246 เอกสารประกอบการเรียนหนว ยที่ 7 การปฏบิ ตั คิ อรดกตี ารเบื้องตน จดุ ประสงคก ารเรียนรูปลายทาง (ผลการเรยี นรทู ี่คาดหวงั ) นักเรียนสามารถอธิบายเร่ืองคอรด เบอ้ื งตน และปฏิบตั ิคอรด กีตารเบ้ืองตน ได จดุ ประสงคก ารเรยี นรนู ําทาง (จดุ ประสงคเ ชงิ พฤตกิ รรม) 1. นกั เรียนสามารถอธิบายเร่ืองคอรด เบอื้ งตน ได 2. นกั เรยี นสามารถอธิบายลักษณะของคอรดกีตารได 3. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัตคิ อรดกตี ารเ บื้องตนได สาระสําคัญทททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททท คอรด หมายถึงกลุมของเสียงตั้งแต 3 เสียงขึ้นไป ซ่ึงอาจปฏิบัติออกมาพรอมกันหรือไลเรียง กันอยางประสานกลมกลืนกันเสียงท่ีไดมักจะเปนเสียงที่มีเอกลักษณเฉพาะตัวการปฏิบัติคอรดมี ความจําเปนมากที่นักกีตารจะตองรูจักและปฏิบัติได โดยเฉพาะการปฏิบัติคอรดแบบแตกคอรด (Broken Chord) หรือการไลสายเสียงซ่ึงตองใชในการปฏิบัติแบบเกากีตาร หรือท่ีมีศัพทเฉพาะทาง ดนตรวี า การปฏบิ ัติแบบ อาเปจจโิ อ.(Arpeggio) การอา นชื่อคอรด ทททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททท ใชตัวอักษรภาษาอังกฤษ 7 ตัว คือ A – B – C – D – E – F และ G เปนชื่อเรียกคอรดตัวอยาง เชน คอรดเอ (A) คอรดบี (B) คอรดซี (C) เปนตน นอกจากตัวอักษรทั้ง 7 น้ียังมีตัวอักษรและเคร่ืองหมาย ประกอบทน่ี อกเหนอื ไปอีกดังน้ี ตัวอักษร b (บีตัวเล็ก) เปนตัวยอแทนเสียงแฟลต (Flat) เชน คอรด Bb อานวา คอรดบีแฟลต เปนตน เสียงแฟลต คือเสียงที่เล่ือนต่ําลงไปจากเสียงปกติ 1 ชอง (หรืออาจเรียกวาตํ่าลงครึ่งเสียง) คอรด Bb ก็คอื จับคอรด B แลว เลื่อนลงไปทางหัวกตี าร 1 ชอ งหรือ 1 เฟรต็ นนั่ เอง เครื่องหมาย # (หรือเครื่องหมายส่ีเหลี่ยม) แทนเสียง ชารฟ (Sharp) เชน คอรด A# อานวา คอรดเอชารฟ เสียงชารฟคือเสียงที่เลื่อนสูงขึ้นมาจากเสียงปกติ 1 ชองบนคอกีตาร (หรือเรียกวาสูงข้ึน คร่ึงเสียง) คอรด A# ก็คือจับคอรด A แลวเล่ือนสูงขึ้นไปทางตัวกีตาร 1 เฟร็ตน่ันเอง (เลื่อนในทิศ ทางตรงขามกบั b นน่ั เอง) ตัวเลข 7 (เจด็ เลขอารบิค) แทนเสยี งเซเวน (Seventh) เชน คอรด C7 อานวา คอรดซีเซเวน ซ่ึงก็ คือการจับคอรด.C.แลวเพิ่มเสียงท่ี.7.ของบันไดเสียงขึ้นมาอีก.1.เสียงทททททททททททททททททททท
247 ลกั ษณะของคอรดกตี าร สําหรับกีตารคอรดหนึ่งๆ สามารถปฏิบัติไดหลายตําแหนงบนคอกีตาร แตผูเริ่มฝกกีตาร สวนใหญ คุนเคยกันมากท่ีสุดก็คือ การปฏิบัติที่ตําแหนงปลายสุดของกีตารหรือชิดหัวกีตารซ่ึงเปน การจับคอรดที่มีการใชสายเปลาดวยเราอาจเรียกการจับคอรดพวกนี้วาเปนการจับคอรดแบบงาย. (Basic.Chord) การปฏิบตั ิการตีคอรด.(Strumming)mmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm การปฏิบัติการตีคอรดหรือสตรัมมิ่ง (Strumming) เปนอีกรูปแบบหนึ่งของการปฏิบัติกีตาร หมายถึงการดีดสายทั้ง 6 หรือบางสายของกีตารในเวลาเดียวกันอาจจะดีดดวยปค หรือนิ้วมือก็ไดใน ทิศทางข้ึนหรือลงตามจังหวะ ซ่ึงไมไดกําหนดวามีกี่แบบ เพียงแตตองดีดใหสอดคลองกับจังหวะ ของเพลง การเลนกีตารแนวโฟลค คันทรี (Folk & Country) เกิดจากการเผยแพรการปฏิบัติกีตารไปสู คนผวิ ดาํ ทเ่ี ปนทาส และพฒั นารูปแบบไปเร่ือยๆ ในหมชู าวบานสามัญชนท่ัวไปซึ่งมักจะเปนกสิกรหรือ คนทําฟารมและปฏิบัติในยามพักผอนจากการทํางาน เพลงจึงมีลักษณะที่เรียบงายสบายๆ จังหวะ สนกุ สนานเลา ถงึ วถิ ชี วี ติ ชาวบา น เนอื้ หา ตอนท่ี 1 คอรด เบ้อื งตน ตอนที่ 2 ลักษณะของคอรด กตี าร ตอนท่ี 3 การปฏิบตั จิ ังหวะคอรดกีตารเ บอ้ื งตน. ตอนที่ 4 การปฏบิ ตั กิ ตี ารแนวโฟลค คนั ทรี ตอนที่ 5 แบบฝกปฏิบัติคอรด กตี ารเ บือ้ งตน ตอนท่ี 1. คอรดเบอื้ งตน คอรด คืออะไร คอรด หมายถงึ กลุมของเสยี งตง้ั แต 3 เสียงขนึ้ ไปซึง่ อาจปฏบิ ัตอิ อกมาพรอมกันหรือไลเรียงกัน อยา งประสานกลมกลืนกนั เสยี งทีไ่ ดม ักจะเปนเสียงท่ีมีเอกลกั ษณเฉพาะตัวการปฏิบัติคอรดมีความจําเปน มากท่ีนักกีตารจะตองรูจักและปฏิบัติได โดยเฉพาะการปฏิบัติคอรดแบบแตกคอรด (Broken Chord)
248 การอานชอื่ คอรด ใชตัวอักษรภาษาอังกฤษ 7 ตัว คือ A – B – C – D – E – F และ G เปนช่ือเรียกคอรดตัวอยาง เชน คอรดเอ (A) คอรดบี (B) คอรดซี (C) เปนตน นอกจากตัวอักษรท้ัง 7 นี้ยังมีตัวอักษรและ เครือ่ งหมายประกอบทีน่ อกเหนอื ไปอีกดังนี้ ตัวอักษร b (บีตัวเล็ก) เปนตัวยอแทนเสียงแฟลต (Flat) เชน คอรด Bb อานวา คอรดบีแฟลต เปนตน เสียงแฟลต คือเสียงที่เล่ือนตํ่าลงไปจากเสียงปกติ 1 ชอง (หรืออาจเรียกวาตํ่าลงครึ่งเสียง) คอรด Bb กค็ ือจบั คอรด B แลวเล่อื นลงไปทางหัวกตี าร 1 ชอ งหรือ 1 เฟร็ต นั่นเอง เคร่ืองหมาย # (หรือเคร่ืองหมายสี่เหล่ียม) แทนเสียง ชารฟ (Sharp) เชน คอรด A# อานวา คอรดเอชารฟ เสียงชารฟคือเสียงท่ีเล่ือนสูงข้ึนมาจากเสียงปกติ 1 ชองบนคอกีตาร (หรือเรียกวาสูงขึ้น คร่ึงเสียง) คอรด A# ก็คือจับคอรด A แลวเลื่อนสูงข้ึนไปทางตัวกีตาร 1 เฟร็ตน่ันเอง (เล่ือนใน ทศิ ทางตรงขามกบั b นั่นเอง) ตัวเลข 7 (เจ็ดเลขอารบิค) แทนเสียงเซเวน (seventh) เชน คอรด C7 อานวา คอรดซีเซเวน ซึ่งก็คือการจับคอรด.C.แลวเพ่ิมเสียงท่ี.7.ข้ึนมาอีก.1.เสียงmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm ตัวอักษร M, Major, maj (เอ็มใหญหรือ เมเจอร) เปนตัวยอแทนเสียงคอรดที่เปนเมเจอร (Major) มักใชรวมกับคอรดท่ีมีเลข 7 ดวย เชน CM7, C Major7, Cmaj7 อานวา คอรดซีเมเจอรเซเวน ตัวอักษร m (เอ็มเล็ก) เปนตวั ยอ แทนเสียงคอรดไมเนอร เชน Cm7 อานวา คอรด ซีไมเนอรเซเวน ความสําคญั ของการปฏบิ ัตคิ อรด การปฏิบัติคอรดชวยใหเสียงดนตรีท่ีออกมากระหึ่มกองกังวาน เพราะประกอบดวยโนตหลาย ระดับเสียง เสียงดนตรีที่ไดเปนเสียงพื้นหรือเสียงแบคกราวด (Background) ของทวงทํานองเม่ือมีเสียง รองหรือเมโลด้ี (Melody) ของทํานองเพลงปฏิบัติควบคูไปพรอมกันดวยก็จะทําใหเพลงสมบูรณย่ิงขึ้น การปฏบิ ัติคอรด ของกีตารลําพังตัวเดียวหรือ 2- 3 ตัวยังมีผลเปนการคุมจังหวะแทนกลองไดเปนอยางดี อกี ดวย ตอนท.่ี 2.เรอ่ื ง.ลกั ษณะของคอรด กีตารmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm สําหรับกีตารคอรดหนึ่งๆ สามารถปฏิบัติไดหลายตําแหนงบนคอกีตาร แตที่นักกีตารสวน ใหญคุนเคยกันมากที่สุดก็คือการปฏิบัติที่ตําแหนงปลายสุดของกีตาร หรือชิดหัวกีตาร ซึ่งเปนการจับ คอรดที่มีการใชสายเปลาดว ยเราอาจเรียกการจับคอรดพวกนวี้ า เปนการจับคอรดแบบงาย.(Basic.Chord)
249 การอา นแผนภาพคอรด กีตาร ภาพท.่ี 211.แผนภาพคอรดซี.(C) แผนภาพของคอรด ซ.ี (C).ซ่งึ การเขียนแผนภาพแบบนส้ี ามารถอธบิ ายไดจ ากภาพตอ ไป ภาพท.่ี 212.แผนภาพคอรด ซ.ี (C) ที่มา : http://www.guitarchordsmagic.com/
250 สัญลกั ษณของนิ้วมือซาย ภาพที่ 213 สญั ลกั ษณของน้วิ มอื ซา ย ทมี่ า : http://www.guitarchordsmagic.com/ สญั ลกั ษณตําแหนง ของนวิ้ มอื มอื ซายทใี่ ชก ดคอรด 1. อักษร T หรือ P แทนนว้ิ หวั แมมือ 2. เลข 1 แทนนิ้วช้ี 3. เลข 2 แทนน้วิ กลาง 4. เลข 3 แทนนว้ิ นาง 5. เลข 4 แทนนวิ้ กอ ย ซ่งึ ตัวเลขจะเขยี นไวใ ตแ ผนผงั ของคอรด กีตารต รงเครื่องหมายขดี กลาง ( - ) หมายถงึ ไมต อ งใช นว้ิ กดสายตําแหนงการวางนว้ิ ตองเปน ไปตามท่ีเขียนไวใ นแผนผัง
251 ภาพท่ี 214 ตําแหนงของนวิ้ มือมือซายทใ่ี ชกดคอรด ซี (C) จากภาพที่ 215 ตัวเลขดานลางของผังคอรดเปนสัญลักษณของน้ิวมือซายขางบนเปนรูป คอรดซี (C) ซึ่งสามารถอธบิ ายไดด งั นี้ 1. สายท่ี 6 (Low E) มเี คร่อื งหมาย X คอื ไมปฏิบัติ 2. สายท่ี 5 (A) มจี ุดในชองท่ี 3 ใหใชน ว้ิ นางกดในชองที่ 3 3. สายที่ 4 (D) มีจุดในชอ งที่ 2 ใหใ ชน ิว้ กลางกดในชอ งที่ 2 4. สายท่ี 3 (G) ปฏบิ ัติสายเปด หรือสายเปลา 5. สายที่ 2 (B) มีจุดในชอ งท่ี 1 ใหใ ชน ิว้ ชกี้ ดในชองท่ี 1 6. สายท่ี 1 (High E) ปฏบิ ตั สิ ายเปดหรือสายเปลา ภาพท่ี 215 แผนผงั คอรดดีไมเนอร (Dm) จากภาพท่ี 5 แผนผังคอรด ดีไมเนอร (Dm) สามารถอธิบายไดดังน้ี 1. สายที่ 6 (Low E) มีเครอื่ งหมาย X คือไมปฏบิ ตั ิ 2. สายที่ 5 (A) มเี ครือ่ งหมาย X คือไมปฏบิ ตั ิ 3. ใชนว้ิ ชกี้ ดชองที่ 1 บนสายที่ 1 4. ใชน ิ้วกลางกดชองที่ 2 บนสายท่ี 3 5. ใชน้วิ นางกดชองที่ 3 บนสายท่ี 2
252 ตัวอยางลกั ษณะการจับคอรดกีตารเ บอ้ื งตน ภาพที่ 216 ลักษณะการจับคอรด Am, D, Em, F, A7, G7 ท่มี า : http://www.guitarchordsmagic.com/
253 ตอนที่.3.การเลนจังหวะคอรดกีตารเบ้ืองตนทททททททททททททททททททททททททททททททททท. (Basic. Guitar. Strumming)mmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm การเลนจังหวะคอรด.(Strumming)mmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm การเลนจังหวะคอรดหรือ Strumming เปนอีกรูปแบบหน่ึงของการเลนกีตารหมายถึงการดีด สายทั้ง 6 หรือบางสายของกีตารในเวลาเดียวกันอาจจะดีดดวยปค หรือน้ิวมือก็ไดในทิศทางขึ้นหรือลง ต า ม จั ง ห ว ะ ซ่ึ ง ไ ม ไ ด กํ า ห น ด ว า มี ก่ี แ บ บ เ พี ย ง แ ต ต อ ง ดี ด ใ ห ส อ ด ค ล อ ง กั บ จั ง ห ว ะ ข อ ง เ พ ล ง สญั ลักษณท างการเลนคอรด ทททททททททททททททททททททททททททททททททททททท กอนอืน่ มารจู กั สัญลกั ษณทีใ่ ชใ นการเลนคอรดกอน ไดแกเครื่องหมายบอกถึงจังหวะความส้ัน ยาวของการเลน คอรด ซึง่ จะคลายกับโนต.(Note).สากลน่นั เอง ตารางท่ี 10 แสดงสัญลักษณการเลนคอรด ความหมาย สญั ลักษณ เหมือนกับโนต ตัวกลม (Whole Note) หรอื มีคา เปน 4 จงั หวะ (Time Signature 4/4) หรอื เมอื่ เขียนหลายตัวตดิ กนั เหมือนกับโนต ตวั ขาวประจดุ (Half Note Dotted) หรอื มีคา เปน 2+1 = 3 จังหวะ เหมือนกับโนต ตวั ขาว (Half Note) หรือมีคา เปน 2 จงั หวะ เหมอื นกบั โนต ตวั ดาํ (Quarter Note) หรือมีคา เปน 1 จงั หวะ เหมอื นกบั โนต เขบต็ 1 ชนั้ (Eight Note) หรือมี คา เปน ½ จังหวะ เปนการดดี เสียงบอด
254 สญั ลักษณเกย่ี วกบั ทศิ ทางในการดดี กีตาร ตารางท่ี 11 แสดงสญั ลกั ษณเกยี่ วกับทศิ ทางในการดดี กตี าร หรอื การดีดข้ึน – ดดี ลง สัญลกั ษณ ความหมาย V ดดี ลงจากสาย 6 ไปหาสาย 1 ดดี ขน้ึ จากสาย 1 ไปหาสาย 6 ตารางที่ 12 การเลน คอรดและการใชส ญั ลักษณต างๆในแบบของระบบบรรทัด 5 เสน แบบที่ 1 รูปแบบการดดี คอรดแบบที่ 1 ดดี ลง 4 จังหวะ ตอ 1 หอ ง จงั หวะนบั 1 2 3 4 ตารางท่ี 13 รูปแบบการเลนคอรดและการใชส ญั ลกั ษณตา งๆในแบบของระบบบรรทดั 5 เสนแบบท่ี 2 รปู แบบการดดี คอรด แบบท่ี 2 ดีดลง 1 จงั หวะ สลับกบั ดดี ขนึ้ 1 จังหวะ VV จงั หวะนับ 1 2 3 4
255 ตารางที่ 14 การเลนจังหวะคอรดในระบบแท็บเลเจอร (Tablature) แบบท่ี 1 การเลน จงั หวะคอรดแบบท่ี 1 VV จงั หวะนบั 1 & 2 & 3 & 4 & อธิบาย 1. ดดี ลงนบั 1 จงั หวะ ตวัดมือขนึ้ โดยไมต อ งดดี 2. ดดี ลงนับ ½ จังหวะตวดั มือดดี ขน้ึ นับ 1 จังหวะ ตวดั มือลงโดยไมตองดดี 3. ดีดขนึ้ นบั ½ จงั หวะ 4. ดดี ลงนบั 1 จังหวะ รวมท้ังสิ้น 4 จงั หวะ ตารางท่ี 15 การเลนคอรด ในระบบแทบ็ เลเจอร (Tablature) แบบท่ี 2 การเลนจงั หวะคอรด แบบที่ 2 V V จังหวะนบั 1 & 2 & 1& 2 & อธิบาย 1. ดดี ลงนับ 1 จังหวะ 2. ดดี ขึ้นนับ ½ จังหวะ 3. ดดี ลงนบั ½ จงั หวะ 4. รวมท้ังส้นิ 2 จงั หวะ
256 ตารางท่ี 16 การเลนคอรด ในระบบแท็บเลเจอร (Tablature) แบบที่ 3 การเลน จงั หวะคอรดแบบท่ี 3 VV V จงั หวะนับ 1 & 2 & 3 & 4 & อธบิ าย 1. ดีดลงนับ 1 จงั หวะ ตวัดมือขึ้นโดยไมด ดี 2. ดดี ลงนับ ½ จังหวะ และดดี ข้ึนนับ ½ จังหวะ 3. ดดี ลงนับ ½ จังหวะ และดดี ข้นึ นับ ½ จงั หวะ 4. ดดี ลงนบั ½ จังหวะ และดดี ขึน้ นับ ½ จังหวะ 5. รวมทงั้ ส้นิ 4 จงั หวะ ตารางที่ 17 การเลนคอรด ในระบบแทบ็ เลเจอร (Tablature) แบบท่ี 4 การเลน จงั หวะคอรดแบบท่ี 4 VVV จงั หวะนบั 1 & 2 & 3 & 4 & อธิบาย 1. ดีดลงนบั 1 จงั หวะ ตวัดมอื ขนึ้ โดยไมต องดดี 2. ดดี ลงโดยทําเสยี งบอด อดุ เสยี งดวยสนั มอื ขวานับ ½ จงั หวะ 3. ดีดข้นึ นับ 1 จงั หวะ ตวัดมอื ลงโดยไมต องดดี 4. ดดี ขึ้นนบั ½ จังหวะ 5. ดีดลงโดยทาํ เสยี งบอด อุดเสยี งดวยสนั มอื ขวานับ ½ 6. ดีดขึ้นนบั ½ จงั หวะ รวมท้ังสิ้น 4 จงั หวะ
257 ตารางท่ี 18 การเลน คอรดในระบบแทบ็ เลเจอร (Tablature) แบบที่ 5 การเลน จังหวะคอรดแบบท่ี 5 VV V V จงั หวะนับ 1 & 2 & 3 & 4 & อธบิ าย 1. ดดี ลงนับ ½ จังหวะ และดีดขนึ้ นบั ½ จงั หวะ 2. ดีดลงโดยทําเสยี งบอดอุดเสยี งดวยสนั มือขวานบั ½ จังหวะและดดี ข้นึ นบั ½ จังหวะ 3. ดีดลงนบั ½ จงั หวะ และดดี ขน้ึ นบั ½ จังหวะ 4. ดีดลงโดยทาํ เสียงบอดอุดเสยี งดวยสันมือขวานับ ½ จงั หวะและดดี ข้นึ นบั ½ จังหวะ 5. รวมทง้ั สนิ้ 4 จงั หวะ เวลานับใหนับ 1 และ 2 และ 3 และ 4 และโดยเริ่มจากชาๆ กอนนอกจากตัวอยางขางตนแลว สามารถจะสรางรูปแบบ (Pattern) การเลนคอรด ไดเองโดยใหเขากับจังหวะของเพลงน้ันๆ และสามารถ หารูปแบบการปฏิบัติคอรดอ่ืนๆ.ไดจากการฟงเพลงmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm ยังมีการเลนคอรด กตี ารอกี แบบหน่งึ ทีไ่ มไดใชสญั ลกั ษณใ ดๆ นอกจากเนอื้ เพลงกบั ช่ือคอรดกตี าร ที่เปนอักษรภาษาอังกฤษเขียนไวขางบนเนื้อเพลงเทานั้นซึ่งวิธีการน้ีก็เปนที่นิยมอยางแพรหลาย แตผูที่จะ ปฏิบัติแบบนี้ไดตองรูจักทํานองเพลงหรือไดฟงเพลงน้ันมากอนจึงจะสามารถปฏิบัติไดเพราะตองรูจัก จังหวะในการปฏบิ ัติของเพลงนั้นเปนอยางดีดังเชนทททททททททททททททททททททททททททททท ททททททททททททททททททททททท เพลงตนไมข องพอ ทททททททททททททททททททททททททท ศลิ ปน ธงไชย แมคอนิ ไตย (เบิรด ) Intro : C / C / Dm / C / C / C F Em E7 Am G นานมาแลว พอ ไดป ลูกตนไมไ วใ หเ รา เพอื่ วันหนึ่งจะบงั ลมหนาว Dm G C และคอยเปนรม เงา ปลูกไวใหพ วกเรา ทุกทกุ คน
258 ตอนท่ี 4 การเลนกตี ารแบบโฟลค แอนด คนั ทรี (Folk & Country Style) การเลนกีตารแนวโฟลค แอนด คันทรี (Folk & Country Style) เกิดจากการเผยแพรการเลน กีตารไปสูคนผิวดําที่เปนทาสและพัฒนารูปแบบไปเร่ือยๆ ในหมูชาวบานสามัญชนท่ัวไปซ่ึงมักจะเปน กสกิ รหรอื ทาํ ฟารมและปฏิบัตใิ นยามพักผอ นจากการทาํ งานเพลงจึงมีลักษณะที่เรียบงายสบายๆ จังหวะ สนุกสนานเลาถงึ วิถีชวี ติ ชาวบานอาจจะแบงไดด งั นี้ 1. ฟงเกอรสไตล (Finger Style) คือการเกาหรือเลนกีตารดวยน้ิว อาจจะเลนตัวเดียวหรือ 2 ตัว ประสานกันมีความละเอียดในการเลนมากพอสมควรปฏิบัติคอนขางยาก ศิลปนที่มีชื่อเสียงในการเลน กตี ารแ บบน้ีมีหลายคนเชน เซท็ แอท็ กิน้ (Chet atkins), ด็อก วัตตสัน (Doc Watson) เปนตน ททททททท 2. โฟลค (Folk Style) เปนดนตรีพ้ืนบานท่ีมีการเลนที่อาจจะเปนการเกากีตารการใช ปคดีด การปฏิบัติประสานกันตั้งแต 2 ตัวข้ึนไปมีการรองประสานเสียงกันสวนมากจะกลาวถึงชีวิตความ เปนอยูประจําวันทั่วไป ศิลปนที่มีช่ือเสียงในการเลนกีตารแบบนี้ก็เชน ปเตอร พอล แอนด แมรี่ (Peter Paul & Mary), พอล ไซมอล.แอนด.กาฟง เก้ลิ .(Paul.Simon.And.Garfunkel) ภาพท่ี 217 ปเ ตอร พอล แอนด แมร่ี (Peter Paul & Mary) ทีม่ า : http://gobindkhalsa.files.wordpress.com/
259 การเกากตี ารเ บอื้ งตน .(Basic.Picking.Guitar)ทททททททททททททททททททททททททททท การเกากีตาร.(Picking>Style).หรือการเลนแบบกระจายคอรด.(Arpeggio) เปนอีกรูปแบบ หน่ึงในการเลนกีตารที่มีความไพเราะและมีเสนหมากแตกอนที่จะฝกในจุดนี้ควรจะตองฝกการเลน คอรดใหชํานาญทั้งการเปลี่ยนคอรดจังหวะและการดีดที่สัมพันธกันการเกากีตาร (Picking Style) เปน การเลนกีตารท่ีตองใชทั้งมือซายและมือขวาที่มีความประสานสัมพันธกันอยางดีดังรายละเอียดของการ ใชม อื แตละขา งดงั น้ี มือขวา ภาพท่ี.218.สัญลักษณของมือขวาทททททททททททททททททททท - น้ิวโปง แทนดว ย T,ใ(P) mmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm - น้ิวช้ี แทนดว ย 1,ใ immmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm - นว้ิ กลาง แทนดว ย 2, mmmmmvmmmmmmmmmmmmmmmmmm - นว้ิ นาง แทนดว ย 3,ใ ammmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm ระบบ Right Hand Diagram และเหมาะสําหรับฝก ในเบอ้ื งตน โดยจะบอกเลยวา ใชน วิ้ ไหนดดี สายไหน การวางนว้ิ ทททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททท ตําแหนงหนาที่ของแตละน้ิวสามารถกําหนดไดดังนี้mmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm - นวิ้ โปง ซงึ่ ถนัดในการดดี สายลง จะควบคุมสายเบส (Bases) หรือสายเสียงตํ่าทั้งหมด คือสาย.4,ใ5.และ.6 mmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm - นิ้วช้ี นิ้วกลาง และนิ้วนาง จะถนัดในการเกี่ยวสายขึ้นดังนั้นจะควบคุม 3 สายลาง เสียงสูง (Soprano) โดยท่ีน้ิวชี้จะคุมสายท่ี 3 น้ิวกลางจะคุมสายท่ี 2 และนิ้วนางคุมสายที่ 1 สวนนิ้วกอย จะไมใชในการเกากีตารแตอาจจะใชยันกับตัวกีตารเพื่อใหมือม่ันคงเปนตนทททททททททททททททท แตไ มใ ชก ฎตายตวั วาตอ งใชน้ิวโปงดีดสายเบสหรือนิว้ ชดี้ ดี สาย 3 เสมอไปอาจจะเปลี่ยนไปได ตามความเหมาะสมของเพลงแตเบื้องตนควรจะฝกแบบน้ีกอนmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm
260 ภาพที่.219.แสดงการวางตําแหนงมือขวาในทาเตรียมพรอมทททททททททททท ท่ีมา.:ใhttp://www.musiconthefield.com/.mmmmmmmmmmmmmmmmm การวางมือในทาเตรียมพรอมน้ันคือ mmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 1.ใ.วางน้วิ โปง บนสายเบสเสนใดเสนหนง่ึ .(สวนมากคอื เบสของคอรด แรกของเพลง)ทททททท 2.ใ.วางน้ิวชี้ไวใตสาย..3.ใเพ่ือพรอมจะเก่ียวขึ้นmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 3.ใ.วางนิ้วชี้ไวใตสาย..2.ใเพื่อพรอมจะเก่ียวข้ึนmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 4.ใ.วางน้ิวช้ีไวใตสาย..1.ใเพื่อพรอมจะเกี่ยวขึ้นmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 5..ใน้ิวกอยอาจจะปลอยไวลอยๆหรือแตะไวกับตัวกีตารเพ่ือใหการวางน้ิวมั่นคงข้ึน ข้ันตอนการเกากีตารมักจะเร่ิมดวยสายเบสกอน ดังรูปท่ี 1 และ 2 เปนการใชน้ิวโปงหรือ P (หรอื T) จงึ ตามดว ยสายอื่นตามมา (3 สายลาง) ดวย 3 นิ้วท่ีเหลือ คือน้ิวชี้ i (หรือ 1) , นิ้วกลาง m (หรือ 2), และนิ้วนาง a (หรือ 3) ดังนั้นข้ันแรกจะตองรูจักเบสของแตละคอรดกอน ซ่ึง โนตเบสของคอรดปกติก็ คือ Root หรือโนตท่ีเปนช่ือคอรดน่ันเองเชนคอรด C เบสก็คือ C สวนตําแหนงก็สามารถหาจาก รูปแสดงโนตบนฟงเกอรบอรดท่ีอยูบนสายเบสคือสาย 4, 5 และ 6 โดยอาจจะสรุปเบ้ืองตนไดดังน้ี ถา ปฏบิ ตั คิ อรดที่ขน้ึ ดว ยเบส E, G ใหดีดสายเบสเสนท่ี..6mmmmmmmmmm ถา ปฏิบตั คิ อรด ที่ข้ึนดว ยเบส A, B และ C ใหดีดสายเบสเสนที่..5mmmmmmmmmm ถา ปฏิบัตคิ อรดทขี่ ้ึนดว ยเบส D, F ใหดีดสายเบสเสนท่ี..4 mmmmmjmmmm คอรด F ถาใช ลักษณะ บารคอรด (Bar Chord) อาจปฏิบัติเบสที่สาย 6 อยางไรก็ตามอาจจะ
261 มอื ซา ย ภ า พ ท่ี . 220. สั ญ ลั ก ษ ณ ตํ า แ ห น ง ข อ ง น้ิ ว มื อ มื อ ซ า ย ที่ ใ ช ก ด ค อ ร ด 1. อักษร T หรือ P แทนนิ้วหัวแมมือmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 2. เลข 1 แทนน้ิวชี้ mmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 3. เลข 2 แทนน้ิวกลางmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 4. เลข 3 แทนนิ้วนางmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 5. เลข 4 แทนนิ้วกอยmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm สําหรับนิ้วโปงมือซายสวนใหญไมคอยไดใชในการกดคอรดโดยตรงแตจะใชเปนตัวยึดหรือ เพิ่มแรงกดใหนิ้วอื่นๆ มากกวาแตก็มีบางท่ีใชนิ้วโปงชวยในการกดคอรดแบบทาบแทนท่ีจะใชน้ิวช้ี ทาบไปทั้ง 6 สายก็อาจจะใชน้ิวโปงออมมากดสายท่ีเปนสายเบส คือสายท่ี 5 และสายท่ี 6 แทน แตก็จะ ทาํ ไดเฉพาะคนท่มี นี ิว้ มือยาวเทานนั้
262 ภาพที่ 221 ลักษณะการวางปลายน้วิ มือซา ยกดสาย ทมี่ า : http://www.musiconthefield.com/ การวางปลายนวิ้ ควรใหปลายน้วิ กดลงบนสายกตี ารทตี่ อ งการและควรระวงั ไมใหไปโดนสายอืน่ ภาพที่ 222 ลกั ษณะการวางนวิ้ มอื ซา ย (ดา นหนา – ดา นหลัง) ทีม่ า : www.start – playing - guitar.com นิว้ มอื ซา ยดา นหนา คอกีตารค ือ นิ้วชี้ นว้ิ กลาง นิ้วนาง และนิ้วกอย ควรพยายามฝกแยกน้ิวตาม ภาพเพื่อใหนิว้ มคี วามคลองตัวและสามารถปฏิบัติไดอยางอิสระสวนดานหลังคอกีตารคือนิ้วโปงใหวาง น้ิวไวตรงกลางคอกีตารใชยดึ คอกตี ารเพื่อเพ่ิมแรงกดใหก บั นิว้ ทางดานหนา
263 ภาพที่ 223 แผนผังการวางนว้ิ มอื ซายในการปฏบิ ตั ิคอรดซี (C) คําอธบิ าย 1. สายท่ี 6 (Low E) มีเครอื่ งหมาย X คอื ไมป ฏิบตั ิ 2. สายท่ี 5 (A) มจี ดุ ในชองที่ 3 ใหใชน ิ้วนางกดในชองท่ี 3 3. สายที่ 4 (D) มจี ุดในชองที่ 2 ใหใ ชน ้วิ กลางกดในชอ งที่ 2 4. สายที่ 3 (G) ปฏบิ ตั ิสายเปดหรือสายเปลา 5. สายท่ี 2 (B) มีจดุ ในชองที่ 1 ใหใชน ิว้ ชก้ี ดในชอ งท่ี 1 6. สายท่ี 1 (High E) ปฏิบตั ิสายเปดหรือสายเปลา ตารางที่ 19 แสดงรปู แบบการเกากีตารเบอ้ื งตนแบบที่ 1 โดยใชคอรด ซี (C) รูปแบบการเกา(สายกตี าร) แบบท่ี 1 1. นิ้วโปงดีดเบสของคอรด อธบิ ายวิธีการปฏบิ ตั ิ 6. นว้ิ ชเ้ี กี่ยวสาย 3 2. น้วิ ช้เี กี่ยวสาย 3 7. เริ่มขั้นที่ 1 ใหม 3. นิ้วกลางเกย่ี วสาย 2 4. นิว้ นางเก่ียวสาย 1 5. น้ิวกลางเกยี่ วสาย 2
264 ภาพท่ี 224 แสดงตาํ แหนงการจบั คอรด C - Am - Dm - G7 ตารางที่ 20 แสดงรปู แบบการเกากตี ารเบอื้ งตน แบบที่ 2 โดยใชค อรด C - Am - Dm - G7 รูปแบบการเกา(สายกตี าร) แบบท่ี 2 1. น้ิวโปง ดดี เบสของคอรด อธิบายวิธกี ารปฏบิ ัติ 2. นิ้วช้ีเกย่ี วสาย 3 3. นิ้วกลางเกย่ี วสาย 2 4. น้ิวนางเกย่ี วสาย 1 5. เปลี่ยนคอรด
265 ตารางท่ี 21 แสดงรูปแบบการเกากตี ารเ บอื้ งตนแบบที่ 3 โดยใชคอรด C - Am - Dm - G7 รูปแบบการเกา(สายกีตาร) แบบท่ี 3 1. นิ้วโปง ดีดเบสของคอรด อธบิ ายวธิ กี ารปฏบิ ตั ิ 1. นิ้วโปงดดี เบสของคอรด 2. นิ้วชี้เก่ียวสาย 3 2. นว้ิ ชีเ้ กยี่ วสาย 3 3. นิ้วกลางเกย่ี วสาย 2 1. นว้ิ โปง ดีดเบสของคอรด 3. นวิ้ กลางเกย่ี วสาย 2 2. นว้ิ ชี้เก่ยี วสาย 3 3. น้ิวกลางเกยี่ วสาย 2 ตารางที่ 22 แสดงรูปแบบการเกากีตารเ บอ้ื งตน แบบที่ 4 โดยใชคอรด C - Am - Dm - G7 รปู แบบการเกา(สายกีตาร) แบบท่ี 4 1. ดดี เบสดว ยนิว้ โปง อธิบายวิธกี ารปฏิบัติ 1. ดีดเบสดว ยน้วิ โปง 2. นวิ้ ชีเ้ ก่ยี วสาย 3 2. นิ้วช้เี กี่ยวสาย 3 1. ดดี เบสดว ยนวิ้ โปง 2. น้วิ ชเี้ กย่ี วสาย 3
266 ตารางที่ 23 แสดงรปู แบบการเกากีตารเ บอ้ื งตนแบบท่ี 5 โดยใชค อรด C - Am - Dm - G7 รูปแบบการเกา(สายกตี าร) แบบท่ี 5 อธิบายวธิ กี ารปฏบิ ตั ิ 1. ดดี เบสดว ยนิ้วโปง 5. นิว้ กลางและนวิ้ นาง 2. นิว้ ชเี้ กยี่ วสาย 3 6. เกย่ี วสาย 2 และ 1 พรอ มกัน 3. น้วิ กลางและนวิ้ นาง เกย่ี วสาย 2 และ 1 พรอ มกัน 7. นิ้วชเ้ี กีย่ วสาย 3 4. นิว้ ช้เี ก่ียวสาย 3 8. เปลีย่ นคอรด ตารางท่ี 24 แสดงรปู แบบการเกากีตารเ บอ้ื งตน แบบท่ี 6 โดยใชค อรด C - Am - Dm - G7 รปู แบบการเกา(สายกีตาร)แบบที่ 6 อธิบายวธิ กี ารปฏบิ ัติ 1. ดดี เบสดว ยนิ้วโปง 5. เกีย่ วสาย 3, 2 และ 1 ขึ้นพรอมกนั ดว ย 2. เกีย่ วสาย 3, 2 และ 1 ขนึ้ พรอมกนั ดวยนว้ิ ช,ี้ น้ิวช,้ี นว้ิ กลาง และนว้ิ นาง นวิ้ กลาง และนิ้วนาง 6. เกี่ยวสาย 3, 2 และ 1 ขนึ้ พรอมกันดว ยนวิ้ ช,้ี 3. เกย่ี วสาย 3, 2 และ 1 ขนึ้ พรอมกันดวยนว้ิ ช,ี้ น้วิ กลาง และนวิ้ นาง นิ้วกลาง และนิ้วนาง 7. เปลีย่ นคอรด 4. เปลยี่ นดีดเบสสลบั
267 ตารางที่ 25 แสดงรปู แบบการเกากตี ารเบอื้ งตนแบบท่ี 7 โดยใชค อรด C - Am - Dm - G7 รูปแบบการเกา(สายกตี าร) แบบท่ี 7 อธบิ ายวิธีการปฏิบตั ิ 1. ดดี เบสดว ยน้วิ โปง 4. เกย่ี วสาย 3, 2 และ 1 ขึ้นพรอ มกันดว ยนว้ิ ชี้ 2. เกี่ยวสาย 3, 2 และ 1 ข้ึนพรอมกันดวยนว้ิ ช,้ี นวิ้ กลาง และนวิ้ นาง น้ิวกลาง และน้ิวนาง 5. เปลี่ยนคอรด 3. เปลี่ยนดีดเบสสลับ ตารางท่ี 26 แสดงรูปแบบการเกากีตารเบอื้ งตนแบบท่ี 8 โดยใชคอรด C - Am - Dm - G7 รปู แบบการเกา(สายกตี าร) แบบท่ี 8 อธิบายวิธีการปฏบิ ตั ิ 1. นว้ิ โปงดดี เบสของคอรด พรอ มกับใชน ว้ิ นางเกยี่ ว 4. นว้ิ โปงดีดเบสสลับของคอรด สายที่ 1 ความยาวเสยี ง 1 จงั หวะ 5. นิว้ นางเก่ยี วสาย 1 2. น้วิ ชีเ้ กีย่ วสาย 3 6. นิ้วชี้เกย่ี วสาย 3 ความยาวเสยี ง 1 จงั หวะ 3. น้ิวกลางเกย่ี วสาย 2 7. เปลยี่ นคอรด
268 ทั้งหมดเปนการเกาแบบพื้นฐานเทาน้ัน ยังมีรูปแบบการเกากีตารอีกมากมายซึ่งอาจจะศึกษา จากเพลงตางๆ หรือตําราอื่นๆ ควรจะพยายามฝกหัดใหคุนกับจังหวะการใชนิ้วตางๆ ในการเกี่ยวหรือ ดดี สายใหสมั พนั ธก บั จงั หวะ ซงึ่ จะเปนประโยชนตอไปเมื่อจะหัดแกะเพลง ท้ังน้ีขึ้นอยูกับความขยันใน การฝกฝนและศึกษาเพลงตางๆ mmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm เบสสลับmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm เปนอีกสีสันหน่ึงในการเกากีตารคือมีการสลับเบสในการเกา 1 คอรดมีการสงเบสเพ่ือเปลี่ยน คอรดเปนตนการปฏิบัติสลับเบสก็คือการดีดเบสสลับระหวางเบสหลักหรือโนตที่เปน Root ของคอรด กับเบสซึ่งเปนโนตลําดับที่ 5 ของสเกลเมเจอร ในการไลโนตปกติเชน คอรด C เบสหลักคือ C หรือสาย ที่ 5 ชองที่ 3 จะหาเบสสลับโดยนับจากโนต C ไป 5 ตัว คือ C – D – E – F – G จะไดวาโนต G คือ เบสสลับของคอรด C น่ันเอง ซึ่งอยูบนสาย 6 ชองท่ี 3 ดังนั้นเม่ือจะปฏิบัติเบสสลับกับคอรด C จะตอง จับคอรด C ในอีกแบบหนงึ่ ดงั นี้ ภาพที่ 225 ตาํ แหนง การปฏิบตั ิสลบั เบสในคอรด ซี (C) ภาพที่ 226 ตําแหนง การปฏิบตั สิ ลบั เบสในคอรด เอ (A) สําหรบั คอรด A เบสหลกั คอื A หรือสายเปลาเสน ที่ 5 หาเบสสลบั โดยนบั ไป 5 ตวั โนต A – B – C – D – E จะไดว า เบสสลับของคอรด A คือ E หรอื สายเปลาเสน ท่ี 6 เปนตน
269 เบส D E คอรด GA B C สายเปลา สายเปลา F เบส สาย 5 เสน 4 เสน 6 สาย 4 สาย 6 สายเปลา สาย 5 หลัก ชอง 3 ชอ ง 3 ชอง 3 เสน 5 ชอง 2 A B หรอื สาย G 6 ชอง 1 D E F# สายเปลา เสน 5 C สายเปลา สายเปลา สาย 6 เสน 4 เสน 6 หรือ ชอ ง 2หรอื เบส สาย 6 สาย 5 ชอง สาย 5 สาย 4 ชอง สาย 4 สลับ ชอง 3 2 ชอง 3 2 ชอ ง 4 แผนภูมทิ ี่ 9 แสดงตําแหนงโนต บนสายเบสกตี ารสายท่ี 4 – 6 บนฟง เกอรบ อรด
270 ตอนที่ 5 แบบฝก ปฏบิ ตั ิคอรด กตี ารเบื้องตน แบบฝก ที่ 1 ใหนักเรยี นฝกปฏบิ ัตใิ ชนว้ิ มอื ซายกดคอรด ตอไปนีใ้ หถูกตอง แบบฝก ท่ี 2 ใหน ักเรยี นฝก เลนคอรด ตอ ไปนี้ตามเคร่อื งหมายที่กําหนดใหถ กู ตอง VV 1 2 3 4 1234 แบบฝก ที่ 3 ใหนกั เรยี นฝกเลน คอรด ตอ ไปนตี้ ามเครอ่ื งหมายท่กี าํ หนดใหถูกตอง V V V V 12 1 2& 1 2& 1 2& 1 2&
271 แบบฝกท่ี 4 ใหน ักเรยี นฝก เลนคอรดตอไปนตี้ ามเครอ่ื งหมายที่กําหนดใหถกู ตอ ง VV VV 1& 2 & 3& 4 & 1 2 & 3&4 & แบบฝก ท่ี 5 ใหนกั เรยี นฝก เลนคอรด ตอไปนีต้ ามเครื่องหมายท่กี ําหนดใหถ ูกตอ ง VV V VVV 1 & 2 & 3 & 4 & 1 & 2 & 3 & 4 & 1234 แบบฝก ท่ี 6 ใหนกั เรยี นฝกเลน คอรด ตอไปน้ตี ามเคร่อื งหมายท่กี าํ หนดใหถ ูกตอ ง V VV V VVV V 1& 2 & 3& 4 & 1 & 2 & 3 & 4 & 1234
272 แบบฝกที่ 7 ใหนักเรยี นฝกเลน คอรดตอ ไปนี้ตามเครื่องหมายทกี่ าํ หนดใหถูกตอ ง VVV VV V 1 2 & 3 &4 & 1 2 & 3 & 4 & 1234 แบบฝก ท่ี 8 ใหนักเรียนฝกปฏิบัติการเกากีตารตอไปน้ีตามรูปแบบที่กําหนดใหๆ ถูกตอง แบบฝก ที่ 9 ใหน กั เรยี นฝก ปฏบิ ตั ิการเลนเบสสลบั ตามรูปแบบ (Pattern) ทกี่ ําหนดใหถกู ตอง
273 กจิ กรรมการเรียนการสอน ชัว่ โมงที่ 1 – 2 1....ขั้นนําเขาสูบทเรียนmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 1.1xxครูสาธิตการปฏิบัติคอรดแบบตางๆ แลวใหนักเรียนชวยกันบอกลักษณะของคอรด การจับคอรดและชอื่ คอรดกตี ารที่นักเรียนรูจักแลวอาสาสมัครนักเรียนออกมาแสดงการปฏิบัติคอรดกีตาร ที่นักเรียนรูจักพรอมทั้งแจงจุดประสงคการเรียนรูใหทราบวาหลังจากจบช่ัวโมงเรียนน้ีแลวนักเรียน สามารถอธิบายเร่ืองคอรด เบ้ืองตนและสามารถเรียกชื่อคอรดไดอยางถกู ตอง 1.2 นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนโดยใชแบบทดสอบทายหนวยการเรียนท่ี 7 เรื่อง คอรดกีตารเบอื้ งตน จํานวน 10 ขอ 2. ขนั้ ดาํ เนนิ การสอน 2.1..แบง กลมุ นักเรยี นออกเปนกลุมๆ ละ 5 – 6 คนโดยแตละกลุมใหเลือกประธานมีหนาที่ กํากับบทบาทของแตละคนใหดําเนินไปตามจุดมุงหมายของการเรียนรูและนําเสนอเลขานุการเปนผู จดบันทึกขอมลู และเตรยี มขอมลู พรอมทัง้ อุปกรณตา งๆ ท่จี ะตองนําเสนอ 2.2 ครแู จกใบงานท่ี 1 เรือ่ ง การอา นคอรด กีตารเบือ้ งตน และใบงานที่ 2 เรื่อง ลกั ษณะของ คอรดกีตาร พรอมท้ังแจกเอกสารประกอบการเรียนวิชากีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนวย การเรยี นท่ี 7 เร่อื ง คอรด กตี ารเบื้องตน ของนายนพดล..ประวงั .. โรงเรียนสันกาํ แพง ..อําเภอสนั กําแพง. จังหวัดเชียงใหมmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 2.3 ครูใหนักเรียนแตละกลุม ศึกษาเอกสารประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากล เบ้ืองตน ศ 40201 หนวยการเรียนที่ 7 โดยใหศึกษาตอนที่ 1 เรื่อง คอรดกีตารเบ้ืองตน และตอนที่.2. เร่ือง.ลักษณะของคอรดกีตารของนายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกําแพง อําเภอสันกําแพง จังหวัด เชยี งใหม แลว เขียนคําตอบลงในใบงานทีไ่ ดร บั มอบหมาย 3. ขั้นสรปุ บทเรียน 3.1 นกั เรียนแตละกลุม นําเสนอผลการศึกษาใบงานที่ 1 เรื่อง การอา นคอรดกตี ารเบ้อื งตน และใบงานท่ี 2 เรื่อง ลักษณะของคอรด กีตาร ในเอกสารประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากล เบื้องตน ศ 40201 หนว ยการเรยี นท่ี 7 โดยใหน าํ เสนอทลี ะกลมุ 3.2 นักเรียนและครูรวมกนั สรปุ คําตอบท่ถี ูกตอง พรอมท้งั แกไขคําตอบในใบงาน 3.3 ครูยกยองชมเชยการรายงานและการทํากิจกรรมตามใบงานที่ 1 และ 2 ในเอกสาร ประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนวยการเรยี นท่ี 7 ของนกั เรียนmmm
274 ส่อื การเรยี นการสอน 1. ปากกา 2. สมุด 3. เอกสารประกอบการเรยี นวชิ า กตี ารกบั โนตสากลเบ้อื งตน ศ 40201 หนว ยการเรยี นที่ 7 ของนายนพดล ประวัง โรงเรยี นสนั กาํ แพง อําเภอสันกําแพง จังหวดั เชยี งใหม 4. ใบงาน 4.1 ใบงานที่ 1 เร่ืองคอรดเบอื้ งตน 4.2 ใบงานที่ 2 เรอ่ื งลักษณะของคอรดกีตาร 5. กตี าร การวัดผลและประเมนิ ผล 1. วิธีวดั / สง่ิ ที่วัด 1.1 การทดสอบ 1.2 สังเกตพฤติกรรมขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม 2. เครื่องมอื วดั 2.1 แบบทดสอบ 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม (ภาคผนวก) 3. เกณฑก ารวดั 3.1 แบบทดสอบ 3.1.1 ทาํ ถกู 9 - 10 ขอ หมายถึง ดมี าก 3.1.2 ทําถกู 7 - 8 ขอ หมายถงึ ดี 3.1.3 ทําถูก 5 - 6 ขอ หมายถงึ พอใช 3.1.4 ทําถูก 1 – 4 ขอ หมายถงึ ปรับปรงุ 3.2 แบบสังเกตพฤติกรรมขณะปฏิบัติกจิ กรรม 3.2.1 ไดคะแนน 9 – 10 หมายถึง ดีมาก 3.2.2 ไดค ะแนน 7 – 8 หมายถงึ ดี 3.2.3 ไดคะแนน 5 – 6 หมายถงึ พอใช 3.2.4 ไดค ะแนนตาํ่ กวา 1 - 4 หมายถึง ตอ งปรับปรุง
275 เกณฑก ารตดั สิน 1. รายบคุ คล นักเรยี นมีผลการเรียนรแู ตละดานตง้ั แตร ะดบั พอใช 2. รายกลุม นักเรียนรอ ยละ 80 มผี ลการเรยี นรตู ัง้ แตระดับพอใช เนอ้ื หาบรู ณาการ 1. สาระวิทยาศาสตร ลกั ษณะของเสียง ระดบั เสียง 2. สาระภาษาไทย การพดู การนําเสนอ การเขยี นสรปุ กจิ กรรมการสอน ชว่ั โมงที่ 3 – 4 1. ขนั้ นําเขา สบู ทเรยี น ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเร่ืองคอรดเบ้ืองตนและลักษณะของคอรดกีตารท่ีไดเรียน ผา นมาเปน การทบทวน พรอ มทั้งแจง จุดประสงคการเรียนรูใหนักเรียนทราบวาเมื่อเรียนจบชั่วโมงเรียน นแ้ี ลว นักเรยี นสามารถอธิบายการปฏิบตั คิ อรดกตี ารเ บ้อื งตน (Basic Guitar Chords) ได 2. ขนั้ ดาํ เนนิ การสอน 2.1 แบงกลุมนักเรียนกลุมละ 5 – 6 คน โดยแตละกลุมใหเลือกประธาน มีหนาที่กํากับ บทบาทของแตละคนใหด ําเนนิ ไปตามจดุ มุง หมายของการเรียนรูและนําเสนอเลขานุการเปนผูจดบันทึก ขอ มูลและเตรยี มขอ มูลพรอ มท้ังอปุ กรณตางๆ ท่จี ะตองนาํ เสนอ 2.2 แจกใบงานท่ี 3 เร่ือง คอรด กตี ารเ บ้อื งตน (Basic Guitar Chords) พรอมท้ังแจกเอกสาร ประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนวยการเรียนท่ี 7 โดยใหศึกษาตอนท่ี 3 เร่ือง การเลนจังหวะคอรดกีตารเบื้องตน.(Basic.Guitar.Strumming) และตอนท่ี 4 เร่ือง การเลนกีตาร แบบโฟลค แอนด คันทรี (Folk & Country Style) ของนายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกําแพง อําเภอ สนั กําแพง จงั หวัดเชยี งใหม 2.3zใหนักเรียนแตล ะกลมุ ศกึ ษาเอกสารประกอบการเรยี นวิชา กตี ารก ับโนต สากลเบื้องตน ศ 40201 หนวยการเรียนท่ี 7 โดยใหศึกษาตอนท่ี 3 เร่ืองการเลนจังหวะคอรดกีตารเบื้องตน (Basic.Guitar Strumming) และตอนท่ี 4 เรือ่ ง การเลนกีตารแบบโฟลค แอนด คันทรี (Folk & Country Style) ของนาย นพดล ประวัง โรงเรยี นสันกาํ แพง จงั หวัดเชียงใหม แลวเขียนคาํ ตอบลงในใบงานทไ่ี ดร บั มอบหมาย
276 3. ขั้นสรปุ บทเรียน 3.1 นักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลการศึกษาใบงานท่ี 3 เรื่อง คอรดกีตารเบ้ืองตน (Basic Guitar Chords) ในเอกสารประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนว ยการเรียนที่ 7 โดยใหนําเสนอทีละกลุมmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 3.2 นักเรียนและครูรว มกนั สรปุ คาํ ตอบที่ถกู ตองพรอ มท้งั แกไ ขคําตอบในใบงาน 3.3 ครูยกยองชมเชยการรายงานและการทํากิจกรรมตามใบงานที่ 3 ในเอกสาร ประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนว ยการเรียนที่ 7 ของนักเรียน สอ่ื การเรียนการสอน 1. ปากกา 2.สมุดทmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmmm 3. เอกสารประกอบการเรียนวิชากีตารกับโนตสากลเบ้ืองตน ศ 40201 หนวยการเรียนท่ี 7 เรื่อง การปฏิบัติคอรดกีตารเบื้องตนของนายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกําแพง จังหวัดเชียงใหม 4. ใบงานที่ 3 เรื่อง คอรดกีตารเบื้องตน (Basic Guitar Chords)ททททททททททททททททท 5. กีตารททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททททท การวดั ผลและประเมินผล 1. วิธีวัด / สงิ่ ท่ีวัด 1.1 การทดสอบ 1.2 สังเกตพฤติกรรมขณะปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 2. เครอื่ งมือวัด 2.1 แบบทดสอบ 2.2 แบบสังเกตพฤตกิ รรมขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม (ภาคผนวก ข) 3. เกณฑก ารวดั 3.1 แบบทดสอบ 3.1.1 ทําถูก 9 - 10 ขอ หมายถึง ดมี าก 3.1.2 ทาํ ถกู 7 - 8 ขอ หมายถงึ ดี 3.1.3 ทําถกู 5 - 6 ขอ หมายถงึ พอใช 3.1.4 ทําถูก 1 – 4 ขอ หมายถงึ ปรบั ปรงุ 3.2 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมขณะปฏิบัติกจิ กรรม 3.2.1 ไดค ะแนน 9 – 10 หมายถึง ดมี าก 3.2.2 ไดค ะแนน 7 – 8 หมายถงึ ดี
277 3.2.3 ไดค ะแนน 5 – 6 หมายถึง พอใช 3.2.4 ไดคะแนนต่ํากวา 1 - 4 หมายถึง ตอ งปรับปรุง เกณฑก ารตดั สิน 1. รายบุคคล นักเรียนมีผลการเรียนรูแ ตล ะดา นต้ังแตร ะดับพอใช 2. รายกลุม นกั เรยี นรอยละ 80 มผี ลการเรียนรูต้ังแตร ะดบั พอใช เนือ้ หาบรู ณาการ 1. สาระวทิ ยาศาสตร ลกั ษณะของเสียง ระดบั เสยี ง 2. สาระสังคม ประวตั ิเครือ่ งดนตรี 3. สาระภาษาไทย การพดู การนาํ เสนอ การเขียนสรปุ กิจกรรมการสอน ช่วั โมงท่ี 5 – 6 1. ข้นั นําเขา สบู ทเรยี น ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเก่ียวกับเร่ือง คอรดกีตารเบื้องตน (Basic Guitar Chords) ท่ีไดศึกษาในช่ัวโมงเรียนท่ีผานมาพรอมท้ังแจงจุดประสงคการเรียนรูใหทราบวาหลังจากจบชั่วโมง เรียนนี้แลวนักเรียนสามารถเลนคอรดกีตารเบื้องตนไดทททททททททททททททททททททททททททท 2. ขัน้ ดาํ เนินการสอน 2.1..แบงนักเรียนออกเปนกลุมๆ ละ 5 – 6 คน โดยแตละกลุมใหเลือกประธานมีหนาที่ กาํ กับบทบาทของแตล ะคนใหด าํ เนินไปตามจดุ มงุ หมายของการเรียนรูแ ละนําเสนอเลขานุการเปน ผู จดบนั ทึกขอ มลู และเตรยี มขอ มูลพรอ มท้งั อปุ กรณต างๆ ทจ่ี ะตองนําเสนอ 2.2 แจกเอกสารประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนวยการ เรียนที่ 7 ตอนท่ี 5 แบบฝกการปฏิบัติคอรดกีตารเบื้องตนของนายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกําแพง อําเภอสนั กําแพง จงั หวัดเชียงใหม แลว ใหน ักเรียนวิเคราะหแ บบฝก 2.3..ครูสาธิตการปฏิบัติตามแบบฝกการปฏิบัติคอรดกีตารเบื้องตนในเอกสารประกอบการ เรยี นวชิ า กีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนวยการเรียนที่ 7 ตอนที่ 5 แบบฝกปฏิบัติคอรดกีตาร เบ้ืองตนของนายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกําแพง อําเภอสันกําแพง จังหวัดเชียงใหม ใหนักเรียนดู ทลี ะขอ พรอมท้งั ใหน กั เรยี นฝกปฏิบัติกีตารต าม โดยครูคอยแกไขในสง่ิ ท่ไี มถูกตอง 2.4.ในักเรียนฝกปฏิบัติกีตารตามแบบฝกการปฏิบัติคอรดกีตารเบ้ืองตนในเอกสารประกอบ การเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบ้ืองตน ศ 40201 หนวยการเรียนที่ 7 ตอนท่ี 5 แบบฝกปฏิบัติคอรด กีตารเบื้องตนของนายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกําแพง..จังหวัดเชียงใหม.โดยไมมีครูปฏิบัติใหดู
278 3. ข้นั สรปุ บทเรยี น 3.1ผครูสุมนักเรียนนําเสนอการปฏิบัติตามแบบฝกการปฏิบัติคอรดกีตารเบื้องตน ในเอกสารประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนวยการเรียนที่ 7 ตอนที่ 5 ของนายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกาํ แพง.จังหวัดเชียงใหม หนาช้ันเรียนประมาณ 5 คน 3.2 ครูและนักเรียนรวมกันสรุปการปฏิบัติตามแบบฝกการปฏิบัติคอรดกีตารเบื้องตนใน เอกสารประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบ้ืองตน ศ 40201 หนวยการเรียนท่ี 7 ตอนที่ 5 ของ นักเรยี นท่ีนําเสนอหนาหองเรียนพรอมทง้ั ชแ้ี จงใหแ กไขในสิง่ ทีไ่ มถ กู ตอง 3.3 ครูชมเชยการปฏิบัติการปฏิบัติคอรดกีตารเบื้องตน (Basic Guitar Chords) ของนักเรียน 3.4 นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนโดยใชแบบทดสอบทายหนวยการเรียนที่ 7 เร่ือง คอรด กีตารเ บ้อื งตน จาํ นวน 10 ขอ ทททททททททททททททททททททททททททททททททททททททท สอ่ื การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนวยการเรียนที่ 7 ของนายนพดล ประวงั โรงเรียนสันกําแพง..จังหวัดเชยี งใหม 2. กีตาร 3. สแตนโนต การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. วธิ ีวดั / ส่ิงที่วดั 1.1 สงั เกตพฤติกรรมขณะปฏบิ ัติกิจกรรม 2. เครอ่ื งมอื วัด 2.1 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมขณะปฏบิ ตั กิ จิ กรรม (ภาคผนวก ค) 3. เกณฑก ารวดั 3.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมขณะปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 3.2.1 ไดค ะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดมี าก 3.2.2 ไดค ะแนน 7 – 8 หมายถึง ดี 3.2.3 ไดค ะแนน 5 – 6 หมายถึง พอใช 3.2.4 ไดคะแนนต่าํ กวา 1 - 4 หมายถึง ตอ งปรับปรงุ
279 เกณฑการตัดสิน 1. รายบุคคล นักเรยี นมผี ลการเรยี นรแู ตล ะดา นตั้งแตระดบั พอใช 2. รายกลุม นกั เรยี นรอยละ 80 มผี ลการเรยี นรตู ั้งแตร ะดับพอใช เน้อื หาบรู ณาการ 1. สาระวทิ ยาศาสตร ลักษณะของเสยี ง ระดับเสยี ง 2. สาระภาษาไทย การพดู การนําเสนอ การเขยี นสรุป
280 ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง การอานคอรด กตี ารเ บอ้ื งตน เอกสารประกอบการเรียนวชิ า กตี ารกับโนตสากลเบอื้ งตน รหัสวิชา ศ 40201 ชั้น มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 กลุมสาระศิลปะ โรงเรยี นสันกาํ แพง อําเภอสันกําแพง จงั หวดั เชยี งใหม ชือ่ ..........................................นามสกลุ ........................................ ม. 4 /................. เลขที่............... คําชี้แจง 1. ใหนักเรียนศึกษาเนื้อหาจากเอกสารประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนวยการเรียนที่ 7 ของนายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกําแพง อําเภอ สนั กําแพง จงั หวัดเชียงใหม 2. ใหน กั เรยี นเขียนคําอานชื่อคอรดตอ ไปนใ้ี หถ กู ตอ ง ขอท่ี 1. ............................................................................................................................. ขอท่ี 2. ............................................................................................................................ ขอที่ 3. .......................................................................................................................... ขอท่ี 4. .......................................................................................................................... ขอ ท่ี 5. ..........................................................................................................................
281 ใบงาน ท่ี 2 เร่อื ง ลกั ษณะของคอรด กตี าร เอกสารประกอบการเรียนวชิ า กตี ารกบั โนตสากลเบอ้ื งตน รหสั วชิ า ศ 40201 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 4 กลุมสาระศิลปะ โรงเรยี นสันกาํ แพง อาํ เภอสันกาํ แพง จงั หวดั เชยี งใหม ช่ือ..........................................นามสกลุ ........................................ ม. 4 /................. เลขท่ี............... ............................................................................ คําช้ีแจง 1. ใหนักเรียนศึกษาเน้ือหาจากเอกสารประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบื้องตน ศ 40201 หนวยการเรียนที่ 7 ของนายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกําแพง..อําเภอ สันกําแพงcจังหวัดเชียงใหมททททททททททททททททททททททททททททททททท 2. ใหน ักเรียนอธิบายการใชนวิ้ กดคอรด ตอ ไปนใ้ี หถกู ตอ งถกู ตอง ............................................................................ ขอ ท่ี 1. .............................................................................................................. ขอที่ 2. ............................................................................................................... ขอท่ี 3. ................................................................................................................... ขอ ท่ี 4. ..………………………………………………………………………….
คําชี้แจง 282 ขอ 1. ใบงาน ที่ 3 เร่ือง คอรด กตี ารเ บอ้ื งตน (Basic Guitar Chords) เอกสารประกอบการเรียนวชิ า กตี ารก ับโนต สากลเบอื้ งตน รหัสวชิ า ศ 40201 ชั้น มธั ยมศึกษาปท ่ี 4 กลมุ สาระศิลปะ โรงเรียนสันกําแพง อาํ เภอสันกาํ แพง จังหวดั เชยี งใหม ............................................................................ 1. ใหนักเรียนศึกษาเนื้อหาจากเอกสารประกอบการเรียนวิชา กีตารกับโนตสากลเบ้ืองตน ศ 40201 หนวยการเรียนท่ี 7 ของนายนพดล ประวัง โรงเรียนสันกําแพง..อําเภอ สนั กาํ แพง จงั หวดั เชยี งใหมทททททททททททททททททททททททททททททททททท 2. ใหน ักเรยี นอธบิ ายการดดี คอรดกตี ารจ ากรูปท่ีกาํ หนดให ๆ ถูกตอง ............................................................................ VV 1 2 3 4 1234 …………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………. ขอ 2. VV 1 2 &3 &4 …………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………….
283 ขอ 3. ............…………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………….
284 ตําราและหนังสืออา นประกอบ สดุ ใจ ทศพร. หนังสือเรียน สาระการเรียนรพู ้นื ฐาน กลุมสาระการเรียนรศู ิลปะ ดนตรี ม.4 – ม.6 ชวงชัน้ ที่ 4. พิมพครงั้ ที่ 2. กรุงเทพฯ: อกั ษรเจรญิ ทัศน, 2548 หนา 151 - 162 ปนาพนั ธ. ดนตรวี วิ ัฒน 1 Progressive Music 1. กรงุ เทพฯ : สาํ นักพิมพป าติ, 2534 หนา 17 - 74 ________. ดนตรวี ิวฒั น 2 Progressive Music 2. กรงุ เทพฯ : สํานักพิมพป าต,ิ 2534 หนา 48 – 54 Guitar MAX. PRO PICKING . กรงุ เทพมหานคร: บริษทั บญุ ศริ ิการพมิ พ จํากดั , 2541 __________. PRO PICKING 4 . กรุงเทพมหานคร: บรษิ ัท บุญศิริการพมิ พ จํากดั , 2547 __________. PRO PICKING 5 . กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ทั บุญศริ ิการพิมพ จํากัด, 2548
285 แบบทดสอบทา ยหนวยการเรียนที่ 7 คําสั่ง ใหน กั เรยี นเลอื กทําเครอ่ื งหมาย X ในตวั เลอื กที่ถกู ตอ งที่สุดเพียงตวั เลอื กเดยี ว 1. ขอ ใดกลา วถึงเรอ่ื งคอรดไดอยา งถกู ตอ งที่สดุ ก. เสียงโนตตงั้ แต 3 ตัวขึน้ ไป ถูกปฏบิ ัตอิ อกมาพรอ มๆกัน ข. โนต ดนตรตี ้ังแต 3 ตวั ข้ึนไป ถูกปฏิบตั อิ อกมาพรอ มๆกันอยา ง ประสานกลมกลนื กัน ค. เสยี งเคร่ืองดนตรตี ัง้ แต 3 ชิ้น ถูกปฏบิ ตั ิออกมาพรอ มๆกัน ง. โนต ดนตรตี ั้งแต 3 ตวั ข้ึนไป ถูกปฏิบัตอิ อกมาพรอมๆกัน 2. อักษร M ใชแ ทนลกั ษณะของคอรด ในเรอื่ งใด ก. Mannual ข. Maxima ค. Major ง. Minor 3. คอรด Cm7 ขอใดอา นถูกตอง ก. ซีเอ็มเลขเจด็ ข. ซีเมเจอรเ ซเวน ค. ซีเอ็มเซเวน ง. ซีไมเนอรเซเวน 4. คอรดในขอ ใดท่ีมีระดบั เสียงเสียงเดยี วกนั ก. G#, Ab ข. C#, Bb ค. A#, Gb ง. F#, Eb
286 5. จากภาพเปน รปู คอรดอะไร ก. A ข. B ค. C ง. D 6. จากภาพเปน รูปคอรด อะไร ก. G7 ข. D7 ค. F7 ง. E7 7. คอรด ในขอ ใดที่มรี ะดับเสยี งสูงสุดในชวงเสยี งเดียวกนั ก. E ข. Eb ค. F ง. D# 8. คอรดในขอใดทม่ี ีระดบั เสียงต่าํ สดุ ในชวงเสยี งเดยี วกัน ก. G# ข. Ab ค. A ง. F#
287 9. สัญลกั ษณใ นขอ ใดทไี่ มเก่ียวกับเร่อื งของคอรด ก. @ ข. # ค. b ง. m 10. จากภาพขอ ใดอธบิ ายไดถ ูกตอ งท่ีสุด ก. สายท่ี 4 (D) ปฏบิ ตั ิสายเปด หรือสายปลาว ข. สายท่ี 5 (A) มจี ุดในชองท่ี 1 ใหใชน ้ิวกอ ยกดในชอ งท่ี 1 ค. สายที่ 5 (A) มีจุดในชอ งที่ 3 ใหใชน ้วิ นางกดในชอ งท่ี 3 ง. สายท่ี 6 (E) ปฏิบตั สิ ายเปด หรือสายปลาว
เฉลยแบบทดสอบทายบทเรียนหนวยที่ 7 288 1. ข 2. ค 3. ง 4. ก 5. ค 6. ก 7. ค 8. ง 9. ก 10. ค
Search
Read the Text Version
- 1 - 43
Pages: