Thai Hotels Association. ( 2019) . Hotel / Resort List of the Accommodation has been Certified for Tourism. Retrieved September 16, 2019, from http: / / www. thaihotels. org/ attachments/view/?attach_id=237270. (in Thai) Thansettakij. (2019). Travel for 11 Months, Year '19, Grew 3.88%, China Surpassed 10 Million People. India Jumped 26%. Retrieved January 10, 2020, from https://www.thansettakij.com /content/business/417452. (in Thai) Tiger. (2562). What is Marketing Plan? Writing Simply Marketing Plan. Retrieved December 12, 2019 from https://thaiwinner.com/marketing-plan/. (in Thai) Tourism Business and Guide Act. (2008). Section 4. Government Gazette 125/ Chapter 29A/ page1/6 February 2551. (in Thai) Treesuwan, P. ( 2014) . What is the Tourism Industry and How Important It Is? Retrieved January 10, 202 0 , from https: / / www. facebook. com/ 487643448028956posts/ 573996916060275. (in Thai) Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 44
ปัจจัยส่วนบุคคลท่ีมีผลต่อกลยุทธก์ ารตลาดอสงั หารมิ ทรพั ยม์ ือสอง วันทร่ี ับบทความ: 8 กนั ยายน 2563 มงคล อัศวดิลกฤทธ์ิ1* และ วรณุ เจตจาเริญชยั 2 วนั แกไ้ ขบทความ: 27 พฤศจกิ ายน 2563 วนั ตอบรับบทความ: 15 มีนาคม 2564 บทคดั ย่อ 2563 ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันกันอย่างมาก ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์มือสองต้องวางกลยุทธ์ การตลาดให้มีความแตกตา่ งและตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากย่ิงขนึ้ งานวิจยั นจ้ี ึงทาการศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ทมี่ ีผลต่อกลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง โดยใช้แบบสอบถามและการวิเคราะหส์ ถิติเชิงอนุมาน จากกลุ่ม ตัวอย่างท่ีมีอายุ 25 ปีข้ึนไปท่ีสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสอง อีกทั้งมีการนาปัจจัยด้านเพศ อายุ ประสบการณ์ใน การซอื้ และวัตถปุ ระสงค์ในการซ้ืออสังหาริมทรัพย์มือสองมาทดสอบสมมติฐาน ผลการวิจัยพบวา่ (1) กลยทุ ธ์ด้าน ผลติ ภณั ฑ์ควรมีการเพิ่มมูลค่าและนาเสนอถึงความพร้อมเข้าอยู่ของอสงั หาริมทรัพย์มือสอง (2) กลยุทธ์ด้านราคาควรมี การระบุราคาให้ชัดเจน และการกาหนดราคาเพียงราคาเดียวท่ีครอบคลุมค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และ ค่าใช้จ่ายอ่ืน ๆ (3) กลยุทธ์ด้านช่องทางการขายควรมีการระบุผู้ถือกรรมสิทธ์ิเช่นเจ้าของขายเองหรือเป็นทรัพย์สิน รอการขาย (4) กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาดควรมีการโฆษณาท้ังทางช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะ ยูทูบ และ การโฆษณาบนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ สุดท้ายงานวิจัยได้เสนอแผนกลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพย์ มือสอง เพื่อใช้เปน็ แนวทางสาหรบั การพัฒนาธรุ กิจต่อไป คาสาคัญ : กลยุทธก์ ารตลาด, ลกู ค้า, อสงั หารมิ ทรัพย์มือสอง, ทรพั ย์สินรอการขาย * Corresponding Author e-mail: [email protected] 1 อาจารยป์ ระจา สาขาวชิ าการจดั การอสงั หาริมทรพั ย์ บณั ฑิตวทิ ยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี e-mail: [email protected] 2 นกั ศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบณั ฑติ สาขาการจดั การ (สาขาวชิ าการจัดการอสังหาริมทรัพย)์ บณั ฑิตวิทยาลัยการจดั การและนวตั กรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี email: [email protected] Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 45
Personal factors affecting second-hand real estate marketing strategy Received: 8 September 2020 Mongkol Ussavadilokrit1* and Waroon Chetchumroenchai2 Revised: 27 November 2020 Accepted: 15 March 2021 Abstract Currently, the real estate business is highly competitive. As a result, second- hand real estate has to create a marketing strategy that is different and more responsive to customers' needs. This research aimed to study personal factors affecting second-hand real estate marketing strategy. The data was collected by questionnaires and analyzed by using Inferential Statistic Analysis from samples aged 25 and over who were interested in buying second-hand real estate. In addition, the factors of gender, age, buying experience, and objectives in purchasing second- hand real estate were used to test the hypothesis. The research found that: 1) The product strategy should add value and present well the readiness to move in of second-hand real estate. 2) The pricing strategy should include clear pricing, single pricing that covers transfer fees and other expenses. 3) The place strategy should include identifying ownership holders, such as sold by the owners or Non- Performing Asset ( NPA) . 4) The promotional strategy should include advertising on both online channels, especially on YouTube and large billboards. Finally, research proposed a strategy for the second- hand real estate marketing strategy for further business development. Keywords: Marketing Strategy, Customer, Second-Hand Real Estate, Non-Performing Asset * Corresponding Author e-mail: [email protected] 1 Lecturer, Real Estate Management Program, Graduate School of Management and Innovation, King Mongkut’s University of Technology Thonburi. email: [email protected] 2 Student, Master of Business Administration (Management) MBA Real Estate Management Program, Graduate School of Management and Innovation, King Mongkut’s University of Technology Thonburi. email: [email protected] Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 46
บทนา ธรุ กจิ อสังหารมิ ทรพั ยใ์ นประเทศไทยมีการแข่งขันเป็นอยา่ งมาก อกี ท้ังตอ้ งมีการปรับกลยทุ ธ์การตลาดเพ่ือ แข่งขันให้ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มอสงั หารมิ ทรัพย์ท่เี ป็นการผลติ เพื่อขาย ได้แก่ โครงการจัดสรรสร้างใหม่ในรูปแบบบา้ นพร้อมอยู่ ทมี่ ีรปู แบบ ผลิตภัณฑ์ ท่ีสามารถควบคุมและนาเสนอได้ง่ายกว่า และสามารถกาหนดการวัดผลทางการตลาดได้ชัดเจน ทาให้ ผู้พัฒนาโครงการใหม่ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ต่างมีการศึกษาและพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ อย่างเป็นรูปธรรมมากกว่ากลมุ่ ธุรกิจอสงั หารมิ ทรัพย์มือสอง โดยเม่ือเปรียบเทียบราคาต้ังขายของอสังหารมิ ทรพั ย์ สร้างใหม่ และอสงั หารมิ ทรัพย์มือสอง พบวา่ มีราคาตา่ งกนั ประมาณ 20-30% (ฐานเศรษฐกิจ, 2563) จากสถานการณ์โควิด-19 (COVID-19) ท่ีเกิดข้ึน ส่งผลให้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมลดลงอยา่ ง เห็นได้ชัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ จึงมีการเร่งยอดขาย โดยการนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเสร็จ พร้อมอยู่มาลดราคาลงกว่า 50-70% เพื่อการส่งเสริมการตลาดพร้อมโปรโมช่ันและของแถม ดังนั้น เมื่อราคา อสังหาริมทรัพย์สร้างใหม่ถูกลดระดับลงมา จึงเกิดผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสอง มีผล ให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสองต้องทาการตลาดให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งข้ึนเพ่ือสร้างความ แตกต่างจากคู่แข่ง และต้องแบกรับต้นทุนในการบารุงรักษาอสังหาริมทรัพย์ให้คงสภาพ รวมถึงภาระภาษีที่ดิ นที่ เพมิ่ ขึน้ อกี ด้วย ด้วยเหตุนี้ผู้วิจัยจึงต้องการศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลท่ีมีผลต่อกลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง ในประเทศไทย เพือ่ นาไปปรับใช้เป็นแนวทางในการพฒั นากลยทุ ธ์การตลาดให้ตรงใจผบู้ ริโภค เพอื่ พัฒนายอดขาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ีสนใจหรือผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มือสอง วัตถุประสงคก์ ารวิจัย 1. เพอื่ ศึกษาปจั จยั สว่ นบุคคลทม่ี ีผลตอ่ กลยุทธ์การตลาดอสังหารมิ ทรพั ย์มือสอง 2. เพือ่ วเิ คราะห์และเสนอแนวทางในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดอสังหารมิ ทรัพย์มือสอง Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 47
กรอบแนวคดิ การวิจยั ผู้วิจัยมีกรอบแนวความคิดในการวิจัย โดยใช้ข้อมูลด้านปัจจัยส่วนบุคคลในการกาหนดตัวแปรอิสระ และ ใช้ข้อมูลด้านปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง (4Ps) ในการกาหนด ตัวแปรตาม ดังรูปภาพท่ี 1 ตวั แปรอิสระ ตวั แปรตาม ข้อมลู ดา้ นปจั จัยส่วนบุคคล กลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง 1. เพศ (4Ps) 2. อายุ 1. ดา้ นผลติ ภัณฑ์ (9 ปัจจัย) 3. ประสบการณ์ในการซื้อ 2. ด้านราคา (8 ปจั จัย) 3. ดา้ นช่องทางการขาย (13 ปัจจัย) อสังหารมิ ทรัพย์มือสอง 4. ดา้ นการส่งเสรมิ การตลาด (13 ปจั จยั ) 4. วตั ถปุ ระสงคใ์ นการซื้อ อสงั หารมิ ทรัพย์มือสอง ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั สมมติฐานการวจิ ยั กาหนดสมมติฐานของการวิจัย โดยใช้ตัวแปรต้น 4 ชนิด ได้แก่ เพศ อายุ ประสบการณ์ในการซ้ือ และวัตถุประสงค์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสอง นามาใช้จาแนกความแตกต่างระหว่า งกลุ่ม ซึ่งกาหนด ค่าความคลาดเคลอื่ นท่ี 0.05 และระดบั ความเช่อื มนั่ ท่ี 95% โดยมสี มมติฐาน ดังน้ี 1. สมมติฐานที่ 1 สมมติฐาน H0 : เพศที่แตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์การตลาดทั้ง 4 ด้าน ไมแ่ ตกต่างกัน สมมติฐาน H1 : เพศท่ีแตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์การตลาดทั้ง 4 ด้าน แตกต่างกัน 2. สมมตฐิ านที่ 2 สมมติฐาน H0 : อายุท่ีแตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์การตลาดทั้ง 4 ด้าน ไม่แตกต่างกนั สมมติฐาน H1 : อายุที่แตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์การตลาดท้ัง 4 ด้าน แตกต่างกนั Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 48
3. สมมติฐานท่ี 3 สมมติฐาน H0 : ประสบการณ์ในการซื้อท่ีแตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์ การตลาดทั้ง 4 ดา้ น ไมแ่ ตกตา่ งกนั สมมติฐาน H1 : ประสบการณ์ในการซื้อท่ีแตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์ การตลาดทง้ั 4 ดา้ น แตกต่างกนั 4. สมมติฐานท่ี 4 สมมติฐาน H0 : วัตถุประสงค์ในการซ้ือที่แตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์ การตลาดทั้ง 4 ดา้ น ไม่แตกต่างกัน สมมติฐาน H1 : วัตถุประสงค์ในการซื้อที่แตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์ การตลาดท้งั 4 ดา้ น แตกต่างกัน ทบทวนวรรณกรรม แนวคิดและทฤษฎีเกยี่ วกบั ทศั นคติ ทัศนคติ หมายถึง แนวความคิดเห็น (พจนานุกรม ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554) โดย Munn (1971) กล่าวว่า ทัศนคติ คือ ความรู้สึก และความคิดเห็น ท่ีบุคคลคนหน่ึงมีต่อส่ิงแวดล้อมภายนอก ในแนวทางท่ีจะ ยอมรับหรือปฏิเสธ ซ่ึงสอดคล้องกับ Murphy, Murphy & Newcomb (1973) ท่ีกล่าวว่า ทัศนคติ หมายถึง ความชอบหรือไม่ชอบ ความพึงใจหรือไม่พึงพอใจ ที่บุคคลจะแสดงออกมาต่อส่ิงเร้าต่าง ๆ และสอดคล้องกับ Kendler (1963) ที่กล่าวว่า ทัศนคติ หมายถึงสภาวะความพร้อมของบุคคล ท่ีจะแสดงพฤติกรรมในทางสนับสนุน หรอื ตอ่ ตา้ นตอ่ เรอ่ื งใดเรือ่ งหนงึ่ ศกั ด์ิ สุนทรเสณี (2531) กลา่ วว่า ทศั นคติ มคี วามเชอ่ื มโยงไปยงั พฤติกรรมของบุคคล ดังน้ี 1. ความซับซ้อนของความรู้สึกภายในหรือการมีอคติของบุคคล ในการท่ีจะสร้างความพร้อมท่ีจะกระทา ส่ิงใดสงิ่ หนง่ึ ตามประสบการณข์ องบคุ คลใดบคุ คลหนึง่ ท่ีไดร้ ับมา 2. ความโนม้ เอียง ที่จะมปี ฏิกิริยาตอ่ สิ่งใดสิ่งหน่ึงในทางทด่ี หี รอื ต่อตา้ น 3. ด้านพฤติกรรม การเตรยี มตัว หรอื ความพรอ้ มทจ่ี ะตอบสนอง แนวคิดของ Berelson & Steiner (1964) ที่กล่าวว่า คุณสมบัติสาคัญของบุคคลที่จะทาให้เกิดความ แตกต่างกัน ในเรื่องความรู้ ความคิด ความเช่ือ และทัศนคติ น้ันได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา และฐานะทางสังคม และเศรษฐกิจ ซึ่งตรงกับแนวคิด ทฤษฎีกลุ่มสังคม (Social Categories Theory) โดย Defleur & Rokeaoh (1996) ที่ให้ความหมายการแบ่งกลุ่มพฤติกรรมของบุคคลว่า หากบุคคลท่ี มีพฤติกรรมคล้ายกัน อาจจาแนกให้จดั อยู่ในกลมุ่ เดียวกัน และประชากรในแต่ละกลมุ่ น้ันจะมกี ารตอบสนองต่อส่ิงเรา้ ใกลเ้ คียงกัน ถวิล ธาราโภชน์ (2532) ได้กล่าวถึงทัศนคติของผู้บริโภคว่าเปน็ สิง่ ท่ีสาคัญตอ่ นักการตลาด เพราะทัศนคติ คอื ความเชอื่ และความรู้สึกของผูบ้ รโิ ภคที่มีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อสนิ คา้ Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 49
จากนิยามและความหมายของทัศนคติท่ีกล่าวมาข้างต้น ทาให้เห็นถึงประเด็นร่วมที่สาคัญ คือความรู้สึก ที่มาจากพื้นฐานภายในของบุคคล อันได้แก่ ความรู้สึก ความเชื่อ ภูมิหลัง ประสบการณ์ และแนวโน้มท่ีจะมี พฤติกรรมตอบสนองในทางใดทางหนึ่ง ซ่ึงผู้วิจัยได้นาทฤษฎีและวรรณกรรมที่เก่ียวข้องมาใช้ประกอบการ ตง้ั สมมติฐานและสร้างเครื่องมอื การวจิ ัย เพอ่ื ศกึ ษาในเชงิ ทัศนคติทแ่ี สดงถึงปจั จัยส่วนบคุ คล แนวคดิ และทฤษฎเี กยี่ วกบั กลยทุ ธ์การตลาดและธุรกิจอสังหารมิ ทรพั ย์ McCarthy (1971) ได้ให้ความหมายของการตลาดไว้ว่า “การตลาดเป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากกิจกรรม ทั้งหลายท่ีเกี่ยวกับความพยายามให้องค์การบรรลุผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์ท่ีต้ังไว้ โดยอาศัยการคาดการณ์ ถึงความต้องการต่าง ๆ ของลูกค้า รวมถึงกระบวนการที่สินค้าและบริการผ่านจากผู้ผลิตไปยังลูกค้า เพ่ือตอบสนองความพอใจให้กับลูกค้า” โดยส่วนประสมการตลาด หรือท่ีเรียกว่า 4Ps ประกอบด้วย 4 องคป์ ระกอบหลกั ไดแ้ ก่ 1. ผลิตภัณฑ์ (Product) คือสิ่งท่ีต้องการนาเสนอขาย ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยธุรกจิ จะตอ้ งมกี ารวางแผนพฒั นาผลิตภณั ฑ์ใหส้ อดคลอ้ งกับความต้องการของตลาด 2. การกาหนดราคา (Price) คือการใช้ราคาในการท่ีจะทาให้เกิดการยอมรับจากตลาดเป้าหมาย และ แข่งขันได้ในตลาด โดยธุรกิจต้องกาหนดวัตถุประสงค์ในการจะต้ังราคาให้ชัดเจน เช่น กาหนดราคา เพื่อสรา้ งผลกาไร หรอื เพอ่ื เพิ่มสว่ นครองตลาด เป็นต้น 3. ช่องทางการขาย (Place) คือช่องทางจาหน่ายสนิ ค้า โดยทั้งการจาหน่ายโดยตรง และมีตัวกลางในการ กระจายสนิ ค้า 4. การส่งเสริมการตลาด (Promotion) คือกระบวนการติดต่อส่ือสารไปยังตลาดเป้าหมาย เป็นวิธีการท่ีจะบอกให้ลูกค้าทราบเก่ียวกับผลิตภัณฑ์ที่เสนอขาย ชักชวนให้ซื้อ หรือเตือนความทรงจา โดยจะมีการจากัดระยะเวลาในการตัดสินใจ ซ่ึงมีเคร่ืองมือสาคัญ 4 ชนิดที่เรียกว่าส่วนประสมของการส่งเสริม การตลาด (Promotion Mix) ได้แก่ 1) การขายโดยใช้พนกั งาน (Personal Selling) 2) การโฆษณา (Advertising) 3) การสง่ เสริมการขาย (Sales Promotion) 4) การเผยแพรข่ ่าวสารและประชาสัมพนั ธ์ (Publicity and Public Relation) Lauterborn (1990) ศาสตราจารย์ด้านการโฆษณา มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ได้นาเสนอส่วน ประสมทางการตลาดรูปแบบใหม่ท่เี รียกวา่ 4C's ขึ้นในปี 1990 เพอ่ื ใหส้ อดคล้องกบั ความต้องการของผู้บริโภคมาก ย่ิงขึน้ ดังนี้ 1. Customer Wants and Needs คอื ความจาเปน็ และความต้องการของผูบ้ ริโภค 2. Cost to the Price คือ ต้นทนุ หรอื ค่าใช้จ่ายของผบู้ ริโภค 3. Convenience คือ ความสะดวกในการซอ้ื 4. Communication คอื การส่ือสารและการเช่อื มต่อกบั ลูกค้าหรอื ผู้บรโิ ภค Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 50
อสังหาริมทรัพย์ หมายถึง ที่ดินและทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวรหรือประกอบเป็น อันเดียวกับที่ดินน้ัน และหมายความรวมถึงทรัพยสิทธิอันเก่ียวกับที่ดินหรือทรัพย์อันติดอยู่กับท่ีดินหรือประกอบ เป็นอันเดียวกับที่ดินนั้นด้วย (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554) ซ่ึงทั้งมีและไม่มีผู้ถือกรรมสิทธ์ิเป็น เจ้าของอยู่ ทั้งน้ี อสังหาริมทรัพย์มือสอง จึงหมายถึงอสังหาริมทรัพย์ท่ีเคยมีผู้ถือกรรมสิทธ์ิเป็นเจ้าของ หรือเคย ผ่านการซือ้ ขาย เปลยี่ นแปลงชื่อผถู้ อื กรรมสิทธ์มิ ากอ่ น แนวคิดวงจรของอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Cycle) พิชานันท์ บุญพร้อมกุล และอัจฉราวรรณ งามญาณ (2560) ได้กล่าวถึงการแบ่งช่วงเวลาของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกเป็น 4 ช่วงเวลา คือ 1) ช่วงขยายตัว (The expansion phase), 2) ช่วงหดตัว (The contraction phase), 3) ช่วงถดถอย (The recession phase) และ 4) ช่วงการฟื้นตัว (Recovery phase) ซึ่งสามารถนาไปใช้เป็นแนวทางในการกาหนดกลยุทธ์การตลาดธุรกิจ อสงั หาริมทรพั ย์ โสภณ พรโชคชัย (2560) มีการแบ่งลักษณะของอสังหาริมทรัพย์ ออกเป็น 5 ประเภท ซ่ึงมีความแตกต่าง กันในด้านวัตถปุ ระสงคก์ ารใชง้ านของผู้ซอื้ ได้แก่ 1. อสงั หาริมทรพั ย์เพอ่ี การเกษตร เช่น ทีด่ นิ เพือ่ การทาการเกษตรเปน็ หลกั 2. อสังหารมิ ทรัพยเ์ พื่อการอยอู่ าศยั เชน่ โครงการที่อยอู่ าศยั บ้านเดีย่ ว ทาวนเ์ ฮาส์ เป็นตน้ 3. อสังหาริมทรพั ย์เพอ่ื การพาณชิ ย์ เช่น อาคารสานกั งาน ร้านคา้ อาคารจอดรถใหเ้ ช่า เปน็ ตน้ 4. อสังหาริมทรัพย์เพ่อื การอุตสาหกรรม เช่น โรงงานขนาดเลก็ สวนอุตสาหกรรม เปน็ ต้น 5. อสังหาริมทรพั ยเ์ พอ่ื การพักผ่อน เชน่ รีสอร์ต อาคารชดุ ตากอากาศ เปน็ ตน้ เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (2560) ได้กล่าวถึงมูลค่าของบ้านมือหน่ึงต่อบ้านมือสองของไทย เทา่ กับ 1 : 2.2 หมายถึงโดยตลาดบ้านมือสองจะมีอัตราที่เพิ่มขึน้ ทัง้ ดา้ นจานวนและมูลค่า จากข้อไดเ้ ปรียบในด้าน ราคาและทาเลท่ตี ง้ั ซึง่ คาดว่าจะมอี ปุ ทานจากผ้บู ริโภคเพิ่มมากขนึ้ ในอนาคต มนธดิ า ศรีพยงุ ฉันท์ (2558) ศึกษาเร่ืองความต้องการด้านอสงั หาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบของ กลุ่มผู้บริโภคเปรียบเทียบ Generation X กับ Generation Y ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่าประเด็นท่ีทั้ง 2 กลุ่ม มีความคดิ เหน็ แตกต่างกัน โดย Generation Y ให้ความสาคญั มากกวา่ Generation X ได้แก่ ประเดน็ ด้านรูปแบบ สถาปัตยกรรม พื้นที่ใช้สอย ราคาที่มีความเหมาะสมกับทาเล เงินดาวน์ เงินทาสัญญา ค่าเช่าหรือผลตอบแทนเชิง ธรุ กจิ และระบบสาธารณปู โภคภายในบ้าน นิภาพร อริยบัณฑิตกุล (2555) ศึกษาเร่ืองปัจจัยท่ีมีผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมือสองของ ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้ทดสอบหาปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่ อาศัยมือสองในด้านประชากรศาสตร์ที่ส่งอิทธิพลให้เกิดความแตกต่างในการเลือกซื้อ พบว่า การรับรู้สื่อ ประสบการณ์ในการเลือกซ้ือสนิ ค้าประเภทอื่น ๆ และประสบการณ์จากการมีบ้านเปน็ ของตนเองมาก่อน ส่งผลให้ เกิดความแตกตา่ งในพฤตกิ รรมการเลือกซ้ือที่อยูอ่ าศัยมือสอง โดยผู้วิจัยได้นาทฤษฎีและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ไปใช้ในการสร้างเครื่องมือการวิจัย ที่เก่ียวข้องกับกลยุทธ์การตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วงจรอสังหาริมทรัพย์ ลักษณะการใช้งานของผู้ซ้ือ อสงั หารมิ ทรพั ย์ และประชากรศาสตรข์ องกลุ่มผูบ้ ริโภค รวมทง้ั ใชใ้ นการสรุปและอภปิ รายผลการวิจัย Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 51
ระเบยี บวิธวี จิ ยั การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 1. จากคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อเพื่อซ้ือท่ีอยู่อาศัย (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, 2563) ที่มีกาหนดคุณสมบัติ ด้านอายุการทางานของผู้ขอสินเชื่อที่เป็นพนักงานบริษัทต้องมีอายุงานรวม 2 ปีขึ้นไป และผู้ขอสินเช่ือที่เป็น ผู้ประกอบการให้มีระยะเวลาในการประกอบธุรกิจรวม 2 ปีขึ้นไป จึงกาหนดประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริโภคอายุ 25 ปีขึ้นไป ท่ีอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซ่ึงมีจานวนมากกว่า 100,000 คน โดยจากจานวนประชากร ดังกล่าว ผู้วิจัยได้นาตารางสาเร็จรูปของทาโร่ ยามาเน่ (Yamane, 1973) มาใช้ในการประเมินขนาดของกลุ่ม ตัวอย่าง เพื่อประมาณค่าสัดส่วนของประชากร โดยกาหนดค่าความคลาดเคลื่อนที่ 0.05 และระดับความเช่ือม่ันที่ 95% จึงไดข้ นาดกลุม่ ตวั อยา่ งทจี่ านวน 400 ตัวอย่าง 2. จัดทาแบบสอบถาม (Questionnaire) โดยการศึกษาทฤษฎี แนวคิด และวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการศึกษาแผนการตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริ มทรัพย์มือสองในตลาด เพ่ือใช้ เปน็ เคร่ืองมอื สาหรับการศึกษาปจั จัยส่วนบคุ คล โดยแบบสอบถามแบ่งเปน็ 2 ส่วนหลัก ไดแ้ ก่ (1) ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ ประสบการณ์ในการซ้ือ และวัตถุประสงค์ ในการซอ้ื อสังหาริมทรัพย์มอื สอง (2) ขอ้ มูลด้านความคดิ เหน็ ที่มีตอ่ กลยุทธ์การตลาดอสังหาริมทรัพยม์ ือสอง ในรูปแบบการวัดผล Likert Scale 5 ระดับ โดยระดับ 5 หมายถึง กลยุทธ์การตลาดที่ใช้ทดสอบ มีส่วนช่วยให้ตัดสินใจซ้ือในระดับมากท่ีสุด โดยกาหนดเกณฑ์คะแนนของคา่ เฉล่ยี ดงั นี้ คะแนนเฉลี่ย ความหมาย 4.21 – 5.00 มีสว่ นช่วยในการตัดสนิ ใจซ้อื มากที่สดุ 3.41 – 4.20 มสี ว่ นช่วยในการตดั สินใจซ้ือมาก 2.61 – 3.40 มสี ว่ นชว่ ยในการตัดสินใจซอ้ื ปานกลาง 1.81 – 2.60 มีส่วนชว่ ยในการตดั สนิ ใจซอื้ นอ้ ย 1.00 – 1.80 มีสว่ นชว่ ยในการตัดสนิ ใจซอื้ นอ้ ยท่ีสดุ 3. ทาการวิเคราะห์ดัชนีความสอดคล้อง (Index of item objective congruence: IOC) ประเมินค่า ความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา (Validity) โดยผู้เช่ียวชาญที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตลาด 2 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง 1 คน ได้ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ในแต่ละปัจจัยหลัก อยู่ระหว่าง 0.60 - 1.00 ซง่ึ เปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่กาหนด (Rovinelli & Hambleton, 1977) 4. ทาการทดสอบความเที่ยงตรงของแบบสอบถาม โดยคานวณค่าความเชื่อม่ันโดยวิธีสัมประสิทธ์ิ สหสัมพันธ์ (Cronbach’s Alpha) ได้ค่าความเช่ือม่ันในแต่ละปัจจัยหลักอยู่ระหว่าง 0.70 – 0.92 ซ่ึงเป็นไปตาม เกณฑท์ ่ีกาหนด (Cronbach, 1990) Cronbrach, (1970). การประมวลผลขอ้ มูล 1. ทาการเก็บข้อมูล ตรวจสอบ และลงรหัสชุดแบบสอบถามท่ีรวบรวมได้ โดยคัดเลือกเฉพาะตัวอย่างที่ ระบชุ ว่ งอายุที่ 25 ปีขนึ้ ไปจนครบ 400 ตวั อยา่ ง 2. ประมวลผลการศึกษาโดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูปเชิงสถิติ (Statistical Package for the Social Sciences: SPSS) เพอื่ วเิ คราะห์ขอ้ มูล ดงั น้ี Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 52
2.1 การวิเคราะหส์ ถติ เิ ชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) เพ่ืออธบิ ายข้อมลู ได้แก่ (1) ค่ารอ้ ยละ (Percentage) นามาใช้อธิบายข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ (2) ค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Mean and Standard Deviation) นามาใช้อธิบาย ข้อมูลด้านความคดิ เห็นทีม่ ตี อ่ กลยทุ ธ์การตลาดอสงั หาริมทรัพย์มือสอง 2.2 การวเิ คราะห์สถติ เิ ชิงอนมุ าน (Inferential Statistics Analysis) เพอ่ื วิเคราะหข์ ้อมลู ได้แก่ (1) วิเคราะห์โดยใช้สถิติ T-Test ในการทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉล่ียของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม โดยใชส้ ตู ร Independent Sample T-Test (2) วเิ คราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ในการทดสอบความแตกต่างระหว่าง กลุ่มตวั อยา่ งมากกวา่ 2 กลุ่มขึ้นไป 3. สรปุ และอภปิ รายผล ผลการวจิ ัย การวิเคราะห์สถติ เิ ชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) ดา้ นประชากรศาสตร์ จากการรวบรวมข้อมลู จากแบบสอบถาม และดาเนนิ การวิเคราะห์ข้อมลู ประชากรศาสตร์ประกอบด้วย เพศ อายุ ประสบการณใ์ นการซ้ือ และวัตถปุ ระสงคใ์ นการซื้ออสังหารมิ ทรัพย์มือสอง สามารถแจกแจงผลการวิจยั ดังน้ี 1. เพศ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 226 คน คิดเป็นร้อยละ 56.5 และเพศชาย จานวน 174 คน คิดเป็นร้อยละ 43.5 2. อายุ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 25-34 ปี จานวน 240 คน คิดเป็นร้อยละ 60 รองลงมา อยู่ในช่วงอายุ 45 ปีขึ้นไป จานวน 86 คน คิดเป็นร้อยละ 21.5 และช่วงอายุ 35-44 ปี จานวน 74 คน คิดเป็น ร้อยละ 18.5 ตามลาดบั 3. ประสบการณใ์ นการซืออสังหาริมทรัพยม์ ือสอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ไม่มีประสบการณ์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสองมาก่อน จานวน 228 คน คิดเป็นร้อยละ 57 และกลุ่มตัวอย่างจานวน 172 คน คิดเป็นร้อยละ 43 มีประสบการณ์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ มอื สองมาก่อนแล้ว 4. วัตถุประสงคใ์ นการซอื อสังหาริมทรพั ย์มือสอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ มีวัตถุประสงค์ในการซ้ืออสังหาริมทรัพย์มือสองเพื่ออยู่อาศัยเอง จานวน 199 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 49.7 โดยรองลงมา มีวัตถุประสงค์เพ่ือนาไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการลงทุน จานวน 125 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 31.3 และวตั ถุประสงค์เพอื่ ครอบครองเปน็ สนิ ทรัพย์ จานวน 76 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 19.0 ตามลาดับ Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 53
ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ดา้ นความคิดเห็นท่ีมีตอ่ กลยทุ ธก์ ารตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง การศกึ ษาความคดิ เหน็ โดยใช้แบบสอบถามเพื่อวดั ระดับความคิดเหน็ ของผบู้ ริโภคที่มีต่อกลยุทธ์การตลาด อสังหารมิ ทรัพย์มอื สองทม่ี ีสว่ นชว่ ยในการตัดสนิ ใจซื้อ สามารถแจกแจงผลการวจิ ัยได้ดงั นี้ 1. ดา้ นผลติ ภณั ฑ์ ตารางที่ 1 ผลการศึกษาความคดิ เห็นของผู้บรโิ ภคด้านผลติ ภัณฑ์ อันดบั กลยทุ ธก์ ารตลาด ค่าเฉลีย่ S.D. ระดับการมสี ว่ นชว่ ย ในการตัดสินใจซือ 1 อสงั หารมิ ทรัพย์มือสอง ท่ีมีการปรับปรงุ ใหม่ เข้าอยไู่ ด้ 4.10 0.98 0.97 มาก 2 อสังหาริมทรัพย์มือสอง ทอ่ี ยู่ในทาเลใจกลางเมอื ง 4.03 1.10 มาก 0.98 มาก 3 อสังหารมิ ทรัพยม์ อื สอง ทร่ี ะบุวา่ มฮี วงจยุ้ ท่ดี ี 4.00 1.13 มาก 1.02 มาก 4 อสังหารมิ ทรพั ย์มือสอง ท่ีอยู่ในโครงการท่ีมชี ือ่ เสียง นา่ เช่ือถือ 3.99 1.09 มาก 1.22 ปานกลาง 5 อสังหาริมทรพั ยม์ ือสอง ที่อยูใ่ นทาเลชานเมอื ง ไมพ่ ลกุ พลา่ น 3.59 1.45 ปานกลาง 1.10 ปานกลาง 6 อสงั หาริมทรพั ยม์ ือสอง ที่ไม่มเี ฟอรน์ ิเจอรใ์ นตวั บา้ น 3.57 ปานกลาง 7 อสงั หารมิ ทรพั ยม์ อื สอง ตามสภาพ แตส่ ามารถเขา้ อยู่ได้ 3.34 8 อสังหาริมทรพั ย์มอื สอง พร้อมเฟอรน์ ิเจอร์ 3.33 9 อสงั หาริมทรัพย์มือสอง สภาพเก่า ต้องซ่อมแซมก่อนเข้าอยู่ 3.16 คา่ เฉล่ียรวม 3.68 จากตารางที่ 1 กลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ ว่ามีส่วนช่วยในการตัดสินใจซ้ือ ในระดับปานกลาง โดยอสังหาริมทรัพย์มือสอง ท่ีมีการปรับปรุงใหม่ (Renovate) สามารถเข้าอยู่ได้, อยู่ในทาเลใจ กลางเมือง, ระบุว่ามีฮวงจุ้ยท่ีดี, อยู่ในโครงการที่มีช่ือเสียง น่าเชื่อถือ, อยู่ในทาเลชานเมือง ไม่พลุกพล่าน และ อสงั หาริมทรัพยม์ ือสอง ทไี่ ม่มีเฟอรน์ เิ จอรใ์ นตวั บา้ น มสี ว่ นชว่ ยในการตัดสินใจซื้อในระดบั มาก 2. ดา้ นราคา คา่ เฉลยี่ S.D. ระดับการมีส่วนช่วย ตารางท่ี 2 ผลการศึกษาความคิดเหน็ ของผู้บรโิ ภคดา้ นราคา ในการตัดสนิ ใจซอื 4.53 0.70 อันดบั กลยุทธก์ ารตลาด 4.35 0.92 มากทสี่ ุด 4.21 0.88 มากทสี่ ุด 1 ผขู้ ายเปดิ โอกาสให้มีการตอ่ รองราคาได้ 4.19 1.08 มากทสี่ ุด 2 ผขู้ ายเปน็ ผชู้ าระคา่ ธรรมเนยี มการโอนกรรมสิทธ์ิ 4.17 0.99 3 ผู้ขายจัดหาสนิ เช่อื ให้ พรอ้ มดอกเบย้ี พิเศษ 4.01 1.17 มาก 4 ผขู้ ายมีการนาเสนอสนิ เชื่อจากหลายธนาคาร 3.99 0.91 มาก 5 ผู้ขายมกี ารนาเสนอและเปรียบเทยี บราคาตลาด 3.80 0.95 มาก 6 ผู้ขายมีการการันตผี ลตอบแทนในเชิงการลงทนุ 4.16 0.95 มาก 7 จดั ให้มีการเชา่ ซ้ือโดยตรงกบั ผขู้ าย ให้สทิ ธิซ์ ้อื เมื่อพร้อม มาก 8 ผูข้ ายจดั ให้มีเงือ่ นไขพิเศษ เมอ่ื ชาระดว้ ยเงนิ สด มาก ค่าเฉลีย่ รวม Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 54
จากตารางท่ี 2 กลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์ด้านราคา ว่ามีส่วนช่วยในการตัดสนิ ใจซื้อในระดับมาก โดยอสังหาริมทรัพย์มือสองท่ีผู้ขายเปิดโอกาสให้มีการต่อรองราคาได้, ผู้ขายเป็นผู้ชาระค่าธรรมเนียมการโอน กรรมสิทธ์ิ และอสังหาริมทรัพย์มือสองท่ีผู้ขายจัดหาสินเชื่อให้ พร้อมดอกเบ้ียพิเศษ มีส่วนช่วยในการตัดสินใจซื้อ ในระดับมากท่ีสุด 3. ด้านชอ่ งทางการขาย ตารางท่ี 3 ผลการศึกษาความคดิ เห็นของผ้บู ริโภคดา้ นชอ่ งทางการขาย อันดบั กลยุทธก์ ารตลาด คา่ เฉลี่ย S.D. ระดับการมสี ว่ นชว่ ย ในการตดั สนิ ใจซือ 1 มกี ารนาเสนอว่าเปน็ อสงั หารมิ ทรัพย์มอื สอง ทเี่ จา้ ของขายเอง 4.29 0.81 0.95 มากที่สุด 2 ผขู้ ายมีชอ่ งทางการตดิ ตอ่ ผา่ นไลน์ (Line) 3.87 มาก 0.94 3 มชี อ่ งทางการตดิ ต่อผา่ นโทรศพั ท์ หรอื Call Center 3.84 มาก ให้บริการ 1.01 0.92 มาก 4 ผขู้ ายมี Catalog Online บน Website 3.73 0.91 มาก 0.91 มาก 5 อสงั หาริมทรัพยม์ อื สอง ทีเ่ ปน็ ทรพั ยส์ ินรอการขาย หรือ NPA 3.72 1.10 มาก 1.12 มาก 6 ผ้ขู ายมีชอ่ งทางในการรบั ทราบความต้องการ และติดต่อกลบั 3.72 1.03 มาก มาก 7 ผู้ขายมีช่องทางการติดตอ่ ผา่ นเฟซบคุ๊ (Facebook) 3.72 1.11 ปานกลาง 8 ผขู้ ายมี Catalog Online Application บนโทรศัพท์มือถือ 3.57 1.04 ปานกลาง 9 ผขู้ ายมี Catalog ที่พิมพเ์ ปน็ เลม่ หรือโบรชัวร์ 3.44 1.15 1.00 ปานกลาง 10 มีการนาเสนอวา่ เปน็ อสงั หาริมทรพั ยม์ ือสอง จากการขาย 3.41 มาก ทอดตลาดกรมบงั คบั คดี 11 ผู้ขายมกี ารส่ง E-mail แนะนาอสงั หาฯ มอื สองทนี่ า่ สนใจไป 3.29 ยัง E-mail ทใี่ ห้ไว้อยา่ งสมา่ เสมอ 12 ผ้ขู ายมีการนาเสนอวา่ เป็น อสงั หาริมทรัพย์มอื สอง ท่ีขาย 3.15 โดยตวั แทนขายจากบรษิ ัทนายหน้า 13 ผขู้ ายมีช่องทางการจองซ้ือบน Online Marketplace 3.09 คา่ เฉลีย่ รวม 3.60 จากตารางท่ี 3 กลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์ด้านช่องทางการขาย ว่ามีส่วนช่วยในการตัดสินใจ ซื้อในระดับมาก โดยอสงั หาริมทรัพย์มอื สอง ทผี่ ้ขู ายมกี ารนาเสนอว่าเป็นเจา้ ของขายเอง มสี ่วนชว่ ยในการตัดสนิ ใจ ซือ้ ในระดับมากที่สุด Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 55
4. ดา้ นการสง่ เสริมการตลาด ตารางที่ 4 ผลการศึกษาความคิดเหน็ ของผูบ้ รโิ ภคดา้ นการสง่ เสรมิ การตลาด อนั ดับ กลยทุ ธก์ ารตลาด ค่าเฉลย่ี S.D. ระดบั การมสี ่วนชว่ ย ในการตดั สนิ ใจซอื 1 ผขู้ ายมีการลดราคา เมอื่ ตัดสนิ ใจซอื้ ภายในระยะเวลาท่ีกาหนด 4.16 0.93 2 ผขู้ ายตดิ ปา้ ยโฆษณาทีต่ วั อสงั หารมิ ทรพั ยม์ ือสองอยา่ งชดั เจน 4.06 0.90 มาก 3 ผขู้ ายมกี ารให้ของสมนาคุณเปน็ บัตรกานลั แทนเงินสด 3.83 1.05 มาก 4 ผขู้ ายร่วมออกบทู ในงานมหกรรมตา่ ง ๆ 3.74 0.99 มาก 5 ผขู้ ายมกี ารโฆษณาบนเฟซบ๊คุ (Facebook) 3.73 1.00 มาก 6 ผู้ขายมีการโฆษณาบนกูเกล้ิ (Google) 3.70 1.04 มาก 7 ผู้ขายจดั ทาวีดิโอแนะนาอสงั หาริมทรัพย์มอื สองทป่ี ระกาศขาย 3.67 1.03 มาก 8 ผขู้ ายมกี ารโฆษณาบนปา้ ยโฆษณาขนาดใหญ่ (Billboard) 3.54 1.03 มาก 9 ผขู้ ายมีการโฆษณาบนยูทบู (YouTube) 3.44 1.11 มาก มาก 10 ผขู้ ายมีการโฆษณาโดยการแจกโบรชวั ร์ตามสถานทีใ่ กลเ้ คียง 3.19 1.12 ปานกลาง 11 ผูข้ ายมีการโฆษณาผา่ นหนงั สือพมิ พ์หรอื นติ ยสาร 3.17 1.13 12 ผู้ขายมีการโฆษณาผา่ นส่อื โทรทศั น์ 3.12 1.14 ปานกลาง 13 ผขู้ ายมีการโฆษณาผา่ นส่อื วิทยุ 2.84 1.22 ปานกลาง 3.55 1.05 ปานกลาง ค่าเฉล่ียรวม มาก จากตารางท่ี 4 กลุ่มตัวอย่าง มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาด ว่ามีส่วนช่วยในการ ตัดสินใจซ้ือในระดับมาก โดยอสังหาริมทรัพย์มือสอง ที่ผู้ขายมีการลดราคาเมื่อตัดสินใจซื้อภายในระยะเวลาที่ กาหนด, ผขู้ ายติดปา้ ยโฆษณาท่ีตัวอสังหาริมทรัพย์มือสองอย่างชดั เจน, ผ้ขู ายมกี ารให้ของสมนาคุณเป็นบัตรกานัล แทนเงินสด, ผู้ขายร่วมออกบูทในงานมหกรรมต่าง ๆ, ผู้ขายมีการโฆษณาบนเฟซบุ๊ค (Facebook), ผู้ขายมีการ โฆษณาบนกูเก้ิล (Google), ผู้ขายจัดทาวีดิโอแนะนาอสังหาริมทรัพย์มือสองที่ประกาศขาย, ผู้ขายมีการโฆษณาบน ปา้ ยโฆษณาขนาดใหญ่ (Billboard) และอสังหาริมทรพั ย์มอื สอง ทผี่ ู้ขายมีการโฆษณาบนยูทบู (YouTube) มสี ่วนช่วย ในการตดั สนิ ใจซือ้ ในระดบั มาก Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 56
การวิเคราะหส์ ถิติเชิงอนมุ าน (Inferential Analysis) 1. เพศ จากการวเิ คราะห์ความแปรปรวนโดยใช้สถิติ T-Test ตามสมมตฐิ านที่ 1 ซงึ่ กาหนดค่าความคลาด เคล่ือนท่ี 0.05 และระดับความเช่ือมั่นท่ี 95% โดยกลยุทธ์การตลาดท่ีทดสอบแล้วกลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็น แตกตา่ งกัน หรอื ยอมรับสมมติฐาน H1 มรี ายละเอียดตามตารางท่ี 5 ตารางท่ี 5 ผลการวเิ คราะห์สถิตเิ ชงิ อนมุ านดา้ นเพศ ลาดับ กลยุทธก์ ารตลาด p-value ค่าเฉลี่ย ชาย หญงิ ด้านผลติ ภัณฑ์ 1 อสังหาริมทรัพย์มือสอง พร้อมเฟอร์นิเจอร์ 0.01 3.14 3.46 0.00 3.82 4.13 2 อสงั หาริมทรพั ยม์ อื สอง ทีอ่ ยู่ในโครงการหมูบ่ ้านที่มชี ื่อเสียง น่าเชอ่ื ถือ 0.00 3.79 4.15 3 อสงั หาริมทรพั ยม์ อื สอง ทร่ี ะบวุ า่ มฮี วงจยุ้ ท่ดี ี ดา้ นราคา 1 ผู้ขายเป็นผชู้ าระค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสทิ ธิ์ 0.02 4.22 4.45 0.01 4.05 4.29 2 ผขู้ ายมีการนาเสนอสนิ เชือ่ จากหลายธนาคาร ด้านชอ่ งทางการขาย 1 ผู้ขายมกี ารส่ง E-mail แนะนาอสงั หาฯมอื สองท่นี า่ สนใจไปยัง E-mail 0.04 3.42 3.19 ทีใ่ หไ้ ว้อยา่ งสมา่ เสมอ 0.00 3.68 3.96 2 ผขู้ ายมชี อ่ งทางการตดิ ต่อผา่ นโทรศัพท์ หรือ Call Center ให้บรกิ าร 0.00 3.91 4.17 ดา้ นการสง่ เสริมการตลาด 1 ผู้ขายติดปา้ ยโฆษณาทต่ี ัวอสังหารมิ ทรัพย์มือสองอยา่ งชดั เจน 1. จากกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 9 ข้อ เม่ือทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 3 ข้อ ที่เพศ ที่แตกต่างกนั มคี วามคดิ เห็นตอ่ กลยทุ ธก์ ารตลาดตา่ งกนั อยา่ งมีนัยสาคญั 2. จากกลยุทธ์ด้านราคาท้ังหมด 8 ข้อ เมื่อทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 2 ข้อ ท่ีเพศ ทแ่ี ตกตา่ งกัน มคี วามคดิ เหน็ ตอ่ กลยทุ ธก์ ารตลาดต่างกนั อย่างมีนัยสาคญั 3. จากกลยุทธ์ด้านช่องทางการขายท้ังหมด 13 ข้อ เม่ือทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 2 ข้อ ที่เพศท่แี ตกตา่ งกัน มีความคิดเห็นต่อกลยุทธก์ ารตลาดต่างกันอยา่ งมีนัยสาคญั 4. จากกลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาดท้ังหมด 13 ข้อ เมื่อทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 1 ข้อ ท่เี พศท่ีแตกต่างกนั มคี วามคดิ เห็นต่อกลยทุ ธ์การตลาดตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 57
2. ช่วงอายุ จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ตามสมมติฐานที่ 2 ซ่ึง กาหนดค่าความคลาดเคลื่อนท่ี 0.05 และระดับความเช่ือม่ันท่ี 95% โดยกลยุทธ์การตลาดท่ีทดสอบแล้วกลุ่ม ตัวอยา่ งมคี วามคดิ เหน็ แตกต่างกนั หรือยอมรับสมมตฐิ าน H1 มรี ายละเอียดตามตารางท่ี 6 ตารางที่ 6 ผลการวิเคราะหส์ ถติ ิเชงิ อนุมานด้านอายุ ลาดับ กลยุทธ์การตลาด p-value 25-34 ปี คา่ เฉลย่ี 45ปีขนึ ไป 35-44 ปี ดา้ นผลติ ภณั ฑ์ 0.01 3.12 2.88 0.02 3.35 3.59 3.10 1 อสงั หาริมทรพั ย์มือสอง ท่ีมสี ภาพเก่า ต้องซ่อมแซมก่อนเข้าอยู่ 0.02 3.46 3.59 3.71 2 อสงั หาริมทรัพย์มอื สอง ตามสภาพ แต่สามารถเขา้ อยู่ได้ 0.00 3.46 3.76 2.86 3 อสงั หาริมทรพั ย์มือสอง ท่ีไม่มเี ฟอรน์ เิ จอร์ในตวั บา้ น 3.43 4 อสงั หารมิ ทรพั ยม์ ือสอง พร้อมเฟอร์นิเจอร์ 0.01 4.37 4.05 0.00 3.24 4.28 2.77 ด้านชอ่ งทางการขาย 0.04 3.70 3.28 3.92 0.02 3.82 3.57 3.49 1 อสงั หารมิ ทรพั ย์มอื สอง ทเ่ี จา้ ของขายเอง 0.00 4.00 3.69 3.58 2 อสงั หาริมทรพั ย์มือสอง ท่ีขายโดยตวั แทนขายจากบรษิ ัทนายหนา้ 3.77 3 อสงั หาริมทรัพย์มือสอง ท่เี ป็นทรัพยส์ นิ รอการขาย หรือ NPA 0.01 3.43 3.84 4 ผขู้ ายมีช่องทางการติดต่อผา่ นเฟซบ๊คุ (Facebook) 0.00 3.74 3.55 3.99 5 ผขู้ ายมีช่องทางการตดิ ตอ่ ผา่ นไลน์ (Line) 3.45 ด้านการส่งเสริมการตลาด 1 ผูข้ ายมีการโฆษณาบนปา้ ยโฆษณาขนาดใหญ่ (Billboard) 2 ผขู้ ายร่วมออกบทู ในงานมหกรรมต่าง ๆ 1. จากกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ท้ังหมด 9 ข้อ เมื่อทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 4 ข้อ ที่อายุ ทีแ่ ตกตา่ งกัน มีความคดิ เห็นต่อกลยุทธก์ ารตลาดตา่ งกันอย่างมนี ยั สาคัญ 2. จากกลยุทธ์ด้านช่องทางการขายทั้งหมด 13 ข้อ เม่ือทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 5 ข้อ ทอ่ี ายทุ แี่ ตกตา่ งกนั มีความคิดเหน็ ต่อกลยุทธก์ ารตลาดต่างกันอยา่ งมนี ยั สาคัญ 3. จากกลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาดท้ังหมด 13 ข้อ เม่ือทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 2 ข้อ ทอี่ ายทุ แี่ ตกต่างกนั มีความคดิ เห็นตอ่ กลยทุ ธ์การตลาดตา่ งกนั อยา่ งมีนัยสาคัญ Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 58
3. ประสบการณใ์ นการซืออสังหารมิ ทรัพย์มือสอง จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนโดยใช้สถิติ T-Test ตามสมมติฐานท่ี 3 ซ่ึงกาหนดค่าความคลาดเคล่อื นท่ี 0.05 และระดับความเช่อื มั่นที่ 95% โดยกลยุทธก์ ารตลาดที่ ทดสอบแลว้ กล่มุ ตัวอยา่ งมคี วามคิดเหน็ แตกต่างกัน หรือยอมรบั สมมติฐาน H1 มีรายละเอียดตามตารางที่ 7 ตารางท่ี 7 ผลการวเิ คราะหส์ ถิตเิ ชงิ อนมุ านดา้ นประสบการณใ์ นการซื้อ p-value ค่าเฉลีย่ มี ไม่มี ลาดับ กลยทุ ธก์ ารตลาด 0.00 3.88 4.26 ดา้ นผลติ ภณั ฑ์ 0.00 3.02 3.55 1 อสงั หาริมทรพั ย์มือสอง ท่ีมกี ารปรับปรุงใหม่ สามารถเขา้ อยู่ได้ 0.00 3.62 4.28 2 อสังหารมิ ทรัพยม์ ือสอง พร้อมเฟอร์นเิ จอร์ 0.00 3.81 4.14 3 อสังหาริมทรพั ยม์ อื สอง ทอี่ ยใู่ นโครงการหม่บู า้ นทม่ี ีชอ่ื เสียง น่าเชือ่ ถอื 4 อสังหารมิ ทรัพย์มือสอง ทม่ี ฮี วงจ้ยุ ท่ดี ี 0.00 4.02 4.32 0.00 3.82 4.14 ดา้ นราคา 1 ผขู้ ายมกี ารนาเสนอสนิ เชื่อจากหลายธนาคาร 0.01 3.42 3.19 2 ผขู้ ายมีการการนั ตผี ลตอบแทนในเชงิ การลงทุน 0.00 3.68 3.96 ด้านชอ่ งทางการขาย 0.02 3.56 3.80 1 อสงั หาริมทรพั ยม์ อื สอง ทีเ่ ปน็ ทรัพยส์ ินรอการขาย หรอื NPA 0.00 3.55 3.87 2 ผูข้ ายมีช่องทางการตดิ ต่อผา่ นเฟซบ๊คุ (Facebook) ด้านการส่งเสรมิ การตลาด 1 ผู้ขายมีการโฆษณาบนกเู กิ้ล (Google) 2 ผู้ขายมกี ารโฆษณาบนเฟซบคุ๊ (Facebook) 1. จากกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ท้ังหมด 9 ข้อ เม่ือทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 4 ข้อ ทปี่ ระสบการณใ์ นการซอ้ื ท่ีแตกตา่ งกนั มีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์การตลาดต่างกนั อย่างมีนัยสาคัญ 2. จากกลยุทธ์ด้านราคาท้ังหมด 8 ข้อ เม่ือทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 2 ข้อ ทป่ี ระสบการณ์ในการซอ้ื ทแี่ ตกตา่ งกนั มีความคิดเห็นตอ่ กลยุทธก์ ารตลาดตา่ งกนั อย่างมีนัยสาคญั 3. จากกลยุทธ์ด้านช่องทางการขายทั้งหมด 13 ข้อ เมื่อทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 2 ข้อ ที่ประสบการณใ์ นการซอื้ ท่แี ตกต่างกัน มคี วามคิดเห็นตอ่ กลยุทธ์การตลาดต่างกนั อย่างมนี ัยสาคัญ 4. จากกลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาดท้ังหมด 13 ข้อ เม่ือทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 2 ขอ้ ท่ปี ระสบการณ์ในการซ้อื ท่ีแตกตา่ งกนั มีความคดิ เหน็ ตอ่ กลยุทธก์ ารตลาดตา่ งกนั อย่างมนี ยั สาคัญ Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 59
4. วัตถุประสงค์ในการซืออสังหาริมทรัพย์มือสอง จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One- way ANOVA) ตามสมมติฐานท่ี 4 ซึ่งกาหนดค่าความคลาดเคล่ือนที่ 0.05 และระดับความเช่ือม่ันท่ี 95% โดยกล ยุทธ์การตลาดที่ทดสอบแล้วกลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นแตกต่างกัน หรือยอมรับสมมติฐาน H1 มีรายละเอียดตาม ตารางที่ 8 ตารางที่ 8 ผลการวเิ คราะหส์ ถิติเชงิ อนุมานดา้ นวัตถุประสงค์ในการซือ้ คา่ เฉลยี่ ลาดบั กลยุทธก์ ารตลาด Sig. อยูอ่ าศยั สินทรัพย์ พาณชิ ย์ และลงทนุ ด้านผลติ ภณั ฑ์ 0.00 3.46 3.50 3.79 0.04 3.97 3.89 4.21 1 อสงั หารมิ ทรพั ย์มอื สอง ท่ีไม่มีเฟอรน์ ิเจอรใ์ นตวั บา้ น 2 อสงั หารมิ ทรัพย์มือสอง ในทาเล ใจกลางเมอื ง 0.05 3.90 3.89 4.18 ดา้ นราคา 0.01 4.05 4.12 4.38 0.02 4.07 4.24 4.35 1 จดั ใหม้ กี ารเชา่ ซื้อโดยตรงกบั ผู้ขาย ให้สทิ ธซ์ิ ้อื เม่ือพร้อม 0.00 3.79 4.16 4.26 2 ผขู้ ายมกี ารนาเสนอและเปรยี บเทยี บราคาตลาด 3 ผขู้ ายมกี ารนาเสนอสนิ เชอ่ื จากหลายธนาคาร 0.00 3.58 3.71 3.94 4 ผ้ขู ายมีการการันตผี ลตอบแทนในเชิงการลงทุน 0.04 3.30 3.63 3.54 ด้านชอ่ งทางการขาย 0.03 2.96 3.36 3.14 1 อสังหาริมทรพั ยม์ อื สองทเ่ี ปน็ ทรพั ยส์ ินรอการขายหรือNPA 0.04 3.99 4.29 4.02 2 ผ้ขู ายมี Catalog ทพ่ี มิ พเ์ ปน็ เลม่ หรอื โบรชัวร์ 0.03 3.04 3.38 3.30 3 ผู้ขายมีช่องทางการจองซอ้ื บน Online Marketplace 0.00 3.55 3.92 3.93 ด้านการสง่ เสริมการตลาด 0.01 3.57 3.89 3.68 0.00 3.28 3.84 3.46 1 ผู้ขายติดปา้ ยโฆษณาท่ตี วั อสงั หารมิ ทรพั ย์มือสองอย่างชดั เจน 2 ผู้ขายมีการโฆษณาโดยการแจกโบรชัวรต์ ามสถานท่ีใกลเ้ คียง 3 ผู้ขายรว่ มออกบูทในงานมหกรรมต่าง ๆ 4 ผู้ขายจดั ทาวดี ิโอแนะนาอสังหาริมทรัพยม์ ือสองที่ประกาศขาย 5 ผู้ขายมีการโฆษณาบนยทู บู (YouTube) 1. จากกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 9 ข้อ เมื่อทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 2 ข้อ ที่วตั ถปุ ระสงค์ในการซ้ือทแี่ ตกตา่ งกนั มีความคดิ เห็นต่อกลยทุ ธก์ ารตลาดตา่ งกันอยา่ งมีนัยสาคญั 2. จากกลยุทธ์ด้านราคาท้ังหมด 8 ข้อ เม่ือทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 4 ข้อ ท่ีวตั ถุประสงค์ในการซอ้ื ที่แตกต่างกัน มีความคดิ เห็นตอ่ กลยุทธ์การตลาดตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคัญ 3. จากกลยุทธ์ด้านช่องทางการขายท้ังหมด 13 ข้อ เมื่อทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 3 ข้อ ทว่ี ัตถปุ ระสงค์ในการซือ้ ท่ีแตกตา่ งกนั มีความคดิ เหน็ ตอ่ กลยุทธก์ ารตลาดตา่ งกันอยา่ งมีนยั สาคัญ 4. จากกลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาดท้ังหมด 13 ข้อ เมื่อทดสอบสมมติฐานแล้วพบว่ามีจานวน 5 ขอ้ ทว่ี ัตถุประสงคใ์ นการซ้อื ท่แี ตกตา่ งกนั มีความคดิ เห็นตอ่ กลยทุ ธก์ ารตลาดต่างกนั อยา่ งมนี ัยสาคัญ Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 60
อภิปรายผล ปจั จัยส่วนบุคคลท่ีมีผลตอ่ กลยุทธก์ ารตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง 1. เพศ ผู้บริโภคเพศหญิงต้องการความมั่นใจในตัวอสังหาริมทรัพย์ว่ามีคุณภาพและพร้อมอยู่ สนใจความคุ้มค่า ด้านราคา และพึงพอใจช่องทางการติดต่อที่มีความสะดวกรวดเร็ว โดยมีความคิดเห็นท่ีดีต่อการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ที่ส่ือสารอย่างชัดเจนว่าต้องการจะขายสิ่งใด ซึ่งแตกต่างจากผู้บริโภคเพศชาย ท่ีต้องการช่องทาง การนาเสนอแบบเฉพาะเจาะจง มรี ายละเอยี ด และสมา่ เสมอ ไดแ้ ก่ การรับขอ้ มลู การขายผา่ นอเี มล์สว่ นตวั เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของสมจิตร เปรมกมล (2552) เร่ืองปัจจัยที่กาหนดการตัดสินใจซื้อในการซ้ือบ้านมือ สองของผบู้ ริโภคทร่ี ะบวุ ่าเพศท่แี ตกตา่ งกัน มีการวางแผนทีจ่ ะซอื้ บา้ นมือสองตา่ งกนั 2. ช่วงอายุ ผู้บริโภคอายุ 25-34 ปี ต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่พร้อมอยู่เป็นหลัก และสนใจช่องทางการขายผ่าน Social Media โดยผู้บริโภคที่มีช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไป สนใจการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในรูปแบบ Mass Media มากกว่า และผู้บริโภคอายุ 45 ปีข้ึนไป มีความสนใจอสังหารมิ ทรัพย์มือสองท่ีเป็นทรพั ย์สินรอการขายจากสถาบัน การเงินหรือบริษทั บรหิ ารสินทรัพย์ (NPA) 3. ประสบการณใ์ นการซืออสงั หารมิ ทรพั ย์มอื สอง ผบู้ รโิ ภคท่ีมีประสบการณ์ในการซื้ออสงั หาริมทรัพย์มือสองมาก่อน รู้จกั และมคี วามสนใจอสงั หาริมทรัพย์ มือสองท่ีเป็นทรัพย์สินรอการขายจากสถาบันการเงินหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ (NPA) ซึ่งแตกต่างจากผู้บรโิ ภคที่ ไม่มีประสบการณ์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสอง ท่ีต้องการอสังหาริมทรัพย์ท่ีพร้อมอยู่เป็นหลัก ตอบรับการ นาเสนอดา้ นสินเชอื่ และการการันตผี ลตอบแทนดา้ นการลงทนุ 4. วัตถุประสงค์ในการซอื อสงั หารมิ ทรพั ย์มอื สอง ผู้บริโภคท่ีมีวัตถุประสงค์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสองเพ่ือใช้ในเชิงพาณิชย์และการลงทุน สนใจ อสังหาริมทรัพย์ท่ีไม่มเี คร่ืองเรือน เฟอรน์ ิเจอร์ และตง้ั อยใู่ นทาเลใจกลางเมืองเป็นหลัก โดยมีความสนใจการซื้อใน รูปแบบเช่าซื้อโดยตรงกับผู้ขาย ท่ีให้สิทธิ์ซ้ือได้เมื่อพร้อม และมีความคิดเห็นท่ีตรงกันกับผู้บริโภคท่ีมีวัตถุประสงค์ ในการซ้ืออสังหาริมทรัพย์มือสองเพื่อเป็นสินทรัพย์ ในด้านความสนใจช่องทางการขายท่ีใช้แคตตาล็อก และ โบรชัวร์ พึงพอใจในการประชาสัมพันธ์แบบตัวต่อตัว และสนใจในการตอบสนองช่องทางการขายรูปแบบใหม่ ๆ ท่ีเขา้ ถึงงา่ ย พรอ้ มเอกสารนาเสนอท่ีมีข้อมูลครบถ้วน และใหค้ วามสนใจการประชาสัมพนั ธ์โดยการใชว้ ีดโิ อแนะนา อสังหารมิ ทรพั ย์มอื สองทปี่ ระกาศขาย และการลงโฆษณาบนช่องทางยทู ูบ (YouTube) Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 61
แนวทางการวางแผนกลยทุ ธ์การตลาดอสงั หาริมทรัพย์มือสอง 1. ด้านผลิตภณั ฑ์ 1) การเพ่มิ มลู ค่าอสงั หาริมทรัพย์มือสองในรูปแบบการปรบั ปรงุ โดยจากการศึกษาพบว่า ผูบ้ รโิ ภคมคี วาม คิดเห็นที่ดีต่ออสังหาริมทรัพย์มือสองท่ีมีการปรับปรุงใหม่ (Renovate) สามารถเข้าอยู่ได้ โดยเน้นไปยังกลุ่มที่ไม่มี ประสบการณใ์ นการซื้ออสงั หารมิ ทรัพยม์ ือสองมาก่อน ซ่งึ มคี วามคดิ เหน็ ตอ่ รูปแบบอสังหาริมทรัพยม์ ือสองดังกล่าว น้ีอยู่ในระดับที่ดีมาก สอดคล้องกับบทวิจัยของรัชญา หลิมรัตน์ (2553) ในเร่ือง กลยุทธ์การตลาด: ศึกษาเฉพาะ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ และราคาของบ้านมือสอง ประเภทบ้านเดี่ยว บริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่กล่าวว่า กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ในปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ของบ้านมือสองที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุด คือ ควรมีการ ปรับปรุงบ้านมือสองให้มีความพร้อมน่าอยู่อาศัย เหมาะสมต่อการเข้าอยู่อาศัยได้ทันที ทาให้ง่ายต่อการ เปรยี บเทยี บตดั สินใจซอื้ 2) การนาเสนอถึงอสังหาริมทรัพย์มือสองที่พร้อมเข้าอยู่อาศัย โดยจากการศึกษาความคิดเห็นของผู้บริโภคท่ีมีต่อ อสังหาริมทรัพย์มือสอง ที่พร้อมอยู่ ปรับปรุงใหม่ หรือ อสังหาริมทรัพย์มือสองท่ีมีเครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์พร้อม พบว่ากลุ่มผู้บริโภคที่ไม่มีประสบการณ์ในการซ้ืออสังหาริมทรัพย์มือสองมาก่อน มีความคิดเห็นที่ดีต่อรูปแบบ อสังหาริมทรัพย์มือสองดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเสนอแนะการใช้ข้อมูลประสบการณ์ในการซ้ือของผู้บริโภค นาไปปรับใช้ ในการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) ประกอบกับข้อมูลด้านเพศ โดยให้น้าหนักไปท่ีเพศหญิง และ ข้อมูลด้านอายุ ท่ีให้น้าหนักไปยังช่วงอายุ 25-44 ปี ประกอบกับข้อมูลด้านการตลาดอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง เพื่อเข้าถึง กลุ่มผู้บริโภคเปา้ หมายไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 3) การนาเสนอถึงอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะ “ไม่พร้อมเข้าอยู่” แต่พร้อมนาไปปรับปรุงใหม่ตกแต่งใหม่ ตามวัตถุประสงค์ของผู้ซื้อ โดยจากผลการวิจัยพบว่าความคิดเห็นของผู้บริโภคในเร่ืองอสังหาริมทรัพย์มือสองท่ีมี สภาพเก่าชารุด ต้องปรับปรุง และอสังหาริมทรัพย์มือสองตามสภาพ ท่ีไม่ได้มีการตกแต่ง กลุ่มผู้บริโภคช่วงอายุ 35-44 ปี มีความคิดเห็นที่ดีต่อรูปแบบอสังหาริมทรัพย์มือสองดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเสนอแนะให้ใช้ข้อมูลด้านอายุ นาไปปรบั ใช้ในการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) ประกอบกับข้อมลู ดา้ นการตลาดอ่นื ๆ ในเขา้ ถึงกลุ่ม ผู้บรโิ ภคเป้าหมายได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 4) ชื่อเสียงของโครงการ หรือชื่อเสียงของผู้ประกอบการที่เป็นผู้พัฒนาโครงการ มีผลต่อการตัดสินใจของ ผู้บริโภค โดยอ้างอิงผลการสารวจจาก DDproperty (ดีดีพร็อพเพอร์ตี้, 2563) พบว่า ปัจจัยในการเลือกซ้ือ อสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภค นอกจากราคา ทาเล และความสามารถทางการเงิน ผู้บริโภคให้ความสนใจกับตัว ผพู้ ฒั นาโครงการอีกด้วย โดยผบู้ ริโภคพจิ ารณาจากโครงการทผี่ ่านมา และช่อื เสยี งของผู้พฒั นาโครงการเป็นอันดับ หนึ่ง รองลงมาจะพิจารณาจากคุณภาพของวสั ดทุ ี่นามาใช้ และพจิ ารณาจากบทวจิ ารณท์ ี่มีต่อโครงการของผู้พัฒนา รายน้ัน ๆ ตามลาดับ ซ่ึงสอดคล้องกับผลการวิจัยท่ีพบว่าอสังหาริมทรัพย์มือสองท่ีอยู่ในโครงการหมู่บ้านที่มี ชื่อเสยี งและนา่ เชอ่ื ถือ กลมุ่ ผบู้ รโิ ภคที่ไมเ่ คยมีประสบการณ์ในการซื้ออสงั หาริมทรัพย์มือสองมาก่อนมีความคิดเห็น ที่ดีต่อรูปแบบอสังหาริมทรัพย์มือสองดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเสนอแนะให้ใช้รูปแบบของประสบการณ์ในการซื้อ อสังหาริมทรัพย์มือสอง นาไปปรับใช้ในการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) ประกอบกับข้อมูลด้านเพศ โดยให้น้าหนักไปที่เพศหญิง และข้อมูลด้านการตลาดอื่น ๆ ซึ่งการนาเสนอดังกล่าว ถือเป็นการย้าให้ผู้บริโภคเกิด ความมั่นใจมากขนึ้ และสามารถนาไปใช้ประกอบการตดั สนิ ใจซ้ือได้รวดเร็วและมปี ระสทิ ธิภาพย่ิงข้ึน Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 62
5) ความเช่ือเร่ืองศาสตร์ด้านชัยภูมิ ทิศทาง และความเช่ือเกี่ยวกับฮวงจุ้ย โดยจากการค้นคว้าจากวารสาร ราชบัณฑิตยสถาน ผุสดี ทิพทัส (2555) ได้กล่าวถึงฮวงจุ้ยท่ีอยู่อาศัยไว้ว่า สามารถพลิกผันโชคชะตาของผู้เกี่ยวข้อง ให้ดีขึ้นได้ ถ้าดาเนินการถูกต้องตามหลักการ ตาราฮวงจุ้ยจึงถูกนามาใช้เพื่อกาหนดทิศทางการก่อสร้างให้ตั้งอยู่ใน ตาแหน่งที่ดี ซึ่งจะนาความเจริญรุ่งเรืองอุดมลาภยศให้แก่ผู้อยู่อาศัยหรือผู้ดาเนินธุรกิจ (วารสารราชบัณฑิตยสถาน ฉบับ 37 ปี 2555) ซ่ึงฮวงจุ้ยถือเป็นศาสตรค์ วามเช่ือหน่ึง ที่คนท่ัวไปสนใจและนามาปรับใช้ในชีวิตส่วนตัวได้ ซ่ึงการ นาเสนอถึงข้อมูลของทิศทาง หรือประเด็นฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัย หรือศาสตร์ด้านชัยภูมิ เพ่ือนามาเป็นประเด็นดึงดูด ผู้บริโภคทีม่ ีความสนใจอสังหาริมทรัพย์มือสองและสนใจในเร่ืองฮวงจ้ยุ ได้ โดยจากผลการวจิ ัยพบว่าอสังหาริมทรัพย์ มือสองที่มีการระบุว่ามีฮวงจุ้ยท่ีดี กลุ่มผู้บริโภคท่ีไม่เคยมีประสบการณ์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสองมาก่อนมี ความคิดเห็นที่ดีต่อรูปแบบอสงั หาริมทรัพย์มือสองดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเสนอแนะให้ใช้รูปแบบของประสบการณ์ในการ ซ้ืออสังหาริมทรัพย์มือสอง นาไปปรับใช้ในการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) ประกอบกับเพศ โดยให้ น้าหนักไปท่ีเพศหญิง และข้อมูลด้านการตลาดอ่ืน ๆ ซ่ึงการนาเสนอดังกล่าว ถือเป็นการย้าให้ผู้บริโภคเกิดความ มนั่ ใจมากขึ้น และสามารถนาไปใช้ประกอบการตดั สนิ ใจซ้ือไดร้ วดเรว็ และมีประสิทธภิ าพย่ิงขึ้น 2. ดา้ นราคา 1) การนาเสนอถึงความจริงใจในการบอกราคา เข้าถึงได้ง่าย และสร้างภาพลักษณ์ด้านความพร้อมในการ ให้คาปรึกษาโดยยึดหลักความเป็นจริง เช่น นาเสนอในด้านการเจรจาต่อรองราคาได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ระบุอย่าง ชัดเจน เพื่อแสดงถึงความเข้าใจในผู้บริโภค ท่ีต้องการความคุ้มค่า โดยจากผลการวิจัย อสังหาริมทรัพย์มือสองท่ี ผู้ขายเปิดโอกาสให้มีการต่อรองราคาได้ พบว่า ผู้บริโภคทุกกลุ่มมีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์การตลาดดังกล่าวใน ระดับท่ีดีมาก ซึ่งการส่ือสารในด้านราคาดังกล่าวน้ี อาจมีส่วนช่วยในการดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ เพ่ือ ก่อให้เกิดโอกาสในการนาเสนอผลิตภัณฑ์ได้เพ่ิมขึ้น สามารถแข่งขันกับคู่แข่งขันในตลาดได้มากขึ้น และอาจช่วย เรง่ รดั เวลาการตัดสินใจซ้ือของกล่มุ ลูกค้าเป้าหมายอีกด้วย 2) แนวคิดต้นทุนของผู้บริโภค (Cost to the Price) ที่มองว่า ผู้ขายท่ีสามารถลดต้นทุนของลูกค้าได้มาก ท่ีสุดคือความได้เปรียบ ซ่ึงต้นทุนดังกล่าวน้ันอาจไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่อาจเป็นต้นทุนทางด้านเวลา ต้นทุนทางด้าน ความคิด การวิเคราะห์ หรือต้นทุนในการเปรียบเทียบความคุ้มค่า เป็นต้น การจัดทาแพคเกจขายอสังหาริมทรัพย์ พร้อมสินเช่ือ จึงเป็นลักษณะการเพ่ิมศักยภาพการขายท่ีน่าสนใจ เช่น การจัดหาพันธมิตรจากธุรกิจท่ีเกี่ยวข้องให้ เข้ามาร่วมมือ เพ่ือเน้นการอานวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคเป็นหลัก ท้ังน้ี การตั้งราคาให้เป็นรูปแบบราคาเดยี ว ก็เป็นส่ิงท่ีน่าสนใจศึกษาและดาเนินการให้เกิดขึ้นจริง โดยการกาหนดราคาเพียงราคาเดียว ท่ีครอบคลุม ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และค่าใช่จ่ายอื่น ๆ เรียบร้อยแลว้ เพื่อความง่ายและสะดวกต่อการสอ่ื สาร อีกทั้ง ยังเป็นการนาเสนอความคุ้มค่าไปยังผู้บริโภคได้อีกทางหนึ่ง โดยสอดคล้องกับผลการวิจัยที่พบว่าอสังหาริมทรัพย์ มอื สองท่ผี ขู้ ายจดั หาสินเช่อื ให้ พร้อมดอกเบยี้ พเิ ศษ และผ้ขู ายเป็นผูช้ าระคา่ ธรรมเนยี มการโอนกรรมสิทธ์ิ ผ้บู รโิ ภค ทกุ กลมุ่ มีความคิดเห็นต่อกลยทุ ธก์ ารตลาดดงั กลา่ วในระดบั ทดี่ ีมาก 3) การจัดให้มีการเช่าซื้อกับผู้ขายโดยตรง ให้สิทธิ์ซ้ือได้เมื่อพร้อม เพื่อเป็นทางเลือกในการซ้ือ ในรูปแบบ ของราคาแรกที่ต้องชาระ ให้สามารถแบ่งชาระเป็นงวดได้สาหรับเงินสด และเป็นการลดขั้นตอนและค่าใช้จ่าย ในการขอสินเช่ือจากธนาคารพาณิชย์ อีกท้ัง ยังเป็นการเพ่ิมโอกาสการขายไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจซ้ือ อสังหาริมทรัพย์ แต่เข้าไม่ถึงการขอสินเช่ือจากธนาคารพาณิชย์ โดยจากผลการวิจัย อสังหาริมทรัพย์มือสองท่ี ผู้ขายจัดให้มีการเช่าซื้อโดยตรง โดยให้สิทธ์ิซ้ือได้เมื่อพร้อม พบว่า ผู้บริโภคที่มีวัตถุประสงค์ในการซ้ือเพ่ือนาไปใช้ Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 63
ในเชงิ พาณชิ ย์และการลงทนุ มีความคิดเห็นทด่ี ีต่อรูปแบบอสังหาริมทรัพย์มือสองดังกล่าว ผู้วจิ ัยจงึ เสนอแนะให้ใช้ วัตถุประสงค์ในการซ้ืออสังหาริมทรัพย์มือสอง นาไปปรับใช้ในการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) ประกอบกบั ขอ้ มูลด้านการตลาดอนื่ ๆ ท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือเขา้ ถงึ กลุม่ ผู้บริโภคเปา้ หมายไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 4) การนาเสนอถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนในอสงั หารมิ ทรัพย์ ว่ามีความคุ้มค่า เหมาะสมต่อการลงทนุ หรือไม่ โดยเป็นการนาเสนอแนวทาง หรอื ข้อมูลที่ผบู้ รโิ ภคจะสามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ โดยเฉพาะ ในเชิงธรุ กิจและการลงทุน โดยจากผลการวิจัย อสงั หารมิ ทรัพย์มือสอง ทผ่ี ขู้ ายมกี ารนาเสนอและเปรียบเทยี บราคา ตลาด และผู้ขายมีการการันตีผลตอบแทนในเชิงการลงทุน เช่น ค่าเช่า ราคาขายต่อ เป็นต้น พบว่า ผู้บริโภคที่มี วัตถุประสงคใ์ นการซ้ือเพอ่ื นาไปใช้ในเชงิ พาณิชย์และการลงทุน และซอื้ เพอ่ื เปน็ สินทรัพย์สว่ นบคุ คล มีความคดิ เหน็ ท่ีดีต่อรูปแบบอสังหาริมทรัพย์มือสองดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเสนอแนะให้ใช้วัตถุประสงค์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือ สอง นาไปปรับใช้ในการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) ประกอบกับข้อมูลด้านการตลาดอ่ืน ๆ ที่ เกยี่ วข้อง เพอื่ เขา้ ถึงกลมุ่ ผูบ้ ริโภคเปา้ หมายได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 3. ดา้ นช่องทางการขาย 1) การนาเสนอถึงอสังหาริมทรัพย์มือสอง จากผู้ที่มีช่ือเป็นเจ้าของตามเอกสารสิทธ์ิ หรือญาติผู้ใกล้ชิด เป็นผู้นาเสนอขายในช่องทางการขายของตนเอง เป็นการสร้างความมั่นใจ ในด้านข้อมูลของอสังหาริมทรัพย์ และ ความยืดหยุ่นของราคา และเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมการซื้อขายของนายหน้าตัวกลาง เป็นต้น ซึ่งประเด็นดังกล่าว จากผลการวิจัย อสังหาริมทรัพย์มือสองที่ผู้ขายมีการนาเสนอว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ มอื สองท่ีเจ้าของขายเอง พบวา่ ผบู้ ริโภคมคี วามคิดเหน็ ท่ีดี ต่อการนาเสนอช่องทางการขายว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ มอื สองทเ่ี จา้ ของขายเอง โดยให้น้าหนักไปยังกลมุ่ ผู้บริโภคชว่ งอายุ 25-44 ปี ผูว้ ิจัยจงึ เสนอแนะใหใ้ ช้ข้อมลู ด้านอายุ นาไปปรับใช้ในการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) ประกอบกับข้อมูลด้านการตลาดอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง เพอ่ื เขา้ ถงึ กลมุ่ ผบู้ ริโภคเปา้ หมายไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ 2) การนาเสนอที่มาของอสังหาริมทรัพย์มือสอง ว่าเป็นทรัพย์สินรอการขายจากสถาบันการเงิน หรือ ท่ีเรียกว่า NPAs โดยจากผลการวิจัย อสังหาริมทรัพย์มือสองที่มีการนาเสนอว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์มือสอง ที่เป็นทรัพย์สินรอการขายจากสถาบันการเงิน หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ (NPA) พบว่า กลุ่มผู้บริโภคที่มี ประสบการณ์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสอง มีความคิดเห็นที่ดี ต่อรูปแบบอสังหาริมทรัพย์มือสองดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเสนอแนะให้ใช้รูปแบบของประสบการณ์ในการซ้ืออสังหาริมทรัพย์มือสอง นาไปปรับใช้ในการแบ่งกลุ่ม ทางการตลาด (Segmentation) ประกอบกับข้อมูลด้านอายุ โดยให้น้าหนักไปท่ีช่วงอายุ 45 ปีข้ึนไป ประกอบกับ ขอ้ มลู ด้านการตลาดอื่น ๆ ทั้งนี้ นอกจากการนาเสนอไปยังกลุ่มที่มีความคิดเห็นที่ดีอยู่แล้วน้ัน การนาเสนอข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ มือสอง วา่ เปน็ ทรพั ย์สินรอการขายจากสถาบันการเงนิ หรอื NPAs นั้น ก็อาจเปน็ ทางเลือกใหมข่ องกลุ่มผบู้ รโิ ภคท่ีไม่ สนใจ หรือยังเข้าไม่ถึงข้อมูลที่เก่ียวข้องกับ NPAs ผู้วิจัยจึงเสนอแนะเพิ่มเติม ให้มีการนาเสนอไปยังกลุ่มผู้บริโภค กลุ่มอ่ืน ๆ ด้วยแนวทางการส่ือสารท่ีเหมาะสมแตกต่างกันไป ได้แก่ กลุ่มที่ไม่เคยรู้จัก NPAs กลุ่มไม่เคยมี ประสบการณใ์ นการซอ้ื อสงั หาริมทรพั ย์มือสอง และกลมุ่ ผูบ้ ริโภคช่วงอายุ 25-44 ปี เพ่ือนาเสนอถึงข้อมูลท่สี นับสนุน และช้ีใหเ้ ห็นถึงความนา่ สนใจ หรือขอ้ ไดเ้ ปรยี บของ NPAs เพ่อื ขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายใหม้ ากยงิ่ ข้ึน Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 64
3) การใช้สื่อส่ิงพิมพ์ สาหรับการทาแคตตาล็อค (Catalog) รวบรวมรายการอสังหาริมทรัพย์มือสองที่ น่าสนใจ ในรูปแบบของรูปเล่มเอกสาร หรือแผ่นพับใบปลิว โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ท่ีเหมาะสาหรับการใช้ใน เชิงพาณิชย์และการลงทุน ซ่ึงจากผลการวิจัย อสังหาริมทรัพย์มือสอง ท่ีผู้ขายมีช่องทางการขายโดยการผลิต แคตตาล็อค (Catalog) ท่ีพิมพ์เป็นเล่มหรือโบรชัวร์ พบว่า ผู้บริโภคท่ีมีวัตถุประสงค์ในการซื้อเพื่อนาไปใช้ใน เชิงพาณิชย์และการลงทุน มีความคิดเห็นท่ีดีต่อกลยุทธ์การตลาดดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเสนอแนะให้ใช้วัตถุประสงค์ใน การซ้ืออสังหาริมทรัพย์มือสอง นาไปปรับใช้ในการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) โดยให้น้าหนักไปยัง กลุ่มมีวัตถุประสงค์ในการซื้อเพ่ือนาไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการลงทุน ประกอบกับข้อมูลด้านการตลาดอ่ืน ๆ เพ่ือ เข้าถึงกลุ่มผบู้ ริโภคเปา้ หมายไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพต่อไป 4. ดา้ นการส่งเสรมิ การตลาด 1) การโฆษณาประชาสัมพันธ์อสังหาริมทรัพย์มือสองผ่านช่องทางออนไลน์ (Online) ต่าง ๆ ถือเป็นส่ิงที่ จาเป็นในการส่ือสารการตลาดไปยังผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยจากผลการวิจัย อสังหาริมทรัพย์มือสองที่ผู้ขายมีการ จัดทาวีดิโอแนะนาทรัพย์สินที่ประกาศขาย และผู้ขายมีการโฆษณาบนยูทูบ (YouTube) พบว่าผู้บริโภคท่ีมี วัตถุประสงค์ในการซื้อเพ่ือนาไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการลงทุน มีความคิดเห็นท่ีดีต่อกลยุทธ์การตลาดดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเสนอแนะให้ใช้วัตถุประสงค์ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสอง นาไปปรับใช้ในการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) โดยให้น้าหนักไปยังกลุ่มมีวัตถุประสงค์ในการซ้ือเพ่ือนาไปใช้ในเชิงพาณิชย์และการลงทุน ประกอบกับข้อมูลด้านการตลาดอื่น ๆ เพ่ือเป็นการนาเสนออย่างกระชับ และมีประสิทธิภาพสูง และถ้าหากการ ส่ือสารเนื้อหา (Content) เป็นไปได้อย่างเหมาะสม ร่วมสมัย ดึงดูดผู้ชมได้ดี คาดว่าจะได้รับการตอบสนองจาก ผบู้ ริโภคไดเ้ ปน็ อย่างดี 2) การร่วมออกบูท ในกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดที่เก่ียวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ท่ีมีจัดข้ึน ณ สถานท่ีจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ศูนย์ประชุม หรือลานกิจกรรมภายในห้างสรรพสินค้าช้ันนา เป็นต้น โดยจาก ผลการวจิ ัย อสงั หาริมทรพั ย์มือสอง ทผี่ ้ขู ายรว่ มออกบูทในงานมหกรรมตา่ ง ๆ เชน่ มหกรรมบ้านและคอนโด พบวา่ ผู้บริโภคมีความคิดเห็นท่ีดี ต่อกลยุทธ์การตลาดดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเสนอแนะให้ใช้ข้อมูลด้านอายุ และข้อมูลด้าน วตั ถุประสงคใ์ นการซ้ืออสังหารมิ ทรัพยม์ ือสอง นาไปปรับใชใ้ นการแบง่ กลมุ่ ทางการตลาด (Segmentation) โดยให้ น้าหนักไปยังช่วงอายุ 25-34 ปี และอายุ 45 ปีข้ึนไป โดยการประยุกต์ ผสมผสานรูปแบบการนาเสนอกิจกรรมให้ สามารถส่ือสารไปยังทุกกลุ่มเป้าหมายท่ีสนใจเข้ามาร่วมชมมหกรรมที่เกิดข้ึน และให้น้าหนักไปยังกลมุ่ ผูบ้ ริโภคท่มี ี วัตถุประสงคใ์ นการซ้ือเพ่ือนาไปใช้ในเชิงพาณิชยแ์ ละการลงทุน และกลุ่มท่ีมีวัตถุประสงค์ซ้ือเพ่ือเปน็ สินทรัพย์ โดย การนาเสนอข้อมูลด้านความคุ้มค่าต่อการลงทุน หรือเหมาะสมในการครอบครองเพื่อเป็นทรัพย์สิน เป็นมรดกท่ีมี มูลค่าต่อยอดได้ เป็นต้น โดยใช้ประกอบกับข้อมูลด้านการตลาดอ่ืน ๆ เพ่ือเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 3) การโฆษณาบนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ หรือ ป้ายบิลบอร์ด ( Billboard) คือ ป้ายโฆษณา ท่มี ีลักษณะเป็นแผ่นกระดานกลางแจง้ ขนาดใหญ่ โดยตงั้ อยใู่ นทาเลทม่ี ีคนพลุกพล่าน สามารถมองเห็นไดช้ ัดเจนใน วงกว้าง เช่น ถนนสายหลกั สี่แยก เปน็ ตน้ ซงึ่ จากผลการวิจัย อสังหาริมทรพั ยม์ ือสอง ท่ผี ูข้ ายมกี ารโฆษณาบนป้าย โฆษณาขนาดใหญ่ (Billboard) พบว่า กลุ่มผู้บริโภคช่วงอายุ 35 ปีข้ึนไป มีความคิดเห็นที่ดี ต่อกลยุทธ์การตลาด ดังกล่าว ผู้วิจัยจึงเสนอแนะใหใ้ ช้ข้อมูลด้านอายุ นาไปปรับใช้ในการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) โดย ให้น้าหนักไปยังช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไป และจากการสัมภาษณ์ผู้บริโภคในช่วงอายุ 45 ปีข้ึนไป จานวน 2 คน เพื่อนา Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 65
ข้อคิดเห็นมาอภิปรายผล ซึ่งผู้ให้สัมภาษณ์มีความคิดเห็นว่าการที่ผู้ขายมีการโฆษณาบนป้ายกลางแจ้งขนาดใหญ่ เป็นการเพม่ิ ความมัน่ ใจให้กบั ผู้บริโภคท่ีมีต่อภาพลักษณ์ของผขู้ ายวา่ มีศักยภาพในการคดั สรรผลติ ภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ใหแ้ กผ่ ้บู รโิ ภคได้ ขอ้ เสนอแนะ ผลที่ได้จากการวิจัยในคร้ังนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสอง ได้แก่ ผู้ประกอบการด้าน การตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง นายหน้าอสังหาริมทรัพย์มือสอง ผู้สนใจท่ีต้องการซ้ือขาย และผู้สนใจศึกษา เก่ียวกับการตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง เป็นต้น สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในด้านการกาหนดกลยุทธ์การตลาด อสังหาริมทรัพย์มือสอง และการแบ่งกลุ่มทางการตลาด (Segmentation) ให้เหมาะสมกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ จะนามาเลือกใช้ เพื่อให้สามารถเขา้ ถึงผบู้ ริโภคได้อยา่ งแมน่ ยา และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ซง่ึ งานวิจยั นี้เสนอแนะให้นาข้อมูลการศกึ ษา และผลท่ีได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางใน การดาเนินงานส่วนต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการตลาดสาหรับอสังหาริมทรัพย์มือสองตามแต่ละบริบทของการ ดาเนนิ งานในประเด็นต่าง ๆ ดังน้ี 1. การกาหนดกลยุทธ์การตลาดควรศึกษาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด และพัฒนา ผลิตภัณฑ์ใหเ้ กิดความสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ เพอ่ื ใหส้ ามารถพรอ้ มใช้งานตามวตั ถปุ ระสงค์ 2. กลยุทธ์การนาเสนอราคาควรกาหนดให้มีความสอดคล้องกบั กลมุ่ เป้าหมายทางการตลาด 3. ช่องทางการขายควรนาเสนอโดยผู้แนะนาที่มีความน่าเช่ือถือ สร้างความม่ันใจในท่ีมาของผลิตภัณฑ์ และควรให้ข้อมลู ทคี่ รบถ้วนสมบูรณ์มากที่สดุ 4. กาหนดกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดให้ชัดเจน เพ่ิมช่องทางการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ตรงกับ กลุ่มเป้าหมาย เพมิ่ ความหลากหลายในการดึงดูดผู้บริโภคจากคู่แข่งทางการตลาดอ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ โครงการบ้านจัดสรรใหม่ และการเชา่ อสงั หารมิ ทรพั ย์ เป็นตน้ เอกสารอา้ งองิ ฐานเศรษฐกจิ . (2563). บา้ นใหม่ดมั พร์ าคาทุบตลาดบ้านมือสองดิ้นหนีเจาะเศรษฐี-ต่างชาติ, สบื คน้ เม่อื 31 มนี าคม 2563, สบื ค้นจาก https://www.thansettakij.com/content/432149. ดีดีพร็อพเพอร์ต้ี. (2563). คนไทยมอง “ตลาดอสังหาฯ” อย่างไรในช่วงที่ผ่านมา. สืบค้นเม่ือ 31 มีนาคม 2563, สืบคน้ จาก https://forbesthailand.com/news/property/คนไทยมอง-ตลาดอสงั หาฯ-อย่างไรในช่วงท่ี ผา่ นมา.html. ถวลิ ธาราโภชน.์ (2532). จติ วทิ ยาสังคม. กรงุ เทพฯ: โอเดียนสโตร์. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา. (2563). สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพ่ือท่ีอยู่อาศัย, สืบค้นเม่ือ 31 มีนาคม 2563, สืบค้นจาก https://www.krungsri.com/th/personal/loans/home-loans/homeloan. นิภาพร อริยบัณฑิตกุล. (2555). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อท่ีอยู่อาศัยมือสองของประชาชนในเขต กรงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล. วารสารวิชาการมหาวทิ ยาลัยปทุมธานี, 4(2), 159-164. Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 66
ผสุ ดี ทพิ ทสั . (2555). ฮวงจ้ยุ ในงานสถาปตั ยกรรม. วารสารราชบัณฑิตยสถาน, 37(2), 182-191. พิชานันท์ บุญพร้อมกุล และ อัจฉราวรรณ งามญาณ. (2560). ตัวบ่งชี้ล่วงหน้าของการถดถอยของธุรกิจ อสงั หาริมทรัพย์ของไทย. วารสารบริหารธรุ กิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, 40(156), 36-37. มนธิดา ศรีพยุงฉันท์. (2558). ศึกษาเร่ืองความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบของกลุ่ม ผู้บริโภคเปรียบเทียบ Generation X กับ Generation Y ในเขตกรุงเทพมหานคร. การค้นคว้าอิสระ เศรษฐศาสตรมหาบณั ฑิต, สาขาเศรษฐศาสตร์ธรุ กิจ, คณะเศรษฐศาสตร์, มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ รชั ญา หลิมรัตน.์ (2553). กลยุทธ์การตลาด: ศึกษาเฉพาะปจั จยั ด้านผลิตภณั ฑ์ และราคาของบ้านมือสอง ประเภท บ้านเดี่ยว. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชานวัตกรรมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผงั เมือง, มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.์ ศกั ดิ์ สุนทรเสณี. (2531). เจตคต.ิ กรงุ เทพฯ: ดดี ี บุก๊ สโตร์. สมจิตร เปรมกมล. (2552). ปัจจัยท่ีกําหนดการตัดสินใจในการซ้ือบ้านมือสองของผู้บริโภค มีการศึกษาเก่ียวกับ ปัจจัยและพฤตกิ รรมในการซอ้ื บา้ นมอื สองของผู้บรโิ ภค. วทิ ยานพิ นธเ์ ศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวทิ ยาลัยธุรกจิ บณั ฑิตย.์ โสภณ พรโชคชัย (2560). การบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย. (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: โรงเรียนธุรกิจ อสังหาริมทรพั ยไ์ ทย. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส. (2560). ท่านทราบไหมมูลค่าตลาดบ้านของไทยปีละเท่าไหร่. สืบค้นเมื่อ 31 มีนาคม 2563, สืบค้นจาก http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php? strquey=press_announcement1871.htm. Berelson, B. & Steiner, A. G., ( 1964) . Human behavior: An inventory of scientific findings. New York: Harcourt, Brace & World. Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing. (5th ed.). New York: Harper Collins Publishers. DeFleur M. L. & Ball-Rokeach S. J. (1996). Theories of mass communication, London: Longman. Kendler, H. H. (1963). Basic Psychology. New York: Appleton-Century-Crofts. Lauterborn, R.F. (1990). New Marketing Litany; Four P's passe; C-words take over. New York: Crain Communications. McCarthy, E. J., (1971). Basic Marketing: A Managerial Approach, Homewood: R.D. Irwin. Munn, N. L., (1971). Introduction to Psychology. Boston: Houghton Mifflin. Murphy, G., Murphy, L. B., & Newcomb, T. M. (1973). Experimental social psychology. New York: Harper. Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 67
Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity. Dutch Journal of Educational Research, 2, 49-60. Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. (3rd ed.). New York: Harper and Row. Translated Thai References Agency for Real Estate Affairs. (2017). Do you know the housing market in Thailand, how much a year?. Retrieved March 31, 2020, from http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_ press.php?strquey=press_announcement1871.htm. (in Thai) Ariyabunditkul, N. (2012). Factors Affecting the Buying Behavior of Buying Second-hand Houses in Bangkok and its perimeter vicinity. Academic Journal of Pathumthani University, 4(2), 159-164. (in Thai) Bank of Ayudhya Public Company Limited. (2020). Krungsri Home Loans’s Information, Retrieved March 31, 2020, from https://www.krungsri.com/th/personal/loans/homeloans/homeloan. (in Thai) Boonpromgul, P., & Ngarmyarn, A. (2017). Leading Indicators in Thai Real Estate Business Recession. Thammasat Business Journal, 40(156), 36-37. (in Thai) DDProperty. (2020). How did Thai People View The Property Market. Retrieved March 31, 2020, from https://forbesthailand.com/news/property/How did Thai People View The Property Market.html. (in Thai) Limrat, R. (2010). Marketing Strategy: Based on Product and Pricing for Single Detached House for Resale in Suburban Bangkok Area. Thesis, Department of Innovative Real Estate Development, Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University. (in Thai) Pornchokchai, S. (2017). Real Estate Business Management in Thailand. (5th ed.). Bangkok: Thai Real Estate Business School. (in Thai) Premkamol, S. (2 0 0 9 ) . An Analysis on The Demand for Resale Homes. Thesis, Department of Economics, Graduate School, Dhurakij Pundit University. (in Thai) Soonthornsenee, S. (1988). Scientific Attitude. Bangkok: DD Bookstore. (in Thai) Sriphayungchan, M. (2015). Customer Needs on The Horizontal Property of Generation X and Generation Y in Bangkok (Thailand). Independent Studies, Master of Arts Program in Business Economics, Faculty of Economics, Thammasat University. (in Thai) Tarapoch, T. (1989). Social Psychology. Bangkok: Odeon Store. (in Thai) Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 68
Thansettakij Newspaper. (2020) New House Project Decrease Price Attack to The Second-Hand Home Market and Targeting to Rich-Man Market and Foreigner. Retrieved March 31, 2020, from https://www.thansettakij.com/content/432149. (in Thai) Thiptad, P. (2012). Feng Shui in architecture. The Journal of the Royal Society of Thailand, 37(2), 182-191. (in Thai) Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 69
ปัญหาการชาระสินเช่ือเพื่อทอ่ี ย่อู าศัยกับสถาบนั การเงนิ วนั ทร่ี ับบทความ: 20 พฤศจกิ ายน 2563 อังคณา บุญสาราญ1 และ มงคล อศั วดลิ กฤทธ์ิ2* วนั แกไ้ ขบทความ: 2 มีนาคม 2564 วันตอบรบั บทความ: 25 พฤษภาคม 2564 บทคัดย่อ การชาระสินเชื่อของลูกค้าเป็นสิ่งสาคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างยั่งยืน ท้ังนี้จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ปี 2559 – 2561) พบว่ามูลค่าหน้ีท่ีไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร พาณิชย์ไทยมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเน่ือง ปัญหาส่วนหน่ึงมาจากสินทรัพย์ท่ีไม่ก่อให้เกิดรายได้ในสถาบันการเงิน ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาปัญหาการชาระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกับสถ าบันการเงิน 2) เพอ่ื วเิ คราะห์ปญั หาการชาระสนิ เชอ่ื เพื่อท่ีอยู่อาศยั กบั สถาบนั การเงิน 3) เพือ่ เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา การชาระสนิ เช่ือเพ่อื ท่ีอยู่อาศัยกับสถาบนั การเงนิ ซงึ่ งานวิจัยมกี ารเก็บข้อมูลแบบสอบถามจากผู้ใชส้ นิ เชื่อเพื่อที่อยู่ อาศัยกับสถาบันการเงินต่าง ๆ จานวน 400 คน ผลการวิจัยพบว่าปัญหาท่ีเกิดจากปัจจยั ภายนอกและปัจจัยที่เกดิ จากผู้ขอสนิ เชอื่ มีความเห็นอย่รู ะดบั มาก สว่ นปจั จัยเกิดจากสถาบันการเงินอยู่ในระดับปานกลาง นอกจากนผ้ี ลการ ทดสอบสมมติฐาน พบว่า กลุ่มของผู้ตอบแบบสอบถามท่ีมีด้านอายุ ด้านอาชีพ ด้านระดับรายได้เฉล่ียต่อเดือน แตกต่างกันมีความคิดเห็นต่อปัญหาต่าง ๆ แตกต่างกัน สุดท้ายงานวิจัยนี้ได้มีการนาเสนอแนวทางในการแก้ไข ปญั หาการชาระสินเชื่อเพื่อทอ่ี ยอู่ าศัยกับสถาบันการเงนิ คาสาคญั : การชาระสินเช่ือ, สถาบันการเงิน, สนิ เชือ่ เพ่ือท่ีอยู่อาศัย * Corresponding Author e-mail: [email protected] 1 นักศึกษาระดบั ปริญญาโท หลกั สูตรบริหารธรุ กิจมหาบัณฑิต สาขาการจดั การ (สาขาวิชาการจัดการอสังหาริมทรัพย์) บัณฑิตวิทยาลยั การจดั การและนวัตกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี e-mail: [email protected] 2 อาจารยป์ ระจา สาขาวชิ าการจดั การอสังหาริมทรพั ย์ บณั ฑติ วิทยาลยั การจดั การและนวตั กรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี e-mail: [email protected] Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 70
The problem of paying home loans with financial institutions Received: 20 November 2020 Ankana Boonsumran1 and Mongkol Ussavadilokrit2* Revised: 2 March 2021 Accepted: 25 May 2021 Abstract Customer loan payments are essential to drive the sustainable development of the real estate business. According to the Bank of Thailand’s data (2016 - 2018), it found that the non-performing loan value of Thai commercial banks has steadily increased, partly due to the non-performing assets from financial institutions. Therefore, this research aims to 1) to study the problems of paying home loans with financial institutions 2) to analyze the problem of paying home loans with financial institutions 3) to suggest solutions to the problems of home loan payment with financial institutions. In this research, questionnaires were collected from 400 home loan users from various financial institutions. The research found that the problems arising from external factors and factors caused by loan applicants were at a high level. The factors caused by financial institutions were at a moderate level. In addition, the hypothesis test results showed that the group of respondents with different age, occupation, and average monthly income had different opinions on the problems. Finally, this research proposed solutions to solve the problem of paying home loans with financial institutions. Keywords: Loan Payment, Financial Institution, Home Loan * Corresponding Author e-mail: [email protected] 1 Student, Master of Business Administration (Management) MBA Real Estate Management Program, Graduate School of Management and Innovation, King Mongkut’s University of Technology Thonburi. email: [email protected] 2 Lecturer, Real Estate Management Program, Graduate School of Management and Innovation, King Mongkut’s University of Technology Thonburi. email: [email protected] Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 71
บทนา ปัจจุบันท่ีอยู่อาศัย ถือเป็นปัจจัยส่ีท่ีสาคัญและมีความจาเป็นในการดารงชีวิตของมนุษย์ การมีท่ีอยู่อาศัย ของตนเองน้นั บง่ บอกถึงความสาคัญในการสร้างหลักประกันท่ีมั่นคงและการมีคุณภาพชวี ิตท่ีดี สว่ นใหญผ่ ู้ซื้อที่อยู่ อาศัยจะมีการใช้เงิน 2 ส่วน โดยส่วนที่หน่ึง คือ เงินออมของตนเองท่ีนามาเป็นเงินดาวน์ และส่วนที่สอง คือ การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เม่ือทาสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงินนั้นแล้ว หากมีระเบียบวินัยการชาระตาม เงื่อนไขที่ตกลงในสัญญาน้ัน ถือว่าเป็นหนี้ดี แต่ถ้าหากเกิดการผิดชาระหรือมีการค้างชาระกับสถาบั นการเงิน จะส่งผลให้เกิดเป็นหน้ที ไี่ มก่ ่อใหเ้ กิดรายได้ (Non-Performing Loan) หรือ “NPL” ปัจจุบันมูลค่าหน้ีที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์ไทย มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก ปี 2559 จานวน 358,669 ล้านบาท ในปี 2560 จานวน 429,030 ล้านบาท และปี 2561 จานวน 443,654 ล้าน บาท ตามลาดับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (2561) โดยพบว่าประเด็นสาคัญเกิดจากหน้ีครัวเรือนไทยที่อยู่ใน ระดับสงู ซ่งึ มีทม่ี าจากหลายสาเหตุดว้ ยกัน เช่น การกู้เพื่อซื้อท่ีอยู่อาศยั , นโยบายการกระตุน้ การใชจ้ ่ายเพ่ือกระตุ้น เศรษฐกิจ, ภัยน้าท่วม ที่ทาให้ครัวเรือนต้องก่อหน้ีเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย รวมถึงทัศนคติ พฤติกรรม หรือวินัยทาง การเงนิ ท่ีเปลย่ี นแปลงไป เป็นต้น โดยภาพรวมการค้างชาระสินเชื่อ ข้อมูลหนีท้ ไี่ ม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่อสนิ เชอ่ื บา้ นของสถาบันการเงิน ปี 2562 มีจานวน 148,980 ล้านบาท และปี 2563 ไตรมาส 1 มีจานวน 168,098 ล้านบาท ตามลาดับ ศูนย์วิจัย ธนาคารออมสิน (2563) ถือเป็นปัญหาท่ีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเน่ือง จากข้อมูลหนี้ท่ีไม่ก่อให้เกิดรายได้ท่ีเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วน ใหญ่มีการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพ่ือมาซ้ือท่ีอยู่อาศัย หากไม่มีวินัยทางการเงิน หรือมีพฤติกรรมท่ี เปลี่ยนแปลงไป จะส่งผลให้เกิดเป็นหน้ีท่ีไม่ก่อให้เกิดรายได้สะสม ดังน้ันผู้วิจัยจึงนาประเด็นดังกล่าวมาศึกษาใน เร่ือง “ปัญหาการชาระสินเชื่อเพ่ือที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงิน” เน่ืองจากประชากรในปัจจุบันมีการขอสินเชื่อ เพ่ือท่ีอยู่อาศัยกับสถาบันการเงินที่ต่าง ๆ อยู่เพ่ิมขึ้น โดยข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (2564) มีจานวน บัญชีและมูลค่าสินเช่ือปล่อยใหม่เพ่ือซื้อท่ีอยู่อาศัยทั้งแนวราบและห้องชุด ในปี 2562 ไตรมาส 4 จานวน 34,966 บัญชี จานวน 103,091 ล้านบาท และในปี 2563 ไตรมาส 4 จานวน 36,206 บัญชี จานวน 110,501 ล้านบาท ด้วยเหตุน้ีผวู้ ิจยั จงึ ต้องการศึกษาปัญหาการชาระสนิ เช่ือเพื่อท่ีอยู่อาศัยกับสถาบันการเงิน เพื่อทราบถึงสาเหตุ และ นามาใช้เป็นข้อมูลสาหรับเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาการค้างชาระสินเชื่อเพ่ือท่ีอยู่อาศัย ซ่ึงจะสามารถลด การเกิดหนีท้ คี่ ้างชาระ หรือหน้ีท่ีไม่ก่อให้เกดิ รายไดต้ ่อไป วัตถุประสงคข์ องการวจิ ยั 1. เพอ่ื ศึกษาปญั หาการชาระสินเช่ือเพ่ือท่ีอยู่อาศัยกบั สถาบันการเงนิ 2. เพอื่ วิเคราะห์ปญั หาการชาระสนิ เชอื่ เพ่อื ที่อยู่อาศยั กบั สถาบนั การเงิน 3. เพ่ือเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปญั หาการชาระสินเช่อื เพ่ือท่ีอย่อู าศยั กับสถาบนั การเงิน Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 72
กรอบแนวความคดิ ตัวแปรตาม ตวั แปรอิสระ ปจั จยั ส่วนบุคคล ความคดิ เหน็ ต่อปัญหาการชาระสินเชอื่ เพอื่ ทอ่ี ยู่อาศัย - อายุ กับสถาบนั การเงิน - อาชีพ - ปัจจัยเกดิ จากภายนอก (4 ปจั จยั ) - รายไดต้ ่อเดือน - ปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน (8 ปัจจัย) - ปจั จัยเกิดจากผขู้ อสนิ เช่อื (13 ปัจจัย) ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั กรอบแนวคิดในการวิจัยด้านระดับความคิดเห็นของปัจจัยส่วนบุคคล โดยมีการต้ังสมมติฐานว่า อายุ อาชีพ หรอื รายไดต้ ่อเดือนของผู้ตอบแบบสอบถามท่ีแตกต่างกัน มีความคดิ เหน็ ต่อปัญหาการชาระสนิ เชื่อเพื่อที่อยู่ อาศัยกับสถาบนั การเงินแตกต่างกัน ตามรายละเอยี ดในภาพท่ี 1 ทบทวนวรรณกรรม ความร้ทู ว่ั ไปเกี่ยวกับสนิ เช่ือท่ีอยู่อาศัย เอกรัฐ วงศ์วีระกุล (2553) อธิบายถึงสินเชื่อเพ่ือท่ีอยู่อาศัย หมายถึง สินเช่ือที่สถาบันการเงินให้แก่บุคคล ทั่วไป เพื่อประโยชน์จัดหาอสังหาริมทรัพ์ย์เพื่อการอยู่อาศัย แยกการจัดหาท่ีดิน เพื่อท่ีดินพร้อมบ้านท่ีอยู่อาศัย หอ้ งชดุ ในอาคารชุด รวมท้ังอาคาพาณิชยห์ รือตึกแถว นราธิป วงศ์สินธ์ุวิเศษ (2554) อธิบายถึงสินเช่ือเพื่อที่อยู่อาศัย หมายถึง สินเช่ือท่ีสถาบันการเงินให้กู้ยืม กบั บุคคล เพอ่ื การจดั หาทเ่ี พอื่ ทอ่ี ยู่อาศัย การซอ่ มแซม เปน็ ตน้ การขอสินเช่ือที่อยู่อาศัย เสมือนการยืมเงินจากทางธนาคารไปซ้ือบ้านก่อน ซ่ึงก่อนขอ สินเชื่อท่ีอยู่อาศัย ควรมีการตรวจสภาพการเงินของตนเอง และการเลือกสิ่งปลูกสร้างหรือบ้านที่ต้องการ หลังจากนั้นจึงมีการขอ สนิ เชือ่ ท่อี ยู่อาศยั กบั สถาบันการเงิน โดยการขอสินเชอ่ื จะมีข้ันตอนคือ 1) การเลอื กสถาบนั การเงนิ ให้เหมาะสมโดย พิจารณาจากอัตราดอกเบ้ียเป็นส่วนใหญ่ 2) การเตรียมเอกสารเพ่ือขอสินเช่ือท่ีอยู่อาศัยต้องจัดเตรียมเอกสาร ตามที่กาหนด 3) การย่ืนเอกสารและรอผลอนุมัติ ส่วนหลักการพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัยประกอบด้วย เงินต้น อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลากู้สินเช่ือเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะมีผลต่อการคานวณยอดเงินที่ต้องชาระตอ่ เดอื น อีกทัง้ มหี ลกั เกณฑ์การวเิ คราะห์เครดติ ของสถาบันการเงนิ 5 C ได้แก่ 1) คณุ ลกั ษณะและความน่าเช่อื ถือของ ผู้ขอสินเชื่อ (Character) เป็นการวิเคราะห์อุปนิสัยและพฤติกรรมของผู้ขอสินเชื่อ จะสะท้อนถึงความสามารถ พฤติกรรมด้านการเงินได้ 2) เงินทุน (Capital) เป็นทรัพย์สินในส่วนของผู้ขอสินเช่ือ 3) ความสามารถในการชาระหน้ี (Capacity) เป็นการวิเคราะห์เพ่ือนาเงินมาชาระหน้ีได้ตามเง่ือนไข 4) หลักประกัน (Collaterals) เป็นทรัพย์สินท่ี ผู้ขอสินเช่ือนามาเป็นหลักประกัน เพ่ือป้องกันความเสี่ยงในกรณีผิดชาระหนี้ 5) ปัจจัยภายนอก (Condition) ปจั จัยท่ีจะมผี ลต่อความสามารถในการชาระหนี้ของผขู้ องสินเช่อื (โฮมบายเออรไ์ กด์, 2560) Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 73
จากการศึกษาความรู้ทัว่ ไปเก่ียวกับสินเช่ือที่อยู่อาศัย ผ้วู จิ ัยได้นาไปพัฒนาเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และกาหนดเป็นโครงสร้างของข้อคาถามในแบบสอบถามท่ีเกยี่ วกบั ประเด็นโอกาสการคา้ งชาระในการศึกษาครัง้ น้ี แนวคิดและทฤษฎเี กย่ี วกับความเข้าใจเบืองต้นเรื่องหนสี ิน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉบับปัจจุบัน อธิบายถึงความหมายหน้ี หมายถึง ความผูกพันใน กฎหมายระหวา่ งบุคคลเดียวหรือหลายคน โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝา่ ย ไดแ้ ก่ ฝา่ ยหน่ึงเรยี กวา่ เจา้ หนี้ มสี ิทธิท่ีจะเรียก ให้อีกฝ่ายหน่ึงซ่ึงเรียกว่าลกู หนใ้ี ห้ชาระ โดยให้ส่งมอบทรัพย์สินหรือให้ทาการ หรือให้งดเว้นการอย่างใดอย่างหนง่ึ ตามความหมายน้ี (ชยั ยุทธ วชั รานนท์, 2546) จากการศึกษาแนวคดิ และทฤษฎีเก่ียวกับความเข้าใจเบ้ืองต้นเรื่องหน้ีสนิ ผู้วิจยั ได้นาไปพฒั นาเครื่องมือใน การเก็บรวบรวมข้อมูลและกาหนดคาถามคัดกรองที่เป็นโครงสร้างของข้อคาถามในแบบสอบถามที่เก่ียวกับ ประเดน็ โอกาสการค้างชาระในการศกึ ษาคร้งั นี้ แนวคิดเก่ยี วกับมลู เหตกุ ารคา้ งชาระ วนิดา จันทวงศ์ (2550) อธิบายถึงการค้างชาระของลูกหน้ี ถือเป็นส่ิงท่ีหลีกเล่ียงได้ยากในการดาเนินงาน ของธนาคาร ถึงแม้ว่าธนาคารนั้นได้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้กู้ข้ันต้นเป็นอันดับแรกแล้ว แต่ยังคงมีปัจจัยหลาย ปัจจัยทที่ าให้ลกู หน้ไี มส่ ามารถชาระได้ตามท่ีกาหนด โดยมูลเหตุการค้างชาระ สรปุ ได้ดังน้ี 1.ปัจจัยภายนอก เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซ่ึงหากปัจจัยดังกล่าวเปล่ยี นแปลงไปจะสง่ ผลกระทบ ต่อลกู หนีไ้ ด้ ดงั น้ี 1) ภาวะทางเศรษฐกจิ 2) นโยบายของรฐั 3) ค่านิยมและเทคโนโลยี การเปล่ยี นแปลง 4) ภัยธรรมชาติหรือเหตกุ ารณท์ ี่เกดิ ขึ้นโดยไมค่ าดคิด เชน่ ภยั จากไฟไหม้ ภยั จากน้าทว่ ม 2.ปจั จัยภายใน เป็นปัจจัยควบคุมได้โดยเกดิ ขึ้นภายในธนาคารเปน็ ผู้ปลอ่ ยสินเช่ือเอง และสามารถควบคุม การเปลยี่ นแปลงได้ ดงั นี้ 1) การเปล่ียนแปลงของอตั ราดอกเบีย้ 2) ระบบการติดตามและควบคมุ หนขี้ องธนาคาร 3) การอานวยสินเช่ือของธนาคารทไี่ มม่ กี ารวเิ คราะหส์ นิ เชื่อทีด่ ี หรือขาดประสบการณ์ 3.ปัจจยั จากผู้ขอสนิ เช่อื เปน็ ปจั จยั ที่เกิดขึ้นจากผกู้ ู้เอง ซ่งึ เป็นเหตุการณ์ที่ไมไ่ ด้คาดการณ์ไว้ก่อน ดงั นี้ 1) การทผ่ี ขู้ อสนิ เชอื่ นาเงินกู้นาไปใช้ผดิ วัตถุประสงค์ของการกู้ยืม 2) ผู้ขอสินเชื่อเสียชีวิตถึงแก่กรรม หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง ทุพพลภาพ สภาพครอบครัวมีการหย่าร้าง ทา ให้เกิดภาระคา่ ใช้จ่ายในการดารงชวี ิตทเ่ี ปลย่ี นแปลงไป 3) ผู้ขอสนิ เช่ือ ใช้จ่ายเงินฟุม่ เฟือย มีภาระหน้ีสนิ ภายนอกเพ่มิ เติม 4) ผขู้ อสนิ เช่ือ ทาการค้าเกินตัว หรอื หวังผลในธุรกิจมากจนเกินไป 5) ผู้ขอสินเชื่อมีเจตนาบิดพล้ิวไม่ยอมชาระ หรือนาเงินไปชาระท่ีภายนอกก่อน มีการนาเงินไปชาระ คืนให้กบั ธนาคาร 6) ผูข้ อสนิ เช่อื ถกู เจา้ หนร้ี ายอ่นื มีการดาเนนิ คดีและยดึ ทรัพยอ์ อกขายทอดตลาด Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 74
จากการศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับมูลเหตุการค้างชาระท่ีประกอบไปด้วย ปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายใน และ ปัจจัยจากผู้ขอสินเช่ือ นามาเป็นตัวแปรท่ีทาให้เกิดโอกาสการค้างชาระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กับสถาบันทาง การเงิน ดังนั้นผู้วิจัยจึงนาตัวแปรมาเป็นโครงสร้างของข้อคาถามในแบบสอบถาม เป็นการวัดระดับปัจจัยใดทมี่ ผี ล ทาใหเ้ กดิ โอกาสจนนาไปสู่การคา้ งชาระได้ ความหมายหนีที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPLs) และทรัพย์สินรอการขาย (Non-Performing Asset) นิวัฒน์ กาญจนภูมินทร (2559) อธิบายถึงสินเชื่อ หมายถึง เงินที่สถาบันการเงินให้กู้ยืมแก่บุคคลหรือนิติ บุคคล โดยมีข้อกาหนดสัญญาผูกพันท่ีทางผู้ขอกู้จะต้องชาระคืนดอกเบี้ยและเงินต้นให้กับสถาบันการเงิน (ผู้ให้กู้) โดยทั่วไป การที่สถาบันการเงินจะให้เงินกู้ยืมแก่ลูกหน้ีน้ันจะใช้หลัก 5Cs ดังน้ัน สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPLs) คือ การที่ลูกหน้ีสินเช่ือของสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ของเอกชน, ธนาคารพาณิชยข์ องรัฐบาล, บรษิ ทั เงินทุนรวมท้ังสาขาของธนาคารต่างประเทศในไทย ที่มกี ารผดิ นัดชาระ และไม่ สามารถชาระดอกเบี้ยและเงินต้นคืนได้ในระยะเวลาที่กาหนด ให้แก่สถาบันการเงิน ซ่ึงมีระยะเวลานานเกินกว่า 3 เดือนข้ึนไป โดยการพิจารณาวา่ ลูกหนร้ี ายใดจะเปน็ NPLs หรือไม่ สถาบันการเงินจะต้องพิจารณาเป็นรายบญั ชี เงินกู้ให้นับเฉพาะบัญชีที่มีการผิดนัดเกิน 3 เดือนขึ้นไป และธนาคารพาณิชย์จะต้องกันเงินสารองเป็นสนิ ทรพั ย์จดั ช้ันสงสัยจะสูญ 100% ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกาหนดไว้ รู้จักทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA อธิบายถึง บทความรู้จักทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA อธิบายถึงทรัพย์สินรอการขาย NPA ย่อมาจาก Non-Performing Asset หมายถึง ทรัพย์สินที่ถือเป็นทรัพย์สินด้อยคุณภาพ ได้แก่ ทรัพย์สินท่ีทางสถาบันการเงินซ้ือมาในราคาท่ีสูง กว่าความเป็นจริง, ทรัพย์สินท่ีลูกหน้ีท่ีมีปัญหาได้ตีโอนเพื่อชาระแก่สถาบันการเงิน หรือ ทรัพย์สินหลุดจานอง กรณีที่ลูกหน้ีนาทรัพย์สินมา ค้าประกันการกู้ยืม แต่ไม่สามารถชาระได้ตามกาหนด, ทรัพย์สินท่ีซ้ือทอดตลาดมา จากลูกหนีท้ ถี่ กู สถาบนั การเงนิ ฟอ้ งและบังคบั คดี (ดอท พรอ๊ พเพอร์ต้ี, 2557) จากการศกึ ษาความหมายหนีท้ ี่ไม่ก่อใหเ้ กิดรายได้ และทรัพยส์ นิ รอการขาย ทาให้ทราบถึงความหมายและ ลักษณะตา่ ง ๆ ของสินเชือ่ ที่เก่ยี วขอ้ งกบั สถาบันการเงิน ซ่ึงผูว้ จิ ัยไดน้ าไปเปน็ ส่วนหนง่ึ ในการศึกษาครัง้ นี้ แนวคดิ ด้านการจัดลาดับชันหนี เกณฑ์การจัดชันลูกหนี ธนาคารแห่งประเทศไทย (2559) อธิบายถึงหลักเกณฑ์การจัดช้ันหนี้ คือ การพิจารณาคุณภาพของลกู หน้ี จากการวเิ คราะหโ์ ครงการและความเปน็ ไปไดท้ างธุรกจิ , การวิเคราะหง์ บการเงิน, กระแสเงนิ สด และความสามารถ ในการจ่ายชาระตรงตามกาหนด ต้องไม่เกินระยะเวลาการค้างชาระที่เป็นเกณฑใ์ นการจดั ช้ัน จากการศึกษาแนวคิดด้านการจัดลาดับชั้นหนี้ เกณฑ์การจัดชั้นลูกหน้ี ทาให้ทราบความรู้ความเข้าใจพื้นฐาน ในการทาวิจัยเกี่ยวกับการค้างชาระสินเช่ือเพื่อท่ีอยู่อาศัย เกณฑ์การจัดช้ันหนี้ท้ังหน้ีปกติ ตลอดจนเป็นหน้ีสูญ ซึง่ ผวู้ จิ ัยได้นาไปเป็นส่วนหน่ึงในการศึกษาคร้ังน้ี วรรณี สมตวั (2559) ศึกษาเร่ืองปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิดหนี้ค้างชาระ สนิ เชอ่ื นโยบายรัฐ ของธนาคารออมสิน สาขาจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิดหนี้ค้างชาระสินเชื่อนโยบายรัฐ พบว่า ปัจจัยด้านบุคคล ดา้ นสถานภาพ ระดบั การศึกษา อาชีพ ระดบั รายได้เฉลี่ยต่อเดือน และจานวนสมาชิกในครอบครวั มคี วามแตกต่างกัน อีกทั้งพบว่าปัจจัยภายนอกธนาคารมีผลต่อการเกิดหนี้ค้างชาระของธนาคารในระดับมาก ปัจจัยภายในธนาคาร และปัจจัยท่ีเกิดจากตวั บคุ คล มผี ลต่อการเกิดหนค้ี ้างชาระของธนาคารในระดับปานกลาง Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 75
ปัญจรัตน์ หนูสิงห์ (2561) ศึกษาเร่ืองปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดหน้ีท่ีไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพัฒนา วิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กรณศี กึ ษา: ธนาคารพฒั นาวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม แห่งประเทศไทย สาขาพัทลุง ซ่ึงปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของลูกหน้ีของ ธพว. สาขาพัทลุง พบว่าปัจจัยส่วนบุคคล ด้วยเพศ อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา อาชีพ อายุการทางาน จานวนสมาชิกใน ครัวเรือน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน รายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือน และจานวนหนี้สินรวมต่อเดือน ส่งผลต่อการ เกิดหน้ีที่ไม่ ก่อให้เกิดรายได้ ศภุ รา ทองไซร้ (2561) ศกึ ษาเรอ่ื งปจั จัยทส่ี ่งผลต่อการค้างชาระหน้ี NPLs กรณีศกึ ษาธนาคารออมสินเขต สงขลา 2 พบว่าปจั จัยส่วนบุคคล ด้วยสถานภาพ ระดับการศกึ ษา รายจ่ายเฉลย่ี ต่อเดือน ส่งผลตอ่ ต่อการค้างชาระ หนี้ NPLs โดยรวมปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยที่เกิดจากธนาคาร และปัจจัยอ่ืน ๆ มีผลต่อการเกิดหน้ีค้างชาระหนี้ NPLs ในระดับปานกลาง ศรีวาลัย นิราช (2551) ศึกษาเร่ืองปัจจัยของการค้างชาระหนี้เงินกู้ของลูกค้าธนาคารของรัฐ ในจังหวัด ลาพูน พบว่าปจั จัยที่เกดิ จากตัวผู้กเู้ องมาจากรายไดห้ ลักและรายได้รองลดลง และการนาเงินหมนุ เวียนไปลงทุนใน ส่วนของการลงทุนระยะยาว ปัจจยั ภายในมาจากภาวะเศรษฐกิจ และค่านิยมและเทคโนโลยี และปจั จัยภายนอกมา จากการเพ่ิมข้นึ ของอัตราดอกเบีย้ มีผลต่อการเกดิ หน้ีคา้ งชาระหน้ี จากการศึกษาทฤษฎีและวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้องดังกล่าวไปใช้ในการสร้างเคร่ื องมือการวิจัย ที่เก่ียวข้องกับนามาเป็นตัวแปรท่ีทาให้เกิดโอกาสการค้างชาระสินเชือ่ เพ่ือท่ีอยู่อาศัยกับสถาบันทางการเงิน ดังนั้น ผ้วู ิจยั จึงนาตัวแปรมาเปน็ โครงสร้างของข้อคาถามในแบบสอบถาม รวมทงั้ ใชใ้ นการสรุปและอภิปรายผลการวจิ ยั ระเบยี บวิธีวจิ ัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรในการศึกษาครั้งน้ี ได้แก่ ประชาชนที่ใช้บริการสินเช่ือเพ่ือที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินต่าง ๆ การเลือกกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม (Key Informants) ในกรณีนี้ไม่ทราบจานวนของกลุ่มตัวอย่างที่แน่ชัด จึงอ้างอิงจาก สูตรของทาโร ยามาเน่ (Yamane , 1973) ที่ไม่ทราบขนาดของกลุ่มตวั อย่าง โดยกาหนดคา่ ความคลาดเคล่ือนท่ี 0.05 และระดับความเชอ่ื ม่นั ที่ 95% สามารถสรุปได้วา่ จะใช้กลมุ่ ตัวอย่างจานวน 400 คน เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการวจิ ยั การศึกษาคร้ังนี้ใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดย แบบสอบถามมรี ายละเอยี ด แบง่ ออกเป็น 2 ส่วน ได้ดังน้ี ส่วนท่ี 1 ข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา ระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ระดับ รายจ่ายเฉลีย่ ตอ่ เดือน สถานภาพสมรส จานวนสมาชกิ ในครอบครัว และหลกั ประกนั ส่วนที่ 2 ความเห็นปัญหาการชาระสินเช่ือเพ่ือที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงิน ได้แก่ ปัจจัยเกิดจากภายนอก ปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน ปัจจัยเกิดจากผู้ขอสินเช่ือ โดยเป็นการสอบถามถึงความคิดเห็นของผู้ตอบ แบบสอบถามที่มีการใช้บริการสินเช่ือเพ่ือที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ถึงปัญหาในการชาระสินเช่ือเพ่ือท่ีอยู่ อาศยั กบั สถาบันการเงนิ หากมปี จั จยั เกิดจากภายนอก ปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน ปัจจยั เกิดจากผขู้ อสินเช่ือเกิดข้ึน Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 76
การเก็บรวบรวมขอ้ มูล 1. แบบสอบถามมีการทดสอบความเที่ยงตรงของเน้ือหาให้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยการประเมิน IOC หรือ (Index of Item-Objective Congruence) (Rovinelli & Hambleton, 1977) และการตรวจสอบค่า สัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ (Cronbach’s Alpha) (Cronbach, 1990) โดยพบว่า แบบสอบถามผ่านเกณฑ์ที่กาหนด โดยมีคา่ IOC ของแตล่ ะข้ออยู่ระหวา่ ง 0.60 – 1.00 ประเมินโดยผเู้ ชีย่ วชาญทเ่ี ก่ียวข้อง ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านพัฒนาสินทรัพย์และการติดตามเรียกเก็บหนี้ท่ีไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPLs) 3 ท่าน และมีคา่ Cronbach’s Alpha ในแต่ละปัจจยั หลักอยรู่ ะหว่าง 0.711 – 0.891 2. นาแบบสอบถามผ่านการทดสอบเรียบร้อย ดาเนินการเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่าง จานวน 400 ชุด โดย คัดเลือกเฉพาะทร่ี ะบุ มีการก้สู นิ เชอื่ เพ่ือทีอ่ ยอู่ าศัยกับสถาบนั การเงิน 3. ตรวจสอบความถกู ตอ้ งในการเก็บข้อมูล 4. นาข้อมูลแบบสอบถามท่ไี ด้ ไปวิเคราะหใ์ นโปรแกรมสาเร็จรูปทางสถิติ 5. นาผลการวิจัยประเด็นปัญหาในแบบสอบถาม ได้ดาเนินการสอบถามผู้ท่ีเชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญหาการ ชาระสินเช่ือเพื่อทอ่ี ย่อู าศยั กบั สถาบนั การเงิน เพอ่ื เป็นแนวทางแก้ไข การวิเคราะห์ผล 1. สถิติเชิงพรรณนา โดยใช้สถิติพ้ืนฐานในการแจกแจงค่าความถี่ (Frequency) แสดงผลเป็น ค่าร้อยละ (Percentage) และค่าเฉลย่ี (Mean) และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: SD) 2. การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตัวแปร โดยใช้การวิเคราะห์ค่าทางสถิติโดยการใช้ โปรแกรม คอมพิวเตอร์สาเร็จรูปทางสถิติ SPSS ในการวิเคราะห์หาค่าสถิติ (T-Test, One-Way ANOVA) ตามสมมติฐานที่ กาหนดไว้ข้างตน้ ผลการวจิ ัย ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู ส่วนบุคคลของผตู้ อบแบบสอบถาม ผ้ตู อบแบบสอบถามส่วนใหญ่เปน็ เพศหญงิ จานวน 216 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 54 และเพศชาย จานวน 184 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 46 ของจานวนผู้ตอบแบบสอบถาม 400 คน ช่วงอายสุ ่วนใหญ่ ชว่ งอายุ 31–40 ปี จานวน 140 คน คิดเป็นร้อยละ 35 อาชีพสว่ นใหญ่พนักงานบริษัทเอกชน จานวน 272 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 68 ระดับการศึกษาส่วน ใหญ่ปริญญาตรี จานวน 289 คน คิดเป็นร้อยละ 72.25 ระดับรายได้เฉล่ียต่อเดือนส่วนใหญ่ ไม่เกิน 30,000 บาท จานวน 197 คน คิดเป็นร้อยละ 49.25 ระดับรายจ่ายต่อเดือนส่วนใหญ่ ไม่เกิน 30,000 บาท จานวน 268 คน คิดเป็นร้อยละ 67 สถานภาพส่วนใหญ่สมรส จานวน 188 คน คิดเป็นร้อยละ 47 จานวนสมาชกิ ในครอบครัวส่วน ใหญ่ มีสมาชิกในครอบครัว 4 คน จานวน 142 คน คิดเป็นร้อยละ 35.50 และหลักประกันที่จานองกับสถาบัน การเงินส่วนใหญ่ ทาวนเ์ ฮา้ ส์ จานวน 173 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 43.25 Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 77
ผลการวเิ คราะหป์ ัญหาการชาระสนิ เชือ่ เพ่อื ท่ีอย่อู าศัยกับสถาบนั การเงิน ตารางที่ 1 ผลการศกึ ษาความคดิ เห็นด้านปจั จัยเกดิ จากภายนอก ปจั จัยเกิดจากภายนอก ���̅��� S.D. ระดับ อนั ดบั - ภาวะทางเศรษฐกิจทีช่ ะลอตวั หรอื ตกตา่ 4.17 0.901 มาก 1 - รฐั บาลมีการเปล่ยี นแปลงนโยบาย อาทิเช่น มีการควบคมุ มาตราการ 3.52 0.917 มาก 4 ราคาสินค้า - การเปลย่ี นแปลงดา้ นเทคโนโลยี อาทิเช่น การใช้เทคโนโลยเี ขา้ มา 3.72 0.876 มาก 2 แทนท่คี น ทาใหถ้ กู เลิกจา้ งงาน - ผลกระทบจากภัยธรรมชาตทิ เี่ กิดขนึ้ โดยไม่คาดคดิ อาทิเชน่ นา้ ทว่ ม 3.66 0.978 มาก 3 ไฟไหม้ รวม 3.77 0.918 มาก จากตารางท่ี 1 ปัจจัยเกิดจากภายนอกจากผลการวิจัยผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับความคิดเห็นภาพรวม อยใู่ นระดบั มาก เท่ากบั 3.77 เมื่อพิจารณาแต่ละด้านพบวา่ ภาวะทางเศรษฐกิจทช่ี ะลอตัวหรือตกต่า มรี ะดบั ปจั จัย ที่มผี ลทาใหเ้ กิดปญั หาการชาระสนิ เช่อื เพ่อื ที่อยูอ่ าศัยกับสถาบันการเงิน เปน็ อันดับที่ 1 เทา่ กับ 4.17 รองลงมาการ เปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี อาทิเชน่ การใชเ้ ทคโนโลยีเขา้ มาแทนทค่ี น ทาให้ถกู เลิกจา้ งงาน เป็นอันดบั ที่ 2 เทา่ กับ 3.72 ผลกระทบจากภยั ธรรมชาติทเ่ี กิดขนึ้ โดยไม่คาดคดิ อาทิเช่น นา้ ทว่ ม ไฟไหม้ เป็นอนั ดบั ที่ 3 เทา่ กบั 3.66 และ รฐั บาลมีการเปลีย่ นแปลงนโยบาย อาทิเช่น มีการควบคุมมาตรการราคาสินคา้ เปน็ อันดบั ท่ี 4 เทา่ กับ 3.52 ตารางที่ 2 ผลการศกึ ษาความคดิ เห็นดา้ นปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน ปจั จยั เกดิ จากสถาบนั การเงนิ ���̅��� S.D. ระดบั อนั ดับ 3.80 0.926 มาก 1 - การเปล่ยี นแปลงของอตั ราดอกเบ้ยี เงนิ กทู้ ีป่ รบั เพิม่ ข้นึ 3.72 0.908 มาก 3 - สถาบันการเงนิ มีการคิดอัตราดอกเบย้ี ผิดนัดชาระหนีท้ ีม่ อี ัตราสูง 3.74 0.901 มาก 2 - งวดการผ่อนชาระตอ่ เดอื นสงู เกินไป เปน็ เหตุทาให้ชาระหน้ีไมไ่ ด้ 3.20 0.952 ปานกลาง 6 ตามอนมุ ัติ - เจา้ หนา้ ทีส่ ถาบนั การเงนิ ขาดการควบคมุ ดูแลตดิ ตามทวงถามหนี้ 3.04 0.944 ปานกลาง 8 อยา่ งสม่าเสมอ เปน็ เหตทุ าให้ลืมหรือค้างการชาระหนี้ 3.23 1.014 ปานกลาง 5 - เจ้าหนา้ ท่ีสถาบนั การเงนิ ขาดการดแู ลและเอาใจใส่ลกู ค้า เปน็ เหตุ 3.05 1.018 ปานกลาง 7 ทาให้ลืมหรอื คา้ งการชาระหน้ี - เจ้าหน้าที่สถาบนั การเงนิ ขาดประสบการณ์ เป็นเหตุทาให้เกดิ ความ 3.28 1.091 ปานกลาง 4 ไม่เข้าใจในเรื่องการผ่อนชาระหนี้ 3.38 0.969 ปานกลาง - เจ้าหนา้ ทีส่ ถาบนั การเงินมีพฤติกรรมทไ่ี ม่เหมาะสม เชน่ พดู จาไม่ สุภาพ แสดงอารมณไ์ มพ่ อใจ - สถาบนั การเงนิ มีช่องทางในการรบั ชาระเงนิ ไมห่ ลากหลาย เป็นเหตทุ าให้ ไม่สะดวกในชาระหนี้ รวม Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 78
จากตารางท่ี 2 ปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน จากผลการวิจัยผู้ตอบแบบสอบถามมีระดับความคิดเห็น ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง เท่ากับ 3.38 เม่ือพิจารณาแต่ละด้านพบว่า การเปล่ียนแปลงของอัตราดอกเบี้ย เงินกู้ท่ีปรับเพิ่มข้ึนเป็นอันดับท่ี 1 เท่ากับ 3.80 รองลงมางวดการผ่อนชาระต่อเดือนสูงเกินไป เป็นเหตุทาให้ชาระ ไม่ได้ตามอนุมัติเป็นอันดับท่ี 2 เท่ากับ 3.74 สถาบันการเงิน มีการคิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชาระที่มีอัตราสูงเป็น อันดับที่ 3 เท่ากับ 3.72 สถาบันการเงิน มีช่องทางในการรับชาระเงินไม่หลากหลาย เป็นเหตุทาให้ไม่สะดวกใน ชาระเป็นอันดับที่ 4 เท่ากับ 3.28 เจ้าหน้าท่ีสถาบันการเงิน ขาดประสบการณ์ เป็นเหตุทาให้เกิดความไม่เข้าใจใน เรื่องการผ่อนชาระเปน็ อันดับท่ี 5 เท่ากับ 3.23 เจ้าหน้าท่ีสถาบนั การเงิน ขาดการควบคุม ดูแลติดตามทวงถามหนี้ อย่างสม่าเสมอ เป็นเหตุทาให้ลืมหรือค้างการชาระเป็นอันดับที่ 6 เท่ากับ 3.20 เจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน มีพฤติกรรมทไ่ี ม่เหมาะสม เช่น พดู จาไม่สุภาพ แสดงอารมณ์ไมพ่ อใจเปน็ อันดบั ท่ี 7 เท่ากบั 3.05 เจา้ หน้าทีส่ ถาบนั การเงนิ ขาดการดูแลและเอาใจใส่ลกู คา้ เป็นเหตุทาใหล้ ืมหรือค้างการชาระเป็นอันดับท่ี 8 เท่ากับ 3.04 ตารางที่ 3 ผลการศกึ ษาความคิดเห็นด้านปจั จัยเกิดจากผขู้ อสนิ เชื่อ ���̅��� S.D. ระดับ อนั ดบั 4.16 ปัจจัยเกดิ จากผ้ขู อสนิ เชื่อ 4.27 0.868 มาก 2 3.56 0.809 มากท่สี ุด 1 - รายไดต้ อ่ เดือนที่ลดลง 0.974 มาก 9 - รายจา่ ยมากกว่ารายได้ 3.44 - การนาเงนิ ท่ีกู้จากสถาบนั การเงิน ไปใชผ้ ิดวัตถปุ ระสงค์ อาทิเช่น 3.81 1.065 มาก 10 3.84 0.980 มาก 7 ขอสนิ เชื่อเพ่ือตอ่ เติมที่อยู่อาศยั แต่นาไปใชช้ าระหนสี้ นิ อ่ืน 3.91 - การประสบปัญหาดา้ นครอบครวั อาทเิ ชน่ หยา่ รา้ ง 3.76 0.937 มาก 6 - การประสบปัญหาดา้ นการทางาน อาทเิ ชน่ ลาออก 0.937 มาก 4 - การดารงชวี ติ ทเี่ ปล่ยี นแปลงไป อาทิเชน่ เจบ็ ป่วยเรือ้ รัง ทพุ พลภาพ 3.89 0.956 มาก 8 - การใชจ้ า่ ยเงินที่ฟมุ่ เฟือย 3.99 - การลงทนุ ท่ีเกินตัวทางธุรกจิ ทาใหไ้ ด้กาไรไม่เพยี งพอธรุ กจิ จงึ ขาด 3.23 0.907 มาก 5 3.35 0.913 มาก 3 สภาพคล่อง 3.42 1.076 ปานกลาง 13 - ค่าใช้จา่ ยแตล่ ะเดือนไมไ่ ด้วางแผนการใช้จา่ ย 3.74 1.084 ปานกลาง 12 - ภาระหนี้สินอน่ื ๆ เพมิ่ เติมทส่ี งู มากข้นึ 1.028 มาก 11 - การมีเจตนาไมย่ อมชาระหน้ี - การถูกเจา้ หนร้ี ายอนื่ ดาเนนิ คดี 0.964 มาก - การมคี วามรู้ ความเขา้ ใจไมเ่ พยี งพอเก่ียวกับเงื่อนไขการชาระหนี้ รวม จากตารางที่ 3 ปจั จัยเกิดจากผู้ขอสินเช่ือ จากผลการวิจัยผู้ตอบแบบสอบถามมรี ะดับความคิดเหน็ ภาพรวม อยู่ในระดับมาก เท่ากับ 3.74 เม่ือพิจารณาแต่ละด้าน พบว่า รายจ่ายมากกว่ารายได้เป็นอันดับที่ 1 เท่ากับ 4.27 รองลงมา รายได้ต่อเดือนท่ีลดลงเป็นอันดับท่ี 2 เท่ากับ 4.16 ภาระหน้ีสินอื่น ๆ เพ่ิมเติมท่ีสูงมากข้ึนเป็นอันดับท่ี 3 เท่ากบั 3.99 การใชจ้ ่ายเงนิ ทีฟ่ ุ่มเฟือยเปน็ อันดับที่ 4 เทา่ กับ 3.91 ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนไม่ได้วางแผนการใช้จา่ ยเป็น อันดับท่ี 5 เท่ากับ 3.89 การดารงชีวิตท่ีเปลี่ยนแปลงไป อาทิเช่น เจ็บป่วยเรื้อรัง ทุพพลภาพเป็นอันดับท่ี 6 เท่ากับ 3.84 การประสบปัญหาด้านการทางาน อาทิเช่น ลาออกเป็นอันดับที่ 7 เท่ากับ 3.81 การลงทุนท่ีเกินตัวทางธุรกิจ Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 79
ทาใหไ้ ดก้ าไรไม่เพยี งพอธุรกจิ จึงขาดสภาพคล่องเปน็ อนั ดับที่ 8 เทา่ กับ 3.76 การนาเงินทีก่ จู้ ากสถาบันการเงิน ไปใช้ ผิดวัตถุประสงค์ อาทิเช่น ขอสินเชื่อเพื่อต่อเติมท่ีอยู่อาศัย แต่นาไปใช้ชาระสินอื่นเป็นอันดับท่ี 9 เท่ากับ 3.56 การประสบปัญหาด้านครอบครัว อาทิเช่น หย่าร้างเป็นอันดับท่ี 10 เท่ากับ 3.44 การมีความรู้ ความเข้าใจไม่ เพียงพอเกี่ยวกับเงื่อนไขการชาระเป็นอันดับที่ 11 เท่ากับ 3.42 การถูกเจ้าหนี้รายอ่ืนดาเนินคดีเป็นอันดับท่ี 12 เท่ากบั 3.35 และการมเี จตนาไมย่ อมชาระเปน็ อันดบั ที่ 13 เทา่ กับ 3.23 ตารางที่ 4 ค่าเฉล่ียรวมและระดับความคิดเห็นของปัจจัยท่ีทาให้เกิดปัญหาการชาระสินเชื่อเพื่อท่ีอยู่อาศัยกับ สถาบนั การเงินทง้ั 3 ปัจจัย ปัจจัย คา่ เฉล่ียรวม ระดบั ความสาคัญ ปัจจยั เกิดจากภายนอก 3.77 มาก ปัจจัยเกดิ จากสถาบนั การเงนิ 3.38 ปานกลาง ปจั จัยเกดิ จากผูข้ อสินเชอ่ื 3.74 มาก จากตารางที่ 4 เมอ่ื พิจารณาแต่ละด้านพบวา่ ปัจจัยเกิดจากภายนอก โดยรวมอยรู่ ะดบั มาก ค่าเฉล่ีย 3.77 รองลงมา ปัจจัยจากผู้ขอสินเชื่อ โดยรวมอยู่ระดับมาก ค่าเฉล่ีย 3.74 และปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน โดยรวม อยรู่ ะดับปานกลาง คา่ เฉลยี่ 3.38 ตามลาดับ ผลการวเิ คราะหก์ ารทดสอบสมมติฐาน งานวิจยั ไดม้ ีการวเิ คราะห์สมมติฐานตามกรอบแนวคิด โดยสามารถสรุปสมมตฐิ าน ซง่ึ มรี ายละเอียดดังนี้ สมมติฐานที่ 1 ปัจจัยส่วนบุคคลด้านอายุท่ีแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปัญหาการชาระสินเช่ือเพ่ือ ท่ีอยู่อาศยั กบั สถาบันการเงนิ ทีแ่ ตกต่างกัน โดยพบคูย่ ่อยท่มี ีความคิดเหน็ แตกต่างกัน ดังน้ี ตารางท่ี 5 สมมติฐานด้านอายทุ ี่แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปัญหาการชาระสนิ เช่อื เพ่ือที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงิน แตกต่างกัน ในส่วนปจั จยั เกิดจากสถาบันการเงนิ จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ระดบั ความเช่ือมน่ั ที่ 95% ซ่งึ กาหนดค่าความคลาดเคล่อื นท่ี 0.05 ลาดับ ปัจจยั เกิดจาก Sig. ค่าเฉลี่ย 31-40 41- สถาบนั การเงนิ 21- มากกวา่ ปี 50 ปี 50 ปีขนึ ไป 30 ปี 3.69 3.52 3.79 3.61 3.65 1 การคิดอัตราดอกเบย้ี ผิดนดั ชาระท่ีมีอัตราสูง 0.007* 3.94 3.48 3.06 2.91 2 งวดการผ่อนชาระต่อเดือนสูงเกินไป เป็นเหตุทา 0.022* 3.88 2.78 3.26 3.11 ให้ชาระไม่ไดต้ ามอนุมัติ 2.85 3.14 2.92 3 เจ้าหน้าที่ขาดการดูแลและเอาใจใส่ลูกค้า เป็นเหตุ 0.003* 3.24 2.76 ทาใหล้ ืมหรอื คา้ งการชาระ 4 เจ้าหน้าทขี่ าดประสบการณ์ เปน็ เหตุทาใหเ้ กิดความไม่ 0.003* 3.45 เขา้ ใจในเร่อื งการผ่อนชาระ 5 เจ้าหน้าท่ีมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น พูดจาไม่ 0.030* 3.18 สุภาพ แสดงอารมณ์ไมพ่ อใจ Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 80
จากตารางท่ี 5 ประเด็นลาดับที่ (1) การคิดอัตราดอกเบ้ียผิดนัดชาระท่ีมีอัตราสูง กลุ่มอายุ 21-30 ปี มีความคิดเห็นแตกต่างจากกลุ่มอายุ 31-40 ปี, อายุ 41-50 ปี, อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ส่วนประเด็นลาดับที่ (2) งวดการผ่อนชาระต่อเดือนสูงเกินไปเปน็ เหตุทาใหช้ าระไม่ได้ตามอนุมัติ โดยพบความแตกตา่ งในกลุ่มอายุ 21-30 ปี มีความคดิ เห็นแตกตา่ งจากกลุ่มอายุ 41-50 ปี, อายมุ ากกวา่ 50 ปีขนึ้ ไป และในกลมุ่ อายุ 31-40 ปี มีความคิดเห็น แตกต่างจากกลุ่มอายุมากกว่า 50 ปีข้ึนไป ส่วนประเด็นลาดับท่ี (3) เจ้าหน้าท่ีขาดการดูแลและเอาใจใส่ เป็นเหตุ ทาให้ลืมหรือค้างชาระ โดยพบความแตกต่างในกลุม่ อายุ 21-30 ปี มีความคิดเห็นแตกต่างจากอายุ 41-50 ปี และ มากกวา่ 50 ปี ขนึ้ ไป ส่วนประเดน็ ลาดบั ท่ี (4) เจ้าหนา้ ท่ีขาดประสบการณ์ เปน็ เหตทุ าให้เกิดความไม่เข้าใจในเรื่อง การผ่อนชาระ โดยพบความแตกต่างในกลุ่มอายุ 21-30 ปี มีความคิดเห็นแตกต่างจากกลุ่มอายุ 41-50 ปี, อายุ มากกว่า 50 ปขี นึ้ ไป และกลมุ่ อายุ 31-40 ปี มีความคดิ เหน็ แตกตา่ งจากกลุ่มอายมุ ากกวา่ 50 ปขี น้ึ ไป และประเด็น ลาดับที่ (5) เจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น พูดจาไม่สุภาพ แสดงอารมณ์ไม่พอใจ โดยพบความแตกต่าง ในกลมุ่ อายุ 21-30 ปี, อายุ 31-40 ปี มีความคดิ เหน็ แตกต่างจากกลมุ่ อายุมากวา่ 50 ปขี ึ้นไป ตารางท่ี 6 สมมติฐานด้านอายุท่ีแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อในส่วนปัญหาการชาระสินเชื่อเพื่อท่ีอยู่อาศัยกับ สถาบันการเงินแตกต่างกัน ในส่วนปัจจัยเกิดจากผู้ขอสินเชื่อ จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนทาง เดียว (One-way ANOVA) ระดบั ความเช่ือมน่ั ท่ี 95% ซง่ึ กาหนดคา่ ความคลาดเคลื่อนท่ี 0.05 ลาดบั ปัจจยั เกดิ จากผู้ขอสินเชื่อ Sig. คา่ เฉลีย่ 31-40 ปี 41-50 ปี 1 รายจ่ายมากกวา่ รายได้ 0.009* 21-30 ปี มากกวา่ 50 ปี 4.22 4.39 ขนึ ไป 2 การมีความรู้ ความเขา้ ใจไมเ่ พียงพอ 0.003* 4.38 3.41 3.29 3.67 3.98 3.11 เก่ียวกบั เงอื่ นไขการชาระ จากตารางที่ 6 ประเด็นลาดับที่ (1) รายจ่ายมากกว่ารายได้ โดยพบความแตกต่างกลุ่มอายุ 21-30 ปี, อายุ 41-50 ปี มีความคิดเห็นแตกต่างจากอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และส่วนประเด็นลาดับท่ี (2) การมีความรู้ ความเข้าใจไม่เพียงพอเก่ียวกับเงื่อนไขการชาระ โดยพบความแตกต่างในกลุ่มอายุ 21-30 ปี มีความคิดเห็น แตกตา่ งจากอายุ 31-40 ปี , อายุ 41-50 ปี , อายุมากกว่า 50 ปีข้ึนไป Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 81
สมมตฐิ านท่ี 2 ปจั จยั สว่ นบุคคลด้านอาชพี ท่ีแตกตา่ งกัน มีความคิดเห็นตอ่ ปัญหาการชาระสินเชอื่ เพื่อท่ีอยู่ อาศัยกับสถาบนั การเงินท่ีแตกต่างกัน โดยพบคยู่ ่อยทม่ี คี วามคิดเหน็ แตกตา่ งกัน ดังนี้ ตารางท่ี 7 สมมติฐานดา้ นอาชพี ที่แตกต่างกัน มคี วามคิดเหน็ ตอ่ ปญั หาการชาระสินเชอ่ื เพ่อื ท่อี ยูอ่ าศัยกบั สถาบันการเงนิ แตกต่างกัน ในส่วนปจั จัยเกิดจากปัจจัยภายนอก จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ระดับความเช่ือม่นั ท่ี 95% ซ่งึ กาหนดคา่ ความคลาดเคลือ่ นท่ี 0.05 ลาดบั ปจั จยั เกดิ จากภายนอก Sig. คา่ เฉล่ยี พนกั งาน ขา้ ราชการ/ บริษัทเอกชน ประกอบธรุ กิจ/ แม่บ้าน/อน่ื ๆ พนักงานรฐั วสิ าหกิจ 3.79 3.49 1 การเปล่ียนแปลงดา้ นเทคโนโลยี 0.031* 3.71 อาทเิ ช่น การใช้เทคโนโลยเี ขา้ มา แทนท่คี น ทาให้ถกู เลกิ จา้ งงาน จากตารางที่ 7 ประเด็นลาดบั ท่ี (1) การเปล่ียนแปลงด้านเทคโนโลยี อาทิเช่น การใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนท่คี น ทาให้ถูกเลิกจ้างงาน โดยพบความแตกต่างในกลุ่มอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีความคิดเห็นแตกต่างจากกลุ่มอาชีพ ประกอบธุรกิจ/แมบ่ ้านและอ่ืน ๆ ตารางท่ี 8 สมมติฐานด้านอาชีพที่แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปัญหาการชาระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบัน การเงินแตกต่างกัน ในส่วนปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ระดับความเชื่อม่ันท่ี 95% ซงึ่ กาหนดค่าความคลาดเคล่อื นท่ี 0.05 ลาดับ ปจั จยั เกดิ จากสถาบันการเงนิ Sig. คา่ เฉลี่ย พนกั งาน ข้าราชการ/ ประกอบธรุ กิจ/ บริษัทเอกชน แมบ่ า้ น/อื่น ๆ พนกั งานรัฐวิสาหกจิ 3.11 3.29 1 เจา้ หนา้ ท่ีขาดการควบคุม 0.016* 3.51 ดูแลติดตามทวงถามหนอ้ี ย่าง สมา่ เสมอ เปน็ เหตทุ าให้ลมื หรือ คา้ งการชาระ จากตารางที่ 8 ประเด็นลาดับที่ (1) เจ้าหน้าที่ขาดการควบคุมดูแลติดตามทวงถามหนี้อย่างสม่าเสมอ เป็นเหตุทาให้ลืมหรือค้างการชาระ โดยพบความแตกต่างในกลุ่มอาชีพข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ มีความ คิดเห็นแตกต่างจากกลมุ่ อาชพี พนกั งานบริษัทเอกชน Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 82
สมมติฐานท่ี 3 ปัจจัยส่วนบคุ คลดา้ นระดับรายได้เฉล่ียต่อเดอื นที่แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปญั หาการ ชาระสินเช่อื เพอื่ ที่อยูอ่ าศัยกบั สถาบันการเงิน โดยพบคยู่ ่อยท่ีมคี วามคดิ เหน็ แตกต่างกัน ดงั นี้ ตารางที่ 9 สมมติฐานด้านระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดือนท่ีแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปัญหาการชาระสินเชื่อเพ่ือ ที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินแตกต่างกัน ในส่วนปัจจัยเกิดจากภายนอก จากการวิเคราะห์ความ แปรปรวนทางเดยี ว (One-way ANOVA) ระดบั ความเชอ่ื ม่นั ที่ 95% ซ่ึงกาหนดคา่ ความคลาดเคลอ่ื นที่ 0.05 ลาดับ ปจั จัยเกิดจากภายนอก Sig. ค่าเฉลยี่ ไมเ่ กิน 30,001- 40,001- 50,001- 60,001 บ. 30,000 บ. 40,000 บ. 50,000 บ. 60,000 บ. ขนึ ไป 1 ภาวะทางเศรษฐกิจท่ีชะลอ 0.047* 4.23 3.98 4.14 4.48 4.06 ตวั หรอื ตกต่า จากตารางท่ี 9 ประเดน็ ลาดับที่ (1) ภาวะทางเศรษฐกิจทช่ี ะลอตัวหรือตกต่า โดยพบความแตกต่างในกลุ่ม ระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาท มีความคิดเห็นแตกต่างจากกลุ่มระดับรายได้เฉล่ียต่อเดือน 30,001-40,000 บาท, กลุ่มระดับรายได้เฉล่ียต่อเดือน 30,001-40,000 บาท มีความคิดเห็นแตกต่างจากกลุ่ม ระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดอื น 50,001-60,000 บาท ตารางท่ี 10 สมมติฐานด้านระดับรายได้เฉล่ียต่อเดือนท่ีแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปัญหาการชาระสินเช่ือเพ่ือ ที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินแตกต่างกัน ในส่วนปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน จากการวิเคราะห์ความ แปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ระดบั ความเช่ือม่ันที่ 95% ซ่ึงกาหนดคา่ ความคลาดเคลอ่ื นที่ 0.05 ลาดับ ปัจจัยเกิดจากสถาบนั Sig. ค่าเฉลีย่ 40,001- การเงิน ไมเ่ กนิ 30,001- 50,000 บ. 50,001- 60,001 บ. 60,000 บ. ขนึ ไป 30,000 บ. 40,000 บ. 3.17 2.75 3.35 1 เจา้ หนา้ ทีข่ าดการ 0.033* 3.28 3.16 3.12 2.72 3.42 ควบคมุ ดูแลตดิ ตาม ทวงถามหน้ีอยา่ ง สมา่ เสมอ เปน็ เหตุทา ให้ลมื หรือคา้ งการชาระ 2 เจ้าหน้าท่ขี าดประสบ 0.019* 3.30 3.24 การณ์ เปน็ เหตทุ าให้ เกิดความไม่เขา้ ใจใน เร่อื งการผ่อนชาระ Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 83
จากตารางท่ี 10 ประเด็นลาดับที่ (1) เจ้าหน้าที่ขาดการควบคุม ดูแลติดตามทวงถามหน้ีอย่างสม่าเสมอ เป็นเหตุทาให้ลืมหรือค้างการชาระ โดยพบความแตกต่างในกลุ่มระดับรายได้เฉล่ียต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาท, 30,001-40,000 บาท, 50,001-60,000 บาท มีความคดิ เห็นแตกต่างจาก กลุ่มระดับรายได้เฉลีย่ ต่อเดือน 60,001 บาทข้ึนไป และประเด็นลับดับที่ (2) เจ้าหน้าท่ีขาดประสบการณ์ เป็นเหตุทาให้เกิดความไม่เข้าใจในเร่ืองการผ่อน ชาระ โดยพบความแตกตา่ งในกลุ่มระดบั รายได้เฉล่ยี ต่อเดือนไม่เกนิ 30,000 บาท, 30,001-40,000 บาท, 50,001- 60,000 บาท มคี วามคดิ เห็นแตกตา่ งจาก กลุ่มระดับรายได้เฉล่ียตอ่ เดอื น 60,001 บาทขึน้ ไป ตารางที่ 11 สรปุ ผลการทดสอบสมมตฐิ านในส่วนของประเดน็ ทีแ่ ตกต่างและกลุม่ ทม่ี คี วามคิดเหน็ ที่แตกตา่ ง สมมตฐิ าน ปจั จยั และประเดน็ ท่แี ตกตา่ ง กลมุ่ ทม่ี คี วามคดิ เหน็ ทีแ่ ตกตา่ ง สมมตฐิ านที่ 1 - ปจั จัยเกดิ จากสถาบนั การเงนิ ในประเด็นมกี ารคิดอตั รา - 21-30 ปี - 31-40 ปี, 41-50 ป,ี ดอกเบ้ียผดิ นดั ชาระทมี่ ีอัตราสงู มากกวา่ 50 ปขี ึ้นไป - ปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน ในประเดน็ งวดการผ่อนชาระ - 21-30 ปี - 41-50 ปี, มากกวา่ ต่อเดือนสงู เกินไปเปน็ เหตุทาใหช้ าระไมไ่ ด้ตามอนมุ ตั ิ 50 ปขี ึน้ ไป - 31-40 ปี - มากกวา่ 50 ปขี น้ึ ไป - ปัจจยั เกดิ จากสถาบันการเงนิ ในประเด็นเจา้ หน้าท่ขี าดการ - 21-30 ปี - 41-50 ปี, มากว่า ดูแลและเอาใจใสล่ กู คา้ เปน็ เหตทุ าใหล้ มื หรอื ค้างการชาระ 50 ปีข้นึ ไป - ปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน ในประเดน็ เจ้าหนา้ ทข่ี าด - 21-30 ปี - 41-50 ปี, มากกวา่ ประสบการณ์ เป็นเหตุทาใหเ้ กิดความไมเ่ ขา้ ใจในเร่อื งการ 50 ปขี ึ้นไป ผ่อนชาระ - 31-40 ปี - มากกว่า 50 ปีขน้ึ ไป - ปจั จัยเกิดจากสถาบนั การเงนิ ในประเด็นเจา้ หน้าทม่ี ีพฤติกรรม - 21-30 ปี, 31-40 ปี - มากกวา่ 50 ปีขน้ึ ไป ที่ไม่เหมาะสม เชน่ พูดจาไม่สภุ าพ แสดงอารมณไ์ ม่พอใจ - ปัจจัยเกดิ จากผู้ขอสินเชอ่ื ในประเดน็ รายจ่ายมากกวา่ รายได้ -21-30ป,ี 41-50ปี - มากกว่า 50 ปขี น้ึ ไป - ปจั จัยเกดิ จากผขู้ อสินเชอื่ ในประเด็นการมคี วามรคู้ วามเข้าใจ - 21-30 ปี -31-40ป,ี อายุ 41-50ป,ี ไมเ่ พียงพอเก่ยี วกับเงือ่ นไขการชาระ มากกว่า 50ปีข้ึนไป สมมตฐิ านท่ี 2 - ปจั จยั เกิดจากภายนอก ในประเดน็ การเปล่ียนแปลงดา้ น - พนักงาน - ประกอบธรุ กิจ/ เทคโนโลยี อาทเิ ช่น การใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนท่ีคน ทาให้ บรษิ ัทเอกชน แมบ่ ้านและอนื่ ๆ ถูกเลิกจ้างงาน - ปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงนิ ในประเด็น เจา้ หน้าทข่ี าดการ - ขา้ ราชการ/พนกั งาน - พนักงาน ควบคุม ดแู ลตดิ ตามทวงถามหนี้อย่างสม่าเสมอเปน็ เหตุทาให้ รัฐวสิ าหกจิ บรษิ ทั เอกชน ลืมหรอื คา้ งการชาระ สมมติฐานที่ 3 - ปจั จยั เกิดจากภายนอก ในประเด็นภาวะทางเศรษฐกจิ ท่ีชะลอ - ไม่เกนิ 30,000 บ. - 30,001-40,000 บ. ตวั หรอื ตกตา่ - 30,001-40,000 บ. - 50,001-60,000 บ. - ปจั จยั เกดิ จากสถาบนั การเงนิ ในประเด็นเจ้าหนา้ ที่ขาดการ - ไม่เกิน 30,000 บ., - 60,001 บ. ขึ้นไป ควบคมุ ดูแลตดิ ตามทวงถามหนอ้ี ยา่ งสมา่ เสมอเปน็ เหตทุ าให้ 30,001-40,000 บ., ลมื หรือคา้ งการชาระ 50,001-60,000 บ. -ปัจจยั เกดิ จากสถาบันการเงิน ในประเดน็ เจ้าหน้าทีข่ าด - ไมเ่ กนิ 30,000 บ., - 60,001 บ. ข้นึ ไป ประสบการณ์ เปน็ เหตุทาใหเ้ กิดความไมเ่ ข้าใจในเรือ่ งการ 30,001-40,000 บ., ผ่อนชาระ 50,001-60,000 บ. Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 84
จากตารางท่ี 11 เป็นการสรุปผลการทดสอบสมมติฐานในส่วนของประเด็นท่ีมีความคิดเห็นแตกต่างกัน โดยพบสมมติฐานท่ีมีค่า Sig น้อยกว่านัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จึงยอมรับ H1 ปฏิเสธ H0 ปัจจัยนั้นมีความ แตกต่างกันภายในอย่างน้อย 1 คู่ จึงทาการทดสอบด้วยวิธี Least-Significant Different (LSD) และวิธีการ Games-Howell โดยมีกล่มุ ท่ีมคี วามคดิ เหน็ แตกตา่ งกันในแต่ละประเดน็ ดังตารางท่ี 11 อภปิ รายผล การสรปุ และอภิปรายผล ผู้วิจัยไดด้ าเนินการตามวตั ถุประสงคใ์ นการวิจยั ได้แก่ 1. ระดบั ความคดิ เหน็ ทีม่ ีต่อปัญหาการชาระสินเช่อื เพอ่ื ท่อี ยู่อาศัยกับสถาบนั การเงิน การศกึ ษาปัจจัยด้านบุคคลของผตู้ อบแบบสอบถามที่ใชบ้ รกิ ารสนิ เชื่อเพื่อท่อี ยู่อาศัยกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ภาพรวมพบว่า อายุ, อาชีพ และระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดือน มีความคิดเห็นต่อปัญหาการชาระสินเช่ือเพื่อท่ีอยู่ อาศัยกับสถาบันการเงนิ ที่แตกต่างกัน ซึ่งผลการทดสอบสอดคลอ้ งกับงานวจิ ัยของวรรณี สมตัว (2559) ท่ีได้ศึกษา เก่ียวกับปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิดหน้ีค้างชาระ สินเช่ือนโยบายรัฐของธนาคารออมสิน สาขาจะนะ จังหวัดสงขลา พบว่าคือ อาชีพ และระดับรายได้เฉลี่ยต่อเดือน อีกท้ังผลการทดสอบสอดคล้องกับงานวิจัยของปัญจรัตน์ หนูสิงห์ (2561) ท่ีได้ศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิดหน้ีท่ีไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทยกรณีศึกษา: ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สาขาพัทลงุ พบว่าคอื อายุ, อาชพี และรายไดเ้ ฉลยี่ ต่อเดอื น ซึ่งสอดคลอ้ งกบั ประเด็นปัจจยั ด้านบุคคล 2. วเิ คราะห์เกี่ยวกบั ปัญหาการชาระสนิ เชือ่ เพ่อื ทีอ่ ยูอ่ าศัยกบั สถาบันการเงิน การศึกษาพบว่า ปัจจัยเกิดจากภายนอก เป็นปัจจัยในระดับมาก เป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา เป็นปัจจัยเกดิ จากผู้ขอสินเช่ือ และปัจจัยเกิดจากสถาบันการเงิน ซ่ึงผลการทดสอบสอดคล้องกับงานวิจัยของศุภรา ทองไซร้ (2561) กล่าวว่า จากความคิดเห็นส่วนใหญ่ พบว่า สาเหตุที่ทาให้เกิดการค้างชาระ มาจากปัจจัยภายนอก ปัจจัย เกิดจากบคุ คล และปัจจัยเกดิ จากสถาบันการเงนิ โดยจากผลการศกึ ษาพบประเด็นปัญหาการชาระสินเช่ือเพื่อท่ีอยู่ อาศัยกบั สถาบนั การเงินในแต่ละปัจจยั โดยสรุปไดด้ งั นี้ 2.1 ปจั จยั เกดิ จากภายนอก ประเดน็ ภาวะทางเศรษฐกิจท่ีชะลอตวั หรือตกต่าทาให้รายได้ลดลง อนั ดับ หน่ึง รองลงมา การเปล่ียนแปลงด้านเทคโนโลยี เช่น การใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนท่ีคน ทาให้ถูกเลิกจ้างงาน ผลกระทบจากภยั ธรรมชาตทิ ีเ่ กิดขึน้ โดยไม่คาดคดิ เช่น น้าทว่ ม ไฟไหม้ และรฐั บาลมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย เช่น มีการควบคุมมาตรการสนิ ค้า ตามลาดบั ซึ่งผลการทดสอบสอดคล้องกับงานวิจยั ของศรวี าลัย นริ าช (2551) พบว่า ปจั จัยภาวะทางเศรษฐกิจทีช่ ะลอตวั หรือตกต่า การเปลยี่ นแปลงด้านเทคโนโลยี เชน่ การใชเ้ ทคโนโลยเี ขา้ มาแทนที่ คน ทาใหถ้ กู เลิกจ้างงาน ผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่เกิดข้ึนโดยไม่คาดคิด เชน่ น้าท่วม ไฟไหม้ และรัฐบาลมีการ เปล่ียนแปลงนโยบาย เชน่ มกี ารควบคุมมาตรการสินค้า มผี ลทาใหเ้ กิดหนกี้ ารค้างชาระมาก 2.2 ปัจจัยเกิดจากผู้ขอสนิ เชอ่ื ประเด็นรายจ่ายมากกว่ารายได้ อันดับหนึ่ง รองลงมา รายได้ต่อเดือนที่ ลดลง ภาระหนี้สินอื่น ๆ เพ่ิมเติมที่สูงมากขึ้น ตามลาดับ ซึ่งผลการทดสอบสอดคล้องกับงานวิจัยของวรรณี สมตัว (2559) พบว่า มีรายจ่ายมากกว่ารายได้ เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดหนี้ค้างชาระมากที่สุด ส่งผลให้เกิดปัญหาการ ชาระไม่ตรงตามเงื่อนไขหรือขาดการชาระกับสถาบันการเงิน ส่วนประเด็นรายได้ต่อเดือนที่ลดลง ส่งผลใ ห้ Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 85
ไม่สามารถชาระได้ตามกาหนด และอาจตอ้ งแก้ปัญหาโดยการไปกเู้ งินทั้งในและนอกระบบ เพ่อื มาหมนุ เวยี น ทาให้ เกิดภาระหนห้ี ลายช่องทางรดั ตวั และเกิดภาระหนสี้ นิ อืน่ ๆ เพมิ่ เติมที่สูงมากข้ึน 2.3 ปัจจัยที่เกิดจากสถาบันการเงิน ประเด็นการเปล่ียนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับเพ่ิมข้ึน เป็นอันดับหน่ึง รองลงมา งวดการผ่อนชาระต่อเดือนสูงเกินไป เป็นเหตุทาให้ชาระไม่ได้ตามอนุมัติ และสถาบัน การเงินมีการคดิ อตั ราดอกเบย้ี ผิดนดั ชาระที่มีอัตราสงู ตามลาดับ ซึ่งผลการทดสอบสอดคล้องกับงานวจิ ยั ของศรีวา ลัย นิราช (2551) พบว่าการเปล่ียนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับเพิ่มข้ึน เกิดจากแต่ละสถาบันการเงินมี อัตราดอกเบ้ียที่แตกต่างกันไป ดังน้ันผู้ขอสินเช่ือควรมีการศึกษาเง่ือนไขต่าง ๆ ของแต่ละสถาบันการเงินอย่าง รอบคอบ รวมไปถึงงวดการผ่อนชาระต่อเดือนสูงเกินไป เป็นเหตุทาให้ชาระไม่ได้ตามอนุมัติ และสถาบันการเงินมี การคิดอัตราดอกเบ้ยี ผดิ นัดชาระท่มี อี ตั ราสูง มผี ลทาให้เกิดการค้างชาระมาก ขอ้ เสนอแนะ ผลที่ได้จากการวิจัยในคร้ังนี้ สถาบันการเงินต่าง ๆ หรือผู้ที่สนใจศึกษาเก่ียวกับปัญหาการชาระสินเชื่อ เพื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงิน สามารถนาผลการวิจัยประเด็นปัญหาต่าง ๆ ของงานวิจัยไปเป็นแนวทางการ แก้ไขปัญหาการชาระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงิน เพ่ือลดโอกาสการเกิดหน้ีที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เพอื่ ทีอ่ ยอู่ าศยั กบั สถาบนั การเงนิ โดยมีรายละเอยี ดดังนี้ 1. การกาหนดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และมาตรการช่วยผลักดันทางด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยจาก การศกึ ษาความคิดเห็นพบว่า ปัจจยั ภายนอก ดา้ นภาวะทางเศรษฐกิจทชี่ ะลอตวั หรือตกต่า ถอื เปน็ ปัญหาการชาระ สินเช่ือเพื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบนั การเงินในระดบั มาก ผู้วิจัยจึงเสนอแนะการกาหนดมาตรการชว่ ยเหลือลกู หนี้และ มาตรการช่วยผลักดันทางด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยข้ันต่าเพ่ือช่วยเหลือและกระตุ้นภาค อสังหาริมทรัพย์ ยกตัวอย่างเช่น จากข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (2563ก) มีมาตรการปรับโครงสร้างหน้ี เพ่ือช่วยเหลือ SME ท่ีช่วยเหลือผู้ประกอบการ ให้สามารถพลิกฟื้นธุรกิจได้อย่างทันท่วงที โดยมีมาตรการปรับ โครงสร้างหน้ีเชงิ ป้องกนั สาหรับลูกหน้ีที่ไมเ่ ป็น NPL โดยการลดดอกเบ้ีย และการขยายระยะเวลาชาระ, มาตรการ ปรับโครงสร้างหน้ีสาหรับลูกหน้ีที่เป็น NPL ให้เล่ือนข้ันเป็นลูกหน้ีปกติได้ เมื่อลูกหน้ีปรับโครงสร้างและชาระได้ 3 เดอื น หรอื 3 งวดตดิ ตอ่ กนั จากเดมิ ทตี่ อ้ งรอถึง 12 เดอื น เป็นต้น 2. การนาเสนอแนวทางการติดตามหน้ีอย่างใกล้ชิด โดยจากการศึกษาความคิดเห็นพบว่า ปัจจัยสถาบัน การเงิน ด้านการเปล่ียนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ท่ีปรับเพิ่มขึ้น และด้านงวดการผ่อนชาระต่อเดือนสูงเกินไป ถือเป็นปัญหาการชาระสินเชื่อเพื่อท่ีอยู่อาศัยกับสถาบันการเงินในระดับมาก ผู้วิจัยจึงเสนอแนะให้สถาบันการเงิน ต่าง ๆ ควรมีการติดตามหน้ีอย่างใกล้ชิด หรือมีแผนกในการติดตามทวงถามหน้ีกับลูกค้า หากลูกค้ามีปัญหา เช่น งวดผ่อนท่ีชาระแต่ละเดือนไม่ได้ตามที่เง่ือนไขกาหนด ควรหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหน้ีกับ ลูกค้าตามความเหมาะสมกับความสามารถในการชาระปัจจุบันของลูกค้า จะทาให้ลดโอกาสการเกิดปัญหาในการ ชาระหน้สี ินเชอื่ เพอ่ื ทอ่ี ยอู่ าศัย Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 86
3. วนิ ยั ทางการเงนิ โดยจากการศกึ ษาความคิดเห็นพบวา่ ปจั จยั รายจา่ ยมากกวา่ รายได้ ถอื เปน็ ปัญหาการ ชาระสินเชื่อเพ่ือท่ีอยู่อาศัยกับสถาบันการเงินระดับมากท่ีสุด ผู้วิจัยจึงเสนอแนะให้ผู้ขอสินเช่ือมีการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการบริโภค โดยมีวินัยทางการเงินของตนเอง ควบคุมรายจ่าย โดยการจัดทาบัญชี รับ-จ่ายแต่ละเดือน เพื่อสามารถควบคุมและกันเงินส่วนที่ตอ้ งใชช้ าระสินเชอื่ น้ันไว้ได้ ดังนั้นหากมีการปรับเปล่ียนพฤติกรรมได้ จะทาให้ ช่วยลดโอกาสในการผิดนัดชาระสินเชื่อกับสถาบนั การเงิน ทั้งนี้หากสถาบันการเงนิ สามารถที่จะให้คาปรกึ ษากับ ผู้ขอสินเช่ือในส่วนของการบริหารการเงินหรือการออมเพื่อการบริหารความเส่ียงในอนาคตได้ก็จะเป็นอีกช่องทาง หน่ึงในการแก้ปัญหาดังกลา่ ว ในส่วนผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ปัจจัยบุคคลด้านอายุท่ีแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อปัญหาการ ชาระสินเชอ่ื เพื่อท่ีอยู่อาศยั กับสถาบันการเงินที่แตกต่างกันมากที่สดุ โดยไดม้ ีการนาเอาผลลัพธ์มาจัดทาแนวทางใน การแก้ไขปัญหาการเกิดโอกาสในการคา้ งชาระ ซง่ึ มีดังตอ่ ไปนี้ 1. การนาเสนอแนวทางการพิจารณากระบวนการขอสินเชื่อแก่ลูกค้า โดยการจัดโปรแกรมการลดอัตรา ดอกเบ้ียสาหรับลูกค้าชั้นดีท่ีผ่อนชาระตรงตามเงื่อนไข จากผลการวิจัยความคิดเห็นด้านการคิดอัตราดอกเบ้ียผิด นัดชาระที่มีอัตราสูง จากข้อมูลวิจัยพบว่ากลุ่มอายุ 21-30 ปี มีความคิดเห็นท่ีแตกต่าง และให้ความคิดเห็นต่อ ประเด็นน้ีสูงที่สุด ดังน้ันหากสถาบันทางการเงินมีการส่งเสริมจากการจดั โปรแกรมลดอัตราดอกเบีย้ โดยวิเคราะห์ จากศักยภาพในการชาระท่ีผ่านมาที่ไม่ผิดนัด หรือล่าช้า ถือเป็นแนวทางในการลดโอกาสในการค้างชาระ ผู้วิจัยจงึ เสนอแนะแนวทางการพิจารณากระบวนการขอสินเช่ือแก่ลูกค้า โดยให้น้าหนักไปยังช่วงอายุดังกล่าว เพ่ือให้ กระตุ้นและผลกั ดันให้ลูกค้าเกดิ ความตงั้ ใจทจี่ ะชาระ 2. การผลักดันและส่งเสริมการจัดอบรม/สัมมนา พนักงานให้มีพื้นฐานและทักษะในด้านต่าง ๆ เพิ่มข้ึน จากผลการวิจยั ความคิดเหน็ ให้ความสาคัญกบั ปัจจัยทจี่ ะทาให้เกิดโอกาสในการค้างชาระ ปัจจยั ดา้ นเจา้ หนา้ ท่ีขาด ประสบการณ์ และปัจจัยด้านเจ้าหน้าท่ีขาดการดูแลและเอาใจใส่ลูกค้า จากข้อมูลวิจัยพบว่ากลุ่มอายุ 21-30 ปี มีความคิดเห็นท่ีแตกต่าง และให้ความคิดเห็นต่อประเด็นนี้สูงท่ีสุดทั้ง 2 ปัจจัย ดังน้ันผู้วิจัยจึงเสนอแนะสถาบัน การเงินต่าง ๆ จัดให้มีการจัดอบรม/สัมมา ด้านทักษะกระบวนการพิจารณาใหส้ ินเชื่อ, การเจรจาต่อรองกับลูกค้า, การใช้ระบบงาน และการให้ความรู้เกี่ยวการระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อเป็นพื้นฐานในการทางาน อีกทั้งเจ้าหน้าท่ีสามารถมีการเรียนร้ทู างสังคม (Social Learning Theory) ได้จากการหาประสบการณ์การเรียนรู้ จากการสังเกตเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์การทางาน มาปรับใช้กับการทางาน เพื่อสร้างจุดแข็งมากขึ้น โดยให้ นา้ หนักไปยังชว่ งอายุดังกลา่ ว เพ่อื ใหค้ วามช่วยเหลอื และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 3. การช่วยเหลือด้วยการมีระบบสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ 24 ชั่วโมง ที่เป็นช่องทางเสริมสาหรับ ช่วยเหลือประชาชนท่ีต้องการปรบั ปรงุ โครงสร้างหนี้ จากผลการวจิ ัยความคิดเห็นใหค้ วามสาคัญกับปัจจัยด้านการ คิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชาระท่ีมีอัตราสูง , ปัจจัยงวดการผ่อนชาระต่อเดือนสูงเกินไป และปัจจัยรายจ่ายมากกว่า รายได้ ซ่ึงประเด็นดังกล่าว ถือเป็นปัญหาการชาระสินเช่ือเพื่อท่ีอยู่อาศัยกับสถาบันการเงิน ซ่ึงตรงกับประเด็นที่ ทางธนาคารแหง่ ประเทศไทยสนับสนุนใหส้ ถาบนั การเงนิ เร่งให้ความชว่ ยเหลือกับลูกหนี้ ในการปรับโครงสร้างหน้ีท่ี ยังเป็นลูกหน้ีดีสถานะปกติแต่ขาดสภาพคล่องช่ัวคราว หรือเป็นหนี้เสีย หรือปรับโครงสร้างหน้ีแล้ว จากข้อมูลการ วิจัยพบว่ากลุ่มอายุ 21-30 ปี มีความคิดเห็นท่ีแตกต่างและให้ความสาคัญกับประเด็นต่าง ๆ ข้างต้น ซ่ึงสอดคล้อง กับในปัจจุบันที่ประชาชาติธุรกิจ (2563) พบว่าจากข้อมูลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จากัด (เครดิตบูโร) Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 87
พบว่า ไตรมาสแรกปี 2563 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL เพ่ิม โดยมี 2 กลุ่มสินเช่ือท่ีน่าเป็นห่วง คือ สินเช่ือ รถยนต์ และสินเชอ่ื บา้ น ซง่ึ ทาง ธนาคารแห่งประเทศไทย (2563ข) จับมอื กับสถาบนั การเงินตา่ ง ๆ จัดตัง้ “ทาง ด่วนแก้หน้ี” เป็นช่องทางท่ีให้บุคคลหรือนิติบุคคลท่ีต้องการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ สามารถแจ้งข้อมูลความ ต้องการไปท่ีผู้ให้บริการทางการเงิน ผ่านเว็บไซต์ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ภายใต้การดูแลของ ธปท. มีการเลือกการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ 3 ข้อ เช่น พักชาระเงินต้น, ลดอัตราดอกเบี้ย, ผ่อนปรนดอกเบี้ยที่ผิดนัด ชาระ เป็นต้น จากมาตรการตัวอย่างข้างต้นสามารถนามาใช้เป็นแนวทางในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกค้า ในช่วงอายุดังกล่าวได้ เอกสารอ้างองิ ชัยยทุ ธ วัชรานนท์.(2546). ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์. กรงุ เทพมหานคร: อมั รนิ ทรก์ ารพิมพ์. ดอท พร๊อพเพอร์ต้ี. (2557). รู้จักทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA. สืบค้นเมื่อวันท่ี 3 มีนาคม 2563. สืบค้นจาก https://www. dotproperty.co.th/blog/ร้จู กั ทรพั ย์สินรอการขาย-หรอื -npa. ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2559). หลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสํารองของสถาบันการเงิน สายนโยบายสถานบัน การเงนิ , ที่ ฝนส.(01)ว. 50/2559 เรื่อง นําสง่ ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องหลักเกณฑก์ ารจดั ชั้นและการ กันเงินสํารองของสถาบันการเงิน วันที่ 29 มิถุนายน 2559. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 สืบค้นจาก https://www.bot.or.th/Thai/FIPCS/Documents/FPG/2559/ThaiPDF/25590128.pdf. ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2561). FI_NP_001 ข้อมูล Gross NPLs และ Net NPLs สินเชื่อแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องและ ค่าปรับจําแนกตามกลุ่มประเภทสถาบันการเงิน 1/ 2/. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 สืบค้นจาก https://www.bot.or.th/App/BTWS_STAT/statistics/ReportPage.aspx?reportID=428&language=th. ธนาคารแห่งประเทศไทย.(2563ก.). มาตรการสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหน้ีและให้เงินทุนหมุนเวียนแก่ ผู้ประกอบการ SMEs (SMEs Loan Restructuring). สืบค้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2562 สืบค้นจาก https://www.facebook.com/bankofthailandofficial/posts/1066219600394133/. ธนาคารแห่งประเทศไทย.(2563ข.). ข่าว ธปท. ฉบับที่ 22/2563 เร่ือง แบงก์ชาติเปิด \"ทางด่วนแก้หนี้\" เชื่อมเจ้าหนี้- ลูกหนี้ให้ปรับหนี้ร่วมกัน สืบค้นเมื่อวันท่ี 3 มีนาคม 2563 สืบค้นจาก https://www.bot.or.th/Thai /PressandSpeeches/Press/2020/Pages/n2263.aspx#. ธนาคารแห่งประเทศไทย.(2564). FI_CB_094 รายงานสินเชอื่ ภาคอสงั หาริมทรัพย์. สืบค้นเมื่อวนั ท่ี 8 พฤษภาคม 2564 สืบคน้ จาก https://www.bot.or.th/App/BTWS_STAT/statistics/ReportPage.aspx?reportID= 935 &language=th. นราธิป วงศ์สินธ์ุวิเศษ.(2554). พฤติกรรมการชําระหน้ีสินเช่ือเพ่ือที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเช่าซ้ือรถยนต์ของลูกหนี้ สินเชื่อสถาบันการเงินในเขตกรุงเทพมหานคร. งานนิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาหรับผู้บริหาร, คณะวทิ ยาลัยพาณิชยศาสตร์, มหาวิทยาลยั บูรพา. นิวัฒน์ กาญจนภูมินทร.(2559). 6Cs Credit indicators สืบค้นเมื่อวันท่ี 3 มีนาคม 2563 สืบค้นจาก https://www.ncb.co.th/Press_20061108.htm . Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 88
ประชาชาติธุรกิจ.(2563). หนี้เสีย “รถยนต์-กู้บ้าน” ขาข้ึน. สืบค้นเม่ือวันท่ี 3 มีนาคม 2563 สืบค้นจาก https://www.prachachat.net/finance/news-468357. ปัญจรัตน์ หนูสิงห์.(2561). ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิดหน้ีที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพัฒนาวสิ าหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กรณีศึกษา: ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่ง ประเทศไทย สาขาพัทลุง. การค้นคว้าอิสระสาขาวิชาเอกบริหารธุรกิจ, สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จงั หวดั สงขลา, คณะบริหารธรุ กจิ , มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง. วนิดา จันทวงศ์.(2550) ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดหน้ีท่ีไม่ก่อให้เกิดรายได้สินเชื่อเคหะธนาคารออมสิน เขตเชียงใหม่ 2. การค้นคว้าแบบอิสระเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์, คณะเศรษฐศาสตร์, มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่. วรรณี สมตัว.(2559). ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดหน้ีค้างชําระ สินเชื่อนโยบายรัฐ ของธนาคารออมสิน สาขาจะนะ จังหวดั สงขลา. สารนพิ นธ์ปริญญาบรหิ ารธุรกิจมหาบัณฑติ , สาขาวิชาบริหารธุรกิจ, คณะวิทยาการจดั การ, มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์. ศรีวาลยั นิราช.(2551). ปจั จยั ของการค้างชําระหนีเ้ งินกขู้ องลกู คา้ ธนาคารของรฐั ในจงั หวดั ลาํ พูน. การค้นควา้ แบบอสิ ระ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาเศรษฐศาสตรก์ ารเมือง, คณะสังคมศาสตร์, มหาวิทยาลยั เชยี งใหม.่ ศุภรา ทองไซร้.(2561). ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการค้างชําระหน้ี NPLs กรณีศึกษาธนาคารออมสินเขตสงขลา 2. สารนิพนธ์ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, สาขาวิชาบริหารธุรกิจ, คณะวิทยาการจัดการ, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, วิทยาเขตหาดใหญ่. ศูนย์วิจัยธนาคารออมสิน.(2563). ภาวะสินเชื่อที่อยู่อาศัยไตรมาส 1 ปี 2563 และแนวโน้มปี 2563. สืบค้นเมื่อ วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 สืบค้นจาก https://www.gsbresearch.or.th/wp-content/uploads/ 2020/06/IN_bank_house_loan_H12563_inter_info.pdf . เอกรฐั วงศ์วีระกลุ .(2553). ปจั จยั การตัดสนิ ใจเลือกใช้บรกิ ารสินเชอ่ื ทีอ่ ยอู่ าศยั กบั ธนาคารพาณชิ ย์ของคนทํางานใน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. สารนิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต, สาขาการจัดการ, คณะสังคมศาสตร์, มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. โฮมบายเออร์ไกด์. (2560). 5Cs สําคัญอย่างไร กับผู้กู้สินเช่ือ. สืบค้นเมื่อวันท่ี 8 พฤษภาคม 2564. สืบค้นจาก https://www.home.co.th/finance/topic-10773. Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing. New York: Harper Collins. Publishers. Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion-referenced test item validity. Dutch Journal of Educational Research, 2, 49-60. Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. New York: Harper and Row Publication. Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 89
Translated Thai References Bank of Thailand. ( 2 0 1 6 ) . Regulations on Asset Classification and Provisioning of Financial Institutions, Notification of the Bank of Thailand No. FPG. 5/2559, June 29, 2016. Retrieved October 18, 2019, from https://www.bot.or.th/Thai/FIPCS/Documents/FPG/2559/ThaiPDF/25590128. pdf. (in Thai) Bank of Thailand. (2018). FI_NP_001 Gross NPLs and Net NPLs Outstanding, Loans to Related Parties, Fine and Summary Statement of Liabilities and Assets Classified by Financial Institution Group 1/ 2/. Retrieved October 18, 2019, from https://www. bot.or.th/App/BTWS_ STAT/ statistics/ReportPage.aspx?reportID=428&language=th. (in Thai) Bank of Thailand. (2020a). SMEs Loan Restructuring. Retrieved October 18, 2019, from https:// www.facebook.com/bankofthailandofficial/posts/1066219600394133/.(in Thai) Bank of Thailand. (2020b). BOT News No. 22/2020 National bank Open \"Expressway to solve debt\" connects creditors - debtors to adjust debt together. Retrieved March 3, 2020 from https://www.bot.or.th /Thai/PressandSpeeches/Press/2020/Pages/n2263.aspx#. (in Thai) Bank of Thailand. (2021). FI_CB_094 Real Estate Sector Credit. Retrieved May 8, 2021 from https:// www.bot.or.th/App/BTWS_STAT/statistics/ReportPage.aspx?reportID=935&language=th . (in Thai) Chantawong, W. ( 2 0 0 7 ) . Factors Contributing to Non-Performing Housing Loans of Government Saving Bank, Chiang Mai 2 zone. Independent Study, Master of Economics Degree, Department of Economics, Faculty of Economics, Chiang Mai University. (in Thai) Dot Property Group. (2014). Know the Non-Performing Asset or NPA. Retrieved March 3, 2020 from https://www. dotproperty.co.th/blog/Know the Non-Performing Asset or NPA. (in Thai) Government Savings Bank. ( 2 0 2 0 ) . Home Loan Conditions Q1 2 0 2 0 and Outlook for 2 0 2 0 . Retrieved May 5, 2 0 2 1 from https://www.gsbresearch.or.th/wp-content/uploads /2020 /06/IN_bank_house_loan_H12563_inter_info.pdf . (in Thai) Home Buyers Teams. (2017). 5Cs How important? with loan borrowers. Retrieved May 8, 2021, from https://www.home.co.th/finance/topic-10773. (in Thai) Kanjanaphumin, N. (2016). 6Cs Credit indicators. Retrieved March 3, 2020 from https://www. ncb.co.th/ Press_20061108.htm. (in Thai) Nirach, S. (2008), Factors Affecting Repayment of Loans by Customers of State-Owned Banks in Lamphun Province. Independent Study, Master of Arts Program in Political Economy, Faculty of Social Sciences, Chiang Mai University. (in Thai) Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 90
Noosing, P. (2018). Factors that affect the generation of non-performing debts of Small and Medium Enterprise Development Bank of Thailand Case Study: Small and Medium Enterprise Development Bank of Thailand, Phatthalung Branch. Independent Study of Department of Business Administration, Ramkhamhaeng University. (in Thai) Prachachat, (2020). Non-Performing Loan “Car loan - Home loan” Uptrend. Retrieved March 3, 2020 from https://www.prachachat.net/finance/news-468357 .(in Thai) Somtua, W. (2016) . Factors Affecting the Outstanding Debt on Government Policy Loan of the Government Saving Bank, Chana Branch, Songkhla Province. Thesis, Department of Business Administration, Songkhla University. (in Thai) Thongsai, S. (2018). Factors Affecting the Non-Performing Loans (NPLs) A Case Study of Government Savings Bank Songkhla Zonal Office 2. Thesis, Department of Business Administration, Songkla University. (in Thai) Watchalanon, C. (2003). The civil and commercial code of Thailand. Bangkok: Amarinbook. (in Thai) Wongsinwises, N. ( 2 011) . Behavior in Housing Laon and Hired Purchase Payment on Financial Institute’s Customer in Bangkok, Thesis, Department of Executive, MBA of The Graduate School of Commerce, Burapha University. (in Thai) Wongweerakul, E. (2010). Factors Affecting the Decision in Choosing Housing Loan Provided by Commercial Bank for Working People in Ayutthaya Province. Thesis, Department of Business Administration degree in Management, Srinakharinwirot University. (in Thai) Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 91
รูปแบบความสัมพนั ธ์เชงิ สาเหตขุ องปจั จยั ทีส่ ง่ ผลตอ่ การตัดสินใจใชบ้ ริการเช่าเหมาลา สายการบินไทยไลออ้ นแอร์ของผ้โู ดยสารชาวจนี วนั ที่รับบทความ: 26 กรกฎาคม 2563 กริ ิยา นลิ มาลา1* เนตร์ศริ ิ เรอื งอริยภกั ด์ิ2 และ กนกวรรณ จ่ันจนี 3 วันแก้ไขบทความ: 10 ตลุ าคม 2563 วันตอบรบั บทความ: 8 กมุ ภาพันธ์ 2564 บทคดั ยอ่ 2563 การวิจัยครั้งน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (8P) ปัจจัยการ ใหบ้ ริการสายการบินแบบเชา่ เหมาลา และปัจจยั การตัดสนิ ใจใชบ้ ริการเช่าเหมาลาสายการบินไทย ไลออ้ นแอร์ของ ผู้โดยสารชาวจีน 2) รูปแบบความสมั พันธเ์ ชิงสาเหตขุ องปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (8P) ปัจจัยการให้บริการ สายการบินแบบเช่าเหมาลาท่ีส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการเช่าเหมาลาสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ของผู้โดยสาร ชาวจีน 3) รูปแบบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่พัฒนาขึ้นจากปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการเช่าเหมาลา สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ของผู้โดยสารชาวจีน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก ผู้โดยสารชาวจนี ที่มาใช้บริการแบบเช่าเหมาลาของสายการบนิ ไทยไลอ้อนแอร์จานวน 400 คน สาหรับค่าสถติ ิท่ีใช้ ได้แก่ การแจกแจงความถ่ี ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเบ้ ค่าความโด่ง และ เทคนิคการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้างบนตัวแบบเส้นทางกาลังสองน้อยที่สดุ บางส่วน ผลการศึกษา พบว่า 1) ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (8P) และปัจจัยการให้บริการสายการบินแบบเช่าเหมาลา ต่างมีความสัมพันธ์ เชิงสาเหตุต่อการตัดสินใจใช้บริการเช่าเหมาลาสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ของผู้โดยสารชาวจีน 2) ปัจจัยการ ให้บริการสายการบินแบบเช่าเหมาลา มีความสัมพันธ์เชิงสาเหตุต่อการตัดสินใจใช้บริการเช่าเหมาลาสายการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ของผู้โดยสารชาวจีน เม่ือมีตัวแปรกากับด้านเพศ 3) ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (8P) และ ปัจจยั การให้บริการสายการบนิ แบบเชา่ เหมาลา ตา่ งมคี วามสมั พนั ธ์เชิงสาเหตุต่อการตดั สินใจใช้บริการเชา่ เหมาลา สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ของผูโ้ ดยสารชาวจีน เมอ่ื มีตัวแปรกากับด้านรายไดเ้ ฉลยี่ ต่อเดอื น คาสาคญั : การตดั สนิ ใจใชบ้ ริการ, บรกิ ารเช่าเหมาลาสายการบนิ , ไทยไลอ้อนแอร์ * Corresponding author e–mail: [email protected] ¹ นักศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาโท หลักสูตรปรญิ ญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการจดั การการบิน สถาบันพัฒนาบุคลากรการบิน มหาวทิ ยาลยั เกษมบัณฑติ e–mail: [email protected] 2 อาจารย์ประจา สาขาวิชาการจดั การการบิน สถาบนั พฒั นาบคุ ลากรการบิน มหาวิทยาลยั เกษมบัณฑติ e–mail: [email protected] 3 อาจารย์ประจา สาขาวชิ าการจดั การการบิน สถาบนั พฒั นาบุคลากรการบนิ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต e–mail: [email protected] Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 92
A Causal Relationship Model of Factors Affecting Decision Making of Charter Services Thai Lion Air for Chinese passengers Received: 26 July 2020 Kiriya Ninmala1* Natesiri Ruangariyapuk2 and Kanokwan Janjeen3 3 Revised: 10 October 2020 Accepted: 8 February 2021 Abstract This research aims to study 1) the level of marketing mix factors (8P), air charter services factors and the decisions to use air charter service of Thai Lion Air among Chinese passengers 2) a causal relationship model of factors among marketing mix factors (8P) charter services factors that affect decisions to use air charter service of Thai Lion Air for Chinese passengers 3) a causal relationship model developed from factors affecting Chinese passengers' decision to use air charter services of Thai Lion Air. The research uses questionnaire to collect data from 400 Chinese passengers. The statistics used are Frequency distribution, percentage, arithmetic mean, standard deviation, skewness, kurtosis and modal analysis techniques for Partial Least Squares Path Modeling. The results show that 1) the marketing mix factors (8P) and the air charter airline service factors. have a causal relationship with the decision to use the Thai Lion Air charter service among Chinese passengers, 2) air charter service factors have a causal relationship with the decision to use the Thai Lion Air charter service of Chinese passengers when moderated by gender 3) the marketing mix factors (8P) and the factors of air charter service have a causal relationship with the decision to use the Thai Lion Air charter service among Chinese passengers. When moderated by monthly income. Keywords: Decision to services, air charter service, Thai Lion Air * Corresponding author e–mail: [email protected] 1 Students, Master of Arts Program in Aviation Management, Aviation Personnel Development Institute, Kasem Bundit University. e–mail: [email protected] 2 Lecturer, Arts Program in Aviation Management, Aviation Personnel Development Institute, Kasem Bundit University. e–mail: [email protected] ³ Lecturer, Arts Program in Aviation Management, Aviation Personnel Development Institute, Kasem Bundit University. e–mail: [email protected] Burapha Journal of Business Management, Burapha University, Vol.10 No.1 January – June 2021 93
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186