เร่ืองสวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน ประกอบวชิ า ว32101 เทคโนโลยี 2 ครูผู้สอน ครูรัชชนก วงศ์เขียว
คานา หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เล่มน้ีจดั ทาข้ึน เพ่อื ศึกษาเก่ียวกบั สวนพฤกษศาสตร์ใน โรงเรียน โดยเน้ือหาประกอบไปดว้ ย ตน้ ไมแ้ ละดอกไมใ้ นโรงเรียน และ ประกอบการเรียนวชิ า ว32101 เทคโนโลย2ี ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ ศึกษาไดเ้ ป็นอยา่ งดี ชื่อนายศกั ดิภทั ร อินใจดี เลขท่ี11ช้นั ม.5/6 ชื่อนายจิรกิตต์ิ วิไชย เลขที่14 ช้นั ม.5/6
ดอกมะลิ ดอกมะลิ หรือภาษาองั กฤษเรียกวา่ Jasmine มีช่ือทาง วทิ ยาศาสตร์วา่ Jasminum sambac (L.) Ait. แต่ในไทย กเ็ รียกมะลิในหลายช่ือ ท้งั มะลิ มะลิลา มะลิซอ้ น มะลิข้ี ไก่ มะลิหลวง ขา้ วแตก เตียมนู เป็นตน้ มะลิเป็นไมพ้ มุ่ บางพนั ธุ์กเ็ ป็นไมร้ อเล้ือย ตน้ มะลิสูง ประมาณ 0.3-3 เมตร ใบออกตรงกนั ขา้ ม ลกั ษณะใบ มะลิเป็นรูปทรงไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ดอก มะลิมีสีขาว ดอกมีกลิ่นหอมเฉพาะตวั และดอกมะลิจะ บานตอนกลางคืน ออกดอกดกในช่วงฤดูร้อนและฤดู ฝน ท้งั น้ีช่ือเรียกดอกมะลิจะแตกต่างกนั ไปตามแต่กลีบ ดอกมะลิ หากกลีบดอกมีช้นั เดียวจะเรียกมะลิลา ถา้ กลีบดอกซอ้ นหลายช้นั จะเรียกมะลิซอ้ น
ต้นไผ่ ไผ่ เป็นไมพ้ มุ่ หลายชนิดและหลายสกลุ ใน วงศห์ ญา้ (วงศ์ Poaceae; เดิมคือวงศ์ Gramineae) วงศย์ อ่ ย Bambusoideae เป็นไม้ ไม่ผลดั ใบใน ข้ึนเป็นกอ ลาตน้ เป็นปลอ้ งๆ ผลผลิตจากไผท่ ี่สาคญั คือ หน่อไม้ ซ่ึงเป็นอาหารสาคญั ของคน ไทย นิยมทานกนั มากในเกือบทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะ ภาคเหนือและอีสาน นอกจากน้ีไมไ้ ผย่ งั มีคุณสมบตั ิพิเศษท้งั ดา้ น ความแขง็ แรงและยดื รหยนุ่ ที่เหนือกวา่ วสั ดุสังเคราะห์หลายชนิด ดงั น้นั จึงยงั ไดร้ ับความนิยมในการทาเคร่ืองมือเคร่ืองใชห้ ลาย ประเภท ใชช้ ะลอน้าท่ีเขา้ ป่ าชายเลน นงั่ ร้านก่อสร้างและบนั ได เป็ นตน้
ตน้ ตีนเป็ ด ต้นตนี เป็ ด ตน้ ตีนเป็ด หรือพญาสตั บรรณ หรือสตั บรรณ ชื่อ ภาษาองั กฤษ White Cheesewood ชื่อวทิ ยาศาสตร์วา่ Alstonia scholaris (L.) R. Br. เป็นหน่ึงในตน้ ไมท้ ่ีมีประวตั ิควรค่าแก่ การจารึกไว้ เพราะเม่ือคร้ังที่ สมเดจ็ พระบรมราชชนนีพนั ปี หลวงในพระบาทสมเดจ็ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงโปรด พระราชทานกลา้ ไมม้ งคลใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั ทุกจงั หวดั ใน งานรณรงคโ์ ครงการปลกู ป่ าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อวนั ท่ี 9 พฤษภาคม 2537 อีกท้งั ยงั เป็นตน้ ไมป้ ระจาจงั หวดั สมุทรสาคร อีกดว้ ย
ต้นสัก ไม้สัก มีชื่อในภาษาองั กฤษวา่ Teak และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์วา่ Tectona grandis อยู่ ในวงค์ Verbenaceae มีถิ่นกาเนิดอยใู่ นตอนใตข้ องประเทศอินเดีย พม่า ไทย อินโดนีเซีย และหมู่เกาะอินเดียตะวนั ออก ไม้สัก เป็นตน้ ไมข้ นาดใหญ่ ข้ึนเป็นหมู่ในป่ าเบญจพรรณทางภาคเหนือ และ บางส่วนของภาคกลางและตะวนั ตก คือ ในทอ้ งท่ีจงั หวดั แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ สาพนู เชียงราย สาปาง แพร่ น่าน ตาก กาแพงเพชร อุตรดิตถ์ พษิ ณุโลก สุโขทยั เพชรบรู ณ์ และพจิ ิตรและมีบา้ งเลก็ นอ้ ยในจงั หวดั นครสวรรค์ อุทยั ธานี และกาญจนบุรี ไม้สัก ชอบข้ึนตามพ้ืนที่ท่ีเป็นภเู ขา แต่ในพ้นื ที่ราบที่น้าไม่ขงั ไมส้ ักกข็ ้ึนไดด้ ี เช่นเดียวกนั ในพ้ืนท่ีท่ีเป็นดินปนทรายแต่น้าไม่ขงั ไมส้ ักมกั ข้ึนเป็นหม่ไู มส้ ักลว้ น ๆ และมีไมข้ นาดใหญ่ ไมส้ ักชอบพ้ืนท่ีที่มีช้นั ดินลึก การระบายน้าดี ไม่ชอบดินแขง็ และ น้าท่วมขงั
ตน้ ยคู าลิปตสั ยคู าลิปตสั (eucalyptus) เป็นพืชท่ีมีถ่ินกาเนิดหลกั อยใู่ นประเทศออสเตรเลีย มีกวา่ 700 สายพนั ธุ์ กระจดั กระจายอยบู่ า้ งในรอยต่อแถบนิวกีนี อินโดนีเซีย และหมู่เกาะฟิ ลิปปิ นส์ ไดม้ ีการนาไปปลกู ในภาคใตข้ องรัฐ แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา บราซิล เอธิโอเปี ย อุรุกวยั มาดากสั การ์ และในทวปี แอฟริกา แต่ความเหมาะสมของการปลกู ยคู ากย็ งั เป็นท่ีถกเถียง และไม่ไดร้ ับการยนื ยนั ที่แน่ชดั ยคู าลิปตสั เป็นพชื ท่ีทนต่อความแหง้ แลง้ ไดด้ ี และเจริญเติบโตไดท้ ุกสภาพ ดิน ต้งั แต่ดินทราย ดินเคม็ ดินเปร้ียว แต่ไม่ทนดินที่มีหินปนู สูง โดย ประเทศไทยนาเขา้ ยคู ามาปลูกในปี 2493 เป็นคร้ังแรก แต่มีการปลูกอยา่ ง จริงจงั ต้งั แต่ปี 2507 เป็นตน้ มา
ตน้ หูปลาช่อน หูปลาช่อน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Emilia sonchifolia; อกั ษร จีน: 葉下紅) เป็นไมล้ ม้ ลุก ลาตน้ ต้งั ตรงสูง 10 -45 เซนติเมตร ปลายใบแหลมเรียว โคนใบกวา้ งรูปไข่ ขอบ ใบหยกั เวา้ หลงั ใบสีเขียวเขม้ ทอ้ งใบสีม่วงแดง ดอก ออกเป็นช่อกลางลาตน้ ช่อหน่ึงแยกเป็น 2 แขนง ดอกสี แดง ขนาดเลก็ ผลมีเปลือกแขง็ ในทางสมุนไพร รากสดน่ึงกบั เน้ือหมูแกต้ านขโมย ตน้ สดตม้ น้าด่ืมเป็นยาแกเ้ จบ็ คอ ทอนซิลอกั เสบ ตน้ สดตา ค้นั น้าพอกบริเวณที่เป็นฝี แกบ้ วมน้า ยาน้ีหา้ มใชใ้ น หญิงมีครรภ[์ 2]
กหุ ลาบหิน กหุ ลาบหินหรือกาลงั โชเป็นไมป้ ระดบั กระถาง เป็นพืชที่ปลูกง่าย ปลูกท้งั ในและนอกอาคาร แต่ปลูกไดด้ ีเม่ืออยู่ ในกลางแจง้ เพราะเป็นพชื ชอบแดด กหุ ลาบหินเมีใบค่อนขา้ งกลมเป็นหยกั มนซอ้ นๆกนั คลายดอกกหุ ลาบแต่ ไม่อ่อนชอ้ ยจึงไดช้ ื่อวา่ กหุ ลาบหิน กหุ ลาบหินเป็นไมอ้ วบน้าอายหุ ลายปี มี พมุ่ เต้ียสูง 30 - 40 เซนติเมตร ใบเดี่ยว สีเขียวกลม ปลายมนขอบใบหยกั เป็น มน ออกเวยี นสลบั ซอ้ นๆ กนั ออกดอกเป็นช่อ ช่อดอกชูสูงเหนือพมุ่ ใบ เป็น ดอกยอ่ ยขนาดเลก็ ๆจานวนมาก สีแดงอมส้มสด ปัจุปันมีพนั ธุท์ ี่เป็น พมุ่ เต้ียกะทดั รัด ใบขนาดเลก็ และมีดอกสี ต่างๆ เช่น ชมพู สม้ เหลือง ฯลฯ ออกดอกฤดูกาลเดียว คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน - มีนาคม เป็นพชื ท่ีเล้ียงง่าย แตกหน่อไว ถา้ ขยนั แยกหน่อ กหุ ลาบหินจะเพิ่มจานวนไดอ้ ยา่ งรวดเร็วใน เวลาอนั สนั มีบางคนนิยมปลกู กหุ ลาบหินเป็นไมม้ งคล เพ่ือถือเคลด็ วา่ ปลกู แลว้ จะรารวยเป็นเศรษฐี อยา่ ไรกต็ ามกหุ ลาบหินเป็นไมป้ ระดบั ที่น่าสนใจ ที่รูปทรงดูสวยแปลกตาแตก ต่างจากไมช้ นิดอื่น ถึงแมม้ ีความสามารถใน การดูดสารพษิ นอ้ ย
ต้นชาฮกเกยี้ น ไม้พ่มุ ขนาดเลก็ ลาต้นแตกก่งิ ก้านจานวนมากเป็ นพุ่มแน่นทบึ ใบ (Foliage) : ใบเด่ยี ว เรียงสลับ มกั ออกเป็ นกระจุกสัน้ ๆ ตามก่งิ รูปไข่กลับแคบ กว้าง 0.5-2 เซนตเิ มตร ยาว 1-4 เซนตเิ มตร ปลายแยกเป็ นพแู หลมมักเป็ นต่งิ หนามอ่อน โคนใบ รูปล่ิม ขอบใบหยกั ผวิ ใบด้านบนสีเขียวเข้ม เป็ นมันค่อนข้างหนาด้านหลังใบสีเขียวอ่อน ดอก (Flower) : สีขาว ออกเป็ นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบ มดี อกย่อย 2-5 ดอก กลีบเลีย้ ง 5 กลีบ รูปแถบ สีเขียวอ่อน ด้านนอกมีขนยาวประปราย โคนกลีบดอกเช่ือมตดิ กนั เล็กน้อยเป็ นรูปกรวย ปลายแยกเป็ น 5 แฉก ดอกบานเตม็ ท่กี ว้าง 0.8 มิลลเิ มตร
ต้นมะขาม มะขาม เป็น ไมย้ นื ตน้ ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตกกิ่งกา้ นสาขามากไม่ มีหนาม เปลือกตน้ ขรุขระและหนา สีน้าตาลอ่อน ใบเป็นใบประกอบ ใบ เลก็ ออกตามก่ิงกา้ นใบเป็นคู่ ใบยอ่ ยเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบ มน ประกอบ ดว้ ยใบยอ่ ย 10–15 คู่แต่ละใบยอ่ ยมีขนาดเลก็ กวา้ ง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกนั เป็นช่อยาว 2–16 ซม. ดอก ออกตามปลายก่ิง ดอก มีขนาดเลก็ กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ม่วงแดงอยกู่ ลางดอก ผล เป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโคง้ ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้าตาลเกรียม เน้ือในติดกบั เปลือก เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแขง็ กรอบ หกั ง่าย สีน้าตาลเน้ือในกลายเป็นสีน้าตาลหุม้ เมลด็ เน้ือมีรสเปร้ียว และ/ หรือหวาน ซ่ึงฝักหน่ึง ๆ จะมี/หุม้ เมลด็ 3–12 เมลด็ เมลด็ แก่จะแบนเป็นมนั และมีสีน้าตาล
ต้นมะละกอ ช่ือสามญั : มะละกอช่ือวทิ ยาศาสตร์: Carica papaya L. ลกั ษณะทวั่ ไป :ไมล้ ม้ ลุกอายหุ ลายปี ขนาดใหญ่ อายหุ ลายปี สูง 2-8 ม. ลาตน้ ต้งั ตรงมกั ไม่แตกกิ่ง ไม่มีแก่น ตน้ อวบน้า มีรอยแผลเป็นของกา้ นใบท่ีหลุด ร่วงไป มีน้ายางสีขาวทวั่ ลาตน้ ใบ ใบเรียงสลบั รอบตน้ บริเวณยอด ใบเดี่ยว รูปฝ่ามือกวา้ ง ยาว 25-60 ซม. โคนใบเวา้ ปลายใบแหลม ขอบใบหยกั เวา้ เป็นแฉกลึก 7-11 แฉก และ จกั ฟันเล่ือย กา้ นใบยาว 25-90 ซม. เป็นท่อกลวงยาว ดอก ดอกช่อสีขาวนวล มีกลิ่นหอม ออกที่ซอกใบ มีท้งั ดอกสมบูรณ์ เพศและดอกแยกเพศ ดอกเพศผอู้ อกเป็นช่อ กา้ นช่อดอกยาว กลีบดอกเชื่อม ติดกนั เป็นหลอดยาว 1.5-2.5 ซม. ปลายแยกเป็น 5 กลีบ เมื่อบานเส้นผา่ น ศนู ยก์ ลาง 1.5-2.5 ซม. เกสรเพศผมู้ ี 10 อนั ดอกเพศเมียและดอกสมบูรณ์เพศ ออกเดี่ยวหรือ 2-3 ดอก กลีบดอก 5 กลีบ ดอกมีขนาดใหญก่ วา่ ดอกเพศผู้
ต้นพลูด่าง ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Scindapsus aureus Eagler ชื่อวงศ์ : ARACEAE ช่ือสามัญ : Devil’s Ivy ช่ือท้องถนิ่ : ราชินีหินอ่อน ลกั ษณะทวั่ ไป : เป็นไมเ้ ล้ือย ใบกลมขนาดใหญ่ลกั ษณะ เป็นรูปหวั ใจ ปลายใบมนแหลม ฐานใบมนแหลม ใบ สีเขียวเหลืองด่างเป็นแถบๆตามแผน่ ใบ กา้ นใบยาว โคนกา้ นใบแผอ่ อกเป็นกาบหุม้ ลาตน้ ตรงขอ้ เป็น พรรณไมเ้ ล้ือยเขตร้อนลาตน้ อ่อนจะเล้ือยข้ึนในแนว ด่ิงหรือตามฝาผนงั มีรากอากาศ มีดอกแต่ไม่ สวยงาม จึงนิยมเล้ียงเป็นไมป้ ระดบั ใบ
ตน้ ลีลาวดี ลลี าวดี หรือ ลนั่ ทม มีถ่ินกาเนิดในอเมริกากลาง เมก็ ซิโก แคริบเบียน และอเมริกาใต้ ต้น เป็นไมย้ นื ตน้ มีขนาดต้งั แต่พมุ่ เต้ียแคระสูง ประมาณ 0.9-1.2 เมตร จนถึงตน้ ท่ีสูงมาก อาจ สูง ถึง 12 เมตร ลาตน้ แตกก่ิงกา้ นสาขาและพมุ่ ใบสวยงาม มีน้ายางสี ขาวขน้ เป็นไมผ้ ลดั ท่ีสลดั ใบใน ฤดูแลง้ ก่อนที่จะผลิดอกและผลิใบรุ่นใหม่ ก่ิงที่ยงั ไม่แก่มีสี เขียว อ่อนนุ่ม ดเู กือบจะอวบน้า ก่ิงแก่ มีสีเทามีรอยตะป่ ุมตะป่ า ก่ิงไม่สามารถทานน้าหนกั ได้ ก่ิง เปราะ เปลือกลาตน้ หนา ตน้ ท่ีโตเตม็ ที่ แลว้ จะพฒั นา จนกระทง่ั มีความแขง็ แรงมากข้ึน
จดั ทาโดย นาย ศักดภิ ัทร อนิ ใจดี เลขท่ี 11 ม.5/6 นาย จริ กติ ต์ิ วไิ ชย เลขท่ี 14 ม.5/6 [email protected]
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: