Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ม.2

หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ม.2

Published by orawichada.k, 2021-09-13 09:27:23

Description: หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

Search

Read the Text Version

SOC M.2 หลักธรรมทาง พระพุทธศาสนา ชื่อ-นามสกุล ………………………………………………………………………………… ชั้น ………………… เลขที่ …………………

SOC KRU AM ชื่อ-นามสกุล ……………………………………………………………………………… ชั้น ………………… เลขที่ ………………… • พระรัตนตรัย: แก้วอันประเสริฐ 3 ดวง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ - ศาสดา - คำสั่งสอน - สาวก - คุณลักษณะ 9 ประการ - คุณลักษณะ 6 ประการ - คุณลักษณะ 9 ประการ พุทธคุณ 9 ธรรมคุณ 6 สังฆคุณ 9 คุณของพระธรรม 6 ประการ 1.สฺวาขาโต ภควตา ธมฺโม: พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว 2.สนฺทิฏฺฐิโก: ผู้ปฏิบัติจะเห็นได้ด้วยตนเอง (ผู้ใดปฏิบัติ ผู้นั้นบรรลุ) 3.อกาลิโก: ไม่ประกอบด้วยภาค (การปฏิบัติธรรมไม่ขึ้นกับเวลา พร้อมเมื่อใด บรรลุได้ทันที เห็นผลทันที ไม่มีเวลามาจำกัด) 4.เอหิปสฺสิโก: ควรเรียกให้มาดู มาชม มาพิสูจน์ 5.โอปนยิโก: ควรน้อมเข้ามา (น้อมมาไว้ในใจเข้าไปให้ถึงหลักธรรม) 6.ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ: อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน (เป็นความสามารถเฉพาะตัว) ทุกข์ • อริยสัจ 4: ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ (ธรรมที่ควรรู้) ขันธ์ 5 (เบญจขันธ์) เป็นหลักธรรมที่สอดคล้องกับเรื่องทุกข์ ตามอริยสัจ 4 โดยขันธ์ 5 หมายถึง กองแห่งรูปและนามธรรมทั้ง 5 ที่รวมกันแล้วทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา คือความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ (ทั้งคนและสัตว์) **ทุกข์เกิดบนขันธ์ 5 ถ้าจะดับก็ต้องดับบนขันธ์ 5 เป็นสภาพที่ทนได้ยาก เป็นสิ่งที่ ทุกชีวิตต้องเจอ ประกอบด้วย กองรูปธรรมและนามธรรม ทั้ง 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ 1.รูปขันธ์: คือส่วนที่เป็นร่างกายและอวัยวะทั้งหมด 2.เวทนา: ระบบประมวลความรู้สึก (ชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ) 3.สัญญา: จำสิ่งที่ได้รับ/ จำอารมณ์นั้นๆ ได้ 4.สังขาร: ระบบคิดปรุงแต่ง แยกแยะสิ่งที่รับรู้และจำได้ 5.วิญญาณ: ระบบรับรู้ความรู้สึกนั้น ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แยกองค์ประกอบของขันธ์ 5 จากเพลง รูปขันธ์............................... เวทนา...................................... สัญญา............................... สังขาร....................................... วิญญาณ.....................................................................................

สมุทัย • อริยสัจ 4: ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ (ธรรมที่ควรละ) ตัณหา 3 - กามตัณหา คือ ความพอใจในกามคุณ 5 ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส - ภวตัณหา คือ ความพอใจในความมีตัวมีตน หรือความอยากที่จะเป็น คือ เหตุแห่งการเกิดทุกข์ - วิภวตัณหา คือ ความพอใจในความขาดสูญ หรือความอยากที่จะไม่เป็น สาเหตุแห่งการเกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา (ความอยาก) เมื่อเกิดตัณหา ก็ทำให้เกิดทุกข์ เช่น ในเพลงลงใจ ท่อนที่ว่า 'จะหลุดพ้นเมื่อไหร่ ทำไมอยู่ตรงนี้ ถามตัว แบ่งเป็น กามตัณหา เองซ้ำๆ ไม่เข้าใจสักที โอ๊ย เจ็บไปทั้งหัวใจทำไมยังทน...' คือ อยากหลุดพ้นกับคนๆ นี้แล้ว แต่ทำไม่ได้ ภวตัณหา และ วิภวตัณหา เพราะยังสลัดตัณหาไม่หลุด สลัดความพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง ของคนๆ นั้นที่เป็นแฟนเก่าไม่ได้ ก็เกิด ความทุกข์ เกิดความเจ็บความช้ำขึ้นในหัวใจ มูฟออนไม่ได้ ให้เดินต่อไปหัวใจก็เจ็บ นิโรธ สามิสสุข - สุขทางวัตถุ เป็นสุขธรรมดาทั่วไป นิรามิสสุข - เป็นสุขที่แท้จริง ไม่ต้อง (ธรรมที่ควรบรรลุ) - คิหิสุข (ความสุขของชาวบ้าน) ได้แก่ พึ่งกามคุณ สุขที่ไม่มีกิเลส คือ ความดับทุกข์ เป็นภาวะ 1.อัตถิสุข คือ ความสุขอันเกิดจากการมีทรัพย์ แล้วความสุขที่แท้จริงของเพื่อนๆ คืออะไร? ที่ปราศจากความทนอยู่ไม่ได้ 2.โภคสุข คือ สุขอันเกิดจากการใช้ทรัพย์ เป็นความสงบระงับ ซึ่งก็คือ 3.อนณสุข คือ สุขอันเกิดจากการไม่มีหนี้ นิพพาน เป็นสุขสูงสุด 4.อนวัชชสุข คือ สุขอันเกิดจากการเป็นผู้ประพฤติดี มรรค บุพพนิมิตของมัชฌิมาปฏิปทา (ธรรมที่ควรทำให้เจริญ) มัชฌิมาปฏิปทา คือ ทางสายกลาง บุพพนิมิต คือ สิ่งที่เป็นเครื่องหมายหรือสิ่งบอกล่วงหน้า ก่อนเกิดปัญญา หรือแก้ปัญหาความทุกข์ มีปัจจัย 2 อย่างเป็นเครื่องช่วย คือ คือ ความจริงว่าด้วยวิธี การดับทุกข์ มีหลักธรรมที่ กัลยาณมิตร: มี 7 ประการ ได้แก่ ควรปฏิบัติดังนี้ 1. ปิโย คือ ความน่ารัก มีเมตตากรุณา ใส่ใจคนและประโยชน์สุขของเขา โยนิโสมนสิการ 2. ครุ คือ น่าเคารพ เป็นผู้หนักแน่น ถือหลักการเป็นสำคัญ มีความประพฤติสมควรแก่ฐานะ 3. ภาวนีโย คือ น่าเจริญใจ มีความรู้จริง เป็นผู้ปรับปรุงตนอยู่เสมอเป็นที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง คือ การคิดพิจารณาอย่างละเอียด 4. วตฺตา คือ รู้จักพูดให้ได้ผล รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ คอยให้คำแนะนำตักเตือน เป็นที่ปรึกษา ถี่ถ้วน ลึกซึ้ง มี 10 วิธี ได้แก่ 5. วจนกฺขโม คือ พร้อมรับฟังคำปรึกษาซักถาม คำตักเตือนและอดทนฟังได้ไม่เสียอารมณ์ 6. คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา คือ กล่าวชี้แจงเรื่องต่างๆ ที่ยุ่งยากลึกซึ้งให้เข้าใจได้ง่าย วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย 7. โน จฏฺฐาเน นิโยชเย คือ ไม่ชักจูงไปในทางที่เสื่อมเสียหรือเรื่องเหลวไหล คือ คิดแบบมีเหตุผล วิธีคิดแบบแยกแยะส่วน วิธีคิดแบบอริยสัจ ประกอบ คิดจำแนกแยกแยะ วิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์ คือ คิดตามหลักการความมุ่งหมาย รู้จักเหตุผล รู้จักตน รู้จักประมาณ องค์รวมของสิ่งต่างๆ ออกเป็น รู้จักบุคคล รู้จักชุมชน องค์ย่อย ทำให้มองเห็นความ วิธีคิดแบบเห็นคุณเห็นโทษและเห็นทางออก สัมพันธ์ขององค์ประกอบย่อย คิดแบบคุณค่าแท้และคุณค่าเทียม คือ รู้จักแยกแยะสิ่งดีสิ่งชั่ว สิ่งแท้จริงสิ่งปลอมอย่างมีเหตุผล เหล่านั้นว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร วิธีคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม คือ คิดหาประโยชน์ในการกระตุ้น ส่งเสริมความดี วิธีแบบสามัญลักษณะ คือ คิด วิธีคิดแบบเป็นอยู่ในขณะปัจจุบัน แบบไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง วิธีคิดแบบวิภัชชวาท คือ คิดแบบรอบด้าน แยกแยะ มองสิ่งต่างๆ ในหลายๆ มุมมองอย่างละเอียด อนัตตา)

หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ดรุณธรรม 6 คือ ธรรมที่นำไปสู่ความเจริญก้าวหน้า หรือ ธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จ มี 6 ประการ ได้แก่ 1.อาโรคยะ คือ การรักษาสุขภาพให้ดีทั้งกายและใจ 2.ศีล คือ ความมีระเบียบวินัย ไม่สร้างความเดือดร้อน 3.พทุธานุมัต คือ มีคนดีเป็นต้นแบบ 4.สุตะ คือ ตั้งใจเรียนรู้ ศึกษาค้นคว้าจนเชี่ยวชาญ รู้เท่าทันข่าวสาร 5.ธรรมานุวัติ คือ ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องดีงาม สุจริต 6.อลีนตา คือ ขยันหมั่นเพียร ไม่ย่อหย่อน กุลจิรัฏฐิติธรรม 4 คือ ธรรมที่เป็นเหตุทำให้มั่นคง ตั้งอยู่ได้นาน มี 4 ประการ ได้แก่ สิ่งของ ที่เป็นความ ซ่อมแซมสิ่งของ ที่ รู้จักประมาณตนเอง รู้จักช่วยเหลืองานบ้าน ต้องการหรือจำเป็น พอใช้ได้ให้อยู่ในสภาพดี หรือเดินบนทางสาย สร้างความรัก สามาัคคี ต้องเตรียมเอาไว้ เช่น พร้อมต่อการใช้งาน กลางในการใช้ชีวิต ไม่ แก่บุคคลในบ้าน รักษา รู้จักเตรียมปากกาไว้ หรือ ดูแลไม่ให้เสียหาย ฟุ่มเฟือย หรือไม่ใช้จ่าย ความเป็นครอบครัวบน สำรองเผื่อหมดหรือหาย ชำรุด สุรุ่ยสุร่ายเกินตัว ฐานคุณธรรม จริยธรรม กุศลกรรมบถ 10 คือ ทางแห่งการกระทำของผู้ฉลาดหรือคนดี มีดังนี้ กายกรรม 3 (กายสุจริต) 1.ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต 2.อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ 3.กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากการประพฤติผิดในกาม วจีกรรม 4 (วจีสุจริต) มโนกรรม (มโนสุจริต) 1.มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากการพูดเท็จ 1.อนภิชฌา การไม่เพ่งเล็งอยากได้ของของคนอื่น 2.ปิสุณาย วาจาย เวรมณี เว้นจากการพูดส่อเสียด 2.อพยาบาท การไม่คิดปองร้ายคนอื่น 3.ผรุสาย วาจาย เวรมณี เว้นจากการพูดคำหยาบ 3.สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้องตามธรรม 4.สัมผัปปลาปา เวรมณี เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ SOC KRU AM สติปัฏฐาน 4 คือ ที่ตั้งของสติ เป็นองค์มักข้อหนึ่งในอริยมรรค มี 4 ประการ 1.การใช้สติตั้งมั่นในการพิจารณากาย ซึ่งเป็นรูปธรรม เพื่อให้เห็นว่า แท้ที่จริงรูปนั้นเป็นอสุภะ (ความไม่งาม) 2.การใช้สติตั้งมั่นในการพิจารณาเวทนา ซึ่งเป็นนามธรรม เพื่อให้เห็นว่า แท้ที่จริงเแล้ว นามเป็นทุกข์ 3.การใช้สติตั้งมั่นในการพิจารณาจิต ซึ่งเป็นนามธรรม เพื่อให้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้วนามเป็นอนิจจัง (ไม่เที่ยง) 4.การใช้สติตั้งมั่นในการพิจารณาธรรม ซึ่งเป็นทั้งรูปธรรม และนามธรรม เพื่อให้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้ว รูป และนามนั้น เป็นอนัตตา (ไม่มีตัวตน)

มงคล 38 คือ สิ่งที่ทำให้เกิดความดีงาม เป็นธรรมที่นำมาซึ่งความสุข มีทั้งหมด 38 ประการ โดยในที่ นี้จะกล่าวถึง 3 ข้อ ดังนี้ ประพฤติธรรม: ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงามโดยยึดเบญจศีล ไม่หมายร้ายเอาชีวิต เว้นความชั่ว: เว้นจากอกุศลมูล คือ ไม่ลักทรัพย์ ฉ้อโกง โลภะ: ความอยากได้มาโดยมิชอบ ไม่ผิดในกาม โทสะ: ความโกรธแค้น พยาบาท ไม่พูดปด พูดส่อเสียด โมหะ: ความลุ่มหลง ไม่ตั้งอยู่ในเหตุผล ไม่เสพสิ่งเสพติด เว้นจากการดื่มน้ำเมา: รวมถึงของเสพติด ทำให้ขาดสติ และดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงามโดยยึดเบญจธรรม เสียทรัพย์ เสียเพื่อน สร้างความเลวร้ายแก่ชีวิต มีเมตตา กรุณา มีความสุจริต SCAN เพื่ออ่าน มงคล 38 ประการ มีกามสังวรสุขทางกายพอประมาณ ฉบับการ์ตูน รักษาคำพูด มีสติ NOTE .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... .................................................................................................................................... ......................................................... ......................................................... ......................................................... ......................................................... .........................................................


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook