ห้องสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกุมาร”ี อาเภอวงั ทรายพูน ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอวงั ทรายพนู สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวดั พจิ ติ ร
กัญชง กัญชง หรือเฮมพ์ มีช่ือทางพฤกษศาสตร์เดียวกับกัญชา (อาจเป็นเหตุผลท่ีหลายคน เข้าใจผิดคิดว่าเป็นชนิดเดียวกัน) Cannabis sativa L อันเน่ืองมาจากมีต้นกาเนิดเดียวกัน โดยจัดเป็นพืชด้ังเดิมท่ีอยู่ทางเขตอบอุ่นของทวีปเอเชีย กระจายพันธ์ุเป็นวงกว้างอยู่บริเวณ ตอนกลางของทวีป ไล่เรียงตั้งแต่แถบทะเลสาบแคสเปียนถึงเทือกเขาหิมาลัย ค่อนไปทาง ตะวันตกของไซบเี รยี ก่อนจะกระจายมาถงึ ประเทศไทย ชนเผา่ ต่าง ๆ ในทส่ี ุด พืชชนิดน้ีเติบโตง่าย ไม่ต้องการน้ามาก สภาพอุณหภูมิแบบไหนก็เติบโตได้ดีหมด ไม่ ต้องบารุงใส่ปุ๋ญให้วุ่นวาย แถมยังเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อมด้วย ด้านลักษณะของลาต้นจะมี ความสงู มากกว่า 2 เมตร แตกก่งิ นอ้ ย ขอ้ เป็นปล้อง ผลทีเ่ ป็นเมล็ดมีความแห้งเทา คล้ายรูปไข่ ดอกออกเป็นช่อตามปลายยอดและซอกใบ มีใบสีเขียวอ่อน หรืออมเหลือง แตกแฉก 7 – 11 แฉก เรยี งตวั หา่ ง ไม่มีสารกระตนุ้ ประสาทเหมอื นกญั ชา สรรพคุณของกัญชงทีค่ วรรูจ้ ัก สรรพคุณของพืชเศรษฐกิจ “กัญชง” เรื่องแรกคือ ทาให้นอนหลับพักผ่อนได้ง่ายข้ึน เกิดอาการเคล้ิมฝัน ระงับอาการเจ็บปวด ช่วยยับยั้งการจับตัวของเกร็ดเลือด เพราะมีสาร CBD (Cannabidiol) สรรพคุณเหมอื นยาแกอ้ ักเสบ หรือยาปฏชิ ีวนะตา่ ง แตแ่ ม้ว่าพชื ชนดิ นีจ้ ะ มีสาร THC หรือ (Tetrahydrocannabinol) เหมือนกับกัญชา แต่เมื่อเปรียบเทียบด้าน ปริมาณแล้วมีน้อยกว่ามาก หรืออาจแทบไม่มีเลยก็ได้ จึงช่วยเสริมความเคลิบเคลิ้ม พักผ่อน
สบาย ผ่อนคลายมากขึน้ สว่ นใบสามารถใชเ้ ป็นยาบารงุ เลือดได้ ช่วยคลายกลา้ มเน้อื รกั ษาโรค เกาต์ หรอื เจบ็ ปวดขอ้ กระดูก ในอดีตใช้รักษาโรคบดิ โรคทอ้ งรว่ ง ประโยชน์ของกญั ชงสง่ิ จาเปน็ ที่ไม่อาจมองข้าม ประโยชน์ของกัญชงที่กาลงั จะบอกตอ่ ไปน้ี จัดวา่ ใช้ได้ทกุ สว่ นเลยจรงิ ๆ แบง่ ออกเปน็ 8 อยา่ งหลกั ๆ ดังตอ่ ไปนี้ 1. นามันจากเมล็ด น้ามันที่ได้จากเมล็ดสามารถนาไปทาประโยชน์ได้ ต้ังแต่น้ายาซักแห้ง, ครีมกันแดด, เครอ่ื งสาอาง, สบ,ู่ แชมพู, โลช่นั บารุงผิว, ลปิ บาล์ม, ลิปสติก, นา้ มันเช้อื เพลงิ , แผน่ มาสกห์ น้า ฯลฯ นอกจากนี้ยังถูกนาไปสกัดเป็นครีมน้ามันกัญชงช่วยบารุงผิวที่แห้งให้เกิดความชุ่มช้ืน รักษาโรคสะเก็ดเงิน โรคผวิ หนังแห้งแตก ลดอาการคัน ได้ผลลพั ธด์ ี 2. ส่วนของเมลด็ ใครท่ีไม่ได้เอาน้ามันจากเมล็ดก็สามารถนาเมล็ดท่ีได้ไปให้อาหารนก หรือแม้แต่คนก็ รับประทานได้เช่นกัน กลายเป็นน้ามันจากโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9 นอกจากน้ี ยงั มีกลมุ่ วิตามินดีทีช่ ่วยป้องกันโรคหวั ใจ โรคหลอดเลือด ลดความเส่ยี งเกดิ มะเร็ง รวมถึงมีสาร linoleic acid, alpha- และ gamma-linolenic acid 3. โปรตีนในเมลด็ นอกจากเรอ่ื งของตัวน้ามัน หรือเมล็ดโดยตรงแล้ว กัญชงยังมีประโยชน์ที่ได้จากโปรตีน ในเมล็ดอีกด้วย ซึ่งมีอยู่ในปริมาณที่สูงมาก จะช่วยนาไปแปรรูปทาเป็นของคาวหวานเพื่อ รับประทานได้หลากหลาย เช่น นม ไอศกรีม เนย ชีส น้ามันสลัด เต้าหู้ โปรตีนเกษตร อาหาร เสริม อาหารวา่ ง ฯลฯ หรือเอาไปแปรรปู เปน็ แปง้ แทนถ่ัวเหลอื งกไ็ ด้ 4. เปลอื กจากลาต้น เปลือกทไ่ี ด้จากลาตน้ น้ันสามารถนาไปทาเป็นเชือก หรือเส้นด้ายเพ่ือใช้ในการถักทอทา เครอื่ งนุง่ หม่ , ผา้ หม่ , ผา้ คลมุ ฯลฯ ได้เปน็ อย่างดี หรอื ใช้ทาพิธกี รรมตา่ ง ๆ เปน็ ด้ายสายสิญจน์ รองเท้าคนที่ล่วงลับเพื่อเปิดทางนาไปสู่สวรรค์ พิธีเข้าทรง หรืออัวเน้งท่ีชาวม้งให้ความสาคัญ เป็นตน้ 5. เนอื และแกนของลาต้น เนื้อไม้สามารถลอกเปลือกออกแล้วนาไปผลิตเป็นกระดาษได้ ในส่วนของแกนลาต้นมี ความพเิ ศษตรงทสี่ ามารถดูดซับกล่ิน นา้ มนั หรือนา้ ได้คอ่ นขา้ งดี แม้ในประเทศไทยเราจะยังไม่ มี แต่ในต่างประเทศพบว่านาแกนลาต้นไปผลิตเป็นพลังงานชีวมวล เช่น ถ่านไม้ แอลกอฮอล์ เอทานอล เมทานอล ฯลฯ รวมถงึ นาไปผลติ เปน็ ส่งิ ประดับตกแต่งเฟอรน์ ิเจอร์ อาคาร
6. ใบ และเสน้ ใย สุดท้ายเป็นเร่ืองของใบกัญชงสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้เยอะ ไม่ว่าจะเป็น ยารักษา โรค, อาหาร, แปรรูปเป็นใบชาเพ่ือสุขภาพ, นาผงไปชงด่ืม, เป็นอาหารเสริม, ทาไวน์, เบียร์, เส้นพาสต้า, ขนมปัง, คุกก้ี, ซอสปรุงรสจิ้มอาหาร รวมถึงเป็นส่วนประกอบเคร่ืองสาอางที่จะ ช่วยให้ผิวมีความชมุ่ ชืน้ ใครผิวบอบบาง แพ้ง่ายต้องใช้เลย ส่วนเส้นในตามความเช่ือจัดว่าเป็น มงคลมาก มีความเหนียว นุ่ม ชาวญ่ีปุ่นส่วนใหญ่นาไปถักตัดกิโมโนด้วยความทนทานนับ 100 ปกี ย็ งั สภาพดอี ยู่ ทผี่ ่านมามีกฎหมายในการใช้งานหลายฉบับ ต้ังแต่ พ.ศ. 2522 ที่กาหนดเป็นพืชเสพติด ประเภท 5 ปี พ.ศ. 2547 สามารถศึกษาและส่งเสริมให้ชาวไทยภูเขาปลูกได้ นอกจากใช้ ครวั เรอื น ก็ใช้ทดลองในมลู นิธโิ ครงการหลวง ปี พ.ศ. 2548 เพ่ิมเปน็ พ้ืนท่นี ารอ่ ง 5 ปี บนพ้ืนท่ี สูงภาคเหนือร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาพืชชนิดน้ีโดยคณะรัฐมนตรี อย่างไรก็ดี กัญชงเป็นพืช เศรษฐกจิ ทเี่ พง่ิ ได้รบั การยอมรับใหส้ ามารถปลูกไดท้ กุ วตั ถุประสงค์ โดยประชาชนสามารถปลูก ในระดับครัวเรือนที่ต้องไม่เกิน 1 ไร่ เป็นไปตามที่กฎหมายจาก อย. หรือสานักงาน คณะกรรมการอาหารและยาออกมาตรการกากับดแู ล พ.ศ. 2564 ประโยชนข์ องกญั ชงในด้านต่าง ๆ 1. เปลอื กจากลาต้นใหเ้ ส้นใยเพือ่ นาไปใชท้ าเป็นเส้นด้ายและเชือก ใช้สาหรับการทอผ้า ทาเครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ นอกจากนี้ยังใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ และใช้เป็นรองเท้าของคนตายเพื่อ เดินทางไปสู่สวรรค์ ใช้ทาเป็นด้ายสายสิญจน์ในพิธีกรรมต่าง ๆ และใช้ในพิธีอัวเน้งหรือพิธี เข้าทรง ซึ่งเป็นงานประเพณสี าคญั ของชาวมง้ 2. เนอ้ื ของลาตน้ ทล่ี อกเปลือกออกแลว้ สามารถนามาผลติ เปน็ กระดาษได้ 3. แกนของต้นกัญชงจะมคี ณุ สมบัตใิ นการดูดซับกลิน่ นา้ หรือน้ามนั ได้ดี ในต่างประเทศ นิยมนาไปผลิตเป็นพลังงานชีวมวลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถ่านไม้, Alcohol, Ethanol, Methanol นอกจากนี้แกนกัญชงยังถูกนาไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เพ่ือการตกแต่งอาคารและ เฟอรน์ เิ จอร์ 4. เมล็ดใช้เป็นอาหารของคนและนก เมล็ดกัญชงท่ีเก็บได้สามารถนามาสกัดเอาน้ามัน มาใช้ในการปรุงอาหารได้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ในน้ามันจากเมล็ดน้ันมีโอเมก้า 3 สูงมาก นอกจากนี้ยังมีโอเมก้า 6, โอเมก้า 9, linoleic acid, alpha- และ gamma-linolenic acid และสารในกล่มุ วติ ามนิ เช่น วติ ามินอี ซ่ึงเม่ือบรโิ ภคแล้วจะมปี ระโยชนต์ ่อการป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลอื ด และชว่ ยลดการเกดิ โรคมะเร็งในร่างกายได้
5. น้ามันจากเมล็ดสามารถไปผลิตเป็นน้ามันซักแห้ง ทาสบู่ เครื่องสาอาง ครีมกันแดด แชมพู สบู่ โลชั่นบารุงผิว ลิปสติก ลิปบาล์ม หรือแม้กระท่ังเป็นน้ามันเช้ือเพลิง และถูกพัฒนา เป็นตารับครีมน้ามันกัญชงท่ีให้ความชุ่มชื้นและช่วยบารุงผิวแห้งเพ่ือรักษาโรคผิวแห้งคันและ สะเก็ดเงนิ ทไี่ ดผ้ ลดี 6. เมล็ดนอกจากจะให้นา้ มันแล้ว ยงั พบว่ามโี ปรตีนสูงมากอีกด้วย โดยสามารถนามาใช้ ในการทาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น เนย ชีส เต้าหู้ โปรตีนเกษตร นม ไอศกรีม น้ามัน สลัด อาหารว่าง อาหารเสริม ฯลฯ หรือผลิตเป็นแป้งทดแทนถั่วเหลืองได้เป็นอย่างดี ซ่ึงใน อนาคตอาจใชเ้ ปน็ ทางเลือกในการบรโิ ภคแทนถ่วั เหลอื งซง่ึ เป็นพืช GMOs ได้ 7. ในส่วนของใบก็สามารถนาไปใช้ทาประโยชน์ได้หลายอย่าง ต้ังแต่เป็นอาหาร ยา รักษาโรค เคร่ืองสาอาง รวมไปถึงการนาใบมาเป็นชาเพ่ือสุขภาพ นามาเป็นผงผสมกับ สารอาหารอ่นื ๆ เพ่อื ผลิตเปน็ อาหารเสริม ผลิตเปน็ อาหารโดยตรงอย่างเส้นพาสต้า คุกกี้ หรือ ขนมปัง ใช้ทาเบียร์ ไวน์ ซอสจิ้มอาหารต่าง ๆ และยังใช้ประโยชน์โดยนามาสกัดเป็นน้ามัน หอมระเหยเพอ่ื ใชใ้ นอุตสาหกรรมเคร่ืองสาอางท่ีมีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวพรรณ ทาให้ผิวชุ่มชื้น เหมาะกบั ผวิ แพง้ ่าย ผวิ บอบบาง 8. ในประเทศญ่ีป่นุ มกี ารปลูกต้นกญั ชงเพอ่ื กาจัดกัมมนั ตภาพรังสีให้สลายตัวท่ีจังหวัดฟู กูชิมะ และสารกัมมันตภาพรังสีรั่วจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ท่ีระเบิดจากสึนามิ ซึมลงดินจน ไม่สามารถทาการเกษตรได้ 9. กัญชงจัดเป็นเส้นใยมงคลท่ีชาวญี่ปุ่นนิยมนามาตัดกิโมโน เพราะเป็นผ้าท่ีมีความ ทนทานนบั ร้อยปี
กัญชา ถิ่นกาเนิดกญั ชา กญั ชา เป็นพืชดง้ั เดิมท่ีมอี ยมู่ ากในท่ัวโลกซงึ่ ข้นึ อยู่ในเขตอบอนุ่ ของทวปี เอเชียและยโู รป จากการสันนิษฐานว่ามีการกระจายพันธุ์เป็นบริเวณกว้างอยู่ทางตอนกลางของทวีป ต้ังแต่ ทะเลสาบแคสเปียนจนถึงทางตอนใต้ของเทือกเขาหิมาลัยและทางตะวันตกของไซบีเรีย เป็น พืชท่ีได้รับการบันทึกไว้ในเอกสารเก่าโบราณหลายเล่มว่ามีการปลูกเพื่อใช้ประโยชน์เป็นพืช เส้นใยและปลูกเป็นพืชเสพติดมาแต่ดึกดาบรรพ์ ในประเทศจีนมีการใช้เส้นใยเพ่ือถักทอมา ตั้งแต่ 5,000-4,000 ปีก่อนคริสตกาล ต่อมาในศตวรรษแรก จึงมีการพัฒนาการใช้ประโยชน์ จากเส้นใยมาทากระดาษ ในประเทศยุโรป มีการใช้ประโยชน์จากพืชกัญชามาต้ังแต่ 700 ปี ก่อนคริสตศักราช ส่วนใหญ่ใช้ทาเป็นเชือกเพ่ือการล่าสัตว์ ในช่วงศตวรรษที่ 14 ถึงศตวรรษท่ี 15 ในประเทศอิตาลีมีการปลูกพืชกัญชากันมากเพ่ือนาเส้นใยมาทาเชือกใช้ในเรือเดินทะเล เนอ่ื งจากมคี วามเหนียวและทน นอกจากน้ี พบวา่ มีการปลูกพชื กัญชากระจายไปทัง้ ในอเมรกิ า เหนือและอเมริกาใต้อีกดว้ ย สว่ นประเทศไทยก็มปี ระวัตศิ าสตรเ์ กา่ แกพ่ บวา่ มีการใช้กัญชาช่วงต้นรัตนโกสินทร์โดยมี ภาพจิตรกรรมฝาผนังจากวัดพระแก้วจารึกไว้สาหรับในประเทศไทยปลูกมากตามแนวเขาใน
ภาคเหนือ แม้จะได้มีการใช้กัญชาเป็นยามาแต่โบราณมากกว่า 3,000 ปี แต่กัญชาก็จัดเป็นยา เสพตดิ ทาให้เป็นพชื ตอ้ งหา้ ม ในประเทศไทยการปลูกและใชก้ ญั ชาเปน็ สงิ่ ผดิ กฎหมาย ในอดีตชาวเขาเผ่าต่างๆ ทางภาคเหนือของไทยมีการใช้เส้นใยจากลาต้นของต้นกัญชา เพศผู้ โดยใชเ้ ส้นใยจากลาต้นทอี่ อกดอกใหม่ มอี ายุระหวา่ ง 3-4 เดือน เน่ืองจากเป็นช่วงที่เส้น ใยมีความเหนียว เบาและเป็นสขี าวเหมาะสาหรบั การใช้เปน็ เสน้ ใยทอผา้ อีกด้วย ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ ของกัญชา กัญชาเป็นพืชประเภทป่านและปอ ซ่ึงมีเส้นใยเหนียวมาก ในอดีตจึงนิยมใช้ในการทา ประโยชน์ด้านการทาเป็นเชือกรัดต่าง ๆ เช่น เชือกในการเดินเร่ืองทอเป็นเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ ตา่ ง ๆ รวมไปถึง ถูกนาไปผสมกบั อาหารเพื่อช่วยกระต้นุ ให้เจริญอาหาร นอกจากน้ีในปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยว่า เส้นใยจากกัญชาร้อยละ 80 เป็นเซลลูโลสซ่ึง ย่อยสลายได้ง่าย ไม่เกิดพิษภัย ลาต้นสามารถใช้ทากระดาษสังเคราะห์ได้ดีกว่ากระดาษที่ทา จากไม้ยืนต้นจึงสามารถนามาใช้ทากระดาษแทนต้นไม้ได้เพราะ กัญชาเป็นพืชที่มีวงชีวิตเพียง 120 วัน สามารถท่ีจะปลูกได้ 10 ตันต่อพื้นท่ี 1 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ = 2 ไร่) ภายในเวลา 4 เดือน ปลูกได้เร็วกว่าฝ้าย 4 เท่า ได้น้าหนักมากกว่าฝ้าย 3 เท่า สหรัฐอเมริกาพบว่ากัญชา สามารถปลูกและนามาทากระดาษได้มากเป็น 4 เท่าของการทาไม้ยืนต้นนอกจากน้ีการทา กระดาษจากต้นกัญชาไม่ต้องใช้คลอรีนเหมือนการทาจากไม้ ซึ่งทาให้เกิดสารไดออกซิน นอกจากนั้นเสน้ ใยของต้นกัญชาใชท้ ากระดาษไดด้ ีกว่าไมม้ าก ส่วนในด้านสรรพคุณทางยานั้น สรรพคุณทางการแพทย์แผนโบราณระบุว่า ช่อดอก ตัวเมีย บารุงประสาท แก้ปวดประสาท ทาให้เคล้ิมฝันเมล็ด ชูกาลัง เจริญอาหาร ทาให้
ประจาเดือนมาตามปกติ แต่หากกินมาก อาจทาให้เกิดอาการหวาดกลัวหมดสติทั้งต้น บารุง ประสาท เจรญิ อาหาร ทาใหป้ ระจาเดอื นมาตามปกติ ในตาราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ มีตารับยาไทยท่ีเข้ากัญชา จานวน 11 ตารับ มาจาก พระคมั ภีร์ต่าง ๆ ตวั อยา่ งเช่น พระคัมภรี ์ปฐมจินดาร์ พระคัมภีรส์ รรพคุณ (แลมหาพกิ ดั ) ในตาราพระโอสถพระนารายณ์ มีตารับยาไทยที่เข้ากัญชา จานวน 3 ตารับ โดยพบ ตารับยาท่ีเขา้ กัญชาโดยมีกัญชาเป็นส่วนประกอบหลัก จานวน 2 ตารับ ได้แก่ ตารับยาที่ช่ือว่า ยาทิพกาศ ซึ่งมีส่วนประกอบหลักเป็นใบกัญชาถึง 16 ส่วน และตารับยาศุขไสยาศน์ มีส่วนประกอบหลกั เป็นใบกญั ชาถึง 12 ส่วน ส่วนทางการแพทย์แผนปัจจุบันได้มีผลการศึกษาวิจัยหลายช้ิน ระบุว่า ผลการศึกษา ในระดับพรีคลินิก พบว่าสารกลุ่ม cannabinoids มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายด้าน ฤทธ์ิที่ สาคัญไดแ้ ก่ต้านมะเร็ง ต้านการอาเจยี น กระตุ้นความอยากอาหาร แกป้ วด กาจัดความกระวน กระวายและทาให้นอนหลับ ส่วนงานวิจัยทางคลินิกที่เก่ียวกับกัญชาและสารกลุ่ม cannabinoids มีรายงานว่า THC มีฤทธ์ิต้านมะเร็งสมองท่ีเรียกว่า Glioblastoma การให้ CBD สามารถลดการกลับมาเปน็ มะเรง็ ชนดิ นีไ้ ด้ รวมไปถงึ โรคพาร์กินสัน จากงานวิจัยพบว่า สารสกัดจากกัญชา ที่เรียกว่า Cannabidiol (CBD) หรือการใช้ยา Nabilone ช่วยให้ผู้ป่วย มีอาการเจ็บปวดน้อยลง อาการส่ังลดลง และขยับตัว ได้ดขี ้นึ โรคลมชกั การใช้สารสกดั นา้ มนั กัญชา (Cannabis Extracts) หรอื การใช้สารสกัดจาก กัญชาที่เรียกว่า Cannabidiol (CBD) ช่วยให้ผู้ป่วย มีอาการชักลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และมีความถึงเครยี ดลดลง งานวจิ ัยยงั พบวา่ ผู้ปว่ ยมีความทรงจาที่ดีข้ึน มีสมาธิและจดจ่อกับ ส่ิงต่าง ๆ ได้ดีขึ้น สมองมีการพัฒนามากขึ้น สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ดีข้ึน และนานหลับได้ ง่ายข้ึน งานวิจัยยังพบอีกว่า การใช้สารสกัดน้ามันกัญชา ไม่มีผลข้างเคียงอื่น ๆ กับผู้ป่วยโรค ลมชัก โรคมะเร็ง จากการศึกษาวิจัยได้ช้ีให้เห็นว่า ผู้ป่วยท่ีเป็นโรคมะเร็งและได้รับ ผลข้างเคียง จากทาเคมีบาบัดสารสกัดจากกัญชา สามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดอาการปวดและเพิ่มความอยากอาหาร และเพ่ิมน้าหนักตัวให้ผู้ป่วย และทาให้ผู้ป่วยนอน หลับได้ง่ายขึ้น แม้ในขณะน้ีจะไม่มีการทดลองแบบควบคุมทางมในมนุษย์ แต่ผลการวิจัยใน สัตวท์ ดลองก็แสดงให้เห็นว่า สารสกดั จากกัญชามฤี ทธ์ิ ยบั ยัง้ และทาลายเซลล์มะเร็งได้ อีกทั้ง ยังมีการศึกษาวิจัยแบบเปิด ที่สอบถามจากกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง และได้ผลวิจัยว่าสารสกัด กญั ชา มีประสิทธภิ าพอยา่ งมากในผู้ปว่ ยบางกลมุ่
โรคอัลไซเมอร์ จากงานวิจัยพบว่าการใช้สารสกัดน้ามันกัญชา (Cannabis Extracts) หรือการใช้ยา Nabilone ช่วยให้มีอาการต่าง ๆ เหล่าน้ีลดลง เช่น อาการหลงผิด อาการเฉย เมยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ทั้งนี้ผู้ป่วยยังสามารถรับประทานอาหารได้ดีข้ึน โกรฑหงุดหงิดง่าย นอ้ ยลงอีกทัง้ ยัง ทาใหผ้ ดู้ ูแลมสี ขุ ภาพจติ ทีด่ ีขึน้ ด้วย ร ะ งั บ อ า ก า ร ป ว ด จ า ก ง า น วิ จั ย พ บ ว่ า ร ะ ดั บ ค ว า ม เ ข้ ม ข้ น ข อ ง ส า ร tetrahydrocannabinol (THC) มีผลอย่างมีนัยสาคัญ กับการระงับอาการปวด ไม่มีจะเป็น การปวดจากการบาดเจบ็ ทกี่ ระดูกสันหลังหรอื อาการปวดทเ่ี ป็นผลข้างเคยี งจากโรคอื่น ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคพาร์กินสัน และโรคปลอกประสาทอักเสบ จากการศึกษา ที่กลุ่มเปรียบเทียบ ได้รับสารเลียบแบบไม่ออกฤทธิ์ (double – blind placebo – controlled) พบว่าผู้ที่ได้รับ สารสกดั จากกัญชา มอี าการเจบ็ ปวดลดลงอย่างชดั เจน โรคปลอกประสาทอักเสบ จากงานวิจัยพบว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคปลอกประสาทอักเสบ เม่ือได้รับสารสกัดจากกัญชา หรือตัวยา Sativex®สามารถช่วยลดอาการปวดเส้นประสาท อาการเกรง็ ของกล้ามเน้ือ อาการหดตวั ของกลา้ มเนือ้ และภาวะกล้ามเนอ้ื เสียสหการ (Ataxia) หรืออาการเซ
รปู แบบและขนาดวิธีใชก้ ัญชา เนอ่ื งจากในประเทศไทยกญั ชายังเป็นพืช และ ยาเสพตดิ ตามกฎหมายอยู่ จึงทาให้เป็น พืชต้องห้ามในการปลูกและการใช้ แต่ในต่างประเทศ (ท่ีกัญชาถูกกฎหมาย) มีผลิตภัณฑ์ที่ เกีย่ วข้องกบั กญั ชาในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ รูปแบบยาพ่นในช่องปาก การพน่ ยาแต่ละครั้งจะมียา THC : CBD ในอัตราส่วนประมาณ 1:1 ใช้ลดอาการปวด neuropathic pain ในผู้ป่วย multiple sclerosis, ผู้ป่วยมะเร็งรูปแบบยาแคปซูล ใน 1 แคปซูลประกอบด้วยยา Dronabinol 2.5, 5 และ 10 mg ซ่ึงเป็น synthetic delta-9 THC ใช้ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็ง กระตุ้นความยากอาหารในผู้ป่วย เอดส์ และลดอาการปวด neuropathic pain ในผู้ป่วย multiple sclerosis รูปแบบยาแคปซูล ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย Nabilone 1 mg เป็นสารสังเคราะห์ที่มีความใกล้เคียงกับ THC ใช้ลดอาการ คล่ืนไส้อาเจียนในผปู้ ว่ ยมะเร็ง ลกั ษณะท่วั ไปกัญชา ลักษณะของพชื กัญชา เปน็ พืชล้มลุกมีอายุได้แค่เพียงปีเดยี ว มีลักษณะสาคญั ดงั น้ี สว่ นของราก : เป็นระบบรากแกว้ (Tap root system) มรี ากแขนงจานวนมาก ส่วนของลาต้น : พบว่าลาตน้ ตง้ั ตรง สเี ขียว สูงประมาณ 1-3เมตร มลี ักษณะอวบน้าเม่ือ เป็นตน้ กล้า เริ่มมกี ารสรา้ งเนือ้ ไม้เมอื่ เจรญิ ได้ 2-3 สัปดาห์ การเจริญเตบิ โตของต้นจะชา้ ในชว่ ง 6 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นจะเพ่ิมความสูงอย่างรวดเร็ว จนมีความสูงเฉล่ียคงที่ คือ ประมาณ 200ซม. เนื่องจากมีการออกดอก เปลือกของลาต้นสามารถลอกออกเพื่อใช้ประโยชน์จากเส้น ใย โดยเปลือกนอก (primary bast fibers) ให้เส้นใยท่ียาว เหนียว แต่ค่อนข้างหยาบ ส่วน เปลอื กในทต่ี ดิ กบั เนือ้ ไม้ (secondary bast fibers) ใหเ้ สน้ ใยทล่ี ะเอยี ดกวา่ แตส่ นั้ กว่า สว่ ยของใบ : เปน็ ใบเดีย่ ว รูปฝ่ามอื ออกเรยี งตรงขา้ ม ลักษณะของใบแตกออกเป็นแฉก ๆ ประมาณ 5-8 แฉก แตล่ ะแฉกเปน็ รปู ยาวรี ปลายและโคนสอบ ส่วนขอบใบทุกแฉกเป็นหยัก แบบฟันเลื่อย มีขนาดกว้างประมาณ 0.3-1.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร ลักษณะของใบโดยรวมจะคล้าย ๆ กับใบละหุ่ง ใบฝ่ินต้น และใบมันสาปะหลัง ผิวใบด้านบน เป็นสีเขียวเข้ม ส่วนด้านล่างท้องใบมีสีเทาอ่อนเล็กน้อย มีขนต่อมกระจายท่ัวผิวใบด้านบน ส่วนด้านล่างมีขนออ่ นนาบไปกับแผ่นใบ ก้านใบยาวประมาณ 4-15 เซนติเมตร ในก้านหนึ่งจะ มใี บเดี่ยว 3-11 ใบ มกี ล่นิ เหมน็ เขียว ส่วนของดอก : มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่มีดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่ในต้นเดียวกัน (monoecious) และชนิดดอกเพศผูแ้ ละเพศเมียแยกกันอยู่คนละต้น (dioecious) ในประเทศ
ไทยพบว่าพืชกญั ชามีดอกเพศผู้และดอกเพศเมยี อยตู่ ่างตน้ กัน ออกดอกเป็นชอ่ ตามซอกใบและ ปลายยอด โดยปกติพชื กญั ชาจะมีการตดิ ดอกและเมล็ดในช่วง 90-120 วันดอกเพศผู้ : ชอ่ ดอก เพศผูเ้ ป็นแบบ panicle ประกอบไปดว้ ยกลบี เลย้ี ง 5 กลบี แยกกนั เป็นอสิ ระมสี เี ขียวอมเหลือง พบเกสรเพศผู้ 5 อัน ระยะเวลาการบานประมาณ 2 เดือนดอกเพศเมีย : เกิดตามซอกใบและ ปลายยอด ในบริเวณช่อดอกจะอัดตัวกันแน่น ช่อดอกเป็นแบบ spike ประกอบด้วยกลีบเล้ียง สีเขียวเข้มห่อหุ้มรังไข่ไว้ ภายในมี stigma 2 อัน สีน้าตาลแดง อายุของดอกค่อนข้างส้ัน ประมาณ 3-4 สัปดาห์กจ็ ะติดผล ส่วนของเมล็ด : เป็นเมล็ดเด่ียว รูปไข่ป้อมผิวเรียบเป็นมันมีลายประดับสีน้าตาล เมื่อ แหง้ มีสีเทา ขนาดประมาณ 3-4 มม. มีน้าหนักเฉล่ีย 8-24 กรัมต่อเมล็ด 1000 เมล็ด เมล็ดจะ ออกประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ หลังออกดอก ทัง้ นี้ กัญชง และ กัญชา เป็นพืชคนละชนิด แต่มีต้นกาเนิดมาจากพืชชนิดเดียวกัน โดย ต้นกัญชา (Marijuana) จะมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis sativa L. Subsp. indica (Lam.) E. Small & Cronquist ส่วนต้นกัญชง (Hemp) จะมีช่ือวิทยาศาสตร์ว่า Cannnabis sativa L. Subsp. sativa ซึ่งลักษณะภายนอกของพืชท้ังสองชนิดน้ี จะมีความแตกต่างกัน เพียงเล็กน้อยจนยากแกก่ ารจาแนกแตส่ ามารถจาแนกความแตกต่างตารางดงั นี้ การขยายพนั ธกุ์ ัญชา เน่ืองด้วยกฎหมายของประเทศไทยระบุว่า กัญชาเป็นพืชและยา เสพติด ทาให้เป็นพืช ต้องห้ามในการปลูกและใช้ในประเทศไทย แต่ก็มีการขออนุญาตปลูกเพ่ือใช้ศึกษาวิจัยจาก สถาบันการศึกษาต่าง ๆ หลายสถาบัน เพื่อวิจัยสาระสาคัญท่ีจะใช้ในทางการแพทย์โดยมีการ ปลกู อยู่ 2 แบบ คอื 1. การปลูกในโรงเรอื น ข้อดี ผลผลิตท่ีได้มีคุณภาพ และสม่าเสมอ วางแผนเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ท้ังปี สามารถ ควบคุมสภาพแวดล้อมและศัตรูพืชได้ ทาให้งานวิจัยมีความชัดเจนมากข้ึนเนื่องจากควบคุม ผลผลติ และควบคมุ เทคโนโลยไี ด้ ข้อเสีย ต้นทุนเร่ิมแรกมีราคาสูง และเทคโนโลยีสูง ต้นทุนการดาเนินการสูงกว่าปลูก กลางแจง้ ต้องสรา้ งแสงแดดเทยี มและระบบมีความซบั ซอ้ น 2. การปลูกนอกโรงเรือน ข้อดี ต้นทุนเริ่มแรกน้อยกว่าการปลูกในโรงเรือน ต้นทุนการดาเนินการต่า ต้นกัญชา สามารถใชแ้ สงจากจากธรรมชาติไดเ้ ตม็ ที่
ข้อเสีย ไม่สามารถควบคุมคุณภาพผลผลิตได้ อาจมีปัญหาเก่ียวกับศัตรูพืช เก็บเก่ียว ผลผลติ ได้เพยี งปลี ะครั้ง แนวทางการพัฒนาสายพันธุ์กัญชาในประเทศไทยมีการปลูกแบบ GMP เพื่อศึกษา ปรมิ าณและคณุ ภาพของสารสาคญั สาหรับทายา ข้อกาหนดของการปลกู แบบ GMP มีดงั น้ี 1. ต้องป้องกันไม่ให้มีเชื้อรา โดยควบคุมความชื้น ควบคุมวิธีการปลูกเพ่ือไม่ให้เกิดเชื้อ รา 2. ตอ้ งไมม่ ยี าฆ่าแมลง 3. ตอ้ งไม่มสี ารเคมหี รือปุ๋ยตกค้าง 4. ตอ้ งไมม่ สี ิ่งแปลกปลอมเช่นเกสรดอกไม้ แมลง ไขแ่ มลง ขนสตั ว์หรือฝ่นุ ดิน 5. ตอ้ งมีคณุ ภาพและปรมิ าณผลผลติ ทส่ี มา่ เสมอ 6. ตอ้ งควบคมุ สายพนั ธุท์ ่ีปลกู สาหรับทายามที ศิ ทางที่ชดั เจน องคป์ ระกอบทางเคมี ใน กัญชา มีสารเคมี 400 -500 ชนิด โดยช่อดอกตัวเมียจะมียาง ( Resin) ซึง่ ประกอบด้วยสารสาคญั หลักคือ phytocannabinoids ซึ่งจาเป็นต้องผ่านกระบวนการสกัด ท่ีใช้ความร้อน อุณหภูมิประมาณ 122-140 o C จึงจะได้ Cannabinoids ที่เป็นสาระสาคัญ หลักในการออกฤทธิ์ 2 ชนิด คือdelta-9-tetrahydrocannabinol (THC) และ cannabidiol (CBD) โดยตัวรับการทางานของสารกลุ่มน้ีในร่างกายเรียกว่า cannabinoid receptors (CB) ทแี่ บ่งเปน็ CB1 และ CB2 ซง่ึ CB1 พบการแสดงออกส่วนใหญ่ในประสาทส่วนกลาง และมีผล ให้ THC ออกฤทธ์ิส่วนใหญ่ในประสาทส่วนกลางสาหรับ CB2 พบในส่วนอื่น ๆและพบมากที่ เซลล์เม็ดเลือดขาวและสัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกัน สารทั้ง 2 ชนิดน้ีมีค่า Pharmacokinetics ที่ใกลเ้ คยี งกัน THC เมื่อให้ทางปากมีค่า Bioavailability ประมาณ 4-20% และเม่ือให้โดยสูด เข้าทางเดินหายใจหรือโดยการสูบมีค่า Bioavailability ประมาณ 10-69% ดังนั้นค่า Bioavailability ของกัญชาจึงข้ึนกับรูปแบบผลิตภัณฑ์ยา เช่น vaporization, smoking, capsules, transdermal, tincture และ oro-mucosal sprayนอกจากสารทั้ง 2 ชนิด ข้างต้นแล้วน้ี ยังมีสารกลุ่ม Terpenes และ Flavonoids รวมไปถึง Cannabichromene Tetrahydrocannabiviarin Cannabinol Cannabigerol
การศึกษาทางเภสัชวทิ ยา ฤทธิ์ของสารสกดั Cannabis ในการรกั ษามะเร็งการศึกษาในประเทศอิสราเอลเก่ียวกับ Cannabis extract พบว่ามีสารกลุ่ม Cannabinoids, Terpenes และ Flavonoids ซึ่ง สามารถตรวจวัดได้ด้วยเทคนิค GC-FID และ GC-MS ซึ่งเมื่อทาการศึกษาผลของ สารสกัด Cannabis extract ต่อเซลล์มะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้แก่ Breast cancer, Colon cancer, Prostate cancer และ Normal cell แสดงให้เห็นว่าวิธีการสกัด และสารสกัดจาก Cannabis ต่างสายพันธุ์กันจะให้ส่วนผสมของสารออกฤทธ์ิที่ต่างกัน ซึ่งให้ผลในการฆ่า เซลล์มะเร็งต่างชนิดกัน โดยพบว่าสารสกัดกัญชายับย้ังการลุกลามของเซลล์มะเร็ง และ ส่งเสริมใหเ้ ซลล์มะเร็งตาย นอกจากน้ีพบว่า สารสกัด Cannabis ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็ง แต่ไม่ทา อันตรายต่อเซลล์ปกติ(Normal cell) นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้น stem cell และชะลอความ ชราของเซลล์สมองจากการศึกษาการใช้สารสกัด Cannabis ในผู้ป่วยมะเร็งพบว่าผู้ป่วยต้อง ได้รับ THC ในปริมาณสูง โดยต้องได้รับสารสกัด Cannabis (มีปริมาณ THC 70-80%) 1 g ต่อวันนอกจากนี้มีการศึกษาการใช้สารสกัด Cannabis ในคนไข้มะเร็งสมอง 21 คน เป็น ระยะเวลา 1 ปี โดยแบ่งเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มท่ีได้รับ THC:CBD + ยา Temozolamide และ ยาหลอก + ยา Temozolamide โดยอัตราสว่ นท่ีใกล้เคียงกนั ของ CBD ต่อ THC ในสาร สกัด Cannabis จะช่วยลดฤทธิ์ที่มีต่อระบบประสาท พบว่ากลุ่มท่ีได้รับ THC:CBD +
ยา Temozolamide มีอัตรารอดชีวิต 83% และกลุ่มที่ได้รับ ยาหลอก + ยา Temozolamide มีอตั รารอดชีวติ 53% ผลของสาร Δ9-Tetrahydrocannabinol และ Cannabidiol จากกญั ชา กับผลต่อ ระบบประสาทและอาการวิตกกังวล สาร Δ9-tetrahydrocannabinol (Δ9-THC) และ cannabidiol (CBD) เป็นสารสาคัญในกัญชา (Cannabis sativa ) มีผลต่อระบบประสาท โดยมีรายงานว่าสารดังกล่าวสามารถรักษาอาการวิตกกังวลได้ แต่ยังไม่ทราบกลไก การ ทดสอบทางคลินิกแบบ double-blind, randomized, placebo-controlled ในอาสาสมัคร สุขภาพดีจานวน 15 คน ซ่ึงเคยใช้กัญชา ≤15 คร้ัง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ให้ รับประทานสาร Δ9-THC ขนาด 10 มก. กลุ่มท่ี 2 ให้รับประทานสาร สาร CBD ขนาด 600 มก. และกลุม่ ท่ี 3 ให้รบั ประทานยาหลอก พบวา่ สาร Δ9-THC ทาให้อาการวิตกกังวล อาการ เมา อาการทางจิต รวมท้ังภาวะง่วงเพ่ิมข้ึน แต่อาการดังกล่าวกลับลดลงในกลุ่มที่ได้รับสาร CBD พบว่าสาร CBD มีผลกระตุ้นสมองบริเวณ limbic และ paralimbic ซึ่งมีผลลดอาการ วิตกกังวล ในขณะท่ีสาร Δ9-THC มีผลกระตุ้นสมองบริเวณ frontal และ parietal ซ่ึงมีผล เพิ่มอาการวิตกกังวล ทาให้สามารถสรุปได้ว่าสารจากกัญชามีผลต่อระบบประสาท โดยสาร Δ9-THC มผี ลเพมิ่ อาการวติ กกงั วล และสาร CBD มีผลลดอาการวิตกกงั วล จากการทดลองในหอ้ งแลบ็ พบว่า cannabidiol สามารถรักษาแผลในเซลล์ลาไส้ท่ีเกิด จากอาการอักเสบของโรค Crohn’s disease ได้ เนื่องจากมันมีคุณสมบัติเป็นตัวดูดซับอนุมูล อิสระซ่ึงเป็นอันตรายต่อเซลล์ cannabidiol จึงช่วยชะลอการทางานของเซลล์ภูมิต้านทาน microglia ทอี่ าจจะถูกกระตุน้ จากอนุมลู อสิ ระมากเกินไปและทาให้เกดิ การอกั เสบมากขน้ึ โดย การทดสอบนี้เกิดขึ้นในสมองและตา จากการทดสอบในตาจึงอาจนาไปสู่การใช้ในผู้ป่วย เบาหวานทก่ี าลังจะสญู เสยี ตาได้อกี ด้วย จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์จากมาดริด ประเทศสเปน ได้พบว่าสาร THC สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งในสมอง ผิวหนัง และตับอ่อนได้ โดย THC จะทาลายกระบวนการเกิด มะเร็ง โดยเนื้อร้ายจะสร้างร่างแหเส้นเลือดข้ึนเล้ียงตนเองและป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็ง เคล่ือนย้ายไปท่ีอ่ืน จากน้ันสาร THC จะเข้าไปจับกับโปรตีนรีเซพเตอร์บนผิวเซลล์มะเร็ง กระตุ้นเซลลส์ ร้างสารประเภทไขมนั ที่เรยี กว่า “ceramide” แลว้ ทาใหเ้ ซลลท์ าลายตัวเอง โดย ไม่ส่งผลต่อเซลล์ดี และรายงานก่อนหน้าน้ียังแสดงให้เห็นว่า THC สามารถต่อสู้กับมะเร็งเต้า นมและโรคลคู เี มียได้อกี ดว้ ย นอกจากนยี้ งั มีการทดสอบกัญชากับเบาหวาน, โรคอกั เสบตามข้อ ต่อ, การอุดตันของเส้นเลือดเลี้ยงสมอง, โรคจิตเสื่อม, และโรคลมบ้าหมูอีกด้วย สาร THC
สามารถช่วยเร่งให้หนูทดลองลืมประสบการณ์ท่ีไม่ดีได้เร็ว สาหรับในคนสาร THC ท่ีอยู่ในรูป แคปซูลจะทาใหน้ อนหลับดขี ึน้ และหยุดฝนั ร้ายได้ การศึกษาทางพษิ วิทยา เมื่อมกี ารเสพกัญชาในปริมาณมาก ผลทางกายภาพต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ระบบ หลอดเลอื ดและหัวใจในคนทไ่ี ม่เคยเสพกญั ชามาก่อนจะมีชีพจรเตน้ เรว็ มากข้ึนได้ 20%-100% ในช่วง 2-3 ช่ัวโมงแรก นอกจากน้ียังมีผลทาให้หลอดเลือดส่วนปลายคลายตัวลง มีความดัน โลหิตตกเวลาเปล่ียนท่า (postural hypotension) ได้ กล้ามเน้ือหัวใจบีบตัวให้มีความทนต่อ ภาวะนีไ้ ด้ในเวลา 2-3 วนั ในคนทไี่ ม่เคยเสพบางรายหรอื คนท่ีมีโรคเก่ียวกับหลอดเลือดอยู่เดิม อาจทาให้มอี าการเจ็บแน่นหนา้ อกจากกล้ามเนอ้ื หวั ใจขาดเลือดได้ ผลตอ่ ระบบประสาท จะมีปรมิ าณเลอื ดไปเล้ยี งท่ีสมองเพ่ิมมากขน้ึ ทาให้การควบคมุ การ เคล่ือนไหวของร่างกายเลวลง แรงและความมั่นคงของมือลดลง อาจทาให้มีง่วงซึม ไม่มีสมาธิ พดู ไมช่ ดั การตอบสนองต่อส่ิงต่าง ๆ ชา้ ลง ผลต่อระบบทางเดินหายใจทาให้หลอดลมขยายตัวเฉียบพลันแบบชั่วคราว ถ้าเสพ ช่วงแรกทาใหอ้ าการของโรคหอบหดื ดขี ึน้ ในระยะยางกญั ชาทาให้มีอาการไอเรื้อรัง เสมหะมาก มีการตอบสนองของหลอดลมไวมากข้ึนได้ นอกจากนี้บุหรี่ยัดไส้กัญชายังมีองค์ประกอบท่ี เหมือนบุหรี่ทั่วไปคือีนิโคติน (tar) มากเป็น 3 เท่าของบุหรี่ทั่วไป และจะไปจับตัวที่ทางเดิน หายใจมากกว่าถงึ 1 ใน 3 นอกจากนกี้ ัญชายังเพมิ่ ความเสย่ี งของการเป็นมะเร็งทางเดินหายใจ อีกด้วย ถา้ เปน็ กัญชาทล่ี กั ลอบนาเขา้ อาจพบว่ามีการปนเป้อื นเชื้อรา aspergillus species ซึ่ง ก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่รุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีระบบภูมิคุ้มกัน บกพร่อง ผลทางพฤติกรรมและอารมณ์ ทาให้มีความรู้สึกเมากัญชาหรือที่เรียกว่า high คือมี ความรู้สึกเหมือนจิตออกจากร่างได้ ผ่อนคลายมีความสุขสบาย การรับรู้เวลาและระยะทาง บิดเบือนไปจากปกติมีประสาทสัมผัสรับรู้สิ่งเร้าต่าง ๆ ได้มากข้ึน หัวเราะมากข้ึน ช่างพูดช่าง คุยมากขึ้น คลายความกังวล ลดความตื่นตัว อาจมีซึมเศร้าได้ ผลจะแตกต่างตามขนาดของ กัญชาท่ีได้รับ ความคาดหวังของผู้เสพวิธีการเสพ สภาพสังคมแวดล้อมและบุคลิกภาพของผู้ เสพ นอกจากน้ี THC ยังกระตุ้น dopaminergic neuron สมองส่วนท่ีเกี่ยวกับ reinforce (rewarding) effects ซึ่งทาให้เกิดการติดยาส่วนอารมณ์แปรปรวน ในทางลบอาจพบได้แต่ไม่ บอ่ ย
ผลต่อสติปัญญา ทาให้มีความบกพร่องของความทรงจาระยะสั้นหรือ short-term memory ทั้งในผู้เสพระยะส้ันหรือระยะยาวทาให้สติปัญญาลดลงหรือสูญเสีย cognitive function ในผู้ที่เสพระยะยาวมคี วามสามารถในการเรยี นรทู้ ่ีลดลง สมาธสิ ้ัน กัญชาและทาให้ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ เช่นทาให้ปริมาณอสุจิลดลง การตกไข่ลดลง ประจาเดือนผิดปกติ ส่วนถ้ามีการเสพกัญชาในช่วงที่ต้ังครรภ์พบว่าทาให้เด็กมีความผิดปกติ เกี่ยวกบั ความจา การพูด กระบวนการคิดและการประมวลข้อมูลที่ได้รับของสมอง นอกจากน้ี ยังเพิ่มความชุกของการเกิดอาการส่ัน (tremor) หรือตาค้าง (staring) ในเด็กท่ีคลอดออกมา ชว่ งอายุ 1 สปั ดาหแ์ รก ผลต่อจิตประสาท ถ้าได้รับกัญชาในขนาดที่สูงในระยะส้ัน ๆ จะทาให้มีอาการกระวน กระวาย มีอาการหลอน (hallucination) มคี วามหลงผดิ (delusion) ความจาเสอ่ื ม วิตกกังวล ในระยะยาวทาให้เกดิ กลุ่มอาการที่เรียกว่า apathic syndrome ประกอบด้วยอาการเฉยเมย รสู้ ึกไม่ประสบความสาเร็จ ขาดพลงั งานในการทาสง่ิ ตา่ ง ๆ นาไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาท่ีสนับสนุนความสัมพันธ์ของการเกิดโรคจิตเภท (schizophrenia) ในผู้ป่วยท่ี เสพกัญชาอกี ด้วย พิษเฉียบพลันสาหรับผู้ได้รับกัญชาเกินขนาด (acute toxicity) การควบคุมเคลื่อนไหว ของร่างกายที่แย่ลง ความมั่นคงและแรงของมือลดลง ความดันโลหิตตกเวลาเปลี่ยนท่า (postural hypotension) ง่วงซมึ ไม่มสี มาธิ ตอบสนองช้าลง พูดไม่ชดั ตาแดงถงึ แมอ้ าการจะ ไม่รุนแรงในผูใ้ หญ่ ในเด็กทรี่ บั ประทานกญั ชาไปเพยี ง 250-1000 มลิ ลิกรมั ของ hashish ทาให้ แย่ลงได้ในระยะเวลา 30 นาที ผู้ป่วยจะมีอาการหยุดหายใจ หัวใจเต้นช้า เขียว และแขนขา อ่อนปวกเปียกได้ การติดกัญชาและการถอนยา 7%-10% ของผู้เสพกัญชาเป็นประจาจะมีภาวะติดยาทั้ง ทางกายภาพและทางพฤติกรรม ยิ่งเรม่ิ เสพกัญชาเร็วและเสพถีก่ ายภาพและทางพฤติกรรม ย่ิง เริ่มเสพกัญชาเร็วและเสพถี่เป็นประจาย่ิงเพิ่มการติดยา ส่วนอาการของการถอนยา (withdrawal syndrome) ได้แก่ อาการกระวนกระวายอยู่ไม่สุข การรับประทานอาหารและ การนอนหลับท่ีผิดปกติ นอกจากนี้ยังพบว่ามีอาการเหงื่อแตกคลื่นไส้อาเจียน น้าลายมาก สั่น นา้ หนักลด มีไขไ้ ด้ อาการทั้งหมดอาจเกิดได้แม้เพยี งหยุดการเสพตดิ ตอ่ กันเพยี ง 1 สัปดาห์
ข้อแนะนาและข้อควรระวัง 1. ในการใช้กัญชาเป็นสมุนไพรตามตาราไทยในอดีตนั้นมีการระบุว่า ในกรณีที่ รบั ประทานมากเกินไป จะทาให้เกิดอาการประสาทหลอน มีอาการชัก ตาลาย หรือกลายเป็น เสพติด 2. ในการใช้กัญชาเป็นสมุนไพรตามตาราไทยในอดีตน้ันมีการระบุว่า ผู้ชายหาก รบั ประทานมากเกินไปจะทาให้นา้ กามเคลอื่ น 3. ในการใชก้ ญั ชาเปน็ สมุนไพรตามตาราไทยในอดีตน้ันมีการระบุว่า สตรีที่รับประทาน มากเกินไปจะทาใหเ้ กิดอาการตกขาว 4. การเสพกัญชาแม้เพียงระยะสั้น ผู้เสพบางรายอาจสูญเสียความทรงจาได้ เพราะ กัญชาจะทาให้สมองและความจาเสื่อม เกิดความสับสน วิตกกังวล และหากผู้เสพเป็นผู้ที่มี อาการทางจิตด้วยแล้ว กจ็ ะมีความเส่ียงมากกว่าคนปกติท่วั ไป 5. กญั ชายังมีฤทธิท์ าลายความรสู้ กึ ทางเพศ ทาให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในชาย ลดลง ทาให้ปริมาณอสจุ ินอ้ ยลง ผเู้ สพจึงมักมปี ญั หาเสอ่ื มสมรรถภาพทางเพศ 6. การสบู บุหร่ียดั ไส้กญั ชาเพยี ง 4 มวน จะเทา่ กบั การสูบบุหรี่ 20 มวน หรือ 1 ซอง มนั จงึ สามารถทาลายการทางานของระบบทางเดินหายใจ ทาให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ได้มากกว่าคนสบู บหุ รีธ่ รรมดาถงึ 5 เทา่ 7. การเสพกัญชาเป็นระยะเวลานาน จะนามาซ่ึงภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงและ ก่อให้เกิดความผิดปกติของหัวใจ ทาให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว มีความผิดปกติทางสมองจน กอ่ ให้เกิดอาการทางจติ ประสาทตามมา
โทษของกัญชา กัญชา สารเสพติดยอดฮิตในกลุ่มวัยรุ่น เพราะหาซื้อได้ง่าย ราคารับได้ ด้วยมีการแอบ ปลูกกันบ่อย ๆ เหตุผลที่กลุ่มวัยรุ่นชอบเสพกัญชา นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเสพแล้วจะมีอาการ เคลบิ เคลมิ้ มคี วามสขุ สนุก หวั เราะร่าเรงิ คยุ เกง่ เชือ่ กนั วา่ เสพแล้วจะทาให้ลมื ความเครียดได้ ลักษณะการเสพคอื สอดไส้บหุ รี่หรือนามาม้วนเป็นบุหร่ีแลว้ สูบ กญั ชาเปน็ สารเสพตดิ ทเี่ สพแลว้ ไม่ติด แต่ใช่ว่าจะไม่มีโทษ หากเสพติดต่อกันในปริมาณมากและต่อเนื่องจะมีผลร้ายแรงต่อ ระบบประสาทได้ ลกั ษณะกัญชา กัญชา คอื พชื ล้มลกุ มีลาต้นสูงราว 2-5 เมตร ลักษณะใบเปน็ แฉกประมาณ 5-8 แฉก แต่ ละแฉกมีรอยหยักละเอียด มีดอกช่อเล็ก ๆ ตามก่ิงก้านของต้น แต่ส่วนท่ีนาไปใช้เป็นสารเสพ ติดกัญชาคือ ใบ ยอดช่อดอก และกิ่งก้าน นามาตากแดดแล้วบดให้ละเอียด แล้วนาไปใส่ใน บอ้ งกัญชาสบู หรือนาไปมว้ นผสมกบั บหุ ร่ี อาการของผู้เสพกญั ชา กัญชาเป็นสารเสพติดท่ีพบได้มากในประเทศไทย สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการแอบปลูก เองได้ ในกัญชามีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol) ออกฤทธิ์ทาง ประสาททาให้ร้สู กึ ต่นื ตัวตลอดเวลา สนกุ สนาน สบายตัว สบายใจ ร่าเริง ไม่ตึงเครียด คุยสนุก เร่ิมง่วงจนหลับไปเอง เม่ือต่ืนมาจะพบว่ามีอาการตาแดง คลื่นไส้อยากอาเจียน หรือท้องเสีย ร่วมด้วย และมีอาการกระหายน้าเพราะคอยแห้ง หากเสพในปริมาณมากเกินไปจะมีผลเสีย ของกัญชาตามมา หลังจากเสพ 1-2 ช่ัวโมง กัญชาจะเริ่มออกฤทธิ์กดประสาท อาจเกิดภาพ ลวงตา ควบคุมตวั เองไม่ได้ ก้าวรา้ ว ผลเสยี ของกัญชา 1. ทาลายสมรรถภาพทางร่างกาย การเสพกัญชาในปริมาณมากเป็นเวลานาน ทาให้ ร่างกายเส่ือมโทรม ซูบผอม การดาเนินชีวิตในประจาวันสามารถทาได้ยาก รู้สึกหมดแรงใน ชวี ิต ง่วง อยากนอน จนทาให้รูส้ กึ ว่าไม่อยากทาอะไร อยากอยูเ่ ฉย ๆ ทาใหก้ ระทบต่องานและ ชวี ิตในตวั เอง 2. ทาลายสมอง การเสพกัญชาในระยะสั้นๆหรือช่ัวคราว ทาให้ความจาในขณะน้ัน ลดลง บางคนจาเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้ เพราะฤทธ์ิในกัญชาที่เสพนั้นกดประสาททางสมอง
ทาให้ความจาเสื่อม หรอื เกิดภาพหลอน ภาพลวงตา หแู วว่ ความคิดสับสน ควบคมุ ตัวเองไม่ได้ หากเสพถงึ ขน้ั รุนแรงจะทาให้ผู้เสพวิตกกังวล ผู้ป่วยท่ีมีอาการทางจิตเภทหรือโรคซึมเศร้าอาจ ทาให้อาการทางสมองรนุ แรงกว่าคนปกติท่ัวไป 3. ทาลายระบบภูมิคุ้นกัน ร่างกายมีภูมิคุ้มกันป้องกันโรคจากภายนอก แต่การเสพติด กัญชาขั้นรุนแรงจะมีผลเข้าไปทาลายภูมิคุ้มกันในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันเส่ือมลงหรือ บกพร่อง ทาให้ร่างกายอ่อนแอจนติดเชื้อโรคจากภายนอกได้ง่าย อาการเช่นนี้คล้ายกับเช้ือ เอดส์ (HIV) 4. ทาลายสมรรถภาพทางเพศ การเสพกัญชาในปริมาณสูงจะทาลายฮอร์โมนเทส โทสเตอโรนในเพศชาย ทาให้อสจุ ินอ้ ยลง ความรู้สกึ ทางเพศชา้ 5. ทาลายสุขภาพจิต การเสพกัญชาทาให้ความรู้สึกในขณะน้ันเล่ือนลอย ความคิดช้า หากเสพเยอะทาให้ความรู้สึกฟุ้งซ่าน สับสน ควบคุมตัวเองไม่ได้ มีอาการจิตหลอน เห็นภาพ หลอน จนทาลายตัวเองได้ การเสพติดกัญชาข้นั รนุ แรงจะทาใหม้ อี าการจิตเสอื่ ม 6. เป็นมะเร็งปอด ด้วยลักษณะการเสพกัญชาคือการอัดควันกัญชาเข้าไปในปอด กล้ัน หายใจไว้นานหลายวินาที พบว่าการสูบกัญชามีอันตรายกว่าบุหรี่ทั่วไปกว่า 5 เท่า การยัดไส้ กัญชาเพียง 4 มวน ก็เท่ากับบุหรี่ 20 มวนแล้ว จึงส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ เสี่ยง ต่อการเกิดโรคมะเรง็ ได้ง่าย ประกอบกับสารเคมใี นกัญชายังมีอันตรายและรุนแรงกว่าบุหรี่ ทา ใหเ้ กิดมะเร็งปอดได้ 7. ทาร้ายทารกในครรภ์ หญิงตั้งครรภ์ท่ีเสพติดกัญชาจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ทาลายโครโมโซมตัวอ่อน ทาลายเซลล์ประสาทในสอง ทาลายฮอร์โมนในเพศและพันธุกรรม หากทารกท่ีคลอดแล้วจะพบว่าทางร่างกายมีความผิดปกติ ร่างกายพิการ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง พัฒนาการทางสมองและรา่ งกายชา้ กวา่ เดก็ ท่วั ไป
แหลง่ ทม่ี า
1. https://www.arda.or.th/knowledge_detail.php?id=57 2. http://www.wongkarnpat.com/viewya.php?id=2270 3.https://www.supersafetythailand.com/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B 8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E 0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8 1%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%9F%E0%B 8%95%E0%B8%B5%E0%B9%89/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%8D% E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9%E0%B8% 82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0% B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD %E0%B8%B0%E0%B9%84/ 4.https://www.disthai.com/16963756/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8% 8D%E0%B8%8A%E0%B8%B2
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: