Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

004

Published by suck, 2017-07-03 22:38:57

Description: 004

Keywords: 004

Search

Read the Text Version

บทท่ี 4 ความหมายและทฤษฎีองคก์ ารวัตถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ใหน้ กั ศกึ ษามีความรู้ความเข้าใจความหมายของการจัดองค์กรการศกึ ษา 2. เพ่ือใหน้ กั ศึกษาจาแนกประเภทของการจัดโครงสรา้ งองคก์ รได้ 3. เพอ่ื ใหน้ ักศกึ ษามคี วามรคู้ วามเข้าใจสามารถอธิบายถึงทฤษฎีองคก์ ารท่กี ล่าวถึงการ ศกึ ษาองค์การในรปู ระบบตลอดถงึ การนาไปใช้ให้เหมาะสมกับบริบทขององค์กรแนวคิด 1. การประกอบการทุกประเภท ทุกระดบั ต้องมกี ารทางานร่วมกนั เปน็ หม่คู ณะ องคก์ ารเปน็ ที่รวมของคน และงานตา่ งๆ เพ่ือใหบ้ คุ ลากรปฏิบัติงานไดอ้ ยา่ งเต็มท่ี จงึ จาเปน็ ตอ้ งจดั แบง่ หนา้ ท่กี ารงานกันทาและมอบอานาจใหร้ บั ผิดชอบตามความสามารถและความถนัดการจัดองคก์ าร เป็นการจัดระบบความสมั พันธ์ระหวา่ งส่วนงานตา่ งๆ และบคุ คลในองคก์ าร โดยกาหนดภารกิจ อานาจหน้าท่แี ละความรบั ผดิ ชอบให้ชดั แจง้เพ่ือให้การดาเนินงานตามภารกจิ ขององคก์ ารบรรลุวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 2. ทฤษฎีองคก์ าร แบ่งเป็น 3 ทฤษฎี ได้แก่ ทฤษฎีดงั้ เดมิ ทฤษฎีสมัยใหม่ และทฤษฎีสมยัปจั จบุ นั 3. ประเภทขององค์การ หากจาแนกโดยยึดโครงสรา้ ง แบ่งได้ 2 แบบคือ องคก์ ารแบบเปน็ทางการ และ องคก์ ารแบบไมเ่ ปน็ ทางการ 4. หลักการจดั องค์การทีด่ ี มีอย่หู ลายประการ ในสว่ น หลักสาคัญท่ีต้องมี คือ หลักวตั ถปุ ระสงค์หลักความรคู้ วามสามารถเฉพาะอย่าง หลักการประสานงาน หลกั ของอานาจหน้าที่ และหลักความรับผิดชอบ 5. กระบวนการจัดองค์การ มี 3 ขนั้ คอื การจัดกลมุ่ งานและโครงสร้างตาแหน่ง การมอบหมายอานาจหนา้ ที่ และการจดั วางความสมั พันธ์ 6. การจัดโครงสร้างขององค์การ แบ่งได้ 5 ประเภท ไดแ้ ก่ โครงสรา้ งตามหน้าทกี่ ารงานโครงสร้างตามสายงานหลกั โครงสร้างแบบคณะทีป่ รกึ ษา โครงสร้างแบบคณะกรรมการบริหาร และโครงสร้างงานอนกุ ร 7. โครงสร้างองคก์ ารแบบสูง และแบบกว้าง ถ้าแบบสูงจะมีการบงั คบั บัญชากนั หลายระดับกระบวนการทางานจะชา้ สว่ นแบบกว้างจะมรี ะดับการสง่ั การนอ้ ย กระบวนการทางานจะรวดเร็ว

16 8. การจดั แผนกงาน แบง่ ได้ 5 ลกั ษณะ ได้แก่ 1.ตามหน้าท่ี 2.ตามประเภทผลติ ภณั ฑ์ 3.ตามพ้นื ทท่ี างภูมศิ าสตร์ 4. ตามกระบวนการผลติ 5.ตามลกู ค้า 9. แผนภมู ิองค์การ แบง่ ได้ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ แผนภมู หิ ลัก และแผนภูมเิ สริม 10. อานาจหนา้ ท่ีและความรับผิดชอบ เปน็ สทิ ธทิ ี่ได้รับมอบหมายมาโดยถูกตอ้ งตามกฎหมายท่ีจะสัง่ ให้บคุ คลอนื่ ปฏิบัติงานตามทต่ี นตอ้ งการและเป็นภาระผูกพันของบคุ คลในการปฏิบตั งิ าน 11. การมอบหมายงาน คือการกาหนดความรับผดิ ชอบ และอานาจหนา้ ที่จากผูบ้ ังคบั บัญชาให้แก่ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาความหมายของการจดั องค์การ มีผใู้ หค้ านยิ าม คาว่า \" การจดั องคก์ าร \" ไวห้ ลายท่าน ดังน้ี Edwin B.Flippo (1970) กล่าวไว้วา่ การจดั องค์การ หมายถงึ การจดั ความสัมพันธ์ระหวา่ งส่วนต่างๆ คือ ตวั บุคคลและหนา้ ท่ีการงาน เพอ่ื รวมกันเข้าเปน็ หน่วยงานทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ สามารถทางานบรรลเุ ปา้ หมายได้ ธงชัย สันติวงษ์ (2537) กล่าวไว้ว่า การจัดองค์การ คือ การจดั ระเบยี บกจิ กรรมใหเ้ ปน็ กลมุ่ ก้อนเข้ารูป และการมอบหมายงานใหค้ นปฏิบตั เิ พอ่ื ใหบ้ รรลุผลสาเรจ็ ตามวตั ถปุ ระสงค์ของงานท่ีตงั้ ไว้ การจัดองคก์ ารจะเปน็ กระบวนการทเ่ี ก่ียวกบั การจัดระเบยี บความรับผดิ ชอบตา่ งๆ ทง้ั นี้เพ่อื ใหท้ ุกคนต่างฝ่ายต่างทราบว่า ใครต้องทาอะไร และใครหรอื กิจกรรมใดตอ้ งสัมพันธ์กบั ฝา่ ยอ่ืนๆอย่างไรบา้ ง สมคดิ บางโม (2538) กล่าวไว้ว่า การจัดองค์การ หมายถงึ การจดั แบ่งองคก์ ารออกเป็นหนว่ ยงานยอ่ ยๆใหค้ รอบคลุมภารกิจและหนา้ ที่ขององคก์ าร พร้อมกาหนดอานาจหนา้ ท่แี ละความสัมพันธ์กับองค์กรย่อยอน่ื ๆไว้ด้วย ทั้งน้ี เพอ่ื อานวยความสะดวกในการบรหิ ารให้บรรลเุ ป้าหมายขององคก์ ารสรุปไดว้ ่า การจัดองค์การ หมายถึง การจัดระบบความสมั พันธร์ ะหว่างสว่ นงานตา่ งๆ และบุคคลในองคก์ ารโดยกาหนดภารกจิ อานาจหน้าที่และความรับผิดชอบใหช้ ัดแจ้ง เพ่อื ใหก้ ารดาเนินงานตามภารกจิ ขององคก์ ารบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์และเปา้ หมายอย่างมปี ระสิทธิภาพทฤษฎีองคก์ าร ทฤษฎอี งค์การอาจแบง่ ได้เปน็ 3 ทฤษฎีดว้ ยกนั คือ 1. ทฤษฎีดง้ั เดมิ (Classical organization theory) 2. ทฤษฎสี มยั ใหม่ (Neo-Classical organization theory) 3. ทฤษฎสี มยั ปจั จบุ นั (Modern organization theory)

17 ทฤษฎดี ้งั เดิม แนวความคิดทฤษฎีดงั้ เดิม ได้ววิ ฒั นาการจากการปกครองแบบทหารจนมาถงึปลายศตวรรษท่ี 19 ได้นักบรหิ ารสร้างรูปแบบการบรหิ ารในระบบราชการขึ้น คือ แ มควีเบอร์ และการสร้างรปู แบบการบรหิ าร โดยใชก้ ารจัดการทางวิทยาศาสตรค์ อื เฟรดเดอริค เทยเ์ ลอ่ ร์ ทฤษฎนี ี้มีหลักการวา่ \" คนเป็นเคร่อื งมือท่ีทาให้องคก์ ารไปสจู่ ุดหมายปลายทางได\"้ ซึ่งจะไดก้ ล่าวรายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ 1) การจัดองค์การแบบราชการ (Bureaucracy) ของ แมค วีเบอร์ (Max Weber) ไดเ้ น้นให้เห็นถึงการจัดองคก์ ารที่เปน็ ระเบียบ สาระสาคญั ที่ แมค วีเบอร์ ไดเ้ น้นก็คือ องค์การแบบราชการในอุดมคติน้ัน จะตอ้ งประกอบดว้ ย 1.1) จะต้อมีการแบ่งงานกนั ทา โดยให้แต่ละคนปฏิบตั ิงานในสาขาทต่ี นมีความชานาญ 1.2) การยึดถืองานให้ยดึ ถือกฎเกณฑร์ ะเบียบวนิ ยั โดยเคร่งครดั เพ่ือที่จะใหไ้ ด้มาตรฐานของงานเท่าเทียมกัน การยึดถือกฎเกณฑ์น้จี ะชว่ ยขจดั พฤตกิ รรมที่บคุ คลแตกตา่ งกันสามารถมาประสานงานกนั ได้ 1.3) สายการบังคับบญั ชาตอ้ งชดั เจน โดยผูบ้ ังคบั บญั ชามอบหมายอานาจหน้าท่ีและความรบั ผดิ ชอบลดหล่ันกันลงไป 1.4) บคุ คลในองค์การต้องไม่คานึงถงึ ความสัมพนั ธ์สว่ นบคุ คล โดยพยายามทางานให้ดที ี่สดุ เพ่อื เป้าหมายขององคก์ าร 1.5) การคดั เลือกบุคคล การว่าจา้ ง ให้ขึน้ อยู่กบั ความสามารถ และการเลอื่ นตาแหนง่ ให้คานงึ ถงึ การประสบความสาเรจ็ ในก ารงานและอาวโุ สดว้ ยจดุ อ่อนขององคก์ ารแบบราชการกค็ ือการเน้นท่อี งค์การโดยละเลยการพิจารณาถงึ ปญั หาของคน และเชื่อวา่ การที่มโี ครงสรา้ งท่ีรดั กุมแนน่ อนจะชว่ ยใหบ้ ุคคลปรบั พฤติกรรมใหเ้ ป็นไปตามความตอ้ งการขององค์การได้ 2) การจัดองค์การแบบวทิ ยาศาสตร์ ( Scientific Management) ของเฟรดเดอรคิ เทย์เลอ่ ร์ ( Frederic Taylor) เป็นการจัดองคก์ ารแบบนาเอาวธิ กี ารศกึ ษาวทิ ยาศาสตร์มาวเิ คราะห์และแกป้ ญั หาเพอื่ ปรังปรงุ ประสิทธิภาพขององคก์ รใหด้ ขี ้ึน การศกึ ษาทางวทิ ยาศาสตรไ์ ดเ้ ร่มิ จากการหาความสัมพนั ธ์ระหว่างงานและคนงาน โดยการใช้การทดลองเป็นเกณ ฑ์เพื่อหามาตรการทางานทมี่ ปี ระสิทธิภาพสูงสุด โดยท่ีคนงานจะถกู พิจารณาว่าต้องการทางานเพื่อเศรษฐกจิ ดา้ นเดยี ว โดยละเลยการศกึ ษาถึงแรงจูงใจ อารมณ์ และความต้องการในสงั คมของกลุม่ คนงาน เพราะเช่ือว่าเงนิ ตวั เดยี วจะล่อใจให้คนทางานได้ดที ี่สุด ทฤษฎีสมยั ใหม่ เปน็ ทฤษฎีที่ พฒั นามาจากดงั้ เดมิ ทฤษฎนี ี้มหี ลกั การวา่ \"คนเปน็ ปจั จยั สาคัญและมอี ทิ ธิพลต่อการเพ่ิมผลผลิตขององค์การ\" โดยเนน้ ให้เหน็ ถึงความสาคญั ของคนที่ทาหน้ารว่ มกันในองค์การ

18ถอื วา่ องคก์ ารประกอบไปดว้ ยบคุ คลซงึ่ ทางานโดยมเี ป้าหมายร่วมกนั และกลมุ่ คนงานจะเป็นผมู้ สี ว่ นรว่ มในการกาหนดผลผลติ ดว้ ย ความสัมพนั ธ์ระหว่างบคุ คลเป็นปจั จยั ที่สาคญั และมอี ิทธิพลต่อการกาหนดการผลิต กลา่ วโดยสรุปว่า ทฤษฎีน้ไี ดเ้ นน้ เร่ืองมนุษยส์ มั พนั ธ์ โดยไดม้ ีการศกึ ษาและค้นพบวา่ บุคคลแตล่ ะคนยอ่ มมคี วามแตกต่างกัน ขวัญในการทางานเปน็ ส่ิวสาคัญ การเข้ามีสว่ นร่วมในกจิ กรรมและการตัดสนิ ใจระหวา่ งฝ่ายบริหารและฝา่ ยคนงานยอ่ มจะสรา้ งความพงึ พอใจให้กบั ทุกฝ่ายโดยได้สร้างผลผลติ อยา่ งเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้ ทฤษฎีที่มีสว่ นสาคัญมากต่อขบวนการมนุษย์สมั พนั ธไ์ ดแ้ ก่ Elton Mayo ซ่งึ ได้การทดลองวิจัยและคน้ พบวา่ ขวัญของคนงานมคี วามสาคญั ตอ่ การเพ่ิมการผลติ กลุ่มคนงานจะพยายามสร้างปทัสถานของกลุ่มตน และคนงานจะทางานเปน็ ทีมโดยมกี ารกาหนดมาตรฐานของกล่มุ ขนึ้ เอง ทฤษฎีสมัยใหม่ปัจจุบนั ทฤษฎีน้ีกล่าวว่าเปน็ การศกึ ษารปู แบบขององค์การในปจั จุบนั โดยเนน้ ท่ีการวิเคราะหอ์ งคก์ ารในเชิงระบบ (Systems Analysis of Organization) กลา่ วคือ นกั ทฤษฎไี ดพ้ ิจารณาองคก์ ารในลักษณะทเี่ ปน็ สว่ นรวมทัง้ หมด ตลอดจนความสัมพันธร์ ะหวา่ งส่วนต่าง ๆ ท่ีอยภู่ ายในองคก์ ารการศกึ ษาวา่ องค์การในระบบหนง่ึ ๆ นัน้ ได้คานึงถึงองคป์ ระกอบภายในองคก์ รทุกสว่ น แก่ ตัวปอ้ นกระบวนการ ผลผลติ ผลกระทบ และสงิ่ แวดลอ้ ม (Input process Output Feedback and Environment)การศึกษาองคก์ ารในรูประบบน้นั ไดพ้ ยายามทีจ่ ะมององคก์ ารในลกั ษณะการเคลื่อนไหว (Dynamic) และปรับเขา้ กบั รปู แบบองคก์ ารได้ในทกุ สภาวะแวดลอ้ มทั้งน้ีเพราะนกั ทฤษฏีปจั จบุ นั ได้มององค์การในลักษณะกระบวนการทางดา้ นโครงสร้างท่บี ุคคลต่าง ๆ จะ ตอ้ งเกี่ยวพนั ซ่งึ กนั และกันเพอ่ื บรรลเุ ปา้ หมายตามท่ตี ้องการจึงมกี ารศึกษาพฤติกรรมองค์การในลกั ษณะใหม่ ๆ เชน่ พฤตกิ รรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การบรกิ ารแบบมีสว่ นรว่ ม การพฒั นาองคก์ าร ควิ .ซ.ี และการบริหารแบบอนาคตนยิ ม เปน็ ตน้แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท 1) จงอธบิ ายความหมายการจดั การองคก์ ารมาพอสงั เขป 2) ประเภทขององคก์ าร หากจาแนกโดยยึดโครงสรา้ ง แบง่ ได้ก่แี บบ อะไรบา้ ง 3) การจัดโครงสรา้ งขององคก์ าร แบง่ ได้กป่ี ระเภท อะไรบ้าง 4) ทฤษฎีองคก์ ารอาจแบ่งไดเ้ ปน็ กี่ทฤษฎีอะไรบา้ ง 5) ทฤษฎีองคก์ ารใดที่กล่าวถึงการศึกษาองค์การในรูประบบ และได้พยายามที่จะมององค์การในลกั ษณะ การเคล่อื นไหว (Dynamic) และปรบั เข้ากับรปู แบบองคก์ ารได้ในทกุ สภาวะแวดลอ้ ม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook