : นา้ จากตน้ ใช้ การขยายพนั ธุ์ : โดยการ เป็นยาขบั พยาธิ เนือ้ ไมใ้ ชเ้ ป็น ตอนก่ิง ยาเย็นลดพษิ ไข้ ใชท้ าธูป ทาหวั สว่ นท่ีใชเ้ ป็นยา : นา้ จาก นา้ หอมนา้ จากดอก ใชผ้ สม ตน้ เนือ้ ไม้ นา้ จากดอก นา้ มนั ใชเ้ ป็นยารกั ษาโรค เนือ้ ท่ีหมุ้ เมลด็ ใบ ผวิ หนงั เนือ้ ท่ีหมุ้ เมลด็ จะใหส้ ี ถ่ินท่ีอยู่ : พรรณไมน้ ี้ มกั จะพบ ขนึ้ ในป่าดงดิบทางภาคเหนือ และนยิ ม ปลกู เป็นไมป้ ระดบั ท่วั ไป อ่ืน ๆ : เป็นพรรณไมข้ องไทย เราเอง จะอยใู่ นวงศเ์ ดียวกบั พวกเขม็

ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : ลักษณะทาง พฤกษศาสตร์ : เป็ นไม้ Bougainvillea spp. วงศ์ : NYCTAGINACE ยนื ตน้ ประเภทพุม่ กงึ่ AE เลอ้ื ยอายยุ นื หลายสบิ ช่ือสามญั : Paper ปี ขนาดตง้ั แตพ่ ุม่ เล็ก Flower ถงึ พมุ่ ใหญ่ มหี นาม ช่ืออ่ืน : ตรุษจีน ดอกกระดาษ ขนึ้ ตามลาตน้ อยเู่ หนือ ใบ ใบเป็ นใบเดยี่ ว แตกออกสลบั กบั กงิ่ หรอื เยอ้ื งกนั มขี นขน้ึ ปกคลมุ เล็กน้อย มสี ี เขียวหรอื ใบดา่ ง รูปรา่ งรแี หลมยาว 3- 6 ซม. กวา้ ง 2.5 ซม. ใบประดบั ลกั ษณะ คลา้ ยรูปหวั ใจหรือรูป ไขม่ ี 3-5 ใบ มหี ลาย สี เชน่ มว่ ง แดง ชมพ สม้ ฟ้ า เหลืองและ อนื่ ๆ

ประโยชน์ เฟ่ื องฟา้ มีสรรพคณุ ในการรกั ษาบารุงและอาการตา่ งๆไดแ้ ก่ บารุงหวั ใจ บารุงระบบขบั ถา่ ย บารุงโลหติ แกป้ ระจาเดือน มาไมป่ กติ รกั ษาอาการตกขาวของสตรี แกพ้ ษิ ตา่ งๆ เป็นตน้ ดอกนิยมนามาทาเป็นเครอ่ื งหอม และประกอบอาหาร ไดแ้ ก่ ดอกเฟ่ื องฟา้ ชบุ แปง้ ทอด วธิ ีการปลูก ก่ิงของเฟ่ื องฟา้ ท่ีเกษตรกรตดั มาจากตน้ ตอใหญ่ก็นามา ปักชาในขีเ้ ถา้ แกลบ รดนา้ ใหช้ ่มุ วนั ละ 1 ครงั้ ทงิ้ ไวใ้ นท่ี รม่ ประมาณ 2 เดือน ก็จะแตกรากออกมา เกษตรกรจะ ใชฮ้ อรโ์ มนเรง่ รากหรอื ไมใ่ ชก้ ็ได้ หลงั จากนนั้ ยา้ ยลง กระถาง โดยใชด้ นิ ผสมเชน่ เดียวกบั การปลกู เฟ่ื องฟา้ ก่ิง เลก็ และนามาเสยี บยอด จดั แตง่ ทรงพมุ่ กนั ตอ่ ไป

นางสาว กาญจนา แกว้ ประภา อีเมล- [email protected] นางสาว ปนภิ า งานดี อีเมล- [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook