การสร้างชุดสื่อการเรียนรู้ด้วยตนเองในการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษส าหรับพนักงานต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรมในเขตอ าเภอเมือง จังหวัดเลย

วารสารวิจัยและพฒั นา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย การสร้างชุดส่อื การเรียนรู้ดว้ ยตนเองในการพูดสอ่ื สารภาษาองั กฤษ สาหรับพนักงานต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรมในเขตอาเภอเมอื ง จงั หวัดเลย Developing the Instructional Self-learning Media of English Speaking Skills for Hotel Front Office Staff in Muang District, Loei Province ศรจี ิตรา นวรตั นาภรณ1์ Srijittra Navaruttanaporn1 Corresponding author’s E-mail: [email protected] (Received: June 25, 2020; Revised: September 9, 2020; Accepted: November 18, 2020) บทคดั ยอ่ จากงานวิจยั ท่ผี า่ นมา พบวา่ พนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ของโรงแรมมีปัญหาในการพดู ส่ือสารภาษาองั กฤษ และมี ความตอ้ งการการพฒั นาทกั ษะการพดู สอ่ื สารภาษาองั กฤษมากที่สดุ ของพนกั งาน โดยวิธีการเรยี นรูจ้ ากชุดส่ือการเรียนรู้ ดว้ ยตนเอง ดงั นนั้ งานวจิ ยั ฉบบั นมี้ ีวตั ถปุ ระสงคค์ ือ 1) สรา้ งชดุ สอ่ื การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองในการพดู สอ่ื สารภาษาองั กฤษ ท่ีมี ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 70/70 2) เพ่ือเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลงั การเรยี นโดยใชช้ ดุ ส่อื การเรียนรู้ ด้วยตนเอง และ 3) ศึกษาระดับความพึงพอใจของพนักงานต้อนรับส่วนหน้าที่มีต่อชุดสื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง กลมุ่ เปา้ หมายที่ศกึ ษา คือพนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ จานวน 49 คน จากโรงแรม 19 แหง่ ในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย ผลการวิจยั พบว่า 1) ประสทิ ธิภาพของชุดสอื่ การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองในการพดู สื่อสารภาษาองั กฤษ มีค่าเท่ากบั 73.24/77.02 2) ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นหลงั เรียนสงู กวา่ ก่อนเรยี น หลงั ใชช้ ุดสือ่ การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 และ 3) ระดบั ความพึงพอใจของพนกั งานตอ้ นรบั ส่วนหนา้ โดยภาพรวมที่มีต่อชุดสื่อการเรียนรู้ ดา้ นเอกสารค่มู ือ ดา้ นวีดิทศั น์ และดา้ นประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จากชุดสอ่ื การเรียนรูด้ ว้ ยตนเองเพ่ือการพดู สื่อสารภาษาองั กฤษ ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มากทสี่ ดุ คาสาคญั : ชดุ สอ่ื สารการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ทกั ษะการพดู สอ่ื สารภาษาองั กฤษ พนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ Abstract Previous research results have shown that front office staff experienced problems when communicating in English. The most requirement method of improving their English communication skills was by learning from instructional self-learning media. Therefore, the researcher conducted further research as required by developing the instructional self-learning media of English speaking skills. The aims of this research were: 1) to develop the instructional self-learning media of English speaking skills revealing an efficiency ratio E1/E2 at 70/70, 2) to compare staff's learning achievements between pre-test and post-test after learning by the instructional self-learning media and 3) to study the staff's satisfaction levels with the instructional self-learning media. The target group was 49 front office staff from 19 hotels in Muang District, Loei Province. 1 อาจารยป์ ระจา สาขาวชิ าภาษาองั กฤษศกึ ษา คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เลย 105 ป1ีทL่ีe1c6turฉeบr,ับEทn่ี g55lishมกSรtuาdคiมes- Pมrีนoาgคraมm2,5F6a4culty of Humanities and Social Sciences, Loei Rajabhat University

วารสารวิจยั และพฒั นา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย The research results revealed as follows: 1) The effectiveness of the created instructional self-learning media of English speaking skills was 73.24/77.02., 2) The post-test learning achievement was significantly higher than that of the pre-test with the significant level at .05 and 3) The staff's overall satisfaction levels towards the instructional self-learning media consisting of a training manual, video, and the benefits obtained from the instructional self-learning media of English speaking skills were at the highest level. Keywords: the instructional self-learning media, English speaking skills, hotel front office staff ความเป็ นมาของปัญหา จากการฝึกฝน อย่างไรก็ตามความสามารถในการใช้ การพัฒนาการบริการและคุณภาพของการ ภาษาองั กฤษในการพดู ส่ือสารกบั ชาวต่างชาติของคนไทย แต่ละคนย่อมแตกตา่ งกนั ผลการศึกษาระดบั ความสามารถ บริการ เป็นหวั ใจสาคญั ของอุตสาหกรรมดา้ นการโรงแรม ในการใชภ้ าษาองั กฤษของบคุ ลากรบางกลมุ่ ยงั พบปัญหา เพื่อเพิ่มศกั ยภาพในการปฏิบตั ิงานในดา้ นต่างๆ มากขึน้ ว่าความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษนัน้ ยังไม่ และสามารถสรา้ งความประทบั ใจในบริการใหก้ ับลูกคา้ สามารถสอื่ สารภาษาองั กฤษกบั นกั ทอ่ งเท่ียวชาวตา่ งชาติ หรือนกั ท่องเที่ยว (สภุ ิตา กาฬสินธุ์ และนิสากร จารุมณี, หรอื เจา้ ของภาษาไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจและมปี ระสทิ ธิภาพ (ศรจี ิตรา 2558; Perterson and McCathy, 2003; Tsuar and Lin, นวรตั นาภรณ,์ 2556; สภุ ติ า กาฬสนิ ธุ์ และนิสากร จารุมณี, 2003) ส่ิงท่ีสาคญั อีกประการหน่ึงคือ การที่บุคลากรใน 2558; เสรี วงษ์มณฑา, 2561) โดยเฉพาะความเขา้ ใจดา้ น ทอ้ งถ่ิน สถานประกอบการที่พกั โรงแรม รสี อรท์ เกสเฮา้ ท์ ภาษาและวัฒนธรรม เช่น การกล่าวทักทายเม่ือพบกับ หรอื โฮมสเตย์ สามารถพดู สอื่ สารกบั ลกู คา้ หรือนกั ทอ่ งเท่ียว ลกู คา้ การกลา่ วขอบคณุ การกลา่ วขอโทษ/ขออภยั เม่ือเกิด ไดจ้ ะสามารถช่วยสนบั สนนุ และสง่ เสรมิ การทอ่ งเท่ียวของ เหตุการณห์ รือขอ้ ผิดพลาด ในระหว่างท่ีลกู คา้ มาถึง อยู่ จงั หวดั และของประเทศไดเ้ ป็นอยา่ งดี ซ่งึ ปัจจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ระหวา่ งการพกั หรอื ลกู คา้ เตรียมออกจากท่ีพกั การกลา่ ว กบั คุณภาพการบริการของธุรกิจการโรงแรมคือ พนกั งาน เสนอความช่วยเหลือ การกลา่ วอาลาเม่ือลกู คา้ กาลงั จะ โรงแรม ซึ่งนอกจากความชานาญของการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีใน เดินทางออกจากโรงแรม และการกล่าวอวยพรใหล้ ูกค้า ความรบั ผิดชอบแลว้ ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ มี เดินทางกลบั อย่างปลอดภัย เป็นตน้ อย่างไรก็ตามการ ความจาเป็นอยา่ งยงิ่ ในการใหบ้ รกิ ารท่ีมีคณุ ภาพแก่ลกู คา้ สอ่ื สารระหวา่ งกลมุ่ คนทมี่ ีความแตกตา่ งกนั ทางดา้ นสงั คม ชาวตา่ งชาติ (ศรจี ิตรา นวรตั นาภรณ,์ 2556; สภุ ิตา กาฬสนิ ธุ์ ดา้ นภาษา และดา้ นวฒั นธรรมนนั้ ภาษาและวฒั นธรรมจะ และนสิ ากร จารุมณี, 2558) คกู่ นั เสมอ เมื่อบคุ คลท่ีต่างภาษาและต่างวฒั นธรรมมีการ ติดต่อสื่อสารกัน หากบคุ คลเหลา่ นีไ้ ม่เขา้ ใจในภาษา และ การพดู สอื่ สารภาษาองั กฤษอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ไม่เขา้ ใจในวัฒนธรรมของอีกฝ่ ายหนึ่งย่อมเกิดปัญหา ย่ อ ม มี ค ว า ม ส า คัญ ต่ อ ก า ร ป ร ะ ก อ บ อ า ชี พ ห า ก ผู้พู ด ความไมเ่ ขา้ ใจกนั (Canale and Swain 1980; Savignon, สามารถสอ่ื สารไดอ้ ย่างนา่ สนใจ ถกู ตอ้ ง และเหมาะสมจะ 1983; Maley, 1986) ดงั นนั้ หากบคุ คลมีความเขา้ ใจใน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิหนา้ ที่หรือประกอบ ภาษาอังกฤษรวมถึงวัฒนธรรมของผูท้ ่ีสื่อสารด้วยและ อาชีพไดเ้ ป็นอยา่ งดี ตรงตามความตอ้ งการของตลาดแรงงาน สามารถเลือกภาษาพูด และเลือกแสดงพฤติกรรมให้ มคี วามม่นั คงในชีวิต และเป็นกาลงั สาคญั ขององคก์ รและ สอดคล้องกับบริบทในการสื่อสารนั้น ไดอ้ ย่างถูกต้อง ประเทศชาติต่อไป (เสรี วงษ์มณฑา, 2561; Admission Premium, 2018) ซึ่งการท่ีจะมีทกั ษะการพดู ท่ีดีตอ้ งเกิด ปที ่ี 16 ฉบบั ที่ 55 มกราคม - มีนาคม 2564 106

เหมาะสมกับบุคคลนนั้ ก็สามารถประสบความสาเร็จใน วารสารวิจยั และพฒั นา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย การส่ือสารได้อย่างแท้จริง และสามารถสร้างความ ประทบั ใจใหก้ บั ลกู คา้ หรอื คสู่ นทนาไดเ้ ป็นอยา่ งดี ที่ถูกสรา้ งขนึ้ ดว้ ยตนเองของผเู้ รยี น ซึ่งผเู้ รียนไม่ไดร้ บั เอา ความรูแ้ ละเก็บขอ้ มลู ความรูน้ นั้ จากการเรียนโดยทนั ที แต่ จากการวิจัยครั้งท่ีผ่านมา พบว่า พนักงาน จะนาความรูใ้ หม่และความรูห้ รือประสบการณเ์ ดิมท่ีมีมา ที่ปฏิบัติหน้าที่ในแผนกต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรม เป็นเกณฑใ์ นการไตรต่ รองเพื่อช่วยในการตดั สนิ ใจใหเ้ กิด ในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย มีปัญหาในการพดู สื่อสาร ความเขา้ ใจของผเู้ รยี นเอง วิธีการเรยี นดว้ ยตนเองโดยท่ีให้ ภาษาอังกฤษในระดับมาก คือ การตอบปฏิเสธการจอง ผู้เรียนสามารถศึกษาจากเอกสารคู่มือ และสามารถ หอ้ งพกั การตอบรบั การจองหอ้ งพกั การลงทะเบียนเขา้ พกั ดวู ิดีทัศนก์ ารสนทนาแต่ละสถานการณจ์ าก DVD หรือ การบอกทิศทาง และการคืนหอ้ งพกั นอกจากนี้ ผลการวิจยั ดูวิดีทศั นจ์ าก YouTube ตามแนวคิดคอนสตรคั ติวิสต์ ดงั กล่าวยงั มีขอ้ คน้ พบที่สาคญั คือ พนกั งานตอ้ นรบั สว่ น โดยเร่ิมจากการส่งเสริม ใหผ้ เู้ รียนเรียนรูโ้ ดยทากิจกรรม หนา้ ยงั มีขอ้ จากดั ในเรอ่ื งความเขา้ ใจเก่ียวกับวฒั นธรรม ตา่ งๆ และศึกษาดว้ ยตนเอง ตามความสนใจ โดยผสู้ อนมี ของเจา้ ของภาษา และจากการจัดเวทีคืนขอ้ มูลส่ชู ุมชน บทบาทเป็นผชู้ ีแ้ นะ แนะนาและใหค้ วามรว่ มมือกบั ผเู้ รียน พนักงานตอ้ นรบั ส่วนหน้า มีความต้องการท่ีจะพัฒนา เม่ือมปี ัญหาหรอื คาถาม นอกจากนีย้ งั สง่ เสริมให้ ผเู้ รียนมี ทกั ษะการเรียนรูภ้ าษาอังกฤษในการพูดส่ือสารของตน โอกาสไดเ้ รยี นรูแ้ ละแกป้ ัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง นอกจากนีก้ าร มากท่ีสุดโดยการเรียนจากชุดสื่อการเรียนรูด้ ้วยตนเอง วิจัยครงั้ นีอ้ าศยั ทฤษฎีแนวคิดเก่ียวกับความสามารถใน เนื่องจากพนกั งานมีขอ้ จากดั ของเวลาในการปฏิบตั ิงานท่ี การใชภ้ าษาเพ่ือการพูดสื่อสารของ Widdowson (1981) แตกต่างกันและไม่สามารถเข้ารับการอบรมโดยพรอ้ ม กล่าวคือ ความสามารถในการสื่อสารเป็ นความรู้ เพรียงกนั ได้ ชุดสื่อการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองจึงสามารถตอบ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ท่ี เ น้ น ก า ร ใ ช้ ภ า ษ า ใ ห้ เ ห ม า ะ ส ม กั บ โจทยค์ วามตอ้ งการในการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสาร สถานการณท์ างสงั คม (Social context) ทงั้ นีจ้ ะตอ้ งมี ภาษาองั กฤษ พนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ พนกั งานสามารถ ค ว า ม สัม พัน ธ์ กั น ร ะ ห ว่ า ง ก า ร ใ ช้ทัก ษ ะ ท า ง ภ า ษ า เรยี นรูไ้ ดท้ กุ เวลา ทกุ สถานท่ี และสามารถทบทวนบทเรยี น (Language skill) และความสามารถในการใชภ้ าษาในการ ไดต้ ลอดเวลา (ศรจี ิตรา นวรตั นาภรณ,์ 2556) ส่ือสาร (Communicative ability) และใชเ้ กณฑก์ ารวัด ความสามารถของการใชภ้ าษาองั กฤษเพื่อการส่ือสารโดย ชุดสื่อสารการเรียนรู้ด้วยตนเอง คือ ส่ือการ องิ ทฤษฎขี อง Hilsdon (1990) เรยี นรูเ้ ปรยี บเสมือนตวั กลางท่ีนามาใชป้ ระกอบการเรียนรู้ ซงึ่ ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ เพื่อถ่ายทอดความรู้ ความ จากการศึกษาเนือ้ หาบทสนทนาเก่ียวกับการใช้ เขา้ ใจ ความรูส้ ึก และสรา้ งสถานการณก์ ารเรียนรู้ ทาให้ ภาษาอังกฤษในการส่ือสารสาหรับพนักงานต้อนรับ ผเู้ รียนสามารถเรียนรูไ้ ดต้ ามวตั ถุประสงค์ ความตอ้ งการ ส่วนหนา้ ที่มีอยู่ใน YouTube หรือ Website ท่วั ไปนนั้ หรือจุดมุ่งหมายที่วางไวเ้ ป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพ บริบทไม่ตรงกับสถานการณ์ ปัญหา หรือความตอ้ งการ และผเู้ รยี นสามารถคน้ ควา้ และแสวงหาความรูด้ ว้ ยตนเอง ของพนักงานต้อนรับส่วนหน้า ตลอดจนสาเนียงและ (ดวงกมล สรรไพโรจน,์ 2552; อรรถพล ศภุ รรตั น,์ 2553; ความเร็วในการออกเสยี งภาษาองั กฤษของผแู้ สดงนนั้ เร็ว เสรี วงษ์มณฑา, 2561; Njoku, 2015) เกินไป ซง่ึ เป็นเรอ่ื งยากทพ่ี นกั งานจะฟังหรอื เรยี นรูไ้ ดเ้ ขา้ ใจ และยากท่ีจะเลียนแบบการออกเสียง ซึ่งตามแนวคิดของ การเรียนจากชุดสื่อการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองตาม Jackson (2005) ไดก้ ลา่ วว่า การวิเคราะหค์ วามตอ้ งการ แนวทางคอนสตรคั ติวิสต์ (Constructivist) เป็นการเรยี นรู้ ท่ีแทจ้ ริงของพนักงานหรือผเู้ รียน ควรจดั เนือ้ หากิจกรรม ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 55 มกราคม - มีนาคม 2564 107

ท่ีสอดคลอ้ งและครอบคลมุ ความตอ้ งการของผเู้ รียน เพื่อ วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภฏั เลย หลกี เลย่ี งปัญหาและความเขา้ ใจท่ีไมต่ รงกนั เพอ่ื ประโยชน์ ตอ่ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั ของเจา้ ของภาษาองั กฤษ 2) การสนทนาเก่ียวกับตอบ ปฏิเสธการจองห้องพัก 3) การตอบรับการจองห้องพัก ดังนั้นการวิจัยในครัง้ นี้ ผู้วิจัยเน้นตอบสนอง 4) การลงทะเบียนเขา้ พกั 5) การบอกทิศทาง และ 6) สนทนา ผลลพั ธ์จากงานวิจัยครงั้ ท่ีผ่านมาในเร่ืองปัญหาการพูด เก่ียวกบั การคืนหอ้ งพกั ส่ือสารภาษาองั กฤษและความตอ้ งการท่ีจะพฒั นาทกั ษะ การเรยี นรูภ้ าษาองั กฤษในการพดู สอ่ื สารของพนกั งาน โดย 1.2 กลมุ่ เปา้ หมาย เรยี นจากชุดสื่อการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง เนื่องจากพนกั งานมี กลุ่มเป้าหมายท่ีศึกษา เป็นพนักงานโรงแรม ขอ้ จากดั ของเวลาในการปฏิบตั ิงานทไ่ี มต่ รงกนั ไมส่ ามารถ ท่ีปฏิบัติหน้าท่ีในแผนกต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรม เขา้ อบรมเพอ่ื พฒั นาทกั ษะภาษาองั กฤษ ในเวลาเดยี วกนั ได้ ขึน้ ทะเบียนในทาเนียบรายช่ือท่ีพักในเขตอาเภอเมือง ดงั นนั้ ผวู้ ิจยั เลอื กวิธีที่จะสรา้ งชดุ สอ่ื การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง จังหวัดเลย (สานักงานการท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย และศึกษาชุดส่ือการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองว่ามีประสิทธิภาพ จงั หวดั เลย, 2561) จานวน 19 โรงแรม มีพนกั งานตอ้ นรบั ตามเกณฑ์ 70/70 หรอื ไม่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ตลอดจน สว่ นหนา้ รวมทงั้ สนิ้ 49 คน ความพงึ พอใจตอ่ ชดุ สอื่ การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองเป็นอยา่ งไร 1.3 ขอบเขตดา้ นเวลา ระยะเวลาที่ใชใ้ นการดาเนินการวิจยั อยรู่ ะหวา่ ง วัตถุประสงคข์ องการวิจยั 10 มกราคม 2563 ถงึ 11 มีนาคม 2563 1. เพ่อื สรา้ งชดุ สอ่ื การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองในการพดู 2. เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวจิ ยั เคร่ืองมือในการวิจยั มีจานวน 3 ชุด คือ ชดุ ที่ 1 สอ่ื สารภาษาองั กฤษสาหรบั พนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ของ แบบวดั ระดบั ความสามารถในการพดู สอ่ื สารภาษาองั กฤษ โรงแรมในเขตอาเภอเมอื ง จงั หวดั เลย ที่มีประสิทธิภาพตาม (แบบเลือกตอบ) (ก่อน-ระหว่าง-หลงั เรียน) ด้วยชุดสื่อ เกณฑ์ 70/70 การเรียนรู้ด้วยตนเอง จานวน 100 ข้อ ชุดที่ 2 ชุดส่ือ การเรียนรูด้ ว้ ยตนเองในการพดู ส่ือสารภาษาองั กฤษ และ 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชุดที่ 3 แบบประเมินระดับความพึงพอใจของพนักงาน ก่อนเรยี นและหลงั เรยี นโดยใชช้ ุดสื่อการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ท่ีมตี อ่ ชดุ สอื่ การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ในการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษสาหรบั พนักงานตอ้ นรับ แนวคดิ ของสรา้ งชดุ สอื่ การเรยี นรู้ สว่ นหนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอเมอื ง จงั หวดั เลย การออกแบบรายวิชาภาษาอังกฤษเฉพาะกิจ และกระบวนการสรา้ งชุดสื่อการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองในการ 3. เพ่ือศึกษาระดบั ความพงึ พอใจของพนกั งาน พดู สอื่ สารภาษาองั กฤษสาหรบั พนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย ของโรงแรม ผวู้ ิจัยไดป้ ระยุกตใ์ ช้แนวคิดเก่ียวกบั การวาง ท่ีมีตอ่ ชดุ สอ่ื การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง หลกั สตู รการเรียนรูเ้ นือ้ หาทางภาษาโดยเนน้ สถานการณ์ (Situation) และหัวขอ้ (Topic) ของ Robinson (1991) วิธดี าเนินการวิจัย ประยุกตใ์ ชแ้ นวคิดเกี่ยวกบั ขนั้ ตอนการออกแบบรายวิชา 1. ขอบเขตการวิจยั ภาษาองั กฤษเฉพาะกิจของ Hutchison และ Water (1989) การวิจยั ในครงั้ นี้ มีขอบเขตในการศกึ ษาดงั นี้ และประยกุ ตใ์ ชข้ นั้ ตอนการสรา้ งสื่อของ Bawcom (1995) 1.1 ขอบเขตดา้ นเนอื้ หา เนื่องจากมีความสอดคลอ้ งและเหมาะสมในการนาแนวคิด ชุดสื่อการเรียนรูด้ ้วยตนเอง มี 1 ชุดประกอบ ดว้ ยเนอื้ หาเป็น 6 หวั ขอ้ คอื 1) คาถามเก่ียวกบั วฒั นธรรม ปีท่ี 16 ฉบับท่ี 55 มกราคม - มนี าคม 2564 108

มาวางแผนการทาหลักสูตรเนื้อหาของภาษาอังกฤษ วารสารวจิ ัยและพฒั นา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เลย สาหรับพนักงานต้อนรับส่วนหน้า รวมถึงขั้นตอนการ ออกแบบ และขนั้ ตอนการสรา้ งชุดสื่อการเรยี นรูเ้ รยี นรูด้ ว้ ย การวิจัยและอธิบายขั้นตอนการเรียน ระยะเวลาการ ตนเอง ในการพูดส่ือสารภาษาอังกฤษสาหรบั พนักงาน ดาเนินการ การปฏิบตั ิ และประโยชนท์ ี่กลมุ่ เป้าหมายจะ ตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ของโรงแรม ขนั้ ตอน การสรา้ งชุดส่ือการ ไดร้ บั จากการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง เพื่อเป็นการสรา้ งความ เรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง เขา้ ใจใหก้ บั กลมุ่ เปา้ หมาย ผูว้ ิจัยประยุกตข์ ัน้ ตอนการสรา้ งบทเรียนสอน 3.3 ผวู้ ิจยั เก็บรวบรวมขอ้ มลู ดว้ ยตนเอง โดยนา ทกั ษะการพดู Bawcom (1995) 11 ขนั้ ตอน ดงั ตอ่ ไปนี้ เคร่ืองมือในการวิจัยไปใชก้ ับกลุ่มเป้าหมายท่ีศึกษาซ่ึง สามารถแบง่ การดาเนินการออกเป็น 4 ระยะ ดงั ตอ่ ไปนี้ ขนั้ ท่ี 1 กาหนดแนวทางและหลกั การ ขนั้ ท่ี 2 การเลือกหวั เร่ืองจากความความสนใจ ระยะที่ 1 ผวู้ จิ ยั มอบชดุ สอื่ การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง ของผเู้ รยี นเป็นหลกั ใ น กา รพู ด สื่ อ สา ร ภา ษ า อัง ก ฤษ ใ ห้กั บก ลุ่ม เ ป้ า หม า ย ขนั้ ท่ี 3 สร้างแบบสอบถามเพื่อสารวจความ ที่ศึกษาคนละ 1 ชุดและทดสอบระดบั ความสามารถใน สนใจและความตอ้ งการของผเู้ รยี น การพูดส่ือสารภาษาองั กฤษ (แบบเลือกตอบ) ก่อนเรียน ขนั้ ที่ 4 วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามว่า (Pre-test) จานวน 100 ขอ้ เป็นเวลา 2 ช่วั โมงและเก็บรวบรวม ผเู้ รยี นตอ้ งการหรอื สนใจเรยี นอะไร แบบวดั ระดบั ความสามารถกอ่ นเรยี นทนั ที ขนั้ ที่ 5 กาหนดเนอื้ หา ขนั้ ท่ี 6 รวบรวมเนือ้ หาท่ีเก่ียวข้องกับเร่ืองที่ ระยะที่ 2 ตงั้ แตส่ ปั ดาหท์ ่ี 1 ถึง 6 กลมุ่ เปา้ หมาย ผเู้ รยี นสนใจเรยี นเพ่อื จดั ทาชดุ เรียนรูด้ ว้ ยตนเองจนครบ ผวู้ ิจยั ดาเนินการทดสอบระดบั ขนั้ ที่ 7 เลือกสื่ อการเรียนรู้ให้เหมาะสม ความสามารถในการพดู ส่อื สารภาษาองั กฤษระหวา่ งเรียน สอดคลอ้ งกบั เนอื้ หา (During learning test) ดว้ ยชุดส่อื จานวน 100 ขอ้ เวลา 2 ขนั้ ท่ี 8 กาหนดขอบเขตและเรยี งลาดบั เนอื้ หา ช่ัวโมง และเก็บรวบรวมแบบวัดระดับความสามารถ ขนั้ ที่ 9 สรา้ งสอ่ื การเรยี นรู้ ระหวา่ งเรยี นทนั ที ขนั้ ที่ 10 ทดลองใชส้ อ่ื การเรยี นรู้ ขนั้ ท่ี 11 แกไ้ ขปรบั ปรุงชดุ สอื่ การเรยี นรู้ ระยะที่ 3 ภายหลงั จากระยะท่ี 2 อีก 2 สปั ดาห์ 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล ผูว้ ิจัยดาเนินการทดสอบระดับความสามารถในการพูด การเก็บรวบรวมขอ้ มูล ผวู้ ิจยั ใชเ้ ครื่องมือวิจยั ท่ี ส่ือสารภาษาอังกฤษ หลงั เรียน (Post-test) ดว้ ยชุดสื่อ ผวู้ ิจยั สรา้ งขนึ้ และดาเนนิ การเก็บขอ้ มลู ดงั ตอ่ ไปนี้ จานวน 100 ขอ้ เวลา 2 ช่ัวโมง และเก็บรวมรวมแบบวัด 3.1 ทาหนังสือขอความร่วมมือถึงผู้จัดการ ระดบั ความสามารถหลงั เรยี นทนั ที โรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลยเพื่อขออนญุ าตและ ขอความรว่ มมือในการศกึ ษาวจิ ยั และการเก็บขอ้ มลู ระยะที่ 4 สปั ดาหท์ ่ี 9 กลมุ่ เป้าหมายไดป้ ระเมิน 3.2 รบั แบบตอบรบั การใหค้ วามร่วมมือในการ ระดับความพึงพอใจต่อชุดส่ือการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองและ ศกึ ษาวจิ ยั และดาเนินการนดั หมายวนั และเวลาเพ่ือผวู้ ิจยั ผวู้ จิ ยั เก็บรวบรวมแบบประเมินระดบั ความพงึ พอใจ เขา้ พบกบั กลมุ่ เปา้ หมายที่ศกึ ษาเพ่ือแจง้ วตั ถปุ ระสงคข์ อง 3.4 ผวู้ ิจยั นาขอ้ มลู ท่ีรวบรวมไดม้ าตรวจความ เรียบรอ้ ย ความสมบูรณ์ของคาตอบ ตรวจคาตอบและ รวบรวมเพ่ือดาเนินการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ตอ่ ไป 4. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ผู้วิจัยนาข้อมูลมาตรวจสอบความถูกต้อง สมบูรณ์ นามาประมวลผลและวิเคราะห์ขอ้ มูล โดยใช้ ปีท่ี 16 ฉบบั ท่ี 55 มกราคม - มนี าคม 2564 109

โปรแกรมคอมพิวเตอรส์ าเร็จรูปใช้สถิติพืน้ ฐานในการ วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เลย วเิ คราะหข์ อ้ มลู หาคา่ รอ้ ยละ คา่ ความถี่ (Frequency) คา่ คะแนนเฉลี่ย (Mean) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard 50 คะแนน ในกลมุ่ มีผศู้ กึ ษาภาษาองั กฤษเพิ่มเติม คิดเป็น deviation: S.D.) และคา่ p-value ของ One Way ANOVA รอ้ ยละ 35.30 และจานวนผจู้ บการศกึ ษาตงั้ แต่ปริญญาตรี เพ่ือวิเคราะหป์ ระสิทธิภาพชุดส่ือการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง คิดเป็นรอ้ ยละ 35.30 2) กลมุ่ ท่ี 2 สอบไดค้ ะแนน Pre-test และผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของพนกั งานแผนกตอ้ นรบั ปานกลาง จะมีคะแนนระหว่าง 50 ถึง 79 คะแนน ในกลมุ่ สว่ นหนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย มีผศู้ กึ ษาภาษาองั กฤษเพม่ิ เติม คิดเป็นรอ้ ยละ 64.70 และ จานวนผู้จบการศึกษาตงั้ แต่ปริญญาตรี คิดเป็นรอ้ ยละ ผลการวิจัย 70.80 และ 3) กลมุ่ ที่ 3 สอบไดค้ ะแนน Pre-test สงู จะมี คะแนน Pre-test มากกว่า 50 คะแนน ในกล่มุ มีผศู้ กึ ษา ตารางที่ 1 ความสมั พนั ธข์ องคา่ Pre-test และขอ้ มลู ท่วั ไป ภาษาองั กฤษเพิ่มเติม คิดเป็นรอ้ ยละ 75.00 และจานวน ผจู้ บการศกึ ษาตงั้ แตป่ รญิ ญาตรี คดิ เป็นรอ้ ยละ 87.50 กล่มุ คะแนน Pre-test การวดั ประสิทธิภาพชุดส่อื การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ระดบั นอ้ ย ปานกลาง สงู รวม ในการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษสาหรบั พนกั งานตอ้ นรับ สว่ นหนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย โดยใช้ Normality Test: p-value = 0.181 ประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 70/70 จานวนคน 17 24 8 49 จากการศึกษาเพ่ือตอบวตั ถปุ ระสงค์ ขอ้ ที่ 1 คือ ประสิทธิภาพของชุดส่ือการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองในการพูด ช่วงคะแนน 0-50 50-79 80-100 0-100 สอื่ สารภาษาองั กฤษสาหรบั พนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ของ โรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย มีประสิทธิภาพตาม คะแนนรวม 699 1602 693 2994 เกณฑ์ 70/70 การวิเคราะหข์ อ้ มูล ผวู้ ิจัยวิเคราะหข์ อ้ มลู ดว้ ยวธิ ีการเปรยี บเทียบคา่ รอ้ ยละของคะแนนระหวา่ งเรียน คะแนนเฉล่ีย 41.11 66.75 86.62 61.10 และคะแนน หลงั เรยี น ดงั แสดงในตารางที่ 2 S.D. 7.364 7.103 3.067 17.595 ศกึ ษาภาษาเพ่มิ เติม 6 11 6 23 (35.30) (64.70) (75.00) (46.90) จบการศกึ ษา (ป.ตรี 6 17 7 30 และ โท) (35.30) (70.80) (87.50) (61.20) ตารางท่ี 2 การวัดประสิทธิภาพชุดส่ือการเรียนรูด้ ว้ ย ตนเองในการพดู สอื่ สารภาษาองั กฤษ โดยใชป้ ระสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 70/70 กอ่ นเรียน ระหวา่ งเรียน หลงั เรยี น ภาพท่ี 1 Eกลมุ่ คะแนนนอ้ ย 41.11 63.88 66.41 จากตารางที่ 1 และภาพที่ 1 ผลทดสอบความ Eกลมุ่ คะแนนปานกลาง 66.75 73.79 79.12 เป็นโคง้ ปกติดว้ ยค่า Pre-test โดยใช้ Normality test พบว่า p-value = 0.18 แต่เมื่อสรา้ งกราฟคะแนนสอบ Eกลมุ่ คะแนนสงู 86.62 91.50 93.37 Pre-test ของพนกั งานทงั้ 49 คน พบว่าสามารถแบง่ ตาม คะแนนออกเป็น 3 กล่มุ อย่างขดั เจน คือ 1) กลมุ่ ท่ี 1 สอบ Eคะแนนรวม 61.10 73.24 77.02 ไดค้ ะแนน Pre-test นอ้ ย จะมีคะแนน Pre-test นอ้ ยกว่า ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 55 มกราคม - มนี าคม 2564 110

ภาพท่ี 2 วารสารวจิ ัยและพัฒนา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเลย จากตารางที่ 2 และภาพท่ี 2 แสดงผลการวัด จากตารางที่ 3 ผลสมั ฤทธิ์รวมทางการเรยี นของ ประสิทธิภาพของชุดสื่อการเรียนรูด้ ้วยตนเอง โดยใช้ พนักงานตอ้ นรบั ส่วนหนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 70/70 พบว่า ค่าประสิทธิภาพ จังหวัดเลยโดยใช้ชุดส่ือการเรียนรูด้ ้วยตนเอง พบว่าค่า รวมของชุดส่ือการเรียนรู้ด้วยตนเองในการพูดสื่อสาร ผลสมั ฤทธิ์หลงั เรียน (X =77.02) ซง่ึ สงู กว่าค่าผลสมั ฤทธิ์ ภาษาองั กฤษสาหรบั พนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ของโรงแรม ก่อนเรยี นเทา่ กบั (X = 61.10) อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ ในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลยเท่ากบั 73.24/77.02 ซึ่งเป็น ทรี่ ะดบั .05 (p-value < .05) ค่าประสิทธิภาพของชุดส่ือการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองสูงกว่า เกณฑท์ ีก่ าหนดไว้ การประเมินระดับความพึงพอใจของพนกั งาน แผนกตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ที่มีตอ่ ชุดส่ือการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของพนักงานต้อนรับ ในการพูดส่ือสารภาษาอังกฤษสาหรบั พนกั งานตอ้ นรับ สว่ นหนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลยโดยใช้ ส่วนหน้าของโรงแรม ในเขตอาเภอเมือง จังหวัดเลย ชดุ สอ่ื การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง จากการศึกษาเพื่อตอบวตั ถปุ ระสงค์ ขอ้ ท่ี 3 คือ จากการศึกษาเพื่อตอบวตั ถปุ ระสงค์ ขอ้ ที่ 2 คือ การประเมินระดับความพึงพอใจของพนักงานแผนก ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของพนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ของ ต้อนรับส่วนหน้าท่ีมีต่อชุดส่ือการเรียนรู้ด้วยตนเอง โรงแรมในเขตอาเภอเมือง จังหวัดเลยโดยใช้ ชุดส่ือการ ในการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษสาหรบั พนักงานตอ้ นรับ เรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง หลงั เรียนสงู กวา่ ก่อนเรียน การวิเคราะห์ ส่วนหน้าของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง จังหวัดเลย ขอ้ มลู ผวู้ ิจยั วิเคราะหข์ อ้ มลู ดว้ ย One way ANOVA ดงั ดงั แสดงในตารางที่ 4 แสดงในตารางท่ี 3 ตารางที่ 4 การประเมินระดบั ความพึงพอใจของพนกั งาน แผนกตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ที่มีต่อชุดสื่อการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง ในการส่ือสารภาษาองั กฤษสาหรบั พนกั งานตอ้ นรบั สว่ น หนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย ดา้ น X . S.D. ความ พงึ พอใจ 1. ดา้ นเอกสารคมู่ ือ 4.65 0.55 มากท่สี ุด ตารางท่ี 3 ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของพนกั งานตอ้ นรบั 2. ดีวดี ี (DVD) /YouTube 4.61 0.55 มากท่สี ดุ สว่ นหนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย โดยใช้ 3. ประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั 4.70 0.54 มากท่สี ุด ชดุ สอ่ื การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง จากตารางท่ี 4 พบว่า 1) ระดบั ความพึงพอใจ ดา้ นเอกสารคู่มือสื่อการเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อการพูด กอ่ นเรียน หลงั เรยี น สื่อสารภาษาอังกฤษของพนักงานต้อนรับส่วนหน้า ในเขตอาเภอเมือง จังหวัดเลย ในภาพรวมอยู่ในระดับ ผลสมั ฤทธ์ิ (กลมุ่ คะแนนนอ้ ย) 41.11 66.41 มากท่ีสดุ ( X = 4.65, S.D. = 0.55) 2) ความพึงพอใจ ดา้ น DVD (ดีวีดี) ภาพประกอบ พรอ้ มเสยี งภาษาองั กฤษ ผลสมั ฤทธ์ิ (กล่มุ คะแนนปานกลาง) 66.75 79.12 ในภาพรวมอยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ ( X = 4.61, S.D. = 0.55) ผลสมั ฤทธ์ิ (กล่มุ คะแนนสูง) 86.62 93.37 ผลสมั ฤทธิ์ (รวม) 61.10 77.02 p-value (รวม) .00 ปที ่ี 16 ฉบบั ที่ 55 มกราคม - มีนาคม 2564 111

3) ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จากการเรียนรูจ้ ากชุดสื่อการเรียนรู้ วารสารวจิ ัยและพฒั นา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เลย ดว้ ยตนเองในการพดู สื่อสารภาษาองั กฤษในภาพรวม อยู่ ในระดบั มากทีส่ ดุ (X = 4.70, S.D. = 0.54) 2. การวัดประสิทธิภาพชุดส่ือการเรียนรู้ ด้วยตนเอง โดยใชป้ ระสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 70/70 อภปิ รายผล ผลการศึกษาเก่ียวกบั การสรา้ งชุดส่ือการเรยี นรู้ จากผลการวิเคราะหห์ าค่าประสิทธิภาพรวมของ ชดุ สอื่ การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองในการพดู สอื่ สารภาษาองั กฤษ ดว้ ยตนเองในการพดู สอ่ื สารภาษาองั กฤษสาหรบั พนกั งาน สาหรบั พนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอ ตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย เมอื ง จงั หวดั เลยเทา่ กบั 73.24/77.02 นามาอภิปรายผลเพ่ือเป็นการขยายผลการวิจยั ใหช้ ดั เจน ยิ่งขนึ้ ตลอดจนขอ้ คน้ พบในการศกึ ษาวจิ ยั เพ่อื เป็นแนวทาง นาคะแนน Pre-test ของพนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ และสามารถนาผลการศึกษาวิจัยไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ มาสรา้ งเป็นกราฟ พบว่า สามารถแยกออกเป็น 3 กล่มุ ตอ่ ไป ดงั รายละเอียดตอ่ ไปนี้ อยา่ งชดั เจน ผวู้ ิจยั จงึ อภิปรายผลออกเป็นกลมุ่ ยอ่ ย 3 กลมุ่ คือ 1) กล่มุ ท่ีมีคะแนน Pre-test ต่า มีค่าประสิทธิภาพใน 1. ข้อมูลท่ัวไปของพนักงานต้อนรับส่วน การเรยี นเรม่ิ ตน้ ท่ีรอ้ ยละ 41.11 2) กลมุ่ ท่มี คี ะแนน Pre-test หน้าของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวัดเลย ปานกลาง มีค่าประสิทธิภาพในการเรียนเร่ิมตน้ ท่ีรอ้ ยละ 66.75 และ 3) กลมุ่ ทม่ี คี ะแนน Pre-test สงู มคี า่ ประสทิ ธิภาพ จากผลการทดสอบความเป็ นโค้งปกติของ ในการเรยี นเรมิ่ ตน้ ที่รอ้ ยละ 86.62 ทงั้ นอี้ าจเพราะมีความรู้ คะแนน Pre-test ดว้ ยการทดสอบ Normality test พบว่า พืน้ ฐานดา้ นภาษาอังกฤษท่ีแตกต่างกัน สอดคลอ้ งกับ ค่า p-value =0.18 ซึ่งเป็นโคง้ ปกติ แตเ่ ม่ือสรา้ งกราฟของ แนวคิดทฤษฎีของ Vygotsky (1978, อา้ งถึงใน ทิศนา คะแนน Pre-test ขึน้ มาพบว่า มีขอ้ มูลมีการกระจายเป็น แขมมณี, 2556) ว่าการเรียนรูน้ นั้ จะใหค้ วามสาคญั ของ 3 กลมุ่ คือ กลมุ่ ที่มีคะแนน Pre-test ต่า ปานกลางและสงู ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล ตามลาดับ และเม่ือวิเคราะห์ขอ้ มูลท่ัวไปในแต่ละกลุ่ม จึงพบความสมั พนั ธ์ 1) กล่มุ ท่ีมีอัตราส่วนของผูท้ ่ีศึกษา เม่ือพนกั งานตอ้ นรบั ส่วนหนา้ ทุกกล่มุ ไดร้ บั ชุด ภาษาองั กฤษเพิ่มเติมต่า จะมีคะแนน Pre-test ต่าและ สอื่ การเรยี นรูด้ ว้ ยตวั เองซง่ึ ประกอบดว้ ยวฒั นธรรมเจา้ ของ กลมุ่ ท่ีมีอตั ราส่วนของผทู้ ี่ศึกษาภาษาองั กฤษเพ่ิมเติมสงู ภาษา การพดู สอื่ สารในสถานการณท์ ี่ซบั ซอ้ นเก่ียวกบั การ จะมีคะแนน Pre-test สงู ขึน้ โดยสอดคลอ้ งกับงานวิจัย ปฏิเสธการจองห้องพักการตอบรบั การจองหอ้ งพกั การ ของ ชยาพล ชมชยั ยา (2559) ที่คน้ พบว่าปัจจัยการอบรม ลงทะเบียนเขา้ พัก การบอกทิศทาง และการคืนหอ้ งพัก ภาษาอังกฤษส่งผลกับความสามารถ ในการพูดส่ือสาร ผู้เรียนเริ่มศึกษาจากชุดสื่อการเรียนรู้ด้วยตัวเองจาก ภาษาองั กฤษ และ 2) ยังพบความสมั พนั ธ์ว่าอตั ราสว่ น สปั ดาหท์ ่ี 1 จนถึงสปั ดาหท์ ่ี 6 เป็นระยะเวลา 6 สปั ดาห์ ของผูท้ ี่จบระดับปริญญาตรีขึน้ ไปในกล่มุ นนั้ ต่า คะแนน จึงเร่ิมทาการเก็บคะแนนระหว่างเรยี น (During learning Pre-test จะต่า และถา้ อตั ราสว่ นของผทู้ ่ีจบระดบั ปรญิ ญา test) ผลคอื 1) กลมุ่ ที่มีคะแนน Pre-test ต่า ประสิทธิภาพ ตรขี นึ้ ไปในกลมุ่ นนั้ สงู คะแนน Pre-test จะสงู ของกระบวนการท่ีจัดไว้ในชุดส่ือการเรียนรูด้ ้วยตัวเอง เพิ่มขนึ้ จาก รอ้ ยละ 44.11 คิดเป็นรอ้ ยละ 63.88 2) กลมุ่ ที่ กล่มุ พนักงานตอ้ นรับส่วนหนา้ ท่ีจบการศึกษา มีคะแนน Pre-test ปานกลาง ประสิทธิภาพของกระบวนการ ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึน้ ไปมีแนวโน้มท่ีจะสามารถ ที่จัดไวใ้ นชุดสื่อการเรียนรูด้ ว้ ยตวั เองเพ่ิมขึน้ จากรอ้ ยละ สอื่ สารและเรยี นรูภ้ าษาองั กฤษไดเ้ ป็นอยา่ งดี 66.75 คดิ เป็นรอ้ ยละ 73.79 และ 3) กลมุ่ ท่ีมีคะแนน Pre-test สู ง ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ข อ ง ก ร ะ บ ว น ก า ร ท่ี จั ด ไ ว้ใ น ชุ ด ส่ื อ ปีท่ี 16 ฉบบั ท่ี 55 มกราคม - มีนาคม 2564 112

การเรียนรูด้ ว้ ยตวั เองเพ่ิมขึน้ จากรอ้ ยละ 86.62 คิดเป็น วารสารวิจัยและพฒั นา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย รอ้ ยละ 91.50 3. ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของพนกั งานตอ้ นรบั ในสปั ดาหท์ ี่ 8 เริ่มทาการเก็บคะแนน Post-test สว่ นหนา้ ของโรงแรมในเขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย โดยใช้ เพ่ือคานวณหาคา่ ประสทิ ธิภาพของผลลพั ธ์ (E2) จากการ ชดุ สอื่ การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง เรียนรูด้ ว้ ยตนเองตามทฤษฎี Constructivism เม่ือผเู้ รยี น ได้เรียนรู้และทบทวนความรูจ้ ากชุดส่ือการเรียนรูด้ ้วย จากคะแนนทดสอบก่อนเรยี นของกลมุ่ เปา้ หมาย ตวั เอง สามารถจดจาการแกไ้ ขปัญหาไดผ้ ลการศึกษา คือ ที่ศึกษา พบว่า มีผลคะแนนแตกต่างกันอย่างชัดเจนทัง้ 1) กลมุ่ ที่มคี ะแนนPre-testต่า ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ 3 กลมุ่ คือ กล่มุ ท่ีมีคะแนนต่า กลมุ่ ที่มีคะแนนปานกลาง ที่จดั ไวใ้ นชุดสอ่ื การเรียนรูด้ ว้ ยตวั เองเพิ่มขนึ้ เลก็ นอ้ ยจาก และกลมุ่ ทม่ี ีคะแนนสงู โดย 1) กลมุ่ ท่ีมีคะแนนต่า มีคะแนน รอ้ ยละ 63.88 เป็นรอ้ ยละ 66.412) กลมุ่ ทม่ี ีคะแนน Pre-test เฉลย่ี เรม่ิ ตน้ ท่ี 44.11 และมีคะแนนเฉลยี่ ภายหลงั การเรียน ปานกลาง ประสิทธิภาพของกระบวนการที่จัดไวใ้ นชดุ สื่อ ท่ี 66.41 2) กลุ่มที่มีคะแนนปานกลาง มีคะแนนเฉลี่ย การเรยี นรูด้ ว้ ยตวั เองเพ่ิมขนึ้ จาก รอ้ ยละ 73.79 เป็นรอ้ ยละ เริ่มตน้ ที่ 66.75 และมีคะแนนเฉลี่ยภายหลงั การเรียนที่ 79.12 และ 3) กลมุ่ ท่ีมีคะแนน Pre-test สงู ประสทิ ธิภาพ 79.12 3) กลมุ่ ท่ีมคี ะแนนสงู มีคะแนนเฉลยี่ เรม่ิ ตน้ ที่ 86.62 ของกระบวนการท่ีจัดไว้ในชุดสื่อการเรียนรูด้ ้วยตัวเอง และมีคะแนนเฉลย่ี ภายหลงั การเรยี นท่ี 93.37 ทงั้ นีเ้ นื่องจาก เพมิ่ ขนึ้ จาก รอ้ ยละ 91.50 เป็นรอ้ ยละ 91.37 เมื่อพนักงานทุกคนผ่านการเรียนรู้ด้วยชุดสื่อสารการ เรียนรูด้ ว้ ยตนเอง โดยการเรียนรูจ้ ากคู่มือและเรียนรู้บท สรุป พนักงานต้อนรับส่วนหน้าที่มีความรู้ สนทนาจากวิดีทศั น์ ในแผ่น ดีวีดี (DVD) หรือ YouTube ความสามารถในการสอ่ื สารภาษาองั กฤษที่แตกตา่ งกนั แต่ บนสมาร์ทโฟน อย่างอิสระและสามารถเรียนรู้ ทบทวน สามารถมีประสทิ ธิภาพการเรยี นรูท้ ดี่ ีขนึ้ โดยศึกษาจากชดุ บทเรยี นไดต้ ลอดเวลาอย่างไม่จากดั จึงทาใหก้ ลมุ่ เปา้ หมาย ส่ือการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง ทงั้ นีเ้ ป็นผลจากการเรียนรูด้ ว้ ย ท่ีศึกษานนั้ มีความรูค้ วามเขา้ ใจดีขนึ้ จึงทาคะแนนการวดั ตนเองตามทฤษฎี Constructivism เพราะชุดสอื่ การเรียนรู้ ระดบั ความสามารถระหว่างเรียน และหลงั เรียนไดด้ ีขึน้ ด้วยตนเองประกอบด้วยเอกสารคู่มือมีเนือ้ หาเก่ียวกับ ตรงตามแนวคิดทฤษฎีของ Vygotsky (1978, อา้ งถึงใน ภาษา คาศัพท์ สานวน หรือประโยคเฉพาะท่ีผู้เรียน ทศิ นา แขมมณี, 2556) วา่ การเรยี นรูน้ นั้ จะใหค้ วามสาคญั สามารถจดจา และเข้าใจง่าย และแต่ละบทสนทนาใน ของความแตกต่างระหว่างบุคคล และการไดช้ ่วยเหลือ สถานการณต์ ่างๆ เป็นสานวนที่ใช้ในการปฏิบตั ิงานจริง ผเู้ รียนเพื่อใหเ้ กิดความก้าวหนา้ จากระดับพฒั นาการท่ี และผูเ้ รียนสามารถในการศึกษาจากค่มู ือ และดวู ิดีทศั น์ ผเู้ รียนเป็นอย่ไู ปถึงระดบั พฒั นาการที่ผเู้ รยี นมีศกั ยภาพท่ี ฟังเสียง และฝึกพูดตามได้ ซึ่งตรงกับแนวคิดของ กชกร จะไปถึงได้ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั อนชุ า คะชาชยั (2555) กลา่ ววา่ ธิปัตดี (2547) ที่อธิบายว่า ลักษณะของชุดฝึกหรือชุด การเรียนผ่านระบบมัลติมีเดียช่วยลดความสามารถท่ี การเรียนรู้ที่ดีควรมีลักษณะที่สามารถเข้าใจง่าย มี แตกตา่ งของการเรียนระหว่างบคุ คล โดยธรรมชาติ ผเู้ รียน คาอธิบายท่ีชัดเจน มีความเหมาะสมกับวัย และ แตล่ ะคนมีความสามารถในการเรียนรูท้ ่ีใชเ้ วลาแตกต่างกนั ความสามารถของผเู้ รียน ใหผ้ เู้ รยี นสามารถฝึกดว้ ยตนเอง สอดคลอ้ งกับขอ้ คน้ พบของ ทัศนีย์ ธราพร (2557) และ และตรงตามประเด็นปัญหาทผ่ี เู้ รยี นประสบอยู่ Diyyab, Abdel-Haq & Aly (2013) ผลการศึกษาพบว่า ผลสมั ฤทธิ์รวมทงั้ ก่อนและ หลังเรียนมีความแตกต่างกันในทางท่ีขึน้ อย่างชัดเจน (p-value <.05) ปีที่ 16 ฉบับท่ี 55 มกราคม - มีนาคม 2564 113

สรุป จากชุดส่ือการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองในการพูด วารสารวิจยั และพัฒนา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เลย สื่อสารภาษาองั กฤษสาหรบั พนกั งานตอ้ นรบั ส่วนหนา้ ใน เขตอาเภอเมือง จงั หวดั เลย สามารถช่วยพฒั นาการเรยี นรู้ ตรงตามความตอ้ งการ ทาใหเ้ กิดความสนใจและเกิดความ ในการพดู สอื่ สารภาษาองั กฤษของกลมุ่ เป้าหมาย เน่ืองจาก มงุ่ ม่นั ทจ่ี ะทาสง่ิ นนั้ ใหส้ าเรจ็ และบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ชุดส่ือการเรียนรู้สามารถตอบโจทย์ความต้องการใน การเรยี นรู้ และเป็นแรงเสรมิ ใหก้ ลมุ่ เป้าหมายมีความสนใจ ข้อเสนอแนะ ในการเรียนรู้ พนกั งานจึงพยายามเรียนรูแ้ ละทาคะแนน ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวจิ ยั ไปใช้ ทดสอบหลงั เรียนไดด้ ีขึน้ เพื่อพฒั นาความรูค้ วามสามารถ จากผลการวิจยั พบว่าในแต่ละสถานการณห์ ลกั ของตนเอง(นา้ ลนิ เทยี มแกว้ , 2556; อภิชา ปลดั กอง, 2559; วิจิตรา พลสาโรง และคณะ, 2561; Good, 1973; Hornby, ยังมีสถานการณ์ย่อย รวมถึงมีคาศัพท์เฉพาะในแต่ละ 2000) สถานการณ์ จึงเป็นขอ้ จากดั ในการจดจาบทเรียนเนื่องจาก พืน้ ฐานความรูด้ า้ นภาษาอังกฤษของกลุ่มเป้าหมายที่ 4. ระดับความพึงพอใจของพนักงานแผนก ศกึ ษาแตกตา่ งกนั ดงั นนั้ การจดั การอบรมเฉพาะสถานการณ์ ต้อนรบั ส่วนหน้าท่มี ตี อ่ ชุดส่อื การเรียนรูด้ ้วยตนเอง จะช่วยพฒั นาการเรียนรูด้ า้ นการพดู สอื่ สารภาษาองั กฤษ ของพนกั งานแผนกตอ้ นรบั สว่ นหนา้ ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง ผลกา รศึ กษ าพบว่ ากลุ่มเป้ าหมา ยท่ี ศึกษา มี ความพึงพอใจต่อชุดสื่อการเรียนรูด้ ้วยตนเองในระดับ ขอ้ เสนอแนะสาหรบั การทาวจิ ยั ครงั้ ตอ่ ไป มากท่ีสุดเนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่ศึกษาสามารถท่ีจะ เนอ่ื งจากปัจจบุ นั การวดั ประสทิ ธิภาพชุดส่อื การ เรียนรูด้ ว้ ยตวั เองและฝึกพูดจากสถานการณจ์ าลองจาก เรยี นรูแ้ ละผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นจะวิเคราะหจ์ ากการใช้ ชุดสื่อการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองอย่างไม่จากัดจานวนครงั้ ใน คะแนนจากการวัดความสามารถจากทาแบบวัด (แบบ การเรียนรู้ (สทุ ธิกานต์ บ่อจักรพนั ธ์, 2559) และลดความ เลือกตอบ) ซ่ึงอาจไม่สะทอ้ นถึงความสามารถในการพูด แตกต่างของการเรียนรูร้ ะหว่างบุคคล (อนุชา คะชาชัย, ส่ือสารจริง ดังนนั้ จึงควรศึกษาคะแนนการประเมินระดบั 2555) จากผลของการวิจยั ท่ีผวู้ ิจยั ไดส้ ารวจความตอ้ งการ ความสามารถในการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษสาหรับ และศึกษาปัญหาของพนักงานตอ้ นรับส่วนหน้าในเขต พนักงานต้อนรับส่วนหนา้ ของโรงแรม (สัมภาษณ์ก่อน อาเภอเมือง จงั หวดั เลย และไดส้ รา้ งชุดสือ่ การเรียนรูด้ ว้ ย เรยี น-ระหวา่ งเรยี น-หลงั เรยี น) ตนเองขึน้ มาสอดคลอ้ งกับความสนใจและความตอ้ งการ ของผู้เรียนของผู้เรียนเป็นหลัก นอกจากนี้ Admission เอกสารอา้ งองิ Premium (2018) กลา่ วว่า การพฒั นาทกั ษะการพดู ภาษา กชกร ธิปัตดี. (2547). การเรียนรูก้ บั การพฒั นาการเรียน องั กฤษยังมีผลต่อความกา้ วหนา้ ในอาชีพ ดว้ ยเหตุผลท่ี เป็นแรงเสรมิ ดงั กลา่ วมาขา้ งตน้ พนกั งานตอ้ นรบั สว่ นหนา้ การสอน. อุบลราชธานี: มหาวิทยาลยั ราชภฏั จึงพยายามเรียนรูแ้ ละทาคะแนนทดสอบหลงั เรียนไดด้ ีขึน้ อบุ ลราชธาน.ี เพื่อพฒั นาความรูค้ วามสามารถของตนเอง สอดคลอ้ งกบั ชยาพล ชมชยั ยา. (2559). ปัจจยั ท่ีสง่ ผลตอ่ ความสามารถ นา้ ลิน เทียมแกว้ (2556), อภิชา ปลดั กอง (2559), วิจิตรา ในการสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวัน พลสาโรง และคณะ (2561), และHornby (2000) ไดก้ ลา่ ว ของผูส้ าเร็จการศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษา ในทางเดียวกันว่า ความรูส้ ึกสนุก รู้สึกชอบ รูส้ ึกเต็มใจ ในประเทศไทย ที่ทางานอยใู่ นกรุงเทพมหานคร. รูส้ ึกยินดี และมีเจตนคติท่ีดีต่อส่ิงที่ไดร้ บั การตอบสนอง วารสารวิชาการ บัณฑิตวิทยาลัยสวนดุสิต, 12(2), 167. ปที ่ี 16 ฉบบั ที่ 55 มกราคม - มีนาคม 2564 114

ดวงกมล สรรไพโรจน.์ (2552). การพฒั นาสือ่ การเรียนรู้ วารสารวิจยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเลย ออนไลน์ แบบสถานการณจ์ าลอง เรือ่ งภาวะโลก ร้อน สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 6 สทุ ธิกานต์ บ่อจกั รพนั ธ.์ (2559). การพฒั นาสือ่ มลั ติมีเดีย (วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต). เรื่องคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษดว้ ยเทคโนโลยีความ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, พิษณโุ ลก. จริงเสริม. วารสารวิชาการการจดั การเทคโนโลยี สารสนเทศและนวัตกรรม คณะเทคโนโลยี ทศิ นา แขมมณี. (2556). ศาสตร์การสอน: องค์ความรูเ้ พอื่ สารสนเทศ มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม, การ จัด กระ บว นกา รเ รี ย นรู ้ที่ มี ป ระสิ ทธิ ภา พ 3(2), 6. (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 17).กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . สภุ ิตา กาฬสินธุ์ และนิสากร จารุมณี. (2558). ความ จาเป็ นในการใช้ภาษาอังกฤษของพนักงาน ทศั นีย์ ธราพร.(2557). วิจัยเก่ียวกับการพฒั นาหลกั สตู ร ตอ้ นรบั ส่วนหนา้ ของโรงแรม ในพืน้ ท่ีท่องเที่ยว ฝึกอบรมภาษาอังกฤษเพ่ือการโรงแรม โดยใช้ ภาคใตข้ องประเทศไทย ในการเขา้ ส่ปู ระชาคม รูปแบบการสอน แบบเนน้ ภาระงานเพื่อสง่ เสริม เศรษฐกิจอาเซียน 2558. วารสารศิลปศาสตร์ ทกั ษะในการส่ือสาร. วารสารวิชาการ Veridian มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต E-Journal, 7(5), 205-221. หาดใหญ่, 7(2), 1-22. นา้ ลิน เทียมแกว้ . (2556). รายงานวจิ ยั ความพงึ พอใจต่อ เสรี วงษ์มณฑา. (2561). ความจาเป็นท่ีคนไทยตอ้ งมี คุณภาพการให้บริการของสานักวิทยบริการ ความเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษเพ่ือเสริมสร้าง มหาวิทยาลยั มหาสารคาม ประจาปีการศึกษา ความไดเ้ ปรยี บในการแข่งขนั ระดบั โลกาภิวตน.์ 2555 (รายงานการวิจยั ). มหาสารคาม: สานกั วารสารมนษุ ยศาสตรป์ รทิ รรศน,์ 40(1), 22-33. วิทยบรกิ าร มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. สานักงานการท่องเที่ ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดเลย . วิจิตรา พลสาโรง, ภทั รนิษฐ์ คาม่นั , ภานุ ศิริธรรม และ (2561). ทะเบียนในทาเนยี บรายชือ่ ทพี่ กั ในเขต ชลธาร กาบบวั ลอย. (2561). ความพงึ พอใจของ อาเภอเมือง จงั หวดั เลย. เลย: สานกั งานการ ประชาชนต่อการใหบ้ ริการโรงพยาบาลส่งเสริม ทอ่ งเทีย่ วแหง่ ประเทศไทยจงั หวดั เลย. สขุ ภาพตาบลหนองเม็ก อาเภอหนองสองหอ้ ง จงั หวดั ขอนแก่น (วิทยานิพนธป์ รญิ ญารฐั ศาสตร อภิชา ปลัดกอง. (2559). การพัฒนาทักษะการพูด บณั ฑิต). มหาวิทยาลยั มหามงกุฏราชวิทยาลยั , ภา ษ า อังก ฤ ษ โ ด ยใ ช้บ ท เ รี ย น แ ส ว งรู ้บ ท เ ว็ บ ขอนแก่น. สาหรับนักศึกษาที่เรียนภาอังกฤษเพื่อการ สอื่ สาร มหาวิทยาลยั ราชภฏั เลย (วิทยานิพนธ์ ศรจี ิตรา นวรตั นาภรณ.์ (2556). รายงานการวิจยั เรอื่ ง การ ปรญิ ญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ ). มหาวิทยาลยั วิเคราะห์ความตอ้ งการ ปัญหา ความสามารถ ราชภฏั เลย, เลย. และรู ปแบบการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการพู ด สอื่ สารของพนกั งานตอ้ นรบั ส่วนหนา้ ของโรงแรม อนชุ า คะชาชยั . (2555). การพฒั นาบทเรียนคอมพิวเตอร์ ในเขตอาเภอเมือง จังหวดั เลย (รายงานการ มัลติมีเดียตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ วิชา วิจยั ). เลย: มหาวิทยาลยั ราชภฏั เลย. วิทยาศาสตร์ เร่ืองระบบต่างๆ ในร่างกาย สาหรบั นกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี น วดั อู่ตะเภา. Veridian E-journal, Slipakorn University, 5(1), 93-94. ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 55 มกราคม - มีนาคม 2564 115

อรรถพล ศุภรรตั น.์ (2553). การพฒั นาศกั ยภาพครูกลุ่ม วารสารวิจยั และพัฒนา มหาวิทยาลยั ราชภฏั เลย สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรด์ า้ นการผลิตสอื่ การ เรียนรู้ โรงเรียนโคกสีวิทยาสรรค์ สานกั งานเขต Hutchison, T. & Water, A. (1989). English for Specific พืน้ ที่การศึกษาสกลนคร เขต 2 (วิทยานิพนธ์ Purposes. Oxford: Oxford University Press. ปริญญาครุศาสตรมหาบณั ฑิต). มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร, สกลนคร. Jackson,J. (2005).An inter-university, cross-disciplinary analysis of business education: Perceptions Admission Premium. (2018). ทาไมภาษาองั กฤษจึง of Disciplinaryanalysis of business educations สาคัญสาหรับคนทางาน. สืบค้นจาก https:// of business faculty in Hong Kong. English www.Admissionpremium.com/libra/news/35 for Specific Purposes, 24, 293-306. 70 Maley, A. (1986). New lamp for old: Realism and Bawcom, L. (1995). Designing an Advanced Speaking Surrealism in Foreign Language Teaching. Course. English Teaching Forum, 33(1), 41- ELT journal, 37, 297-299. 43. Njoku, C. N. (2015). Developing and Evaluating of Canale, M., & Swain, M. (1980). Approach to English Language Instructional Materials: communicative competence. Singapore: Tool for the Enhancement and Innovations in Seameo Regional Language Centre. Education in Nigeria. Journal of Research Development, 24(1), 1-8. Diyyab, E. A., Abdel-Haq, E. M., & Aly, M. A. (2013). Uing a Multimedia-Based Program for Peterson, C. A., & McCarthy, C. (2003). Hotel Developing Student Teachers EFL Development of Cultural Tourism Elements. Speaking Fluency Skills. Faculty of Tourism Review, 58(2), 38-42. Education Department of Curricula and Teaching Methods. Arab Republic of Egypt Robinson, P. (1991). ESP Today: a Practitioner’s Benha University. Guide. Hemel Hempstead: Prentice Hall International. Good, C. V. (1973). Dictionary of Education (3rd ed). New York: McGraw – Hill Book Inc. Savignon, S. J.. (1983). Communicative Competence: Theory and classroom practice. Hilsdon, J. (1990). The Group Oral Exam: Massachusetts: Addison Wesky Publishing Advantages and limitations in language Company Inc. testing in the 1990s. The Communicative Legacy: Modern English Publications in Tsaur, S. H., & Lin, Y. C. (2003). Promoting service Association with the British Council. quality in tourist hotels: the role of HRM practices and service behavior. Tourism Hornby, G. (2000). Improving parental involvement. Management, 25, 471-481. Educational Review, 63(1), 37-52. Widdowson, H. G. (1981). Teaching English as communication. London: Oxford University Press. ปีที่ 16 ฉบับท่ี 55 มกราคม - มีนาคม 2564 116