คำนำ โครงงานเรือ่ งสมุนไพรพน้ื บ้านนจ่้ี ดั ทำขึน้ เพ่ือเปน็ ส่วนหนึ่งของวิชาการศึกษาค้นควา้ ชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ่ี3 เพอ่ื ให้ไดศ้ กึ ษาหาความรู้ในเร่ืองสมุนไพรพ้ืนบา้ นและได้ศึกษาอย่างเขา้ ใจเพ่ือ เป็นประโยชน์กบั บคุ คลทมี ีความสนใจในเรือ่ งน้ี คณะผู้จัดทำหวงั วา่ รายงานเล่มนจ้ี ะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ ่าน ท่กี ำลังหาขอ้ มูลเรื่องน้อี ยู่ หากมีข้อแนะนำหรอื ข้อผดิ พลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอนอ้ มรับไวแ้ ละขออภัยมา ณ ทนี่ ้ี คณะผจู้ ดั ทำ นางสาว นภัคปภา รักเจริญ
สมุนไพรพ้นื บา้ น ประวัติความเปน็ มา สมนุ ไพรคอื อะไร คำวา่ สมุนไพร ตามพระราชบัญญัตหิ มายความถึง ยาทีไ่ ด้จากพชื สัตว์ และแร่ ซ่ึงยังมิได้มี การผสมปรุงหรือแปรสภาพ (ยกเว้นการทำให้แห้ง) เช่น พืชก็ยังคงเป็นส่วนของราก ลำต้น ใบ ดอก ผล ฯลฯ ยังไม่ได้ผ่านข้ันตอนการแปรรูปใดๆ เช่น การหั่น การบด การกล่ัน การสกัดแยก รวมทั้งการผสมกับสารอื่นๆ แต่ในทางการค้า สมนุ ไพรมักจะถูกดดั แปลงในรูปแบบ ต่างๆ เช่น ถูก หั่นเป็นช้ินเล็กลง บดให้เป็นผง อัดให้เป็นแท่ง หรือปอกเปลือกออก เป็นต้น เมื่อพูดถึงสมุนไพร คนทั่วๆ ไปมักจะนึกถึงเฉพาะพืชที่นำมาใช้ประโยชน์ในทางยา ทั้งน้ีเพราะ สัตว์ และแร่มีการใช้ น้อย จะใชเ้ ฉพาะในโรคบางชนิดเทา่ นน้ั ประวัตขิ องการใช้สมุนไพร สมุนไพร คือ ของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้กับมวลมนุษยชาติ มนุษย์เรารู้จักใช้สมุนไพรใน ดา้ นการบำบัดรักษาโรค นับแตย่ คุ นแี อนเดอรท์ ัลในประเทศอริ กั ปัจจบุ นั ทห่ี ลมุ ฝังศพพบว่ามกี ารใช้ สมุนไพรหลายพันปีมาแล้วท่ีชาวอินเดียแดงในเม็กซิโก ใช้ต้นตะบองเพชร(Peyate) เป็นยาฆ่าเชื้อ และรักษาบาดแผล ปัจจุบันพบว่า ตะบองเพชรมีฤทธ์ิกล่อมประสาทประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว ท่ี ชาวสุเมเรยี นได้เข้ามาต้ั งรกราก ณ บริเวณแมน่ ้ำไทกรสิ และยูเฟรตสิ ปัจจุบัน คือ ประเทศอิรัก ใช้ สมุนไพร เช่น ฝ่ิน ชะเอม ไทม์ และมัสตาร์ด และต่อมาชาวบาบิโลเนียน ใช้สมุนไพรเพ่ิมเติมจาก ชาวสุเมเรียน ได้แกใ่ บมะขามแขก หญ้าฝร่นั ลกู ผักชี อบเชย และกระเทียม ในยุคต่อมาอียิปต์โบราณมี อิมโฮเทป แพทย์ผู้มีชื่อเสียงซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็น เทพเจ้าแห่งการรักษาโรค ของอียิปต์ มีตำราสมุนไพรที่เก่าแก่ คือ Papytus Ebers ซึ่งเขียน เม่ือ 1,600 ปี ก่อนคริสตศักราช ซึ่งค้นพบโดยนักอียิปต์วิทยาชาวเยอรมันนี ช่ือ Georg Ebers ใน ตำรานี้ได้กล่าวถึงตำราสมุนไพรมากกว่า 800 ตำรับ และสมุนไพรมากกว่า 700 ชนิด เช่น ว่าน หางจระเข้ เวอร์มวูด(warmwood) เปปเปอร์มินต์ เฮนเบน(henbane) มดยอบ, hemp dagbane ละหุ่ง mandrake เป็นต้น รูปแบบในการเตรียมยาในสมยั น้นั ได้แก่ การตม้ การชง ทำ เป็นผง กลัน่ เป็นเมด็ ทำเปน็ ยาพอก เป็นขีผ้ ้ึง
นอกจากนี้ยังพบว่าชาติต่างๆ ในแถบยุโรปและแอฟริกา มีหลักฐานการใช้สมุนไพร ตามลำดับก่อนหลังของการเรม่ิ ใชส้ มุนไพร คือ หลังจากสมุนไพรได้เจริญรุง่ เรืองในอียิปต์แล้ว ก็ได้ มีการสืบทอดกันมา เช่น กรีก โรมัน อาหรับ อิรกั เยอรมัน โปรตุเกส สวีเดน และโปแลนด์ส่วนใน แถบเอเซีย ตามบันทึกประวัติศาสตร์พบว่ามีการใช้สมุนไพรท่ีอินเดียก่อน แล้วสืบทอดมาท่ีจีน มะ ละกา และประเทศไทย ประโยชน์ของพืชสมุนไพร 1. สามารถรกั ษาโรคบางชนิดได้ โดยไมต่ อ้ งใช้ยาแผนปจั จุบัน ซึ่งบางชนดิ อาจมีราคาแพง และตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายมาก อีกทัง้ อาจหาซ้ือไดย้ ากในท้องถ่ินน้ัน 2. ให้ผลการรกั ษาได้ดีใกล้เคยี งกับยาแผนปัจจุบัน และให้ความปลอดภยั แกผ่ ้ใู ชม้ ากกว่าแผน ปจั จบุ นั 3. สามารถหาได้งา่ ยในทอ้ งถนิ่ เพราะส่วนใหญ่ไดจ้ ากพชื ซ่งึ มอี ย่ทู ่ัวไปทั้งในเมอื งและ ชนบท มรี าคาถูก สามารถประหยัดคา่ ใชจ้ า่ ยในการซ้อื ยาแผนปัจจุบัน ที่ตอ้ งสง่ั ซื้อจากตา่ ง ประเทศเป็นการลดการขาดดลุ ทางการค้า 4. ใชเ้ ป็นยาบำรุงรกั ษาให้รา่ งกายมสี ขุ ภาพแข็งแรง 5. ใช้เปน็ อาหารและปลกู เปน็ พชื ผักสวนครัวได้ เช่น กะเพรา โหระพา ขงิ ข่า ตำลึง 6. ใช้ในการถนอมอาหารเชน่ ลูกจันทร์ ดอกจนั ทรแ์ ละกานพลู 7. ใชป้ รุงแต่ง กล่นิ สี รส ของอาหาร เชน่ ลกู จนั ทร์ ใช้ปรุงแต่งกล่นิ อาหารพวก ขนมปงั เนย ไส้กรอก แฮม เบคอน 8. สามารถปลูกเปน็ ไมป้ ระดบั อาคารสถานท่ตี า่ ง ๆ ให้สวยงาม เช่น คูน ชุมเหด็ เทศ 9. ใช้ปรุงเปน็ เครือ่ งสำอางเพื่อเสริมความงาม เช่น ว่านหางจระเข้ ประคำดคี วาย 10. ใชเ้ ป็นยาฆ่าแมลงในสวนผัก, ผลไม้ เชน่ สะเดา ตะไคร้ หอม ยาสูบ 11. เปน็ พชื ทส่ี ามารถสง่ ออกทำรายไดใ้ หก้ บั ประเทศ เชน่ กระวาน ขมิน้ ชนั เรว่ 12. เป็นการอนุรกั ษม์ รดกไทยใหป้ ระชาชนในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ รู้จกั ชว่ ยตนเองในการ นำพืช สมนุ ไพรในทอ้ งถน่ิ ของตนมาใช้ให้เกดิ ประโยชนต์ ามแบบแผนโบราณ 13. ทำใหค้ นเหน็ คณุ คา่ และกลับมาดำเนนิ ชีวติ ใกล้ชดิ ธรรมชาตยิ ่งิ ข้ึน 14. ทำให้เกดิ ความภมู ิใจในวฒั นธรรม และคุณคา่ ของความเป็นไทย
สรรพคุณสมุนไพรพน้ื บ้าน ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus Stapf. วงศ์ GRAMINEAE ช่ืออืน่ ๆ ภาคเหนือ : จะไค (Cha-khai) จะไค้ (Cha-khai) ภาคใต้ : ไคร (Khrai) ชวา : ซีเร (Sere) ถิ่นกำเนิด อินโดนเี ซีย ศรีลงั กา พม่า อินเดยี อเมรกิ าใต้ ไทย รูปลักษณะ : ไม้ลม้ ลกุ ทมี ีอายุได้หลายปี ชอบดินรว่ นซุย ปลูกได้ ตลอดปี ใบสีเขียวยาวแหลม ดอก ฟูสีขาว หัวโตข้ึน จากดินเป็นกอๆ กลิน่ หอมฉนุ คอ่ นข้างร้อน การปลูก : ไถพรวนดนิ และตากดนิ ไวป้ ระมาณ 7 - 10 วนั ยอ่ ยดินใหล้ ะเอียด ใสป่ ุ๋ยคอกหรอื ปุ๋ย หมกั คลุกเคลา้ ให้เข้ากับดินขดุ หลุมปลกุ ระยะ 30 x 30 เซนตเิ มตร กอ่ นนำตะไครไ้ ปปลกู นำพนั ธุ์ ท่เี ตรยี มไว้ตดั ใบออก ให้เหลอื ตน้ ยาว ประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร มาแช่น้ำประมาณ 5 - 7 วนั เพ่อื ใหร้ ากงอก รากทีแ่ ก่เตม็ ทจี่ ะมสี ีเหลอื งเข้ม นำไปปลกุ ในแปลงวางต้นพนั ธ์ุ ให้เอียง 45 องศา ไปดา้ นใดดา้ นหนงึ่ แลว้ กลบดิน จากน้ันรดน้ำให้ชมุ่ หลังปลูกไดป้ ระมาณ 30 วัน กค็ วรใสป่ ุ๋ย สตู ร 15 - 15 - 15 หรือ 46 - 0 - 0 อตั รา 50 กโิ ลกรัม/ไร่ สรรพคณุ และสว่ นที่นำมาใช้เป็นยา
น้ำมนั จากใบและต้น – แตง่ กลิน่ อาหาร เคร่ืองดม่ื สบู่ ลำตน้ แกห่ รือเหงา้ – แกอ้ าการท้องอืดทอ้ งเฟอ้ ขับปสั สาวะ แกน้ ิว่ ขับประจำเดอื น ขงิ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zingiber officinale Roscoe. ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE ชอ่ื พน้ื เมอื ง: ขงิ แกลง, ขิงแดง (จันทรบรุ )ี ขิงเผือก (เชียงใหม)่ สะเอ (แม่ฮ่องสอน) ขิงบา้ น ขงิ แครง ขงิ ป่า ขงิ เขา ขงิ ดอกเดยี ว (ภาคกลาง) เกีย (จีนแต้จิว๋ ) ลกั ษณะท่ัวไป : ไม้ล้มลุก สงู 0.3-1 เมตร มีเหง้าใตด้ นิ เปลือกนอกสนี ้ำตาลแกมเหลอื ง เนอื้ ในสี นวลแกมเขียว มกี ลน่ิ เฉพาะ แตกสาขา คลา้ ยนว้ิ มือ ใบเด่ยี ว เรยี งสลบั รูปขอบขนาน แกมใบหอก กวา้ ง 1.5-2 ซม. ยาว 15-20 ซม. ดอกชอ่ แทงออกจากเหง้า กลีบดอกสเี หลอื งแกมเขียว ใบ ประดับสีเขยี วออ่ น ผลแหง้ มี 3 พูสรรพคุณเหง้าแก่ทัง้ สดและแห้งใชเ้ ป็นยาขับลม ช่วยใหเ้ จรญิ อาหาร แก้อาเจยี น แกไ้ อ ขบั เสมหะและขับเหง่อื ผงขิงแหง้ มีฤทธิ์ขับน้ำดี ชว่ ยยอ่ ยไขมนั ลดการ บบี ตวั ของลำไส้ บรรเทาอาการปวดท้องเกรง
บัวบก ช่อื วิทยาศาสตร์ : Centella asiatica Urban วงศ์ : Umbelliferae ชอ่ื สามัญ : Asiatic Pennywort/Tiger Herbalชอ่ื อน่ื : ผักแวน่ ผกั หนอก รปู ลกั ษณะ : ไม้ลม้ ลุก อายุหลายปี เล้อื ยแผไ่ ปตามพืน้ ดิน ชอบที่ชื้นแฉะ แตกรากฝอยตามขอ้ ไหล ทแี่ ผไ่ ปจะงอกใบจากข้อ ชขู ้นึ 3-5 ใบ ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไต เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-5 ซม. ขอบใบ หยกั ก้านใบยาว ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ ขนาดเล็ก 2-3 ดอก กลีบดอกสมี ่วง ผลแหง้ แตกได้ สรรพคุณและส่วนที่นำมาใชเ้ ป็นยาใบสด - ใช้เปน็ ยาภายนอกรกั ษาแผลเป่ือย แผลไฟไหม้น้ำร้อน ลวก โดยใชใ้ บสด 1 กำมอื ลา้ งให้สะอาด ตำละเอียด ค้นั เอาน้ำทาบริเวณแผลบ่อย ๆ ใช้กากพอก ด้วยกไ็ ด้ แผลจะสนทิ และเกดิ แผลเปน็ ชนิดนูน (keloid) นอ้ ยลง สารที่ออกฤทธิ์คือ กรด madecassic, กรด asiatic และ asiaticoside ซ่ึงช่วยสมานแผลและเร่งการสร้างเนอ้ื เยื่อ ระงับการเจริญเติบโตของเช้อื แบคทเี รยี ท่ีทำใหเ้ กดิ หนองและลดการอักเสบ มรี ายงานการค้นพบ ฤทธิฆ์ า่ เช้ือรา อนั เปน็ สาเหตขุ องโรคกลาก ปัจจบุ ัน มีการพัฒนายาเตรียมชนดิ ครมี ให้ทารักษา แผลอักเสบจากการผ่าตัด น้ำตม้ ใบสด - ดมื่ ลดไข้ รักษาโรคปากเปอื่ ย ปากเหม็น เจบ็ คอ รอ้ นใน กระหายนำ้ ขับปัสสาวะ แกท้ ้องเสีย
ข่า ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Languas galaga (Linn). Stuntz ชือ่ วงศ:์ ZINGIBERACEAE ชื่อพน้ื เมือง: ข่า ขา่ ใหญ่ ขา่ หลวง ข่าหยวก (ภาคเหนือ) กฎุ กกโรหนิ ี เสะเออเคย (แม่ฮอ่ งสอน) สะเชย (กะเหรีย่ ง-แม่ฮอ่ งสอน) ลักษณะท่ัวไป : ไม้ลม้ ลกุ สูง 1.5-2 เมตร เหง้ามีขอ้ และปล้องชัดเจน ใบเดี่ย ใบสีเขียวอ่อนสลับกัน รปู ร่างรียาว ปลายแหลม ดอกออกเปน็ ชอ่ ที่นอ ดอกย่อยขนาดเล็ก กลบี ดอกสีขาว โคนตดิ กันเปน็ หลอดสั้นๆ ปลายแยกเป็น 3 กลีบ กลบี ใหญ่ทสี่ ดุ มรี ิ้วสแี ดง ใบประดบั รูปไข่ ผลแห้ง แตกได้ รูป กลมสรรพคุณเหง้าสดตำผสมกบั เหลา้ โรง ใช้ทารักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเช้ือรา เช่น กลาก เกลื้อน เหง้าอ่อนตม้ เอาน้ำด่ืม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟอ้ และขบั ลม ขา่ ไมม่ ีฤทธิก์ ่อกลาย พนั ธแ์ุ ละไม่เปน็ พิษ
กระชาย ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Boesenbergia rotunda (Linn.) Mansf. ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE ช่ือพื้นเมือง: ขิง กระชาย กะชาย ว่านพระอาทิตย์ (กรุงเทพฯ) กระแอม ระแอน (ภาคเหนือ) ขิง ทราย (มหาสารคาม) จี๊ปู ซีฟู (ฉาน-แม่ฮ่องสอน) เป๊าะสี่ เป๊าซอเร้าะ (กะเหร่ียง-แม่ฮ่องสอน) ลกั ษณะทั่วไป : ไมล้ ้มลุก ไมม่ ีลำต้นบนดิน มีเหงา้ ใตด้ ิน ซ่ึงแตกรากออกไป เปน็ กระจุกจำนวนมาก อวบน้ำ ตรงกลางพองกว้างกว่าส่วนหัวและท้าย ใบเดี่ยว เรียงสลับในระนาบเดียวกัน รูปขอบ ขนานแกมรูปไข่ ตรงกลางด้านในของก้านใบมีรองลึก ดอกช่อ ออกแทรกอยู่ระหว่างกาบใบที่โคน ต้น กลีบดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน ใบประดับรูปใบหอก สีม่วงแดง ดอกย่อยบานคร้ังละ 1 ดอก ผล ของกระชายเป็นผลแหง้ สรรพคุณเหง้าใช้แก้โรคในปาก ขบั ปัสสาวะ รกั ษาโรคบดิ แก้ปวดมวนท้อง ขบั ระดูขาว
มะกรูด ช่ือวิทยาศาสตร์ Citrus hystrix DC. ชือ่ วงศ์ Rutaceac ช่ือสามญั Leech Lime, Mauritius Papeda, Kaffir Lime, Porcupine Orange ช่อื ท้องถนิ่ ภาคเหนือ เรียก มะขูด, มะขุน ภาคใต้ เรยี ก สม้ กรูด, ส้มม่ัวผี เขมร เรยี ก โกร้ยเขยี ด กะเหรีย่ ง-แม่ฮอ่ งสอน เรยี ก มะขู ลกั ษณะทั่วไป : มะกรูดเป็นไม้ยนื ต้นขนาดเลก็ แตกก่ิงก้าน ลำตน้ และกง่ิ มหี นามแข็ง ใบ เปน็ ใบ ประกอบท่มี ีใบยอ่ ยใบเดียว สีเขยี วหนา มีลกั ษณะคอดก่ิวทกี่ ลางใบเป็นตอนๆ มกี ้านแผ่ออกใหญ่ เท่ากับแผ่นใบ ทำให้เห็นใบเป็น 2 ตอน ใบสเี ขียวแก่คอ่ นข้างหนา มกี ล่นิ หอมมากเพราะมีตอ่ ม น้ำมนั อยู่ ดอก ออกเป็นกระจุก 3–5 ดอก กลีบดอกสขี าว รว่ งงา่ ย ผล มีหลายแบบแลว้ แต่พนั ธผ์ุ ล เล็กเทา่ มะนาว ผิวขรุขระน้อยกวา่ และไม่มจี ุกที่หัว การปลกู มะกรดู ปลกู ได้ดใี นดนิ ทุกชนิด ขยายพนั ธ์ุโดยการเพาะเมล็ด สรรพคุณทางยา :ผวิ ผลสดและผลแห้ง รสปร่า หอมร้อน สรรพคุณแก้ลมหน้ามืด แกว้ ิงเวียน บำรงุ หวั ใจ ขับลมลำไส้ ขับระดูผล รสเปรยี้ ว มสี รรพคุณเปน็ ยาขบั เสมหะ แก้ไอ แกน้ ำ้ ลายเหนียว ฟอก โลหิต ใช้สระผมทำให้ผมดกดำ ขจัดรังแค
ราก รสเย็นจืด แก้พษิ ฝภี ายใน แก้เสมหะ แกล้ มจุกเสยี ด นำ้ มะกรดู รสเปรย้ี ว กัดเสมหะ ใชด้ องยามีสรรพคุณเปน็ ยาฟอกโลหิตสำหรับสตรี ใบ รสปรา่ หอม แกไ้ อ แก้อาเจียนเป็นโลหติ แกช้ ำ้ ใน และดับกลิ่นคาว วา่ นห่างจระเข้ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Aloe barbadensis Mill. ชอ่ื วงศ:์ ALOACEAE ช่อื พน้ื เมือง: ว่านไฟไหม้ (ภาคเหนอื ) หางตะเข้ (ภาคกลาง) ลกั ษณะทว่ั ไป : ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สงู 0.5-1 เมตร ข้อและปล้องสั้น ใบเดย่ี ว เรียงรอบต้น กวา้ ง 5-12 ซม. ยาว 0.3-0.8 เมตร อวบนำ้ มาก สีเขียวอ่อนหรือสีเขียวเข้ม ภายในมีวุ้นใส ใต้ผิวสี เขียวมนี ำ้ ยางสเี หลอื ง ใบอ่อนมีประสีขาว ดอกช่อออกจากกลางต้น ดอกยอ่ ย เป็นหลอดห้อยลง สี สม้ บานจากล่างข้นึ บน ผลแหง้ แตกได้สรรพคุณวุ้นสดภายในใบท่ฝี านออกใช้ปิดพอกรกั ษาแผลสด แผลเร้ือรงั แผลไฟไหมน้ ำ้ ร้อนลวก แผลไหม้เกรียม กนิ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร และใชเ้ ปน็ ส่วนผสมในเครอื่ งสำอาง นำ้ ยางสีเหลอื งจากใบเคี่ยวใหแ้ ห้ง เรียกว่า ยาดำ เป็นยาระบายชนดิ เพ่ิม การบบี ตวั ของลำไสใ้ หญ่
กานพลู ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Eugenia caryophyllum Bullock & Harrison วงศ์ : Myrtaceae ชื่อสามัญ : Clove ลักษณะ : ไม้ยืนต้น สูง 5-10 เมตร ใบเดีย่ ว เรียงตรงขา้ ม รปู วงรีหรือรูปใบหอก กว้าง 2.5-4 ซม. ยาว 6-10 ซม. ขอบเป็นคลืน่ ใบอ่อนสแี ดงหรอื นำ้ ตาลแดง เน้ือใบบางคอ่ นข้างเหนยี ว ผิวมนั ดอก ช่อ ออกที่ซอกใบ กลบี ดอกสีขาวและรว่ งงา่ ย กลบี เลี้ยงและฐานดอกสีแดงหนาแขง็ ผลเป็นผลสด รปู ไข่ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทย ใช้ดอกตมู แหง้ แก้ปวดฟนั โดยใช้ดอกแช่เหลา้ เอาสำลีชุบอุด รูฟัน และใช้ขนาด 5-8 ดอก ชงน้ำเดอื ด ดมื่ เฉพาะส่วนนำ้ หรอื ใช้เคย้ี วแก้ทอ้ งเสีย ขับลม แก้ ทอ้ งอดื เฟ้อ นอกจากน้ใี ช้ผสมในยาอมบ้วนปากดับกล่ินปาก พบวา่ ในน้ำมันหอมรเหยท่กี ล่นั จาก ดอกมีสาร eugenol ซ่ึงมฤี ทธเิ์ ป็นยาชาเฉพาะท่ี จึงใช้แก้ปวดฟนั และมฤี ทธ์ิลดการบบี ตัวของ ลำไส้ ทำให้เกิดอาการปวดท้องลดลง ชว่ ยขับน้ำดี ลดอาการจกุ เสยี ดท่เี กดิ จากการย่อยไม่สมบูรณ์ และสามารถฆา่ เช้ือแบคทีเรยี หลายชนดิ เชน่ เชือ้ โรคไทฟอยด์ บิดชนดิ ไม่มีตัว เช้ือหนองเปน็ ต้น นอกจากน้ียังกระตุ้นใหม้ กี ารหล่ังเมือก และลดการเป็นกรดในกระเพาะอาหารด้วย
กล้วยนำ้ วา้ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa sapientum L. ]วงศ์ : Musaceae ชือ่ สามญั ; Banana ลกั ษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ สงู 2-4.5 เมตร มีลำต้นใตด้ นิ ลำต้นเหนือดินเกดิ จากกาบใบหุม้ ซอ้ นกนั ใบ เดยี่ ว เรยี งสลับซ้อนกนั รอบตน้ ท่ปี ลายยอด รปู ขอบขนาน กวา้ ง 25-40 ซม. ยาว 1-2 เมตร ผิวใบ เรยี บมนั ทอ้ งใบสีอ่อนกว่า มีนวล ดอก ช่อเรยี กว่า หัวปลอี อกที่ปลายยอด ใบประดับหุ้มช่อดอกสี แดงหรือม่วง กลบี ดอกสขี าว บาง ผล เป็นผลสด ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ผลดิบซ่ึงมีสารแทนนินมาก รักษาอาการทอ้ งเสยี และบดิ โดยกนิ ครัง้ ละคร่งึ หรอื หน่งึ ผล มีรายงานว่า มีฤทธป์ิ ้องกันการเกดิ แผลในกระเพาะอาหารของหนู ขาวทีถ่ ูกกระตุ้นดว้ ยยาแอสไพริน เชอื่ ว่าฤทธ์ดิ งั กล่าวเกิดจากการถูกกระตุน้ ผนงั กระเพาะอาหาร ให้หลั่งสารเมอื กออกมามากข้นึ จึงนำมาทดลองรักษาโรคกระเพาะอาหารของคน โดยใชก้ ล้วยดบิ หัน่ เป็นแวน่ ตากแหง้ บดเปน็ ผง กินวนั ละ 4 คร้งั ๆ ละ 1-2 ช้อนแกง ก่อนอาหารและกอ่ นนอน อาจทำใหเ้ กดิ อาการทอ้ งอืด ซ่ึงปอ้ งกนั ได้โดยกนิ ร่วมกับยาขับลม เช่น ขงิ
กระเทยี ม ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Allium sativum L. วงศ์ : Alliaceae ช่อื สามัญ : Common Garlic , Allium ,Garlic , ชอ่ื อนื่ : กระเทยี ม (ภาคกลาง) หอมเทียม (ภาคเหนือ) หอมขาว (ภาคอีสาน) เทียม, หอมเทยี ม (ภาคใต้) ลักษณะ : ไมพ่ ุ่ม สงู 2-4 เมตร กง่ิ ออ่ นมหี นาม ใบประกอบชนิดมใี บย่อยใบเดียว เรียงสลับ รูปไข่ รูปวงรหี รอื รปู ไขแ่ กมขอบขนานกว้าง 3-5 ซม. ยาว 4-8 ซม. เนื้อใบมีจดุ นำ้ มันกระจาย กา้ นใบมี ครบี เลก็ ๆ ดอกเดยี่ วหรอื ช่อ ออกทปี่ ลายก่ิงและทซี่ อกใบ กลบี ดอกสขี าว กลิ่นหอม ร่วงง่าย ผล เป็นผลสด กลมเกลย้ี ง ฉำ่ นำ้ ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใชน้ ำ้ มะนาวและผลดองแห้งเปน็ ยาขบั เสมหะแก้ไอ แกโ้ รค เลอื ดออกตามไรฟัน เพราะมวี ิตามนิ ซี น้ำมะนาวเป็นกระสายยาสำหรับสมุนไพรท่ีใช้ขบั เสมหะเชน่ ดปี ลีกนิ รว่ มกบั ยาขบั ลม เช่น ขิง
ข้เี หล็ก ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Cassia siamea Britt. วงศ์ : Leguminosae ชอื่ สามญั : Cassod Tree / Thai Copper Pod ช่ืออื่น ขี้เหลก็ แกน่ ขเี้ หล็กบาน ข้เี หล็กหลวง ข้เี หลก็ ใหญล่ ักษณะ : ไม้ยืนต้น สงู 10-15 เมตร ใบประกอบแบบขนนก เรยี งสลบั ใบยอ่ ยรปู ขอบ ขนาน กวา้ งประมาณ 1.5 ซม. ยาว 4 ซม. ใบออ่ นมขี นสีนำ้ ตาลแกมเขยี ว ดอกชอ่ ออกทป่ี ลายก่งิ กลีบดอกสีเหลือง ผลเปน็ ฝักแบนยาวและหนา ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ดอกเปน็ ยานอนหลบั ลดความดันโลหิตดอกตูมและใบออ่ น เปน็ ยาระบาย ใบแกร้ ะดูขาว แก้น่วิ ขบั ปสั สาวะ แก่นแกไ้ ข้ ทำใหน้ อนหลับ รักษากามโรค ใบอ่อน และแกน่ มีสารกลมุ่ แอนทราควิโนนหลายชนดิ จึงมฤี ทธ์ิเปน็ ยาระบายใช้ใบออ่ นครงั้ ละ 2-3 กำมือ ต้มกับนำ้ 1-1.5 ถว้ ย เติมเกลือเล็กนอ้ ย ดมื่ ก่อนอาหารเช้าครง้ั เดยี ว นอกจากน้ีในใบออ่ นและดอก ตูมยังพบสารซึง่ มฤี ทธิ์กดประสาทส่วนกลางทำให้นอนหลับโดยใช้วิธดี องเหล้าดื่มก่อนนอน
คูณ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L. วงศ์ : Leguminosae ชือ่ สามัญ : Golden Shower Tree/ Purging Cassia ชอ่ื อ่ืน : ราชพฤกษ์ ลมแล้ง ลักษณะ : ไมย้ ืนต้น สงู 5-15 เมตร ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับ ใบยอ่ ยรูปไขห่ รอื รูปวงรี กวา้ ง 4-8 ซม. ยาว 7-12 ซม. ดอกช่อออกที่ปลายกง่ิ ห้อยเป็นโคมระยา้ กลีบดอกสเี หลอื ง ผลเป็น ฝักกลม สีน้ำตาลเข้มหรอื ดำ เปลอื กแข็ง ผิวเรียบ ภายในมีผนงั กน้ั เป็นห้อง แต่ละหอ้ งมี เมล็ด 1 เมลด็ หุม้ ด้วยเน้อื สีดำเหนยี ว ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชเ้ นื้อหมุ้ เมล็ดแกท้ อ้ งผูก ขับเสมหะ ดอกแกไ้ ข้ เปน็ ยา ระบาย แก่นขบั พยาธิไส้เดือน พบว่าเนื้อหมุ้ เมล็ดมีสารกลุม่ แอนทราควิโนน จงึ มีสรรพคุณเปน็ ยา ระบาย โดยนำเน้อื หุม้ เมล็ดซ่ึงมสี ดี ำเหนียว ขนาดก้อนเท่าหวั แมม่ ือ (ประมาณ 4 กรมั ) ตม้ กบั นำ้ ใส่เกลือเลก็ น้อย ด่มื ก่อนน้ำ ด่มื กอ่ นนอน มีขอ้ ควรระวงั เช่นเดยี วกับชุมเห็ดเทศ
ชมุ เห็ดเทศ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Senna alata L. วงศ์ : Leguminosae ช่ือสามญั Ringworm Bush ชอ่ื อ่ืน : ข้ีคาก ลับมนี หลวง หมากกะลิงเทศ ชุมเห็ดใหญ่ ลกั ษณะ : ไม้พุ่ม สงู 1 - 3 เมตร แตกก่ิงออกด้สนขา้ ง ในแนวขนานกบั พน้ื ใบประกอบ แบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อยรูปขอบขนาน รปู วงรแี กมขอบขนาน หรอื รูปไขก่ ลบั กว้าง 3-7 ซม. ยาว 6- 15 ซม. หูใบเป็นรูปสามเหล่ยี ม ดอกช่อ ออกทซี่ อกใบตอนปลายก่งิ กลีบดอกสเี หลอื งทอง ใบ ประดับ สนี ้ำตาลแกมเหลืองหมุ้ ดอกย่อยเห็นชดั เจน ผลเป็นฝกั มีครีบ 4 ครบี เมล็ดแบน รูป สามเหล่ยี ม ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : รสเบ่อื เอียน ใบตำทาแกก้ ลากเกลอื้ น โรคผวิ หนัง ดอกและใบต้ม รบั ประทานแกอ้ าการท้องผูก มสี าร แอนทราควโิ นน กลัยโคซายด์ หลายชนิด ไดแ้ ก่ emodin, aloe - emodin และ rhein ใชเ้ ปน็ ยาระบายกระตนุ้ ลำไส้ใหญ่ให้บีบตวั การทดลองในสัตว์ และ คน พบวา่ ใบแก่มฤี ทธิ์ น้อยกวา่ ใบอ่อน นอกจากน้ีน้ำจากใบ ยังมฤี ทธฆิ์ ่าเช้อื แบคทเี รยี ด้วย
มะขาม ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Tamarindus indica L. วงศ์ : Leguminosae ชอ่ื สามญั : Tamarind ชือ่ อื่น : Tamarind ลกั ษณะ : มะขามเป็นไมย้ ืนตน้ ขนาดกลางจนถงึ ขนาดใหญ่แตกก่งิ กา้ นสาขามาก เปลือกต้นขรุขระ และหนา สนี ำ้ ตาลอ่อน ใบ เป็นใบประกอบ ใบเลก็ ออกตามกิง่ กา้ นใบเป็นคู่ ใบยอ่ ยเปน็ รปู ขอบ ขนาน ปลายไบและโคนใบมน ดอก ออกเป็นชอ่ เลก็ ๆ ตามปลายกง่ิ หน่ึงชอ่ มี 10-15 ดอก ดอก ยอ่ ยขนาดเล็ก กลบี ดอกสีเหลอื งและมีจดุ ประสแี ดงอยกู่ ลางดอก ผล เป็นฝกั ยาว รูปร่างยาวหรือ โคง้ ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมเี ปลอื กสีเขียวอมเทา สีนำ้ ตาลเกรียม เนอ้ื ในตดิ กบั เปลอื ก เมื่อแก่ฝัก เปลีย่ นเปน็ เปลือกแขง็ กรอบหกั ง่าย สนี ้ำตาล เนอื้ ในกลายเป็นสนี ำ้ ตาลหุม้ เมล็ด เน้อื มรี สเปรย้ี ว และหวาน ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : สรรพคุณทางยา · ยาระบาย แกอ้ าการท้องผกู ใชม้ ะขามเปียกรสเปรี้ยว 10–20 ฝัก (หนกั 70–150 กรัม) จม้ิ เกลอื รับประทาน แล้วดม่ื นำ้ ตามมากๆ หรือตม้ นำ้ ใส่เกลอื เลก็ น้อยด่ืมเปน็ น้ำมะขาม · ขบั พยาธไิ ส้เดอื น นำเอาเมล็ดแกม่ าคั่ว แลว้ กะเทาะเปลอื กออก เอาเนอ้ื ในเมล็ดไปแชน่ ้ำเกลอื จน นมุ่ รบั ประทานครงั้ ละ 20-30 เม็ด · ขบั เสมหะ ใชเ้ น้ือในฝกั แกห่ รอื มะขามเปยี กจมิ้ เกลือรบั ประทานพอสมควร คุณค่าทางโภชนาการ ยอดออ่ นและฝกั อ่อนมวี ิตามนิ เอ มาก มะขามเปียกรสเปร้ียว ทำใหช้ มุ่ คอ
ลดความรอ้ นของร่างกายได้ดี เนื้อในฝกั มะขามที่แกจ่ ดั เรยี กว่า \"มะขามเปยี ก\" ประกอบด้วยกรด อนิ ทรียห์ ลายตัว เช่น กรดทาร์ททาร์รคิ กรดซติ รคิ เปน็ ตน้ ทำให้ออกฤทธิ์ ระบายและลดความ ร้อนของรา่ งกายลงได้ แพทยไ์ ทยเชื่อวา่ รสเปรีย้ วน้ีจะกดั เสมหะให้ละลายได้ดว้ ย แมงลัก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ocimum basilicum L.f. var. citratum Back. วงศ์ : Labiatae ชอ่ื สามัญ : Hairy Basil ช่อื อ่นื : ก้อมก้อขาว มังลัก ลกั ษณะ : แมงลักมีลกั ษณะทรงตน้ ใบ ดอก และผลคลา้ ยโหระพา ตา่ งกันทีก่ ลิ่น ใบสีเขียวออ่ น กวา่ กลีบดอกสขี าวและใบประดบั สีเขยี ว ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยมกั เรียกผลแมงลักว่าเมด็ แมงลกั ใช้เปน็ ยาระบายชนิดเพม่ิ กาก เพราะเปลือกผลมีสารเมอื กซ่งึ สามารถพองตัวในนำ้ ได้ 45 เท่า เหมาะสำหรับ ผทู้ ่ไี ม่ชอบกิน อาหารที่มีกากเชน่ ผัก ผลไม้ ใช้ผลแมงลัก 1-2 ช้อนชา แชน่ ้ำ 1 แกว้ จนพองตัวเต็มที่ กนิ กอ่ น นอน ถ้าผลแมงลกั พองตวั ไม่เตม็ ที่จะทำให้ทอ้ งอืดและอจุ จาระแข็ง จากการทดลองพบว่าแมงลกั ทำให้จำนวนครง้ั ในการถา่ ยและปริมาณอจุ จาระเพิ่มขึ้น รวมทัง้ ทำให้อุจจาระอ่อนตวั กว่าปกติ นอกจากนใ้ี บและต้นสดมฤี ทธิข์ ับลม เน่ืองจากมนี ้ำมันหอมระเหย
ไพล ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Zingiber purpureum Roscoe วงศ์ : Zingiberaceae ช่ืออนื่ : ปูลอย ปูเลย วา่ นไฟ ลกั ษณะ : ไม้ลม้ ลกุ สูง 0.7-1.5 เมตร มีเหง้าใตด้ ิน เปลือกนอกสีนำ้ ตาลแกมเหลือง เน้อื ในสเี หลือง แกมเขียว มีกลน่ิ เฉพาะ แทงหนอ่ หรอื ลำตน้ เทยี มข้ึนเป็นกอประกอบดว้ ยกาบหรือโคน ใบหมุ้ ซอ้ น กัน ใบ เด่ียว เรียงสลับ รปู ขอบขนานแกมใบหอก กว้าง 3.5-5.5 ซม. ยาว 18-35 ซม. ดอก ช่อ แทงจากเหงา้ ใต้ดนิ กลีบดอกสีนวล ใบประดบั สีม่วง ผล เป็นผลแห้ง รูปกลม ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชเ้ หง้าเป็นยาขบั ลม ขบั ประจำเดือน มีฤทธิ์ระบายออ่ น ๆ แกบ้ ดิ สมานลำไส้ ยาภายนอกใชเ้ หงา้ สดฝนทาแกเ้ คล็ดยอก ฟกบวม เส้นตงึ เม่ือยขบ เหนบ็ ชา สมานแผล จากการวจิ ัยพบว่าในเหงา้ มนี ้ำมันหอมระเหยซงึ่ มีคุณสมบตั ลิ ดอาการอักเสบและบวม จึงมีการผลิตยาขี้ผึง้ ผสมน้ำมันไพล เพื่อใช้เปน็ ยาทาแก้อาการเคล็ดขดั ยอก นำ้ มนั ไพลผสม แอลกอฮอลส์ ามารถทากนั ยุงได้ นอกจากน้ีพบว่าในเหง้ามีสาร 4-(4-hydroxy-1-butenyl) veratrole ซ่ึงมีฤทธ์ิขยายหลอดลม ไดท้ ดลองใช้ผงไพล กับผปู้ ่วยเด็กท่เี ปน็ หดื สรุปว่าใหผ้ ลดที ง้ั ในรายทีม่ อี าการหอบหดื เฉียบพลนั และเร้ือรัง
เทยี นบ้าน ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Impatiens balsamina L. วงศ์ : Balsaminaceae ชือ่ สามญั : Garden Balsam ชอ่ื อน่ื : เทียนดอก เทียนสวน ลกั ษณะ : พรรณไม้พวกคลุมดิน ลำตน้ จะอุ้มน้ำ ลำตน้ จะไม่ตั้งตรงขน้ึ ไป จะเอยี งเล็กน้อย เปราะ ง่าย ใบมลี กั ษณะมนรี ปลายแหลม ดอกนนั้ จะมีหลายสี เขน่ สชี มพู สแี ดง สม้ และขาว เปน็ ดอก เดีย่ ว จะออกตดิ กันช่อหนึง่ อาจะจะมี 2-3 ดอก กลีบดอกจะซอ้ น ๆ กันเปน็ วงกลม มีกลีบ เล้ียง 3 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ กลีบดา้ นล่างงอเปราะ มีจะงอยย่นื ออกมาเปน็ หลอดเล็ก-ยาว ปลายโค้งขน้ึ ขนาดดอก 3-6 ซม. ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ใช้รกั ษาฝี แผลพพุ อง ใช้ใบสดและดอกสดประมาณ 1 กำมือ ตำละเอียด พอกฝี หรอื คนั้ น้ำทาบรเิ วณท่เี ปน็ ฝแี ละแผลพุพองวันละ 3 ครงั้ (สจี ากน้ำคั้นจะติดอย่นู าน จึงควร ระวังการเปรอะเปือ้ นเสือ้ ผ้าและร่างกายส่วนอื่น ๆ )
กะเพรา ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Ocimum sanctum L. วงศ์ : Labiatae ชือ่ อน่ื : กอมก้อ กอมก้อดง กะเพราขาว กะเพราแดง ลกั ษณะ : กะเพรามี 3 พนั ธ์ุ คือ กะเพราแดง กะเพราขาวและกะเพราลกู ผสมระหว่างกะเพราแดง และกะเพราขาว มีลกั ษณะทั่วไปคล้ายโหระพา ตา่ งกนั ที่กลิน่ และกิ่งก้านซง่ึ มขี นปกคลุมมากกว่า ใบกะเพราขาวสีเขียวอ่อน ส่วนใบกะเพราแดงสเี ขียวแกมม่วงแดง ดอกย่อยสีชมพูแกมมว่ ง ดอก กะเพราแดงสีเข้มกวา่ กะเพราขาว ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใชใ้ บหรือทัง้ ต้นเป็นยาขับลมแก้ปวดทอ้ ง ทอ้ งเสีย และ คลนื่ ไส้อาเจยี น นิยมใช้กะเพราแดงมากกว่ากะเพราขาว โดยใช้ยอดสด 1 กำมือ ตม้ พอเดือด ด่มื เฉพาะสว่ นนำ้ พบว่าฤทธ์ิขบั ลมเกิดจากนำ้ มนั หอมระเหย การทดลองในสัตว์ แสดงวา่ น้ำสกัดทงั้ ต้นมฤี ทธลิ์ ดการบบี ตัวของลำไส้ สารสกดั แอลกอฮอลส์ ามารถรกั ษาแผลในกระเพาะอาหาร สาร eugenol ในใบมฤี ทธิ์ขบั น้ำดี ชว่ ยย่อยไขมันและลดอาการจุกเสียด
ยอ ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Morinda citrifolia L. วงศ์ : Rubiaceae ชือ่ สามญั : Indian Mulberry ช่ืออ่ืน : มะตาเสือ ยอบ้าน ลกั ษณะ : ไมย้ ืนต้น สูง 2-6 เมตร ใบเด่ยี ว เรียงตรงข้าม รปู วงรี กว้าง 8-15 ซม. ยาว 10-20 ซม. หูใบอย่รู ะหว่างโคนก้านใบ ดอกช่อ ออกทีซ่ อกใบ ฐานดอกอดั กนั แน่นเป็นรูปทรงกลม กลีบดอกสี ขาว ผลเปน็ ผลสด เชือ่ มติดกนั เปน็ ผลรวม ผวิ เป็นต่มุ พอง ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ผลสดดบิ หรือหา่ ม ฝานเป็นชน้ิ บาง ย่างหรอื คั่วไฟออ่ น ๆ ใหเ้ หลอื ง ตม้ หรือชงกบั นำ้ ดม่ื แก้คล่นื ไสอ้ าเจียน
ฟกั ทอง ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Cucurbita moschata Decne. วงศ์ : Cucurbitaceae ชื่อสามญั : Pumpkin ชื่ออื่น : หมากอึ (ภาคอีสาน) มะฟกั แก้ว ฟกั แกว้ (ภาคเหนือ) มะน้ำแก้ว หมักอื้อ (เลย) หมากฟกั เหลือง (แมฮ่ ่องสอน) นำ้ เต้า ภาคใต้ ลักษณะ : เปน็ พชื ลม้ ลกุ มีเถายาวเลื้อยปกคลมุ ดิน ลำต้นมลี กั ษณะกลมหรือเป็นเหลย่ี มมน ผิวเป็น ร่องตามความยาว มีขนอ่อน ๆ มีหนวดสำหรับยึด เกาะยดึ บรเิ วณขอ้ ใบเปน็ ใบเดย่ี ว มขี นาดใหญ่ ออกเรียงสลับกนั โคนใบเว้าคลา้ ยรปู หัวใจ ขอบใบหยักเป็นเหลี่ยม 5 เหลี่ยม มีขนท้งั 2 ด้านของ ตัวใบดอกเปน็ ดอกเดยี่ วสีเหลอื งมขี นาดใหญ่ ลักษณะคลา้ ยระฆงั หรือกระดงิ่ ออกบรเิ วณง่ามใบผล มขี นาดใหญ่ มีลักษณะเป็นพเู ล็ก ๆ โดยรอบเปลือกนอกขรขุ ระและแขง็ มสี เี ขยี วและจะ เปลี่ยนเปน็ สีเขียวออ่ นและ สเี หลืองเข้ม และสเี หลืองตามลำดบั เนอ้ื ภายในมีสีเหลืองอมเขียว สี เหลอื ง และสีส้ม เมล็ดมีจำนวนมากซึ่งอยตู่ รงกลางผลระหว่างเน้อื ฟู ๆ มีรูปร่างคลา้ ยไข่ แบน มี ขอบนูนอยู่โดยรอบ ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : เนื้อฟกั ทองประกอบดว้ ยแป้ง โปรตีน ไขมนั ฟอสฟอรัส แคลเซียม เหลก็ และ สารเบต้า - แคโรทีน ซง่ึ เป็นสารที่ร่างกายนำไปสร้างวติ ามนิ เอ เมล็ดมีฟอสฟอรสั ในปริมาณ สูง รวมทั้งแปง้ โปรตีน และนำ้ ประมาณร้อยละ 40 ส่วนเมลด็ แหง้ มสี ารควิ เคอร์บิทีน (Cucurbitine) เป็นสารสำคญั ซึ่งมีฤทธ์ฆิ า่ พยาธไิ ด้ผลดี นอกจากนั้น ฟักทองสามารถกระตุ้นการ หล่ังอินซูลิน ซง่ึ ชว่ ยปอ้ งกันโรคเบาหวาน ความดันโลหติ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลอื ด บำรงุ
นัยน์ตา ตบั และไต เมลด็ ใช้เป็นยาขบั พยาธติ ัวตืด ป้องกันการเกิดน่วิ ในกระเพาะปสั สาวะ และช่วย ดับพิษปอดบวม รากชว่ ยแก้พิษแมลงสตั ว์กัดตอ่ ย ยางช่วยแกพ้ ิษผืน่ คนั เริม และงสู วดั ออกฤทธิ์ คือ asperuloside มะเกลอื ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Diospyros mollis Griff. วงศ์ : Ebenaceae ชอ่ื สามัญ : Ebony tree ชอื่ อ่นื : ผีเผา (ฉาน-ภาคเหนือ) มักเกลือ (เขมร-ตราด) ลกั ษณะ : ไม้ต้นขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ สงู 10-30 เมตร เรือนยอดเป็นพมุ่ กลม ผวิ เปลือกเป็น รอยแตกสะเกด็ เลก็ ๆ สีดำ เปลอื กในสเี หลอื ง กระพ้ีสขี าว กงิ่ อ่อนมขี นนุม่ ข้นึ ประปราย ใบ เป็นใบ เด่ยี วขนาดเลก็ รูปไข่หรอื รีเรยี งตวั แบบสลับ ดอก ออกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกแยกเพศต่างต้น ดอกตัวผูม้ ีขนาดเล็ก สเี หลืองอ่อน หนง่ึ ชอ่ มี 3 ดอก ผิวเกลยี้ ง ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีดำ ผลแก่จัด จะแหง้ มีกลบี เลย้ี งติดบนผล 4 กลีบ ผลแก่ราวเดือนมิถุนายน-สงิ หาคม เมลด็ แบน สเี หลอื ง 4- 5 เมลด็ ขนาดกว้าง 0.5-0.7 ซม. ยาว 1-2 ซม. ขยายพนั ธุ์โดยการเพาะเมลด็ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ผลดิบสด-ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิไดห้ ลายชนิด ถา่ ยพยาธิปากขอไดด้ ที ี่สดุ เดก็ อายุ 10 ปีใช้ 10 ผล ผู้ท่ีอายุมากกวา่ 10 ปี ให้เพ่ิมจำนวนขึน้ 1 ผลตอ่ 1 ปี แต่สูงสดุ ไม่ เกนิ 25 ผล คือผู้ทอี่ ายุ 25 ปีขนึ้ ไปกิน 25 ผลเทา่ นัน้ ล้างให้สะอาด ตำพอแหลก กรองเอาเฉพาะ น้ำผสมหวั กะทิ 2 ช้อนชาต่อมะเกลือ 1 ผล กินครั้งเดยี วใหห้ มดตอนเชา้ มืด ก่อนอาหาร 3 ชั่วโมง หลงั จากน้ี 3 ชัว่ โมง ถ้าไม่ถ่ายให้กินยาระบายดเี กลือ โดยใชผ้ งดเี กลอื 2 ชอ้ นโต๊ะ ละลายนำ้ ประมาณครึ่งแก้ว เพอ่ื ถ่ายพยาธิ และตวั ยาท่เี หลือออกมา สารทม่ี ฤี ทธคิ์ อื diospyrol diglucosideขอ้ ควรระวงั 1: ผูท้ ีห่ า้ มใช้มะเกลือได้แก่ เดก็ อายตุ ่ำกว่า 10 ปี หญิงมคี รรภ์ หรอื หลัง
คลอดไม่เกนิ 6 สปั ดาห์ ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร หรอื มีอาการปวดท้อง ถา่ ยอจุ จาระผิดปกติ บ่อยๆ และผทู้ ่ีกำลังเปน็ ไข้ ในการเตรียมยาต้องใชผ้ ลดบิ สด เตรียมแลว้ กนิ ทนั ที ไม่ควรเตรยี มยา ครั้งละมากๆ ใชเ้ ครอ่ื งบดไฟฟา้ จะทำใหล้ ะเอยี ดมาก มีตัวยาออกมามากเกนิ ไปข้อควรระวัง 2 : เคยมีรายงานว่าถ้ากนิ ยามะเกลือขนาดสงู กว่าทร่ี ะบไุ ว้ หรือเตรียมไว้นาน สารสำคญั จะ เปลี่ยนเปน็ สารพิษชอื่ diospyrol ทำให้จอรับภาพ และประสาทตาอักเสบ อาจตาบอดได้ ประโยชน์ดา้ นอ่ืนๆ เน้ือไม้ใช้ทำเฟอร์นิเจอรป์ ระดับมุก ผล ให้สีดำ ใช้ย้อมผา้ และแพรได้ เล็บมือนาง ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Quisqualis indica L. วงศ์ : Combretaceae ช่ือสามัญ : Rangoon Creeper ช่ืออื่น : จะมง่ั จ๊ามงั่ มะจีมั่ง ลกั ษณะ : ไมเ้ ถาเนื้อแขง็ ตน้ แกม่ ักมกี ลิน่ ทเ่ี ปล่ยี นเป็นหนาม ใบเด่ยี ว เรียงตรงข้าม รูปวงรี หรือรูป ไขแ่ กมขอบขนาน กว้าง 5-8 ซม. ยาว 10-16 ซม. ดอกช่อ ออกท่ีปลายกิง่ และซอกใบบรเิ วณปลาย กิ่ง กลบี ดอกสแี ดงโคนกลบี เลีย้ งเป็นหลอดเรียวยาว สีเขียว ผลเปน็ ผลแหง้ รปู กระสวย มเี ปลือก แขง็ สีน้ำตาลเขม้ มสี นั ตามยาว 5 สัน ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้เนอื้ ในเมลด็ แห้งเป็นยาขับพยาธไิ ส้เดอื น สำหรับเด็กกนิ คร้งั ละ 2-3 เมลด็ และผู้ใหญค่ รง้ั ละ 4-5 เมลด็ โดยนำมาปน่ เปน็ ผง ผสมกบั น้ำผึง้ ปน้ั เปน็ ยา
ลูกกลอน หรอื ต้มเอานำ้ ด่ืม หรือทอดกับไขก่ ินก็ได้ สารทมี่ ีฤทธิ์ขบั พยาธไิ ด้แก่กรด quisqualic ซึ่ง เป็นกรดอะมโิ นชนิดหนึ่ง ฟ้าทะลายโจร ช่ือวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata (Burm.) Wall. ex Nees วงศ์ : Acanthaceae ชอ่ื อื่น : คีปังฮี (จนี ) ฟ้าทะลายโจร หญ้ากนั งู นำ้ ลายพังพอน ลกั ษณะ : ไม้ล้มลุก สูง30-60 ซม.ทงั้ ต้นมีรสขม ลำต้นเปน็ ส่เี หลี่ยม แตกก่ิงออกเป็นพุม่ เลก็ ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่หรือรูปใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว4-8 ซม. สีเขยี วเข้มเปน็ มนั ดอกชอ่ ออกท่ีปลายกิง่ และซอกใบ ดอกย่อยขนาดเลก็ กลีบดอกสีขาว โคนกลีบดอกตดิ กัน ปลายแยก ออกเป็น 2 ปาก ปากบนมี 3 กลีบ มีเส้นสแี ดงเข้มพาดตามยาว ปากล่างมี 2 กลีบ ผลเป็นฝักสี เขยี วอมนำ้ ตาล ปลายแหลม เมื่อผลแกจ่ ะแตกเป็นสองซีก ดีดเมลด็ ออกมา ประโยชน์ทางสมุนไพร : ชาวจีนใช้ฟ้าทะลายเปน็ ยามาแตโ่ บราณ และมาเป็นที่นยิ มใช้ในปะเทศ ไทยเมอื่ ไม่นานมานี้ โดยใช้เฉพาะใบหรือท้งั ต้นบนดนิ ซึง่ เกบ็ ก่อนทีจ่ ะมีดอกเป็นยาแกเ้ จบ็ คอ แก้ ท้องเสยี แก้ไข้ เปน็ ยาขมเจริญอาหาร การศกึ ษาฤทธล์ิ ดไขใ้ นสตั ว์ทดลองพบวา่ สารสกัด แอลกอฮอล์มีแนวโน้มลดไขไ้ ด้ รายงานการใช้รักษาโรคอุจจาระร่วงและบดิ ไม่มตี วั แสดงวา่ ฟ้า ทะลายมปี ระสิทธภิ าพในการรกั ษาเท่ากบั เตตราซยั คลินแต่ในการรกั ษาอาการเจบ็ คอนัน้ มรี ายงาน
ทง้ั ทไ่ี ดผ้ ลและไมไ่ ดผ้ ลขนาดที่ใช้คอื พืชสด 1-3 กำมือ ต้มนำ้ ดม่ื ก่อนอาหารวนั ละ 3 ครั้ง หรอื ใช้ พืชแห้งบดเป็นผงละเอียดป้นั เป็นยาลกู กลอนขนาดเสน้ ผ่าศนู ย์กลางประมาณ 0.8 ซม. กนิ ครั้ง ละ 3-6 เม็ด วนั ละ 3-4 คร้งั กอ่ นอาหารและกอ่ นนอน สำหรับผงฟ้าทะลายที่บรรจุแคปซลู ๆ ละ 500 มิลลิกรัม ใหก้ ินครัง้ ละ 2 เมด็ วันละ 2 ครั้ง กอ่ นอาหารเช้าและเย็น อาการขา้ งเคยี งที่ อาจพบคือ คลื่นไส้ กระเจ๊ยี บแดง ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffa L. วงศ์ : Malvaceae ชอ่ื สามญั : Roselle ช่อื อน่ื : กระเจี๊ยบ กระเจ๊ียบเปรี้ย ผักเกง็ เค็ง สม้ เก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง ลักษณะ : ไม้พุ่ม สูง 50-180 ซม. มีหลายพนั ธุ์ ลำต้นสมี ว่ งแดง ใบเดีย่ ว รูปฝ่ามอื 3 หรอื 5 แฉก กว้างและยาวใกล้เคยี งกัน 8-15 ซม. ดอกเดีย่ ว ออกท่ีซอกใบ กลบี ดอกสชี มพูหรอื เหลืองบรเิ วณ กลางดอกสีม่วงแดง เกสรตวั ผเู้ ชื่อมกนั เปน็ หลอด ผลเปน็ ผลแหง้ แตกได้ มกี ลีบเลย้ี งสีแดงฉ่ำนำ้ หุ้มไว้ ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใชใ้ บและยอดอ่อนซึง่ มรี สเปร้ียวแก้ไอ เมล็ดบำรงุ ธาตุ ขบั ปสั สาวะ มีรายงานการทดลองในผูป้ ่วยโรคนิ่วในท่อไต ซง่ึ ดื่มยาชงกลบี เลี้ยงแห้งของผล 3 กรัมใน
น้ำ 300ซซี ี วนั ละ 3 ครัง้ ทำใหถ้ า่ ยปัสสาวะสะดวกขน้ึ บางรายนวิ่ หลดุ ได้เอง นอกจากนท้ี ำให้ ผู้ป่วยกระเพาะปสั สาวะอักเสบมอี าการปวดแสบเวลาปสั สาวะน้อยลง หญา้ หนวดแมว ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Orthosiphon grandiflorus Bolding วงศ์ : Labiatae ชอื่ สามญั : Cat's Whisker ชือ่ อื่น : พยบั เมฆ ลกั ษณะ : ไม้พุม่ สูง 0.5-1 เมตร กง่ิ และก้านสเ่ี หลย่ี มสีม่วงแดง ใบ เดี่ยว เรยี งตรงข้าม รปู ไขแ่ กม ส่ีเหลีย่ มขา้ วหลามตดั กวา้ ง 2-4 ซม. ยาว 4-7 ซม. ขอบใบหยกั ฟนั เลอื่ ย ดอก ช่อ ออกที่ปลายกง่ิ มี 2 พนั ธค์ุ อื พันธด์ุ อกสขี าวและพนั ธด์ุ อกสีมว่ งนำ้ เงิน เกสรตวั ผู้ยนื่ พน้ กลีบดอกออกมายาวมาก ผล เปน็ ผลแหง้ ไม่แตก รูปรขี นาดเลก็ ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชท้ ้ังต้นเป็นยาขับปสั สาวะ แกโ้ รคปวดตามสนั หลงั และบั้น เอว ใบเป็นยารักษาโรคเบาหวานและลดความดันโลหติ มีการทดลองใชใ้ บแห้งเป็นยาขบั ปัสสาวะ ขบั กรดยูรคิ ซง่ึ เปน็ สาเหตขุ องโรคเกาด์และรกั ษาโรคนิ่วในไตกับผู้ปว่ ยโรงพยาบาลรามาธบิ ดี โดย ใช้ใบแห้งประมาณ 4 กรัม ชงกบั น้ำเดอื ด 750 ซซี ี ดมื่ ต่างน้ำตลอดวนั ไดผ้ ลเป็นทน่ี า่ พอใจของ แพทย์ พบวา่ ในใบมีเกลอื โปแตสเซียมสูง ผปู้ ว่ ยโรคหัวใจไม่ควรใช้
หญ้าคา ช่ือวทิ ยาศาสตร์ : Imperata cylindrica Beauv. วงศ์ : Gramineae ชือ่ สามญั : ลกั ษณะ : ไม้ลม้ ลุก สงู 0.3-0.9 เมตร มีเหง้าใต้ดนิ รูปรา่ งยาวและแข็ง ใบ เดย่ี ว แทงออกจาก เหง้า กวา้ ง 1-2 ซม. ยาวไดถ้ งึ 1 เมตรขอบใบคม ดอก ช่อ แทงออกจากเหงา้ ดอกยอ่ ยอยู่รวมกนั แน่น สีเงนิ อมเทาจาง ผล เป็นผลแหง้ ไมแ่ ตก ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้รากและเหงา้ เปน็ ยาขบั ปัสสาวะ แก้อาการกระเพาะ ปัสสาวะอกั เสบ ปัสสาวะแดง บำรงุ ไต ขบั ระดูขาว มีการศึกษาฤทธิข์ ับปสั สาวะในสตั ว์ทดลอง พบวา่ ไดผ้ ลเฉพาะน้ำตม้ ส่วนราก
อ้อยแดง ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Saccharum officinarum L. วงศ์ : Gramineae ชอ่ื สามญั : Sugar-cane ช่อื อืน่ : อ้อย อ้อยขม ออ้ ยดำ ลกั ษณะ : ไม้ล้มลกุ สงู 2-5 เมตร ลำต้นสีมว่ งแดง มไี ขสขี าวปกคลมุ ไมแ่ ตกก่งิ กา้ น ใบเดี่ยว เรยี งสลับ กว้าง 2.5-5 ซม. ยาว 0.5-1 เมตร ดอกชอ่ ออกทป่ี ลายยอด สีขาว ผลเป็นผลแหง้ ขนาดเล็ก ออ้ ย มีหลายพนั ธ์ุ แตกตา่ งกันทค่ี วามสูงความยาวของข้อและสขี องลำตน้ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชล้ ำตน้ เปน็ ยาขับปัสสาวะ โดยใชล้ ำต้นสด 70-90 กรัม หรอื แหง้ 30-40 กรัม หัน่ เปน็ ชิ้น ต้มน้ำแบ่งด่มื วนั ละ 2 ครัง้ ก่อนอาหาร แกไ้ ตพกิ าร หนองในและขับ น่ิว แพทย์พ้ืนบา้ นใช้ขบั เสมหะ มีรายงานวา่ ออ้ ยแดงมฤี ทธิข์ ับปัสสาวะในสตั ว์ทดลอง
ขลู่ ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Pluchea indica Less วงศ์ : Compositae ชื่อสามญั : Indian Marsh Fleabane ชือ่ อนื่ : ขลู่ หนวดง่วั หนงดงิ้ว หนวดงวั หนวดวัว ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่ม สูง 1-2.5 เมตร ชอบข้นึ ในทชี่ ื้นแฉะ ใบเดีย่ ว เรยี งสลับ รูปไข่กลบั กวา้ ง 1-5 ซม. ยาว 2.5-10 ซม. ขอบใบหยักซฟี่ ันห่าง ๆ ดอกชอ่ ออกที่ยอดและซอกฟนั กลบี ดอกสีม่วง ผลเป็น ผลแหง้ ไม่แตก ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชท้ ั้งต้นต้มกินเปน็ ยาขบั ปสั สาวะ แก้เบาหวาน ต้มน้ำอาบแก้ ผื่นคัน น้ำค้ันใบสดรักษาริดสีดวงทวาร การทดลองในสัตว์และคนปกติ พบว่ายาชงท้ังตน้ มีฤทธข์ิ ับ ปัสสาวะมากว่ายาขบั ปัสสาวะแผนปัจจบุ ัน (hydrochlorothiazide) และมขี ้อดคี อื สญู เสียเกลือแร่ นอ้ ยกว่า
สบั ปะรด ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Ananas comosus Merr. วงศ์ : Bromeliaceae ช่อื สามัญ : Pineapple ช่อื อนื่ : ขนนุ ทอง ยานดั ย่านนัด บอ่ นดั มะขะนัด มะนดั ลงิ ทอง หมากเกง็ ลักษณะ : ไมล้ ม้ ลกุ อายุหลายปี สูง 90-100 ซม. มีลำตน้ อยู่ใตด้ ิน ใบ เด่ียว เรยี งสลบั ซอ้ นกันถม่ี า กรอบตน้ กว้าง 6.5 ซม. ยาวได้ถึง 1 เมตร ไม่มกี ้านใบ ดอก ช่อ ออกจากกลางต้น มดี อกยอ่ ย จำนวนมาก ผล เปน็ ผลรวม รูปทรงกระบอก มีใบเป็นกระจกุ ท่ีปลายผล ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้เน้ือผลเปน็ ยาแกไ้ อขบั เสมหะ เหงา้ เปน็ ยาขับปัสสาวะ แก้ นวิ่ พบว่าลำตน้ และผลมเี อนไซม์ย่อยโปรตนี ชือ่ bromelain ใช้เป็นยาลดการอักเสบและบวม จากการถูกกระแทกบาดแผล หรือการผา่ ตดั โดยผลิตเป็นยาเมด็ ชอื่ Ananase Forte Tablet
สะแก ชื่อวิทยาศาสตร์ : Combretum quadrangulare Kurz วงศ์ : Combretaceae ชื่อสามญั : ชอ่ื อ่นื : แก ขอนแข้ จองแข้ แพ่ง สะแก ลกั ษณะ : ไม้ยืนต้น สงู 5-10 เมตร ก่ิงอ่อนเป็นรูปเหลี่ยม ใบเดีย่ ว เรียงตรงขา้ ม รูปวงรี หรอื รูปไข่ กลับ กวา้ ง 3-8 ซม. ยาว 6-15 ซม. ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ และปลาดยอด ดอกยอ่ ยมขี นาดเลก็ กลีบดอกสขี าว ผลแห้ง มี 4 ครีบ เมล็ดสีน้ำตาลแดง รปู กระสวย มี 4 สันตามยาว ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : เมลด็ แก่-ใชข้ ับพยาธิไสเ้ ดือน และพยาธิเส้นดา้ ยในเด็ก โดยใช้ ขนาด 1 ช้อนคาว หรือ 3 กรมั ตำผสมกบั ไขท่ อดกนิ ครงั้ เดียว ขณะท้องว่าง
พลู ช่ือวิทยาศาสตร์ : Piper betle L. วงศ์ : Piperaceae ช่ือสามัญ : Betel Vine ลักษณะ : ไม้เถาเน้ือแขง็ รากฝอยออกบรเิ วณขอ้ ใช้ยดึ เกาะ ข้อโป่งนนู ใบ เดยี่ ว เรยี งสลับ รูปหัวใจ กว้าง 8- 12 ซม. ยาว 12-16 ซม. มีกลนิ่ เฉพาะและมรี สเผ็ด ดอก ช่อ ออกท่ซี อกใบ ดอกย่อยขนาดเล็กอัด แน่นเปน็ รูปทรงกระบอก แยกเพศ สีขาว ผล เปน็ ผลสด กลมเล็กเบียดอยู่บนแกน พลูมีหลายพันธุ์ เช่นพลูเหลือง พลูทองหลาง ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชน้ ำ้ คนั้ ใบสดกนิ เปน็ ยาขับลมและทาแก้ลมพษิ โดยใช้ 3-4 ใบ ขย้ีหรือตำใหล้ ะเอียด ผสมเหลา้ โรงเลก็ น้อย ทาบรเิ วณทีเ่ ปน็ ใบมีน้ำมนั หอมระเหย ประกอบดว้ ย สาร chavicol และ eugenol ซึ่งมีฤทธทิ์ ำให้ชาเฉพาะที่ สามารถบรรเทาอาการคนั และฆ่าเช้ือโรค บางชนิดดว้ ย จึงมกี ารพฒั นาตำรบั ยาขผ้ี ้งึ ผสมสารสกดั ใบพลูขน้ึ เพ่ือใช้เป็นยาทารกั ษาโรคผิวหนงั บางชนิด
ทองพนั ช่งั ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rhinacanthus nasutus Kurz วงศ์ : Acanthaceae ชือ่ อื่น : ทองคนั ชงั่ หญ้ามันไก่ ลักษณะ : ไมพ้ ่มุ สงู 1-2 เมตร กิง่ อ่อนมักเปน็ สันสี่เหล่ยี ม ใบเดี่ยวเรียงตรงขา้ มรปู ไขห่ รือรูปวงรี กว้าง 2-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. ดอกช่อ ออกท่ีซอกใบกลีบดอกสีขาว โดคนกลบี ติดกนั เป็นหลอด ปลายแยกเปน็ 2 ปาก ปากลา่ งมจี ดุ ประสมี ว่ งแดง ผลเป็นผลแหง้ แตกได้ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชใ้ บสดและรากโขลกละเอียด แชเ่ หลา้ โรง 1 สัปดาหเ์ อาน้ำ ทาแก้กลากเกล้อื น สารสำคญั คอื rhinacanthin และ oxymethylanthraquinone
มะหาด ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Artocarpus lakoocha Roxb. วงศ์ : Moraceae ชื่ออนื่ : หาด ขุนปา่ มะหาดใบใหญ่ ลกั ษณะ : ไมย้ ืนต้น สูงประมาณ 30 เมตร ทรงพมุ่ แผ่กวา้ ง ใบ ด่ยี ว เรียงสลบั รูปขอบขนานหรือ รูปวงรี กวา้ ง 8-10 ซม. ยาว 10-20 ซม. หลงั ใบเปน็ มันสเี ขยี วเข้ม ท้องใบสาก ดอก ช่อ ออกท่ี ซอกใบ คอ่ นข้างกลม กา้ นสัน้ แยกเพศ อยู่บนตน้ เดียวกัน ผล เป็นผลรวม สีเหลือง ผวิ ขรขุ ระ มี ขนนุ่ม ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชป้ วกหาดเป็นยาถา่ ยพยาธิเส้นด้าย พยาธไิ ส้เดอื นและพยาธิ ตวั ตดื สำหรับเด็ก สารที่ออกฤทธ์ิคอื 2, 4, 3, 5- tetrahydroxystillbene จากการศึกษาไม่พบ ความเป็นพิษ ขนาดทีใ่ ชค้ อื ผงปวกหาด 3 กรัม ละลายน้ำเยน็ ด่ืมตอนเช้ามืดหลงั จากน้ัน ประมาณ 2 ชัว่ โมงใหก้ นิ ยาถา่ ย (ดเี กลอื ) นอกจากน้ียังใชล้ ะลายน้ำทาแก้คัน “ปวกหาด” เตรียม โดยการเคีย่ วเนื้อไม้กับน้ำ กรองเนื้อไมอ้ อก บบี น้ำออกให้แหง้ จะไดผ้ งสนี วลจบั กันเปน็ ก้อน ย่าง ไฟจนเหลือง เรียกกอ้ นนี้ไดว้ ่า ปวกหาด
พญาปลอ้ งทอง ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Clinacantus nutans (Burm.) Lindau วงศ์ : Acanthaceae ชอื่ อ่ืน : ผักมนั ไก่ ผักล้ินเขียด พญาปลอ้ งคำ พญาปล้องดำ พญายอ เสลดพงั พอน เสลดพังพอนตัว เมีย ลักษณะ : ไม้พมุ่ รอเล้ือย สูง 1-3 เมตร ใบเดี่ยว เรยี งตรงข้าม รูปใบหอก กว้าง 1-3 ซม. ยาว 4- 12 ซม. สีเขยี วเขม้ ดอกชอ่ ออกเปน็ กะจกุ ทป่ี ลายก่ิง กลีบดอกสีแดงสม้ โคนกลีบ สีเขียว ติดกนั เป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก ไม่ค่อยออกดอก ผลเปน็ ผลแห้ง แตกได้ ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใชใ้ บสดรักษาแผลไฟไหมน้ ำ้ รอ้ นลวก แมลงกัดต่อย ผน่ื คนั โดยนำใบสด 5-10 ใบ ตำหรอื ขยี้ทา การทดลองในสัตวพ์ บว่าสารสกดั ใบสดดว้ ย n- butanol สามารถลดการอกั เสบได้ มกี ารเตรียมเป็นทิงเจอร์เพ่ือใช้ทารกั ษาอาการอกั เสบจากเรมิ ในปาก โดยใชใ้ บสด 1 กก. ปนั่ ละเอยี ด เติมแอลกอฮอล์ 70% 1 ลติ ร หมกั 7 วัน กรอง ระเหยบน เครื่ององั ไอน้ำให้ปริมาตรลดลงครงึ่ หนงึ่ เติมกลีเซอรีนเท่าตวั
มะนาว ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Citrus aurantifolia Swing. วงศ์ : Rutaceae ชอื่ สามัญ : Common Lime ชื่ออ่ืน : สม้ มะนาว มะลิว (ภาคเหนือ) ลกั ษณะ : ไมพ่ มุ่ สูง 2-4 เมตร ก่ิงอ่อนมีหนาม ใบประกอบชนิดมีใบย่อยใบเดียว เรียงสลับ รูปไข่ รูปวงรหี รอื รปู ไขแ่ กมขอบขนานกว้าง 3-5 ซม. ยาว 4-8 ซม. เน้อื ใบมจี ุดน้ำมันกระจาย กา้ นใบมี ครบี เลก็ ๆ ดอกเดี่ยวหรอื ชอ่ ออกท่ปี ลายก่ิงและทซี่ อกใบ กลบี ดอกสขี าว กล่ินหอม รว่ งง่าย ผล เปน็ ผลสด กลมเกลี้ยง ฉ่ำนำ้ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : รายาไทยใชน้ ้ำมะนาวและผลดองแห้งเป็นยาขับเสมหะแกไ้ อ แกโ้ รค เลอื ดออกตามไรฟัน เพราะมวี ิตามนิ ซี น้ำมะนาวเป็นกระสายยาสำหรับสมนุ ไพรท่ใี ช้ขบั เสมหะเช่น ดปี ลี
มะแว้งเครือ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Solanum trilobatum L. วงศ์ : Solanaceae ช่อื อ่ืน : แขวง้ เคยี ลกั ษณะ : ไม้เลอื้ ย มหี นามตามกิ่งก้าน ใบเดยี่ ว เรียงสลับ รูปไขก่ ว้าง 4-5 ซม. ยาว 5-8 ซม. ขอบ ใบเว้า มีหนามตามเสน้ ใบ ดอกชอ่ ออกที่ปลายกิ่งและซอกใบ กลีบดอกสมี ่วง ผลเป็นผลสด รปู กลม ผลดิบสเี ขยี วมีลายตามยาว เมอ่ื สกุ สีแดง ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชผ้ ลสดแก้ไอขบั เสมหะ โดยใช้ขนาด 4-10 ผล โขลกพอ แหลกคั้นเอานำ้ ใส่เกลือเล็กน้อย จิบบ่อยๆ หรอื เคย้ี วกลืนเฉพาะนำ้ จนหมดรสขมเฝือ่ น มะแว้ง เครอื เป็นสว่ นผสมหลกั ในยาประสะมะแว้งเชน่ กัน นอกจากนใี้ ช้ขับปัสสาวะแก้ไขแ้ ละเปน็ ยาขม เจรญิ อาหารดว้ ย
มะแวง้ ต้น ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Solanum indicum L. วงศ์ : Solanaceae ชื่ออน่ื : ลกั ษณะ : ไมพ้ ุ่ม สงู 1-1.5 เมตร ลำตน้ มีขนนุ่ม ใบเดีย่ ว เรียงสลับรปู ไขห่ รอื รูปขอบขนาน กวา้ ง 4-10 ซม. ยาว 6-12 ซม. ขอบใบเว้า ผวิ ใบมีขนนุ่มท้งั สองดา้ น ดอกชอ่ ออกตามก่ิงหรอื ที่ ซอกใบ กลีบดอกสีมว่ ง ผลเปน็ ผลสด รูปกลม ผลดบิ สเี ขยี วอ่อน ไม่มีลาย เม่อื สุกสสี ม้ ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ผลสดแก้ไอขบั เสมหะ รกั ษาเบาหวาน ขบั ปัสสาวะ มกี าร ทดลองในสัตว์ พบวา่ น้ำสกดั ผลมีฤทธล์ิ ดน้ำตาลในเลอื ด แต่มฤี ทธิ์นอ้ ยและระยะเวลาการออกฤทธิ์ สั้น พบสเตดรอยดป์ ริมาณคอ่ นข้างสูง จงึ ไม่ควรใชต้ ิดต่อกนั เปน็ เวลานาน มะแวง้ ต้นเปน็ ส่วนผสม หลัก ในยาประสะมะแวง้ ซง่ึ องคก์ ารเภสชั กรรมผลิตข้นึ ตามตำรับยาสามัญประจำบา้ นแผนโบราณ
แห้วหมู ช่อื วิทยาศาสตร์ : Cyperus rotundus L. วงศ์ : Cyperacear ชอื่ สามัญ : Nutgrass ชื่ออน่ื : หญ้าขนหมู ลกั ษณะ : ไม้ล้มลกุ อายหุ ลายปี สงู 20-40 ซม. มีลำตน้ ใตด้ นิ เป็นหัวคล้ายหัวแหว้ ไทย แตกแขนง ลำตน้ เป็นเสน้ แข็งเหนียวอยใู่ ตด้ นิ และงอกเป็นหวั ใหม่ได้ ใบเดี่ยว จำนวนมาก แทงออกจากหัว กว้าง 2-6 มม. ยาว 5-20 ซม. ดอกชอ่ คล้ายดอกหญ้า สีนำ้ ตาลแดง แตกแขนงเป็น 4-10 กิง่ ก้าน ชอ่ ดอกเป็นสามเหล่ยี มตรง ผลเป็นผลแหง้ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใชห้ วั ใต้ดนิ เป็นยาบำรงุ หวั ใจ ขบั เหงอ่ื และขบั ปัสสาวะ การ ทดลองในสัตวพ์ บฤทธขิ์ ับปสั สาวะ ลดไข้ ลดความดันโลหิตและลดการอกั เสบ ซงึ่ เชอื่ วา่ เกดิ จาก a- cyperone นอกจากนี้พบฤทธิย์ ับยง้ั การเจริญเตบิ โตของเชื้อมาลาเรยี ชนิดฟลั ซิพารัมในหลอด ทดลองด้วย
เรว่ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ : Amomum xanthioides Wall. วงศ์ : Zingiberaceae ชื่อสามัญ : Bustard cardamom, Tavoy cardamom ชอ่ื อ่ืน : หมากแหนง่ (สระบรุ ี) หมากเนงิ (อีสาน) มะอี้ หมากอ้ี มะหมากอ้ี (เชียงใหม่) หนอ่ เนง (ชัยภูมิ) ลกั ษณะ : เรว่ เป็นพืชล้มลกุ มีเหง้าหรือลำต้นอยูใ่ นดนิ จดั เปน็ พชื สกลุ เดยี วกบั กระวาน ข่า ขิง ใบมลี ักษณะ ยาวเรยี ว ปลายใบแหลมและห้อยโคง้ ลง ก้านใบมีขนาดสัน้ ออกดอกเปน็ ช่อจากยอดทแ่ี ทงข้ึนมา จากเหง้า ดอกมีสขี าวก้านชอ่ ดอกสั้น ผลมขี นสีแดงปกคลุม เมล็ดมสี นี ำ้ ตาล เร่วมหี ลายชนิด เชน่ เรว่ หอม เร่วช้าง เรว่ กอ ซ่ึงเร่วเหล่านี้มีลักษณะตน้ แตกต่างกันไป ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : น้ำมนั หอมระเหยในเมล็ดเรว่ มฤี ทธิ์เป็นยาขับลม ชว่ ยแก้อาการท้องอดื ทอ้ งเฟอ้ แน่น จกุ เสยี ด โดย ใชเ้ มลด็ ประมาณ 3 กรัม บดใหเ้ ป็นผงรับประทานวันละ 3 ครั้ง และช่วยขับเสมหะ แกค้ ลืน่ เหยี น อาเจยี นได้ดอี กี ดว้ ย
ดปี ลี ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Piper chaba Hunt วงศ์ : Piperaceae ช่อื สามญั : Long Pepper ลกั ษณะ : ไมเ้ ถารากฝอยออกบรเิ วณขอ้ เพ่ือใช้ยึดเกาะ ใบ เดีย่ วรูปไข่แกมขอบขนาน กวา้ ง 3- 5 ซม. ยาว 7-10 ซม. สีเขียวเขม้ เปน็ มนั ดอก ช่อ ออกทซี่ อกใบ ดอกยอ่ ยอัดกันแนน่ แยกเพศ ผล เปน็ ผลสด มสี ีเขยี ว เม่ือสุกจะเปล่ยี นเปน็ สแี ดง รสเผ็ดรอ้ น ประโยชน์ทางสมุนไพร : ตำรายาไทยใช้ผลแก่จัดแตย่ งั ไม่สกุ ตากแหง้ เป็นยาขบั ลม บำรุงธาตุ แก้ ทอ้ งเสีย ขบั รกหลงั คลอด โดยใชผ้ ล 1 กำมือ (ประมาณ 10-15 ผล) ตม้ เอานำ้ ดืม่ นอกจากนี้ใช้ เปน็ ยาแกไ้ อ โดยเอาผลแหง้ คร่ึงผลฝนกับมะนาวแทรกเกลอื ใชก้ วาดคอหรือจิบบอ่ ยๆ ฤทธิ์ขบั ลม และแกไ้ อ เกิดจากนำ้ มันหอมระเหยและสาร piperine พบว่าสารสกัดเมทานอลมีผลยับยั้งการบีบ ตวั ของลำไสเ้ ล็กและสารสกดั ปโิ ตรเลียมอเี ธอร์ ทำให้สัตวท์ ดลองแทง้ จึงควรระวงั การใช้ในสตรีมี ครรภ์
น้อยหนา่ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Annona squamosa L. วงศ์ : Annonaceae ชื่อสามัญ : Sugar Apple ชื่ออ่ืน : น้อยแน่ นะนอแน่ หมกั เขยี บ ลกั ษณะ : ไมย้ ืนต้น สูง 3-5 เมตร ใบเดีย่ ว เรยี งสลับ รูปใบหอกหรือรูปใบหอกแกมขอบขนาน กวา้ ง 3-6 ซม. ยาว 7-13 ซม. ดอกเด่ียว ออกท่ซี อกใบ ห้อยลง กลีบดอกสีเหลืองแกมเขยี ว 6 กลีบ เรียง 2 ชัน้ ๆ ละ 3 กลีบ หนาอวบนำ้ มเี กสรตัวผ้แู ละรังไข่จำนวนมาก ผลเป็นผลกลุ่ม ค่อนข้าง กลม ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ใบสดและเมล็ดฆา่ เหา โดยใช้เมลด็ ประมาณ 10 เมลด็ หรอื ใบสดประมาณ 1 กำมือ (15 กรัม) ตำให้ละเอียด ผสมกับนำ้ มนั มะพร้าวพอแฉะ ขยใ้ี หท้ ่วั ศีรษะ ใชผ้ า้ คลมุ โพกไวป้ ระมาณ 10 นาทีถึงคร่ึงชั่วโมง ใช้หวสี างเหาออก สระผมให้สะอาด (ระวงั อยา่ ให้เข้าตา เพราะจะทำให้ตาอักเสบและแสบได)้ มรี ายงานยืนยนั ว่านำ้ ยาท่ีคั้นจากเมล็ดบดกบั น้ำมนั มะพรา้ วในอตั ราส่วน 1:2 สามารถฆา่ เหาไดด้ ที ีส่ ุด คอื ฆา่ ไดถ้ งึ 98% ใน 2 ชว่ั โมง ใชร้ ักษา หดิ กลากและเกลื้อนด้วย
ย่านาง ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Tiliacora triandra Diels วงศ์ : Menisspermaceae ลักษณะ : ไมเ้ ถา ใบเดีย่ ว เรยี งสลับ รูปไข่แกมใบหอก กว้าง 2-4 ซม. ยาว 5-12 ซม. ดอกช่อ ออก ตามเถาและที่ซอกใบ แยกเพศอยคู่ นละตน้ ไม่มกี ลีบดอก ผลเป็นผลกลุม่ ผลย่อย รูปวงรีประโยชน์ ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้รากตม้ กับน้ำ ดมื่ เปน็ ยาแกไ้ ขท้ ุกชนดิ การทดลองพบว่าสารสกัดรากมีฤทธต์ิ า้ นเช้อื มาลาเรยี ชนิดฟลั ซิพารัมในหลอดทดลอง
ปลาไหลเผือก ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Eurycoma longifolia Jack วงศ์ : Simaroubaceae ชอ่ื อื่น : กรุงบาดาล คะนาง ชะนาง ตรึงบาดาล ตงุ สอ แฮพันชั้น เพียก หยิกบ่อถอง หยิกไม่ถึง เอยี นดอน ไหลเผอื กลกั ษณะ : ไม้ยนื คน้ สูง 4-6 เมตร ลำต้นตรง ไม่ค่อยแตกกงิ่ กา้ น ใบประกอบ แบบขนนก เรยี งสลับ ออกเป็นกระจกุ บรเิ วณปลายกิ่ง ใบยอ่ ยรปู ไข่แกมวงรี กว้าง 2-3 ซม. ยาว 5-7 ซม. สีเขยี วเข้ม ยอดและใบออ่ นมขี นสนี ้ำตาลแดง ดอกช่อ ออกทซี่ อกใบ ดอกย่อยขนาด เล็ก กลบี ดอกสีมว่ งแดง ผลเป็นผลสด รปู ยาวรีประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชร้ ากเป็นยา แก้ไขท้ ุกชนดิ รวมท้งั ไข้จบั สั่น พบวา่ สารท่อี อกฤทธ์เิ ป็นสารท่ีมรี สขมได้แก่ eurycomalactone eurycomanol และ eurycomanone สารทัง้ สามมฤี ทธ์ิยับย้งั การเจริญเตบิ โตของเชือ้ มาเลเรีย ชนดิ ฟัลซิพารัมในหลอดทดลองได้ จดั เปน็ สมนุ ไพรท่ีมศี กั ยภาพ ควรศึกษาวิจัยตอ่ ไป
บอระเพ็ด ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Tinospora crispa ( L.) Miers ex Hook.f. & Thoms วงศ์ : Menisspermaceae ช่อื อืน่ : เครือเขาฮอ จงุ่ จงิ เจตมูลหนาม เจตมูลยาน เถาหวั ด้วน หางหนู ลกั ษณะ : ไม้เถาเลอ้ื ยพัน มีลกั ษณะคล้ายชงิ ชา้ มาก ตา่ งกนั ทเ่ี ถามขี นาดใหญ่กวา่ มีป่มุ ปมมากกว่า มรี สขมกว่าและไม่มปี ุ่มใกล้ฐานใบ ประโยชนท์ างสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้เถาเป็นยาแก้ไข้ ขับเหง่อื แก้กระหายน้ำ แกร้ ้อนใน โดยนำ เถาสดขนาดยาว 2 คืบคร่ึง (30-40 กรมั ) ต้มคัน้ เอาน้ำดืม่ หรอื ต้มเคยี่ วกับน้ำ 3 สว่ นจน เหลือ 1 สว่ น ดื่มก่อนอาหารวันละ 2 ครัง้ เช้าเย็น หรือเมือ่ มไี ข้ นอกจากน้ีใช้เป็นยาขมเจรญิ อาหาร ด้วย ปัจจุบนั องค์การเภสัชกรรมผลิตทิงเจอร์บอระเพ็ด เพ่ือใชแ้ ทน Tincture Gentian ซงึ่ เป็น สว่ นผสมของยาธาตทุ ี่ตอ้ งนำเข้าจากตา่ งประเทศ การทดลองในสัตว์พบวา่ น้ำสกดั เถาสามารถลด ไข้ได้
มังคุด ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Garcinia mangostana L. วงศ์ : Guttiferae ช่ือสามัญ : Mangosteen ลักษณะ : ไม้ยืนตน้ สูง 10-12 เมตร ทุกสว่ นมียางสเี หลอื ง ใบเดยี่ ว เรียงตรงข้าม รปู ไข่หรือรูปวงรี แกมขอบขนาน กว้าง 6-11 ซม. ยาว 15-25 ซม. เน้ือใบหนาและค่อนข้างเหนียวคล้ายหนงั หลงั ใบสเี ขยี วเขม้ เป็นมนั ท้องใบสีอ่อนกวา่ ดอกเดย่ี วหรือเปน็ คู่ออกทีซ่ อกใบใกลป้ ลายกิ่ง สมบูรณ์เพศ หรือแยกเพศ กลีบเลีย้ งสีเขียวอมเหลอื ง กลบี ดอกสีแดง ฉ่ำน้ำ ผลเป็นผลสด คอ่ นขา้ งกลม ประโยชนท์ างสมุนไพร : ตำรายาไทยใชเ้ ปลือกผลแห้งซึง่ มสี ารแทนนินเป็นยาฝาดสมาน แก้โรค ทอ้ งร่วง ท้องเสยี เร้ือรังและโรคเกย่ี วกับลำไส้ พบสาร xanthone ในเปลือกผลมีฤทธิ์ฆา่ เชื้อ แบคทเี รยี ซึ่งทำใหเ้ กดิ หนอง โดยสามารถฆ่าได้ทง้ั สายพันธ์ุปกติและสายพันธ์ทุ ด่ี ้อื ต่อยาเพนนิซิลนิ มฤี ทธิ์ต้านเช้อื ราทเ่ี ปน็ สาเหตขุ องโรคผิวหนังหลายชนดิ และลดอาการอกั เสบดว้ ย จึงมกี ารพฒั นา ยาในรูปครีมผสมสารบริสุทธิ์ท่แี ยกไดจ้ ากเปลือกผล เพอ่ื ใชร้ กั ษาแผลทเ่ี ปน็ หนองและสวิ ซ่งึ เกดิ จากการติดเช้ือ ตลอดจนใช้ชว่ ยลดร่องรอยด่างดำบนใบหน้าดว้ ย
กระวาน ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Amomum krervanh Pierre วงศ์ : Zingiberaceae ช่อื สามัญ : Siam Cardamom, Camphor Seed ช่อื อืน่ : กระวานดำ กระวานแดง กระวานขาว (ภาคกลาง, ภาคตะวันออก) กระวานจันทร์ กระวานโพธิสตั ว์ ลักษณะ : ไม้ลม้ ลุกสูง 1-3 เมตร ขึน้ ในป่าชื้น บรเิ วณไหลเ่ ขาสงู มีเหง้าใตด้ ิน ใบเดยี่ ว เรียงสลับ รูปขอบขนาน กว้าง 8-15 ซม. ยาว 40-50 ซม. ไมม่ ีก้านใบ ดอกชอ่ แทงจากเหง้า กลบี ดอกสขี าว เปน็ หลอดและพองเปน็ กระเปาะ ออกดอกเม่ือตน้ อายุ 2-3 ปี ผลกลมเกลีย้ ง ขนาด 6-15 มม. เมื่อ แกเ่ ปลอื กผลจะแห้งและแข็ง เมล็ดขนาดเล็ก 12-18 เมลด็ รวมกล่มุ เปน็ 3 กลุ่ม โดยมเี ย่อื บาง ๆ กน้ั มกี ลิ่นหอมและรสเผด็ ประโยชน์ทางสมนุ ไพร : ตำรายาไทยใช้ผลเป็นยาขับลม รักษาโรค ทอ้ งอืดเฟ้อแน่นจุกเสยี ด โดยใช้ขนาด 1-2 กรัม ชงน้ำดืม่ และใช้เป็นเคร่ืองเทศแตง่ กล่ินอาหาร
Search