วชั ราภรณ์ ชาวคอ้
พระราชประวตั ิสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระราชปณธิ าน สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช อนั ตวั พ่อช่ือวา่ พระยาตาก ทนทุกขย์ ากกชู้ าตพิ ระศาสนา ถวายแผน่ ดินให้เป็นพทุ ธบูชา แด่พระศาสดาสมณะพระพทุ ธโคดม ใหย้ นื ยงคงถว้ นหา้ พนั ปี สมณะพราหมณช์ ีปฏิบตั ิให้พอสม เจริญสมถะวปิ ัสนาพ่อช่ืนชม ถวายบงั คมรอยพระบาทพระศาสดา คิดถึงพ่อพอ่ อยคู่ ู่กบั เจา้ ชาติของเราคงอยคู่ ูพ่ ระศาสนา พุทธศาสนาอยยู่ งคู่องคก์ ษตั รา พระศาสดาฝากไวใ้ หค้ ูก่ นั สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมพี ระนามเดมิ ว่า “สิน” (ชื่อจีนเรียกวา่ “เซิ้นเซิ้นซิน) พระราช สมภพเม่ือวนั อาทิตยท์ ่ี ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๒๗๗ พระราชบิดาเป็นชาวจีนแตจ้ ๋ิว ช่ือ “นายไหฮอง” ไดส้ มรสกบั หญิงไทยชื่อ”นางนกเอ้ียง” ในช่วงรัชสมยั พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ (สมเด็จพระธรรมราชาธิราชท่ี ๓) ซ่ึงเจา้ พระยาจกั รีไดข้ อไปอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมต้งั แตค่ ร้ังเยาวว์ ยั คร้ันอายุ ๕ ปี เจา้ พระยาจกั รีไดน้ าไปฝากเรียนกบั พระอาจารยท์ องดี วดั โกษาวาส (วดั คลงั ) ทรงศึกษาหนงั สือขอมและหนงั สือไทยจนจบ บริบรู ณ์ ตลอดจนศึกษาพระไตรปิ ฎกจนแตกฉาน ต่อมาเมื่ออายคุ รบ ๑๓ ปี เจา้ พระยาจกั รีไดน้ าตวั เด็กชายสิน ไปถวายตวั เป็นมหาดเลก็ ใน สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศและไดท้ รงโปรดเกลา้ ฯ ให้ทาราชการกบั หลวงศักด์นิ ายเวร ซึ่งเป็ นบุตรของเจ้าพระยาจกั รี เม่ือมีเวลาว่างจะศึกษา หาความรู้ กบั อาจารย์ชาวจีน อาจารย์ชาวญวน และ อาจารย์ชาวแขก จนเช่ียวชาญและสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วท้ัง ๓ ภาษา คร้ันเม่ืออายคุ รบ ๒๑ ปี ไดอ้ ุปสมบท ณ วดั โกษาวาส ทรงดารงอยใู่ นสมณเพศได้ ๓ พรรษา จึงลาสิกขา และกลบั มารับราชการ ตามเดิม ดว้ ยความฉลาด รอบรู้ขนบธรรมเนียมตลอดจนภารกิจต่างๆ อยา่ งดี สามารถทางานต่างพระเนตรพระกรรณได้ จนไดร้ ับพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ป็นมหาดเลก็ รายงานราชการท้งั หลายในกรมมหาดไทย และ กรมวงั ศาลหลวง คร้ัน พ.ศ. ๒๓๐๑ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศเสด็จสวรรคต สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวอุทมุ พรเสดจ็ ข้ึนครองราชยไ์ ด้ ๓ เดือนเศษ ก็ถวาย ราชสมบตั ิแก่สมเด็จพระเชษฐาธิราช “สมเด็จพระบรมราชาท่ี ๓” (สมเด็จพระเจา้ เอกทศั น์) สมเดจ็ พระเจา้ เอกทศั น์ทรงโปรดเกลา้ ฯ ให้นายสิน มหาดเล็กรายงาน เป็นขา้ หลวงเชิญทอ้ งตราพระราชสีห์ไปชาระความที่หวั เมืองฝ่ ายเหนือ ซ่ึงปฏิบตั ิราชการไดร้ ับความดีความชอบมาก จงึ ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็ นหลวงยกกระบัตร เมืองตาก ช่วยราชการพระยาตาก คร้ันพระยาตากถึงแก่กรรม กท็ รงโปรดให้เลอ่ื นเป็ น “พระยา ตาก ปกครองเมอื งตาก”
ในปี พ.ศ. ๒๓๐๗ พม่ายกกองทพั มาตีหวั เมืองปักษใ์ ตข้ องไทย โดยมีมงั มหานรธาเป็ นแมท่ พั เมืองทางใตไ้ ดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย ตีเรื่อยตลอด หวั เมืองทางใตจ้ นถึงเมืองเพชรบุรี จนกรุงศรีอยธุ ยาได้ส่งกองทพั ไทย มีพระยาโกษาธิบดกี บั พระยาตากไปรักษาเมืองเพชรบุรีไว้ จนตพี ม่าแตก ถอยไปทางด่านสิงขร ต่อมาปี พ.ศ. ๒๓๐๘ พม่ายกกองทพั มาตีไทยอีก พระยาตากได้มาช่วยรักษาพระนครไว้ได้ จึงได้ปนู บาเหนจ็ ความดคี วามชอบ ได้รับ โปรดเกล้าให้เลอ่ื นเป็ น “พระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกาแพงเพชร” แตย่ งั ไม่ทนั ไดป้ กครองเมืองกาแพงเพชร กเ็ กิดศกึ กบั พมา่ คร้ังสาคญั จึงถูก เรียกตวั ใหเ้ ขา้ รับราชการในกรุง เพอ่ื ป้ องกนั พระนคร จนถึงปี พ.ศ. ๒๓๐๙ ขณะท่ีไทยกบั พมา่ กาลงั รบกนั อยา่ งดุเดือด พระยาวชิรปราการ เกิด ทอ้ แทใ้ จหลายประการคือ ๑. พระยาวชิรปราการ คุมทหารออกไปรบนอกเมืองจนไดช้ ยั ชนะยดึ คา่ ยพม่าได้ แต่ทางผรู้ ักษาพระนครไม่ส่งกาลงั ไปหนุน ทาให้ พม่าสามารถยดึ คา่ ยกลบั คืนได้ ๒. ขณะที่ยกทพั เรือออกรบร่วมกบั พระยาเพชรบุรี พระยาวชิรปราการ เห็นวา่ พม่ามีกาลงั มากกวา่ จึงห้ามมิใหพ้ ระยาเพชรบุรีออกรบ แต่พระยาเพชรบุรี ฝืนออกรบ จนพา่ ยแพแ้ ก่พม่าจนตวั ตายในสนามรบ พระยาวชิรปราการ ถูกกล่าวหาวา่ ทอดทิ้งใหพ้ ระยาเพชรบรุ ีเป็นอนั ตราย ๓. ก่อนเสียกรุง ๓ เดือน พมา่ ยกทพั เขา้ ปลน้ พระนคร ทางดา้ นท่ีพระยาวชิรปราการรักษาอยู่ เห็นจวนตวั จึงยงิ ปื นใหญข่ ดั ขวาง โดย มิไดข้ ออนุญาตจากศาลาลูกขนุ จึงถูกฟ้ องชาระโทษภาคทณั ฑ์ ดว้ ยสาเหตดุ งั กล่าว พระยาวชิรปราการเหน็ ว่าขืนอยู่ช่วยป้ องกนั พระนครต่อไป กไ็ ม่มีประโยชน์อนั ใด และเช่ือว่ากรุงศรีอยธุ ยาต้อง เสียแก่พม่าในคร้ังนเี้ ป็ นแน่ ดงั น้นั ในช่วงพลบคา่ วนั เสาร์ ขนึ้ ๔ คา่ เดอื นย่ี ปี จอ อฐั ศก (พ.ศ. ๒๓๐๙) พระยาวชิรปราการได้พาเหล่าทหารเอกคอื พระเชียงเงนิ หลวงพรหมเสนา หลวงพชิ ัยราชา (ต่อมาเป็ นพระพชิ ัยดาบหกั ) หลวงราชเสน่หา ขุนอภยั ภกั ดี พร้อมสมคั รพรรคพวกประมาณ ๕๐๐ นาย ตีฝ่ าวงลอ้ มออกจากค่ายพชิ ยั ม่งุ ออกไปจากทิศตะวนั ออกเฉียงใต้ ตีออกมาทางบา้ นหนั ตรา (ทงุ่ หตั รา อาเภออทุ ยั จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ในปัจจุบนั ) กองทพั พม่าบางส่วนไดไ้ ล่ติดตามมาทนั ท่ีบา้ นขา้ วเม่า บา้ นสม้ บณั ฑิต (ในเขตอาเภออุทยั ) และต่อสูก้ นั จนถึง เท่ียงคืนพม่ากถ็ อยทพั กลบั ไป พระยาวชิรปราการจึงพากองกาลงั มุ่งหนา้ ยดึ จนั ทบรุ ีซ่ึงเป็นเมืองใหญเ่ พ่ือใชเ้ ป็ นฐานที่มนั่ เจา้ เมืองจนั ทบุรีมิยอม สวามิภกั ด์ิ พระยาตาก (พระยาวชิรปราการ) จึงตอ้ งใชจ้ ิตวิทยาในดา้ นการรบมาใชก้ บั แมท่ พั นายกอง ฟ้ื นฟขู วญั กาลงั ใจของไพร่พล เพอ่ื ตอ้ งการ รบใหช้ นะ โดยสง่ั ใหท้ บุ หมอ้ ขา้ วหมอ้ แกง พร้อมเปล่งวาจา “เราจะตีเมืองจนั ทบุรีในคา่ วันนี้ เม่อื กองทัพหุงข้าวเยน็ กนิ เสร็จแล้ว ท้ังนายไพร่ให้เททงิ้ อาหารท่ีเหลอื และต่อยหม้อเสียให้หมดหมาย ไปกนิ ข้าวเช้าด้วยกนั ท่ีในเมอื งเอาพรุ่งนี้ ถ้าตเี อาเมืองไม่ได้ในคา่ วนั นีก้ จ็ ะตายเสียด้วยกนั ให้หมดทเี ดยี ว” คร้ันถึงเวลาค่า พระยาตากจึงไดส้ ง่ั ให้ทหารไทยจีนลอบเขา้ ไปอยู่ ตามสถานที่ที่ไดว้ างแผนไวแ้ ลว้ ใหค้ อยฟังสญั ญาณเขา้ ตีเขา้ เมือง พร้อมกนั มิใหส้ ่งเสียงจนกว่าจะเขา้ เมืองได้ พอไดฤ้ กษเ์ วลา ๓ นาฬิกา พระเจา้ ตากกข็ ้ึนคอชา้ งพงั คีรีบญั ชรพร้อมยงิ ปื นสญั ญาณ แจง้ แก่เหล่า ทหารเขา้ ตีเมืองพร้อมกนั ทรงไสชา้ งเขา้ พงั ประตเู มือง จนยดึ เมืองไดส้ าเร็จ
คร้ันถึง พ.ศ. ๒๓๑๐ พม่ากย็ กทัพตีพระนคร นบั เป็ นเวลาที่พม่าล้อมค่ายอยู่ถึง ๑ ปี ๒ เดอื น กรุงศรีอยธุ ยาจึงเสียแก่พม่า ในรัชสมยั พระเจา้ เอกทศั น์ ถือเป็นพระมหากษตั ริยอ์ งคส์ ุดทา้ ยของกรุงศรีอยธุ ยา หลงั จากเสียกรุงศรีอยธุ ยาแลว้ บา้ นเมืองเกิดแตกแยก หวั เมืองต่างๆ ต้งั ตวั เป็นใหญ่ต่างคนต่างรวมสมคั รพรรคพวกต้งั เป็นกก๊ ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ กก๊ สุก้ีพระนายกอง กก๊ พระยาพิษณุโลก ก๊กพระเจ้าฝาง ก๊กเจา้ พระยานครศรีธรรมราช และก๊กเจา้ พมิ าย พระยาวชิรปราการไดจ้ ดั เตรียม กองทพั อยเู่ ป็นเวลา ๓ เดือน กย็ กกองทพั เรือเขา้ มาทางปากน้าเจา้ พระยา จนตีเมืองธนบรุ ีแตก จบั นายทองอินประหาร แลว้ เลยไปตีค่ายโพธ์ิสาม ตน้ แตกยบั เยนิ สุก้ีพระนายกองตายในท่ีรบ ขบั ไล่พม่าออกไปพ้นแผ่นดนิ ไทยสาเร็จ ในปี พ.ศ.๒๓๑๐ ซ่ึงใช้เวลาก้อู ิสรภาพกลบั คนื จากพม่า ภายในเวลา ๗ เดอื นเท่าน้นั จากน้นั พระยาตาก (พระยาวชิรปราการ) จึงยกทพั กลบั มากรุงธนบุรี ทรงสถาปนากรุงธนบรุ ีเป็นราชธานี และปราบดาภเิ ษกขึน้ เป็ น พระมหากษตั ริย์ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๓๑๑ ทรงพระนามว่า “สมเดจ็ พระบรมราชาท่ี ๔” แต่ประชาชนนิยมเรียกพระนามว่า “พระเจ้า ตากสิน” จากน้นั ทรงยกกองทพั ไปปราบปรามกก๊ ตา่ ง ๆ ท่ีต้งั ตวั เป็ นชุมนุมอิสระไดแ้ ก่ ชุมนุมเจา้ พิมาย ชุมนุมเจา้ พระยานครศรีธรรมราช ชุมนุมเจา้ พระยา พิษณุโลก และชุมนุมเจา้ พระฝาง (เป็นชุมนุมสุดทา้ ย) ยอ้ นมาเม่ือคร้ังกรุงศรีอยธุ ยาเสียแก่พม่า ในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ เจ้าพระฝาง เมอื งสวางคบุรี ซ่องสุมผ้คู นได้หลายเมือง ต้ังตัวเป็ นเจ้า แต่ไม่ยอมสึกจากพระ เปลยี่ นสี จีวรจากสีเหลอื งเป็ นสีแดง นับเป็ นชุมนุมใหญ่ฝ่ ายเหนือ ประชาชนเรียกกันว่า “เจ้าพระฝาง” ล่วงมาถึง ปี ขาล พ.ศ. ๒๓๑๓ หลงั จากการสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีแลว้ มีข่าวมาถึงกรุงธนบรุ ีวา่ เมื่อเดือน ๖ ปี ขาล เจา้ พระฝาง ใหส้ ่งกาลงั ลงมาลาดตระเวณถึงเมืองอุทยั ธานี และเมืองชยั นาท เป็นทานองวา่ จะคิดลงมาตีกรุงธนบุรี สมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบุรีจึงมีรับสงั่ ให้ เตรียมกองทพั จะยกไปตีเมืองเหนือในปี น้นั ขณะน้นั พวกฮอลนั ดาจากเมืองยะกะตรา (จาร์กาตา) ส่งปื นใหญ่มาถวาย และแขกเมืองตรังกานู กน็ า ปื นคาบศิลาเขา้ มาถวาย จานวน ๒,๐๐๐ กระบอก พอเหมาะแก่พระราชประสงคข์ องสมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบุรี ท่ีจะใชท้ าศึกต่อไปในคร้ังน้ี สมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบุรีเสดจ็ พระราชดาเนินโดยกระบวนทพั เรือ ยกกาลงั ออกจากกรุงธนบุรี เมื่อวนั เสาร์ แรม ๑๔ ค่า เดือน ๘ ไปประชุม พล ณ ที่แห่งใดไมป่ รากฏหลกั ฐาน จัดกาลงั เป็ น ๓ ทพั ทพั ที่ ๑ สมเด็จพระเจา้ กรุงธนบุรีเสด็จพระราชดาเนินไปโดยขบวนเรือมีกาลงั พล ๑๒,๐๐๐ คน ทพั ที่ ๒ พระยาอนุชิตราชา ซ่ึงได้เลอื่ นขึน้ เป็ นพระยายมราช ถือพล ๕,๐๐๐ คน ยกไปทางบกขา้ งฟากตะวนั ออกของแม่น้าแคว ใหญ่ กองทพั ที่ ๓ พระยาพชิ ัย ถือพล ๕,๐๐๐ คน ยกไปทางขา้ งฟากตะวนั ตก ฝ่ายเจา้ พระยาฝาง เม่ือทราบวา่ กองทพั กรุงธนบรุ ียกกาลงั ข้ึนไปดงั กล่าว จึงให้หลวงโกษา (ยงั ) คมุ กาลงั มาต้งั รับอย่ทู ีเ่ มืองพษิ ณโุ ลก ฝ่ ายกองทพั หลวงของสมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบุรี ยกขนึ้ ไปถึงเมอื งพษิ ณโุ ลก เมื่อ วนั เสาร์ แรม ๒ คา่ เดอื น ๙ สมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบุรีมีรับส่ังให้ เข้าปล้นเมอื งในค่าวนั น้ัน กไ็ ด้เมอื งพษิ ณุโลก หลวงโกษา (ยงั ) หนีไปเมืองเมอื งสวางคบุรี สมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบรุ ีไดเ้ มืองพษิ ณุโลกแลว้ กองทพั ที่ยกไปทางบกยงั ข้ึนไปไม่ถึงท้งั สองทพั ดว้ ยเป็นฤดูฝนหนทางลาบาก พระองคป์ ระทบั ที่เมืองพิษณุโลกอยู่ ๙ วนั กองทพั พระยายมราช จึงเดินทางไปถึง และตอ่ มาอีก ๒ วนั กองทพั พระยาพชิ ยั ราชาจึงยกมาถึง เม่ือกาลงั พร้อมแลว้ สมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบุรีจงึ ทรงให้กาลงั ทางบก รีบยกตามข้าศึกท่ีแตกหนไี ปยงั สวางคบุรี พร้อมกนั ท้งั สองทาง รับกาลงั ทางเรือใหค้ อยเวลาน้าเหนือหลากลงมาก่อน ดว้ ยทรงพระราชดาริว่า ใน เวลาน้ันน้าในแม่นา้ ยงั น้อย หนทางต่อไปลานา้ แคบ และตลงิ่ สูง ถ้าข้าศึกยกกาลงั มาดกั ทางเรือจะเสียเปรียบข้าศึก ทรงคาดการณ์ว่านา้ จะหลาก ลงมาในไม่ช้า และกเ็ ป็ นจริงตามน้นั สมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบุรี กเ็ สดจ็ พระราชดาเนินยกกาลงั ทางเรือขึน้ ไปจากเมืองพษิ ณุโลก
สมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบรุ ีทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มให้พระยาพชิ ัยราชา คุมทัพไปทางตะวันตก ให้พระยายมราช (กรม พระราชวงั บวรมหาสุรสิงหนาท ในรัชกาลท่ี ๑) คุมทัพไปทางตะวนั ออก สองทัพสมทบกนั โจมตเี มืองสวางคบุรี สภาพเมืองสวางคบรุ ี ที่มนั่ เจา้ พระฝาง ไม่มีกาแพง มีแต่ระเนียดไมข้ อนสักถมเชิงเทนิ ดิน เจ้าพระฝางสู้ได้สามวันก็แตกพ่ายหนี พาลูกช้างพงั เผอื กหนีไปด้วย กองทพั พระเจ้ากรุงธนบุรีตดิ ตามไป ได้ช้างพงั เผอื ก คนื ตัวเจ้าพระฝางหายสาบสูญไป จึงเป็ นอนั ปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง ชุมนุมสุดท้ายหลงั กรุงศรีอยุธยาแตกลงสาเร็จ และเม่อื ปราบชุมนุมเจ้าพระฝางได้แล้ว กเ็ ท่ากบั ได้เมือง เหนือกลบั มาท้งั หมด พระองคไ์ ดป้ ระทบั ณ ค่ายหาดสูง เมอื งสวางคบุรี ทรงจัดการปกครองเมอื งเหนืออยู่ตลอดฤดนู า้ เกลยี้ กล่อมราษฎรทแี่ ตกฉานซ่าน เซ็น ให้กลบั มาอย่ตู ามภูมลิ าเนาเดมิ จดั การสารวจไพร่พลในเมืองเหนือท้งั ปวง พบว่า เมืองพษิ ณุโลกมีพลเมือง ๑๕,๐๐๐ คน เมืองสวรรคโลก มี ๗,๐๐๐ คน เมืองพิชยั รวมท้งั เมือง สวางคบุรี มี ๙,๐๐๐ คน เมืองสุโขทยั มี ๕,๐๐๐ คน เมืองกาแพงเพชร และเมืองนครสวรรค์ มีเมืองละ ๓,๐๐๐ คนเศษ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชาระคณะสงฆ์หัวเมอื งเหนอื แลทรงพระกรุณาให้เย็บจวี รสบงให้ได้พนั ไตร ทรงบวชพระสงฆ์ฝ่ าย เหนือ และดารัสให้กรมสังฆการีลงมาอาราธนารับพระราชาคณะกบั พระสงฆ์อนั ดบั ณ กรุงธนบุรี ๕๐ รูป ขนึ้ ไปบวชพระสงฆ์ไว้ ณ หวั เมือง เหนอื ทุก ๆ เมอื ง แลเมอ่ื คราวประทบั ณ เมอื งสวางบุรีน้ัน ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดคุ้งสาเภาริมแม่น้าน่านโบราณ ใต้เมืองสวางคบุรี อนั เป็ นวดั ที่มพี ระภกิ ษุสงฆ์ จาพรรษามาต้ังแต่สมัยอยธุ ยา เปล่ียนนามให้เป็ น \"วดั คุ้งตะเภา\" พร้อมท้งั ทรงใหส้ ร้างศาลาบอกมูลฯ ข้ึนในคราวเดียวกนั น้นั เพ่อื ใหเ้ ป็นทพี่ านกั สั่งสอนของพระสงฆผ์ ทู้ รงภูมิธรรมท่ีทรงอาราธนานิมนตม์ าจากกรุงธนบุรี และ เพอ่ื ให้เป็นท่ีรวมราษฎรในภมู ิลาเนาเดิมท่ีแตกฉานซ่านเซ็นไปเม่ือคร้ังเสียกรุงฯ โดยท่ีวดั คุง้ ตะเภาเป็นวดั ในชุมชนท่ีมีที่ต้งั อยเู่ หนือสุดทา้ ยพระราชอาณาเขตกรุงธนบุรีใน สมยั น้นั โดยโปรดให้พระพิมลธรรมไปอยู่ ณ เมอื งสวางคบุรี ให้พระธรรมโดคมไปอยู่ ณ เมอื งพชิ ัย ให้พระธรรมเจดีย์ไปอยู่ ณ เมืองพษิ ณโุ ลก ให้พระพรหมมนุ ีไปอยู่ ณ เมอื งสุโขทยั ให้พระเทพกวี ไปอยู่ ณ เมอื งสวรรคโลก และให้พระโพธิวงษ์ไปอยู่ ณ เมืองศรีพนมมาศท่งุ ย้ัง เพอ่ื ส่ังสอนในข้อพระวนิ ัยสิกขาบท กับให้เกบ็ รวบรวม พระไตรปิ ฎกลงมาเป็ นฉบับสร้างใหม่ ณ กรุงธนบุรีด้วย คร้ันวนั ศกุ ร์ เดือน ๑๑ แรม ๑๐ ค่า เสดจ็ พระราชดาเนินกระทาการสมโภชพระมหาธาตุเมอื งฝาง ๓ วนั ทรงมพี ระราชศรัทธาเปลอื้ ง พระภูษาทรงสะพกั ออกจากพระองค์ถวายทรงพระมหาธาตุ แล้วให้ปฏิสังขรณ์พระอารามและพระมหาธาตุให้บริบูรณ์ดงั เก่า จากน้นั จึงเสด็จ พระราชดาเนินไปยงั เมืองทงุ่ ย้งั สมโภชพระแท่นศิลาอาสน์ ๓ วนั เสด็จไปสมโภชพระมหาธาตเุ มืองสวรรคโลก ๓ วนั คร้ังวนั ศุกร์ ข้นั ๓ ค่า เดือน ๑๒ จึงเสด็จไปเมืองพษิ ณุโลก สมโภชพระมหาธาตุ พระพทุ ธชินราช และพระพทุ ธชินสีห์ ๓ วนั จากน้นั ไดท้ รงต้งั ขา้ ราชการซ่ึงมีบาเหน็จความชอบในการสงครามคร้ังน้นั คือ พระยายมราช ใหเ้ ป็นเจา้ พระยาสุรสีห์พิษณวาธิราช อยู่ สาเร็จราชการเมืองพิษณุโลก พระยาพิชยั ราชา ใหเ้ ป็นเจา้ พระยาพิชยั ราชา สาเร็จราชการเมืองสวรรคโลก พระยาสีหราชเดโชชัย ให้เป็ นพระยา พชิ ัย ครองเมอื งพิชัย (ต่อมาเป็ นพระยาพชิ ัยดาบหัก) พระยาทา้ ยน้า ให้เป็นพระยาสุโขทยั พระยาสุรบดินทร์ เมืองชยั นาท ให้เป็นพระยา กาแพงเพชร พระยาอนุรักษภ์ ูธร ใหเ้ ป็ นพระยานครสวรรค์ เจา้ พระยาจกั รี (แขก) น้นั ออ่ นแอในสงคราม มีรับสง่ั ใหเ้ อาออกเสียจากตาแหน่งสมุ หนายก พระยาอภยั รณฤทธ์ิ ใหเ้ ป็ นพระยายมราช และให้บญั ชาการกระทรวงมหาดไทยแทนสมุหนายกดว้ ย สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงจัดระเบียบ การเมืองการปกครองเมืองเหนือ ตลอดฤดูนา้ ปี ขาล พ.ศ.๒๓๑๓ แล้วจึงเสดจ็ กรีธาทพั กลบั กรุงธนบุรี และโปรดใหร้ ับนางพระยาเศวตกิริณีอนั ไดจ้ ากเมืองฝางน้นั ลง มาดว้ ย เมื่อถึงกรุงธนบุรีแลว้ ให้มีงานสมโภชสามวนั
โดยทรงใช้เวลารวบรวมอาณาเขตปราบชุมนุมอสิ ระต่าง ๆ อยู่ ๓ ปี คอื ต้งั แต่ พ.ศ. ๒๓๑๑ – พ.ศ. ๒๓๑๓ จนกอบกู้เอกราช รวมเป็ นพระราชอาณาจักรเดียว ดงั เดมิ สมเด็จพระเจา้ ตากสิน มหาราช ทรงกูช้ าติ ตราตราก ยากหนกั หนา ไทยรวมชาติ พลิกฟ้ื น กลบั คืนมา สถาปนา กรุงธนบุรี ศรีแผน่ ดิน สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงครองราชย์เป็ นเวลา ๑๕ ปี จึงทรงสวรรคตเม่ือ วนั เสาร์ เดอื น ๕ แรม ๙ คา่ จศ. ๑๑๔๔ ปี ขาล ตรง กบั วนั ที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ สิริพระชนมายุได้ ๔๘ พรรษา พระองค์ทรงเป็ นพระมหากษตั ริย์ท่ีทรงพระปรีชาสามารถ กอบก้ปู ระเทศชาติ ให้เป็ นเอกราชอสิ รภาพตราบเท่าทุกวนั นี้ ประชาราษฎร์ผสู้ านึกในพระมหากรุณาธิคุณ ต่างยกยอ่ งถวายพระเกียรติพระองคท์ ่านว่า “มหาราช” คณะสงฆ์ ขา้ ราชการ พอ่ คา้ ประชาชนชาวบา้ นวดั คุง้ ตะเภา ทุกหมเู่ หล่าไดพ้ ร้อมใจกนั นอ้ มราลึกในพระเกียรติประวตั ิ เกียรติยศและเกียรติคุณใหป้ รากฏกบั อนุชนรุ่นหลงั ตราบเทา่ ทกุ วนั น้ี พระตรามหาเดช พระสรรเพชร์เสดจ็ ท้งั พลพล ปราบทุกข์เมทนียดล มากพร้อม ประกาศสถิตย์ชน กลบั ต้งั วดั คุ้งตะเภาน้อม ปลุกให้คงเขษม คาถาบูชาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สมั พุทธธสั สะ (3จบ) โอมสิโน ราชาเทวะ นะมามิหัง ชะยะ ตุภะวงั สพั พะ ศตั รูวนิ าส สันติ(3-9จบ) เกร็ด: ท่ีมาของคาถาบูชาสมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช จากพงศาวดารธนบุรี ฉบบั พนั จนั ทนุมาศ (เจมิ ) \"...กำหนดพิชัยสงครำม แล้วพระรำชทำนเกนหัดถือปื น ๔๐ คน ลกู หำบ ๔๐ คน ม้ำต้นม้ำหนึ่ง แก่เจ้ำพระยำนครสวรรค์ แล้วพระรำชทำนทหำร กองนอก ถือปื น ๑๕๐ ลกู หำบ ๑๕๐ คน ให้หลวงอภัยสรเพลิงไปเข้ำกองเจ้ำพระยำนครสวรรค์ แล้วถอดพระธำมรงค์เพช็ ร์องค์หน่ึงพระรำชทำน เจ้ำพระยำนครสวรรค์ แล้วพระรำชทำนพรว่ำ ชยตุ ภวงั สัพพสัตรู วินำสสันติ ในทันใดน้ันเป็นอัศจรรย์ มหำเมฆยงั ฝอยฝนให้ตกลงมำหน่อย หนึ่ง...\" ____________ . (๒๕๑๒). พระราชพงศาวดารกรุงธนบรุ ี จดหมายเหตรุ ายวนั ทพั สมยั กรุงธนบรุ ี. พมิ พค์ ร้ังที่ ๑. (กรุงเทพฯ : องคก์ ารคา้ ครุ ุสภา). หนา้ ๖๗
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: