แบบจำลองควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งขอ้ มลู โดย ผศ.วลิ ยั พร ไชยสทิ ธ์ิ สาขาวชิ าเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมคอมพวิ เตอร์
E-R Model E-R Model (Entity-Relationship Model ) คอื แบบจาลองแสดง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งขอ้ มลู ทอ่ี อกแบบมาเพอ่ื นาเสนอโครงสรา้ งของฐานขอ้ มลู ในระดบั แนวคดิ ดงั นน้ั แบบจาลอง E-R Model จดั เป็นแบบจาลองเชงิ แนวคดิ ทใ่ี ชแ้ สดงลกั ษณะโดยรวมของ ขอ้ มลู ในระบบ โดยนาเสนอในรูปแบบของแผนภาพหรอื ไดอะแกรม (Diagram) ทม่ี กั เรยี กกนั วา่ แผนภาพ E-R หรอื E-R Diagram
คณุ สมบตั ขิ องแผนภำพ E-R ท่ดี ี 1. Expressiveness : แผนภาพ E-R ทด่ี จี ะตอ้ งสามารถอธบิ ายโครงสรา้ งของขอ้ มลู ไดเ้ป็นอย่างดแี ละครบถว้ น 2. Simplicity : แผนภาพ E-R ทด่ี ี จะตอ้ งมรี ูปแบบทง่ี า่ ยต่อการเขา้ ใจ ซง่ึ อาจจะขดั แยง้ กบั คณุ สมบตั ใิ นขอ้ 1 อยู่ บา้ ง เน่ืองจากแผนภาพ E-R ทม่ี คี ุณสมบตั ติ ามขอ้ 1 มกั จะมขี นาดใหญ่และมคี วามซบั ซอ้ นค่อนขา้ งมาก จงึ ยากทจ่ี ะจดั ให้ มรี ูปแบบทง่ี า่ ยต่อการเขา้ ใจ 3. Minimality : รายละเอยี ดแต่ละส่วนทป่ี รากฏในแผนภาพ E-R จะตอ้ งมคี วามชดั เจนและไมส่ ามารถ ตคี วามหมายเป็นอยา่ งอ่นื 4. Formality : รายละเอยี ดของขอ้ มลู แต่ละสว่ นทป่ี รากฏในแผนภาพ E-R จะตอ้ งไมซ่ า้ ซอ้ นและมรี ูปแบบทเ่ี ป็น มาตรฐาน
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram องคป์ ระกอบทส่ี าคญั 3 ส่วน ไดแ้ ก่ เอนตติ ้ี (Entrity) แอททรบิ วิ ท์ (Attribute) ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอนตติ ้ี (Relationship)
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ต่อ) 1. เอนติต้ี (Entity) หมายถงึ สง่ิ ต่างๆหรอื วตั ถุ ท่ถี กู รวบรวมเป็นขอ้ มลู เพอ่ื ใชก้ บั ระบบงานทก่ี าลงั พฒั นาอยู่ เอนตติ ้ี ➢ รูปธรรม คอื สามารถมองเหน็ ไดด้ ว้ ยตาและจบั ตอ้ งได้ (เช่น คน สตั ว์ สง่ิ ของ สถานท่ี เป็นตน้ ) ➢ รูปของนำมธรรม คือ ไม่สามารถมองเห็นไดด้ ว้ ยตา อาจจะอยู่ในรูปของกิจกรรม หรือกระบวนการ ต่างๆ (เช่น การสงั่ ซ้อื สนิ คา้ การลงทะเบยี น การฝึกอบรม เป็นตน้ )
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ตอ่ ) สำมำรถจำแนกเอนตติ ้อี อกเป็น 3 กลมุ่ ดงั น้ี (1) เอนตติ ้เี ชงิ รูปธรรม ประกอบดว้ ย เอนตติ ้ี ทเ่ี ป็นบคุ คล เช่น “นกั ศึกษา”, “พนกั งาน”, “อาจารย”์ เป็นตน้ เอนตติ ้ี ทเ่ี ป็นสถานท่ี เช่น “รา้ นคา้ ”, “บรษิ ทั ”, “โรงพยาบาล” เป็นตน้ เอนตติ ้ี ทเ่ี ป็นวตั ถุ เช่น “เคร่อื งจกั ร”, “รถยนต”์ ,“หนงั สอื ” เป็นตน้ (2) เอนตติ ้เี ชงิ แนวความคดิ เช่น “วชิ า”, “คณะ”, “แผนก” เป็นตน้ (3) เอนตติ ้เี ชงิ เหตกุ ารณ์ เช่น “การลงทะเบยี น”, “การซ้อื สนิ คา้ ” “การขาย”, “การยมื ” “การคนื ” เป็นตน้
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ต่อ) สัญ ลัก ษ ณ์ ท่ี ใ ช้แ ท น เ อ น ติ ต้ี ใ น ก า ร เ ขีย น แ ผ น ภ า พ อีอ า ร์ จ ะ เ ป็ น รู ป สี่เ ห ลีย ม ผืน ผ้า (Rectangle) แทนหน่ึงเอนตติ ้ี โดยมชี ่อื ของเอนตติ ้นี นั้ ๆ กากบั อยู่ภายใน สาหรบั หรบั การ ตง้ั ช่อื ใหก้ บั เอนตติ ้นี นั้ ช่อื ทใ่ี ชจ้ ะตอ้ งเป็น คำนำม และถา้ เป็นภาษาองั กฤษปกตมิ กั จะเขยี นเป็น ตวั พมิ พ์ ใหญ่ ดงั แสดงในภาพ นกั ศึกษา EMPLOYEE
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ตอ่ ) นอกจากน้เี อนตติ ้ยี งั สามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี 1) Strong Entity เป็นเอนตติ ้ที เ่ี กดิ ข้นึ ไดด้ ว้ ยตวั เอง เป็นอสิ ระไมข่ ้นึ แบเอนตติ ้ใี ดๆ ใชส้ ญั ลกั ษณร์ ูป สเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ และสามารถเรยี กอย่างวา่ Regular Entity 2) Weak Entity เป็นเอนตติ ้อี ่อนแอ เอนตติ ้ชี นิดน้จี ะข้นึ อยูก่ บั เอนตติ ้ชี นดิ อ่นื ๆ ไมส่ ามารถเกดิ ข้นึ ไดต้ าม ลาพงั และจะถกู ลบเมอ่ื เอนตติ ้หี ลกั ถกู ลบออกไป สญั ลกั ษณท์ ใ่ี ชค้ อื รูปสเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ เช่นกนั แต่เป็นเสน้ คู่ นกั ศึกษา ผปู้ กครอง Strong Entity Weak Entity
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ต่อ) 2. แอททริบิวท์ (Attribute) คอื ขอ้ มลู ทใ่ี ชอ้ ธบิ ายคุณสมบตั หิ รอื คุณลกั ษณะของแต่ละเอนติต้ี ซง่ึ เอนตติ ้ีหน่ึงๆ อาจประกอบดว้ ย แอททริบวิ ทไ์ ดม้ ากกวา่ หน่ึงแอททริบวิ ท์ ข้นึ กบั วา่ ระบบงานทก่ี าลงั พฒั นานนั้ ตอ้ งการรายละเอยี ดของ แต่ละเอนตติ ้มี ากหรอื นอ้ ยเพยี งใด ตวั อย่างเช่น เอนตติ ้ี “นกั ศึกษำ” ประกอบดว้ ยแอททรบิ วิ ท์ รหสั ประจาตวั ชอื่ นกั ศึกษา คณะทสี่ งั กดั และ ทอี่ ยู่ เอนตติ ้ี “พนกั งำน” ประกอบดว้ ยแอททรบิ วิ ท์ รหสั พนกั งาน ชอื่ พนกั งาน ตาแหน่ง และ ทอี่ ยู่ แอนตติ ้ี “แผนก” ประกอบดว้ ยแอททรบิ วิ ท์ รหสั แผนก และ ชแื่ ผนก เอนตติ ้ี “มำ้ ” จะประกอบดว้ ยแอททรบิ วิ ท์ ชอื่ มา้ เพศ สี และ ชอื่ เจา้ ของ เป็นตน้
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ต่อ) สญั ลกั ษณ์ท่ีใชแ้ ทนแอททริบิวท์ ในการเขยี นแผนภาพอีอาร์ จะแทนดว้ ยรูปวงรี แอททริบวิ ทใ์ ดท่ถี ูก กาหนดเป็นคยี ห์ ลกั จะถกู ขดี เสน้ ใตก้ ากบั ไว้ ตวั อย่างเช่น เอนตติ ้นี กั ศึกษา ประกอบไปดว้ ยแอททริบวิ ท์ รหสั นกั ศึกษา ช่ือ นามสกุล เพศ และเบอรโ์ ทร โดยกาหนดใหแ้ อททริบวิ ทร์ หสั นกั ศึกษา เป็นคียห์ ลกั สามารถเขยี นเป็นแผนภาพออี าร์ ไดด้ งั แสดงในภาพ นามสกุล ชอ่ื เพศ รหสั นกั ศึกษา เบอรโ์ ทร นกั ศึกษำ
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ต่อ) ประเภทของแอททรบิ วิ ท์ โดยทวั่ ไปจะสามารถจาแนกประเภทของแอททรบิ วิ ทอ์ อกไดห้ ลายประเภทดงั น้ี 1. แอททรบิ วิ ทแ์ บบธรรมดำ (Simple of Atomic Attribute) หมายถงึ แอททริ บวิ ทท์ ่ไี ม่สามารถแบ่งออกเป็นส่วนประกอบย่อยๆ ไดอ้ ีก เช่น รหสั พนกั งาน และ เพศ เป็นตน้ ดงั แสดงในภาพ รหสั พนักงาน เพศ พนกั งาน
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ตอ่ ) 2. แอททรบิ วิ ทแ์ บบร่วม (Composite Attribute) หมายถงึ แอททรบิ วิ ทท์ ส่ี ามารถแบ่ง ออกเป็นแอททรบิ วิ ทย์ ่อยๆ ทเ่ี ป็นแอททรบิ วิ ทแ์ บบธรรมดาไดอ้ กี เช่น ➢ชอื่ พนกั งาน สามารถแบง่ ออกเป็น 2 แอททรบิ วิ ทย์ อ่ ย ไดแ้ ก่ (1) ชอื่ และ (2) นามสกลุ ➢ทอี่ ยู่ สามารถแบง่ ออกเป็น 5 แอททรบิ วิ ทย์ ่อย ไดแ้ ก่ (1) บา้ นเลขที่ (2) ตาบล (3) อาเภอ (4) จงั หวดั และ (5) รหสั ไปรษณีย์ ดงั แสดงในภาพ
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ต่อ) ชอ่ื นามสกุล บ้านเลขท่ี ตาบล อาเภอ ทอี่ ยู่ จงั หวดั ชือ่ พนกั งาน รหัสไปรษณีย์ พนักงาน แสดงแอททรบิ วิ ท์แบบร่วม ของเอนตติ พ้ี นกั งาน
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ต่อ) 3. แอททริบิวทท์ ่ีมีค่ำขอ้ มูลเพยี งค่ำเดียว (Single-Valued Attribute) หมายถงึ แอททริ บวิ ทห์ น่ึงๆ ของสมาชิกเอนตติ ้ีใดๆ ท่มี คี ่าขอ้ มลู (Value) เพยี งหน่ึงค่าเท่านน้ั ตวั อย่างเช่น พนกั งานคน หน่ึงๆ ซ่งึ เป็นสมาชิกของเอนติต้ี “พนกั งาน” จะประกอบดว้ ยแอททริบวิ ท์ รหสั พนกั งาน ชือ่ นามสกุล เพศ และ ตาแหน่ง ซ่งึ แต่ละแอททริบวิ ทน์ ้ีจะมคี ่าขอ้ มูลเพยี งค่าเดียวเท่านน้ั สญั ลกั ษณ์ท่ใี ชค้ ือ รูปวงรี สามารถ แสดงตวั อย่างดงั ภาพท่ี ชื่อ นามสกลุ เพศ รหสั พนักงาน ตาแหน่ง พนกั งาน
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ตอ่ ) 4. แอททรบิ วิ ทท์ ่มี ีคำ่ ขอ้ มูลหลำยค่ำ (Multivalued Attribute) หมายถงึ แอททรบิ วิ ท์ หน่ึงๆ ของสมาชิกเอนติต้ีใดๆ ท่ีมีค่าขอ้ มูล (Value) ไดม้ ากกว่าหน่ึงค่า เช่น แอททริบิวท์ หมายเลขโทศพั ท์ ของพนกั งานคนหน่ึงๆ ซ่งึ เป็นสมาชิกของเอนตติ ้ี “พนกั งาน” จะมคี ่าขอ้ มลู คือเบอร์ โทรศพั ทไ์ ดม้ ากกวา่ หน่งึ ค่า นามสกลุ เบอร์โทรศัพท์ ชอ่ื รหัสพนกั งาน วฒุ กิ ารศึกษา พนกั งาน
องคป์ ระกอบของ E-R Diagram (ตอ่ ) 5. แอททรบิ วิ ทส์ บื เน่ือง (Derived Attribute) คอื แอททริบวิ ทท์ เ่ี กดิ จากการประยุกตด์ ว้ ย แอททริบวิ ทอ์ ่นื ๆ หรอื แอททริบวิ ทท์ ไ่ี ดม้ าจากการคานวณจากแอททริบวิ ทอ์ น่ื ยกตวั อย่างเช่น แอททริ บวิ ทอ์ ายุ เน่อื งจากสามารถคานวณไดจ้ ากวนั เดอื นปีเกดิ หรอื ยอดรวมของใบเสร็จแต่ละใบ คานวณได้ จากรายการสนิ คา้ ในใบเสร็จ เป็นตน้ ซ่งึ สญั ลกั ษณ์ท่ใี ชค้ ือรูปวงรีเช่นกนั แต่เป็ นเสน้ ปะ สามารถแสดง ตวั อย่างดงั ภาพ นามสกลุ ชอ่ื วัน/เดอื น/ปี เกดิ รหัสพนักงาน อายุ พนกั งาน
ควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงเอนตติ ้ี (Relationship) ความสมั พนั ธร์ ะหว่างเอนติต้ีต่างๆ ของฐานขอ้ มูล ซ่งึ โดยทวั่ ไปเป็นความสมั พนั ธร์ ะหว่างเอนติต้ีท่ีมี คุณสมบตั ิร่วมกนั โดยแต่ละความสมั พนั ธจ์ ะถูกระบุดว้ ยช่ือ ท่ีอธิบายถึงความสมั พนั ธน์ นั้ ๆ ใช้ สญั ลกั ษณร์ ูปสเ่ี หลย่ี มขา้ วหลามตดั ( ) ช่อื ของความสมั พนั ธน์ น้ั กากบั อยู่ภายใน แทนหน่ึงความสมั พนั ธ์ และเช่อื มต่อกับเอนตติ ้ีท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ความสมั พนั ธน์ น้ั ดว้ ยเสน้ ตรง โดยช่อื ความสมั พนั ธจ์ ะเป็น “คำกริยำ”
ประเภทของควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงเอนตติ ้ี โดยช่ือของความสมั พนั ธอ์ าจอยู่ในรูปของ คากริยาท่แี สดงถงึ การกระทา (Active) ของเอนติต้ีหน่ึงต่ออกี เอนตติ ้ีหน่ึง หรือเป็นคากริยาท่แี สดง การถูกกระทา (Passive) ของเอนตติ ้หี น่งึ จากอกี เอนตติ ้หี น่งึ
ควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงเอนตติ ้ี (Relationship) (ต่อ) ความสมั พนั ธ์ระหว่างเอนติต้ี จะเป็นความสมั พนั ธ์ระหว่างสมาชิกของเอนติต้ีทง้ั สอง ซ่ึงเป็น ความสมั พนั ธท์ ่ี สมาชกิ ของเอนตติ ้หี น่ึงสมั พนั ธก์ บั สมาชิก ของอกี เอนตติ ้หี น่ึง จะสามารถแบง่ ประเภท ของความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอนตติ ้อี อกไดเ้ป็น 3 ประเภทดงั ต่อไปน้ี ➢ ความสมั พนั ธแ์ บบ หน่งึ -ต่อ-หน่งึ (one-to-one) ➢ ความสมั พนั ธแ์ บบ หน่งึ -ต่อ-กลมุ่ (one-to-many) ➢ ความสมั พนั ธแ์ บบ กลมุ่ -ต่อ-กลมุ่ (many-to-many)
ประเภทของควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงเอนตติ ้ี 1. ควำมสมั พนั ธแ์ บบ หน่ึง-ต่อ-หน่ึง (One-to-One หรอื 1:1) ➢เป็นความสมั พนั ธท์ ่สี มาชิกหน่ึงรายการของเอนติต้ีหน่ึง มคี วามสมั พนั ธก์ บั สมาชิกเพียงหน่ึง รายการของอกี เอนตติ ้หี น่งึ ความสมั พนั ธร์ ูปแบบน้จี ะใชส้ ญั ลกั ษณ์ 1:1 แทนความสมั พนั ธแ์ บบ หน่งึ -ต่อ-หน่งึ
ประเภทของควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งเอนตติ ้ี (ตอ่ ) ตวั อยำ่ งเช่น องคก์ รหน่งึ สรา้ งทจ่ี อดรถยนตโ์ ดยแบง่ เป็นช่องๆ สาหรบั พนกั งานคนละ 1 ช่อง สามารถเขยี นเป็นแผนภาพ E-R ทแ่ี สดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอนตติ ้ี “พนกั งาน” และเอนตติ ้ี “ทจ่ี อดรถยนต”์ โดยตง้ั ชอ่ื ความสมั พนั ธว์ า่ “จอดรถ” ซง่ึ ความสมั พนั ธ์ “จอดรถ” น้จี ะแสดงความหมายดงั น้ี ➢ พนกั งานแต่ละคน (ทกุ คน) จะมที จ่ี อดรถยนตเ์ พยี งหน่งึ ช่อง เทา่ นนั้ และ ➢ ในทางกลบั กนั ทจ่ี อดรถยนต์ แต่ละช่อง(ทกุ ช่อง) ตอ้ งเป็นทจ่ี อดสาหรบั พนกั งานเพยี งหน่งึ คน เท่านน้ั
ประเภทของควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งเอนตติ ้ี (ต่อ) 2. ควำมสมั พนั ธแ์ บบหน่ึง-ต่อ-กลมุ่ (One-to-Many หรอื 1:M) ➢ ความสมั พนั ธแ์ บบหน่ึงต่อกลุม่ เป็นความสมั พนั ธท์ ่สี มาชกิ หน่ึงรายการของเอนตติ ้หี น่ึงมคี วามสมั พนั ธก์ บั สมาชกิ หลาย รายการในอกี เอนตติ ้หี น่งึ ตวั อย่ำงเช่น ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง “อาจารย”์ กบั “นกั ศึกษา” อาจารยห์ น่ึงคนสามารถเป็นทป่ี รกึ ษาใหก้ บั นกั ศึกษาไดห้ ลาย คน แต่นกั ศึกษาแต่ละคนจะมอี าจารยท์ ป่ี รกึ ษาเพยี งคนเดยี ว
ประเภทของควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งเอนตติ ้ี (ตอ่ ) 3. ควำมสมั พนั ธแ์ บบกลมุ่ -ต่อ-กลมุ่ (Many-to-Many หรอื M:N) ➢ความสมั พนั ธแ์ บบกลมุ่ -ต่อ-กลมุ่ คอื ความสมั พนั ธท์ ส่ี มาชกิ หลายรายการในเอนตติ ้ีหน่ึงมคี วามสมั พนั ธ์ กบั สมาชิกหลายรายการในอีกเอนติต้ีหน่ึง ความสมั พนั ธร์ ูปแบบน้ีจะใชส้ ญั ลกั ษณ์ M:N แทน ความหมายของความสมั พนั ธแ์ บบกลมุ่ -ต่อ-กลมุ่
ประเภทของควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงเอนตติ ้ี (ตอ่ ) ตวั อยำ่ งเช่น นกั ศึกษาแต่ละคนจะสามารถลงทะเบยี นเรยี นไดห้ ลายวชิ า และแต่ ละวชิ ากจ็ ะสามารถมนี กั ศึกษาลงทะเบยี นเรยี นไดม้ ากกวา่ หน่ึงคนข้นึ ไป และ สามารถแสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่าง เอนตติ ้ี “นกั ศึกษา” และเอนตติ ้ี “วชิ า” ใน ลกั ษณะของแผนภาพแบบ E-R ดงั ภาพท่ี 4.12 (ก) โดยตง้ั ชอ่ื ความสมั พนั ธ์ วา่ “ลงทะเบยี น” ซง่ึ ความสมั พนั ธ์ “ลงทะเบยี น” น้จี ะแสดงความหมายไดด้ งั น้ี นกั ศึกษาแต่ละคน (ทกุ คน) สามารถลงทะเบยี นเรยี นวชิ าไดต้ งั้ แต่หน่ึง วชิ าข้นึ ไป ในทางกลบั กนั วชิ าแต่ละวชิ า (ทกุ วชิ า) ก็จะมนี กั ศึกษาลงทะเบยี นเรยี น ไดต้ ง้ั แต่หน่งึ คนข้นึ ไป เช่นกนั
รูปแบบควำมสมั พนั ธ์ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอน็ ตติ ้ี มอี ยู่ 3 รูปแบบคอื 1. ความสมั พนั ธแ์ บบยูนารี (Unary Relationship) 2. ความสมั พนั ธแ์ บบไบนารี (Binary Relationship) 3. ความสมั พนั ธแ์ บบเทอรน์ ารี (Ternary Relationship)
รูปแบบควำมสมั พนั ธ์ (ตอ่ ) 1. ควำมสมั พนั ธแ์ บบยูนำรี (Unary Relationship) เป็นความสมั พนั ธร์ ะหว่างเอน ติต้ีเพียง เอนติต้ีเดียว บางครงั้ ถูกเรียกว่า ความสมั พนั ธแ์ บบรีเคอร์ซีพ (Recursive Relationships) หรือความสมั พนั ธแ์ บบยอ้ นกลบั เช่น ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง ผูจ้ ัดการ กบั พนกั งาน (ซง่ึ ผูจ้ ดั การ ก็เป็นหน่ึงในพนกั งาน นน้ั เอง) สามารถเขยี นเป็น E-R Diagram ได้ ดงั ภาพท่ี พนักงาน จดั การ
รูปแบบควำมสมั พนั ธ์ (ตอ่ ) 2. ควำมสมั พนั ธแ์ บบไบนำรี (Binary Relationship) เป็นความสมั พนั ธท์ ่เี กิดข้นึ ระหว่าง 2 เอนติต้ีใดๆ เป็นความสมั พนั ธ์ท่ีพบไดบ้ ่อยในฐานขอ้ มูล เช่น ความสมั พันธ์ในการ ลงทะเบยี น ระหว่างเอนตติ ้ีนกั ศึกษา กบั เอนติต้ีวชิ า สามารถเขยี นเป็น E-R Diagram ไดด้ งั ภาพ นกั ศกึ ษา ลงทะเบียน วิชา
รูปแบบควำมสมั พนั ธ์ (ต่อ) 3. ควำมสมั พนั ธแ์ บบเทอรน์ ำรี (Ternary Relationship) เป็นความสมั พนั ธท์ เ่ี กิดข้ึนระหว่าง เอนตติ ้ี มากกวา่ 2 เอนตติ ้ี เช่น ความสมั พนั ธใ์ นการจดั ส่งสนิ คา้ ซง่ึ มเี อนตติ ้ที เ่ี ก่ยี วขอ้ ง 3 เอนตติ ้ี คอื เอนตติ ้ี คลงั สนิ คา้ เอนตติ ้สี นิ คา้ และเอนตติ ้ลี ูกคา้ นอกจากน้ีบนความสมั พนั ธน์ ้ียงั มคี วามตอ้ งการบนั ทกึ ขอ้ มลู อกี 2 แอททรบิ วิ ท์ คอื วนั ทจ่ี ดั ส่ง และราคาต่อหน่วย สามารถเขยี นเป็น E-R Diagramไดด้ งั ภาพ
Q&A
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: