Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พลังงานทดแทน

พลังงานทดแทน

Published by koy.23doraemon, 2022-06-14 13:29:47

Description: พลังงานทดแทน

Search

Read the Text Version

ห้องสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อาเภอวงั ทรายพูน ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอวงั ทรายพนู สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวดั พจิ ติ ร

พลังงานทดแทน โดยท่ัวไปหมายถึงพลังงานที่ใช้ทดแทนพลังงานจาก ฟ อ ส ซิ ล เ ช่ น ถ่ า น หิ น , ปิ โ ต ร เ ลี ย ม แ ล ะ แ ก๊ ส ธ ร ร ม ช า ติ ซึ่ ง ป ล่ อ ย คาร์บอนไดออกไซด์มหาศาลอันเป็นสาเหตุโลกร้อน ตัวอย่างพลังงานทดแทนท่ี สาคัญเช่น พลังงานลม, พลังงานนา, พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานนาขึนนาลง , พลังงานคลื่น, พลังงานความร้อนใต้พิภพ, เชือเพลิงชีวภาพ พลังงานนามันดิบ นามันปาล์ม พลังงานนามันพืช เป็นต้น ในปี 2555 ประเทศไทยใช้พลังงาน ทดแทนเพียง 18.2% ของพลังงานทังหมด เพ่ิมขึนจากปีก่อนหน้า เพียง 1.8% โดยที่พลังงานแสงอาทิตย์ และเชือเพลิงชีวภาพ เพ่ิมขึน 23% แต่ พลังงาน จาก ฟืน ถ่าน แกลบ และวัสดุเหลือใช้ทางเกษตร โดยนามาใช้เป็นเชือเพลิง ดังเดมิ มีอัตราลดลง 10% (อาจเป็นเพราะมวลชีวภาพดังกล่าวถูกแปรรูปไปเป็น เชอื เพลงิ ชีวภาพไปแล้ว) พลังงานทดแทนอีกประเภทหนึ่งเป็นพลังงานที่ถูกทาขึนใหม่ (renewable) ได้อย่างต่อเนอื่ ง (เช่นมวลของลมกลุ่มแรกผ่านกังหันลมไป มวลของลมกลุ่มใหม่ ก็ตามมาอย่างต่อเน่อื งเป็นต้น) เรียกว่า พลังงานหมุนเวียน (renewal energy) ได้แก่ แสงอาทิตย์ ลม นา และไฮโดรเจนเป็นต้น (บางตาราว่า มวลชีวภาพ ก็ เปน็ พลังงานหมุนเวยี น ขึนกบั ว่า มนั ทาขึนใหมไ่ ด้อย่างต่อเน่อื งหรอื ไม่) ตามแผนพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน 15 ปี ระหว่าง 2549- 2564 มีแผนที่จะให้มีการใช้พลังงานทดแทนเป็นสัดส่วน 20% ของพลังงาน ทังหมด การศึกษาและพัฒนาพลังงานทดแทนเป็นการศึกษา ค้นคว้า ทดสอบ พัฒนา และสาธิต ตลอดจนส่งเสริมและเผยแพร่พลังงานทดแทน ซึ่งเป็น พลังงานท่ีสะอาด ไมม่ ีผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อม และเป็นแหล่งพลังงานที่มีอยู่ใน ท้องถิ่น เช่น พลังงานลม แสงอาทิตย์ ชีวมวล และอื่นๆ เพื่อให้มีการผลิต และ การใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย มีประสิทธิภาพ และมีความเหมาะสมทัง ทางดา้ นเทคนคิ เศรษฐกจิ และสงั คม

สาหรับผู้ใช้ในเมือง และชนบท ซ่ึงในการศึกษา ค้นคว้า และพัฒนา พลังงานทดแทนดังกล่าว ยังรวมถึงการพัฒนาเครื่องมือ เคร่ืองใช้ และอุปกรณ์ เพื่อการใช้งานมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย งานศึกษา และพัฒนาพลังงานทดแทน เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานพัฒนาพลังงานทดแทน ซึ่งมีโครงการที่เก่ียวข้อง โดยตรงภายใต้แผนงานนีคือ โครงการศึกษาวิจัยด้านพลังงาน และมีความ เชื่อมโยงกับแผนงานพัฒนาชนบทในโครงการจัดตังระบบผลิตไฟฟ้าประจุ แบตเตอรี่ด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สาหรับหมู่บ้านชนบทที่ไม่มีไฟฟ้า โดยงานศึกษา และพัฒนาพลังงานทดแทนจะเป็นงานประจาที่มีลักษณะการดาเนินงานของ กิจกรรมต่างๆ ในเชิงกว้างเพ่ือสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ทังในด้านวิชาการเชิงทฤษฎี และอุปกรณ์เคร่ืองมือทดลอง และการทดสอบ รวมถึงการส่งเสริมและเผยแพร่ ซ่งึ จะเป็นการสนับสนุน และรองรับความพร้อม ในการจดั ตังโครงการใหมๆ่ ในโครงการศกึ ษาวจิ ยั ด้านพลังงานและโครงการอนื่ ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง เชน่ การศึกษาคน้ ควา้ เบอื งตน้ การตดิ ตามความกา้ วหน้าและร่วมมอื ประสานงานกับหน่วยงานที่เก่ียวข้องในการพัฒนาต้นแบบ ทดสอบ วิเคราะห์ และประเมินความเหมาะสมเบืองต้น และเป็นงานส่งเสริมการพัฒนาโครงการที่ กาลังดาเนินการให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึน ตลอดจนสนับสนุนให้โครงการที่เสร็จ สินแล้วได้นาผลไปดาเนินการส่งเสริม และเผยแพร่และการใช้ประโยชน์อย่าง เหมาะสมตอ่ ไป ประโยชน์ของพลังงานทดแทน โดยในปัจจุบันหลายประเทศท่ัวโลก พยายามศึกษาและคน้ หาพลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนือ่ ง เพ่ือให้ สามารถนามาใช้ประโยชนไ์ ด้ และมีประสิทธิภาพดียิ่งกว่าพลังงานแบบเดิม เพื่อ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดปัญหามลพิษและส่ิงแวดล้อมของโลก รวมทังช่วย ประหยัดพลังงาน ดังนนั พลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือก จึงเป็นพลังงาน ที่สามารถนามาใช้ทดแทนพลังงานแบบเดิมได้อย่างไม่จากัด ทังยังหาได้จาก ธรรมชาติและสามารถนากลับมาใช้ใหม่ได้ เพ่ือช่วยลดปัญหาการขาดแคลน พลงั งาน รวมทงั ลดมลพิษอีกด้วย

ประเภทของพลงั งานทดแทน ปัจจุบันเรื่องพลังงานเป็นปัญหาใหญ่ของโลก และนับวันจะมีผลกระทบ รุนแรงต่อมวลมนุษยชาติมากขึนทุกที การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยก็เป็น อีกหนึ่งหน่วยงานท่ีให้ความสาคัญในการร่วมหาหนทางแก้ไข ทาการศึกษา คน้ คว้า สารวจ ทดลอง ติดตามเทคโนโลยีอย่างจริงจังและต่อเนือ่ งมาโดยตลอด เพ่ือเตรียมพร้อมสาหรับการนาพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีใหม่ๆในด้าน พลังงานทดแทนเข้ามาใช้ในประเทศไทยต่อไป โดยคานึงถึงทรัพยากรและ ส่งิ แวดล้อมซึ่งพอจะจาแนกประเภทของพลังงานทดแทนได้ดงั นี พลังแสงอาทติ ย์ ดวงอาทิตย์ให้พลังงานจานวนมหาศาลแก่โลกของเรา พลังงานจากดวง อาทิตย์จัดเป็นพลังงานหมุนเวียนท่ีสาคัญที่สุด เป็นพลังงานสะอาดไม่ทา ปฏิกิริยาใดๆอันจะทาให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เซลล์แสงอาทิตย์จึงเป็นส่ิงประดิษฐ์ ทางอิเล็คทรอนิคส์ชนิดหนึ่ง ที่ถูกนามาใช้ผลิตไฟฟ้า เนื่องจากสามารถเปล่ียน เซลล์แสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง ส่วนใหญ่เซลล์แสงอาทิตย์ทา มาจากสารก่ึงตัวนาพวกซิลิคอน มีประสิทธิภาพในการเปล่ียนพลังงาน แสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟา้ ได้สงู ถึง 44 เปอร์เซนต ในส่วนของประเทศไทยซึ่งตังอยู่บริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงได้รับพลังงาน จากแสงอาทิตย์ในเกณฑส์ งู พลงั งานโดยเฉลย่ี ซึ่งรบั ได้ทวั่ ประเทศประมาณ 4 ถึง 4.5 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อตารางเมตรต่อวัน ประกอบด้วยพลังงานจากรังสีตรง (Direct Radiation) ประมาณ 50 เปอร์เซนต์ ส่วนที่เหลือเป็นพลังงานรังสี กระจาย (Diffused Radiation) ซึ่งเกิดจากละอองนาในบรรยากาศ(เมฆ) ซ่งึ มี ปรมิ าณสงู กว่าบริเวณทห่ี า่ งจากเสน้ ศนู ย์สตู รออกไปทังแนวเหนือ - ใต้ นอกจากนี การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์นับวันจะยิ่งมี ความสาคัญมากขึนเรื่อย ๆ เนื่องจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์ แสงอาทิตย์ เป็นแหล่งพลังงานทดแทนท่ีสะอาดและไม่มีวันสินสุด แต่ปัญหา สาคัญในการติดตังแผงโซลา่ เซลล์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟา้ จากเซลล์แสงอาทติ ยน์ ัน

คอื พืนที่ท่ีใช้ในการติดตังแผงโซล่าเซลล์ เพราะพืนที่ในการติดตังแผงโซล่าเซลล์ จะต้องเป็นพืนที่โล่งขนาดใหญ่ ดังนันการติดตังแผงโซล่าเซลล์แบบลอยนาอยู่ใน อ่างเก็บนาขนาดใหญจ่ ึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเปน็ อย่างยิง่ อีกทังการติดตังแผงโซล่าเซลล์แบบลอยนาอยู่ในอ่างเก็บนาขนาดใหญ่ ยังมี ข้อดีมากมาย เช่น ความเย็นของนาจะทาให้การทางานของแผงโซล่าเซลล์มี ประสทิ ธิภาพมากย่งิ ขึน และแผงโซล่าบดบงั แสงอาทติ ย์ทีต่ กกระทบผิวนา ทาให้ ช่วยลดการเตบิ โตของสาหร่ายใตน้ า และลดการระเหยของนาในอ่างเก็บนา เป็น ต้น ดังนันในหลายประเทศจึงได้มีการออกแบบและก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงาน ทดแทนแสงอาทิตย์ท่สี ามารถติดตงั ไว้บนผวิ นาในทะเลสาบขนาดใหญ่ได้ พลงั งานลม เป็นพลงั งานธรรมชาติท่ีเกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิ 2 ที่ ซึ่งสะอาด และบริสุทธิ์ใช้แล้วไม่มีวันหมดสินไปจากโลก ได้รับความสนใจนามาพัฒนาให้ เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวาง ในขณะเดียวกัน กังหันลมก็เป็นอุปกรณ์ชนิดหน่ึง ที่สามารถนาพลังงานลมมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ โดยเฉพาะในการผลิต กระแสไฟฟ้า และในการสูบนา ซ่ึงได้ใช้งานกันมาแล้วอย่างแพร่หลายพลังงาน ลมเกิดจากพลังงานจากดวงอาทิตย์ตกกระทบโลกทาให้อากาศร้อน และลอยตัว สูงขึน อากาศจากบริเวณอื่นซ่ึงเย็นและหนาแน่นมากกว่าจึงเข้ามาแทนท่ี การ เคล่ือนที่ของอากาศเหล่านีเป็นสาเหตุให้เกิดลม และมีอิทธิพลต่อสภาพลมฟ้า อากาศในบางพืนที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างย่ิงแนวฝ่ังทะเลอันดามัน และด้านทะเลจีน(อ่าวไทย) มีพลังงานลมที่อาจนามาใช้ประโยชน์ในลักษณะ พลังงานกล (กังหันสูบนากังหันผลิตไฟฟ้า) ศักยภาพของพลังงานลมที่สามารถ นามาใช้ประโยชนไ์ ด้สาหรับประเทศไทย มีความเร็ว อยู่ระหว่าง 3 - 5 เมตรต่อ วินาที และความเข้มพลังงานลมท่ีประเมินไว้ได้อยู่ระหว่าง 20 - 50 วัตต์ต่อ ตารางเมตร

พลงั งานความร้อนใต้พภิ พ โรงไฟฟา้ ท่ี Krafla Iceland พลังงานความร้อนใต้พิภพ [Geothermal - Geo (พืนดิน) Thermal (ความร้อน)] หมายถึงการใช้งานอย่างหนักจากความร้อนด้านในของโลก แกน ของโลกนนั ร้อนอย่างเหลือเช่ือ โดยร้อนถึง 5,500 องศาเซลเซยี ส (9,932 องศา ฟาเรนไฮท์) จากการประมาณการเม่ือเร็วๆ นี ดังนันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า แม้แต่พืนผิว 3 เมตรด้านบนสุดของโลกก็มีอุณหภูมิใกล้เคียง 10-26 องศา เซลเซียส (50-60 องศาฟาเรนไฮท์) อย่างสม่าเสมอตลอดทังปี นอกจากนี กระบวนการทางธรณวี ิทยาที่แตกต่างกันทาให้ในบางทีม่ อี ุณหภมู ิสงู กวา่ มาก  นาความร้อนมาใช้งาน ในท่ีที่แหล่งเก็บนาร้อนจากความร้อนใต้พิภพอยู่ใกล้ผิวโลก นาร้อนนัน สามารถส่งผ่านท่อโดยตรงไปยังท่ีทีต้องการใช้ความร้อน นี่เป็นวิธีการหนึ่งท่ี ความร้อนใต้พิภพสามารถใช้ทานาร้อนในการทาความร้อนให้บ้าน ทาให้เรือน กระจกอนุ่ ขนึ และแม้แตล่ ะลายหิมะบนถนน แม้ในสถานท่ีท่ีไม่มีแหล่งเก็บความร้อนใต้พิภพที่สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย เครื่องป๊ัมความร้อนจากพืนดินสามารถส่งความร้อนสู่พืนผิวและสู่อาคารได้ สิ่งนี เป็นไปได้ในทุกแห่ง นอกจากนีเน่ืองจากอุณหภูมิใต้ดินนันเกือบคงที่ทังปี ทาให้

ระบบเดียวกันนที ่ีช่วยส่งความร้อนให้อาคารในฤดูหนาวจึงสามารถทาความเย็น ใหอ้ าคารในฤดูร้อนได้  การผลิตกระแสไฟฟา้ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพใช้บ่อนาความลึกสูงสุด 1.5 กิโลเมตร (1 ไมล์) หรือลึกกว่านัน ในบางครังเพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งสารองนาจาก ความร้อนใต้พภิ พท่ีกาลังเดือด โรงไฟฟา้ บางแห่งใช้ไอนาจากแหล่งสารองเหล่านี โดยตรงเพ่ือทาให้ใบพัดหมุน ส่วนโรงไฟฟ้าอ่ืนๆ ป๊ัมนาร้อนแรงดันสูงเข้าไปใน แท็งก์นาความดันต่า ทาให้เกิด \"ไอนาชั่วขณะ\" ซ่ึงใช้เพ่ือหมุนกังหันของเครื่อง กาเนิดไฟฟ้า โรงไฟฟ้าสมัยใหม่ใช้นาร้อนจากพืนดินเพ่ือทาความร้อนให้กับ ของเหลว เช่น ไอโซบิวทีน ซึ่งเดือดท่ีอุณหภูมิต่ากว่านา เม่ือของเหลวชนิดนี ระเหยเป็นไอและขยายตัว มันจะทาใหใ้ บพัดเครอื่ งกาเนิดไฟฟา้ หมุน  ข้อดขี องพลังความรอ้ นใต้พภิ พ ป๊ัมนามันก๊าซไฮโดรเจนในเมืองเรย์จาวิก ซ่ึงเริ่มจ่ายเชือเพลิงไฮโดรเจนท่ี นากลับมาใช้ใหม่ได้ให้กับรถบัส 3 คัน เชือเพลิงนีผลิตขึนจากนาที่ใช้พลังความ ร้อนใตพ้ ิภพ ซงึ่ อดุ มสมบรู ณ์ในประเทศไอซแ์ ลนด์ การผลิตพลงั ความร้อนใต้พภิ พแทบไมก่ ่อมลพิษหรือปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจก ออกมาเลย พลงั งานนีเงียบและนา่ เชอื่ ถอื อย่างทส่ี ุด โรงงานไฟฟ้าพลังความรอ้ น ใตพ้ ิภพผลติ พลงั งานประมาณ 90% ตลอดเวลา เม่ือเทยี บกับ 65-75% ของ โรงไฟฟา้ เชือเพลงิ ฟอสซลิ แต่โชคร้ายที่ถึงแม้ว่าหลายประเทศมีแหล่งสารองความร้อนใต้พิภพท่ีอุดม สมบูรณ์ แต่แหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ได้รับการพิสูจน์ว่าดีแล้วนีถูกนามาใช้ ประโยชนต์ ่ามาก นาร้อนที่ถกู นาไปใช้ในการผลิตไฟฟ้าแลว้ นัน แมอ้ ุณหภูมิจะลดลงบ้าง แต่ก็ ยังสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการอบแห้ง และใช้ในห้องเย็นสาหรับเก็บรักษา พืชผลทางการเกษตรได้ นอกจากนัน นาที่เหลือใช้แล้วยังสามารถนาไปใช้ใน

กจิ การเพอ่ื กายภาพบาบัด และการทอ่ งเทย่ี วไดอ้ ีก ท้ายที่สุดคือ นาทังหมดซ่งึ ยัง มีสภาพเปน็ นาอุ่นอยู่เล็กน้อย จะถูกปล่อยลงไปผสมกบั นาตามธรรมชาตใิ นลานา ซ่ึงนับเป็นการเพมิ่ ปริมาณนาให้กบั เกษตรกรในฤดแู ล้งได้อกี ทางหนง่ึ ดว้ ย  ข้อควรระวังจากการใชพ้ ลงั งานความรอ้ นใตพ้ ิภพ[4] พลังงานความรอ้ นใตพ้ ภิ พ สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้หลายประการดังท่ี ได้กลา่ วมาแล้ว อย่างไรกต็ ามการใชป้ ระโยชน์จากแหล่งพลังงานความร้อนนี แม้ จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อส่ิงแวดล้อม แต่ก็ควรทาการศกึ ษาเพื่อทา ความเขา้ ใจและหาทางป้องกนั ผลกระทบทีอ่ าจจะเกดิ ตามมาได้ ผลกระทบที่อาจ เกดิ ขนึ จากการใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพสามารถสรุปได้ดังนี - ก๊าซพิษ โดยท่ัวไปพลังงานความร้อนที่ได้จากแหล่งใต้พิภพ มักมีก๊าซ ประเภททไี่ ม่สามารถรวมตัว ซง่ึ ก๊าซเหลา่ นจี ะมอี นั ตรายต่อระบบการหายใจหาก มีการสูดดมเข้าไป ดังนันจึงต้องมีวิธีกาจัดก๊าซเหล่านีโดยการเปล่ียนสภาพของ กา๊ ซใหเ้ ปน็ กรด โดยการใหก้ า๊ ซนนั ผ่านเข้าไปในนาซงึ่ จะเกิด ปฏิกิริยาเคมีได้เป็น กรดซลั ฟวิ ริกขนึ โดยกรดนีสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้ - แร่ธาตุ นาจากแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพในบางแหล่ง มีปริมาณแร่ ธาตุต่างๆ ละลายอยู่ในปริมาณที่สูงซ่ึงการนานานันมาใช้แล้วปล่อยระบายลงไป ผสมกับแหล่งนาธรรมชาติบนผิวดินจะส่งผลกระทบต่อระบบนาผิวดินท่ีใช้ใน การเกษตรหรือใช้อุปโภคบริโภคได้ ดังนันก่อนการปล่อยนาออกไป จึงควรทา การแยกแร่ธาตุต่างๆ เหล่านันออก โดยการทาให้ตกตะกอนหรืออาจใช้วิธีอัดนา นันกลับคืนสู่ใต้ผิวดินซึ่งต้องให้แนใ่ จว่านาท่ีอัดลงไปนนั จะไม่ไหลไปปนกับแหล่ง นาใต้ดินธรรมชาติที่มีอยู่ ความร้อนปกตินาจากแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ ท่ีผ่านการใช้ประโยชน์จากระบบผลิตไฟฟ้าแล้วจะมีอุณหภูมิลดลง แต่อาจยังสูง กว่าอุณหภูมขิ องนาในแหลง่ ธรรมชาติเพราะยังมีความร้อนตกค้างอยู่ ดังนันก่อนการระบายนานันลงสู่แหล่งนาธรรมชาติควรทาให้นานันมี อณุ หภูมเิ ท่าหรอื ใกลเ้ คียงกบั อณุ หภูมิของนาในแหล่งธรรมชาติเสียก่อน โดยอาจ

นาไปใช้ประโยชน์อีกครังคือการนาไปผ่านระบบการอบแห้งหรือการทาความ อบอุ่นใหก้ ับบ้านเรือน - การทรุดตัวของแผ่นดิน ซ่ึงการนาเอานาร้อนจากใต้ดินขึนมาใช้ ย่อมทา ใหใ้ นแหลง่ พลังงานความร้อนนันเกิดการสญู เสียเนอื มวลสารส่วนหนง่ึ ออกไป ซึ่ง อาจก่อให้เกิดปัญหาการทรุดตัวของแผ่นดินขึนได้ ดังนันหากมีการสูบนาร้อน ขึนมาใช้ จะต้องมีการอัดนาซึ่งอาจเป็นนาร้อนที่ผ่านการใช้งานแล้วหรือนาเย็น จากแหล่งอื่นลงไปทดแทนในอัตราเร็วที่เท่ากัน เพ่ือป้องกันปัญหาการทรุดตัว ของแผน่ ดนิ พลงั งานชวี ภาพ

เกษตรกรไทยเร่มิ นามูลสัตว์มาผลิตเชอื เพลิงชวี ภาพกนั แพร่หลายมากขนึ ได้แก่ การนาของเสียจากสิ่งมีชีวิตเช่นขยะที่เป็นสารอินทรีย์หรือมูลสัตว์ไป หมัก ให้ย่อยสลายโดยปราศจากอ๊อกซิเจน จะได้ก๊าซ มีเทน ซ่ึงใช้เป็นเชือเพลิง ชนิดหนึง่ ปจั จบุ นั เกษตรกรผเู้ ลียงหมู ววั ควาย และสัตว์ปีก ได้ใช้เทคโนโลยีท่ีทา ขนึ เอง ผลิตกา๊ ซชวี ภาพมาใชใ้ นครัวเรอื นมากขึน ทาใหล้ ดการใช้พลังงานฟอสซิล ได้เป็นจานวนมาก เกษตรกรบางส่วนยังขายมูลสัตว์ให้กับโรงงานผลิตก๊าซ ชีวภาพเพ่ือการพานิชย์ด้วย นอกจากนียังรวมถึงของเสียจากโรงงานแปรรูป ทางการเกษตร เช่น เปลือกสับปะรดจากโรงงานสับปะรดกระป๋อง หรือนาเสีย จากโรงงานแปง้ มนั ทเี่ อามาหมักและผลิตเป็นกา๊ ซชวี ภาพ พลงั งานชีวมวล เชือเพลิงท่ีได้จากสิ่งมีชีวิตเช่น ไม้ฟืน แกลบ กากอ้อย เศษไม้ เศษหญ้า เศษเหลือทิงจากการเกษตร เหล่านีใช้เผาให้ความร้อนได้ เป็นเชือเพลิงชีวภาพ แบบของแข็ง และความร้อนนีแหละที่เอาไปปั่นไฟ โดยเหตุท่ีประเทศไทยทา การเกษตรอยา่ งกว้างขวาง วัสดุเหลือใช้จากการเกษตร เช่น แกลบ ขีเล่ือย ชาน ออ้ ย กากมะพรา้ ว ซงึ่ มีอยู่จานวนมาก (เทียบได้นามันดิบปีละไม่น้อยกว่า 6,500 ลา้ นลติ ร) กค็ วรจะใช้เปน็ เชือเพลิงผลติ ไฟฟ้าในเชิงพาณิชยไ์ ด้ ในกรณีของโรงเลื่อย โรงสี โรงนาตาลขนาดใหญ่ อาจจะยินยอมให้จ่าย พลังงานไฟฟ้าให้กับระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าต่างๆในประเทศ ในลักษณะของ การผลิตร่วม (Co-generation) ซึ่งมีใช้อยู่แล้วหลายแห่งในต่างประเทศโดยวิธี ดังกลา่ วแล้วจะช่วยใหส้ ามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานในประเทศสาหรับ ส่วนรวมได้มากยิ่งขึนทังนีอาจจะรวมถึงการใช้ไม้ฟืนจากโครงการปลูกไม้โตเร็ว ในพืนที่นับล้านไร่ ในกรณที ี่รัฐบาลจาเป็นต้องลดปริมาณการปลูกมันสาปะหลัง ออ้ ย เพ่ือแก้ปัญหาระยะยาวทางด้านการตลาดของพืชทังสองชนิด อนึง่ สาหรับ ผลิตผลจากชีวมวลในลักษณะอื่นท่ียังใช้เป็นเชือเพลิงได้ เช่น แอลกอฮอล์ จาก มันสาปะหลัง ก๊าซจากฟืน(Wood gas) ก๊าซจากการหมักเศษวัสดุเหลือจาก การเกษตร และขยะชุมชน (ก๊าซชีวภาพ) หากมีความคุม้ ค่าในเชิงพาณชิ ย์ก็อาจ นามาใชเ้ ปน็ เชอื เพลิงสาหรบั ผลติ ไฟฟา้ ได้เชน่ กัน

พลงั งานนา พืนผิวโลกถึง 70 เปอร์เซนต์ ปกคลุมด้วยนา ซ่ึงมีความสาคัญยิ่งต่อ สิ่งมีชีวิตทังหลาย นาเหล่านีมีการเปล่ียนสถานะและหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา ระหว่างผิวโลกและบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง ซ่ึงเรียกว่า วัฏจักรของนา นาท่ี กาลังเคล่ือนที่มีพลังงานสะสมอยู่มาก และมนุษย์รู้จักนาพลังงานนีมาใช้หลาย ร้อยปีแล้ว เช่น ใช้หมุนกังหันนา ปัจจุบันมีการนาพลังงานนาไปหมุนกังหันของ เคร่อื งกาเนดิ ไฟฟา้ ในโรงไฟฟา้ พลังนาเพอื่ ผลติ ไฟฟ้า พลงั งานจากขยะ ขยะมจี านวนเพ่มิ ขนึ ทกุ วนั เราตอ้ งการเทคโนโลยที ่ีเหมาะสมเพ่อื นามาใช้ ให้เปน็ ประโยชน์ ขยะชุมชนจากบ้านเรือนและกิจการต่างๆ เป็นแหล่งพลังงานท่ีมีศักยภาพ สูง ขยะเหล่านีส่วนใหญ่เป็นมวลชีวภาพ เช่น กระดาษ เศษอาหาร และไม้ ซึ่ง สามารถใช้เป็นเชือเพลิงในโรงไฟฟ้าท่ีถูกออกแบบให้ใช้ขยะเป็นเชือเพลิงได้ โรงไฟฟ้าที่ใช้ขยะเป็นเชือเพลิง จะนาขยะมาเผาบนตะแกรง ความร้อนท่ีเกิดขึน ใชต้ ้มนาในหม้อนาจนกลายเป็นไอนาเดือด ซ่งึ จะไปเพ่ิมแรงดันของเครื่องกาเนดิ ไฟฟา้

โรงไฟฟา้ พลังงานจากขยะ ประเทศไทยประสบปัญหาการจัดการขยะชุมชนมาช้านาน จากการเติบโต ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้เกิดปัญหาขยะเพิ่มมากขึน ในระยะแรกการฝังกลบเป็นวิธีท่ีนิยมกันมา แต่ปัจจุบันพ่ืนที่สาหรับฝังกลบหา ยากขึน และบ่อฝังกลบยังก่อให้เกิดมลภาวะตามมา นาเสียจากกองขยะ ทาให้ นาบนดินและนาบาดาลไมส่ ามารถนามาบริโภคได้ อีกทังกล่ินเหม็นจากกองขยะ กร็ บกวนความเปน็ อยขู่ องชาวบ้าน จากปัญหาการฝังกลบขยะทาได้ยากขึน การกาจัดโดยการเผา เป็นวิธีท่ีไม่ อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป การเลือกเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม เพ่ือให้เกิดผลกระทบ ต่อส่ิงมชี วี ติ และสิ่งแวดล้อมนอ้ ยที่สดุ และเปน็ ประโยชน์จากขยะมากท่สี ดุ น่าจะ เป็นทางเลอื กทนี่ ามาใช้ ปรมิ าณขยะทมี่ ากมายนสี ง่ ผลต่อสภาพแวดลอ้ มและความเปน็ อยขู่ องสังคม มากมาย การคัดแยกขยะจะมีส่วนช่วยลดปริมาณขยะในส่วนท่ีสามารถนา กลับมาใช้ใหม่ได้ ประหยัดงบประมาณในการทาลายขยะ สงวนทรัพยากร ประหยัดพลังงานและช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึนได้ ประเทศไทยมีปริมาณขยะ ชุมชนเพ่ิมขึนโดยตลอด หากไม่มีการนาขยะไปใช้ประโยชน์ ในสัดส่วนที่มากขึน ในปี 2558 จะมีปริมาณขยะต่อวันถึง 49,680 ตัน หรือ 17.8 ล้านตัน ต่อปี ปจั จบุ นั มกี ารคิดค้นเทคโนโลยีกาจัดขยะท่ีสามารถแปลงขยะเป็นพลังงานและใช้ ผลติ กระแสไฟฟา้ ไดแ้ ก่  เทคโนโลยีการฝังกลบ และระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากหลุมฝังกลบขยะ (Landfill Gas to Energy)  เทคโนโลยีการเผาขยะ (Incineration)  เทคโนโลยกี ารผลติ กา๊ ชเชือเพลิงจากขยะชุมชน (Municipal Solid Waste or MSW)โดยการแปรสภาพเป็นแก๊ส (Gasification)  เทคโนโลยีย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซเิ จน (Anaerobic Digestion) หรือ การหมัก

 เทคโนโลยีผลติ เชอื เพลิงขยะ(Refuse Derived Fuel : RDF) โดยการทาให้ เป็นกอ้ นเชือเพลิง  เทคโนโลยีพลาสมาอาร์ก (Plasma Arc) ใช้ความร้อนสูงมากๆจากการ อาร์ค  เทคโนโลยีการแปรรูปขยะเป็นนามันเชือเพลิง เช่นวิธีการ pyrolysis (การ กลั่นและการสลายตัวของสารอินทรีย์ในรูปของของแข็งที่อุณหภูมิ ประมาณ 370-870 องศาเซลเซยี ส ในภาวะไรอ้ ากาศ) ข้อดีของการผลิตไฟฟ้าจากขยะ คือ เป็นแหล่งพลังงานราคาถูก ช่วยลด ปัญหาการกาจัด ขยะแต่ก็มีข้อจากัดเช่น โรงไฟฟ้าขยะมักได้รับการต่อต้านจาก ชมุ ชนทีอ่ ยูใ่ กล้เคียง เทคโนโลยีบางชนดิ ใชเ้ งนิ ลงทุนสูง มีค่าใช้จ่ายในการจัดการ ขยะให้เหมาะสมก่อนนาไปแปรรูปเป็นพลังงาน ต้องมีเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมใน การจัดการกับฝุ่นควันและสารที่เกิดขึนจากการเผาขยะ อีกทังข้อจากัดทางด้าน การเป็นเจ้าของขยะ เช่น ผู้ลงทุนตังโรงไฟฟ้าอาจไม่ใช่เจ้าของขยะ (เทศบาล) ทาให้กระบวนการเจรจาแบง่ สรรผลประโยชนม์ คี วามลา่ ช้า โดยเชือเพลิงท่ีใช้ในโรงไฟฟ้าก็คือ แก๊สมีเทน ซ่ึงได้มาจากการย่อยสลาย ของกองขยะและสง่ิ ปฏิกูลตามธรรมชาติ ซง่ึ จะสามารถลดการปล่อยแก๊สท่ีทาให้ เกิดภาวะเรือนกระจกจากการเผา และยังสามารถลดการใช้เชือเพลิงซากดึกดา บรรพ์ (Fossil fuel) ที่จะนามาใช้ในการผลิตไฟฟ้าได้อีกด้วย โดยทางประเทศ เกาหลีใต้กล่าวว่า โรงไฟฟ้าพลังงานขยะจะสามารถลดการนาเข้านามันของ ประเทศได้เป็นจานวนมาก รวมถึงการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ กวา่ 1.37 ล้านตนั ตอ่ ปี ท่ีเมืองบัลโม ประเทศสวีเดน ไฟฟ้าที่ใช้ประมาณ 20 เปอร์เซนต์ มาจาก การเผาขยะ โรงไฟฟ้าที่ใช้ขยะเป็นเชือเพลิง จะนาขยะมาเผาบนตะแกรง ความ ร้อนท่ีเกิดขึนใช้ต้มนาในหม้อนาจนกลายเป็นไอนาเดือด ซ่ึงจะไปหมุนกังหันของ เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้า (เหมือนกับโรงไฟฟ้าอ่ืนๆ) \"ท่ีผ่านมาเรารวบรวมขยะ คัดแยก และปรับปรุงคุณภาพ เพื่อนาขยะชนิด ต่าง ๆ เข้าสู่การรีไซเคิลและนากลับมาใช้ใหม่ แต่จะมีขยะอีกจานวนท่ีไม่

สามารถรีไซเคิลได้ แต่พอมีโรงงานไฟฟ้า ปัญหาดังกล่าวหมดไป เพราะขยะต่าง ๆ จะนามาใช้เป็นเชือเพลิงขยะ (refuse derived fuel) ที่ผ่านการปรับปรุง คุณภาพ ให้เกิดค่าความร้อนสูง นับเป็นการสารองพลังงานไว้ใช้ ซึ่งหัวใจหลัก ของพลังงานสะอาดอยู่ที่ความสามารถในการรวบรวมไว้แบบประหยัดและ ปรับปรุงคุณภาพให้ได้ความร้อนท่ีนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากนันเข้าสู่ การปรับปรุงคุณภาพ เพ่ือนามาใช้เป็นพลังงานเชือเพลิงทดแทน ท่ีมีคุณภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง ด้วยมาตรการการควบคุมมลพิษท่ีไม่ส่งผล กระทบต่อสภาพแวดล้อม ไฟฟ้าที่ได้จากเชือเพลิง RDF มีความสามารถในการ ผลิตกระแสไฟฟ้าถึง 1 เมกกะวัตต์ ซ่ึงเพียงพอต่อการใช้งานได้ในชุมชนขนาด เล็กถึง 300 หลังคาเรือน นับเป็นพลังงานสะอาดท่ีมีค่าความร้อนสูง และไม่ ส่งผลกระทบต่อสิง่ แวดลอ้ ม เตาเผาชีวมวล ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าจากขยะไม่ว่าจะจากอะไรก็ แล้วแต่ มันต้องใช้เตาเผาระบบปิดซงึ่ ก็มีหลากหลายแบบซ่งึ ขึนกับการออกแบบ ให้สอดคล้องกับวัตถุดิบที่จะนาไปเข้าเตา เพ่ือท่ีจะได้ควบคุมปริมาณแก๊สที่ได้ จากการเผาในอณุ หภมู สิ ูง โดยแกส๊ ท่ีผลิตไดเ้ ราเรียกรวมๆกนั ว่าแกส๊ ชวี มวล หรือ ซินแก๊ส โดยท่วั ไปในการผลิต Syngas เราจะได้แก๊สมีเทน, คาร์บอนไดออกไซด์, ไฮโดรเจน, คาร์บอนมอนอกไซด์ รวมไปถึงนาด้วย ตามหลักการสันดาปแล้วใน การเผาไหม้อะไรก็แลว้ แตจ่ ะจาแนกไดเ้ ป็นสองแบบคือ สันดาปแบบสมบูรณ์ กับ ไม่สมบูรณ์ ใช่ไหมครับ ซึ่งในการเผาไหม้จะออกมารูปไหนก็แล้วแต่ปริมาณ ออกซเิ จน (ก๊าซช่วยให้ไฟติด) ถ้ามีมากเกินพอจะได้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ ถ้ามนี อ้ ยเราก็จะไดก้ ๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ออกมาด้วย  พลงั งานจากสาหร่าย เม่ือเปรียบเทียบนามันท่ีสกัดจากสาหร่ายกับนามันจากปาล์ม จะพบว่า สาหร่ายสามารถผลิตนามันได้มากกว่าปาล์มถึง 100 เท่า ส่วนกากสาหร่ายที่ เหลือจากการสกัดนามัน ยังสามารถแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ที่มีโปรตีนสูงได้อีก ด้วย พลังงานจากสาหร่ายจึงเป็นอนาคตของพลังงานท่ีน่าสนใจ และปลอดภัย กบั โลกของเรา[5]

ข้อมลู ทัว่ ไป  ในปี 2550 ท่ัวโลก มีการการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 240 GW เพ่ิมขึน 50% จากปี 2547 หรือ 3.4% ของการผลิตไฟฟ้าทังหมด หรือ ประมาณ 1 ใน 4 ของไฟฟา้ พลังนวิ เคลยี ร์ ในจานวนนี เปน็ พลงั งานลมมาก ที่สุด 95 GW[6] ในปี 2555 มีการติดตังพลังงานลมรวม 282 GW โดยมี อัตราการเตบิ โตเฉลยี่ 20% ต่อปี  เทคโนโลยีในการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนที่เติบโตเร็วท่ีสุด ในโลก คือ ไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เติบโตถึง 50% ตอ่ ปี ในปี 2550 มเี ซลล์แสงอาทิตย์ ติดตังบนหลงั คาบ้านถงึ 1.5 ล้านหลงั  ในปี 2563 ประเทศไทยมีโรงงานไฟฟา้ ชีวมวล 218 แห่ง การใช้เชิงพาณิชย์ การเจรญิ เตบิ โตของพลงั งานหมุนเวียน ปลายปี 2004 กาลังการผลิตพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนเพ่ิมมากขึน 10-60 % ต่อปี โดยเฉพาะพลังงานลม และพลังงานหมุนเวียนอื่น ในปี 2009 การใชัพลังงานเหล่านีสูงกว่า 4 ปีที่ผ่านมา โดยท่ีพลังงานมีอัตราการใชังานมา กกว่าพลังงานทดแทนอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานหมุนเวียนเฉลี่ย เพิ่มขึน 60% ต่อปี ในปี 2010 พลังงานหมุนเวียนถูกนามาใช้ในการผลิต กระแสไฟฟ้าประมาณ 1 ใน 3 ของการสรา้ งโรงไฟฟา้ ใหม่ ปจั จบุ ันนักวทิ ยาศาสตร์ได้พฒั นาความสามารถในการใชัพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลม พลังงานนา และพลังงานแสงอาทิตย์ ให้สามารถใช้ได้ 100% ในปี 2030 ตามการประมาณการใชัพลังงาน ในปี 2011 ของสานักงานพลังงาน ระหว่างประเทศ การใชัพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์อาจเป็นพลังงานหลัก ในการผลิตกระแสไฟฟ้าของโลกในอีก 50 ปีข้างหน้า ลดการปล่อยก๊าซเรือน กระจกทอี่ ัตรายต่อส่ิงแวดลอ้ ม



แหลง่ ท่มี า https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0% B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%94% E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook