Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการนิเทศ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สพป.ลำปาง เขต 1

คู่มือการนิเทศ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สพป.ลำปาง เขต 1

Published by lpg1, 2020-06-22 22:56:25

Description: คู่มือการนิเทศ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning สพป.ลำปาง เขต 1

Search

Read the Text Version

47 อย่างมีคุณภาพด้วยการสร้างสรรค์ประโยชน์ให้สังคม การจัดการเรียนรู้มุ่งให้ผู้เรียนดารงชีวิตอยู่ ร่วมกบั ผูอ้ ืน่ ในสังคม พหุวัฒนธรรมไดอ้ ยา่ งมีความสุข มคี วามตระหนักในการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน การแก้ปัญหา การจดั การความขดั แยง้ ดว้ ยสันตวิ ิธี มคี วามเคารพสิทธิและศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ เข้า ใจความแตกต่างและหลากหลาย ด้านวฒั นธรรม ประเพณี ความเช่อื ของแตล่ ะบุคคลในสังคม Learning to be : หมายถึง การเรยี นรู้เพือ่ ใหร้ ้จู กั ตวั เองอย่างถ่องแท้ รู้ถึงศักยภาพ ความ ถนัด ความสนใจ ของตนเอง สามารถใช้ความรู้ ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เลือกแนวทางการพัฒนาตนเองตามศกั ยภาพ วางแผนการเรียนต่อ การประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับ ศักยภาพ ตนเองได้ การจัดการเรียนรู้มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกด้านท้ังจิตใจและร่างกาย สติปัญญา ให้ ความสาคัญกบั จนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ภาษา และวัฒนธรรม เพอื่ พัฒนาความเป็นมนุษย์ที่ สมบรู ณม์ คี วามรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม สิ่งแวดล้อม ศลี ธรรม สามารถปรับตวั และปรับปรุงบุคลิกภาพของ ตน เข้าใจตนเองและผูอ้ ื่น หลกั 4 H (Head Heart Hand และ Health) หลกั 4 H เป็นการมงุ่ เน้นพฒั นาทักษะของผ้เู รียน ใหเ้ กิดการเรียนรผู้ ่านการลงมอื ปฏิบัตจิ ริง มีประสบการณ์ตรง คิดวิเคราะห์ ทางานเป็นทีม และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีความสุขจากกิจกรรม สรา้ งสรรค์ ท่ีหลากหลาย ดังน้ี กจิ กรรมพัฒนาสมอง (Head) หมายถึง กิจกรรมส่งเสรมิ และพัฒนาทักษะการคิด เพ่ือให้ ผูเ้ รยี นมคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ ประเมินค่า ตดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาอย่างสรา้ งสรรค์ กิจกรรมพัฒนาจิตใจ (Heart) หมายถึง กิจกรรมส่งเสริม พัฒนา และปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม การทาประโยชน์เพ่ือสังคม เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์จนเป็น ลกั ษณะนิสยั และมจี ติ สานกึ ที่ดี ตอ่ ตนเองและสว่ นรวม กิจกรรมพัฒนาทกั ษะการปฏบิ ตั ิ (Hand) หมายถงึ กิจกรรมสรา้ งเสริมทักษะการทางาน ทักษะทางอาชีพทหี่ ลากหลาย เพ่ือให้ผู้เรยี นคน้ พบความสามารถ ความถนดั และศักยภาพของตนเอง กิจกรรมพัฒนาสุขภาพ (Health) หมายถึง กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะเพ่ือให้ผู้เรียน มีสมรรถนะทางกายท่ีสมบรู ณ์ แข็งแรง มเี จตคตทิ ดี่ ตี อ่ การดูแลสขุ ภาพ และมีทักษะปฏิบัติด้านสุขภาพ จนเปน็ นิสัย พระบรมราโชบายดา้ นการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัววชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกระแสพระราชดารัสกับประธานองคมนตรี และคณะองคมนตรี ใหร้ ่วมกันสร้างคนดีใหแ้ ก่บา้ นเมอื ง โดยจัดการศกึ ษาเพื่อมุง่ เนน้ สรา้ งพื้นฐานใหแ้ ก่ผูเ้ รียน 4 ด้าน ดังนี้ 1. มีทัศนคติท่ีถูกต้องต่อบ้านเมือง หมายถึง การจัดการศึกษาต้องมุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจทดี่ ตี อ่ ชาตบิ า้ นเมือง ยดึ ม่ันในศาสนา ม่ันคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีความเอ้ือ อาทร ตอ่ ครอบครวั และชุมชนของตน 2. มีพ้ืนฐานชีวิตท่ีม่ันคง มีคุณธรรม หมายถึง การจัดการศึกษาต้องมุ่งให้ผู้เรียน รู้จัก แยกแยะส่ิงท่ผี ดิ -ทถี่ ูก สง่ิ ชว่ั -สงิ่ ดี เพื่อปฏบิ ัติแต่สง่ิ ทช่ี อบท่ีดีงาม ปฏิเสธส่ิงท่ีผิดท่ีช่ัว เพ่ือสร้างคนดี ให้แก่บ้านเมอื ง

48 3. มีงานทา มีอาชีพ หมายถึง การจัดการศึกษาต้องมุ่งให้ผู้เรียน เป็นเด็กรักงาน สงู้ าน ทางานจนสาเร็จ อบรมใหเ้ รยี นร้กู ารทางาน ใหส้ ามารถเลี้ยงตวั และเล้ยี งครอบครัวได้ 4. เป็นพลเมืองดี หมายถึง การจัดการศึกษาต้องมุ่งให้ผู้เรียน มีหน้าท่ีเป็นพลเมืองดี สถานศึกษาและสถานประกอบการตอ้ งสง่ เสริมใหท้ ุกคนมีโอกาสทาหน้าท่ีพลเมืองดี การเป็นพลเมือง ดี หมายถงึ การมนี ้าใจ มีความเอื้ออาทร ทางานอาสาสมัคร งานบาเพ็ญประโยชน์ “เห็นอะไรที่จะทา เพอื่ บา้ นเมืองไดก้ ต็ ้องทา” หลกั การสาคัญของการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active Learning) ในกิจกรรมลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) อาจจัดกิจกรรมได้หลายลักษณะ ข้ึนอยู่กับ ธรรมชาตขิ องวิชาหรอื ลักษณะกจิ กรรมที่ดาเนนิ การ เชน่ กิจกรรมบรู ณาการ หรือกิจกรรมเฉพาะเรื่อง เช่น กิจกรรมที่สนองนโยบายลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ โดยมีหลักการสาคัญของการจัดกิจกรรม ดังน้ี (สานกั งาน วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา, 2559, หนา้ 30) 1. เช่ือมโยงตวั ชวี้ ดั สอดคลอ้ งและเชอื่ มโยงกับมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ัด ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 2. เน้นจัด 4H การจัดกจิ กรรมให้บรรลุเปา้ หมาย 4H ได้แก่ กิจกรรมพัฒนาสมอง (Head) กิจกรรมพัฒนาทักษะปฏิบัติ (Hand) กิจกรรมพัฒนาจิตใจ (Heart) และกิจกรรมพัฒนาสุขภาพ (Health) 3. ผู้เรียนเป็นสุข เป็นการเรียนรู้อย่างมีความสุข โดยใช้วิธีการจัดกิจกรรมท่ีหลากหลาย อย่างเหมาะสม ตอบสนองความสนใจ ความถนดั ความตอ้ งการ และความแตกต่างของผู้เรยี น 4. สนกุ การคดิ ข้นั สูง เปดิ โอกาสใหผ้ ้เู รยี นไดว้ างแผน คิดวิเคราะห์ ค้นคว้า ถกแถลง สร้าง ความคิดเชิงเหตุผล อภิปราย สรุปความรู้ นาเสนอ จุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ สร้าง ความมงุ่ มนั่ เพ่ือแสวงหาความรู้ การแก้ปัญหาและสรา้ งสรรคน์ วัตกรรม

49 5. มุ่งทางานเป็นกลุ่ม จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม ทางาน อย่างเปน็ ระบบ แลกเปลยี่ นประสบการณ์ ชว่ ยเหลือเก้อื กลู มีความสามัคคี และเปน็ ผนู้ า ผู้ตามท่ดี ี 6. ลุ่มลึกแหล่งเรียนรู้ ใช้แหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพอื่ พฒั นาคุณภาพการเรยี นรู้ 7. สู่การประเมิน P&A ประเมินผลตามสภาพจริง (Authentic Assessment) โดยใช้ เทคนิควิธกี ารที่หลากหลาย เน้นการประเมินการปฏิบัติ (P : Performance Assessment) และการ ประเมิน คุณลักษณะ (A : Attribute Assessment) การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) การออกแบบการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) ตอ้ งพิจารณาว่ากิจกรรมท่ีออกแบบเป็น กิจกรรม ลักษณะใด อาจะเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของแต่ละวิชาหรือกลุ่ม สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน หรือกิจกรรมเสริมทักษะอ่ืนๆ โดยผู้ออกแบบพิจารณาแนวคิด ทฤษฎีท่ีเก่ียวข้อง อันประกอบด้วย แนวคิดของ บลูม (Bloom’s Taxonomy) สี่เสาหลักทาง การศึกษา (Four Pillars of Education) หลักการพัฒนาทักษะ 4 H (Head Heart Hand และ Health) และพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ บดินทรเทพ ยวรางกรู โดยมีกระบวนการ ดงั น้ี 1. การกาหนดหวั ข้อเร่อื ง (Theme) หัวข้อเร่ือง (Theme) เป็นข้อความที่เป็นประเด็นของเร่ือง ที่ผู้เรียนจะทาการศึกษา โดย เปน็ มโนทศั น์กว้างๆ ที่เอ้ือต่อการใช้ความรู้ และมุมมองหลายวิชารวมกัน สื่อความหมายเป็นแนวคิด หรอื ความคดิ รวบยอด (Concept) แกผ่ ู้เรยี น ควรเปน็ หวั ขอ้ เรือ่ งทที่ ันสมัย น่าสนใจ และมีความหมาย

50 สาหรับผู้เรียน ทาให้ เกิดความกระหาย อยากจะเรียนรู้ และพร้อมท่ีจะสืบสวน (Inquiry) แสวงหา คาตอบดว้ ยตนเอง ซ่งึ ผอู้ อกแบบ กจิ กรรมควรพจิ ารณาในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) หัวข้อเรื่อง มีความยากง่าย เหมาะสมกับระดับความรู้ความสามารถของผู้เรียน ไม่ ยุ่งยากหรือซบั ซอ้ นจนเกนิ ไป และท่ีสาคญั ต้องมีความเปน็ ไปได้ 2) หวั ขอ้ เรอื่ ง มแี หล่งความรทู้ จี่ ะศึกษาคน้ ควา้ 3) หวั ข้อเรอื่ ง สอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ และความพร้อมของผ้เู รียน 2. การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning) การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นร้เู ชิงรุก (Active Learning) เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ ที่ ผู้เรียนไดล้ งมอื กระทา และไดใ้ ชก้ ระบวนการคิดเก่ียวกับสิ่งที่เขาได้กระทาลงไป (Bonwell, 1991) โดยผู้เรียน จะเปล่ียนบทบาทจากผู้รับความรู้ (receive) ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ (Co- Creators) ความรู้ที่เกิดขึ้นเป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ ดังนั้น กระบวนการในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ ผูเ้ รียนตอ้ งมโี อกาส ลงมือกระทามากกว่าการฟังเพียงอย่างเดียว การจัดกิจกรรมให้ผู้เรียน ได้เรียนรูด้ ว้ ยการอา่ น การเขยี น การอภปิ รายกบั เพ่อื น การวเิ คราะหป์ ญั หา และใช้กระบวนการคิดข้ัน สงู ไดแ้ ก่ การวิเคราะห์ การสงั เคราะห์ การประเมินค่า และการสร้างสรรค์ เป็นกระบวนการเรียนรู้ท่ี ใหผ้ เู้ รียนได้เรยี นร้อู ย่างมคี วามหมาย โดยการรว่ มมอื ระหวา่ งผเู้ รยี นด้วยกนั กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ทาให้ผู้เรียนสามารถรักษาผลการเรียนรู้ ให้อยู่คงทนได้นาน กระบวนการเรียนรู้ เชิงรกุ จะสอดคล้องกับการทางานของสมองและความจา โดยผู้เรียน สามารถเก็บข้อมูล และจาส่ิงที่ เรียนรู้โดยมีส่วนร่วม มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ผู้สอน ส่ิงแวดล้อม ผ่านการปฏิบัติจริง สามารถเก็บ ความจาในระบบความจาระยะยาว (Long Term Memory) การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้เชงิ รกุ อาจแยกการออกแบบกจิ กรรมได้ 2 ลกั ษณะ คอื 1) การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้เชิงรุก ในหนว่ ยการเรียนรูห้ รอื แผนการจดั การเรยี นรู้ 2) การออกแบบกจิ กรรมการเรียนรูเ้ ชิงรุก ในกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนหรอื กจิ กรรมเสริมทกั ษะ อื่นๆ 3. การจดั กจิ กรรมการเรียนรเู้ ชิงรุก (Active Learning) กิจกรรมการเรียนรู้ เป็นกระบวนการปฏิบัติต่างๆ ของผู้เรียนที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างมี ประสิทธิภาพ ได้แก่ วิธีการ/กิจกรรมที่ครูหรือผู้เกี่ยวข้อง นามาใช้เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ตาม เป้าหมาย วัตถุประสงค์ สอดคล้องเช่ือมโยงกับมาตรฐานตัวช้ีวัด ที่กาหนดไว้ในหลักสูตรสถานศึกษา โดยมีองค์ประกอบที่ สาคัญของการจัดการเรียนรู้ คือกระบวนการ/วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ เหมาะสม ซ่งึ จะมีผลตอ่ การเรยี นรู้ ของผู้เรียนอย่างแท้จริง โดยกิจกรรมการเรียนรู้ มีผลต่อผู้เรียน ใน การกระตุ้นความสนใจ สนุกสนาน ตื่นตัวในการเรียน มีการเคล่ือนไหว เปิดโอกาสให้ผู้เรียนประสบ ความสาเร็จในการเรียนรู้ ปลูกฝังความเป็น ประชาธิปไตย การใช้ทักษะชีวิต ฝึกความรับผิดชอบ การ ทางานร่วมกัน ช่วยเหลอื เกอื้ กลู ตามศกั ยภาพ และ คณุ ลักษณะที่ดี นอกจากน้ี กิจกรรมการเรียนรู้ ยัง ต้อง ส่งเสรมิ ทกั ษะกระบวนการต่างๆ เชน่ การคดิ สรา้ งสรรค์ การสอื่ สาร การแก้ปัญหา กระบวนการ กลุ่ม การบริหารจัดการ ฝึกการใช้เทคโนโลยีให้เกิด ประโยชน์ เป็นเครื่องมือการเรียนรู้ตลอดชีวิต

51 สร้างปฏิสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียนกับครู และบุคคลท่ีเกี่ยวข้องอ่ืนๆ สร้างความเข้าใจ บทเรยี นและสง่ เสรมิ พฒั นาการผูเ้ รียนในทุกๆ ดา้ น หลกั การจัดประสบการณห์ รือกิจกรรมการเรียนรู้ 1) เลอื กกิจกรรมทส่ี อดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์ของการจัดการเรียนรู้ สอดคล้อง เชื่อมโยงกับ มาตรฐานหรือตัวชี้วัด หากเป็นทักษะ ควรเป็นทักษะท่ีปฏิบัติแล้วผู้เรียนเปล่ียนแปลงพฤติกรรม ได้ตามวตั ถปุ ระสงค์ 2) เลือกกจิ กรรมทผี่ เู้ รียนพึงพอใจ สนุก น่าสนใจ ไม่ซ้าซาก มีประโยชน์ต่อการนาไปใช้ ใน ชวี ติ ประจาวนั และทาให้ผู้เรียนมีเจตคตทิ ดี่ ีต่อการเรียน 3) เลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับความสามารถ ด้านร่างกายของผู้เรียนท่ีจะปฏิบัติได้ และ ควรคานงึ ถงึ ประสบการณเ์ ดิม เพอ่ื จัดกจิ กรรมใหม่ได้อย่างตอ่ เนื่อง 4) เลือกกิจกรรมทส่ี ง่ เสริมจุดมุ่งหมายในการจัดการเรียนร้หู ลายๆ ดา้ น 5) เลือกกิจกรรมให้หลากหลาย คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เหมาะสมกับวัย ความสามารถและความสนใจของผเู้ รียน ให้ผูเ้ รยี นไดใ้ ชป้ ระสาทสมั ผสั ในการเรียนรมู้ ากทสี่ ดุ 6) ใชส้ อื่ /แหลง่ เรยี นรู้ที่หลากหลายและเหมาะสม 7) ใช้เทคนิควิธกี ารเรียนรทู้ ่ีหลากหลาย ส่งเสริมกระบวนการคิดและทกั ษะตา่ งๆ 8) ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการทากิจกรรมและการประเมินผล มีการวัดและประเมินผล ทห่ี ลากหลายและสอดคล้องกบั กจิ กรรม 4. การวัดและประเมนิ ผลการจดั การเรียนรเู้ ชิงรกุ (Active Learning) การวัดและประเมนิ ผลการจัดการเรียนรู้ เป็นกระบวนการในการตรวจสอบผลการดาเนิน กิจกรรมว่าบรรลุตามเป้าหมาย ท่ีกาหนดไว้หรือไม่ มีส่วนใดต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อพัฒนาต่อไป โดย ประเมนิ ทั้งกระบวนการในการจัดกิจกรรม และประเมินคุณภาพของผเู้ รียน ใชก้ ารประเมนิ หลากหลาย วิธี ให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสในการประเมิน เช่น ครูประเมินผู้เรียน ผู้เรียนประเมินเพื่อน ผู้เรียนประเมิน ตนเอง วิธีการในการประเมินควรถูกต้องเหมาะสมกับความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะของผู้เรียนท่ี กาหนดไวใ้ นเป้าหมายของการจดั กจิ กรรมนัน้ ๆ การประเมินผลการเรียนรู้เชิงรุก ควรใช้หลักการประเมินตามสภาพจริงและนาผลการ ประเมนิ มาพัฒนาผเู้ รียนอย่างต่อเนอื่ ง โดยมีลักษณะ ดงั น้ี 1) ใชผ้ ู้ประเมินจาก หลายฝ่าย เช่น ผู้เรียน เพื่อน ผู้สอน ผู้เก่ียวข้อง 2) ใช้วิธีการหลากหลายวิธี/ชนิด เช่น การสังเกต การปฏิบัติ การทดสอบ การรายงานตนเอง 3) ประเมินหลายๆ คร้ังในแต่ละช่วงเวลาของการเรียนรู้ เช่น ก่อนเรียน ระหว่าง เรียน สิ้นสดุ การเรยี น ติดตามผล และ 4) สะทอ้ นผลการประเมินแก่ผู้เรียนและผู้เก่ียวข้อง เพ่ือนาไปสู่ การพัฒนาผเู้ รยี น

52 การประเมนิ ผลกิจกรรมการเรยี นรู้เชิงรุก (Active learning) การประเมนิ ผลกิจกรรมการเรียนรู้เชงิ รุก (Active learning) การเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) ในการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เป็นกิจกรรมท่ตี ้องการพฒั นาผูเ้ รียนรอบดา้ น ผสู้ อนสามารถใช้วิธีการประเมินผล ดงั น้ี 1. การประเมินตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment) เป็นการประเมินด้วยวิธีการ ท่ีหลากหลายเพ่ือให้ได้ผลการประเมินท่ีสะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน จึงควรใช้การ ประเมินการปฏิบัติ (Performance Assessment) ร่วมกับการประเมินด้วยวิธีการอื่น และกาหนด เกณฑ์ในการประเมิน (Rubrics) ใหส้ อดคล้องหรือใกลเ้ คียงกับชวี ิตจรงิ 2. การประเมนิ การปฏบิ ัติ (Performance Assessment) เป็นวิธีการประเมินงานหรือ กจิ กรรมท่ีผสู้ อนมอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติงานเพื่อให้ทราบถึงผลการพัฒนาของผู้เรียน การประเมิน ลักษณะน้ี ผู้สอนต้องเตรียมสิ่งสาคัญ 2 ประการ คือ ภาระงาน (Tasks) หรือเกณฑ์การประเมิน กจิ กรรมที่จะให้ผู้เรียนปฏิบัติ (Scoring Rubrics) การประเมินการปฏิบัติ จะช่วยตอบคาถามท่ีทาให้ เรารู้ว่า “ผู้เรียนสามารถนาส่ิงที่เรียนรู้ไปใช้ได้ดีเพียงใด” ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติในระดับช้ันเรียน เปน็ ไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ผู้สอนต้องทาความเขา้ ใจทช่ี ัดเจนเก่ียวกบั ประเดน็ ต่อไปนี้ 1) สง่ิ ท่เี ราตอ้ งการจะวัด (พจิ ารณาจากมาตรฐาน/ตัวช้ีวัด หรอื ผลลพั ธ์ท่เี ราต้องการ) 2) การจดั การเรียนรทู้ ่ีเอ้ือตอ่ การประเมินการปฏิบตั ิ 3) รูปแบบหรอื วธิ กี ารประเมินการปฏบิ ัติ 4) การสร้างเครอ่ื งมือประเมนิ การปฏิบตั ิ 5) การกาหนดเกณฑใ์ นการประเมนิ (Rubrics) 3. การประเมินโดยการใช้คาถาม (Questioning) คาถามเป็นวิธีหนึ่งในการกระตุ้น/ ชีแ้ นะให้ผเู้ รยี นแสดงออกถงึ พัฒนาการการเรียนรขู้ องตนเอง รวมถึงเป็นเครื่องมือวัดและประเมินเพื่อ พฒั นาการเรียนรู้ ดงั นัน้ เทคนิคการตงั้ คาถามเพ่อื ส่งเสรมิ การเรยี นรู้ของผ้เู รยี น จงึ เป็นเร่ืองสาคัญย่ิงที่ ผสู้ อนต้องเรยี นร้แู ละ นาไปใช้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การตั้งคาถามเพ่ือพัฒนาผู้เรียนจึงเป็นกลวิธี

53 สาคัญท่ีผู้สอนใช้ประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียนรวมทั้งเป็นเครื่องสะท้อนให้ผู้สอนสามารถช่วยเหลือ ผู้เรยี นใหบ้ รรลจุ ดุ มุ่งหมายของการเรยี นรู้ 4. การประเมินโดยการการสนทนา( Communication) เป็นการสื่อสาร 2 ทางอีก ประเภทหน่ึง ระหว่างผูส้ อนกับผู้เรยี น สามารถดาเนินการเป็นกลุ่มหรือรายบุคคลก็ได้ โดยท่ัวไปมักใช้ อย่างไม่เปน็ ทางการ เพ่ือติดตามตรวจสอบว่า ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เพียงใด เป็นข้อมูลสาหรับพัฒนา วิธีการน้ีอาจใช้เวลา แต่มีประโยชน์ต่อการค้นหา วินิจฉัย ข้อปัญหา ตลอดจนเร่ืองอื่นๆ ที่อาจเป็น ปัญหา อุปสรรคตอ่ การเรยี นรู้ เช่น วิธกี ารเรียนรูท้ แี่ ตกต่างกัน เป็นตน้ 5. การประเมินการสังเกตพฤติกรรม (Behavioral Observation) เป็นการเก็บข้อมูล จากการดู การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมของผูเ้ รยี นโดยไมข่ ดั จังหวะการทางานหรอื การคิดของผู้เรียน การสังเกต พฤติกรรมเป็นส่งิ ท่ี ทาได้ตลอดเวลา แตค่ วรมีกระบวนการและจุดประสงคท์ ช่ี ัดเจนว่าต้องการประเมิน อะไร โดยอาจใช้เครื่องมือ เช่น แบบมาตรประมาณค่า แบบตรวจสอบรายการ สมุดจดบันทึก เพ่ือ ประเมินผู้เรียนตามตัวช้วี ดั และควรสังเกตหลายครั้ง หลายสถานการณ์ และหลายช่วงเวลา เพื่อขจัด ความลาเอยี ง 6. การประเมินตนเองของผู้เรียน (Student Self-assessment) การประเมินตนเอง นับเป็นทงั้ เครอ่ื งมือประเมินและเครื่องมือพัฒนาการเรียนรู้ เพราะทาให้ผู้เรียนได้คิดใคร่ครวญว่า ได้ เรียนรู้อะไร เรียนรู้ อย่างไร และผลงานท่ีทาน้ันดีแล้วหรือยัง การประเมินตนเองจึงเป็นวิธีหน่ึงที่จะ ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้เปน็ ผูเ้ รียน ที่สามารถเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง 7. การประเมินโดยเพื่อน (Peer Assessment) เป็นเทคนิคการประเมินอีกรูปแบบหน่ึง ทีน่ า่ จะนาใช้เพอื่ พฒั นาผูเ้ รียนให้เขา้ ถงึ คุณลักษณะของงานท่ีมีคุณภาพ เพราะการที่ผู้เรียนจะบอกได้ ว่าชน้ิ งานนั้น เป็นเช่นไร ผู้เรียนต้องมีความเข้าใจอย่างชัดเจนก่อนว่าเขากาลังตรวจสอบอะไรในงาน ของเพื่อน ฉะนัน้ ผ้สู อน ตอ้ งอธิบายผลที่คาดหวงั ให้ผูเ้ รยี นทราบก่อนท่ีจะลงมือประเมิน การท่ีจะสร้าง ความมนั่ ใจว่าผ้เู รยี นเข้าใจการประเมนิ รูปแบบน้ี ควรมีการฝกึ ผเู้ รยี น

54 การออกแบบหนว่ ยการเรียนรูแ้ ละแผนการจดั การเรียนรู้ ทเ่ี น้นการจัดการเรยี นรูเ้ ชิงรกุ (Active Learning) การออกแบบหน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นการจัดการเรียนเชิงรุก (Active Learning) ครผู ู้สอนจะมีการพจิ ารณาตรวจสอบโครงสร้างรายวิชาที่สอนก่อน จึงดาเนินการ ออกแบบ หน่วยการเรยี นร้แู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ทีเ่ นน้ การจัดการเรียนเชิงรุก (Active Learning) ใหส้ อดคล้องกับหลกั สตู รในแตล่ ะกลมุ่ สาระการเรยี นร/ู้ รายวชิ า โครงสรา้ งรายวิชา โครงสร้างรายวิชา เปน็ การกาหนดขอบข่ายของรายวิชาที่จะจัดสอนเพ่ือช่วยให้ผู้สอนและ ผู้เกี่ยวข้อง เห็นภาพรวมของ แต่ละรายวิชาว่า ประกอบด้วย หน่วยการเรียนรู้ จานวนเท่าใด เรื่องใดบ้าง แต่ละหน่วยพัฒนาให้ ผ้เู รียนบรรลตุ วั ชวี้ ดั ใด เวลาทีใ่ ชจ้ ดั การเรียนการสอน และสดั สว่ นการเก็บคะแนนของ รายวิชานั้นเป็น อย่างไร กระบวนการจัดทาโครงสร้างรายวิชา และหน่วยการเรียนรู้ อาจดาเนินการ โดยมี ข้ันตอน เริม่ ต้น หรือลงทา้ ยท่แี ตกต่างกนั ได้หลายวธิ ี เชน่ การจัดทาโครงสรา้ งรายวชิ าจะช่วยให้ครูผู้สอนเห็นความสอดคล้องเชื่อมโยงของลาดับการ เรยี นรขู้ องรายวชิ าหน่งึ ๆ ว่าครจู ะสอนอะไร ใช้เวลาสอนเรื่องนั้นเท่าไร และจัดเรียงลาดับสาระการ เรยี นรู้ต่างๆ อยา่ งไร ทาใหม้ องเหน็ ภาพรวมของรายวิชาอย่างชดั เจน โครงสรา้ งรายวิชา มอี งคป์ ระกอบหลกั ๆ ดงั นี้ - มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วัด ที่เปน็ เป้าหมายในการพฒั นาผู้เรยี นสาหรบั หน่วยนั้นๆ ซึ่งอาจมาจากกลมุ่ สาระการเรียนร้เู ดยี วกนั หรอื ต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอดคล้องกัน มาตรฐานการ เรยี นรู้/ ตัวช้ีวัด อาจมีการสอนหรือฝึกซ้าให้เกิดความชานาญ และมีความรู้กว้างขวางข้ึน ในหน่วย การเรยี นร้มู ากกวา่ 1 หน่วยได้ - สาระสาคญั เปน็ ความรคู้ วามคิดความเข้าใจท่ลี ึกซึง้ หรือความรู้ท่ีเป็นแก่น เป็นหลักการ ของเร่อื งใดเรือ่ งหน่งึ ทเ่ี กิดจากการหลอมรวมของมาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชว้ี ดั ในหน่วยการเรียนรู้ - ชื่อหน่วยการเรียนรู้ จะต้องสะท้อนให้เห็นสาระสาคัญของหน่วยการเรียนรู้ น่าสนใจ เหมาะสมกบั วัย มคี วามหมายและสอดคลอ้ งกบั ชวี ิตจรงิ ของผู้เรยี น

55 - เวลา การกาหนดเวลาเรียนควรมีความเหมาะสมและเพียงพอกับการจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ เพือ่ พฒั นาให้นกั เรียนมีความสามารถตามท่ีระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด และ ควรพิจารณาในภาพรวมของทุกหนว่ ยการเรียนรใู้ นรายวชิ านั้นๆ อยา่ งเหมาะสม - น้าหนักคะแนน การกาหนดน้าหนักคะแนนเป็นส่วนช่วยให้เห็นทิศทาง การจัดเวลา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมินผล ให้สอดคล้องกับความสาคัญของมาตรฐาน/ตัวชี้วัด ในหนว่ ย การเรยี นรนู้ ัน้ ว่าเปน็ มาตรฐานและตวั ชี้วัด ทเี่ ป็นความรู้ ประสบการณพ์ ื้นฐานในการต่อยอด ความรหู้ รอื พฒั นาการเรยี นรใู้ นเร่อื งอน่ื ๆ หรอื พจิ ารณาจากศักยภาพผเู้ รยี น ธรรมชาตวิ ิชา ฯลฯ การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ องิ มาตรฐาน หน่วยการเรยี นรู้องิ มาตรฐาน คอื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ีมมี าตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วดั เป็น เป้าหมายของหน่วย และองค์ประกอบภายในหน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ มาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชีว้ ัด สาระสาคัญ สาระการเรยี นรู้ ช้ินงานหรือภาระงานที่กาหนดให้ผู้เรียนปฏิบัติ กิจกรรมการ เรียนการสอนและ เกณฑ์การประเมินผลทุกองค์ประกอบของหน่วยการเรียนรู้ จะต้องเชื่อมโยงกับ มาตรฐานและตัวช้ีวัดท่ีเป็น เป้าหมายของหน่วย การออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน เป็น ขนั้ ตอนสาคัญที่สุดของการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา เพราะเป็นส่วนท่ีนามาตรฐานการเรียนรู้ไปสู่ การปฏิบัติในการเรียนการสอนอย่างแท้จริง นักเรียนจะบรรลุมาตรฐานหรือไม่ อย่างไร ขึ้นอยู่กับ ขั้นตอนนี้ การออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานโดยใช้ Backward Design เป็นการออกแบบท่ี ยึดเป้าหมายการเรยี นรู้แบบย้อนกลับโดยเริ่มจากการกาหนดเป้าหมายปลายทางที่เป็นคุณภาพผู้เรียน ท่ีคาดหวังเป็นจุดเร่ิมต้นแล้วจึงคิดออกแบบองค์ประกอบอื่น เพ่ือนาไปสู่ปลายทาง และทุกขั้นตอน ของ กระบวนการออกแบบต้องเชื่อมโยงสัมพันธ์กันอย่างเป็นเหตุเป็นผล ในการนา Backward Design มาใชใ้ นการออกแบบหนว่ ยการเรียนร้อู งิ มาตรฐาน มขี ัน้ ตอนทสี่ าคญั 3 ขนั้ ตอน ดงั น้ี ขั้นตอนท่ี 1 กาหนดเป้าหมายการเรียนรู้ที่สะท้อนมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด หรือ ผลการเรียนรู้ ซึ่งบอกให้ทราบว่าต้องการให้นักเรียนรู้อะไร และสามารถทาอะไรได้ เมื่อจบหน่วย การเรยี นรู้ ขัน้ ตอนท่ี 2 กาหนดหลักฐาน ร่องรอยการเรยี นรู้ทช่ี ัดเจนและแสดงให้เห็นว่าผู้เรียนเกิดผล การเรียนรู้ตามเป้าหมายการเรียนรู้ มีการกาหนดให้ผู้เรียนมีการทดสอบก่อนและหลังการเรียนรู้ ประจาหนว่ ย การเรียนร้ทู ่ีเปน็ ข้อสอบไดม้ าตรฐานสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด และ สัมพันธ์กับข้อสอบ O-NET มีการกาหนดเกณฑ์การผ่านการสอบและเกณฑ์การผ่านของผู้เรียนที่ รองรบั ขอ้ มลู จากผลการวิเคราะห์ ผู้เรียนเปน็ รายบุคคล ข้ันตอนท่ี 3 ออกแบบกระบวนการ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ตามเป้าหมายการเรียนรู้ ทมี่ ่งุ คานงึ ถงึ การออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) การจดั ทาหนว่ ยการเรยี นรู้ สามารถทาได้ 2 วธิ ี คือ

56 วธิ ีที่ 1 กาหนดประเดน็ หรอื หัวเรอ่ื ง แล้วจึงวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชี้วดั แนวคดิ หนึง่ ของการกาหนดหน่วยการเรียนรู้ คือ การกาหนดประเด็นหรือหัวเร่ือง(theme) ซงึ่ สามารถเชอื่ มโยงการเรยี นรู้ต่างๆ เข้ากับชีวติ จรงิ ของผู้เรียน ประเด็นที่จะนามาใช้เป็นกรอบในการ กาหนด หน่วยการเรยี นรู้ ควรมลี กั ษณะดงั น้ี - ประเด็นท่ีเกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ ความคิดรวบยอด หลักการของศาสตร์ในกลุ่มสาระ การเรยี นรูท้ ่ีเรียน - ประเด็นที่เก่ียวข้องกับปัญหาท่ัวไป ท่ีอาจเช่ือมโยงไปสู่ผลท่ีเกิดขึ้นทั้งทางบวกและ ทางลบจากประเด็นปัญหานนั้ ทั้งน้ี การกาหนดประเดน็ อาจพิจารณาจากคาถาม ต่อไปน้ี 1) ผู้เรียนสนใจอะไร/ ปญั หาที่สนใจศึกษา 2) ผูเ้ รียนมคี วามสนใจ ประสบการณ์ และความสามารถในเรื่องอะไร 3) หัวเรือ่ งสอดคลอ้ งกับหลักสูตรสถานศกึ ษาและความต้องการของชุมชนหรือไม่ 4) ผู้เรยี นควรไดร้ ับการพัฒนาทเี่ หมาะสมในด้านใดบา้ ง 5) มสี อื่ /แหลง่ การเรียนรู้เพียงพอหรอื ไม่ 6) หัวเร่ืองที่เลือก เหมาะสมและสามารถเช่ือมโยงประสบการณ์การเรียนรู้ในกลุ่มสาระ การเรียนรูต้ า่ งๆ ไดห้ ลากหลายหรือไม่ โดยสรุปหน่วยการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ คือ หน่วยการเรียนรู้ท่ีทาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ในความรู้ท่ีลึกซึ้งมีความหมายสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ และท่ีสาคัญจะต้องตอบสนอง มาตรฐาน และตวั ชี้วัดดว้ ย

57 * คุณลักษณะหมายรวมถึงคุณลักษณะท่ีปรากฏอยู่ในมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด และ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

58 วธิ ีที่ 2 กาหนดมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วดั การสร้างหน่วยการเรียนรู้วิธีนี้ ใช้วิธีการหลอมรวมตัวชี้วัดต่างๆ ท่ีปรากฏอยู่ในคาอธิบาย รายวชิ า * คุณลักษณะหมายรวมถึงคุณลักษณะที่ปรากฏอยู่ในมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ คือ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด ซ่ึงแต่ละหน่วยการ เรียนรู้ อาจระบุมากกว่าหนึ่งมาตรฐานและตัวชี้วัด แต่ไม่ควรมากเกินไป และควรมีมาตรฐานและ ตวั ช้ีวดั ที่หลากหลายลักษณะ เช่น มาตรฐานท่ีเป็นเนื้อหา มาตรฐานท่ีเป็นกระบวนการ เพื่อช่วยให้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีความหมายต่อผู้เรียน สามารถสร้างเป็นแก่นความรู้ได้ชัดเจนข้ึน และ นาไปปรับใชก้ บั สถานการณจ์ ริงได้ ทง้ั น้ีขึน้ อยกู่ ับความเหมาะสมของธรรมชาติกลุ่มสาระการเรยี นรู้ เนือ่ งจาก หนว่ ยการเรียนรูห้ นึ่งอาจมมี าตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ัดมากกวา่ 1 มาตรฐาน การเรยี นร้แู ละตัวช้ีวัด จึงควรหลอมรวมแล้วเขียนเป็นสาระสาคัญท่ีจะพัฒนาให้เกิดคุณภาพเป็นองค์

59 รวมแกผ่ ู้เรียน และเพือ่ ใหก้ ารวางแผนจัดกิจกรรมการเรียนรูส้ อดคลอ้ งกับแต่ละมาตรฐานและตัวช้ีวัด จึงควรวิเคราะห์และแยกแยะเป็น 3 ส่วน คือ ความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะ ทั้งน้ี มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้วี ดั บางตวั อาจมีไมค่ รบท้ัง 3 ส่วน ผ้สู อนสามารถนาเน้ือหาจากแหล่งอื่น เช่น สาระท้องถ่ิน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พนื้ ฐาน มาเพิ่มเติม เสรมิ ได้ ชน้ิ งาน หรอื ภาระงานทน่ี กั เรียนปฏบิ ตั ิ ช้ินงานและหรอื ภาระงาน หมายถงึ ส่ิงตอ่ ไปน้ี ช้นิ งาน ได้แก่ 1. งานเขยี น เชน่ เรียงความ จดหมาย โคลงกลอน การบรรยาย การเขียนตอบ ฯลฯ 2. ภาพ / แผนภูมิ เช่น แผนผงั แผนภูมิ ภาพวาด กราฟ ตาราง ฯลฯ 3. สิ่งประดิษฐ์ เชน่ งานประดิษฐ์ งานแสดงนทิ รรศการ ห่นุ จาลอง ฯลฯ ภาระงาน ไดแ้ ก่ การพูด/รายงานปากเปล่า เช่น การอ่าน กล่าวรายงาน โต้วาที ร้องเพลง สัมภาษณ์ บทบาทสมมติ เล่นดนตรี การเคลื่อนไหวร่างกาย ฯลฯ งานที่มีลักษณะผสมผสานกันระหว่างชิ้นงาน ภาระงาน ได้แก่ การทดลอง การสาธิต ละคร วดี ทิ ัศน์ ฯลฯ ชิ้นงานและหรือภาระงานเปน็ หลักฐาน/รอ่ งรอย วา่ นักเรียนบรรลมุ าตรฐานการเรียนรู้และ ตัวช้ีวัดในหน่วยการเรียนรู้น้ันๆ อาจเกิดจากผู้สอนกาหนดให้ หรืออาจให้ผู้เรียนร่วมกันกาหนดขึ้น จากการวเิ คราะห์ตวั ช้วี ัดในหนว่ ยการเรียนรู้ หลกั การกาหนดช้ินงานและหรอื ภาระงาน มีดงั นี้ 1. ดจู ากมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัดในหน่วยการเรยี นรู้ ระบุไวช้ ดั เจนหรอื ไม่ 2. ภาระงานหรอื ชน้ิ งานครอบคลุมตัวชี้วดั ทร่ี ะบุไวห้ รอื ไม่ อาจระดมความคิดจากเพ่ือนครู หรือผู้เรียน หรอื อาจปรับเพม่ิ กิจกรรมให้เกิดชิ้นงานหรอื ภาระงานทค่ี รอบคลมุ 3. ชิน้ งานชิน้ หนงึ่ หรือภาระงาน 1 อย่าง อาจเช่ือมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้เดียวกัน และ/หรือตัวชีว้ ดั ตา่ งมาตรฐานการเรียนร้กู นั ได้ 4. ควรเลอื กตัวชวี้ ัดท่จี ะใหเ้ กิดงานทจี่ ะสง่ เสริมให้ผู้เรยี นได้พฒั นาสติปัญญาหลายๆ ด้านไป พรอ้ มกัน เช่น การแสดงละคร บทบาทสมมติ เคล่อื นไหวร่างกาย ดนตรี เป็นต้น 5. เลือกงานท่ผี ู้เรยี นมีโอกาสเรยี นรู้และทางานท่ชี อบใช้วิธที าทหี่ ลากหลาย 6. เปน็ งานทีใ่ หท้ างเลือกในการประเมินผลทห่ี ลากหลาย โดยบุคคลต่างๆ เช่น ผู้ปกครอง ผู้สอน ตนเอง เปน็ ต้น ช้ินงานและหรือภาระงานท่ีแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของผู้เรี ยนที่ได้รับการพัฒนาการ เรยี นรู้ของแต่ละเร่ือง หรือแตล่ ะขัน้ ตอนของการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้นาสู่การประเมินเพ่ือปรับปรุง เพ่มิ พนู คุณภาพ ผ้เู รียน/วิธีสอนสงู ขึน้ อย่างต่อเนอ่ื ง การประเมนิ ผลการเรียนรู้ การประเมนิ โดยใช้รบู รคิ (rubric) เปน็ การประเมนิ ทเ่ี น้นคุณภาพของชน้ิ งานหรือภาระงาน ท่ีช้ีให้เห็นระดับความรู้ ความสามารถของผู้เรียน การประเมินโดยใช้รูบริค (rubric) ช่วยในการ

60 สอื่ สารอกี ทางหนงึ่ ให้ผเู้ รียนมองเห็นเป้าหมายของการทาชิน้ งานหรอื ภาระงานของตนเอง และได้รับ ความยุตธิ รรมในการให้คะแนนของผู้สอน ตามคุณภาพของงาน อยา่ งไรกต็ ามการประเมินช้ินงานหรือ ภาระงานอาจใชว้ ธิ ีการอื่นได้ ตามความเหมาะสมกับธรรมชาติของชิ้นงานหรือภาระงาน เช่น การทา แบบ check list การทดสอบ เปน็ ตน้ การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ การเรียนรู้เป็นหัวใจสาคัญที่จะช่วยให้นักเรียนเกิดการพัฒนา ทาให้นักเรียนมีความรู้และ ทักษะตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดชั้นปีที่กาหนดไว้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ รวมทั้งช่วยใน การปลูกฝัง คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ให้เกิดแก่ผู้เรียน ดังน้ันผู้สอนจึงควรทราบ หลักการและขนั้ ตอนในการจัดกิจกรรม ดงั นี้ 1. หลกั ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1.1 เป็นกจิ กรรมทพ่ี ฒั นานกั เรียนไปสู่มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดช้ันปีที่กาหนดไว้ใน หน่วยการเรียนรู้ 1.2 นาไปสู่การเกดิ หลกั ฐานการเรยี นรู้ ชนิ้ งานหรอื ภาระงานท่ีแสดงถึงการบรรลุมาตรฐาน การเรียนรแู้ ละตวั ชี้วัดช้นั ปีของนักเรียน 1.3 นักเรยี นมสี ว่ นรว่ มในการออกแบบและจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1.4 เป็นกจิ กรรมที่เน้นนักเรยี นเปน็ สาคัญ 1.5 มีความหลากหลายและเหมาะสมกับนักเรียนและเน้ือหาสาระ 1.6 สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มทีพ่ งึ ประสงค์ 1.7 ช่วยให้นกั เรยี นเข้าส่แู หลง่ การเรยี นรูแ้ ละเครอื ขา่ ยการเรียนรู้ที่หลากหลาย 1.8 เปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นได้ลงมือปฏบิ ัติจรงิ 2. ข้ันตอนในการจัดกิจกรรม การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพัฒนานักเรียนให้มีศักยภาพ ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัดที่กาหนดเป้าหมายการเรียนรู้ท่ีพึงประสงค์ไว้แล้วนั้น ครูผู้สอนต้องคิดทบทวนย้อนกลับว่ามี กระบวนการ หรือขั้นตอนกิจกรรม ต้ังแต่ต้นจนจบอย่างไร จึงจะทาให้ผู้เรียนมีขั้นตอนการพัฒนา ความรู้ความ เข้าใจ ทักษะ ความสามารถต่างๆ รวมถึงคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ จนบรรลุเป้าหมาย การเรยี นรู้ และเกดิ หลักฐานของการเรยี นรูท้ ี่กาหนด ดังแผนภาพตอ่ ไปนี้

61 ความรู้ความ เข้าใจท่ีลึกซึ้ง อันเป็นผลมาจากการสร้างความรู้ของผู้เรียนด้วยการทาความ เข้าใจหรือแปลความหมายในสิ่งที่ตนเองได้เรียนรู้ทั้งหมดทุกแง่ทุกมุมตลอดแนว ด้วยวิธีการถาม คาถามการแสดงออก และการสะท้อนผลงาน ซ่ึงสามารถใช้ตัวช้ีวัดดังต่อไปนี้ในการตรวจสอบว่า ผเู้ รยี นเกดิ การเรียนรูจ้ นกลายเปน็ ความรูค้ วามเขา้ ใจทล่ี ึกซ้งึ แลว้ หรือไม่ ความเขา้ ใจ 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ - ผู้เรียนสามารถอธิบาย (Can explain) เรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง มีหลักการ โดย แสดงให้เห็นถึงการใช้เหตุผล ข้อมูล ข้อเท็จจริง ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่น่าเช่ือถือ ประกอบในการ อา้ งองิ เชอื่ มโยงกบั ประเดน็ ปญั หา สามารถคาดการณไ์ ปสอู่ นาคต - ผู้เรียนสามารถแปลความหมาย (Can interpret) เร่ืองราวต่างๆ ได้อย่างมีความหมาย ทะลุปรุโปร่ง ตรงประเด็น กระจ่างชัด โดยอาจใช้แนวคิด ทฤษฎี เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ หรือ มมุ มองของตนเองประกอบการตคี วามและสะท้อนความคดิ เหน็ - ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ (Can apply) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ เหมาะสมกบั สถานการณ์ คล่องแคล่ว ยดื หยนุ่ และสง่างาม - ผู้เรียนสามารถมองจากมุมมองที่หลากหลาย มองเห็น รับรู้ประเด็นความคิดต่างๆ (Have perspective) และตัดสินใจที่จะเช่ือหรือไม่เช่ือ โดยผ่านข้ันตอน การวิพากษ์ วิจารณ์ และ มมุ มองในภาพกวา้ งโดยมแี นวคดิ ทฤษฎี ขอ้ มลู ข้อเท็จจริงสนบั สนนุ การรบั รนู้ ัน้ ๆ - ผู้เรียนสามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้อ่ืน บอกคุณค่าในสิ่งต่างๆ ที่คนอื่นมองไม่เห็น (Can empathize) หรอื คดิ ว่ายากทจ่ี ะเชือ่ ถือได้ ด้วยการพสิ จู น์สมมติฐานเพ่ือทาให้ ข้อเท็จจริงนั้นๆ ปรากฏมีความละเอยี ดอ่อนทีจ่ ะซึมซับ รับทราบความรสู้ ึกนึกคดิ ของผู้เก่ยี วขอ้ ง - ผเู้ รียนรู้จักตนเอง มคี วามตระหนักรู้ถึงความสามารถทางด้านสติปัญญา วิถีชีวิต นิสัย ใจคอ ความเปน็ ตวั ตนของตนเอง (Have self-knowledge) ซึ่งคือเบ้าหลอมความ เข้าใจ ความหย่ังรู้ ในเรอ่ื งราวตา่ งๆ มคี วามตระหนักว่า มสี ิ่งใดอีกทีย่ ังไม่เข้าใจ และสามารถสะท้อนความหมายของส่ิงท่ี ได้เรียนรู้และมปี ระสบการณ์ ปรบั ตัวได้ รู้จัก ใคร่ครวญ และมีความเฉลียวฉลาด ครูผู้สอนสามารถใช้ ตวั ชี้วดั ความรู้ความเข้าใจคงทน ท้ัง 6 ตัวชี้วัดน้ี เป็นเคร่ืองมือในการกาหนด กิจกรรมการเรียนรู้และ วิธกี ารวัดประเมินผลเรียนรู้วา่ ผู้เรยี นบรรลผุ ลการเรียนร้ตู รงตามที่กาหนดไว้ใน มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชว้ี ดั และเป้าหมายหลกั ของการจัดการเรียนร้หู รือไม่

62 การจดั ทาแผนการจัดการเรยี นร้ใู นหน่วยการเรียนรู้ แผนภาพ แสดงความสมั พันธข์ องหนว่ ยการเรียนรสู้ ู่การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ จากแผนภาพ ภายหลังการออกแบบหน่วยการเรียนรู้เสร็จสิ้น เพ่ือให้การจัดการเรียนรู้ สอดคล้องกับหนว่ ยการเรียนรู้ ครผู ู้สอนควรวางแผนจัดแบง่ เนื้อหาสาระ เวลา ให้ครอบคลุมหน่วยการ เรียนรู้ จากนัน้ นามาจดั ทาแผนการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเวลา และการพัฒนาผู้เรียน ในการ จัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนจะต้องกาหนดเป้าหมายสาหรับผู้เรียนในการจัดการเรียนรู้ โดยสามารถกาหนดเปน็ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ของแผนการเรยี นรูน้ ั้นๆ ซ่ึงจดุ ประสงค์การเรียนรู้ในแต่ ละแผนการจัดการเรียนรู้ ต้องนาพาผู้เรียนไปสู่มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีกาหนดไว้ในหน่วยการเรียนรู้ จากนั้นต้องกาหนดการจัด กิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมาย ครูควรใช้เทคนิค/วิธีการสอนที่หลากหลาย โดย พิจารณาเลอื กนากระบวนการเรยี นรู้ที่จะพัฒนาให้ผเู้ รยี นเกิด การเรยี นรู้ ทีเ่ น้นการจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รุก (Active Learning) ซึ่งสามารถนากระบวนการเรียนรูด้ งั ตอ่ ไปน้ีมาใช้ ในการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสม กบั ธรรมชาตวิ ิชา เช่น กระบวนการเรียนรู้แบบบรู ณาการ กระบวนการสร้าง ความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม ฯลฯ รวมทงั้ ให้ศึกษาการนาเทคนิควิธีการสอนมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ด้วย และในการจัดการเรียนรู้ ครูผู้สอนต้องรู้จักเลือกใช้ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญา ท้องถิ่น มาใช้ในการ จดั กิจกรรม เพอื่ ให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ ส่อื ทีน่ ามาใชต้ อ้ งกระตุ้น สง่ เสรมิ ให้ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้ได้ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ โดยไม่ยดึ ส่ือใดสื่อหนง่ึ เป็นหลักในการจัดการเรยี นรู้

63 ท้ังน้ี กิจกรรมในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้เรียนมี ความสามารถ ท่ีจะทาชนิ้ งาน/ภาระงาน เมือ่ ครบทุกแผนการจัดการเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้นั้นๆ ผู้เรียนต้องสร้าง ชิ้นงาน/ภาระงานของหน่วยการเรียนรู้ได้ นอกจากน้ีในการจัดการเรียนรู้ต้อง กาหนดวา่ จะใชเ้ ครื่องมือใดวัด และประเมินผลผู้เรียนให้บรรลุตามเป้าหมายท่ีกาหนด ดังน้ัน ในการ วัดและประเมินผลครูผู้สอนต้องประเมิน ผู้เรียนตลอดการจัดการเรียนรู้ โดยเลือกใช้เครื่องมือที่ เหมาะสมกบั ลกั ษณะกิจกรรมและสิ่งท่ตี อ้ งการวัด นอกเหนอื จากการประเมินชน้ิ งาน/ภาระงาน ในการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้เป็นไปตามท่ี โรงเรียนกาหนด โดยควรมีองค์ประกอบหลักท่ีสาคัญ คือ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด จุดประสงค์ การเรียนรู้ สาระสาคัญ สาระการเรียนรู้ ทักษะ/กระบวนการ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน เจต คติ/คุณลักษณะ อนั พึงประสงค์ ภาระงาน/ช้ินงาน กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ การ วัดและประเมินผล บันทึก ผลหลังการจัดการเรียนรู้ ความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน และ ภาคผนวกแนบทา้ ยแผนการจัดการเรียนรู้

64 ส่วนที่ 4 แนวทางการนิเทศการจดั การเรยี นรู้เชิงรุก Active Learning เพ่อื ยกระดับคุณภาพการศึกษา การนิเทศการศึกษามีความสาคัญต่อการพัฒนา ปรับปรุง และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัด การศกึ ษาของสถานศึกษา เพื่อให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ ความเขา้ ใจในหลักสูตร สามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการบริหารจัดการ และ ปัญหาอื่นๆ ท่ีส่งผลต่อคุณภาพการศึกษา ซึ่งกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ดาเนินการ โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ดังแผนภาพที่ 1 และแผนภาพที่ 2 ดงั น้ี แผนภาพที่ 1 การนเิ ทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning เพ่อื ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษา โดยใชก้ ระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ศกึ ษาสภาพ และความตอ้ งการ (Assessing Needs : A) การวางแผนการนเิ ทศ (Planning : P) การใหค้ วามรกู้ ่อนการนเิ ทศ (Informing : I) การนเิ ทศแบบโคช้ (Coaching : C) การประเมินผลการนเิ ทศ (Evaluating : E)

65 แผนภาพท่ี 2 กรอบแนวคิดการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชงิ รุก Active Learning เพ่ือยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษา โดยใชก้ ระบวนการนเิ ทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) กรอบแนวคิดการนิเทศ เพ่อื ยกระดบั คณุ ภาพการศึกษา โดยใชก้ ระบวนการนเิ ทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ศึกษาสภาพ และความตอ้ งการ ศกึ ษาสภาพปจั จบุ นั /ปญั หา และความตอ้ งการ (Assessing Needs : A) การวางแผนการนเิ ทศ กาหนดตัวช้ีวดั ความสาเร็จ (KPI) (Planning : P) สร้างสอ่ื /นวัตกรรม และเครอ่ื งมอื การนิเทศ การใหค้ วามรกู้ ่อนการนิเทศ กาหนดกจิ กรรมและปฏิทนิ การนิเทศ (Informing : I) การนเิ ทศแบบโคช้ ส่งเสริม/พฒั นาความรู้ทเ่ี กี่ยวขอ้ งงานนโยบายสาคญั ตา่ งๆ (Coaching : C) ปฏิบัติการนิเทศ Coaching เพ่ือกระตุ้นให้ผู้บริหารสถานศึกษา การประเมินผลการนิเทศ ครูผู้สอน และบุคลากรท่ีเก่ียวข้อง วิเคราะห์ปัญหา/เลือกแนว/ (Evaluating : E) กาหนดแนวทางการแก้ปัญหา/ วางแผน/ ดาเนินการแก้ปัญหา/ วิเคราะห์ และสรปุ ผล/ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ /ชืน่ ชม รวบรวม วิเคราะห์ และสงั เคราะหผ์ ลการนเิ ทศ ปรับปรุง/ พฒั นา ไม่มีคุณภาพ ตรวจสอบ และประเมินผลการนิเทศ มคี ุณภาพ สรปุ และจัดทารายงานผลการนิเทศ นาเสนอและเผยแพรผ่ ลการนิเทศ (จดั นิทรรศการ แลกเปลีย่ นเรียนรู้/ยกย่องเชิดชูเกยี รต/ิ Website ฯลฯ)

66 ขน้ั ตอนท่ี 1 ศกึ ษาสภาพ และความตอ้ งการ (Assessing Needs : A) ศึกษาสภาพปัจจุบัน/ปัญหา และความต้องการของศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เก่ียวกับประเด็นสาคัญต่างๆ ของงานตามแนวนโยบายแห่งรัฐ กระทรวงศกึ ษาธิการ และสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ขัน้ ตอนที่ 2 การวางแผนการนิเทศ (Planning : P) ดาเนินการวางแผนการนเิ ทศ ติดตามร่วมกันระหว่างศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และบคุ ลากรที่เกย่ี วขอ้ ง ดงั น้ี 2.1 กาหนดตัวช้ีวดั (KPI) 2.2 จดั ทาสื่อและเครอ่ื งมอื การนเิ ทศ ติดตาม 2.3 จัดทาปฏิทนิ การนเิ ทศ ตดิ ตาม ข้ันตอนท่ี 3 การใหค้ วามรู้กอ่ นการนเิ ทศ (Informing : I) ประชุมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ เก่ียวกับประเด็นสาคัญต่างๆ ของงานนโยบายแห่งรัฐ กระทรวงศึกษาธิการ และสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน ขั้นตอนท่ี 4 การนิเทศแบบโคช้ (Coaching : C) ดาเนิน การนิเทศแบบโค้ช ศึกษานิเทศก์ ได้ดาเนินก ารร่ว มกับทีมบริหาร คณะอนกุ รรมการ ก.ต.ป.น. ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา และครูวชิ าการ เพ่ือกระตุ้นให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผสู้ อน และบุคลากรที่เกีย่ วขอ้ ง ดาเนินการ ดังนี้ 4.1 วเิ คราะห์ปญั หา 4.2 เลือกแนวทางในการแก้ปญั หา 4.3 กาหนดเป้าหมายความสาเร็จ 4.4 วางแผนการแกป้ ัญหา 4.5 ดาเนินการแก้ปญั หาตามแผนที่วางไว้ ในแตล่ ะกจิ กรรมที่ไดก้ าหนดไว้ 4.6 วเิ คราะห์ และสรุปผลการดาเนินงาน 4.7 แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ชน่ื ชมความสาเรจ็ และข้อเสนอแนะในการดาเนนิ งาน ขั้นตอนท่ี 5 การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating : E) การประเมินผลการนเิ ทศ ดาเนินการ ดงั นี้ 5.1 รวบรวม วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ผลการนเิ ทศ 5.2 ตรวจสอบ และประเมนิ ผลการนิเทศ 5.3 สรปุ และจัดทารายงานผลการนเิ ทศ ติดตาม 5.4 จดั กิจกรรมแลกเปล่ียนรู้ และช่ืนชมความสาเรจ็ 5.5 ยกยอ่ งเชิดชูเกยี รติแก่สถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผสู้ อน และบคุ ลากรท่ี เกี่ยวข้องท่มี ีการปฏิบตั งิ านท่ดี ี 5.6 เผยแพร่ผลงานการปฏิบัติงานที่ดี สู่สาธารณชนผ่าน Website ระบบ ICT และ สารสนเทศของสานักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1

67 การนเิ ทศ ตดิ ตามการจดั การเรยี นรู้เชงิ รกุ Active Learning โดยใชก้ ระบวนการนเิ ทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) การนิเทศ ติดตามการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ของสถานศึกษา สังกัด สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 โดยใช้กระบวนการนิเทศ เอ พี ไอ ซี อี (APICE Model) ดังนี้ ขน้ั ตอนที่ 1 ศึกษาสภาพ และความต้องการ (Assessing Needs : A) ศึกษาสภาพปัจจุบัน/ปัญหา และความต้องการของศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครผู ้สู อน และบคุ ลากรทเี่ กีย่ วขอ้ งกับการจดั การเรียนรู้เชงิ รุก Active Learning 1.1 องคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้เชงิ รกุ (Active Learning) 1.2 การออกแบบการจัดกิจกรรมการเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active Learning) 1.3 การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เชิงรุก (Active Learning) ของสถานศกึ ษา ขนั้ ตอนท่ี 2 การวางแผนการนิเทศ (Planning : P) ดาเนนิ การวางแผนการนิเทศ ติดตามร่วมกันระหว่างศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครผู สู้ อน และบคุ ลากรท่เี กย่ี วขอ้ งกับการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ Active Learning ดังนี้ 2.1 กาหนดตัวชี้วัด (KPI) สถานศกึ ษารอ้ ยละ 80 มกี ารจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning อยู่ ในระดับดี 2.2 จัดทาสื่อและเครอ่ื งมอื การนเิ ทศ ติดตาม 1) เอกสารเก่ียวกับองค์ความรู้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรเู้ ชิงรกุ 2) เอกสารนโยบายทีเ่ กย่ี วข้อง 3) เอกสารหน่วยการเรียนรู้/แผนการจัดการเรียนรู้ท่ีใช้ Active Learning และ ตัวอยา่ ง 4) แบบตรวจสอบแผนการจดั การเรียนร้เู ชงิ รกุ (Active Learning) 5) แบบบนั ทกึ การสังเกตการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เชิงรกุ (Active Learning) 6) แบบประเมนิ ผลการดาเนินการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) 7) แบบบนั ทึกกิจกรรมการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ 8) แบบประเมนิ ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนร้เู ชิงรุก (Active learning) 2.3 จัดทาปฏิทินการนิเทศ ติดตามการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ข้นั ตอนท่ี 3 การใหค้ วามรู้กอ่ นการนิเทศ (Informing : I) ประชมุ เชิงปฏบิ ัตกิ ารให้ความรเู้ กี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชงิ รุก Active Learning 3.1 รปู แบบวธิ กี ารพัฒนาการจัดการเรียนรูเ้ ชงิ รกุ Active Learning 3.2 การจดั เอกสารและแบบประเมนิ การจดั การเรียนร้เู ชงิ รุก Active Learning 3.3 การวัดและประเมินผลการจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รกุ Active Learning 3.4 การสรุปและการจัดทารายงานการจัดการเรยี นรู้เชิงรกุ Active Learning

68 ขั้นตอนที่ 4 การนเิ ทศแบบโค้ช (Coaching : C) ดาเนินการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning แบบโค้ช ทั้งนี้ ศึกษานเิ ทศก์ ได้ดาเนนิ การร่วมกบั ทมี บริหาร คณะอนุกรรมการ ก.ต.ป.น. ผู้บริหารสถานศึกษา และ ครูวิชาการ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาดาเนินการ จดั การเรียนร้เู ชิงรุก Active Learning ดงั น้ี 4.1 สารวจปัญหาตา่ งๆ เกีย่ วกบั การจัดการเรยี นร้เู ชิงรกุ Active Learning พรอ้ มกบั วเิ คราะหส์ าเหตุ 4.2 เลือกแนวทางในการแกป้ ญั หา 4.3 กาหนดเปา้ หมายความสาเรจ็ 4.4 วางแผนการแกป้ ญั หา 4.5 ดาเนินการแก้ปัญหาตามแผนที่วางไว้ ในแตล่ ะกิจกรรมท่ไี ด้กาหนดไว้ 4.6 วเิ คราะห์ และสรปุ ผลการดาเนนิ งาน 4.7 แลกเปลย่ี นเรียนรู้ ชน่ื ชมความสาเรจ็ และข้อเสนอแนะในการดาเนนิ งาน ขั้นตอนที่ 5 การประเมนิ ผลการนเิ ทศ (Evaluating : E) การประเมนิ ผลการนเิ ทศ ดาเนนิ การ ดังนี้ 5.1 รวบรวม วิเคราะห์ สังเคราะห์ผลการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ของครูผสู้ อน 5.2 ตรวจสอบ และประเมินผลการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ของครผู ูส้ อน 5.3 สรุปและจัดทารายงานผลการนิเทศการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning 5.4 จัดกิจกรรมแลกเปลยี่ นรู้ และช่ืนชมความสาเร็จในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning 5.5 ยกยอ่ งเชดิ ชเู กียรติแก่สถานศึกษาทม่ี ีการจดั การเรยี นรเู้ ชงิ รุก Active Learning ท่ี เปน็ แบบอยา่ งท่ีดี 5.6 เผยแพรผ่ ลงานการปฏิบัติงานของสถานศึกษาท่ีมีการจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ท่ีดีสู่สาธารณชนผ่าน Website ระบบ ICT และสารสนเทศของสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาลาปาง เขต 1

69 บรรณานกุ รม กรองทอง จริ เดชากุล. (2550). คูม่ ือการนเิ ทศภายในโรงเรียน. กรุงเทพฯ : ธารอักษร. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2553). หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551. พิมพ์ ครั้งที่ 2 กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั . กติ ิมา ปรดี ีดลิ ก. (2532). การบริหารและการนิเทศการศกึ ษาเบือ้ งตน้ . กรุงเทพฯ : อักษราพิฒน์. เกรียงศักด์ิ สงั ขช์ ัย. (2552). การพัฒนารปู แบบการนเิ ทศการสอนครวู ิทยาศาสตร์เพ่อื พฒั นา ศักยภาพนกั เรยี นทม่ี แี ววความสามารถพิเศษทางวทิ ยาศาสตร์. วิทยานิพนธป์ ริญญา ปรชั ญาดษุ ฎบี ัณฑิต สาขาวิชาหลกั สูตรและการสอน ภาควชิ าหลักสูตรและการนเิ ทศ บัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร. ทิศนา แขมมณี. (2551). ศาสตรก์ ารสอน องค์ความรู้เพ่อื การจดั กระบวนการเรยี นรู้ท่มี ี ประสิทธิภาพ. พิมพ์คร้ังท่ี 7 : กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ปรยี าพร วงศอ์ นตุ รโรจน์. (2548.) การนิเทศการสอน. กรุงเทพฯ : ศูนย์ส่ือกรงุ เทพฯ. มนตรี ศิรจิ นั ทร์ชื่น. (2554). งานวจิ ัยเรื่องการสอนนักศึกษากลุ่มใหญ่ รายวชิ า Gsoc2101 ชมุ ชน กบั การพัฒนาโดยใช้การสอนแบบ Active Learning และการใชบ้ ทเรียน e-learning. เชยี งใหม่ : มหาวิทยาลยั ราชภฎั เชยี งใหม่. ยพุ นิ ยืนยง. (2553). การพัฒนารปู แบบการนนเิ ทศแบบหลากหลายวธิ ีการ เพอ่ื สง่ เสริม สมรรถภาพการวิจัยในชน้ั เรียนของครู เขตการศึกษา 5 อัครสงั ฆมณฑลกรุงเทพฯ. ปริญญาปรัชญาดุษฎบี ัณฑติ มหาวิทยาลยั ศิลปากร. วชั รา เล่าเรยี นด.ี (2550). การนเิ ทศการสอน. นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. . (2556). ศาสตร์การนเิ ทศการสอนและการโค้ช การพัฒนาวิชาชีพ : ทฤษฎี กลยุทธ์ สู่การปฏิบัติ. นครปฐม : มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร. ศูนยพ์ ัฒนาการนเิ ทศและเรง่ รดั คุณภาพการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน. (2559). แนวทางการนเิ ทศการจัด กิจกรรมการเรยี นรู้เพื่อพฒั นา 4H. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์องคก์ ารสงเคราะห์ทหารผา่ นศกึ . สงดั อทุ รานนั ท.์ (2530). การนิเทศการศึกษา หลักการ ทฤษฎแี ละปฏิบตั ิ. พมิ พค์ รัง้ ที่ 2. กรุงเทพฯ : มิตรสยาม. สานักทดสอบทางการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน. (2556). นยิ ามความสามารถของ ผูเ้ รียนด้านภาษา ดา้ นคานวณ และดา้ นเหตุผล (Literacy, Numeracy & Reasoning Abilities). กรงุ เทพฯ : ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. . (2553). การเสริมสร้างประสิทธภิ าพการจัดการเรียนการสอนเพอ่ื การพฒั นาการเรยี นรขู้ อง ผูเ้ รยี นการนเิ ทศแบบให้คาชีแ้ นะ (Coaching). กรงุ เทพฯ : สานกั ทดสอบทางการศกึ ษา. สานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา, สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ. (2554). แนวทาง การพัฒนาและประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตร แหง่ ประเทศไทย.

70 บรรณานกุ รม (ตอ่ ) สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. (2553). แนวทางการจดั กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ตามหลักสตู ร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551. พิมพค์ รั้งท่ี 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั . ____________________________. (2553). แนวทางการบรหิ ารจดั การหลักสตู ร ตามหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. พิมพ์ครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั . ____________________________. (2557). แนวปฏบิ ตั ิการวัดผล และประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครัง้ ที่ 4. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากัด. ____________________________. (2559). คมู่ ือบรหิ ารจัดการเวลาเรียนตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้” พมิ พ์คร้งั ท่ี 1 กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตร แหง่ ประเทศไทย จากัด.

71 ภาคผนวก

72 แบบตรวจสอบแผนการจดั การเรียน่รู้ (การจดั การเรียนรู้เชิงรกุ : Active Learning) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่……. เรอ่ื ง……………………………..กลมุ่ สาระการเรยี นร/ู้ รายวชิ า……….……………….. ชน้ั …………ช่อื ครูผู้สอน....................................................โรงเรียน....................................................... คาช้แี จง แบบตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ ฉบับน้ี มวี ตั ถุประสงค์เพอื่ ใหศ้ กึ ษานิเทศก/์ ผนู้ ิเทศ พจิ ารณาความเหมาะสม และความสอดคลอ้ งขององค์ประกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้ ที่เน้นการ จัดการเรียนรู้เชงิ รกุ แบง่ เป็น 2 ตอน คือ ตอนท่่ี 1 แบบตรวจสอบความเหมาะสมของแผนการจดั การเรยี น่รู้ เป็นการพจิ ารณา/ ตรวจสอบ องคป์ ระกอบตา่ งๆ ของแผนการจัดการเรียนรู้ว่ามีความเหมาะสมเพยี งใด ตอนท่ี่ 2 แบบตรวจสอบความสอดคลอ้ งของแผนการจดั การเรยี นรู้ เป็นการพจิ ารณา/ ตรวจสอบ องค์ประกอบตา่ งๆ ของแผนการจัดการเรียนรูว้ า่ มีความสอดคลอ้ งกนั เพยี งใด ตอนท่ี่ 1 แบบตรวจสอบความเหมาะสมของแผนการจดั การเรยี นรู้เชิงรกุ (Active Learning) โปรดทาเครอ่ื งหมาย / ในช่องระดับความเหมาะสมท่ตี รงกบั ความคิดเหน็ ของท่าน และ เขียนข้อเสนอแนะอืน่ ๆ เพ่ือเปน็ แนวทางในการปรับปรงุ แผนการจดั การเรยี นรูเ้ ชิงรุกตอ่ ไป ข้อท่ี รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 321 1 แผนการจัดการเรียนรมู้ ีองค์ประกอบสาคัญครบถ้วน ตามแบบทกี่ าหนด 2 การเขยี นสาระสาคัญในแผนการจัดการเรยี นรู้ 3 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ระบพุ ฤตกิ รรมชัดเจน สามารถวัดได้ 4 สาระการเรียนรคู้ รบถว้ น สัมพนั ธก์ ับจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 5 กจิ กรรมการเรียนรู้มคี วามเหมาะสม ใชก้ ระบวนการจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รกุ ในทุกขนั้ ตอน หรือใช้เทคนคิ การสอนท่รี ะบุไว้ในแผนการจัดการเรยี นรู้ 6 การวดั ผล ประเมนิ ผลใช้วธิ ีการวัด ประเมินท่หี ลากหลาย ชัดเจน 7 เครือ่ งมือท่ใี ชว้ ัดผล ประเมนิ ผลเหมาะสม มีระบไุ วอ้ ยา่ งชัดเจน 8 มีการกาหนดเกณฑ์การประเมินผลไว้อย่างชดั เจน 9 ระบุการใช้ส่ือ/แหลง่ เรียนรสู้ ัมพนั ธส์ อดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ 10 มหี ลกั ฐานการเรียนรู้ สอ่ื ประกอบ เช่น ใบกิจกรรม ใบความรู้ เคร่อื งมือวัดฯ ท่ปี รากฏในแผนการจดั การเรยี นรูค้ รบถว้ น ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................

73 เกณฑ์การประเมนิ คาอธบิ ายระดับคณุ ภาพของความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียน่รู้ ข้อ รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพ ท่ี 3 21 1 แผนการจดั การเรียนรู้มี องคป์ ระกอบของ องค์ประกอบของ องค์ประกอบของ องค์ประกอบสาคญั ครบถว้ น แผนการจัดการ แผนการจัดการ แผนการจัดการ ตามแบบทก่ี าหนด เรยี นรู้ มคี รบถว้ น เรยี นรู้ ไม่ครบถว้ น เรียนรู้ ไม่ถกู ต้อง ตามแบบท่ี กาหนด ตามแบบทก่ี าหนด ตามแบบทีก่ าหนด 2 การเขียนสาระสาคัญใน เขียนสาระสาคญั เขยี นสาระสาคญั เขยี นสาระสาคญั แผนการจดั การเรยี นรู้ ถูกตอ้ ง ชัดเจน และ ถูกต้อง แตไ่ ม่ ไม่ถูกต้อง และไม่ ครอบคลุม ครอบคลุม ชัดเจน 3 จุดประสงคก์ ารเรียนร้รู ะบุ พฤติกรรมท่ีระบุใน ไม่มีความชัดเจนของ ไม่ไดร้ ะบุพฤติกรรม พฤติกรรมชดั เจน สามารถวดั จดุ ประสงคก์ าร พฤตกิ รรมท่ีระบุใน ในจุดประสงคก์ าร ได้ เรียนรู้ มคี วามชดั เจน จดุ ประสงคก์ าร เรียนรู้ สามารถ วัดได้ เรยี นรู้ และไม่ สามารถวัดได้ 4 สาระการเรยี นรคู้ รบถ้วน ระบสุ าระการเรียนรู้ ระบสุ าระการเรียนรู้ ระบุสาระการ สมั พนั ธ์กบั จุดประสงค์การ ครบถ้วน และ ไมค่ รบถ้วน เรยี นรู้ ไมค่ รบถว้ น เรยี นรู้ สมั พันธ์ กบั และไม่สัมพันธ์กบั จุดประสงค์การ จุดประสงค์การ เรียนรู้ เรียนรู้ 5 กจิ กรรมการเรียนรูม้ คี วาม วิธีการวัดผล วธิ กี ารวัดผล วธิ กี ารวัดผล เหมาะสม ใชก้ ระบวนการ ประเมนิ ผลชดั เจนทกุ ประเมินผลชดั เจนแต่ ประเมินผลไม่ จดั การเรยี นร้เู ชิงรกุ พฤตกิ รรมทีต่ ้องการ ไม่ครบทุกพฤติกรรม ชัดเจน และไมค่ รบ ในทุกขนั้ ตอน หรอื ใช้เทคนคิ วัด ท่ตี อ้ งการวัด ทุกพฤตกิ รรมที่ การสอนทรี่ ะบุไวใ้ นแผนการ ต้องการวดั จดั การเรียนรู้ 6 การวดั ผล ประเมนิ ผลใช้ เครอื่ งมือสาหรับการ ระบุเครือ่ งมอื สาหรับ ไม่ไดร้ ะบุเครื่องมือ วิธกี ารวัด ประเมนิ ท่ี วดั ผลประเมินผลมี การวัดผลประเมนิ ผล สาหรบั การวัดผล หลากหลาย ชัดเจน ความชัดเจน แต่ไมช่ ัดเจน ไม่ ประเมนิ ผล สามารถวัดได้

74 ขอ้ รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ ท่ี 3 21 7 เครื่องมือทใ่ี ช้วัดผล เกณฑ์การประเมินผล ระบเุ กณฑก์ าร ไมไ่ ด้ระบุเกณฑก์ าร ประเมินผลเหมาะสม มีระบุไว้ มีความชัดเจน ประเมินผล ประเมนิ ผล อยา่ งชัดเจน แตไ่ มช่ ดั เจน 8 มีการกาหนดเกณฑก์ าร กจิ กรรมการเรยี นรู้มี กิจกรรมการเรยี นรู้มี กจิ กรรมการเรยี นรู้ ประเมินผลไว้อย่างชดั เจน ความเหมาะสม ความเหมาะสม แต่ ไม่มคี วามเหมาะสม ครบถ้วนทกุ ขั้นตอน ไม่ครบทุกขัน้ ตอน และไม่ครบทุก ตามท่รี ะบใุ นแผนการ ตามท่รี ะบุในแผนการ ขน้ั ตอนตามท่ีระบุ จัดการเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้ ในแผนการจดั การ เรยี นรู้ 9 ระบกุ ารใชส้ ่อื /แหล่งเรียนรู้ ระบกุ ารใช้ส่ือ/แหลง่ ระบุการใชส้ อื่ /แหล่ง ไมไ่ ด้ระบุการใช้สือ่ / สมั พนั ธ์สอดคล้องกับกจิ กรรม เรียนรู้ สมั พันธ์ เรยี นรู้ แต่ไม่สมั พนั ธ์ แหลง่ เรียนรู้ การเรยี นรู้ สอดคลอ้ งกับ สอดคล้องกับ กิจกรรม การเรียนรู้ กิจกรรม การเรียนรู้ 10 มหี ลักฐานการเรยี นรู้ สื่อ มีหลักฐาน อาทิ สื่อ มหี ลักฐาน อาทิ สื่อ ไม่มหี ลักฐาน เช่น ประกอบ เช่น ใบกิจกรรม ใบ ใบกิจกรรม ใบความรู้ ใบกจิ กรรมใบความรู้ ส่ือ ใบกิจกรรม ใบ ความรู้ เครื่องมือวัด ฯ เครือ่ งมอื วดั ฯ ท่ี เคร่ืองมือวดั ฯ ความรู้ เครื่องมือ ที่ปรากฏในแผนการจัดการ ปรากฏในแผนการ ทีป่ รากฏในแผนการ วดั ฯ ที่ ปรากฏใน เรียนรคู้ รบถว้ น จดั การเรยี นรู้ จัดการเรยี นรู้แตไ่ ม่ แผนการ จัดการ ครบถว้ น ครบถว้ น เรยี นรู้ ตอนท่่ี 2 แบบประเมินความสอดคลอ้ งองค์ประกอบของแผนการจดั การเรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning) โปรดทาเครื่องหมาย / ลงในช่องทต่ี รงกบั ความคิดเหน็ ของท่าน ขอ้ รายการประเมนิ สอดคล้อง ไมแ่ น่ใจ ไม่สอดคล้อง ท่ี (1) (0) (-1) 1 การเขียนสาระสาคญั มีความสมั พนั ธ์สอดคล้องกับจดุ ประสงค์การ เรยี นรู้ 2 จุดประสงค์การเรยี นรู้มีความสอดคล้องสัมพันธ์กับสาระการเรียนรู้ 3 หลกั ฐานการเรยี นรู้มคี วามสมั พันธ์ สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์การ เรียนร/ู้ กิจกรรมการเรียนรู้

75 ข้อ รายการประเมนิ สอดคล้อง ไมแ่ นใ่ จ ไม่สอดคลอ้ ง ท่ี (1) (0) (-1) 4 วธิ กี ารวัดผล ประเมนิ ผลมีความสัมพันธก์ บั จุดประสงค์การเรียนรู้ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และสมรรถนะทส่ี าคญั ของผเู้ รียน 5 เครอื่ งมือวดั ผล ประเมนิ ผล มีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์การ เรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะที่สาคญั ของ ผู้เรยี น 6 กจิ กรรมการเรยี นรู้มีความสมั พันธ์สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ าร เรียนรู้ ทกั ษะ/กระบวนการคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และ สมรรถนะสาคัญ ของผ้เู รยี น 7 สื่อ/อุปกรณ/์ แหลง่ เรียนรู้ มคี วามสมั พนั ธส์ อดคล้องกับกิจกรรม การเรียนรู้ เกณฑ์การประเมิน ความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้ ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ คา่ ความสอดคล้องต้องมคี า่ ตั้งแต่ 0.50 ข้ึนไป คะแนนระหว่าง 24 – 30 ระดบั คุณภาพ ดี คะแนนระหว่าง 15 – 23 ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนนระหว่าง 1 – 14 ระดับคุณภาพ ตอ้ งปรบั ปรุง

76 แบบบันทกึ การสงั เกตการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้เชงิ รุก(Active Learning) โรงเรยี น................................................................................................................................................ ชื่อผสู้ อน................................................................................................................................................ กลุ่มสาระการเรียนรู/้ วิชา..........................................................................................ชน้ั ...................... วันท่ี......................................................................................เวลา ....................................................... 1. การสังเกตการสอน ประเด็นการสงั เกต การดาเนินการ ดา้ นการเตรียมการสอน 1. ออกแบบการเรียนรู้ 2. จดั ทาหน่วยการเรียนร/ู้ แผนการจัดการ เรียนรสู้ อดคลอ้ งกับ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด/ผลการ เรยี นรู้/จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร/ู้ การวดั และ ประเมนิ ผล 3. กาหนดเกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล 4. จดั เตรยี มส่ือ นวัตกรรม วสั ดุ-อปุ กรณ์ ด้านการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. มกี ิจกรรมนาเขา้ สู่บทเรยี นทน่ี ่าสนใจ/ กระต้นุ ผเู้ รียน 2. พฤตกิ รรมการจดั การเรียนรู้ เพื่อชว่ ยให้ ผู้เรียนเกิดการเรยี นรู้ หาความรู้/หาคาตอบ ด้วยตนเอง คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์ งาน มสี ว่ นร่วมในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เช่อื มโยง กบั ชวี ติ จริง และนาไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้ มอบหมายงานใหเ้ หมาะสม ตามศกั ยภาพของ ผเู้ รยี น 3. การมอบหมายงานให้นกั เรียนสรา้ งผลงาน/ ช้ินงาน/นวตั กรรม ดา้ นสือ่ นวตั กรรมและแหล่งการเรยี นรู้ 1. การใช้ส่ือ และแหล่งเรียนรู้ 2. นกั เรียนมสี ่วนรว่ มในการใช้สื่อ และแหล่ง เรียนรู้

77 ประเดน็ การสังเกต การดาเนนิ การ 3. การใช้ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ ด้านการวัดและประเมินผล 1. ผเู้ รยี นมีส่วนรว่ มในการกาหนดเกณฑก์ ารวัด และประเมนิ ผล 2. มีการวดั และประเมนิ ผลอยา่ งหลากหลาย ครอบคลุมตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้/จดุ ประสงค์ การเรยี นรู้ 3. ผเู้ รียนมีสว่ นรว่ มในการประเมินรวมทง้ั ผปู้ กครอง หรอื ผู้เกย่ี วขอ้ งมีสว่ นร่วมในการ ประเมิน 4. แจง้ ผลการประเมนิ ใหน้ ักเรียนไดท้ ราบเพ่ือ การพฒั นา การสรปุ ผลการสอน 1. การบนั ทกึ ผลการสอน หลังจดั กิจกรรมการ เรยี นรู้ 2. การบันทกึ ความเห็นของผู้บรหิ าร สถานศึกษา 2. ขอ้ คน้ พบ/จุดเดน่ ในการจัดการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................

78 3. การสะท้อนผลการสอน ผู้นเิ ทศสะท้อนผลการสังเกตการสอนให้กับครูผู้สอน/ผู้เก่ยี วขอ้ ง ตามประเดน็ ทสี่ ังเกตและข้อคน้ พบ ประเดน็ การสังเกตและข้อคน้ พบ แนวทางแก้ไขปญั หา ผ้รู ับการนิเทศ ลงชอ่ื .............................................ผู้รับการนิเทศ ลงชอ่ื ............................................ผูน้ เิ ทศการสอน (.................................................) (..................................................) ครู โรงเรยี น............................................... ตาแหนง่ ............................................

79 แบบประเมนิ ผลการดาเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เชิงรกุ (Active learning) คาช้ีแจง 1. แบบประเมินนี้ ใช้สาหรบั การนเิ ทศ ตดิ ตาม การจดั การเรยี นร้เู ชิงรุก (Active learning) เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั และเติมคา 2. แบบประเมนิ น้ี เป็นสว่ นหน่งึ ของเครือ่ งมือเพื่อการนิเทศ ตดิ ตามการจัดการเรยี นรเู้ ชิงรุก (Active learning) 3. โปรดทาเคร่ืองหมาย  ในช่องทตี่ รงกับความจรงิ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทว่ั ไปของผู้ตอบ 1. เพศ [ ] ชาย [ ] หญงิ 2. ตาแหนง่ [ ] ผ้บู ริหารสถานศึกษา [ ] ครูผู้สอน [ ] อนื่ ๆ.................................. 3. ประสบการณ์การทางาน (งานบริหาร/ปฏบิ ตั ิการสอน) ........................ปี 4. กรณเี ปน็ ครผู ู้สอน [ ] สอนกลุม่ สาระการเรียนร้/ู รายวชิ า................................................................................... ....................................................................................................................................... [ ] การใชก้ ระบวนการ Active Learning ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ [ ] ทุกครงั้ [ ] เป็นบางครั้ง [ ] ไม่เคยใช้ Active Learning ในการจัดกจิ กรรมการเรียนร/ู้ การดาเนินกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ตอนท่ี 2 ความคดิ เห็นเกยี่ วกับการจัดการเรยี นรู้เชงิ รุก(Active learning) ความคิดเหน็ /ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกเกย่ี วกับความเหมาะสม ความชัดเจน ความมีประโยชน์ของการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active learning) ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้ โปรดแสดงความคิดเห็นที่ตรงกบั ทา่ นมากทีส่ ุด ระดบั ความคดิ เหน็ รายการ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ท่สี ดุ กลาง ทีส่ ุด (5) (4) (3) (2) (1) 1. การจัดการเรียนรเู้ ชงิ รุก(Active Learning) ชว่ ยขบั เคลอื่ น ใหน้ โยบายลดเวลาเรียนเพมิ่ เวลารสู้ าเรจ็ ได้

80 ระดบั ความคิดเหน็ รายการ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ทสี่ ดุ กลาง ทสี่ ุด (5) (4) (3) (2) (1) 2. ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเก่ียวกบั หวั ขอ้ ต่อไปนี้ 2.1 การนานโยบาย Active Learning สหู่ อ้ งเรยี น 2.2 การสง่ เสรมิ สนับสนุนให้ครูจดั กิจกรรมการจดั การ เรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning) ภายในสถานศึกษา 2.3 การสรา้ งความรคู้ วามเข้าในการจัดกิจกรรมการจัดการ เรียนรเู้ ชงิ รุก (Active Learning) ให้ครูผู้สอน 2.4 การนิเทศ ติดตาม ชว่ ยเหลือครูผสู้ อนในการนาการ จัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) ไปจัดการเรียน การสอน 2.5 การสรา้ งเครอื ข่าย /กจิ กรรม PLC เกย่ี วกบั การจดั การ เรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ในสถานศกึ ษา 3. ความคิดเห็นเกีย่ วกบั การจัดการเรียนร้เู ชิงรกุ (Active Learning) 3.1 หลกั การจดั การเรยี นรเู้ ชงิ รุก ชว่ ยใหก้ ารสอนของครูมี ประสทิ ธิภาพยงิ่ ขึน้ 3.2 การจดั การเรียนรู้เชงิ รุก ตอบสนองต่อความแตกต่าง ของผูเ้ รยี นรายบุคคล 3.3 การจัดการเรียนรเู้ ชิงรกุ ทาใหผ้ ู้เรยี นเกิดความ กระตอื รือร้นในการเรยี นร้มู ากขนึ้ 3.4 การจดั การเรียนร้เู ชิงรุก สง่ เสริมการมีส่วนร่วมและการ ทางานเปน็ ทมี ของผู้เรยี น 3.5 การจัดการเรียนรเู้ ชิงรกุ สง่ เสริมใหผ้ ู้เรียน ได้ใช้ กระบวนการคิดขั้นสงู 3.6 การจัดการเรียนรู้เชงิ รกุ ทาให้ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ ความรูไ้ ด้ดว้ ยตนเอง 3.7 การจดั การเรียนรเู้ ชงิ รุกส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนนาความรแู้ ละ ทักษะต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวันได้ 3.8 การจดั การเรียนรูเ้ ชงิ รกุ สรา้ งปฏิสัมพันธ์ทางการเรยี น

81 ระดับความคดิ เหน็ รายการ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ท่สี ุด กลาง ที่สดุ (5) (4) (3) (2) (1) ระหว่างครแู ละ นกั เรียนได้เป็นอยา่ งดี 3.9 การจดั การเรียนร้เู ชงิ รกุ ทาให้นกั เรยี นมีผลสัมฤทธด์ิ ีขนึ้ 3.10 การจัดการเรียนรูเ้ ชงิ รุก ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ประเมิน ตนเอง หรอื สะทอ้ นสงิ่ ท่ไี ด้เรยี นรู้ 4. ความพึงพอใจของท่านโดยรวมเกี่ยวกับการจัดการเรยี นรู้ เชิงรุก(Active Learning) ตอนท่่ี 3 ปญั หาและขอ้ เสนอแนะเพอื่ ปรับปรงุ และพฒั นาการจดั การเรยี นรเู้ ชิงรกุ (Active learning) ปัญหา ข้อเสนอแนะเพ่ือปรับปรุงและพัฒนา

82 แบบบนั ทึกการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กจิ กรรมการจัดการเรียนร้เู ชงิ รุก (Active Learning) โรงเรียน............................................................................................................................................. ช่อื เจ้าของเรื่อง................................................................................................................................... วันที่.............................................................................. คร้งั ท่ี........................................................... สถานท่ี............................................................................................................................................... ชอื่ กลุม่ (ถ้ามี) ..............................................สมาชิกท่ีรว่ มแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ จานวน .................คน ประเดน็ การแลกเปลี่ยนเรียน่รู้เก่ียวกับการจดั การเรยี นรู้เชิงรกุ (Active Learning)(ประเด็นปัญหา) 1 ............................................................................................................................................................. 2 ............................................................................................................................................................. ฯลฯ แบบบันทกึ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบง่ ออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้ 1. การวเิ คราะหป์ ัญหา 2. การกาหนดแนวทางการแก้ปัญหา 3. การปฏิบัติ สังเกต และเก็บข้อมลู 4. การสะทอ้ นความคดิ เหน็ ส่วนท่ี จดุ ประสงค์ การบันทึก 1. การวเิ คราะห์ เพอ่ื วเิ คราะหป์ ัญหาการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้เชงิ ให้บันทกึ ชือ่ ปัญหา สาเหตุ ปญั หา รุก (Active Learning) สาเหตุของปญั หา และ ของ ปัญหา ตามท่ีได้รับ ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นในห้องเรียน กาหนดปญั หา มตจิ ากกลุ่ม หรือ ส่ิงทตี่ ้องการพัฒนารว่ มกนั ภายในกลมุ่ 2 การกาหนดแนว เพ่อื ร่วมคดิ และวางแผนรว่ มกันในการกาหนด บันทึกแนวทางแกป้ ัญหา ทางการแก้ปญั หา แนว ทางการแก้ปัญหาทีพ่ บจากการจัดการ ของกลุม่ /ระบกุ จิ กรรม เรียนรู้เชงิ รกุ และนาไปปฏิบัติจริงในห้องเรียน วิธกี ารขั้นตอน เครื่องมอื ของตนเอง การแกป้ ญั หา 3. การปฏบิ ตั ิสังเกต เพื่อใหค้ รผู ู้สอนบันทึกผลจากการสังเกตและการ ให้ครูบนั ทกึ ผลการนา และ เก็บขอ้ มูล เก็บข้อมูลในระหวา่ งทจ่ี ัดกิจกรรมการเรียนรูเ้ ชิง แนวทาง แกป้ ัญหาทไี่ ด้ รกุ ตามแผนทีว่ างไว้ จากสว่ นท่ี 2 ไปใช้ 4. การสะทอ้ นความ เพอ่ื ใหส้ มาชกิ ทุกคนในกล่มุ ได้รว่ มพดู คยุ ใหบ้ ันทกึ สะท้อนผลการ คดิ เห็น แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ และสะท้อนผลการ ปฏบิ ัติจาก ส่วนที่ 2 และ ปฏบิ ตั ิ เพือ่ หาแนวทางในการพฒั นา แกไ้ ข ใน ร่วมแลกเปลีย่ น เรียนรู้ซ่งึ คร้ังตอ่ ไป กนั

83 แบบบันทึกการแลกเปลย่ี นเรียน่รคู้ รง้ั ท.่ี ............. การวเิ คราะห์ ปัญหา การกาหนด แนวทาง การปฏบิ ตั สิ ังเกตและ การสะท้อน ความคดิ เห็น แก้ปญั หา เกบ็ ขอ้ มลู หมายเหตุ รปู แบบการบนั ทกึ กิจกรรมแลกเปลย่ี นเรียนรู้ อาจปรับเปลีย่ นไดต้ ามความเหมาะสม

84 คณะผู้จดั ทา ทปี่ รกึ ษา 1. นายอภิรกั ษ์ อม่ิ จิตอนุสรณ์ ผูอ้ านวยการสานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาลาปางเขต1 2. นางวรางคณา ไชยเรือน รองผอู้ านวยการสานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต1 3. ดร.เอกฐสิทธิ์ กอบกา ผู้อานวยการกลุ่มนิเทศติดตามและประเมนิ ผลการจัดการศึกษา สพป.ลาปาง เขต 1 4. นายเรวตั ิ สธุ รรม ผูท้ รงคุณวุฒิดา้ นการวจิ ัยและประเมินผล 5. นายอมั พร เทพปนิ ตา ผทู้ รงคุณวุฒิดา้ นการบรหิ ารการศกึ ษา 6. นายมงคล ขดั ผาบ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม 7. นายสมพร นาคพิทกั ษ์ ผ้ทู รงคุณวฒุ ิด้านบรหิ ารการศึกษา 8. นายสทุ ิน จันทรวรเชตต์ ผู้อานวยการโรงเรยี นธงชยั วทิ ยา 9. ว่าท่ี ร.ต.ชีพสทิ ธิ์ ฮ่ันเกยี รตพิ งษ์ ผูอ้ านวยการโรงเรียนพนิ ิจวทิ ยา 10. ดร.สุรภี วงศ์ไพบลู ย์ ผู้อานวยการโรงเรยี นวิชานารี 11. นางเขมจิรา เศวตรตั นเสถยี ร ศกึ ษานเิ ทศก์ สพป.ลาปาง เขต 1 ผู้จดั ทา ศึกษานิเทศก์ สานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ศึกษานิเทศก์ สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 นางพรนิภา ยศบุญเรือง บรรณากจิ และออกแบบปก นางพรนภิ า ยศบญุ เรือง

85 เอกสาร ศน. สพป.ลป.1 ท่ี 3 /2562